ติดตามสถานะการณ์

หลังจากมาตรการ "คนละครึ่ง" เดินหน้าผ่านมาได้เดือนกว่าๆ ก็ได้รับกระแสนิยมเป็นอย่างมาก พ่อค้าแม่ค้า รวมถึงลูกค้าต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก แต่ในโอกาสแบบนี้ มักมีคนที่หวังฉวยโอกาสตรงนี้ มาเปลี่ยนเป็นผลประโยชน์ของตัวเอง โดยปัญหาที่รัฐบาลถูกร้องเรียนมาก็คือ
.
ปัญหาพ่อค้าแม่ค้าต่างฉวยโอกาสขึ้นราคาให้แพงจากปกติ เพราะเห็นว่ายังไงลูกค้าก็ได้เงินครึ่งหนึ่งจากรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งล่าสุดปัญหาตรงนี้ นายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณให้กระทรวงการคลัง เตรียมเชือดร้านค้าที่ทุจริต โกงขึ้นราคาเอาเปรียบลูกค้า ซึ่งถ้าหากว่ายังพบว่ามีการทุจริตอยู่ จะยกเลิกโครงการคนละครึ่งทันที
.
โดยวันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยการประชุม ครม.เริ่มในเวลา11.00 น. เนื่องจากมีการฉายวีดีทัศน์แสดงผลงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข และการสรุปภาพรวมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของกระทรวงการคลัง ทั้งโครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
.
เมื่อชมวีดีทัศน์จบ นายกฯ ได้กล่าวถึงโครงการคนละครึ่ง ที่มีข่าวว่าผู้ประกอบการเอาเปรียบลูกค้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าให้สูงกว่าราคาป้ายตามปกติ รวมถึงการบวกราคาสินค้าเพิ่มโดยอ้างว่าเป็นค่าอินเตอร์เน็ต ซึ่งนายกฯขอเตือนไปยังร้านค้าที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ ว่า ขอให้กระทรวงการคลังดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิด และถ้าหากยังพบว่ามีการทุจริตเช่นนี้อีกจะพิจารณายกเลิกโครงการนี้ทันที เพราะถือเป็นการฉวยโอกาสโกงประชาชน

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.naewna.com/politic/535641
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

ไทย-เดนมาร์ก พร้อมกระชับความร่วมมือด้านพลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียนเพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงพลังงานในภูมิภาค
.
วันนี้ (1 ธันวาคม 2563) เวลา 14.00 น. ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายยอน ทัวร์กอร์ด (H.E. Mr. Jon Thorgaard) เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่ สรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
.
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และเอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ต่างยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์และความร่วมมืออย่างใกล้ชิด พร้อมหวังว่า รัฐบาลไทยและเดนมาร์กจะพัฒนาความร่วมมือด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ในอนาคต โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความร่วมมือทางด้านพลังงาน โดยเอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ยินดีที่ทราบว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสีเขียว (Green Energy) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) มากยิ่งขึ้น ขณะนี้มีบริษัทของเดนมาร์กที่ลงทุนในไทยหลายบริษัทมีความสนใจในเรื่องการลงทุนทางด้านพลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียนในไทย ด้านรองนายกรัฐมนตรีฯ ชื่นชมความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ของเดนมาร์กต่อเรื่องดังกล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงศักยภาพของไทยในการลงทุนด้านพลังงาน โดยประเทศไทยตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของภูมิภาค จึงสามารถเป็นศูนย์กลางและจุดเชื่อมโยงในการส่งออกพลังงานสีเขียวและพลังงานหมุนเวียนไปสู่ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคได้ นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังมีมาตรการและสิทธิพิเศษสำหรับบริษัทที่สนใจในการลงทุนทางด้านพลังงานหมุนเวียนอีกด้วย
.
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความท้าทายของไทยในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดที่มากขึ้นในอนาคต โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ กล่าวว่า ไทยกำลังพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรทางด้านพลังงานให้มีเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้นในสาขาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ไทยประสงค์ร่วมมือและเรียนรู้จากนานาประเทศ รวมทั้งเดนมาร์ก ซึ่งมีเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญ ในโอกาสนี้เอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ชื่นชมรัฐบาลไทยที่มีวิสัยทัศน์ และความตั้งใจที่ดีในการผลักดันพลังงานสะอาดในประเทศซึ่งเดนมาร์กพร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับไทย
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/37206
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันนี้ (1 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10:19 น. พบร่างไร้วิญญาณของแรงงานไทย วัย 28 ปี ในตู้คอนเทนเนอร์ในเมือซับกโยรี, ดุนแนมย็อน, ฮเวงซ็องกุน, คังวอนโด (강원도 횡성군 둔내면 삽교리) ฃ

เนื่องจากนายจ้างผิดสังเกตว่า แรงงานไทยรายนี้ไม่มาทำงานจึงมาติดตามแต่กลับไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งเป็นที่พักของลูกจ้างได้ นายจ้างจึงโทรหา 119 เพื่อขอความช่วยเหลือ

หน่วยกู้ภัย 119 ได้เข้ามาช่วยเปิดประตูตู้คอนเทนเนอร์ให้ แต่กลับพบว่าแรงงานไทยได้เสัยชีวิตไปแล้ว

ทางด้านการหาสาเหตุการเสียชีวิตนั้นหน่วยกู้ภัย 119 ได้ทำการวัดค่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ในคอนเทนเนอร์และพบว่ามีค่าสูงถึง 365 ppm

เจ้าหน้าที่สงสัยว่า แรงงานไทยอาจเสียชีวิตจากพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ที่มาจากฟืนที่ใช้ทำความอุ่นให้คอนเทนเนอร์

อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะทำการชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้ง

ขอบคุณที่มาจาก : https://news.naver.com/main/read.nhn?mode=LSD&mid=sec&sid1=102&oid=003&aid=0010217738

 

เหตุไฟไหม้ดับ 4 ราย 1 ในนั้นเป็นชาวไทย

ตามที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ ทางสำนักข่าวยอนฮับได้ออกมายืนยันกรณีการเกิดเหตุไฟไหม้อีกครั้งผ่านการให้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกุนโพ

เจ้าหน้าที่เผยเหตุไฟไหม้อพาร์ทเมนต์แบคดูฮันยาง 9 ที่เกิดขึ้นไปเมื่อช่วงเย็นนั้น มีการยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้มีการเผยยอดผู้เสียชีวิต 5 รายนั้น พบว่า 1 ใน 5 รอดชีวิตแต่อยู่ในขั้นโคม่า

โดยมีการยืนยันผู้เสียชีวิตคือ เอ ชาวเกาหลีวัย 31 ปี และ บี ชาวไทย 38 ปี เป็นพนักงานรีโมเดลที่พัก
ซี หญิงชาวเกาหลีวัย 35 ปี และ ดี หญิงชาวเกาหลี 51 ปี ทั้งสองรายเป็นผู้อาศัยในอาพาร์ทเมนต์

พนักงานรีโมเดลที่พักทั้ง 2 รายกระโดดหนีเพลิงดับคาที่ในขณะที่กำลังทำการเปลี่ยนขอบหน้าต่าง และอีก 2 พยายามหนีเพลิงโดยปีนขึ้นไปบริเวณดาดฟ้าแต่สำลักควันดับ

คาดสาเหตุไฟไหม้ครั้งนี้เกิดจากการวางกระป๋องโฟม 10 กระป๋องใกล้กับฮีสเตอร์ทำความร้อนจนเกิดการระเบิดและเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้

เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้ พบผู้บาดเจ็บ 7 รายและดับทั้งหมด 4 ราย

ที่มา: https://www.yna.co.kr/view/AKR20201201191951061?input=1195m

 

จังหวัดเชียงรายยืนยันพบผู้ป่วย Covid-19 เพิ่ม 1 ราย รวมรักษาตัวอยู่ 3 ราย

เมื่อบ่ายวันอังงคารที่ 1 ธันวาคม 2563 ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีการระบาดโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เชียงราย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายแพทย์ ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มอีก 1 ราย รวมจังหวัดเชียงรายมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รักษาตัวอยู่ 3 ราย

สำหรับรายล่าสุดเป็นหญิงสาว อายุ 25 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพะเยา เดินทางไปทำงานที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดท่าขี้เหล็ก สหภาพเมียนมาร์ เดินทางกลับประเทศไทยทางเส้นทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 และพักอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่อำเภอแม่สาย โดยไม่ได้ออกจากโรงแรม ใช้บริการสั่งอาหารจากฟู้ดเดลิเวอรี่ จากนั้นวันที่ 28 พฤศจิกายน เข้าพักในโรงแรมในอำเภอเมืองเชียงราย หลังทราบว่ามีผู้ทำงานด้วยกันติดเชื้อไวรัสดังกล่าว จึงมาแสดงตนและขอรับการตรวจ พร้อมกับเพื่อนอีก 2 ราย ผลพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และได้รับการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ทันที ส่วนเพื่อนอีก 2 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ และแยกกักตัวเพื่อสังเกตอาการในสถานที่กักกันแล้ว

ทั้งนี้ การสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงสูง 6 ราย ได้แก่ คนขับรถมาส่งที่โรงแรม 1 ราย เพื่อน 2 ราย พนักงานโรงแรม 3 ราย และสัมผัสกลุ่มเสี่ยงต่ำเป็นพนักงานโรงแรมอีก 4 ราย ทำให้ล่าสุดจังหวัดเชียงรายมีผู้ป่วยสะสม 12 ราย คือ 9 รายเดิม ซึ่งรักษาหายแล้ว และรายใหม่ 3 ราย

ศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัดเชียงรายเปิดเผยว่า ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงให้มารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะคนที่ไปทำงานต่างแดน เพื่อรับการตรวจหาเชื้อและรักษาได้อย่างทันท่วงที และผู้ใกล้ชิดจะไม่ต้องรับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้เส้นทางธรรมชาติตามพื้นที่ชายแดนมีหน่วยเฉพาะกิจของกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ได้จัดกำลังคุมเข้มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงรายได้ประสานศูนย์ประสานงานชายแดนไทย-เมียนมา ยังเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ ในเส้นทางปกติโดยปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนผู้ที่ลักลอบเข้ามาผิดกฎหมายจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านนายแพทย์ ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายไม่มีผู้ติดเชื้อมากว่า 243 วัน กรณีที่เกิดขึ้นนี้มาจากพื้นที่ภายนอก ยืนยันว่าจังหวัดเชียงรายยังปลอดภัย หากชาวเชียงรายปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ออกไปยังพื้นที่สาธารณะ หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง ไม่อยู่ในที่ผู้คนแออัด รักษาความสะอาด และลงทะเบียนแอปพลิเคชั่นไทยชนะทุกครั้ง เพื่อความไม่ประมาทจะเป็นวิธีการในการป้องกันที่มีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่งได้ด้วย
⛽
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
01/12/63

 

#ข่าวสั้น (1 ธันวา) รางวัล Grandprix ศัพท์ใหม่ยอดฮิตประจำปี 2020 คือ 3密 (ซันมิตสึ; 3 แน่น)

ประกอบด้วย
密閉 แน่นหนา (ปิดแน่นหนา ไม่ระบายอากาศ)
密集 แน่นขนัด (คนเยอะ)
密接 แน่นแฟ้น (สนทนากันในระยะใกล้)

แม่โคอิเคะผู้ทำให้ศัพท์นี้โด่งดัง

✒️ป.ล. ภาษาไทยนี่แอดแปลเองค่ะ

密です(・－・)☞
密です(・－・)☞
密です(・－・)☞

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #โควิด

ภาพ: The Asahi Shimbun

 

#ข่าวด่วน (1 ธันวาคม) ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในญี่ปุ่นเกิน 150,000 รายแล้ว บุคลากรทางการแพทย์ใกล้ถึงขีดจำกัดหลายจังหวัด

**update 20:40 ยอดผู้เสียชีวิตรายวันแตะ 41 รายแล้ว สูงสุดตั้งแต่มีโควิดมา**

**update 19:24 ยอดผู้เสียชีวิตรายวันแตะ 33 รายแล้ว สูงสุดตั้งแต่มีโควิดมา**

คนเสียชีวิตต่อวันเยอะขึ้น คนอาการหนักที่กำลังรักษาจะถึง 500 รายแล้ว

บุคลากรทางการแพทย์ที่โอซาก้าและหลายจังหวัด เช่น โตเกียว เฮียวโงะ อิบารากิ กำลังบอกว่า “จะถึงขีดจำกัดแล้ว”

ทำไมไม่เพิ่มเตียง?
เตียงเพิ่มไม่ยากค่ะ แต่ที่เพิ่มไม่ได้คือ บุคลากรทางการแพทย์ ตอนนี้ รพ. โควิดที่โอซาก้าเปิดรับพยาบาลด่วน เงินเดือน 5 แสนเยน (150,000 บาท) เพราะไม่มีใครยอมทำ เนื่องจากงานหนัก เสี่ยง และโดนสังคมรังเกียจอีก หลายคนบ้านก็กลับไม่ได้ เพราะมีลูกเล็ก พ่อแก่แม่เฒ่า เพื่อนบ้านรังเกียจ ต้องนอนค้างรพ. มาเป็นแรมเดือน ควงเวรรัว ๆ

หากเกิด “ระบบการแพทย์ล้มเหลว (医療崩壊)” จะเกิดอะไรขึ้น?
- ร.พ. ไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก ซึ่งหน้าหนาวมีโรคประจำปี คือ หัวใจวาย / เส้นเลือดในสมองต่าง ๆ รวมไปถึงอุบัติเหตุด้วย
- นึกภาพตามนะคะ นั่นคือ พอโรคประจำปีมา ไม่มีเตียง คนจะเสียอีกเยอะ ไม่ใช่เพราะแค่โควิด แต่ไม่มีแพทย์และไม่มีเตียงที่จะรักษาโรคอื่น ๆ คนที่ไม่สมควรจะต้องเสียชีวิตก็จะต้องเสีย

✒️ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนะคะทุกคน ช่วงนี้พยายามอย่าป่วย

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #โควิด 

 

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ออกแถลงการณ์ประณามการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อิหร่าน

ในแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า "ในขณะที่ภูมิภาคของเรา กำลังประสบกับความไร้เสถียรภาพและความท้าทายทางความมั่นคง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเราต้องร่วมมือกันเพื่อยับยั้งการปฏิบัติการที่เป็นเหตุให้เกิดภัยคุกคามมากขึ้นในภูมิภาค"

กระทรวงต่างประเทศเอมิเรตส์ ยังได้เน้นย้ำอีกว่า
"รัฐบาลเอมิเรตส์เชื่อมั่นว่าจำเป็นที่จะต้องสร้างความเป็นเสถียรภาพให้เกิดขึ้นในภูมิภาค จึงขอกล่าวประณามการก่ออาชญากรรมต่อ มุห์ซิน ฟัครีซาเดห์"

แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ยังระบุอีกว่า

"เนื่องจากสถานการณ์ในภูมิภาค รัฐบาลเอมิเรตส์ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเตรียมป้องกันตนเองเพื่อสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้เกิดขึ้นในภูมิภาค"

ทั้งนี้ มุห์ซิน ฟัครีซาเดห์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนวัตกรรมกระทรวงกลาโหมอิหร่านได้เสียชีวิตจากการลอบสังหารของกลุ่มผู้ก่อการร้าย เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ผ่านมา

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

อิหร่านเตือนยูเออี เราจะโจมตียูเออี

เว็บไซต์ข่าว middle east eye รายงานอ้างจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กล่าวว่า อิหร่านได้ส่งสารถึงเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซายิด มกุฏราชกุมารของเอมิเรตส์ ระบุว่า เราถือว่าพวกคุณจะต้องรับผิดชอบในการลอบสังหาร ดร.มุห์ซิน ฟัครีซาเดห์ และถ้าอเมริกาโจมตีเรา เราก็จะโจมตีทางทหารต่อเอมิเรตส์

เว็บไซต์ข่าวนี้ ยังรายงานอีกว่า หลังจากที่มีคำขู่จากอิหร่าน จึงทำให้ทางเอมิเรตส์ต้องออกแถลงการณ์ประณามการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชาวอิหร่าน ในทันที

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

การแก้แค้นของอิหร่าน จะเริ่มขึ้น หลังเสร็จพิธีศพ บิดานิวเคลียร์
.

การลอบสังหารบุคคลสำคัญของอิหร่าน ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ล่าสุดทางด้าน กระทรวงกลาโหมของอิหร่านเป็นเจ้าภาพจัดพิธีศพของนายโมห์เซน ฟาคริซาเดห์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์คนสำคัญของประเทศ ซึ่งถูกลอบโจมตีจนเสียชีวิต

สำหรับพิธีศพนั้นจัดให้อย่างสมเกียรติ โดยมีทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหม และกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน หรือ ไออาร์จีซี เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เพื่อไว้อาลัยให้กับบิดาแห่งนิวเคลียร์

ในขณะที่มีการเริ่มจะแกะรอย การลอบสังหารครั้งนี้ว่าเป็นฝีมือของใครกันแน่ โดยทางด้าน ฟาร์ส นิวส์ เอเจนซี่ สื่อของอิหร่าน เปิดเผยว่า โมห์เซน ฟาคริซาเดห์ ถูกลอบสังหารด้วยปืนอัตโนมัติ ที่ควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรล จากกลุ่มคนร้ายที่อยู่ในรถยนต์อีกคัน กระสุน โดนเป้าหมายอย่างน้อย 3 นัด ขณะที่เจ้าหน้าที่อารักขาขถูกยิงโดยปืนอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรลด้วยเช่นกัน

ในขณะที่สื่ออย่าง สติวเดนท์ส นิวส์ เอเจนซี่ เปิดเผยว่าทางด้าน พล.จัตวา อะมีร์ ฮาตามี รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน ให้ข้อมูลว่าทางด้านรถยนต์ ของนายโมห์เซน ฟาคริซาเดห์ ถูกกลุ่มคนร้ายดักซุ่มยิงโจมตี หลังจากลอบวางระเบิด จากนั้นมีการระดมยิงเข้าใส่รถยนต์อีกหลายนัด จนทำเสียชีวิตในที่สุด

ส่วนสถานีโทรทัศน์เพรสทีวีของอิหร่านอ้างแหล่งข่าวด้านการสอบสวน ว่าอาวุธและเครื่องกระสุนปืนซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุครั้งนี้นั้น ผลิตในอิสราเอล

ส่วนฮาเรตซ์ หนังสือพิมพ์ของอิสราเอล ชี้ว่า การสังหารนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ ของอิหร่านนั้นเชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับการเข้ารับตำแหน่งของ โจ ไบเดน เพื่อแสดงให้เห็นว่า อิสราเอลไม่เห็นด้วยกับแผนการ ผู้นำคนใหม่สหรัฐฯ ที่จะกลับเข้าสู่การฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์

สื่ออย่างหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล ได้ให้ข้อมูลว่า เวลานี้ทางด้าน จาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยและที่ปรึกษาอาวุโสของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียและกาตาร์ เพื่อเดินหน้าข้อตกลงทางการทูตในตะวันออกกลางก่อนที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะพ้นตำแหน่ง

การเดินทางไปยังตะวันออกกลางของจาเร็ด คุชเนอร์ ครั้งนี้ยังประกอบด้วยไบรอัน ฮุก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในนโยบายอิหร่าน จวบจนกระทั่งเขาลาออกจากคณะบริหารของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายยิ่งจับตามองความเคลื่อนไหว ครั้งนี้มากขึ้น ว่าแท้ที่จริงแล้วสหรัฐฯ กำลังมีแผนการอะไรหรือไม่

ขณะที่ทางด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศชัดเจนว่า ผู้ลงมือสังหารโมห์เซน ฟาคริซาเดห์ จะถูกลงโทษ ส่วนโมฮัมหมัด บาเกอร์ กาลิบาฟ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้ มีการตอบโต้อย่างแข็งกร้าว เพื่อป้องปรามและล้างแค้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังในครั้งนี้

นี่เป็นเพียงความเคลื่อนไหวล่าสุด เกี่ยวกับการลอบสังหาร บุคคลสำคัญของอิหร่านอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลายฝ่ายหวั่นว่าจะเกิดสงคราม ครั้งใหม่ในอ่าวเปอร์เซีย ถ้าหากว่าอิหร่านนั้นเปิดศึกเอาคืนสหรัฐฯ ผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงในภูมิภาคน่าจะเป็นบรรดาพันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาคแห่งนี้ อย่างซาอุดิอาระเบีย หรือ แม้แต่อิสราเอล

สถานการณ์ในช่วงเวลานี้ไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่ง ยิ่งหลังจากเสร็จพิธีศพแล้ว การเอาคืนอาจจะเริ่มต้นขึ้น ก็เป็นได้

............................................................
สถาพร เกื้อสกุล
1-12-2563

#เพจเก็บตกตะวันออกกลาง

 

ชุดนักเรียนที่เยอรมัน?

สำหรับเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่หลายๆ คนกำลังให้ความสนใจกันอยู่ เลยถือโอกาสเขียนแชร์ข้อมูลฝั่งเยอรมัน แต่ต้องขอบอกว่า

"ไม่ได้บอกว่าประเทศไหนดีกว่าที่ไหนนะครับ"

เพราะสำหรับประเด็นนี้มีการถกเถียงกันในหลายๆ ประเทศ ซึ่งแม้แต่ในเยอรมนีเองก็มีการถกเถียงเรื่องนี้อยู่เป็นระยะๆ เช่นเดียวกัน

เรื่องของชุดนักเรียนนั้นที่เยอรมนีนั้นก็เคยมียูนิฟอร์มมาก่อนในอดีตเช่นกัน หากแต่ว่าไม่ได้ให้ความสำคัญมากนักเหมือนกับประเทศอื่นในยุโรปเช่นอังกฤษ

จนมาถึงปัจจุบันที่ไม่ได้มีการบังคับว่าจะต้องใส่แบบไหน หากแต่ว่าจะเป็นคำแนะนำมากกว่า แต่สิ่งที่ห้ามก็คือไม่ควรใส่ชุดที่มีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายของนาซีอยู่เท่านั้น

ซึ่งเหมือนที่ประเทศอื่นเยอรมันเองก็เคยมีการ Debate ในเรื่องนี้ยกตัวอย่างเช่นในปี 2006 ก็เคยมีความคิดว่าอยากจะให้นักเรียนใส่ชุดยูนิฟอร์มให้เหมือนกันทั่วประเทศโดยจาก Brigitte Zypries รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และ Annette Schavan รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้นโดยให้เหตุผลว่า

"เพื่อเป็นการลดความแตกต่างและความขัดแย้งกันในหลายๆ ด้านแก่นักเรียน เช่นในเรื่องของการเมืองและศาสนา จนกลายเป็นการถกเถียงกันในวงกว้าง"

แต่ก็ได้รับการต่อต้านไม่น้อยจากทั้งสหภาพครู และพรรคกรีน ว่าการที่ใช้ชุดยูนิฟอร์มมันไม่น่าจะใช่เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าวที่ถูกต้อง

และนอกจากนี้ก็มีผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ไม่อยากให้ใช้ชุดนักเรียน โดยให้ความเห็นว่า

"เค้าไม่เห็นด้วยกับการที่นักเรียนทุกคนใส่ชุดเหมือนกันทุกคนจะช่วยให้เด็กนั้นเรียนได้ดีขึ้น ดังนั้นควรปล่อยให้เค้าทำในสิ่งที่เค้าอยากทำ"

แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันถึงแม้โรงเรียนโดยส่วนใหญ่ของเยอรมนีจะไม่มีกำหนดข้อบังคับให้ใส่ชุดนักเรียน แต่ก็ยังมีโรงเรียนบางส่วน และโรงเรียนนานาชาติ(เครืออังกฤษ)ก็ให้ใส่ชุดยูนิฟอร์มอยู่เช่นกันครับ

#พ่อบ้านเยอรมัน #เยอรมัน #เยอรมนี #Germany #German #uniform

ที่มาของข้อมูล, The Guardian, K12academies, และ dw

https://www.theguardian.com/education/2018/jul/09/german-girls-choose-to-wear-the-trousers

https://www.k12academics.com/School Uniforms/school-uniforms-germany

https://www.dw.com/en/in-germany-veiled-students-stir-up-uniform-debate/a-1996295

 

นี่เป็นบรรยากาศของพายุหิมะ
ที่ตกลงมาอย่างหนักในเขตพื้นที่ #โซเฟีย
ประเทศ...บัลแกเรีย
เมื่อวันนี้เอง

 

ตะลึงอีก “เสาโลหะปริศนา” โผล่โรมาเนีย-จนท.ยังมึนใครเป็นเจ้าของ (คลิป)
1 ธ.ค. 2563
-
10:28 น.
ตะลึงอีก “เสาโลหะปริศนา” โผล่โรมาเนีย-จนท.ยังมึนใครเป็นเจ้าของ
ตะลึงอีก “เสาโลหะปริศนา” - วันที่ 1 ธ.ค. เดลีเมล์ รายงานกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์ถึงปริศนาของ เสาโลหะ อีกครั้ง หลังมีผู้พบเห็นเสาโลหะสามเหลี่ยมในเมืองแนมต์ ภูมิภาคมอลเดเวีย ทางตอนเหนือของ โรมาเนีย เพียง 1 วันหลังมีข่าวว่าเสาโลหะสามเหลี่ยมใน ทะเลทรายรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา จะถูกเคลื่อนย้ายเมื่อวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับเสาโลหะที่พบในโรมาเนียนั่น มีความสูงราว 3.96 เมตร ใกล้เคียงกับเสาโลหะในรัฐยูทาห์ที่สูงกว่า 3.65 เมตร ด้านหนึ่งของเสาหันไปทางภูเขาชาห์เลา ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรมาเนีย และเป็น 1 ใน 7 มหัศจรรย์ทางธรรมชาติของประเทศ

 

ชาวบ้านแตกตื่นหนีตาย
จากการปะทุของภูเขาไฟ #ไลโยตอลอก (Lyotoluk)
บนเกาะ #เล็มบาตา ประเทศ...อินโดนีเซีย
เมื่อสองวันก่อน

 

ต้นแบบแห่งการไม่ใส่เครื่องแบบของตนเอง
ปฏิบัติการกรีฟ การปลอมตัวแทรกซึมด้วยเครื่องแบบฝ่ายตรงข้ามที่จบลงด้วยความเศร้า

ในช่วงแรกของ ยุทธการตอกลิ่ม (Battle of the Bulge) การบุกใหญ่ครั้งสุดท้ายของเยอรมนีในแนวรบด้านตะวันตก ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง ธันวาคม ค.ศ.1944

ฮิตเลอร์สั่งให้ ออทโท สกอร์เซนี ทหารจู่โจมหน่วยเอสเอสชาวออสเตรีย เจ้าของฉายา “Scarface” เป็นหัวหน้าปฏิบัติภารกิจลับสุดยอดที่เรียกว่า “Operation Greif”

ภารกิจนี้เริ่มต้นด้วยการเกณฑ์ทหารเยอรมันจำนวนหนึ่งที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ จากนั้นนำเครื่องแบบทหารสหรัฐอเมริกาจากเชลยศึกมาให้พวกทหารจำนวนนี้ใส่ รวมถึงให้ใช้อาวุธปืนที่ยึดได้ และขึ้นรถจี๊ปที่ยึดมาได้ อ้อมไปแนวหลังของดินแดนฝ่ายข้าศึก ปลอมตัวเป็นพวกเดียวกัน และเริ่มปฏิบัติการปั่นป่วนทันที

พวกเขาทำตัวเป็น Imposter เริ่มด้วยไล่ตัดสายโทรศัพท์สื่อสาร ทำลายแหล่งกำเนิดไฟ และทำลายป้ายบอกทิศทาง แทนที่ด้วยป้ายผิดๆ ให้พวกเขาสับสนและหลงทิศทาง

การกระทำของพวกเขาเริ่มทำให้กองทัพสหรัฐอเมริกาปั่นป่วนจนเริ่มมีผู้สงสัย รวมถึงมีสายสืบส่งข่าวมาว่าทหารเยอรมันได้ปลอมตัวมาแทรกซึมในหมู่พวกเขาจนทำให้ทหารอเมริกันหลายคนเริ่มหวาดระแวงกันเอง

สหรัฐอเมริกาหาทางจับทหารเยอรมันปลอมตัวเหล่านี้ด้วยการตั้งด่านตามจุดต่างๆ ทหารคนใดผ่านมาก็จะทำการถามคำถามเกี่ยวกับเบสบอล คำถามด้านวัฒนธรรมสมัยนิยมของอเมริกัน(Pop Culture) และรวมถึงความรู้ง่ายๆ เช่นชื่อเมืองหลวง และจบด้วยการร้องเพลงชาติ

แม้ว่ามาตรการนี้จะทำให้จับทหารเยอรมันได้บางส่วน แต่ก็ทำให้เกิดเรื่องประหลาดปนขำเช่นกัน เช่นทหารอเมริกันคนหนึ่งเกิดระแวงหนัก บ้าคลั่งไล่ยิงยางรถจี๊ปของจอมพลเบอร์นาร์ด มอนต์โกเมอรี ของประเทศอังกฤษ เพราะไม่เชื่อว่าเขาเป็นชาวอังกฤษ

เรื่องที่น่าจะแปลกประหลาดสุดคือเรื่องของ นายพลโอมาร์ แบรดลีย์ เขาถูกทหารอเมริกันจับกุม และถูกนำไปคุมขังเพียงไม่กี่วัน หลังจากที่เขาตอบว่าเมืองหลวงของรัฐอิลลินอยส์คือสปริงฟิลด์

ซึ่งมันเป็นคำตอบที่ถูกต้องอยู่แล้ว!!!
แต่ทหารอเมริกันที่ถามเขา ดันเข้าใจผิดว่าเมืองหลวงคือเมืองชิคาโก

เรื่องที่น่าเศร้าคือทหารเยอรมันที่ถูกจับได้ ถึงแม้ว่าพวกเขาบางคนจะไม่ได้ฆ่าใครเลย แต่ก็ถูกตัดสินประหารชีวิต(มีรูปในคอมเมนท์) หลังจากการพิจารณาคดีทางทหารพบว่าพวกเขาละเมิดอนุสัญญากรุงเฮก เกี่ยวกับสงครามทางมาตราที่ 23:

“ห้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้ธงพักรบโดยไม่เหมาะสม ธงประจำชาติ หรือเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเครื่องแบบของศัตรู”

ออทโท สกอร์เซนี ถูกจับกุมเช่นกัน แต่เขาหนีออกจากค่ายกักขังในปีค.ศ.1948 และใส่ชุดชาวบ้าน ปลอมตัวเป็นคนท้องถิ่น ทำงานที่ฟาร์มบาวาเรียเป็นเวลา 18 เดือน จากนั้นหนีไป ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซาลซ์บูร์ก ประเทศออสเตรีย และใช้ชีวิตบั้นปลายที่ประเทศสเปนในที่สุด

 

วันนี้หิมะตกหนักมาก
ในกรุงบูคาเรสต์ ประเทศ...โรมาเนีย

CR: clip by AlertaCambio

 

วันนี้....
หิมะก็ยังคงตกหนักอยู่
ที่ประเทศ...โมร็อกโก

CR: clip by AlertaCambio

 

รุ่งเช้าก่อนสว่าง
ของวันที่ 29 พฤษจิกายนศกนี้
มีอุกกาบาตตกลงมาทางฝั่งฟ้าตอนใต้
ของประเทศ...เม็กซิโก

ก้อนอุกกาบาต
พุ่งผ่านชั้นบรรยากาศโลกลงมา
ปรากฏเป็นลูกไฟสว่างไสวเห็นชัดถนัดตา

 

นกอินทรีย์ตัวหนึ่ง
ติดอยู่กับส่วนหัวของเครื่องบิน
สายการบินในประเทศอเมริกาลำหนึ่ง
เพราะถูกเครื่องบินพุ่งชน
ทำให้ส่วนหัวของเครื่องบินลำนี้ฉีกขาด
อย่างน่าหวาดเสียว
นับว่าโชคดีที่ไม่มีอันตรายใดๆเกิดขึ้น

CR: fishvallarta

 

เมื่อค่ำวานนี้
มีอุกกาบาตตกใกล้กรุงบอนน์สตรีค
บนท้องฟ้าทางตะวันตก
ของประเทศ...เยอรมัน
ก่อนจะแตกออกเป็นสองเสี่ยง
เมื่อใกล้จะตกถึงพื้น

CR: Alerta Geo.