สวดมนต์แล้วร้องไห้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย marasri, 18 พฤศจิกายน 2012.

  1. marasri

    marasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +293
    บางครั้งเวลาสวดมนต์ที่มีคำแปลแล้วพิจารณาเนื้อหาตามบทสวด
    เช่น บทสวดทำนองสรภัญญะ แล้วมักจะร้องไห้ค่ะ หรือบางทีแค่นึกถึงก็เป็น (อย่างตอนพิมพ์อยู่นี่ก็จะร้องไห้แล้วค่ะ)
    เคยฟังพระเทศน์มหาชาติครั้งหนึ่งก็ร้องไห้ค่ะ

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำนองการสวดหรือเปล่า อาการแบบนี้ดิเป็นอะไร แล้วควรแก้ไขอย่างไรดี
     
  2. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    960
    ค่าพลัง:
    +711
    ไม่ต้องแก้

    ทำต่อไป ทำต่อไป
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เกิดจากศรัทธา เกิดจากความซาบซึ้ง เกิดจากปีติ อยู่ในเครือเดียวกัน ทำอย่างที่ทำบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชินเป็นปกติ
     
  4. Ndantchor

    Ndantchor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,124
    คล้ายๆกับว่า กำลังจะได้พบกับศึกแห่งความเป็นสี

    อุปมาว่า จขกท. ได้สัมผัสพบกับสีโทนเย็น

    น้ำตาของคุณมาระศรี จึงเป็นน้ำตาแห่งความปิติ

    สงัดจากอกุศล กายเบาจิตเบา จะเป็นน้ำตาเพื่อจะชำระกิเลส ต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2012
  5. phoohats

    phoohats เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +540
    วิธีแก้มีสองวิธีคือลดกำลังจากอุปจารสมาธิ หายใจลึกๆยาวๆสามครับ กับอีกวิธี ทำจนเกินกำลังของญาณหนึ่ง คือสวดต่อไปสมาธิอยู่ที่บทสวด อย่าอยู่ที่อาการน้ำตาไหนนะครับ แต่ก่อนก็เคยเป็นครับ ถูกผิดประการใดให้พี่ๆในเว็ปแนะนำอีกทีครับ ผมคิดว่าคนในเว็ปนี้เคยเป็นก็หลายคนอยู่
     
  6. LungKO

    LungKO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    590
    ค่าพลัง:
    +925
    ควรมีสติ สัมปชัญญะ รู้ทัน โดยพิจารณาว่า สิ่งที่กำลังคิดนั้น มีการเกิดชึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นธรรมดา ฯ
    ควรศึกษาเพิ่มเติม เรื่องจริต ทั้ง 6 ฯ
    ผมคิดว่าท่านเป็นกลุ่มที่มีศรัทธาจริต ท่านมีวิธีแก้อยู่ นะครับ
    ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ควรได้รับคำแนะนำ เพื่อพัฒนาระดับจิตที่ดี ๆ สูง ๆ ขึ้นไป ต่อไป นะครับ

    แนวทาง มีอยู่ว่า
    พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า
    “บุคคลนี้มีราคจริต บุคคลนี้มีโทสจริต บุคคลนี้มีโมหจริต บุคคลนี้มีวิตกจริต
    บุคคลนี้มีสัทธาจริต บุคคลนี้มีญาณจริต”
    พระผู้มีพระภาค
    ย่อมตรัสอสุภกถา แก่บุคคลราคจริต
    ตรัสการเจริญเมตตา แก่บุคคลโทสจริต
    ย่อมทรงแนะนำบุคคลโมหจริตให้ดำรงอยู่ในการเล่าเรียน การไต่ถาม การฟังธรรมตามกาล การสนทนา
    ธรรมตามกาล การอยู่ร่วมกับครู
    ย่อมตรัสอานาปานัสสติ แก่บุคคลวิตกจริต
    ตรัสบอกนิมิตที่น่าเลื่อมใส ความตรัสรู้ชอบของพระพุทธเจ้า ความเป็นธรรมดี
    แห่งพระธรรม การปฏิบัติชอบของพระสงฆ์และศีลของตนที่น่าเลื่อมใสแก่บุคคลสัทธา-
    จริต ย่อมตรัสธรรมอันเป็นนิมิตแห่งวิปัสสนา มีอาการไม่เที่ยง มีอาการเป็นทุกข์
    มีอาการเป็นอนัตตาแก่บุคคลญาณจริต (พุทธิจริต)

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส [ปารายนวรรค] ๕. มาณวปัญหานิทเทส ๑๕. โมฆราชมาณวปัญหานิทเทส
    เล่มที่ 30 ฉบับมหาจุฬา ฯ เฉลิมพระเกียรติ ฯ ปี 2539
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤศจิกายน 2012
  7. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    เป็นอาการหนึ่งในปีติทั้งหลาย

    จำอารมณ์ไว้ แล้วลองเล่นบ่อยๆ เอาแบบนึกถึงอารมณ์นั้นปั๊บ ร้องไห้ทันที ทำบ่อยๆ
     
  8. อนาตะ

    อนาตะ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3
    เดี๋ยวต่อไปก็ไม่ร้องแล้ว พอเริ่มชิน แรกๆ ก็เยอะหน่อย
    เขาถึงบอกว่า การไม่ง่อนแง่น คลอนแคลนในพระรัตนไตย ทำได้ยาก เพราะความเคยชินนี้แระ ตัวดีนัก
     
  9. saikrang

    saikrang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอวิธีแก้อาการ ได้ฟังธรรมะแล้วร้องไห้หน่อยค่ะ

    โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินว่าคนเรานี้ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิด หรือการได้รับฟังคำอวยพรหรือแผ่เมตตาจากพระที่เราศรัทธา แต่หลังๆนี่ รู้สึกจะเริ่มหนักข้อ แบบว่า ถ้ารู้สึกว่าเป็นธรรมะที่เป็นธรรมะ จริงๆไม่จำกัดแค่พระที่เราศรัทธา ก็ร้องไห้ค่ะ ร้องหนักด้วย มีใครมีวิธีช่วยแก้อาการแบบนี้ได้ไหมค่ะ
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ....ไม่ใชมันดีหรือไม่ดี นะครับ..มันเป็นสภาพธรรม อย่างนึง ที่เกิดจาก การมีวิตก วิจาร คือ เรายกเอาจิตไปผูกติดกับอารมรณ์อันใดอันนึง อย่างต่อเนื่อง........บางครั้งมันก็คือ ปิติ ชนิดนึง....มีแต่สติ ที่รู้เท่าทัน สภาพธรรมนั้น(รู้สภาพกาย รู้สภาพใจของตนในขณะนั้น) เมื่อรู้เท่าทัน คุณจะเห็นเหตุเกิดว่า(อ๋อ จิตเราผูกติดกับอารมณ์บางอย่างมาต่อเนื่อง) คุณสังเกตุดูว่า หลังจากนั้น ยังไงยังไง ปิติ จะหยุด และเมื่อรู้เท่าทัน ต่อเนื่อง จะเกิดปัสสัทธิ คือ สงบกาย สงบ ใจขึ้นมา...สังเกตุดูว่าเป็นอย่างที่ว่าใหม? แต่ต้องมี สติ รู้เท่าทันเท่านั้นแหละครับ....ปล. คุณไม่ต้องตั้งป้อมรอ ดูว่า คราวหน้า ฉันจะเป้นอีกใหม...ก็ เจริญสติไปเลย ครับ..
     
  11. saikrang

    saikrang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอบคุณค่ะ
    แต่ว่า รู้สึกว่าจะมีความรู้สึกหดหู่ ขึ้นมาแทนอ่ะค่ะ แบบว่าเบื่อหน่าย อยากจะออกไปบวชให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ยังทำไม่ได้
     
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ...........รู้ เท่าทันไปครับ...หดหู่ ก็คือ โทสะ(ในราคะ โทสะ โมหะ) วิภวตัณหา คือ หงุดหงิดรำคาญสภาพของตน.....ก็ เจริญภาวนาต่อไปครับ.....มันก็แสดง ความไม่เที่ยงให้เห็นเอง...เพราะขณะที่คุณนั่งพิมพ์อยู่นี้ คุณ อาจจะกำลังดูทีวี รายการครัวคุณต๋อย แล้วอาจจะกำลัง ฮา อะไรสักอย่างอยู่ก็ได้.....ก็ บอกได้อย่างเดียวครับ ไป "ต่อ" ครับ
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ...........ขอเสริมนิดนึงครับ...อวิชชา ปัจจัยสังขาร นั้น ในตัวสังขารทั้งหลายนั้น ความคิดต่างต่างที่เรายังไม่รู้เท่าทันมัน เช่น ฉันทนไม่ได้แล้ว ฉันทุกข์มากมาก ฉันเลว อย่างโน้นอย่างนี้ นั่น คือ สังขารแหละครับ...เกิดจาก ความไม่รู้ในอริยะสัจ คือ ความไม่เข้าใจนะครับ.............ทุกข์นั้นเกิดจริงครับสังขารนั้นเกิดจริงความคิดนั้นเกิดจริงแต่ที่สำคัญ คือมันก้"ไม่เที่ยง"..เราเลยต้องกำหนดรู้เมื่อมันเกิด ด้วย สติ....หรือ สมถะ วิปัสนา...
     
  14. saikrang

    saikrang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +9
    สาธุ ขอบคุณมากมายค่ะ จะพยายามลองดูค่ะ เมื่อก่อนร้องไห้จนไม่อยากร้อง แบบเหนื่อยค่ะ พยายามไม่คิด แบบหนีออกห่างไม่ฟังธรรมใดๆ ก็คิดว่าดีขึ้นแล้ว แต่กลับมาฟังอีกก็ร้องไห้อีก จากนี้ไปจะพยายามมากกว่านี้ค่ะ รู้เท่าทันๆๆ แต่มันจะหายเองใช่ไหมค่ะ อีกนานไหมค่ะ
     
  15. saikrang

    saikrang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +9
    ขอเสริม อีกนิดค่ะ หลังๆนี่เหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ แล้วค่ะ ถ้าเจอแบบนี้อีก ควรจะฝืนไม่ให้ร้องหรือปล่อยให้ร้องแล้วกำหนดรู้ว่าร้องไห้น่ะ แล้วก็คิดต่อว่าที่ร้องเนี่ย ก็คือ วิตก วิจารณ์ น่ะ ไม่เที่ยงเหมือนกันน่ะ เดียวก็เปลี่ยนเป็นไม่ร้องแล้ว อย่างงี้ ใช่ไหมค่ะ
     
  16. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    คือ การเจริญสติสัมปชัญญะ คือการ รู้กายรู้ใจ ทุกขณะ(เท่าที่ จะเจริญได้) ก็ คือ เจริญได้ตั้งแต่ตอนนี้ นะ ครับ ส่วนมันจะเป็นอย่างไร มันก็แล้วแต่ ครับ คือแล้วแต่คุณนะครับ....เมื่อคุณอยากจะปฎิบัติธรรม ก็ ปฎิบัติไปเรื่อยเรื่อยละครับ จะเลือกเป็นอย่างอย่างคงไม่สมบูรณ์...ส่วนผลก็คงกำหนดมันไม่ได้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ครับ..
     
  17. ไม่ใช่ใคร

    ไม่ใช่ใคร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +21
    ปีติครับ เป็นอาการปรกติ ไม่ต้องคิดอะไรมาก

    ก็คงตอบได้แค่นี้ มีแต่นักวิชาการขั้นเทพ จะทำอะไรตามที่เขาแนะนำ ก็ศึกษาให้ดีหน่อยก็แล้วกันนะครับ
     
  18. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ไม่ทราบว่ารายการธรรมะที่ฟังนั้น มีเสียงดนตรีทำนองโศกเจือปนอยู่ด้วยหรือเปล่า บางทีดนตรีนั้นก็เป็น"เหตุ"ให้เกิดความสลดหดหู่ถึงกับร้องไห้ได้ทีเดียว หากการฟังเป็นที่มาของอาการที่เป็นอยู่ ควรเปลี่ยนวิธีศึกษาพระธรรมด้วย"การอ่าน"ดูนะครับ..

    การสดับศึกษาพระธรรมเป็นทางมาของสติปัญญา ที่สามารถใช้แก้ไขปัญหาของเราได้อย่างดี ขณะฟังหรืออ่านอยู่จิตย่อมเป็นกุศล เป็นสภาวะที่ผ่องใส หาความทุกข์เดือดร้อนอันใดไม่ได้ในเวลานั้น..แต่ถ้ายิ่งฟัง ยิ่งอึดอัดโศกสลดหดหู่จนต้อง"เลิกฟัง"ไปเช่นนี้ น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเสียแล้วครับ...

    ท่านผู้ถามควรพิจารณาไปตามจริงว่า บัดนี้เรามีบุญดีที่ได้สดับพระธรรมอันเกิดได้ยากยิ่งเเล้ว นี้ย่อมเป็นอุปนิสสัยปัจจัยแก่การพ้นทุกข์ได้ในกาลใดกาลหนึ่งแน่แท้ ความสลดหดหู่ไม่ใช่ทางเพื่อการพ้นทุกข์เลยเป็นได้แต่ความเนิ่นช้าในการพ้นทุกข์เท่านั้น สิ่งที่เราควรเร่งขวนขวายทำคือ ศึกษาพระธรรมให้มากเพื่อความมีทิฏฐิหรือความเห็นที่ถูกตรงเสียก่อน นี่เป็นเรื่องแรกที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน..

    เมื่อได้ทิฏฐิถูกตรงได้ แม้จะคิด พูดแล ทำอยู่ ก็ล้วนเป็นไปด้วยดี เป็นศีลอันเป็นบาทฐานของการเจริญภาวนาขั้นสูงเพื่อการสิ้นภพชาติได้ ..ดังนี้ย่อมรักษาตนไว้ได้ในอาการสงบ ปราศจากความหวั่นไหววิตกกังวลจนสติวิ่งหนีกระจัดกระจายไปเช่นที่เป็นอยู่..ลองพิจารณาดูนะครับ

    เป็นกำลังใจให้พ้นอาการร้องไห้โดยเร็วนะครับ
     
  19. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +782
    เคยเป็นแต่ เวลาที่ดูทีวีหรืออ่านหนังสือ แล้วมีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยสลดใจทุกที บางครั้งน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง เช่น เรื่องบางระจันบ้าง กรุงแตกบ้าง ที่คนไทยโดนไล่ฆ่าบ้างถูกจับเอาไปเป็นทาสบ้าง มันสลดใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ โชคดีที่ชาตินี้ไม่ได้เป็นตำรวจ ทหาร ถ้าต้องมาไล่ยิงคนไทยด้วยกันคงจะคลั่งไปเลย ปกตินี่ขนาดญาติสนิทตายน้ำตายังไม่ไหลออกมาซักหยด สัญญาเก่าคงจะแรงมากจริงๆ
     
  20. saikrang

    saikrang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +9
    อาการร้องไห้ตอนแรกคิดว่าเป็นปิติค่ะ เพราะรู้สึกด้วยตนเองว่า ธรรมที่ฟังเป็นธรรมแท้ ออกมาจากใจ เป็นอะไรที่ดีสุดแล้วของการเกิดมาเป็นมนุษย์ แต่อาการที่ร้องไห้เสียใจต่อ คือ อารมณ์ที่คิดว่า เรานี้บุญวาสนาน้อยนัก เกิดมาแล้ว ยังไม่ได้บำเพ็ญเพียร ภาวนาอย่างเต็มที่ คิดว่าเป็นเพราะเหตุนี้น่ะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...