"ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง" @6+เตรียมรับและเข้าใจพลังงานชีวิต มีอายุยืน กับยุคพลังงานใหม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 12 ตุลาคม 2020.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ระบบชีวิตที่เกี่ยวข้องกับพลังงานชีวิต กับยุคพลังงานใหม่ เพื่อเข้าใจชีวิต ระบบชีวิตที่ได้มีมาเกี่ยวกันอย่างไรกับยุคภัยพิบัติ และโรคระบาดในปัจจุบันนี้ คือโรคโควิด 19 ที่หลายคนบอกว่าเป็นมงกุฎศีลธรรม ที่มาช่วยโลก ที่ใครสักคนสังเกตุไว้ว่า คนมีศีลธรรมจะไม่เป็นโรคระบาดโควิด 19 หรืออีกนัยยะหนึ่ง หากจะกล่าวว่า "ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง" ตามพุทธทำนายในยุคกึ่งพุทธกาลนี้ค่ะ

    "ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกผีเสื้อเหล็กนับแสนตัวมาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ"

    หลายคนปริศนานี้กันว่าอย่างไรคะ?

    ระหว่าง "พายุแม่เหล็กสุริยะ" ที่ดวงอาทิตย์ส่งเข้ามาในระบบโลกที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน แล้วเกิดภัยพิบัติตามมา

    กับ...

    "สงครามที่เกิดขึ้น เพิ่อทำลายล้างโลก " คือนัยยะใดกันแน่

    ทำไมมนุษย์ในแต่ละยุค หรือแต่ละกัป จึงมีอายุขัยไม่เท่ากัน อะไรเป็นสำคัญเหตุสำคัญที่ทำให้ อายุมนุษย์ยืนยาวไม่เท่ากัน บางช่วงมนุษย์มีอายุขัยแค่ 100 ปี บางช่วงมนุษย์ก็มีอายุขัยยืนยาวหลายหมื่นปี

    เรามาทำความเข้าใจระบบชีวิตกันค่ะ

    ทำดีก็เป็นพรสวรรค์
    ทำชั่วก็เป็นสันดาน
    โชคชะตา หรือชะตาชีวิต ล้วนมาจากการบันทึกความทรงจำทางจิตวิญญาณ
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ระบบอวัยวะ

    ภายในเซลล์อวัยวะร่างกายมนุษย์ทุกเซลล์อวัยวะ จะมีเส้นใยแม่เหล็ก DNA 2ขั้ว ติดตั้งอยู่ 12 แท่ง ต่อหนึ่งเซลล์ เร้นอยู่ในนิวคลิโอไทด์

    จำนวนเกลียวของเส้นใยที่พันรอบแท่ง DNA จะเป็นตัวบ่งบอกและกำกับสัดส่วน การเปิดรับพลังงานไฟฟ้าจักรวาล โดยมีเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลกเป็นผู้นำทาง ผ่านเข้าสู่ระบบเซลล์ ทางเสาอากาศสองแฉกที่ติดตั้งไว้

    จำนวนเกลียวจะมีผลต่อการเหนี่ยวนำให้แท่ง DNA เกิดอำนาจเหนี่ยวนำได้ เมื่อพลังงานไฟฟ้าจักรวาล ไหลผ่านไปตามเส้นในเกลียวแม่เหล็กนั้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรหัสบุรพกรรมแม่เหล็กขึ้นภายในนิวคลิโอไทด์

    จำนวนเกลียวดังกล่าวของมนุษย์แต่ละคนจึงไม่เท่ากัน โดยมันจะเป็นไปตามรหัสกรรมของจิตวิญญาณของมนุษย์คนนั้น ๆ จากอดีตชาติที่ถือ ติดตัวมาด้วย

    ค่ะ ความแตกต่างของอายุขัยนอกจากกรรมแล้ว ยังมีพลังงานชีวิตที่เกิดจาก เส้นแรงสนามแม่เหล็กโลก ที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มนุษย์ในแต่ละยุคสมัยมีอายุขัยไม่เท่ากัน และที่สำคัญระบบชีวิต และพลังงานชีวิต เกิดเป็นรูปธรรมชีวิตแล้วล้วนเกี่ยวกับอำนาจแม่เหล็กโลก ที่มีอำนาจเหนี่ยวนำกับระบบกรรมในชีวิตของมนุษย์ด้วยค่ะ แท้ที่จริงชีวิตเราคืออะไร ย่อมเกี่ยวข้องกับพลังงานอย่างไม่ต้องสงสัย
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    จริงหรือ!! การยกระดับพลังงานโลก เพื่อเพิ่มพลังอำนาจแม่เหล็กโลก เพื่อแก้ไขรหัสเส้นใยเกลียวแม่เหล็กในเซลล์

    หากถือกรรมเข้ามาจากอดีตชาติมาก จำนวนเกลียวก็จะมีน้อย ถ้าถือกรรมมาน้อย จำนวนเกลียวจะมีหลาย ๆ รอบมากขึ้น

    กรรมทุกการกระทำที่ได้กระทำไว้เป็นความทรงจำทางจิตวิญญาณ พวกเขาจะคอยเฝ้าติดตามมนุษย์นั้นไปทุกหนทุกแห่ง พวกเขาจะแปลรหัสกรรมออกมาเป็นจำนวนเกลียวดังกล่าว เพื่อสร้างรหัสพันธุกรรมแม่เหล็กขึ้นภายในเซลล์ (นี่แหละค่ะที่เขาเรียกบัญชีกรรม)

    และ...

    เพื่อเหนี่ยวนำแท่งแม่เหล็ก DNA ให้เกิดอำนาจแม่เหล็กทวนสัญญาณออกมาสู่ภายนอก สู่ยีนส์ หรือ DNA เปลี่ยนเป็นรหัสบุรพกรรมทางชีวภาพ (ระบบอวัยวะ) เพื่อมีคำสั่งนั้น ๆ เจริญเติบโต ฟื้นฟูตนเอง และปิดกั้นเชื้อโรค หรือทำลายตนเองตามอำนาจแม่เหล็กที่เกิดจากการเหนี่ยวนำนั้นต่อไป

    การเพิ่มพลังอำนาจแม่เหล็กโลก จึงเป็นการเพิ่มพลังงานไฟฟ้าจักรวาลด้านบวก เซลล์อวัยวะร่างกายมนุษย์จะได้รับพลังงานไฟฟ้าจักรวาลเพิ่มขึ้นด้วย

    มนุษยฺต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมพร้อมที่จะเปิดรับ เพราะมันเป็นผลดีต่อการเปลี่ยนแปลงระบบชีวิต การเพิ่มค่าอำนาจแม่เหล็กด้านบวกนี้ มันจะยังมีผลไปต่อต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ในการฟื้นฟูตนเองขึ้นมา เพิ่อเป็นประโยชน์ในการชำระร่างกายและจิตใจ อันเกิดจากมลพิษที่บริโภคเข้าไป และจากภาวะจิตสำนึกที่บกพร่อง
     
  4. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    คลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลก คือ สะพานเชื่อมโยงร่างกายในระบบชีววิทยาและจิตวิญญาณมนุษย์ทุกคนให้มีความสัมพันธ์กับจักรวาลตลอดเวลา หากไร้สนามแม่เหล็กโลก และไม่มีอำนาจแม่เหล็กโลกมนุษย์ทุกคนต้องตายหมด ไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่่ได้ ร่างกายมนุษย์และจิตวิญญาณจะต้องถูกเขื่อมโยงความสัมพันธ์กันกับจักรวาลไว้เท่านั้น ความมีชีวิตของมนุษย์จึงจะดำรงอยู่ได้

    ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เพื่อจะได้ทำความเข้าใจ พลังงานชีวิต ที่เกี่ยวกับการมีอายุยืนยาว ไร้โรคภัย ล้วนมีส่วนเกี่ยวกับ...
    1.พลังงานกรรม
    2.ระบบลมหายใจ
    3.พลังงานจากสารอาหาร

    ซึ่งทั้งสามสิ่งนี้ล้วนมีผลต่อการมีอายุขัยของมนุษยที่ล้วนเกี่ยข้องกัน และทั้งสามส่วนล้วนเป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าที่มีอำนาจเหนี่ยวนำทั้งในทางด้านการส่งเสริมและการทำลายค่ะ
     
  5. เจไดหรือธิส

    เจไดหรือธิส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +359
    โห ถือว่าเป็นเรื่องที่ฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่มีความเป็นไปได้ครับ ถ้ามีอีกรบกวนเขียนใว้เรื่อยๆนะครับ ชอบอ่านอะไรแนวนี้ครับ
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    เรามาทำความเข้าใจววัฒนาการกระบวนการชีวิตกันก่อนค่ะ

    ตามที่พระพุทธศาสนากล่าวว่า "จิตสร้างรูป" ตามนัยยะเช่นไร!

    การสร้างกระบวนการชีวิต และพลังงานชีวิตก็คือ พลังงานจิต

    การปฏิสนธิเป็นทารกในครรภ์เพศแม่ กลไกการสร้างอาศัยหลักการและกฎเกณฑ์สากลจักรวาล

    กาปฏิสนธิเป็นทารกในครรภ์เพศแม่ จึงจำเป็นต้องสร้างสภาวะแวดล้อมให้คล้ายคลึงกันกับจักรวาลที่เป็นความมืด คือ "รก" และของเหลวสีดำ..คล้ายฉากดำ ที่จะช่วยให้เกิดสภาวะลอยตัวคล้ายอยู่ในอวกาศหรือจักรวาล

    images (4).jpeg

    สเปอร์มเพศชายแต่ละตัว ถูกโปรแกรมหน้าที่ไว้ให้มันทำงานคล้ายรถบรรทุก ที่แบกขนเอายีนส์หรือ DNAของเพศพ่อเจ้าไปส่งถึงนิวเคลียสของไข่ของเพศแม่ ที่มียีนส์หรือ DNA ที่รอคอยในการจับคู่

    แต่ละตัวมันจะแบกขนเอากลไกทางพันธุกรรมซึ่งเป็นเส้นใยดีเอ็นเอชนิดหนึ่ง มันมีคุณสมบัติเสมือนแท่งแม่เหล็กที่มีสองขั้ว เหนือ-ใต้ นำไปใช้เพื่อการปฏิสนธิ มันกลายเป็นสะพานทางจิตวิญญาณ ที่เชื่อมโยงระหว่างมิติโลก และมิติพลังงาน

    เส้นใยดีเอ็นเอที่มีอำนาจแม่เหล็กที่ติดไปกับสเปอร์มนั้น มันมีหน้าที่สำคัญ เนื่องจากถูกโปรแกรมให้มันมีคุณสมบัติพิเศษอยู่ 2 ประการ

    1.เก็บพลังงานสำรองเพื่อการขับเคลื่อนตนเอง และสร้างพลังอำนาจในการเหนี่ยวรั้ง

    ทันทีที่มีเพศสัมพันธ์ ทำให้จิตใจมนุษย์เกิดแรงสั่นสะเทือนทางอารมณ์แห่งความพึงพอใจสุดขีด อันที่จะกระตุ้นพลังงานจิตใจสำนึกที่ปลดปล่อยออกมา มันจะมีความว่องไวในการรับคลื่นพลังงานมาก

    ซึ่งพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กถ่ายทอดสัญญาณเป็นรหัสสู่ยีนส์ หรือ DNA ที่มันนำติดตัวไปด้วยเพื่อแปลรหัสทางชีวภาพ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวแหวกว่ายต่อไป

    นี้แหละค่ะที่พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ว่า เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์

    เส้นใยแม่เหล็กดีเอ็นเอที่มีพลังงานพื้นฐานเหลืออยู่เล็กน้อยของทั้งสองฝ่าย มันจะเกิดการจับคู่กันด้วยอำนาจเหนี่ยวรั้ง เมื่อรวมพลังงานของกันและกันไว้เป็นหนึ่งเดียวกันมันจึง ก่อให้เกิดพลังอำนาจใหม่

    มนุษย์คงจำได้ว่า พลังอำนาจจากจิตใต้สำนึก แม้มันจะคิดเองไม่เป็น เห็นเองไม่ได้ แต่มันก็สามารถน้อมนำเอาสรรพสิ่งใด ๆ ที่มีคุณสมบัติทางพลังงานที่ต้องการมาให้เสมอ และสะพานทางจิตวิญญาณ จะทำหน้าที่เป็นเครื่องรับคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กจักรวาล เป็นอิสระจากระบบชีววิทยาของเพศแม่ เพื่อใช้เป็นพลังงานพื้นฐานในการก่อสร้างรูปธรรมด้วยกระบวนการชีวภาพ โดยมีต่อมพิทูอิทารี่ของทารกเป็นที่ยึดรั้งจิตวิญญาณไว้ ตั้งแต่ออกมาดูโลกตราบสิ้นอายุขัย

    และเส้นใยแม่เหล็กคู่นี้ จะทำหน้าที่เป็นผู้รับคำสั่งเป็นรหัสบุรพกรรมแม่เหล็กจักรวาล เพื่อถ่ายทอดสัญญาณสู่ยีนส์ หรือ ดีเอ็นเอ ในการถ่ายทอดพันธุกรรม โดยมันแปลรหัสบุรพกรรมทางชีวภาพตามโปรแกรมที่ถูกป้อนมา เพื่อออกคำสั่งให้เกิดกระบวนการทางชีวภาพ

    แล้วในยุคพลังงานเก่าจักรวาลกำหนดการตายของมนุษย์ไว้อย่างไร? ติดตามค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2020
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    มนุษย์แต่ละคนมีอายุขัยยืนยาวไม่เท่ากันเพราะ...

    ในยุคพลังงานเก่า จักรวาลกำหนดการตายของมนุษย์ด้วยการจัดวางเส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 2 ขั้ว ทั่วเซลล์ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ

    เส้นใยเกลียวแม่เหล็กนี้ จะเป็นตัวติดตั้งรหัสบุรพกรรมแม่เหล็กของจิตวิญญาณมนุษย์ผู้นั้นมาตั้งแต่เกิด

    รหัสบุรพกรรมแม่เหล็กของแต่ละคน ก็คือข้อมูลอันเป็นคุณสมบัติของกรรมเก่า ที่เป็นวิบากกรรมต่าง ๆ ในอดีตชาติที่สั่งสมไว้ และยังไม่ได้รับการชดใช้ ที่มันจะคอยทวนสัญญาณ คอยกำกับเป็นคำสั่งยีนส์ หรือ DNA ที่อยู่ภายนอกอย่างต่อเนื่อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2020
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    และ...มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อายุขัยของมนุษย์มนุษย์ไม่เท่ากันเพราะ....

    เมื่อ DNA รับเอารหัสข้อมูลดังกล่าวแล้ว จะนำเอารหัสพลังงานเก่า หรือกรรมเก่า มาสู่กระบวนการสร้างใหม่ทางชีวภาพ

    ร่างกายทั้งระบบมีการเจริญเติบโตตามสัดส่วนพลังงานกรรมจากอดีตชาติ

    การที่แต่ละคนมีอายุขัยยืนยาวไม่เท่ากัน ความบกพร่องทางอวัยวะล้วนเกิดจากผลกรรมเก่าที่ทำไว้

    เมื่อดีเอ็นเอได้รับรหัสกรรมเก่า ดีเอ็นเอจะเป็นตัวกำหนดให้เส้นใยเกลียวแม่เหล็ก เปิดรับพลังงานจากจักรวาล ซึ่งถูกส่งผ่านมาตามโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกที่ห่อหุ้มตัวมนุษย์ไว้ตามสัดส่วนที่ได้รับรหัสมา

    ส่วนใหญ่แล้วกำหนดให้ขาดความสมดุลเสมอ เนื่องจากจิตวิญญาณทุกดวงนำเอารหัสพลังงานกรรมเก่าจากอดีตชาติ ที่มีพลังงานกรรมด้านลยติดตัวมาด้วยทั้งสิ้น

    ถ้าระบบชีววิทยาของมนุษย์ได้รับพลังงานขาดความสมดุล จะทำให้สังขารมีการร่วงโรยไป เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับพลังงานกรรมที่เคยสั่งสมไว้ในอดีตชาติเป็นสำคัญ

    การขาดพลังงานจักรวาลจะทำให้เซลล์ร่างกายหรืออวัยวะต่าง ๆ หยุดการเจริญเติบโตและหยุดการฟื้นฟูตนเอง ในที่สุดมนุษย์นั้นก็ต้องเป็นไปตามกรรม หรือหมดสิ้นอายุขัย

    ค่ะ คลื่นพลังอำนาจแม่เหล็กโลกในแต่ละยุค จึงเป็นเหตุสำคัญเหตุหนึ่ง ที่มีส่วนกำหนดอายุขัยของมนุษย์แต่ละยุค หรือแต่ละกัปป์ นอกจากกรรมแล้วด้วยค่ะ

    เพราะอะไร? เพราะ... คลื่นความถี่แม่เหล็กโลกที่ยกตัวขึ้นสูง หรือ ต่ำ ล้วนมีผลต่อการกำหนดอายุขัยมนุษย์ ทันทีที่คลื่นแม่เหล็กโลกเพิ่มขึ้น รหัสบุรพกรรมหรือบุรพกรรมแม่เหล็กที่ติดตั้งไว้กับเส้นใยเกลียวแม่เหล็ก 2 ขั้วดังกล่าวแล้ว จะถูกเปลี่ยนค่าไปทางด้านบวกเพิ่มขึ้นตามไป

    ด้วยเหตุนี้...

    การยกระดับพลังงานโลกในยุคพระศรีอาริย์ทำให้มนุษย์โลกมีอายุขัยยืนยาวตามไปด้วยก็เพราะเหตุนี้ และยังมีส่วนเกี่ยวกับการหยั่งรู้แจ้งทางทางปัญญา เพื่อชำระจิตตนด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2020
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    มนุษย์พึงรู้ว่า ร่างกายตนเองมีหน้าที่หลักอยู่ 2 ประการคือ การตาย และการเกิดใหม่ โดยมีกรรมเก่าด้านลบเป็นปัจจัย ถ้าหากพลังงานกรรมด้านลบถูกกำจัดออกไปเสียได้ ร่างกายมนุษย์เกิดใหม่แล้วก็หมดหน้าที่ตายเมื่อนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2020
  10. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    เท่าที่เคยเกริ่นไว้ว่า อายุขัยของมนุษย์มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องหลัก ๆ 3 อย่างคือ
    -พลังงานกรรม
    -พลังงานชีวิต (ลมหายใจ)
    -พลังงานจากสารอาหาร ที่จำเป็นแก่เซลล์ หรือระบบอวัยวะต้องการอะไรให้ชีวิต

    ถ้าเรื่องพลังงานชีวิต ก็คงต้องนึกถึงลมหายใจ ก็คือ การฝึกสมาธิที่ถูกต้อง

    เคยคิดกันไหมคะว่า ทำไม? พระหรือผู้ที่ฝึกสมาธิมาหลายสิบปี ทำไมบางคนยังเป็นโ่รคหรือเจ็บป่วยเรื้อรังไม่สามารถรักษาตนเองได้และเสียชีวิตก่อนวัยกันก็มาก

    คำว่าฝีกลมหายใจถูกต้อง...คิดอย่างไร? บางคนก็กล่าวว่าที่ฝึกนี้ถูกต้องของเขาแล้วแล้วทำไม จึงกล่าวว่า...ต้องฝึกลมหายใจที่ถูกต้องเป็นอย่างไร

    จิตยิ้มได้ศึกษาเรื่องราวและความรู้เรื่องนี้จากผู้รู้ทั้งสองท่านค่ะ ถึงแม้ความรู้จะออกไปคนละแนวแต่สามารถเชื่อมโยงกันให้เห็นได้...กับคำว่า ลมหายใจที่ถูกต้องคือ สิ่งใด?

    และมีความสัมพันธ์กับ สัมมาสมาธิ และ มิจฉาสมาธิด้วยค่ะ

    และนอกจากนั้น ลมหายใจ ที่เป็นพลังงานชีวิต ยังได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับต่อมไร้ท่อต่าง ๆ ที่มีผลทำให้สุขภาพแข็งแรง อายุยืน

    ก่อนจะกล่าวถึงนี้ อยากนำเรื่องพลังงานกรรมมาไว้ให้พิจารณาก่อนค่ะ เพราะนอกจากเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนาการมีสุขภาพที่ดี และอายุยืนยาวแล้ว กรรมยังเป็นสิ่งที่น่าศึกษา หากเรานำความรู้แนววิทยาศาสตร์มาประกอบกับความรู้ทางศาสนาแล้ว ยังช่วยให้เราชำระจิตเพื่อทำให้ตนเองหลุดพ้นจากทุกข์ด้วยค่ะ

    จิตยิ้มเคยนำเรืองกรรมมาลงในกระทู้ เตรียมตัวให้พร้อมมันกำลังมา ! แจ้งข่าวสารการชำระโลกไว้บ้างแล้ว แต่นี่จะนำข้อมูลมาให้พิจารณาให้อย่างครบถ้วนเลยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2020
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    "ฮอร์โมนแห่งความตาย"

    เซลล์จะเกิดการทำงานผิดพลาดโดยมันจะหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมา ที่นักวิทยาศาสตร์โลกยังค้นไม่พบมัน ที่เราเรียกมันว่า "ฮอร์โมนแห่งความตาย" เพื่อจะย่อยสลายเซลล์เม็ดเลือดขาวของตนเองจนหมดสิ้น ขณะที่มันจะยอมรับเชื้อโรคเข้าไปด้วย และเซลล์ที่ขาดความสมดุล มันจะหยุดการฟื้นฟูตนเองได้เช่นกัน

    มนุษยฺจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าสาเหตุใดหรือสิ่งใดที่ทำให้แก่เร็ว จงชะลอมันไว้ให้จงได้

    - การรัะมัดระวังตนเองด้านโภชนาการ
    - การไม่ทำร้ายสุขภาพตนเองด้วยความประมาท (หมั่นออกกำลังกาย เป็นต้น)

    เราเข้าใจกันดีอยู่แล้ว ส่วนเรื่อง....

    -การรักษาความสมดุลในจิตใจตนเองไว้เสมอ ก็คือ การรักษาความสมดุลทางอารมณ์ และ
    -การนำตนเองให้ห่างไกลจากสนาแม่เหล็กไฟฟ้าเทียม ที่เกิดจากเครื่องไฟฟ้าแบบต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของตนเอง

    การรักษาความสมดุลทางจิตใจ เช่น โรคเครียด วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย โกรธ โมโห หม่นหมอง กระวนกระวาย อาฆาตแค้น ความเก็บกดทางอารมณ์ อารมณ์ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ล้วนทำให้เซลล์ทำงานผิดพลาดจนทำให้อายุขัยได้ทั้งสิ้น

    ส่วนสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียม จะเป็นตัวการทำลายความสมดุลของขั้วต่างดังกล่าวจนเสียสมดุล เซลล์จะทำงานผิดพลาดจนหลั่งสาร ฮอร์โมนแห่งความตาย เพิ่อย่อยสลายเซลล์เม็ดเลือดขาว และมันจะยอมรับเชื้อโรคเข้าไปด้วย

    เพราะ...สาเหตุใด?

    ที่เรารู้กันว่า อวัยวะของมนุษย์ทุกเซลล์นั้น มันจะมีขั้วต่างทางไฟฟ้าติดตั้งอยู่ มีลักษณะเหมือนเสาทีวีสองแฉก ขั้วต่างดังกล่าวนี้มันจะมีความสมดุลกับอำนาจแม่เหล็กโลกเสมอ

    ด้วยความประมาทของมนุษย์เอง ที่ยุคสมัยนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย เพื่อสร้างความสะดวกสบายในชีวิต มนุษย์ไม่รู้ว่า บรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ ก่อให้เกิด สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียม ที่ทุกที่มีอยู่ ถึงแม้มันไม่ส่งผลต่อสนามแม่เหล็กโลก แต่ว่ามันมีผลกระทบต่อสนามแม่เหล็กโลกที่เซลล์ร่างกายมนุษย์ จะเกิดการขาดความสมดุลโดยตรงทั้งสิ้น

    ซึ่งผลทางลบที่มนุษย์กระทำกับตนเอง มันจะทำให้เกิดการเจ็บป่วย ติดเชื้อจากโรค สติปัญญาการคิดอ่านหย่อนสมรรถภาพ และสภาวะทางอารมณ์ไม่ปกติ

    ดังที่ได้ทราบกันแล้วว่า กระบวนการทางชีวภาพของร่างกายมนุษย์ เช่นการคิดอ่าน ล้วนอยู่ในรูปไฟฟ้าเคมี (Electro-chemical) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ทุกส่วนของร่างกายและอวัยวะภายนอกภายใน มันย่อมสมดุลกับทางแม่เหล็กเสมอ มันย่อมอ่อนไหวมากหากมีสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมมากระทบอวัยวะส่วนนั้นจะถูกรบกวนจนเสียสมดุลไปทันที ความผิดปกติของร่างกายและจิตใจจึงเกิดขึ้น เมื่อสนามไฟฟ้าแม่เหล็กเทียมรบกวน จนขาดความสมดุลไป เนื่องจากจักรวาลกำหนดสัดส่วนทางไฟฟ้าแม่เหล็กไว้คงที่ เพื่อใช้เป็นกุญแจปิดล๊อกเซลล์ร่างกายมนุษย์ เพื่อใช้เป็นกุญแจปิดล๊อกเซลล์ร่างกายมนุษย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมใด ๆ เล็ดลอดเข้าสู่เซลล์เพื่อทำลายระบบชีววิทยา ยกเว้นมนุษย์ปล่อยตนเองด้วยความประมาท ปลดล๊อกกุญแจดอกนี้ที่จักรวาลให้ไว้ ยอมให้เชื้อโรคร้ายต่าง ๆ เข้าไปภายในระบบวิทยาได้เท่านั้น

    ยิ่งมนุษย์เจริญทางวัตถุมากเท่าไร ร่างกายและจิตใจก็อ่อนแอ และตกต่ำตามไปด้วย

    เมื่อรู้อย่างนี้จึงเข้าใจว่า มนุษย์ลึก ๆ แล้วจึงชอบวิถีธรรมชาติ อยู่กับธรรมชาติและสงบสุข โดยเฉพาะการปฏิบัติจิตอยู่ท่ามกลางแวดล้อมของธรรมชาติจึงดีกว่า และศาสตร์บำบัดทางธรรมชาติเกี่ยวกับการรักษาจึงเป็นไปด้วยนัยยะใดนะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2020
  12. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ประโยชน์ของการสวดมนต์ (พระคาถามหาจักรพรรดิ)

    (ถอดมาจากคลิบบรรยายของหลวงตาม้า “ตอน 49 ประโยชน์ของการสวดมนต์ โดย หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ” เพื่อให้สาธุชนผู้สนใจในการสวดมนต์บทพระมหาจักรพรรดิ ได้อ่านและได้ทราบถึงอานิสงส์และประโยชน์ โดยทั่วกัน)

    ..ผลมันเกิดที่ใจมันออกที่ธาตุ ทรงอารมณ์ให้ดี ท่านใช้เวลาปีเดียวหน้าตาจะผ่องใส เพราะอารมณ์ดี โรคที่ใหนจะไปกิน โรคที่กินคือโรคเป็นทุกข์ ถ้าจิตใจมีความสุข กระแสสุขสวดไปนี้นะท่านว่า จะเอาอายุกี่ปีก็ได้ท่านว่า อธิษฐานเอา ไปที่ใหนเป็นประโยชน์ไม่ใช่ไปแล้วเป็นโทษ ชีวิตนี้มันสั้นไม่ใช่ยาวอะไร

    ท่านบอกถ้าสร้างบารมี พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ถ้าเกิดร้อยปีท่านเกิดถี่ บางชาติต้องใช้ขันติอย่างมากเลยท่านว่า เอ็งลองดูชาตินี้ข้าอายุยี่สิบสาม ยี่สิบสี่ ยี่สิบห้า ข้าอธิษฐานอยู่กุฏิอยู่วัด ไม่ลงไม่ไปไหนตลอดชีวิต ข้านั่งอยู่อย่างนี้ ห้าสิบหกสิบปี (สมัยก่อนอยู่กับท่านท่านนั่งมาห้าสิบกว่าปีแล้ว) ทำอะไรมันต้องอดทนท่านว่า

    บุญมันได้ทุกลมหายใจเข้าออก ไอ้ที่มันช้าๆกันเพราะมันไม่เข้าใจ มันไปทำกรรมฐานแบบบังคับตัวเอง มันไม่ได้ทำใจให้สบาย ถ้าเอ็งเดือดร้อนจิตวุ่นวาย เอ็งนั่งอย่างไงงง..มันก็ไม่สงบท่านว่า ถ้าอารมณ์เอ็งดีนั่งไปซิ แป๊บเดียวก็สงบนิ่ง เหมือนนอนกลางคืนถ้าอารมณ์ไม่ดี คิดโน่นคิดนี่มันก็ไม่หลับเป็นทุกข์ ก่ายหน้าผากก็แล้วมันนอนไม่หลับ เพราะมันคิดโน่นคิดนี่ บทสวดมีประโยชน์ท่านว่า สวดให้หลับ มีประโยชน์อย่างไร

    พอสวดหลับไปไม่นาน ในความฝันมันไม่มีทุกข์ มันไปฟังพระเทศน์บ้าง ไปสวดส่งวิญญาณบ้าง ไปทำบุญมั่ง ฝันเห็นพระมั่ง ฝันเห็นวัดมั่ง ฝันดีๆทั้งนั้น ไม่มีหรอกที่ฝันร้ายๆเหมือนก่อน นี่คือกลางคืน พอตื่นขึ้นก็สวดอีกถ้าไม่ลุก ตอนกลางวันอีก กระแสของพุทธ ธรรมะ สังฆะ กระแสจักรพรรดิมันอยู่ในโลกนี้ท่านว่า กระแสจิตเราอยู่ในกระแสความดีท่านว่า มันเป็นสายใยอยู่ท่านว่า ไปที่ใหนเราก็ปลอดภัย โรคกรรมก็จะไม่เกิด เพราะกระแสมันอยู่ที่พลังงานพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ

    บทนี่มันเป็นบทบุญฤทธิและอิทธิฤทธิท่านว่า ลองคิดดูนะ ถ้ากระแสสวดไปเรื่อยๆ กระแสกรรมจะเข้าได้ที่ใหน เทวดาแถวๆบ้านเราที่เราอยู่ เขาก็ได้ประโยชน์จากเรา ได้ความสุขจากเรา คิดดูซิว่า เขาจะทำอะไรเขาจะดูแลเรามั้ย มีใครจะทำอันตรายเราได้มั้ย ไม่มี คนที่จะมาคิดทำอันตรายเรายังมีอันเป็นไปเลย อย่าว่าแต่ทำเลย นี่คือประโยชน์ ที่พูดนี่เป็นประโยชน์ส่วนน้อยนะ

    ประโยชน์มากที่สุดทิพย์อำนาจ อำนาจแห่งความเป็นทิพย์สามารถแยกอาทิสมานกายได้มากมายไม่มีประมาณ บทนี้ไตรสรณคมน์ กับจักรพรรดิท่านว่า เพียงแต่นึกก็จะแยกได้เลยท่านว่า กระแสกายกระแสจิตจะออกมา คนอยู่ใกล้ๆจะมีความรู้สึกเลยท่านว่า ไม่ใช่ไปที่ใหนวงแตกที่นั้นนะ มันจะเป็นพุทธพรหมปัญญโญ เหมือนฉายของท่านนะท่านว่า พุทธ แปลว่าผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน พรหมปัญโญ ผู้มีปัญญาอย่างพรหม เอ็งไปแปลเอง ท่านว่า

    นี้คือประโยชน์ เอ็งจะไม่เกิดมันง่าย ต้องให้จิตมีบุญ จิตมีความสบาย จะสร้างบารมีมันก็ง่าย เอ็งไม่ต้องรีบไปไหน ให้ดูจังหวะ เวลาสถานที่ และโอกาส ให้พิจารณา เมื่อก่อนท่านสอน ท่านสอนเยอะนะ บางวันก็จำไม่ได้ บางวันก็จำได้ นี่คือประโยชน์ในการสวดมนต์นะ บางคนก็ไม่เข้าใจการสวดมนต์ ว่าสวดไปทำไม ไม่เข้าใจ สวดมนต์นี่สมัยก่อน ตื่นขึ้นก็สวดมนต์แล้วแล้ว คนมาว่าเราก็ไม่ได้ยินนะ มัวแต่สวดมนต์อยู่ มันไม่ได้ยิน มันเลยไปไม่ได้ยิน มันแว่วๆ ไม่ได้ยิน นี่คือประโยชน์

    อยู่ว่างๆให้สวดมนต์ท่านว่า มัวแต่ไปคุยกัน รู้หรือเปล่าคุยกันบางอย่าง มันไม่ได้เรื่องได้ราว ถ้าคุยธรรมะก็พอว่า เดี่ยวเลยไปทางโลกมั่ง เลยอะไรไปมันมั่วไปหมด มันไม่มีประโยชน์ ยิ่งมาอยู่ที่วัดมันไม่ต้องทำงานอะไรสบายเลย บุญล้วนๆเลย ตื่นขึ้นก็ได้แล้ว จนกว่าจะหลับ ถ้าทำอย่างหลวงตาว่า อย่างหลวงพ่อท่านว่า แป๊บเดียวท่านบอก ไม่นาน พอจะเข้าใจเรื่องพลังงานงาน

    พลังงานไม่ได้สูญหายไปจากโลกท่านว่า สิ่งที่เรากระทำสิ่งที่เราพูด กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มันเป็นลูกอยู่ท่านว่า มันเป็นพลังงานอยู่ มันก็ไปตามจิต ภาพอยู่ที่ตรงที่กระทำ จิตก็นึกได้อยู่ คือกระแสของความจำ จำภาพที่ตัวเองทำ ทุกคนจำได้ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน มันจะเรื่อยๆไปอนาคต มีประโยชน์มาก ถ้าใครจะสวดก็สวด ที่นี่ไม่มีข้อวัตรนะ ไม่เคยบอกว่าต้องมาสวดนะ ใครจะสวดก็สวด ใครไม่สวดก็ไม่ว่าอะไร ถ้าไม่เข้าใจก็มาถามได้ว่า สวดไปทำไม

    อยากให้สวดดูว่าสักสิบปีนี้ ว่าจิตจะมีอำนาจตามที่พูดมั้ย มันจะมีทิพยอำนาจมั้ย อำนาจทางจิตหนะ อำนาจของความเป็นทิพย์ จิตมันเป็นทิพย์ แต่ต้องอาศัยธาตุกับจิตสะสมพลังงาน ธาตุมันสะสมไม่ได้ท่านบอก มันสะสมที่จิต แต่ต้องอาศัยธาตุตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ตายแล้วทำไม่ได้เพราะไม่มีธาตุ เพราะงั้นภพภูมิเขาเวลาเราอธิษฐานไว้นี้นะ เขาจ้องไว้ตลอดเวลา เราทำอะไรนึกอะไรเขาจะมาโมทนาหมด กระแสเขามารับทันที

    ประโยชน์มากถ้าทำได้ก็โมทนาสาธุ ดีกว่าหายใจทิ้ง บางวันคิดไม่ได้เรื่องได้ราว เผลอๆทำไม่ได้เรื่องได้ราว จริงๆแล้วฝึก 5 ปีนี้รู้เลยนะ นั่งอยู่ใกล้ๆใครนี้รู้เลยนะ ถ้าฝึกจริงๆนะ ใช้เวลา 5 ปี ถ้านั่งไกลเขาจะรับกระแสได้เลย นั่งใกล้ๆรับกระแสได้ทันที ถ้าเราสัพเพไปแล้วเรานึกไปเขาจะรับกระแสได้ทันทีเลย มีประโยชน์มาก... เอาละสัพเพ....
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ความหมายที่แท้จริงของ การชดใช้กรรม คือ อย่างไร?

    การที่เราเคยตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊กไว้ในชาตินี้ เมื่อตายไปสู่การเกิดใหม่ เราต้องกลับชาติมาเกิดเป็นหมา เป็นเจ๊ก ให้หมากับเจ๊กได้กลับชาติมาเกิดเป็นเราเพื่อเราจะเป็นฝ่ายถูกด่าแม่ให้เข้าบ้าง ตามกฎแห่งกรรมจริงหรือ? กฎแห่งกรรมที่แท้จริงสำหรับตัวเราที่กระทำไม่ถูกต้อง เราต้องเผชิญกับผลกรรมนั้นอย่างไร?

    น่าคิดนะคะ

    จิตยิ้มเคยฟังพระไตรปิฎก เรื่องยักษ์กับแม่ไก่ ที่ผลัดกันฆ่ามาหลายภพชาติ จนเกิดการอโหสิกรรมต่อกัน จึงเลิกแล้วต่อกัน

    และเคยอ่านเรื่องการชดใช้กรรม กรรมบางเรื่องต้องชดใช้หลายแสนชาติ กรรมเรื่องก็ชดใช้ร้อยชาติ พันชาติ บ้าง เพราะเหตุใด การชดใช้กรรม จึงมีวาระของเวลาที่ให้ผลต่างกัน ไม่เท่ากัน เพราะอะไร?
     
  14. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869


     
  15. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ผลกรรมของมนุษย์ คืออะไร?

    ผลกรรมในที่นี้หมายถึง ผลกรรมจาการคิดและการกระทำ ซึ่งเกิดจากพลังงานทางอารมณ์ และพลังงานทางการคิดของจิต ก่อให้เกิดความรู้สึก นึกคิด และอารมณ์ขึ้น แม้จะนำไปสู่การกระทำหรือแสดงออกทางกายต่อบุคคลอื่น หรือ สรรพสิ่งอื่นหรือไม่ ก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการเกิดกรรมแล้ว พลังงานกรรมที่เกิดขึ้น จะแผ่ผ่านออกมาภายนอกร่างกายได้

    ในการทำกรรม เป็นการทำงานของใจ จิตจะเป็นตัวการ และมีจิตใต้สำนึกเก็บรหัสข้อมูลจดจำเอาไว้

    ซึ่งรหัสข้อมูลทางพลังงานเหล่านี้ จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นจะรับเอาไว้เป็นคุณสมบัติแห่งผลกรรมของตนทุกเรื่อง เมื่อร่างกายแตกดับลง พลังงานกรรมดังกล่าวจึงถูกเชื่อมโยงไว้มนุษย์นั้นในทุกภพชาติ จนกว่าเจ้าของจะทำมันให้เป็นกลางให้จงได้

    การเกิดวัฎจักรชีวิต เวียนว่ายตายเกิด การมีภพชาติของแต่ละคน เมื่อจิตวิญญาณตนเองสลัดเป็นอิสระจากสังขารร่างกายมนุษย์ทันทีที่ดับลง จิตวิญญาณที่สะสมพลังงานกรรมต่าง ไม่ว่าบวกหรือลบเอาไว้มาก จะมีน้ำหนักมวลเพิ่มมากขึ้นจึงเป็นภาระเพื่อหาทางกำจัดพลังงานกรรมทั้งหมดของตนต่อไป

    วิธีชดใช้กรรมที่มนุษย์ต้องรู้

    การชดใช้กรรมของมนุษยฺในยุคพลังงานใหม่ พลังงานกรรมกลุ่มใดก็ตาม มนุษย์นั้นต้องชดใช้มันสถานเดียว กรรมนั้นจึงจะสิ้นสุดได้

    การที่เราตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊กไว้ในชาตินี้ หากเรากลับมาเกิดภพใหม่ภพชาติต่อไป ไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องเกิดเป็นเจ๊กเป็นหมา ให้ผู้เคยถูกเรากระทำไม่ถูกต้องเหล่านั้น มีโอกาสกระทำตอบต่อเราบ้าง

    แต่...การเผชิญผลกรรมนั้น ก็คือ การที่เราจะกลับเข้าสู่เงื่อนไขสถานการณ์แบบเดิมอีกครั้ง (เราคงเคยได้ยินคำว่า เจ้ากรรม-นายเวร กรณีนี้เป็นเรื่องของนายเวรอย่างเดียวค่ะ) เพื่อให้ตัวเราได้มีโอกาสแก้ตัว ด้วยการคิดตัดสินใจใหม่ว่า...เราจะตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊กหรือไม่!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2020
  16. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    พลังงานกรรมนั้น ๆ จะแผ่ออกมาภายนอกร่างมนุษย์ ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันแทรกซึมไปบนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก สู่สนามพลังงานจักรวาลการแผ่คลื่นพลังงานกรรมจะมีลักษณะคล้ายการแผ่รังสีจากจุดศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ที่กระจัดกระจายออกไปโดยรอบ ซึ่งพลังงานกรรมดังกล่าว จะเคลื่อนที่ไปบนโครงข่ายสนามพลังงานโลก ซึ่งเชื่อมโยงกับสนามพลังงานจักรวาลได้อย่างรวดเร็ว และไปได้ไกลเกินกว่ามนุษยฺจะคาดคิด

    กรรมที่เป็นคลื่นพลังงานด้านลบ ถ้าเป็นคลื่นอารมณ์และการคิดในด้านลบ หรือเป็นลักษณะของการแสดงออกหรือกระทำไม่ถูกต้องต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นพลังงานคนละชนิดกันกับสนามพลังงานจักรวาล เมื่อมนุษย์แผ่กระจายออกไป มันจะถูกผลักสะท้อนกลับคืนมาสู่ตัวมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของมันทันที

    อำนาจการผลักเพื่อสะท้อนกลับจะรวดเร็วหรือรุนแรงเพียงใด ขึ้นอยู่กับระดับคลื่นความถี่ของพลังงานด้านลบที่แผ่ออกไปสำคัญ (หลายคนคงนึกถึงภาพมุมเบอแรงได้ค่ะ)

    เมฆหมอกสีดำของพลังงานกรรมด้านลบ คือคุณสมบัติของสถานการณ์ที่เป็นเงื่อนไขเดิมที่เราต้องฝ่าฟันมันเข้าไปให้ถึงใจกลาง ที่มีคำตอบที่ถูกต้องในการตัดสินใจเร้นอยู่ข้างในอันเป็นรหัสบุรพกรรมของเราในชาติก่อน จะกลายมาเป็นเงื่อนไขใหม่ในชาติดังกล่าว

    การเผชิญสถานการณ์แบบเดิม ก็คือการที่เราก้าวเดินไปในเมฆสีดำนั้น ถ้าเราตัดสินใจใหม่ได้อย่างถูกต้อง ก็เท่ากับว่าเราเดินฝ่าเข้าไปตรงจุดศูนย์กลางเมฆหมอกสีดำนั้น เพิ่อสัมผัสกับพลังงานด้านบวกที่เร้นอยู่

    images (6).jpeg


    ทันทีที่มนุษย์สัมผัสมันได้จากการตัดสินใจครั้งใหม่ที่ถูกต้อง เมฆหมอกสีดำนั้นก็จะสลายหายวับไปทันที กรรมนั้นก็จะสิ้นสุดถือเป็นหมดกรรม เพราะพลังงานกรรมด้านลบถูกทำให้เป็น
    กลางหมดสิ้นแล้ว

    ถ้ามนุษย์นั้นยังตัดสินใจผิดอีกครั้ง กรรมนั้นก็ยังคงอยู่ถือว่าเป็นการสอบตกซ้ำชั้น จะต้องกลับมาเกิดใหม่เพื่อหาหนทางกำจัดมันให้ได้ในภพชาตืต่อไปอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าจะอีกกี่ภพกี่ชาติก็ตาม

    นี้เป็นกรรมวิทยาศาสตร์ในแง่คุณสมบัติพลังงานค่ะ

    ตรงจุดศูนย์กลาง เปรียบดั่ง พลังงานบริสุทธิ์ หรือจะเรียกว่า แสงแห่งธรรม (ปัญญาญาณ)
    ตรงกับบทสวดของธรรมจักรที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา"

    แต่ที่นี้การที่เราจะพบแสงแห่งธรรม ตรงจุดศูนย์กลางได้ เราจะต้องปฏิบัติเช่นไร เพราะสิ่งที่ขวางกั้นคือ อัตตาและทิฐิ ความเห็นผิด คือตัวการสำคัญ

    กรรมบางเรื่อง ก็เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและนิสัยได้ แต่กรรมบางอย่างไม่สามารถที่จะเอาชนะใจตนเองได้เลย จิตยิ้มผ่านมาได้อย่างไรจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
     
  17. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    พลังสั่นสะเทือน

     
  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    ท่าน Mdef ได้พูดถึงพลังานสั่นสะเทือน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ค่ะ

    และพลังงานสั่นสะเทือนนี้แหละค่ะ คือตัว Main หลักของพลังงานชีวิต

    พลังงานชีวิต เกี่ยวกับโรคภัย และการมีชีวิตอยู่ได้ เกี่ยวข้องอย่างไร? มาทำความเข้าใจกันค่ะ

    แก่นแท้ของมวลใด ๆ มันคือพลังงานทั้งสิ้น

    กระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และสัมพันธ์กันระหว่างสรรพสิ่งในจักรวาล ล้วนเป็นกระบวนการทางพลังงาน แม้ในความเป็นมนุษย์ ซึ่งเปรียบเสมือนมวลชนิดหนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นในจักรวาลนี้

    การสั่นสะเทือนของจิตใจ อันเป็นเครื่องมือของจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้ของความเป็นมนุษย์ นั่นเอง ให้เกิดกระบวนการทางพลังงาน เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับสรรพสิ่งอื่น ในมิติของพลังงาน เพื่อการสร้างใหม่ เพื่อการดำรงอยู่ เพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ต่างไปจากการกระทำทางพลังงาน ของเทหวัตถุใด ๆ ในจักรวาลอันเป็นสากลแม้แต่น้อย

    สัจธรรมของศาสนา จึงเน้นการปฏิบัติจิตที่เป็นแก่นแท้ เพราะการสั่นสะเทือนทางจิตใจของมนุษย์ เกิดเป็นอารมณ์รู้สึกและการนึกคิดใด ๆ มันก่อให้เกิดพลังงานใหม่ในมิติพลังงานขึ้นมาได้ตลอดเวลา

    พลังงานจิตจากกระบวนการทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดของมนุษย์ จะถูกปลดปล่อยออกมาภายนอกร่างกาย สู่สนามพลังงานจักรวาลเสมอ

    ทั้งยังสร้างพลังงานใหม่ที่เป็นด้านบวกและด้านลบได้อีกด้วย การแสดงออกต่อกัน จะเป็นการตอบบสนองทางพลังงานปรากฎให้เห็นเป็นผลลัพธ์ ของกระบวนการทางพลังงาน จากจิตใจของผู้ถูกกระทำ นั่นเอง

    เข้าใจสัจธรรมแก่นแท้ของตนเอง การถูกปิดบังมิติเอาไว้ด้วยกลไกอันซับซ้อนและมีจิตใจสั่นไหวให้เกิดพลังงานใหม่ทั้งบวกและลบ การปฏิบัติจิตให้ถูกต้อง เพื่อหาหนทางเข้าถึงกระบวนการสร้างพลังงานใหม่ทางด้านบวก ให้สอดคล้องกับภาระหน้าที่ของจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้ให้จงได้ พระศาสดาจึงสอนให้มี ศีลธรรม สติ สมาธิ และมีปัญญา

    ผลพลอยได้จากการมีสติ ก็คือ การตัดสินใจกระทำใด ๆ ที่ถูกต้องต่อกัน มันจะช่วยให้มนุษย์ไม่สร้าง "พลังงานกรรม" เกิดขึ้น จนสร้างวัฎจักรของการมีภพชาติให้ยุ่งยากต่อการตายและการเกิดใหม่ เพิ่อการกำจัดพลังงานกรรมที่ตนก่อไว้ เพราะการตัดสินใจผิดพลาดไว้ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2020
  19. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ใจ/มโนวิญญาณ มีสภาพนึกคิดปรุงแต่งไปตามที่กระทบ
    การกระทบก็เป็นการสั่นสะเทือน กระทบภาพพระก็เป็นด้านบวก


    received_2421570831456212.jpeg
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,198
    เห็นด้วยค่ะ

    กระทบในที่นี้ ถ้าหลักพุทธศาสนา ก็คือ สฬายตนะ หรือ อายตนะ +ผัสสะ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สิ่งเร้าที่เป็นเงื่อนไขให้จิตใจไหว หรือ เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

    ถ้าท่านกล่าวว่า ใจ/มโนวิญญาณ มีสภาพนึกคิดปรุงแต่งไปตามที่กระทบ เราก็อาจกล่าวได้ว่า มีผู้รู้ กับ สิ่งที่ถูกรู้

    ท่านเคยมองไปเบื้องหน้าด้วยจิตที่ตั้งมั่น ท่านเห็นสิ่งที่แยกออกจากกัน ระหว่าง ผู้รู้ กับสิ่งที่ถูกรู้...ไหมคะ

    ใจ / มโนวิญญาณ ที่มีสภาวะนึกคิด ปรุงแต่งไปตามที่กระทบที่ท่านกล่าวนั้น แท้จริงมีส่วนของวิญญาณขันธ์ ที่เกิดจากอวิชชา ที่เป็นสังขตธรรม และ อมตธาตุรู้บริสุทธิ์ ที่ถูกอวิชชาห่อหุ้มอยู่ ประกอบเข้าด้วยกัน

    สภาพการนึกคิดปรุงแต่ง คือ ตัวจิต ที่อยู่ในวิญญาณขันธ์ที่เป็นผู้รู้ จิตเป็นตัวนึกคิดปรุงแต่ง

    จิตไหลไปกับอะไร ก็จะยึดสิ่งนั้นเป็นตัวตน เป็นตัวเรา เกิดนันทิ ไหลไปกับอารมณ์ เกิดจิตส่งออก เกิดวงจรปฏิจจสมุปบาท

    และกระแสสั่นสะเทือนนี่แหละค่ะ ที่เป็นตัวจริง ของจริง ของชีวิตเรา ถ้าเราฝึกจนเข้าถึงได้ หรือ จนเป็นกระแสนั้น วงจรกรรมก็สั้นลง วงจรความคิดก็ถูกตัด และเกิดพลังงานชีวิตไหลโฟว์ทั่วร่างกาย เกิดความสมดุล ก็แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ กระแสพลังงานนั่นคือ....

    สัมปชัญญะ หรือ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ค่ะ

    จากที่เคยเกริ่นไว้ข้างต้น....

    ใจ มโนวิญญาณ อมตธาตุ ที่ประกอบเข้าด้วยกัน เปรียบเหมือนดวงตา (จักษุ) ที่ตาดำมีทั้งชั้นนอกและชั้นใน และขนตา

    หากเราปลุกกระแสสัมปชัญญะ(ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม)ให้ตื่นขึ้นมา และขยายการรับรู้ให้กว้าง กระแสนี้ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

    หากขาดสติ หรือ จิตไม่ตั้งมั่น วิญญาณเกิดไปรับรู้สิ่งใด ก็จะเกิดจิตส่งออกไหลไปตามอารมณ์ กระแสที่จิตส่งออก ที่เปรียบเหมือนขนตา หากจิตเกิดการตั้งมั่น ก็จะรวมกันเป็นหนึ่ง หยุดกระแสส่งออก ตัดวงจรปฏิจจสมุปบาท รู้สักแต่ว่ารู้ เห็นสักแต่ว่าเห็น ละนันทิได้

    คำว่าจิตตั้งมั่น เป็นประตูอมตธรรม เมื่อจิตเกิดการหยุดไหล เกิดความตั้งมั่น ความตั้งมั่นที่มีกำลัง เพราะเราได้ปลุกกระแสสัมปชัญญะให้ตื่น ยิ่งมีกำลังมาก กระแสก็ยิ่งแผ่กว้างออกไป และกระแสนี้แหละค่ะ คือกระแสธาตุรู้ที่ตื่นขึ้น จะเกิดการเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ที่เรียกว่า ญาณทัศนะ การเห็น ที่กล่าวว่า "ตาสติ" รู้อยู่ เห็นอยู่ค่ะ

    วีดีโอนี้อธิบายได้ชัดเจนมาก...

     

แชร์หน้านี้

Loading...