จำไว้ว่า เราต้องมั่นคงต่อความดี

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 พฤษภาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,369
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,921
    37AFEA8E-E719-4A01-947E-24CCE71A2D1C.jpeg

    วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ความจริงวันนี้เป็นวันเทศบาล ต้องมีการทำบุญ แต่ก็โดนยกเลิกไป

    ขอเจริญพรญาติโยมทั้งหลายที่อยู่ทางบ้าน ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัด ต่างประเทศก็ดี ตอนนี้โยมได้เห็นการรบกัน ประมาณเทวาสุรสงคราม อาตมาแพ้มา ๒ สนามติด ๆ กันแล้ว ...(หัวเราะ)... เมื่อต้นเดือนอยู่ที่บ้านเติมบุญ คุยด้วยความภูมิใจว่าอำเภอทองผาภูมิยังไม่มีคนติดโควิด-๑๙ แม้แต่คนเดียว จังหวัดอุทัยธานีทั้งจังหวัดไม่มีคนติดโควิด-๑๙ แม้แต่คนเดียว พูดไม่ทันจะจบคำ โควิดระลอก ๓ ระเบิดตูม...! ติดกระจายทุกจังหวัดเลย

    สำหรับท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคนที่รบกับมารมาตลอดอย่างอาตมา นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ จากที่เคยพูดเอาไว้หลายครั้งหลายคราวว่า มารใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการขัดขวางไม่ให้เราเข้าถึงพระนิพพาน ครั้งนี้ก็เช่นกัน โรคภัยไข้เจ็บจะต้องระบาดอยู่แล้ว เพราะเป็นวาระที่คนส่วนใหญ่สร้างกรรมเอาไว้ในอดีต แต่ว่าวาระนี้เราจะเห็นว่ามาทัน ๆ กันกับที่อาตมาประกาศเลย

    แล้วเมื่อวานอาตมาก็ประกาศที่ตรงนี้ กลางศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สายวัดท่าขนุนว่า "จะไม่ถอยให้อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีออกคำสั่ง หรือว่าผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีออกคำสั่ง อาตมาจะไม่ปิดบ้านเติมบุญและไม่ยกเลิกงานทุกอย่างของวัดท่าขนุน"

    พูดยังไม่ทันขาดคำ เมื่อเช้านี้คำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี สั่งห้ามมีการชุมนุมกันเกิน ๑๐ คน และขอร้องให้ชาวบ้านอย่าออกจากเคหสถานตั้งแต่ ๓ ทุ่มจนถึงตี ๔

    คราวนี้ถ้าจะเปิดบ้านเติมบุญ แค่เจ้าหน้าที่ทั้งบ้านก็เกิน ๑๐ คนแล้ว จึงต้องประกาศปิดบ้าน ต้องบอกว่าแพ้เป็นสนามที่ ๒ แต่การที่ญาติโยมได้ฟังคลิปนี้ในวันนี้ ก็คือการสู้ต่อ อย่าลืมว่ากิเลสเป็นเจ้าครองโลกมาเป็นเวลายาวนานจนนับไม่ได้ ถ้าเราสู้ โอกาสชนะมี แต่ถ้าหากว่าเราไม่สู้ จะแพ้ตลอดไป ดังนั้น...ถึงได้มีคนกล่าวว่า สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร

    ในเมื่อไม่สามารถที่จะไปเป็นกำลังใจให้ญาติโยมที่บ้านเติมบุญได้ ก็อาศัยเทคโนโลยีที่มารสร้าง มาส่งกำลังใจให้กับญาติโยมจากวัดท่าขนุนแทน

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าญาติโยมตั้งใจปฏิบัติธรรม แต่แพ้แล้วแพ้อีก ขอให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าเราขึ้นชกมวยกับสุดยอดแชมป์โลก แพ้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าชนะนั่นเราเก่ง กิเลสเป็นแชมป์โลก ครองโลกมานานจนกระทั่งนับเวลาไม่ได้ แต่ก็ยังไม่เก่งจริง

    อาตมาเคยโดนหลอก พ่อเจ้าประคุณยกพหลพลโยธามา จนนับไม่ถูกว่ามากเท่าไร ไปนึกถึงคำสวดสรภัญญะที่ว่า "รุมพลพหลพยุหปาน พระสมุทร ทะนองมา" ลักษณะอย่างนั้นจริง ๆ เหมือนกับคลื่นใหญ่ในมหาสมุทรที่พร้อมจะกลบกลืนทุกอย่าง

    แล้วเขาบอกว่าที่พระพุทธเจ้าไปพระนิพพานได้ เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกัน เขาถึงปล่อยให้รอดไปได้ ส่วนอาตมาเป็นใครที่ไหน คิดบังอาจไปสู้กับเขา คือถ้าเขามาตัวเปล่า ก็ถือว่าเป็นแค่คำขู่ แต่ที่มาพร้อมกับกำลังพลที่นับไม่ได้นี่ ไม่ใช่คำขู่ เป็นเรื่องจริง เขาเอาตายแน่..! แต่ขอโทษว่า....จริงแบบที่เขาตั้งใจให้เรารู้ แต่ไม่ใช่ความจริงแท้ เป็นความจริงแค่ข้อมูลที่เขากับบอกเราเท่านั้น

    บังเอิญว่าอาตมาไม่ได้โง่ ก็เลยบอกว่า "ถ้าโลกนี้ไม่มีพระพุทธเจ้า ไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้า ไม่มีพระอรหันต์ กูจะไหว้มึง...! แต่บังเอิญโลกนี้มีพระพุทธเจ้า มีพระปัจเจกพุทธเจ้า มีพระอรหันต์มากจนนับไม่ได้ บอกให้รู้ชัด ๆ ว่ามึงนั้นห่วยแตก..! ไม่อย่างนั้น ท่านไปพระนิพพานกันได้ไม่เยอะแยะขนาดนั้นหรอก เพราะฉะนั้น..ไอ้ที่เอ็งมานี่ เป็นแค่คำขู่เท่านั้น ข้าไม่กลัว...!"

    จำไว้ว่า เราต้องมั่นคงต่อความดี มั่นคงต่อ ทาน ศีล ภาวนา อย่าท้อถอยแม้สถานการณ์จะยากลำบากเพียงใด ขอให้มั่นใจว่าคุณพระศรีรัตนตรัยรักษาเราได้

    เชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ไม่ได้เก่ง ถ้าหากว่าเราใส่หน้ากากทั้งคู่ โอกาสติดมีแค่ ๑.๕ เปอร์เซ็นต์ แล้วถ้าหากว่ารักษาระยะห่าง ๒ เมตรได้ โอกาสติดเป็นศูนย์ แล้วทำไมต้องกลัวด้วย ? ชื่อเสียงของไวรัสน่ากลัว มีคนตายมาก เพราะว่าคนทั้งหลายเหล่านั้นไม่รู้จักรักษาตัวเองและประมาท ไม่อย่างนั้นไอ้เชื้อโรคโง่ ๆ แค่นั้น ทำอะไรเราไม่ได้หรอก

    ก็แค่รักษาระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เชื้อโรคก็แทบจะหมดฤทธิ์แล้ว ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว เพียงแต่ว่าระยะนี้เป็นระยะอันตราย ถ้าเป็นไปได้ ก็เก็บตัวอยู่กับบ้านสัก ๑๔ - ๑๕ วัน ถามว่าอันตรายขนาดไหน ? ก็เหมือนกับอยู่กลางศึกกลางสงคราม อาวุธพร้อมที่จะมาจากรอบทิศ ไม่รู้ว่าจะตายเวลาไหน เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่อยู่ใกล้เรา ใครเป็นผู้ติดเชื้อบ้าง ? จึงต้องทำเป็นเสมือนว่า ทุกคนติดเชื้อหมดแล้ว เราจะได้ระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น

    เหตุที่ระยะนี้ติดเชื้อมาก ไม่ใช่เกิดจากคลัสเตอร์ต่าง ๆ อย่างเดียว แต่เกิดจากเชื้อที่ไปเที่ยวสงกรานต์มา แพร่กระจายที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง ที่นั่นบ้าง และภายใน ๕ - ๖ วันนี้ เป็นช่วงที่อันตรายที่สุด เพราะว่าเชื้อฟักตัวจนได้ระยะเวลาที่จะออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ จากสงกรานต์ตีเสียว่าเราหยุดตั้งแต่วันที่ ๑๐ วันนี้วันที่ ๒๔ ก็ได้สองอาทิตย์พอดี ถ้าติดเชื้อ ก็ติดกันไปแล้ว ถ้าไม่ติดก็แปลว่าไม่ติดแล้ว ไอ้ที่เป็นอยู่ก็อาจจะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา รักษาตามอาการไป อย่าได้ให้มาตีหน้าขู่เรา จนเราฝ่อตายไปเอง

    ถ้าถามว่าทำไมประเทศอินเดียติดกันมากมายมหาศาลขนาดนั้น ? วันหนึ่งสองแสนกว่าราย สามแสนกว่าราย บ้านเราประชากรแค่ ๖๕ ล้านคนเศษ ไม่ถึง ๖๖ ล้านคน เราติดวันละ ๒,๐๐๐ คน ประชากรอินเดีย ๑,๐๐๐ ล้านคนเศษ ติดเป็นแสนนี่เป็นเรื่องปกติ แล้วของเขายิ่งกว่าสงกรานต์ เพราะว่าผ่านมาสองเทศกาลติดกัน ก็คือสงกรานต์แบบอินเดีย ที่เรียกว่าเทศกาลโฮลี่ เขาสาดสีกัน และงานใหญ่มหึมา คือกุมภเมลา ที่ ๑๒ ปีมีแค่ ๑ ครั้ง รัฐบาลอินเดียไม่กล้าสั่งยกเลิกงาน เพราะว่าประชากรพันกว่าล้านคน เป็นฮินดูไป ๙๐๐ กว่าล้านคน ถ้าไปสั่งห้ามงานที่เขาเฝ้ารอมานักหนา มีหวังคะแนนเสียงรูดมหาราชยิ่งกว่าท่านนายกตู่..!

    ในเมื่อจำเป็นต้องให้มี คนเป็นล้าน ๆ คน ดาหน้ากันไปอาบน้ำในแม่น้ำคงคา แล้วจะรอดไหม ? ฉะนั้น...ถ้าหากว่าเราพิจารณาดู ก็จะเห็นเหตุผล
    แล้วถ้าถามว่าทำไมต่างประเทศอย่างอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ถึงได้ติดเชื้อกันมากมาย ? ก็คนพวกนั้นไม่ยอมใส่หน้ากาก ถือว่าคำสั่งรัฐบาลเป็นการริดรอนสิทธิส่วนตัว ที่อาตมาใช้คำว่า "สิทธิที่จะตาย" เพราะฉะนั้น...อย่าไปริดรอนสิทธิของเขา ปล่อยได้ตายให้สมใจไปเลย
    ญาติโยมทั้งหลาย ไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศที่ชมคลิปนี้อยู่จะเห็นว่า จริง ๆ แล้ว เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ไม่ได้น่ากลัว ถ้าเรารู้จักระมัดระวังและป้องกัน ทำตัวให้เคยชินกับมาตรฐานใหม่ ถ้าหากว่าอยู่ได้ ๒ - ๓ อาทิตย์ เชื้อโรคก็จะหมดฤทธิ์ตายไปเอง เพียงแต่ว่า ทำกำลังใจของเราให้มั่นคงในความดี ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ทำแล้วอุทิศส่วนกุศลไว้เสมอ ๆ โดยเฉพาะเทพเจ้าที่ปกปักรักษาตัวเรา เทพเจ้าทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช

    ตอนนี้อาตมาเองก็ขอท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณช่วยคลุมให้อีกชั้นหนึ่ง ถามว่าทำไมต้องไปรบกวนสุดยอดองครักษ์ระดับนั้นด้วย ? ก็เพราะว่าถ้าอาตมาโดนสอยไปอีกคนหนึ่ง อย่างน้อยโยมหลายพันคนก็คงจะสลบไสลไม่ได้สติกัน

    เพื่อนฝูงที่เป็นพระสังฆาธิการก็แซวอาตมาว่า "ไหนเอ็งว่าสามารถปลุกเสกวัตถุมงคลป้องกันโรคได้ แล้วเอ็งใส่หน้ากากไปทำไมวะ ?" ก็ตอบไปว่า "ข้าไม่ได้โง่เหมือนเอ็งนี่หว่า..! คนเราถ้าหากว่าประมาท โอกาสตายมีแน่นอน พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนแล้วว่า ปมาโท มจฺจุโน ปทํ ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย เก่งขนาดไหน ถ้าไม่ประมาท ถึงจะอยู่ได้"

    ดังนั้น...ขอให้ทุกท่านรักษาความไม่ประมาท ซึ่งเป็นหัวใจหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเอาไว้ รักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย กินอาหารร้อน ล้างมือบ่อย ๆ ไม่จำเป็นก็เก็บตัวทำงานอยู่กับบ้านไปก่อน รอจนกระทั่งโรคร้ายไม่รู้ว่าจะเล่นงานใคร ก็จะสาบสูญไปเอง

    ขอให้ทุกท่านอยู่รอดปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ประสงค์สิ่งหนึ่งประการใด หากเป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัย ไม่เกินวิสัยแห่งผลบุญที่ได้สร้างมา ก็ขอให้ทุกท่านสำเร็จสัมฤทธิ์ผล สมดังปรารถนาจงทุกประการเทอญ
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...