สมเด็จนางพญางิ้วดำ วัดใหม่บ้านดอน และครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัตดีปฏิบัติชอบ

บททดสอบใครคือผีดี ผีไม่ดี (ต่อ)

ร่างทรงมากันมากมายเหลือเกิน ไม่รู้ใครจริงใครปลอม แต่ผลที่พี่เขาเห็นมากับตาคือร่างทรงเจ้าพ่อเจ้าแม่บางองค์ต้องให้ลูกศิษย์หิ้วปีกกันออกมาอย่างทุลักทุเล บางคนเลือดสาดตีนไหม้สุกเกรียมกลิ่นหนังไหม้โชย

มีร่างทรงหลายคนเพิ่งจะนึกขึ้นมาได๋ว่ามีธุระด่วนเลยรีบกลับก่อนจะถึงคิวลุยด่านโหด...อิอิ

สุดท้ายมีผ่านอยู่แค่สององค์ คือ เจ้าพ่อหอกลอง กับสมเด็จนางพญางิ้วดำ

พี่ร่างทรงเล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นว่า ตอนจะเดินลุยกองถ่านแดงนั้นใจแกจะขาดหวิวเพราะรู้สึกกลัวมาก เพราะเกิดมาไม่คิดว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่แกไม่สามารถควบคุมร่างของแกได้เลย ตัวแกเดินย่ำเข้าไปในกองถ่านแดง แกเล่าว่ามันน่าแปลกที่ว่า ถ่านไฟแดงฉานกลับไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใดแกรู้สึกเย็นๆ ส่วนบันไดมีด ร่างแกปีนจนไปถึงขั้นบนสุด โอ้ย !!! จะเป็นลมแกว่างั้น

 

คนเป็นร่างทรงนี่ทุกข์มากจริงๆ

พี่ร่างทรงของสมเด็จนางพญางิ้วดำนั้นแกเล่าถึงจุดเริ่มต้นการมาเป็นร่างทรงของสมเด็จนางพญางิ้วดำ ว่า บ้านเกิดแกอยู่บุรีรัมย์แต่มาเติบโตเป็นสาวที่โคราช ตอนนั้นอายุแค่ 16 ปี ก็เริ่มเป็นร่างทรงสมเด็จนางพญางิ้วดำ แกต่อต้าน แกรับไม่ได้เลยแกบอกว่าเด็กสาวอายุแค่ 16 ต้องมาเป็นตัวประหลาดมันช่างหน้าอับอาย

แกพยายามทุกวิถีทางที่จะหนี ไม่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แกทุกข์ใจมากมีครั้งหนึ่งแกเข้าไปกราบหลวงพ่อฤาษีลิงดำเรื่องความทุกข์ใจที่ต้องมาเป็นร่างทรง แกเล่าว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอกว่า "เขาให้ลูกมาทำหน้าที่นี้ ลูกก็ทำไปเถิดอย่าหนีเลย..."

 

การทำหน้าที่คนทรงช่างแสนยากลำบาก

พี่เขาต้องทำหน้าที่อันนี้มาตั้งแต่เป็นสาวรุ่นๆ ไม่เคยขาดเรียกได้ว่า ใครจะมาตอนไหนก็เข้าทรงสมเด็จนางพญางิ้วดำคอยช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ทันที ไม่มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง ค่าขันธ์แค่ 19 บาทสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายดอกไม้ธูปเทียน บางคนจนมากก็ไม่ต้องใส่เงินเลยสักบาท ส่วนผมพอได้ทำงานมีเงินเดือนเวลาผมไปหาท่านผมก็จะใส่มากหน่อย เพราะผมรู้ดีว่าพี่คนนี้แกไม่มีอาชีพอื่นเลย เพราะแกไม่มีเวลาไปทำมาหากินอย่างอื่นเลย

แกเคยเล่าให้ฟังว่ามีหลายครั้งที่แกหมดความอดทนเพราะการทรงสมเด็จนางพญางิ้วดำนั้นไม่เคยเรียกร้องเงินทองเข้าใส่ตัวเลย แต่แกเป็นคนธรรมดาที่จะต้องอาศัยเงินในการดำรงชีพ แกเลยต้ดสินใจเลิกเป็นร่างทรง แต่เวลาเลิกทีไรแกมักจะมีเหตุต่างที่ต้องลำบากเช่น เกิดอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บทุกครั้งสุดท้ายก็กลับมาทำหน้าที่ต่อ....

 

รอติดตามครับ

 

สวัสดีครับ
หลวงปู่ท่านยังอยู่ที่ตากหรือเปล่าครับ

 

พระเมตตาบารมีของสมเด็จนางพญางิ้วดำ

คนที่มาหาท่านส่วนมากมีเรื่องเดือดร้อนไม่ว่าเรื่องเงินเรื่องงานเรื่องครอบครัว
ท่านก็ช่วยให้พร้อมทั้งสอนธรรมะตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า สุดแท้แต่ใครจะมีปัญญาที่จะเข้าใจและนำไปปฏิบัติตาม

ขอยกตัวอย่าง ผู้ชายคนนึงมาขอให้ท่านช่วยให้มีคนมาซื้อที่ในราคาสี่-ห้าสิบล้านบาท ก่อนขายได้ ก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะ....แต่พอขายได้สำเร็จกล้บเพิก เฉย แถมทำเป็นไม่รู้จักพี่คนทรง

สุดท้ายเงินหลายสิบล้านที่ได้มาก็หมด ร่างกายก็พิการเป็นอัมพฤกษ์ต้องใช้ไม้เท้าพยุง แต่ก็ยังกลับมาหาสมเด็จนางพญางิ้วดำที่ตำหนักแกมากับญาติๆแต่ตัวเขาเองไม่กล้าขึ้นไปกราบสมเด็จนางพญางิ้วดำเพราะรู้สึกละอาย

อีกรายมาขอโชคลาภ ก็ได้รางวัลที่หนึ่งไปเกือบสิบล้านบาท แต่ก็ไม่ยอมรักษาสัจจะ แถมย้งนำเงินไปใช้ทำชั่วค้ายา สุดท้ายชีวิตก็วิบัติไม่เหลืออะไรเลย

 

อนาคตังสญาณของสมเด็จนางพญางิ้วดำ

เป็นเรื่องราวของเด็กคนหนึ่ง

ตอนที่แม่ผมพากันไปไหว้ท่านที่ตำหนักช่วงกุมภาพันธ์ ท่านทักลูกชายคนหนึ่งว่าเด็กคนนี้กำลังมีปัญหาติดขัดจะเรียนไม่จบสี่ปีนะ ให้รีบไปขออาจารย์ด่วน เพราะเทอมนั้นเป็นเทอมสุดท้าย แม่เด็กก็รีบเอาเรื่องมาบอกและถามลูกชาย ลูกชายก็ยอมรับว่าเพิ่งสอบวิชานึงเสร็จ น่าจะไม่ผ่าน แม่ก็เลยบอกว่าสมเด็จนางพญางิ้วดำท่านสั่งมาให้ไปขออาจารย์

เด็กคนนี้ก็ไปทำตามที่แม่บอก ปรากฎว่าอาจารย์ไม่สนใจรับฟังเลย กลับมาบอกแม่ว่าขอไม่สำเร็จ เอาล่ะสิ !!! ทำไงดีล่ะทีนี้

แม่เลยต้องรีบไปหาสมเด็จนางพญางิ้วดำด่วนเลย ท่านเลยแนะนำวิธีให้ ให้พ่อแม่ไปพร้อมกับลูก ให้ไปหาอาจารย์ที่บ้าน ให้พ่อแม่ไปขอกับอาจารย์ แล้วจะได้

 

ต่อครับ

สามคนพ่อแม่ลูกพากันไปหาอาจารย์ที่บ้าน ได้พูดคุยกับอาจารย์ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้สอบวิชานี้ไม่ผ่านจริงๆ และอาจารย์คงเห็นใจพ่อแม่ เลยเมตตาให้เด็กสอบผ่าน เด็กคนนี้จึงเรียนจบสี่ปี...ถ้าไม่ได้สมเด็จนางพญางิ้วดำช่วยไว้คงต้องเสียเวลาเรียนซ่อมอีกหนึ่งเทอม

 

ท่านยังจำวัดอยู่ที่ตากครับ

 

ตอนนี้ท่านใกล้ 100 ปีแล้วมั้งครับ ยังแข็งแรงดีนะครับ

 

ผมค่อยๆนึกถึงสิ่งที่ผมเคยเจอมาในอดีต ขอนำมาเล่าสู่กันฟังเท่าที่ผมจะนึกได้นะครับและยังมีเรื่องโชคลาภที่สุดของที่สุดแต่ตัวผมยังไม่กล้าเล่า ยังคิดบวกลบคูณหารอยู่ว่าจะเล่าดีหรือไม่ เรื่องนี้ถึงแม้ผมจะฟังมาจากปากพี่คนทรงก็ตามแต่ผมก็เขื่อมั่นว่าจริงเพราะมีพยานบุคคลที่ผมรู้จักอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย

 

อนาคตังสญาณของสมเด็จนางพญางิ้วที่ผมเจอมากับตัวเอง

อนาคตังสญาณของสมเด็จนางพญางิ้วดำที่ผมเจอมากับตัวเอง ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมไม่สามารถนำมาเล่าได้มันจะส่งผลกระทบต่อคนอีกหลายคน

อนาคตังสญาณของท่านบางเรื่องยาวนานนับสิบปีจึงจะเกิด เรียกว่านานจนลืมไปเลยพอเหตุการณ์มาถึง ก็เลยถึงบางอ้อทุกครั้ง บางเรื่องก็ไม่นานนัก แค่ไม่กี่วันก็เป็นไปตามที่พูดไว้

แล้วอนาคตังสญาณของสมเด็จนางพญางิ้วดำมีประโยชน์อย่างไร? ผมเคยมีความคิดว่าการที่สมเด็จนางพญางิ้วดำบอกสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วในอนาคตไม่เห็นแปลก ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย

 

ติดตามครับ....

 

สมเด็จนางพญางิ้วดำกับนักบินชาวสแกนดิเนเวียน

เรื่องนี้จำได้แบบเลือนลาง

นักบินฝรั่งคนนี้มาขอเป็นลูกศิษย์เพราะเครื่องบินที่เขาขับเที่ยวนั้นมันเกิดไฟไหม้รุนแรงมาก คนในเครื่องก็ต่างก็เรียกหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีคนนึงเป็นลูกศิษย์สมเด็จนางพญางิ้วดำก็ตะโกนเรียกสมเด็จนางพญางิ้วดำให้ช่วย แล้วไฟที่โหมลุกไหม้ก็ดับลง

อันนี้ผมจำรายละเอียดไม่ได้ว่า นักบินคนนี้มีความเชื่อมโยงอย่างไร แต่ก็เขาก็มากราบสมเด็จนางพญางิ้วดำที่ตำหนักจริง ผมเห็นตุ๊กตาลมเครื่องบินแขวนอยู่ที่ตำหนัก และพี่ร่างทรงบอกว่าเขาซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ามาถวายให้พี่ร่างทรงได้ใช้

 

ลักษณะทางกายภาพ(ส่วนของลูกตา)ของผู้ทรงฌาณ

เมื่อหลายปีมาแล้วผมเคยอ่านจากหนังสือหรือในเนทว่า บุคคลที่ทรงฌานหรือไม่นั้นให้สังเกตุที่ลูกตา ถ้าลูกตาเหลือบขึ้นไปด้านบนนั้นแสดงว่าใช่ จริงไม่จริงก็ไม่รู้

พอผมอ่านจบเลยนึกถึงตอนที่สมเด็จนางพญางิ้วดำท่านลงทรง ลูกตาของพี่ร่างทรงจะเหลือบขึ้นด้านบนทันที มันเข้ากับลักษณะผู้ทรงฌานที่เขาว่าไว้เป๊ะเลย

 

ขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ

ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่เกียรติคุณครูบาอาจารย์

 

สมเด็จนางพญางิ้วดำบอกกับผมว่า....

ก่อนที่ท่านจะหมดวาระ ผมได้ไปหาท่านประมาณปี 2552 ช่วงนั้นผมไปหาท่านมากกว่าที่เคย ส่วนใหญ่จะไปช่วงดึกมาก 5 ทุ่มขึ้นไป ได้ฟังท่านพูดเรื่องธรรม เรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง เรื่องภัยธรรมชาติ

ท่านบอกผมว่าท่านเป็นภิกษุณี ผมก็ไม่ได้ถามว่าท่านอยู่ในสมัยไหน น่าเสียดายมากๆ ถ้ามีบุญที่จะได้เจอท่านอีกจะถามทุกอย่างที่เพิ่งจะมานึกได้ในตอนนี้

พี่ร่างทรงเคยเล่าให้ฟังว่าเคยมีผู้พิพากษาท่านหนึ่งมาปรึกษาสมเด็จนางพญางิ้วดำเรื่องคดีความที่ต้องตัดสิน สมเด็จนางพญางิ้วดำท่านก็เมตตาก็ให้คำปรึกษาไป (ส่วนรายละเอียด นั้นผมไม่รู้ อาจจะคิดว่าไม่ใข่เรื่องของเรา เลยไม่ได้ซักถาม)

 

ผู้พิพากษานั่งสมาธิจนเจอสมเด็จนางพญางิ้วดำ

ผู้พิพากษาคนที่มาปรึกษาเรื่องการตัดสินคดีความนั่งสมาธิจนเจอสมเด็จนางพญางิ้วดำ พี่คนร่างทรงได้เล่าให้ฟังต่อว่า ผู้ผู้พิพากษาคนนี้เป็นคนปฏิบัติธรรม พี่ร่างทรงแกก็อยากให้ผมปฏิบัติธรรมให้มากเผื่อจะได้เจอสมเด็จนางพญางิ้วดำบ้าง

 

สิ่งที่ท่านบอกเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองและภัยในอนาคต

ช่วงประมาณปี 2552 ผมไปหาท่านบ่อย ส่วนมากจะไปตอนช่วงดึกๆท่านได้พูดเรื่องธรรมะ เรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

อย่างเรื่องนักการเมืองที่โกงชาติท่านก็บอกเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทย จะไปตายอยู่นอกประเทศ

ท่านบอกว่าดินน้ำไฟลมกำลังใกล้จะมาแล้ว ท่านบอกว่าเมื่อไหร่ที่ผู้นำสองพระองค์ได้สิ้นไป ดินน้ำไฟลมก็จะมา ซึ่งตอนนี้ก็สิ้นไปหนึ่งพระองค์แล้ว

 

สมเด็จนางพญางิ้วดำบอกเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวว่า

ท่านบอกว่า พระเจ้าอยู่หัวของเรา พระวรกายของพระองค์ท่านอยู่ได้ด้วยคุณวิเศษ ซึ่งถ้าเป็นคนปกติคงไม่อยู่นานแล้ว เพราะท่านใช้ร่างกายมากตรากตรำทำงานหนัก