กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด108) หน้า139
    :eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::oops::oops::oops:

    เรื่อง จิตสุดท้ายก่อนจิตที่จะทิ้งกายไป

    โพสต์โดยบุรุษไร้เงา(อจ.นพ)


    คนเราเวลาจะตาย
    อยู่ที่จิตสุดท้าย และทั่วไปก่อนจะไม่หายใจ
    ร่างกายมันจะไม่ค่อยดี
    จิตมันจะพร้อมทิ้งกายทันที
    ถ้าธาตุที่รวมเป็นกาย
    มันจะกลับคืนสู่ต้นกำเนิดมัน
    (เรารู้ในนามร่างกายพัง)
    ปกติมันจะสร้างเป็นภาพอุคหนิมิตขึ้นมาให้เห็น เราจึงได้พบว่า คนป่วยมักจะเพ้อ
    คนที่เกิดอุบัติเหตุหนักจึงเห็นร่างตัวเอง
    เพราะจิตเข้าใจว่า กายนี้พังแน่ๆไว้ก่อน

    ก็ต้องดูว่า ภาพอะไรจะขึ้นมา
    ถ้ากำลังบาปมาก ก็ซวยไป
    จะเห็นวิบากที่ตนทำในอดีตขึ้นมาหมด
    ถ้ากำลังบุญมากก็ดีไป อาจเห็น
    สิ่งดีๆได้

    จึงมีอุบายสวดมนต์ให้ฟัง
    ทำบุญให้ เพื่อเป็นอุบายในการ
    คลอบคลุมจิต เพื่อเอากำลังตรงนี้มาหนุน
    กำลังสุดท้ายของจิต

    เค้าถึงให้ซ้อมตายในชีวิตประจำวันให้ชิน
    พวกเข้าสมาธิได้ ก็ต้องซ้อมเข้าจนเป็นอัตโนมัติ
    หรือส่วนมากก็ให้อาราธนาศีล ๕ก่อนสำหรับคนทั่วไป

    เค้าว่าๆอาจจะจริง
    แต่ถ้า สมมุติพึ่งฆ่าคนตายมา
    และกำลังถูกตำรวจวิสามัญ
    แต่มาฟังบทอลังการ
    มาอ่านตำราต่างๆ
    หรือ ไม่เคยสร้างสมอะไรเลย
    แล้วมาอ่าน มาฟัง
    มันจิเป็นดังเค้าว่า ได้ บ่

    จิตสุดท้าย ในขณะที่ร่างกายมันใกล้จะพัง
    จึงสำคัญ ดังนั้น ความเป็นอัตโนมัติ ณ
    สภาวะแบบนี้ จึงต้องสร้างสมเอาเอง


    พระธรรมคือคำสอน เขียนเป็นตำราได้
    ดังนั้นจึงสมารถต่อเติม ดัดแปลงได้
    ธรรมะเป็นสภาวะธรรม ร้อนคือรู้สึกร้อน
    แม้เรียกต่าง เขียนต่าง แต่ความรู้สึกร้อน
    จะเหมือนกัน ไม่ว่า เกิดที่ใด ศาสนาใด

    พระพุทธฯ บรรลุธรรม จากตำรา
    หรือธรรมะ ให้คิดเอา
    และความรู้สึกร้อน ก็ไม่ใช่สินค้าเช่นกัน
    จึงไม่สามารถจะเสนอการขายได้นั่นแล

    ประมานนี้พอขำๆ
    :eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::rolleyes::rolleyes:

    บุรุษไร้เงา 10 ธันวาคม 2018
     
  2. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด 109) หน้า140
    :eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::oops::oops:

    เรื่อง ไขข้อข้องใจเมื่อฝันเห็นผีมายืนอยู่ใกล้ตัว

    nopphakan, post:

    มาด้านขวาถือว่ามาดีหมดนั่นแระ

    ถ้ายืนตรงหัวไหล่ แต่เหมือนมองดูโน้นนี่นั้น
    คือ ท่านที่ดูแลเราตอนนั้น
    ถ้ายืนตรงเอว จะเป็นพวก กุมารเทพ
    พวกที่เป็นกึ่งเทพกึ่งสัตว์
    เช่น เสือ สิงโต ที่เป็นเครืองราง อย่าตกใจหละ
    ส่วนตัวมี พกติดกระเป๋าสะพายอยู่
    ถ้ายืนปลายเท้า ก็จะเป็นภูมิระดับความสูงบนโลกเรานี่หละ
    ยกเว้นพวกภูมิที่สูงกว่าโลกแวะ จะอยู่ตรงปลายเท้า
    มีประกายระยิบระยับ ให้เห็นความแตกต่าง (หมายถึง ญ )

    แต่ถ้าเป็นท่านมีฤทธิ์มีชื่อ
    รับรองอลังการงานสร้างเวลาปรากฏตัว

    ถ้ามาด้านซ้าย ให้เตรียมอุทิศส่วนกุศลทำบุญ ทำตัวให้ดี
    เจ้ากรรมนายเวร มาซ้าย แต่เยื้องๆไปไกลหน่อย
    ส่วนถ้าพวกอยู่นานอยากให้เราทำบุญให้
    ก็จะอยู่เหนือเอวขึ้นมาไม่เกินไหล่
    พวกนี้ผิวดำด้าน หรือไม่ก็ออกดำเขียว

    เอาหน้ามา จ่อๆห่างไม่เกินคืบ เป็นพวกภูติ
    แค่มาทดสอบ ส่วนใหญ่แปลงร่างได้
    และพวกนี้ลอยได้ ขาไม่ติดพื้น
    แต่ถ้านิ่งๆ อุทิศแล้วไม่ไปไหน
    แบบนี้ให้เราระวัง เป็นพวกอสูรกาย
    แต่จะมาหาเฉพาะพวกนักปฏิบัติ
    บางกลุ่มที่ฝึกวิชาพิเศษเท่านั้น
    นั่งสมาธิ มีสัมผัสภายในทั่วไป จะไม่ไปให้เสียเวลา

    ถ้ามาตรงๆ มุมประมาณหน้าผาก เป็นญาติเราเอง
    ในทำนองเดียวกัน แสงสว่างๆมาด้านซ้ายหน้าผาก
    ก็อดีดญาติเรามาดูแลนั่นหละ

    เทพมีฤทธิ์ก็มักจะมาด้านขวา
    อยู่ลงไปเยื้องๆ ทางปลายเท้าไปหน่อย
    ส่วนครูบาร์อาจารย์ มาทางอากาศ
    มีหลายๆกรณี โผล่ๆตรงๆเลยก็มี

    ส่วนถามว่า ผีสาวชาติไหน เฮี้ยนกว่ากัน
    ตอบไม่ได้ เพราะว่าความหึงหวง
    เป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนตาย
    คือหึงผู้ชาย หรือคนรัก
    เรียกว่าเสียทองเท่าตัว แต่จะไม่ยอม เสียคนรักให้ใคร
    และความเฮี้ยน ก็เป็นนิสัยในลักษณะที่หวงสิ่งของที่ตนได้ครอบครองเช่น แหวน สมบัติต่างๆ
    อาจจะรวมทั้งเด็กๆ เป็นต้น
    คือ ถ้าไปเอาของเค้ามา
    เค้าถึงจะเฮี้ยน แต่อยู่ดีๆ จะมาปรากฏในส้วมแบบหนังไทย
    ในขณะที่กำลังคะระรี่ คงไม่มี ๕๕๕

    การที่มีวิญญานมาให้เราเห็น
    และให้เราได้ทำบุญ ถือว่าดีมากแล้ว
    ดีกว่าไม่เคยเห็นเลย...
    ...แล้วทำบุญไปเรื่อยๆแบบเชื่อว่าได้ผล
    ๔ วันมา ๓ คืนถือว่า เป็นการเริ่มต้นที่ดี
    และควรเป็นเช่นนั้น
    :eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::rolleyes::rolleyes::rolleyes:

    (บุรุษไร้เงา) 11 ธันวาคม 2018

    (หมายเหตุ2568 ปีนี้)
    วันเสาร์ที่6 วันสารทจีน
    วันจันทร์ที่22 วันสารทไทย
    ใกล้ถึงวันสารทอาจเห็นหรือฝันเห็นบรรพบรุษแวะมาที่บ้าน
    "เมื่อวานซึนผมฝันเห็นแม่สวมใส่ชุดจีน
    ยืนมองอยู่ด้านข้างขวามือใกล้ๆเตียง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2025
  3. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด110) หน้า140
    :(:(:(:(:(:oops::oops::oops::oops::oops::oops:o_O

    เรื่อง ตำแหน่งจัดวางพระพุทธรูป-พระธาตุ
    และเรื่องลำดับบทสวดมนต์ก่อน-หลัง

    nopphakan, post:ตอบ

    ปกติส่วนตัววางพระธาตุข้างพระพุทธรูปองค์ที่อยู่บนสุด
    ส่วนเรื่องการสวดมนต์ก็ไม่ได้ฟิกอะไรเลย....
    เพราะบทสวดมนต์เป็นภาษาที่เชื่อมโยงจิต
    ให้เข้าถึงต้นกะแส ทั่วไปเรียกว่า ทำให้จิตสงบ
    แต่ในขณะที่จิตสงบนั้นหละ มันจะสร้างแรงที่
    ไปเชื่อมกับต้นกระแสนั้นๆ
    หรือแม้กระทั่งว่าเรื่องสมาธิก็ไม่ฟิกอะไร
    เพราะสมาธิที่แท้จริง มันไม่ได้มาจากความชำนาญ
    ในการเข้า มาจากกำลังหรือการใช้วิธีการใดๆ
    ที่ทำให้เข้าไปถึง สมาธิที่แท้จริง มันมาจากการ
    ที่จิตปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นต่างๆได้นั่นเอง

    ดังนั้นเราจะสวดบทอะไรก็ได้...
    อย่าให้ความลังเลสงสัยเข้ามาครอบงำจิตใจเราได้
    อย่างที่คาดไม่ถึง


    เราเชื่อว่า สิ่งที่เราทำดี ก็เหมือนการสร้างให้จิต
    เป็นต้นกำเนิดสร้างสื่อนำแรงที่ดีนั่นหละครับ...
    ธรรมะแท้มักจะไม่มีรูปแบบอะไรที่ตายตัวหรอกครับ
    เพราะมันเป็นสภาวะธรรมในอริยสัจ
    ที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้
    ไม่เหมือนตำราต่างๆ แต่ก็จำเป็นในเบื้องต้น
    เพื่อให้จิตเข้าถึงสภาวะธรรมแท้ได้นั่นเอง
    ดังนั้น อย่าให้ความลังเลสงสัย...
    ...มันมาสร้างตัวปิดกั้นตรงนี้ให้เกิดกับจิตก็พอ
    ;);););););):rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes:o_O

    (11 ธันวาคม 2018)
     
  4. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด111) หน้า 141
    :(:(:(:(:(:cool::cool::cool::oops::oops::oops::oops:o_O

    เรื่อง มะเร็งเต้านมกับคนที่มีลักษณะหลังห่อหลังค่อม

    เช้าวันนี้จะนำสิ่งดีๆนี้มาแชร์ต่อๆกันไป
    อาจช่วยลดมะเร็งทรวงอกสำหรับสตรีเพศได้บ้าง
    ทั้งนี้ย่อมขึ้นกับองค์ประกอบอื่นของแต่ละบุคคลด้วย

    อย่างน้อยที่สุด...หลังตรงไม่ห่อไม่ค่อม
    บุคลิกภาพย่อมดูดีกว่าเยอะ

    [​IMG]


    *ขอขอบพระคุณผู้เขียนท่านนี้*
    ที่ปิดทองหลังพระ
    ด้วยไม่ประสงค์จะเปิดเผยนาม

    ...ขอให้บุญรักษา
    (9@Phonlee, 14 ธันวาคม 2018)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2025
  5. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด112) หน้า142
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::oops::oops::oops::oops::cool:

    เรื่อง "สีวรกายพญานาค" บ่งบอกถึงสิ่งใด?

    ก่อนจะบูชา..ต้องรู้!! "สีวรกายพญานาค" บอกถึงสิ่งใด??
    สายขาว-สายดำ อยากเจริญรุ่งเรือง-มีเงินทอง
    ต้องบูชาองค์ใด?
    เช็คด่วนๆ!!


    เรียกเป็น "ปีแห่งพญานาค" โดยแท้จริงๆ หลังบรรดาผู้ศรัทธายังคงหลั่งไหลไปกราบสักการะบูชา "องค์พญานาคราช" ตามสถานที่ต่างๆ ที่มีตำนานและความเชื่อ โดยเฉพาะที่วัดคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และเมื่อเร็วๆนี้ยังมีการค้นพบ "เกาะเจ้าแม่นาคี" หลานสาวองค์เดียวของ "เจ้าปู่ศรีสุทโธนาคราช" ที่อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เช่นเดียวกัน ก็ยิ่งสร้างความฮือฮา
    และจากที่ "หมอลักษณ์ เรขานิเทศ" โหรชื่อดังชื่อดังได้กล่าวไว้ว่า ปีพุทธศักราช 2560-2565 นั้นเป็นมหามงคลแห่งปี "พญานาคราชประทานพร" ที่เชื่อวาหากใครได้สร้างบุญสร้างกุศลสัมพันธ์กับพญานาค "พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช" นั้นจะโชคดี มีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น เป็นบุญครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต ก็ทำให้มีผู้หันมาบูชาพญานาคกันมากขึ้น แต่ก่อนที่จะบูชานั้น เคยทราบกันหรือไม่ว่า พญานาคแต่ละองค์ มีความแตกต่างกัน ดังจะเห็นได้จาก "สีวรกาย" ที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่สีสันธรรมดาทั่วๆไป แต่ยังแฝงไปด้วยความหมาย เพราะฉะนั้นหากอยากโดดเด่นด้านใด ต้องเลือกบูชาให้ถูกต้องตามคุณลักษณะด้วย ซึ่งบอกไว้ว่า

    33(25).jpg
    วรกายสีขาว เชื่อว่า ท่านคือผู้ทรงศีลทรงธรรม
    ใกล้หลุดพ้นภพภูมินาคา

    35(6).jpg
    วรกายสีเขียว เชื่อว่า ท่านคือผู้หยั่งรู้ทิพยโอสถ

    34(8).jpg
    วรกายสีดำ เชื่อว่า ท่านมีอุปนิสัย ดุดัน
    ชอบสันโดษ เรียบง่าย และมีหน้าที่ปกป้องทรัพย์สมบัติ
    ใครต้องการทรัพย์จากพญานาค
    ก็มักจะบูชาพญานาคที่มีวรกายสีดำ
    ช่วยบรรเทาความเจ็บป่วย

    37(9).jpg
    วรกายสีทอง เชื่อว่า ท่านคือผู้ที่ใกล้ชิดและคอยดูแลพระอริยสงฆ์
    และเหล่าเทวดา ชอบฟังธรรมสวดมนตรา

    36(8).jpg
    วรกายสีแดง เชื่อว่า ท่านคือผู้ทรงฤทธิ์ มีพิษร้ายแรง


    (ขอบคุณข้อมูลจาก nakanews
    เรียบเรียง และ เขียนข่าวโดย
    วริศรา นรินทร : ทีมงาน ที่สุดดอทคอม)
     
  6. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +1,225
    ผมเคยไปวัดถ้ำปาฏิหารย์ ที่จ.อุบล กลับมาฝันเห็นพระถือลูกแก้วแล้วก็ยื่นมาบอกว่ามีความเกี่ยวข้องกับพญานาคตระกูลสีเขียว แล้วเห็นพญานาคแต่เป็นเหมือนตุ๊กตาในพานทองเหลืองสีเขียวอ่อนทองๆเหมือนในภาพเลย แล้วมีเสียงบอกว่าให้หาเรามาบูชาจะให้โชค ตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอแต่ยังจำได้
     
  7. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด112) หน้า143
    :(:(:(:(:(:(:cool::cool::cool::oops::oops::oops::oops::oops:

    เรื่อง แตกประเด็นจากปักหมุด111)เรื่องพญานาคหลากสี

    โพสต์โดยบุรุษไร้เงา(อจ.นพ)

    ว่าด้วยเรื่อง พยานาค สีทองล้วนๆก่อน
    ปกติพบเห็นได้ยากมากนะครับ.....
    เพราะไม่ค่อยปรากฏกายให้เห็นเท่าไร..
    .
    ส่วนมากถ้าได้พบเจอก็จะเป็นสีทองปนขาว ยังพอเห็นได้
    และส่วนใหญ่แล้วถ้าถึงระดับสีทองมักจะมี ๙ เศียร
    เอาเป็นว่า เห็นมังกรทอง
    ยังจะมีโอกาสเห็นมากกว่าพยานาคสีทองล้วนๆ
    ส่วนสีดำจะเป็นพยานาคทหาร มีหน้าคอยเฝ้าและดูแล
    หน้าตาถ้าเป็นคน จะออกเข้มๆเหมือนคนยิ้มยาก....

    สีขาว ถ้าเป็นคนก็จะแต่งกายคล้ายๆคนไปปฏิบัติธรรมที่วัด
    แต่ว่า ชุดจะออกหลวมๆหน่อย ที่สำคัญ ไม่หวีผม
    หน้าไม่ทาแป้ง..คือ ถ้าเดินสวนกันในวัด
    แทบจะไม่รู้เลยแล้วกันว่าเป็นพยานาค
    ลูกในตาสีอะไรจำไม่ได้ แต่ตอนเป็นคน
    ก็จะลูกในตาสีเหมือนเราๆนี่หละ หน้าตาออกกลมดูน่ารัก
    (หมายถึงที่ ใส่ชุดขาวหลวมๆนะ)
    อย่าได้เจอตอนเปลี่ยนร่างแล้วกัน รับรองมีหนาว...


    สีเขียว รักษา และป้องกัน คนได้อยู่แล้ว มักจะมา
    ในรูปแบบที่ให้อะไรบ้างอย่างมาแก่คนนั้น
    และก็ชอบ ทำทุบำรุงพุทธศาสนา
    สีนี้ใจดีชอบช่วยคน.....

    คือ แบบที่มีหลายๆเศียรบนศรีษะ ก็มีส่วนหนึ่ง

    สีแดงต้องแล้วแต่ คอนเนกติ้งส่วนบุคคลครับ
    ว่าจะได้เจอหรือเปล่า......
    คือ ถ้าเป็นคน ก็จะหน้าคมเหมือน พยานาคทหารหรือพยานาค
    ทั่วไปที่ปรากฏ ณ ช่วงนี้
    แต่ดูบุคคลิกคือ คนหน้าไม่ยิ้ม และหน้าไม่บึ้ง
    เหมือนคนหน้านิ่งๆ ไม่ค่อยชอบพูด

    ส่วนการขึ้นไปอยู่บน เหนือศรีษะบุคคลเป็นเอกลักษณ์
    ของท่านที่มีฤทธิ ไม่ได้จำกัดในเรื่องสีอะไร...


    (บุรุษไร้เงา, 17 ธันวาคม 2018)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2025
  8. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด 113) หน้า145
    :(:cool::(:cool::oops::oops::oops::oops::oops::oops::oops::oops:

    เรื่อง มารในพุทธศาสนามีกี่ชนิด)


    "nopphakan, post: (อจ.นพ)

    กี่ชนิดในทางพุทธศาสนาพิมพ์อากู๋
    จะทราบคำตอบได้เอง มีรายละเอียดแสดง
    ... แต่ที่ต้องระวังหลักๆ มี ๒ อย่าง
    ซึ่งรู้แค่นี้ก็ครอบคลุมตามตำราได้

    อย่างแรก(ปฎิบัติ ปน ตำรา)
    ที่ตำราเรียกว่า. ๑.เทวปบุตรมาร
    เป็นระดับเทวดาชั้นที่ ๕
    ที่มาขวางการสร้างความดี

    เพราะเค้าติดเรื่องบารมีตรงที่ได้ขวางคนที่ทำดี
    (คือถ้าคนนั้นผ่าน จะทำดีเค้าจะได้อานิสงส์ด้วย)
    ส่วนนี้เป็นเหตุ
    ที่ทำให้เป็นเทวปบุตรมารนั้นเอง

    และ ๒. กระแสแหย่หรือกระแสจร
    หรือ เรียกว่าวิบากก็ได้

    ซึ่งเป็นกระแสที่จิต เคยมีการวกวน
    ร่วมกันมาตั้งแต่อดีต หรือปัจจุบัน
    ที่จะมาดี มาขวาง มายุ มาแหย่ มาส่งเสริม
    มาหนุน มาหลอก มาไม่ดี.
    ซึ่งก็รวมข้อที่ ๑ ไว้ด้วย.

    ถ้าทางปฎิบัติ. เราจะเรียกว่า
    กระแสจร หรือวิบาก เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

    ส่วนเหตุมาจากอดีต ปัจจุบันก็แล้วแต่
    ส่วนมากจะเฉยๆ ไม่สน
    ทิ้งไป อโหสิไป ทำบุญให้ไป
    หรือยอมรับไป แล้วแต่กรณี
    :rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes:o_Oo_O

    (อจ.นพ 21 ธันวาคม 2018)


     
  9. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด114) หน้า145
    :(:(:(:(:(:(:(:oops::oops::oops:o_O

    เรื่อง คำถามจาก คุณHightMAX
    ขอถามพี่นพว่า อาการหูด้านขวาวิ้ง
    เหมือนเสียงไมโครโพนหอน
    เวลาสวดมนต์ไหว้พระ
    แบบนี้มันคือปราฏการณ์อะไรครับ


    บุรษไร้เงา(อจ.นพ) โพสต์ตอบ
    ถ้าเป็นผลของสมาธิ
    เสียงจะเป็นเส้นตรง สัมผัสได้ว่าเป็นแท่งๆ
    เข้าตรงกลางรูหูด้านขวาเรา
    พวกนี้เป็นกิริยาระหว่างไม่ควรสนใจ
    จะมาพร้อมพวกกิริยาได้ยินเสียงเคาะ
    ไกลๆแต่เหมือนอยู่ใกล้
    หรือแม่แต่เสียงใบไม้เคลื่อนไหว
    พวกนี้ให้เฉยๆไปเลยนะ
    แต่พี่ว่าเวลาปกติเราน่าจะมีอาการ
    หูสองข้างได้ยินไม่เท่ากันนะ
    ลองเอาช้อนเคาะข้างหูด้วย
    น้ำหนักที่เท่ากันดูข้างซ้ายน่าจะได้ยิน
    เบากว่าด้านขวานะ


    ด้านไหนชัดกว่า เวลาสวดมนต์
    อาจจะได้ยินเสียงวิ้งๆ
    หรือแบบที่เราก็เป็นได้

    ยกเว้นคนที่มีปัญหาน้ำในหูไม่เท่ากัน
    จะมีอาการหลงความสูงของพื้น
    เวลาเดิน

    ถ้าเป็นผลของสมาธิ
    เสียงจะเป็นเส้นตรง สัมผัสได้ว่าเป็นแท่งๆ
    เข้าตรงกลางรูหูด้านขวาเรา

    พวกนี้เป็นกิริยาระหว่างไม่ควรสนใจ
    จะมาพร้อมพวกกิริยาได้ยินเสียงเคาะ
    ไกลๆแต่เหมือนอยู่ใกล้
    หรือแม่แต่เสียงใบไม้เคลื่อนไหว
    พวกนี้ให้เฉยๆไปเลยนะ

    แต่พี่ว่าเวลาปกติเราน่าจะมีอาการ
    หูสองข้างได้ยินไม่เท่ากันนะ
    ลองเอาช้อนเคาะข้างหูด้วย
    น้ำหนักที่เท่ากันดูข้างซ้ายน่าจะได้ยิน
    เบากว่าด้านขวานะ

    ด้านไหนชัดกว่า เวลาสวดมนต์
    อาจจะได้ยินเสียงวิ่งๆ
    หรือแบบที่เราก็เป็นได้

    ยกเว้นคนที่มีปัญหาน้ำในหูไม่เท่ากัน
    จะมีอาการหลงความสูงของพื้น
    เวลาเดิน

    ถ้าไม่ใช่ขออภัย. ^_^
    :mad::mad::mad::mad::mad::mad::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes:

    (บุรุษไร้เงา, 18 ธันวาคม 2018)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2025
  10. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด115) หน้า146
    :(:(:(:(:(:(:oops::oops::oops::oops:o_O

    เรื่อง ทำไมกระดูกกลายเป็นพระธาตุได้

    nopphakan(อจ.นพ) post:
    กระดูกกลายเป็นพระธาตุได้
    ทางปฎิบัติก็คือ. ได้ผ่านการ
    วิปัสสนาในกำลัง
    สมาธิระดับสูงมาก่อน(คลื่นความถี่เป็นศูนย์
    หรือความถี่ของจิตเวลานั้นเป็นศูนย์)
    คนหรือนักปฎิบัติ
    ปกติทั่วไปจะกำลังอุปจารฯ
    หรือปฐมฌานเท่านั้น
    กำลังของจิต ส่งผลให้
    อนุภาคที่เป็นองค์ประกอบของสะสาร
    ที่มีสื่อนำแรงเป็นองค์ประกอบนั้น
    ต่างๆสามารถเปลี่ยนแปลงได้

    สมาธิทางพลังงาน คือการลดคลื่นความถี่ของจิต
    คลื่นยิ่งมีค่าเข้าใกล้ศูนย์ Hz
    แสดงว่า สมาธิอยู่ในระดับฌานที่สูงขึ้น
    พวกนี้มีเครื่องมือวัดได้มานานแล้ว โดยฝรั่ง...

    บุรุษไร้เงา(อจ.นพ) 25 ธันวาคม2518

     
  11. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด116) หน้า155
    :(:(:(:(:(:cool::cool::cool::cool::oops::oops::oops:o_O

    เรื่อง ภัยธรรมชาติกับหลักวิชาคาดการณ์
    อ่านแล้วซับซ้อน แต่อยากอ่านซ้ำๆเพราะเพลินดี
    โพสต์โดย บุรุษไร้นาม(อจ.นพ)

    ทั่วไปนะครับ เรื่องภัยธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดจาก
    ดิน น้ำ ลม และไฟ ต่างๆ บนโลกนี้
    ทางด้านวิชาการ จะมีแบบจำลอง
    เพื่อใช้พยากรณ์ล่วงหน้าได้เป็น
    หลักหลายสิบปีอยู่แล้วปกติครับ.......
    เช่น เรื่อง การระเบิดภูเขาไฟ แม่นระดับหลักนาที

    เรื่อง ของพายุต่างๆนั้น มีรายชื่อพายุเรียง
    ตั้งอักษร์ A-Z

    เรื่อง ไฟป่า เป็นสถิติ มีความเชื่อมั่นสูง
    พูดง่ายๆว่า มีโอกาสเกิดขึ้นได้...
    แม้แต่ในประเทศไทย เราจะพบกับคำว่า
    บริเวณนี้ ''ไหม้ทุกปี''

    เรื่องปริมาณน้ำ แบบจำลอง บอกได้ล่วงหน้าเป็นหลัก
    ไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปี
    เคยเรียนมา มีสมการที่ใช้คำนวณได้
    อยู่ใน วิชา Advance Math.
    สมัยเรียน ป.โท ครับ..
    .
    แต่ลืมแล้วหละครับ เพราะมันเป็นวิชาบังคับต้องเรียนร่วม
    กับกับทุกสาขาในแขนงเดียวกัน....สมการมันบอก
    ได้แม้กระทั่งปริมาณของน้ำฝน ที่จะตกในอนาคตครับ....

    เรื่องโอกาสในการเกิดแผ่นดินไหวในบริเวนต่างๆ
    โอกาสเกิดคลื่นยักษ์ คลื่นสึนามิ พวกนี้
    เราดูจากแผนที่ ที่เรียกว่า ไซด์ซิมิคแมพ ได้ครับ
    คลื่นวิหนึ่ง ไปได้ ๒ ถึง ๓ กิโล(วัดกันได้ครับ)
    หลักๆเกิดจากแผ่นดินแยก กับ ซ้อนทับกัน....


    สังเกตุอะไรได้ไหมว่า ภัยธรรมชาติเหล่านี้
    โลกนี้มีทฤษฏีรองรับไว้แล้ว.....จากฐานข้อมูล
    ที่มี ณ ช่วงเวลาที่ทำการทดลองและวิจัย
    แน่นอนว่า มันรวมในเรื่อง ของสภาพแวดล้อม
    ทางธรรมชาติ สภาพแวดล้อมของบริเวณ
    พื้นที่ที่สำรวจ แน่นอนว่า ในอนาคตมันย่อม
    มีการเปลี่ยนแปลงได้อยู่แล้ว....
    ดังนั้น ทฤษฎีต่างๆ แบบจำลองที่พยากรณ์ได้
    มันไม่ได้ ถูกต้องที่สุด แต่มันดีที่สุดแล้ว ณ เวลานั้นๆ...

    ดังนั้น หากใครซักคน จะมาพยากรณ์ในเรื่อง
    ภัยธรรมชาติ ภัยภิบัติ จากทฤษฏี ฐานข้อมูลต่างๆ

    ให้พูดอย่างไร ก็จะสามารถตีให้ถูกได้หมด
    เพียงแต่ มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเองครับ...

    แต่ที่แปลกกันก็คือ ชอบเอามาพูดในเรื่องของความเชื่อ
    ในเรื่องของสิ่งเหนือธรรมชาติ บ้างก็โยงมาในเรื่องของ
    ศาสนา เรื่องการเมือง เรื่องภิภพ ต่างดาว อวกาศ
    ผู้วิเศษต่างๆที่เกี่ยวข้อง ที่หนักคือ โยงเข้ามากลาย
    เป็นตนเองที่กลายเป็นผู้วิเศษ ผู้พยากรณ์ฯลฯ
    อะไรต่างๆนาๆ....มันเลยกลายเป็นฟ้องว่า
    เราเองนั่นหละ...ที่ไม่เข้าใจธรรมชาติตรงนี้
    อยู่กับธรรมชาติบนโลกใบนี้อย่างไม่เข้าใจ
    หลักการที่มันเหตุและผล ในตัวมันเองครับ.....

    ดังนั้น เรื่องทำนองนี้ จะเป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง......
    ผู้ที่มีความสามารถในการ คาดการณ์ รู้เห็นอนาคตได้
    จึงมักไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้ครับ.......
    แม้จะพูดให้ฟัง ผู้รับฟัง ก็ไม่ควรจะไปยึด
    ในสิ่งที่ได้ยิน....เพราะมันจะกลายเป็นวิตกจริต
    เด่วก็ได้ ไปซื้อที่ บนภูเขา สร้างบ้าน
    เสร็จพวก เกร๊งกำไร จากการขายที่ไป ๕๕๕
    (นึกแล้วเสียดาย น่าจะมีที่บนเขาเยอะๆ ๕๕๕)

    เพราะ อนาคตมันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
    ไม่เหมือนอดีต....พอนึกภาพออกไหม.....

    เนื่องจากสภาพแวดล้อม ทางธรรมชาติ
    มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หลักๆก็คือ
    มนุษย์นี่หละครับ...ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
    ด้วยเรา ได้นำเอาทรัพยากรทางธรรมชาติต่างๆ
    ที่มันเป็นส่วนในการสร้างสมดุลย์ทางธรรมชาติปกตินั้น
    เอามาใช้งานในด้านต่างๆ เป็นเหตุให้ระบบของธรรม
    ชาติตรงนี้ มันมีการเปลี่ยนแปลง...

    มันก็เปรียบเสมือน เป็นการทำให้สมการในแบบจำลอง
    มีค่าเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากข้อมูลมันเปลี่ยน
    ดังนั้น เมื่อสมการเปลี่ยนเพราะข้อมูล ผลที่ได้
    ของสมการก็เปลี่ยนแปลงไป อาจจะเร็วขึ้นคือ
    ภัยธรรมชาติเกิดเร็วขึ้น เช่นภูเข้าไฟระเบิดปกติ
    จะ ๕๐ ปีอาจเหลือ ๑๐ ปี หรือ ช้าลงก็ได้
    ไม่ว่าจะคลื่นยักษ์ ปริมาณน้ำ ขนาดพายุ ความรุนแรง
    จะสามารถออกมาในทางที่ให้ ค่าที่เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง
    เป็นไปได้ทั้งสองทางครับ.....


    ดังนั้นแล้ว ในทางปฏิบัติ จึงมีคำสอนขึ้นมาว่า

    '' รู้ก็ให้รู้ ให้เห็นแต่ของเราคนเดียวนี่หละ
    ไม่มีใครรู้ ใครเห็นเหมือนเรา ก็ไม่ต้องให้
    ใครเค้ารู้ด้วยหรอก..............

    แล้วค่อยมาดูว่า มันเกิดจากอะไร
    จากเหตุ ๑ จากเหตุ ๒ จากเหตุ ๓ เหตุ ๔ เป็นต้น ''
    มันก็จะทำให้เรายังอยู่ในเส้นทางได้....
    อยู่ร่วมกับธรรมชาติ ได้อย่างแยบยลต่อไป
    หรือ แค่พอฮาๆ ขำๆ ก็ว่ากันไป.........

    ปล. ถ้า รู้อดีต รู้อนาคต รู้อะไร ของบุคคล สัตว์ สิ่งของ ฯลฯ
    รู้ได้ก็ปล่อยให้มันรู้ไป แต่ไม่ต้องไปอะไรๆกับมัน
    คือรู้แล้วก็แล้วไป.....รู้แล้วก็ทิ้งไป.

    ถ้ามันไม่รู้ ก็ไม่ต้องไปอยากรู้อะไรๆกับมัน
    ให้แล้วๆไป. พูดง่าย คือ ช่างมัน....

    ให้รู้จัก แล้วๆไป ไม่อะไรๆกับมัน
    ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้อะไร แล้วก็ทิ้งมันไป

    ต่อไปมันจะรู้หรือไม่รู้ ตามธรรมชาติของมันเอง
    และมันจะละเอียดลึกขึ้นได้ของมันเองตามลำดับ
    โดยที่ เราจะไม่ไปอะไรกับมัน
    และก็จะเป็นคนปกติทั่วๆไป
    ที่ใช้ชีวิต ร่วมกับโลกได้อย่างแยบยลนั่นเอง.......

    ทุกเรื่องนั่นหละ ที่ต้องแล้วๆไปให้เป็น
    และไม่อะไรกับมัน เราก็จะเริ่มเข้าวิถี
    การรู้ตามธรรมชาติ ของเนื้อหาเดิมแท้
    ของจิตเราได้เอง ทุกคนนั้นหละครับ......
    :D:D:D:D:D:):):):):cool::cool::cool::rolleyes::rolleyes:

    บุรุษไร้เงา(อจ.นพ)15มกราคม 2019
    ที่ไม่ใช่ว่าว่าง หรือไม่ว่าง นั่นหละว่าง /
    กลจิตเป็นแค่เพียงมายาจิตชนิดหนึ่ง
    /
    กายอยู่อย่างไร จิตก็อยู่อย่างนั้น
    ไม่ใช้กายไม่ใช้จิต นั่นหละสภาวะดับ/
    สุดยอดของทุกวิชาคือว่าง
     
  12. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด 117) หน้า155
    :(:(:(:(:cool::cool::cool::cool::):):rolleyes::rolleyes:o_O

    เรื่อง ภัยธรรมชาติกับการคาดการณ์(2)

    (โพสต์โดย 9)
    ขอแซววาทีก่อนครับท่านอจ.นพ
    ครั้งหนึ่งเคยจะถามอจ.ว่า "จบโท ใช่ไหม"
    เพราะเคยได้ยินว่าไปดูงานนั่นโน่น
    บวกกับความรู้สึกในใจว่า"น่าจะจบโท"
    แต่ก็ไม่ได้ถาม เพราะส่วนตัวเกินไป
    55 เช้าวันนี้ได้คำตอบตรงที่คิดเดาไว้แล้ว


    ส่วนวิชา Advance Math.น่าทึ่งคับ
    (ตามรายละเอียดที่ท่านเขียนมา)
    แสดงว่าบุคลากรระดับสูงที่ทำหน้าที่รับผิดชอบ
    เกี่ยวกับธรณีวิทยา หรือกรมอุตุต้องมีความรู้ด้านนี้
    แต่สงสัยว่า"ช่วงที่จะเกิดซึนามิฝั่งทะเลอันดามัน"
    ทำไมไม่แจ้งล่วงหน้าสักเดือนสองเดือนหรือสักปี
    แต่ทุกครั้งจะแจ้งเตือนหลังเกิดแผ่นดินไหวแล้ว

    ถ้ามองในแง่ดี...ตามความจริงของโลกใบนี้
    คงเนื่องจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
    ทั้งจากฝีมือมนุษย์ที่เป็นต้นเหตุสำคัญ
    และการเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้ง เช่นแผ่นดินไหว
    หรือภูเขาไฟระเบิด ทำให้แกนโลกเปลี่ยนไป
    ระดับความหนาบางของเปลือกโลก-ชั้นดิน-ชั้นหิน
    ข้อมูล ค่าหรือองศาต่างๆที่เคยคำนวณไว้
    ตัวเลขมันผิดเพี้ยนไปเรื่อยๆ...ไปเรื่อยๆ
    จนยากที่จะคำนวณระยะยาวได้แม่นยำ
    หรือไม่อยากคำนวณ...???
    ...เพราะฐานข้อมูลเปลี่ยนแปลงทุกเวลา
    ด้วยเหตุที่ยุคนี้ภัยธรรมชาติรุนแรงเกิดขึ้นถี่มาก
    :(:(:(:(:(:eek::eek::eek::eek::eek::eek::eek::rolleyes::rolleyes::rolleyes:


    9@Phonlee, 16 มกราคม 2019
     
  13. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด 118) หน้า156
    :cool::cool::(:cool::cool::cool::cool::cool::oops::oops:

    เรื่อง สอดคล้องกับสถานะการณ์บ้านเมือง
    ยุคข้าวยากหมากแพงนี้พอดี๋พอดี

    โพสต์โดยบุรุษไร้เงา(อจ.นพ)

    ถือว่า ทิพยคิกขุ เดาสญาน ใช้ได้
    และเหตุส่วนมาก ที่ทำให้ แบบจำลองเปลี่ยน
    ก็มาจาก มนุษย์นี่หละครับ...
    สมัยก่อน ใครจะนึกว่า แม้นำเปล่า ยังต้องซื้อ
    สมัยก่อน ใครจะนึกว่า น้ำจะท่วมถนน
    สมัยก่อน ใครจะนึกว่า ปลา อาหารจากสัตว์ต้องซื้อ
    สมัยก่อนสร้างบ้าน ต้องมีการจ้างด้วยเงินด้วยหรือ
    คุยกับ คนยุคก่อนๆจะทราบดี....๕๕

    ด้วยเหตุของเรื่องการ บริหารจัดการ
    ที่เริ่มมาจาก แผนพัฒนาเศรษกิจและสังคม
    และระบบการทำงาน ที่สืบต่อลงมายัง
    หน่วยงานที่รับผิดชอบในลำดับต่อมานั่นหละครับ
    ถ้าทางด้านวิชาการ เค้าจะบอกว่า
    ยังมีปัญหาในเรื่อง ของการทำงานร่วมกัน
    และการติดต่อสื่อสารรวมทั้งระเบียบต่างๆ......
    พวกนี้ มาพร้อมกับคำว่า ลำเอียง หรือ ไปแอท นั่นหละครับ
    ๕๕๕๕ แอน การเมือง พวกเอ๊ง พวกข้า ๕๕๕

    นึกไม่ออก ตัวอย่างการทำงานร่วมกัน
    ยกตัวอย่างง่ายๆ ดูแค่ งานถนนนะครับ
    เด่ววางท่อระบายน้ำ ก็ขุดอีก
    วางสายโทรศัพท์ ก็ขุดอีก
    ทำถนนก็ขุดอีก ๕๕๕๕


    ตัวอย่างอีก จะวางท่อ ข้ามถนนหลวง
    ทำเรื่องขออนุญาติ กว่าจะครบกระบวณการ
    ขุดได้ ปาเข้าไป ๖ เดือน ๕๕๕
    หรือ เวลาจะจ่ายเงินเข้าหลวง
    ไม่เกิน ๕ นาที คุณจะได้ใบเสร็จ
    แต่ถ้าจะเบิก ปาไป ๒ ถึง ๓ เดือน
    แถมยังต้องลงรายละเอียดอีก ๕๕๕๕๕

    แก้ปัญหาไม่ได้แน่นอน แม้จะมีแผนระยะยาว
    ทำได้แค่ดีที่สุด และก็ยอมรับซะ
    อะไรประมาณนี้หละครับ...

    ในประเทศไทย บุคคลากร เก่งๆเยอะมากครับ
    ถามว่า แต่ละท่านเหล่านั้น ท่านทราบไหม
    ทราบหมดหละครับ แต่ทำไม่เตือนหละ....
    มันวางแผนได้ คิดได้ แต่มันทำไม่ได้ดั่งใจ
    ในทางปฏิบัตินั่นเองครับ
    ....

    คำปฏิทาน มีทุกหน่วยงานนั่นหละครับ
    แต่การปฏิบัติจริงนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งนั่นเอง
    สภาพแวดล้อมเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน...


    ถ้าไม่มีเงินทอน
    ทำอะไรมันก็ช้าหมดนั่นหละครับ
    เรื่องแบบนี้ มันอยู่ระดับ สายเลือดครับ
    นี่คือ ประเทศเรา และอีกหลายๆประเทศก็มี
    เป็น สมมุตินิสัยทางโลก ที่ทำกันมาจนเป็นปกติ

    แก้ปัญหาไม่ได้แน่นอน แม้จะมีแผนระยะยาว
    ทำได้แค่ดีที่สุด และก็ยอมรับซะ
    อะไรประมาณนี้หละครับ...
    :(:(:(:(:(:(:rolleyes::rolleyes::cool::cool:o_O

    บุรุษไร้เงา, 16 มกราคม 2019


     
  14. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,969
    ค่าพลัง:
    +4,830
    (ปักหมุด119) หน้า156
    :):):):):):D:D:D:oops::oops::oops::oops:

    เรื่อง เฮฮาทิพยคิกขุ อาจนำไปความสำเร็จ

    (โพสต์โดย 9)


    ".....ถือว่า ทิพยคิกขุ เดาสญาน ใช้ได้....."
    (อจ.นพ)


    ที่ดึงมาอ้างอิงโดดๆ ไม่มีจุดประสงค์อันใด
    จุดประสงค์เพื่อจะบอกว่า...
    "เพื่อความสนุกครื้นใจ ประมาณสายฮา
    สายฮาที่มักได้ยินท่านอจ.นพพูดถึงบ่อยๆ
    คือนิสัยส่วนตัวๆ...ไม่ว่าวิชาไหนถ้าไม่มีความสนุกใจ
    เข้ามาเป็นตัวนำ...ยากที่จะเข้าไปศึกษาให้ลึก
    ต่อให้รู้สึกว่า"พอมีพื้นฐานจากทุนเก่าเล็กน้อย"
    ...ถ้าไม่สนุกคือ"ไม่ "
    อย่างทิพย์คิดขุ เดาสญาณ เป็นวิชาที่สนุกใจ
    คือมีลุ้นว่าที่เราเดาสญาณไปนั่น "ถูกต้องกี่ %"
    เมื่อเดาถูก กำลังใจก็เกิด
    การศึกษาเพิ่มเติมก็ตามมา...ตามมา

    นิสัยคนไทยส่วนใหญ่ชอบลุ้น
    ลุ้นแล้ว...ได้หรือไม่ได้...ถูกหรือผิดไม่ว่ากัน
    ยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัว "หวย"
    (คำว่า "หวย" ผมอยากให้ประเทศกูมี
    เปลี่ยนชื่อเรียกเป็น "ห่วย"

    *แทงทีจะได้ แทงใจที*
    ยิ่งเวลาถูกกินเรียบกินรวบ...ยิ่งแทงใจ
    จะได้ลดละเลิก..ให้น้อยลงๆ
    (ส่วนตัว 9ไม่เลิกเด๋อ 55)
    หมายเหตุ...ที่นี่พูดถึงหวยก่อนหรือหลังออก
    จุดประสงค์ทุกคนเพื่อความบันเทิง สนุกใจเท่านั่นเอง
    ไม่ต้องอิงกับมัน จนลืมผัวลืมเมีย..ลืมชื่อตัวเอง
    ประเด็นนี้ 9 การันตีแทนญาติมิตรทุกคน
    รู้ใจ...ด้วยวิชาเดาสญาณนั่นเองคับ 555

    เอาละ(ต่อ)...เดี๋ยวไปไกล
    พูดถึงคิกขุเดาสญาณเมื่อเกิดความสนุก
    คือมีลุ้นทุกครั้ง...แต่ไม่ได้ใช้บ่อยเลยนะคับ
    นานๆจะลองดูสักที(ปีหนึ่ง 5-6 ครั้งมั่ง)
    เพราะไม่อยากให้ผิด...ผิดแล้วจะเสียพลังใจ

    ส่วนตัวคิดว่า"ความสนุก"คือกุศโลบาย
    สร้างความสำเร็จและความยิ่งใหญ่ได้
    เพราะการเริ่มต้นจากตรงนี่
    คือ...คิดขุเดาสญาณที่นำด้วยความสนุกใจ
    จะสามารถนำพาให้เราก้าวต่อไปในด้านอื่นๆได้
    ไม่ว่าจะสมาธิกรรมฐาน หรือด้านอื่นๆ

    ถ้าบุญมีวาสนาส่ง...สุดท้ายคือมุ่งมั่นสายธรรมที่สูงเลิศ
    คงไม่ต่างกับคนส่วนใหญ่ที่เริ่มต้นด้วยเหตุผลอื่น
    :rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes::rolleyes:o_Oo_Oo_O:(:(:(

    (9@Phonlee, 17 มกราคม 2019)
     

แชร์หน้านี้

Loading...