สอบถามเรื่องมหาภูติรูปค่ะ

- ไม่มีมหาภูติรูป จิตสามารถอาศัยอยู่ได้หรือไม่คะ

- คนรู้จักของเรา ญาติเขาเป็นร่างทรง คุยกับเราบ่อยๆ เขาบอกว่าถ้าครูอาจารย์ร่างทรงบอกให้ไปสวรรค์ หรือไปนรกเขาก็จะไปโดยไม่ค้านอะไร เราควรแนะนำเขายังไงดีคะ ไม่ให้เขาเชื่อแบบนี้


รบกวนขอความรู้ และคำแนะนำเป็นธรรมทานด้วยค่ะ -/\-

 

ลองให้เขาฟังดูครับ ถ้าเขา ลองฟัง ก็พอแนะแนวได้


ส่วนเรื่อง มหาภูตรูป ย่อมมีอยู่เสมอ

รูปนามเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน

มนุษย์ อาศัยกายเนื้อ ปฏิสนธิจิต เกิดในครรค์
พูดแบบบ้านๆ
มีกายหยาบ มหาภูตรูปจะซ้อนลงไปอีกที

โอปาติกะ ปฏิสนธิจิต เกิดผุดในทันที
มีกายทิพย์ เป้นมหาภูตรูป
มหาภูตรุป ก็ คือ ธาตุ 4
มี
ไหว ตึง คือ ลม
อ่อน แข็ง คือ ดิน
ร้อน เย็น คือ ไฟ
การไหล เกาะกุม เชื่อมติด คือ น้ำ

ธาตุ 4 เป้นเหตุใกล้ ซึ่งกันและกัน
แถบจะแยกออกมาโดดๆไม่ได้

 

แค่สงสัยคำตอบมันกะชัดในตัวมันอยู่แล้ว
พยายามและพยายามมันกะเท่านั้นละ

 

อันดับแรก ต้อง ใส่ใจใน สัจจธรรม ให้ดีๆ ฮับ

มหาภูตรูป เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง

สมมติว่า สมาทานทิฏฐิว่า ไม่เที่ยง แล้ว พิสูจน์ทราบ
ได้ตามความเป็นจริงว่า มหาภูตรูป4 ไม่เที่ยง

คำถามที่ว่า จิต จะอาศัยอย่างไรนั้น จะไม่เกิด
คือ ไม่จำเป็นต้องถาม หรือ ไปให้ค่าให้ราคาอีก

สามารถปล่อย แล้ว อยู่กับ สัจจ มหาภูตรูปไม่เที่ยง

โดยที่ จิต ย่อมแปรปรวนไปตามสัจจ มหาภูตรูปไม่เที่ยง

เมื่อ จิตแปรปรวนไปข้าง ชอบใจ ก็กลายเป็น ธรรมขาว
แล้วก็เรียก หรือ บัญญัติว่า สวรรคิ์ๆ

เมื่อ แปรปรวนไปตรงข้ามเป็น ธรรมดำ ไม่ชอบใจ ก็เรียก
ว่า นาหญ้าขึ้นรก

เมื่อกำหนดรู้เห็นอยู่ มหาภูตรูปไม่เที่ยง ย่อมไม่เข้า
ไปสาระวนกับ จิต อีกทั้ง ยังรู้ เหตุของการปรากฏ
ที่อุปโลคกันว่า สวรรคิ์บ้าง นาหญ้าขึ้นรกบ้าง

เมื่อมีใครเอา สวรรคิ์ นาหญ้าขึ้นรกมาอ้าง แล้ว
ชี้ให้ไป ย่อมไม่สามารถ หลอกได้

อีกทั้ง อะไรๆ ที่จะบัญญัติเรียก ภายหลัง หรือหลัง
จากนั้น ก็ทำให้ สั่นไหวไม่ได้

ย่อมตรัสรู้ได้เองโดยชอบ ไม่ต้องฟังใคร

 

อัตภาพมนุษย์ประเสริฐสุด

 

มหาภูติรูปคือนามจำพวกอาการต่างๆหรอคะ? ถ้าไม่มีรูปหยาบ จิตก็ยังอาศัยอยู่ได้ เข้าใจถูกไหมคะ

 

จิตนั้นแลเป็นที่ตั้งของมหาภูติรูป
ตัวปัญหาคือใจเรา
ไม่ใช่สิ่งภายนอก

 

มหาภูติรูป
ไม่ใช่ นามธรรม แต่เป็น รูปปรมัตถ์ ที่เรียกว่า รูปจริงๆ

ส่วนที่เห็น เป้นดิน ที่เหยียบย้ำ เป็นน้ำที่ใช้อาบ
พวกนี้เป็น สมมุติ

 

เห้อเอ้ยตัวปัญหาจริงๆละ

 

ถ้าเราวางใจเราถูกเรากะไม่ทุกข์กะมัน

 

การศึกษาธรรม อย่าใช้ วิธีการ ฟังเพื่อเอาความเข้าใจ

และ อย่าฟังด้วยอาการโน้มน้าวใจ ( อาศัยการเชื่อ ไม่เชื่อ)

ธรรม จะยากนิหน่อยตรงที่ ต้อง จำนนลงก่อนว่า
ลำพังตน จะไม่สามารถ เข้าถึงธรรมได้

แต่จะต้องอาศัย อุบาย ที่เป็น สัจจธรรม ที่ พระอนุตรสัมมาสัมพุทโธ
ได้ประทาน อนุเคราะห์ไว้ให้ ซึ่งมีหลาย นัยยะ วิธีการพิจารณา

ในกรณี จขกท ใส่ใจจะใช้ มหาภูตรูป เป็น สัจจ ที่ใช้แทงตลอด
ในการ มนสิการไว้ในใจ

พอมนสิการ ธรรมแล้ว ไม่อาศัยเชื่อ แต่ รับคำท้าในการเข้าพิสูจน์
ว่า สัจจ ที่ว่า มีจริงไหม เรียกว่า "การทรงธรรมวินัยไว้"

เมื่อทรงธรรมวินัยไว้ ได้ด้วยดี จะอุปมาเหมือน เอาเมล็ดข้าว
เปือกมาเหยียบเพื่อให้ห้อเลือด จะได้หรือไม่ได้ ถ้าทรงไว้
ไม่ดี ไม่ตรง โอกาสจะเหยียบเมล็ดข้าวเปลือกนิ่มๆให้ตำเท้า
จนเกิดเลือดจะเป็นไปไม่ได้เลย เว้นแต่ "ตั้งไว้ตรง"

เมื่อตั้งไว้ตรง ทรงธรรมไว้ด้วยดี ซึ่ง สัจจ ที่ทรงประทานไว้ให้

พอพิจารณาบ่อยๆ ทำซ้ำๆ ไม่หยุดจนกว่าจะได้เลือด

ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้ในการ "เข้าถึงซึ่งสัจจนั้น"
เรียกว่า การบรรลุธรรม ซึ่งมีแค่ 4 ครั้งพอ ไม่มีมากกว่านั้น

ดังนั้น

มหาภูตรูป เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง ต้องเอา สัจจนี้
ไปทรงไว้ในใจด้วยดี เพื่อการ พิสูจน์ ตั้งให้ตรง
จนกระทั่ง เข้าถึงซึ่งความจริงนั้นๆ

ก็จะไม่มีคำถามเรื่อง จิต จะอย่าง งั้น อย่างงี้อีกไหม

หมดความจำเป็น เพราะ ทราบชัดแม้น ที่ไปที่มา
ของสิ่งที่เรียกว่า จิต ว่า เกิดได้อย่างไร ดับได้อย่างไร

 

สกิวแหลมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 

ยังไม่เข้าใจมหาภูติรูปเลยค่ะ ถ้าไม่ใช่อาการ แล้วธาตุทั้ง 4 ที่ว่าไหว ร้อน อ่อน แข็ง อันนี้คือมหาภูติรูป เป็นรูปหยาบที่ร่างกาย เข้าใจถูกไหมคะ

 

นามธรรม คือ หากไม่ได้ใส่ใจ สิ่งนั้นก็จะหายไป ไม่ปรากฏ

ความเย็น ความร้อน ที่เป็น ธาตุไฟ หาก จขกท ไม่ใส่ใจ
อาการเย็น ร้อน จะหายไปจาก การประชุมกันอยู่ หรือไม่

ถ้ามันไม่หายไป เราก็เรียกว่า รูป ไม่ใช่ อาการ(นามธรรม)

ทีนี้ การไหว ที่เป็นเรื่อง อริยาบท เดิน ยืน นั่ง นอน เดิน เหาะ
พวกนี้ไม่ใช่ รูปแท้ แต่ แม้น จขกท ไม่ใส่ใจ อาการนั่ง
นอน ยิน เดิน ก็ยังคงอยู่ ไปตามวิบากตามปรกติบ้าง
ตามอุปทานบ้าน ตามการตั้งใจจะทำบ้าง อันนี้ก็จะเหมือน
อาการ แต่ต้องจัดว่าเป็นรูป เพราะ ไม่หายไป

ส่วน

ความพอใจ ไม่พอใจ ฯลฯ แบบนี้ จะเป็น นามธรรม
มันจะหายไปได้ ไม่ได้ตั้งแล้วเที่ยงตลอด

 

ธาตุน้ำ คือ อาการ เกาะกุมกันเป็น ก้อน เหนี่ยวรั้งไว้เป็นกลุ่ม

ธาตไฟ คือ อาการ ทำให้กระจัดกระจาย แตกออก

ธาตุดิน คือ อาการแข็งๆ แก่นๆ เช่น เราเก็งกล้ามเนื้อ
ตอนนั้น ธาตุดินจะมีมาก พอเราคลายอาการเก็งเนื้อ
ก็จะนิ่มๆ ธาตุดินก็อ่อนตัวลง แต่ไม่ใช่ ธาตุดินหายไป

ธาตุลม คือ อาการเคลื่อนไหวใดๆ

อากาศธาตุ คือ ช่องว่างที่ มหาภูตรูปอาศัยตั้งขึ้น เช่น โพรงจมูก
มันจะเป็น ท่อว่างๆได้ ก็เพราะ มหาภูตรูปอาศัยตั้งขึ้น รายล้อม
อากาศธาตุ โดยไม่ยุบ ไม่ตีบ สามารถดันให้คงรูปเป็นโพรงได้

จิตธาตุ คือ เมื่อมหาภูตรูปแปรปรวนไป จิตก็อาศัยปรากฏตัว
เพื่อทำกิจของจิต มี14หน้าที่

 

เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ -/\-

 

มหาภูตรูปสี่ ของ วัดป่า หรือ พระสายป่า
จะเน้นไปที่ ความเย็น ความร้อน ความอ่อน ความแข็ง ความตึง ความไหว
สี่อย่างนี้ จะถูกสอนในวัดป่า โดยให้พิจารณาถึงความไม่เที่ยงของมัน
เมื่อมันเกิดขึ้น เดี่ยวมันก็ดับไป วนๆกันไปเรื่อยๆ
เดี๊ยวอันนั้นเกิด เดี่ยวอันนี้ดับ สลับกันไปสลับกันมา ไม่มีที่สิ้นสุด

ส่วนของ พระบ้าน อาจจะสอน ดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งเป็น ธาตุสี่
ในการสอน วิปัสสนากรรมฐาน เพื่อให้ ผู้ที่ฝึก
สามารถที่จะฝึกแยก ธาตุสี่ ขันธ์ห้า ได้เร็วขึ้น

เพื่อประโยชน์ในการ แยกธาตุแยกขันธ์ นั่นเอง