'กรมศาสนา'เข้มมาตรการปฏิบัติศาสนกิจประสานผู้นำทุกศาสนาปฏิบัติตามแนวทางศบค.

วันที่ 26 เมษายน 2564 นายเกรียงศักดิ์ บุญประสิทธิ์ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ที่มีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จึงได้ประสานงานกับผู้นำองค์กรเครือข่าย 5 ศาสนา ได้แก่ พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์-ฮินดู และซิกข์ จัดมาตรการป้องกันโรคและดูแลการปฏิบัติศาสนกิจของแต่ละศาสนาตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มาตรการของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และแต่ละจังหวัด งดเว้นการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัว

โดยเวลานี้ทางศาสนาอิสลาม อยู่ในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งทางสำนักจุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดดูแลมิสยิดต่างๆ ปฏิบัติตาม มาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ด้วยการแนะนำให้ปฏิบัติศาสนกิจภายในบ้าน อาทิ หลีกเลี่ยงการสลามด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกัน กรณีมีความจำเป็นต้องปฏิบัติศาสนกิจในมัสยิด ให้เปิดหน้าต่างและผ้าม่านเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

สำหรับการจัดกิจกรรมศาสนาของกรมการศาสนา ซึ่งต้องดูแลการประกอบศาสนพิธีเกี่ยวกับสำนักพระราชวัง และคณะสงฆ์นั้น ทางเจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องมีใบตรวจคัดกรองทุกครั้ง ก่อนปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยจะงดจัดกิจกรรมและพิธีทางศาสนาที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากไปก่อน ขณะเดียวกันยังให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่บ้านกว่า 80% พร้อมติดตามงานผ่านทางออนไลน์ แต่ยังคงมีเจ้าหน้าที่ประสานงานกับองค์กรศาสนา หน่วยงานและประชาชน เช่น กรณีการจัดงานบุญต่างๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. และจังหวัดเป็นหลัก หากเป็นงานบุญเลี้ยงพระภายในครอบครัว ให้แจ้งกับ อสม.หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้รับทราบ ยกเว้นกรณีการขอพระราชทานเพลิงศพจะต้องมีการกำหนดระยะห่างของผู้เข้าร่วมงานให้แจ้งกับสาธารณสุขจังหวัด

ส่วนในกรณีการฌาปนกิจศพหรือการประกอบพิธีทางศาสนาของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในส่วนของศาสนาพุทธ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้นำมติที่ออกโดยมหาเถรสมาคม (มส.) แจ้งไปยังวัดต่างๆ ไม่ปฏิเสธการประกอบพิธี เนื่องจากทาง รพ.มีการจัดมาตรการและระบบการป้องกันโรคอย่างดี สามารถจัดพิธีการฌาปนกิจ โดยไม่ต้องมีพิธีสงฆ์ใดๆ เช่นเดียวกับ ศาสนาคริสต์ อิสลาม พรหมณ์-ฮินดู และซิกข์ ที่ได้ประสานงานกับผู้นำทางศาสนาในการจัดพิธี ซึ่งจะมีสาธารณสุขพื้นที่ดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด

Credit: ขอขอบคุณที่มาจาก หนังสือพิมพ์สยามรัฐออนไลน์ https://siamrath.co.th/n/238930