กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย 9@Phonlee, 1 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694

    น่าสนใจครับ...แปลกดี
    ยิ่งมีเสียงของหล่น ,คนเดิน ,คนเคาะห้อง

    บรือ บรือๆๆๆเย็นวูบๆๆ
    ...หนาวสะท้านไปทั่วกาย

    สรุปว่า"ขาวๆเหมือนแป้งเกาะนั่นคืออะไร"
    ?????

    EB7E90F9-40D7-4963-8EBC-2A779BB5D4F5.jpeg
     
  2. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    5555 ได้เลยจ้า
    เดี๋ยวเราไปหาท่านพระครูด้วยกัน
    เจ้แอมจะเลี้ยงหมูกะทะเรา~~ 55555
    เดี๋ยวพี่หมูเจนจะพากิน

    ใช่ๆจ้าเจ้ เจนลืมนึกข้อนี้
    สาธุๆๆๆๆ ขอให้ได้ไปกราบท่านพระครูกับอาจารย์และเจ้ๆพี่พี่
    ขอให้ได้ไปวิ่งมินิมาราธอน ณ ป่าช้า ใกล้ๆวัด
    อยาก ~~~ ไป~~~~
     
  3. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    โอ้ยย เจนจำได้เลย
    ไอ้เจ้ากระปุกแบบนี้แหละ ที่เจนเอามาทาหน้า
    โหดมั้ยล๊า~~เข้าตาด้วยคะอาจารย์
    จากนั้นก็ไม่กล้าเผลอหยิบของปู่มาใช้
    เมื่อก่อน อาศัยอยู่ที่บ้านคุณปู่ค่ะอาจารย์
    ปู่อาบน้ำเสร็จ ตัวหมาดๆ จับไอ้ปุกนี้แหละ เทเทเท
    โปะเข้าที่ตัว จั๊กกะแร้ คอ พุง หลัง

    เดี๋ยวเจนจะไปซื้อมา เฉพาะมดโดยเฉพาะเลย
    ขอบคุณภาพประกอบค่ะอาจารย์9
     
  4. เจไดหรือธิส

    เจไดหรือธิส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2017
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +359

    ได้เลยครับ คิดแล้วตื่นเต้น จะได้ไปผจญภัยกับพี่ๆ น่าสนุกดี
     
  5. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    เมื่อวานเกริ่นเรื่อง "มนุษย์กลายพันธุ์"
    อ่านแล้ว...แย้งขึ้นมาในใจ ประมาณว่า...
    ...เหมือนเป็นการเหมารวมถึง...
    ...บุคคลที่มีความสามารถพิเศษ
    ที่ผ่านการฝึกสมาธิกรรมฐานระดับฌาณต่างๆ
    จนได้อภิญญาขั้นสูง
    เช่น ทิพพจักขุญาณ ตาเป็นทิพย์
    หยั่งรู้หรือมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
    บางท่านระลึกชาติได้
    บางท่านมีพลังจิตบิดเหล็กให้คดงอได้
    บางท่านหายตัวหรือแว๊ปๆได้
    ทั้งหมดที่กล่าว ส่วนตัวคิดว่าเกิดจากผ่านการฝึกจิต
    ไม่ได้เกิดมาแล้วสามารถทำอะไรเหนือมนุษย์ได้
    แม้อาจมีที่ไม่เคยผ่านการฝึก...แต่สามารถทำได้เลย
    เช่นการระลึกชาติ...ที่เป็นข่าวบ่อยๆ
    ก็ไม่ควรจะเรียกว่า "มนุษย์กลายพันธุ์"

    แม้แต่คนที่มีลักษณะด้านพันธุกรรม
    ที่มีอวัยวะแปลกออกไป
    หรือรูปร่างที่ไม่เคยพบเห็นในรุ่นก่อนๆ
    เช่น มีนิ้วมือนิ้วเท้าเพิ่มขึ้น 1-2นิ้วหรือมากกว่า
    ฝาแฝดมีร่างกายติดกัน...อย่างนี้เป็นต้น
    ยังถือว่าเป็นความผิดปกติทางยีนส์พันธุกรรม
    มากกว่าที่จะเรียกว่ามนุษย์กลายพันธ์ุ


    ...สงสัยคนเริ่มแรกที่ตั้งชื่อนี้
    คงจะดูหนัง มดเอ๊กซ์(x)
    หรือมนุษย์แมงมุม
    หรือการ์ตูนส์ประเภทแปลงร่างมากไป

    ส่วนความเบี่ยงเบนทางเพศ
    จะถือเป็นการกลายพันธุ์ด้วยหรือไม่
    9...ไม่ทราบครับ
    แต่ถ้าเป็นการกลายพันธุ์ด้านจิตใจ
    ซึ่งเกี่ยวข้องกับฮอโมนรับรู้ของมนุษย์
    ...ก็น่าจะมีส่วนจริงอยู่บ้าง


    (เด๋วจะจิก(ซอ)อะไรสนุกๆมาให้อ่าน)
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ที่คุณ ๙ เข้าใจถือว่าถูกอยู่ครับ
    แต่ถ้าในทางปฏิบัตินั้น คำว่า กลายพันธ์
    หมายถึง เป็นไปในทางที่ถอยลง
    ทางด้านจิตใจครับ
    ซึ่งจะบอกว่า มันเรื่องปกติของจิตครับ
    ซึ่งมันมีขึ้นๆลงๆได้ตลอด
    มีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
    ยกเว้นว่า จะมีกำลังมาก
    ก็มักจะอยู่สภาวะนั้นนานหน่อย

    พอเกิดเราจะถือว่า เป็นเดรัชฉานก่อน
    ในทางพุทธศาสนา คือ เราเกิดมาเป็นปีนักษักตร์เลย

    คือ กายขนานกับพื้นโลก
    ถึงได้ มีวงรอบการปฏิบัติว่า
    ปฏิบัติ ให้พ้นจากความเป็นสัตว์ ให้เป็นคน
    จากคนเป็น มนุษย์
    จากมนุษย์ เป็นปุถุชน
    จากปุถุชน เป็นอริยะชน
    จากอริยะชน ไปนิพพาน ประมาณนี้
    คือ เป็นนัยที่แฝงทางด้านนามธรรม
    ทางด้านจิตใจนั้นเอง

    กลายพันธ์ก็คือ ถอยจากอริยะชนลงไป
    ย้อนไปถึงความเป็นสัตว์เดรัชฉานนั่นเองครับ......
    ขี้นอยู่กับว่า จะถอยขึ้นลงแค่ไหน

    ส่วนกลุ่มญานวิถี คือ เกิดมา
    มีความสามารถใช้งานได้เลย
    โดยไม่ต้องฝึกอะไร พวกนี้เก่งมาก
    ทางสัมผัสภายในนะครับ
    อย่างที่เคยบอก ที่รู้จัก เห็นหมูย้อนได้ สองพันชาติ
    หรือถ้าเค้าเห็นเรา จะรู้เลยว่า เราสามารถทำอะไรได้ประมาณนี้



    ถ้าเกิดมีบ้าง ไม่เกิดบ้าง มีแล้วหายไป มาบ้างไม่มาบ้าง
    แต่ไม่ได้อยู่ในระดับใช้งานได้ ในเวลาต้องการ
    เรามักเรียกของเก่าครับ

    ส่วนการเบี่ยงเบนทางเพศนั้น ไม่ถือว่ากลายพันธ์ครับ
    เพราะไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรกับทางด้าน ความสูงต่ำของจิตใจครับ
    ถ้าไม่เอาทางด้านตำราและมาดู
    ทางด้านพลังงานเราจะดูที่ต่อม
    อมิตเตอร์ลอย ดูกระแสที่ออกมาจากต่อมนี้
    ถ้าได้รับการปรับให้สมดุลย์ ตั้งแต่เกิด
    จะเป็นปกติได้ครับ ย้ำว่า ต้องทำตอนเกิดครับ

    คือ สมัยนี้ดูภายนอก บางทีดูยากครับ
    ว่าเบี่ยงเบนหรือไม่ หรือแอบหรือเปล่า
    ถ้าถ้าดูกระแสตรงนี้ มันจะบอกได้ครับ
    ไม่ว่า ทอม ดี๊ ตู๊ก แต๋ว เกย์ บอกได้หมดครับ

    ส่วนความสามารถอะไรต่างๆนาๆนั้น
    แท้จริงแล้ว มันก็เป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้
    ของจิตดวงนั้นๆที่ได้สะสมมานั่นเอง
    ซึ่งก็สามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าการฝึก
    การปล่อยวางก็ได้ทั้งนั้นครับ

    ส่วนที่เรียกคน x men นั้นมาจากอิธิพลของหนังครับ
    ถ้าบ้านเรา เรียก หนัง x men ว่า มนุษย์แปลง
    เราก็จะได้ยิน คำว่า มนุษย์แปลงแทน
    ประมาณนี้ พอเข้าใจนะครับ
     
  7. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    ทำไม อากาศ เริ่มร้อน แสบไปหมดเลย
    ดูแลสุขภาพกันด้วยนะค่ะ อาจารย์ และพี่พี่ น้องๆ ทุกท่าน
    ทางนี้ อากาศร้อน แต่มีน้ำมูก
    รู้สึกจะไปกันใหญ่แล้ว~~~~
    นั่งแทะเม็ดแตงโม อยู่ที่หน้าร้าน เงียบมาก
    ร้อนมากคนไม่ออกจากบ้าน แถมร้อนๆแบบนี้
    คนคงอยากกินโค้ก กินอะไรซ่าๆ มากกว่าน้ำหวาน
    เพราะ เจนเองก็อยากกินโค้กจังเลย
    เข้าช่วงกระแส หน้าร้อน เทรนสีผม กำลังมา
    ขับรถจอดไฟแดง ผมทอง ผอมม่วง ส้ม เหลือง เริ่มตามมา
     
  8. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    "มหัศจรรย์ 6 ยอดคน" ที่เกิดมาพร้อม
    พลังเหนือมนุษย์ !!


    Ma Xiangang
    พลังพิเศษต้านทานกระแสไฟฟ้า


    732781-img-1388127266-1.jpg

    Xiangang ค้นพบพลังพิเศษของตัวเองด้วยความบังเอิญแบบที่ถ้าเป็นคนปกติคงจะตายไปแล้ว วันหนึ่ง โทรทัศน์ของ Xiangang เกิดพังขึ้นมา เขาเลยพยายามซ่อมกล่องฟิวส์และบังเอิญไปโดนสายไฟที่ยังมีไฟฟ้าเลี้ยงอยู่เข้า แต่แทนที่เขาจะถูกช็อตไหม้เกรียมแบบคนทั่วๆ ไป เขากลับพบว่าเขาไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ด้วยความสงสัย เขาเลยลองทดสอบ ด้วยการจับสายไฟดูอีกครั้ง ผลที่ได้ทำให้เขาประหลาดใจมาก เพราะนอกจากจะไม่ถูกไฟฟ้าช็อตแล้วเขายังไม่รู้สึกเจ็บ และไม่เกิดผลอะไรขึ้นทั้งนั้น

    สำหรับมนุษย์ทั่วไปแล้ว เราจะสามารถต้านทางกระแสไฟฟ้าได้ต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับความหนาของผิว ความชื้นของผิว และการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในร่างกาย ในกรณีของ Xiangang พบว่าค่าต่างๆ ที่ช่วยในการต้านทานอยู่ในระดับสูงมาก ทำให้เขาสามารถต้านทานกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าคนทั่วไป 7-8 เท่า

    อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า นอกจาก Xiangang แล้ว ยังมีคนอีกมากซึ่งมีความสามารถแบบเขาอยู่ แต่เจ้าตัวเองก็อาจจะไม่รู้เพราะไม่เคยได้ทดสอบ ถ้าใครสงสัยว่าตัวเองมีพลังพิเศษแบบ Xiangang แล้ว ลองไปจับสายไฟดูได้ ถ้าเกิดไม่ตายแล้ว คุณก็อาจจะเป็นหนึ่งในนมุษย์ที่มีพลังพิเศษเช่นเดียวกัน


    Dean Karnazes
    พลังพิเศษ : ไม่มีวันเหนื่อย
    732781-img-1388127266-2.jpg

    Dean Karnazes เป็นนักวิ่งทางไกลชาวอเมริกัน ซึ่งเหมาะมากกับพลังพิเศษที่เขามี นั่นคือ เขาสามารถวิ่งมาราธอนได้ 50 รายการ ใน 50 รัฐ ในเวลา 50 วัน นอกจากนั้น เขายังวิ่งเป็นระยะทาง 350 ไมล์ (563 กิโลเมตร) ในเวลา 3 วัน ติดต่อกันโดยไม่นอนหลับหรือหยุดพักเลย

    ความสามารถของ Dean Karnazes ทำให้ผู้คนชาวอเมริกันประทับใจมาก และทำให้เขาติดอันดับในรายการ 100 บุคคลผู้มีอิทธิพลที่สุด ในนิตยสาร Times ปี ค.ศ.2007 และต่อมาในปี ค.ศ.2010 เขาก็ได้วิ่งตั้งแต่ Disneyland ไปจนถึงเมือง New York โดยใช้เวลา 75 วัน ระยะทางรวม 3,000 ไมล์ (4,800 กิโลเมตร)

    มีการทำทดสอบกับ Dean เพื่อหาว่า เหตุใดร่างกายเขาจึงสามารถทนทานการออกกำลังกายได้มากกว่ามนุษย์ทั่วๆ ไป ผลการทดสอบพบว่า ในคนปกติแล้ว หลังการวิ่งมาราธอนกล้ามเนื้อจะได้รับความเสียหายประมาณ 2,400 CPK แต่สำหรับ Dean แล้ว พบค่าความเสียหายเพียง 447 CPK หลังจากผ่านการวิ่งมาราธอนมา 25 รายการ การทดสอบยังพบอีกว่า นอกจากกล้ามเนื้อของเขาจะเสียหายน้อยกว่าคนปกติแล้ว มันยังปรับตัวให้เคยชินกับการวิ่ง จนในที่สุดก็ไม่เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก และนอกจากนั้น ยังพบว่าเขามีปริมาณเลือดในร่างกายมากกว่าคนปกติ

    สำหรับผลสรุปการทดสอบ ได้ออกมาว่า ถ้าเขายังคงอยู่ในสภาพนี้ต่อไปเรื่อยๆ เขาจะสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 7-10 นาที ต่อไมล์ ไปได้เรื่อยๆ ตลอดกาล


    Stephen Wiltshire
    พลังพิเศษ : ไม่มีวันลืมสิ่งที่เห็น
    732781-img-1388127266-3.jpg


    ถ้าใครได้ดูช่อง Discovery Channel อาจจะเคยเห็นโฆษณาที่เฮลิคอปเตอร์พาชายคนหนึ่งขึ้นไปดูทิวทัศน์จากด้านบนของเมือง New York หลังจากกลับลงมา ชายคนนั้นก็วาดภาพเมือง New York ขนาดใหญ่ที่มีความสมบูรณ์และรายละเอียดถูกต้อง 100 เปอร์เซ็น โดยอาศัยความทรงจำเท่านั้น

    ชายคนนั้น คือ Stephen Wiltshire ผู้ซึ่งเดินทางไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว เพื่อวาดภาพทิวทัศน์ของประเทศ และเมืองต่างๆ โดยภาพวาดของเขาจะวาดขึ้นจากความทรงจำเท่านั้น เขาสามารถจดจำทุกๆ รายละเอียดได้แม้จะได้ดูแค่เพียงแว้บเดียว จนถึงทุกวันนี้ เขายังจดจำภาพที่เขาเคยเห็นได้ทุกภาพ สามารถเข้าไปดูผลงานของเขาได้ ที่นี่

    Stephen Wiltshire เป็นคนที่มีอาการของโรคออทิสติก ซึ่งมีผลทำให้เขามีปัญหาในการเข้าสังคม และปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ด้วยกัน แต่ก็ทำให้เขามีความสามารถพิเศษในการจดจำ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคออทิสติกทุกคนจะมีความสามารถพิเศษเช่นนี้ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่พบว่าจะมีความสามารถพิเศษ หรือเป็นอัจฉริยะในทางด้านใดด้านหนึ่งทดแทนความสามารถในการดำเนินชีวิตเหมือนคนปกติที่สูญเสียไป

    ในคนปกติแล้ว เมื่อถูกพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปเหนือเมือง เราจะถูกรบกวนจะดึงความสนใจด้วยสิ่งแวดล้อมรอบๆ ข้าง แต่สำหรับ Stephen แล้ว สมองของเขาจะเพ่งความสนใจไปยังรายละเอียดของเมืองเพียงอย่างเดียว และจดจำทุกรายละเอียด รวมถึงความสัมพันธ์ของแต่ละสิ่งก่อสร้างที่ก่อให้เกิดเป็นเมืองขึ้นมา ทำให้เขาสามารถจดจำได้ทุกรายละเอียดและนำมาใช้ในการวาดภาพต่อได้


    Kim Peek
    พลังพิเศษ : จดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้
    732781-img-1388127266-4.jpg

    Kim Peek เสียชีวิตไปแล้วในปี ค.ศ.2009 ซึ่งในขณะที่เขาเสียชีวิตนั้น เขาสามารถจดจำเนื้อหาในหนังสือทั้งหมดที่เขาเคยอ่าน จำนวน 12,000 เล่ม และที่เขาอ่านหนังสือได้เยอะแบบนี้ ก็เพราะว่าเขาจะอ่านทีละ 2 หน้าพร้อมๆ กัน (ตาซ้ายอ่านหน้าซ้าย ตาขวาอ่านหน้าขวา)

    นอกจากความสามารถในการจดจำหนังสือแล้ว เขายังสามารถจดจำทุกสิ่งที่เคยได้พบเจอมาตลอดชีวิตด้วยรายละเอียดที่ถูกต้องถึง 98 เปอร์เซ็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถิติต่างๆ ถนนทุกเส้น ที่อยู่ในเมือง รหัสไปรษณีย์ เบอร์โทรศัพท์ หรือแม้แต่สภาพอากาศในแต่ละวันย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว

    เรื่องราวของ Kim เป็นแรงบันดาลใจให้หนังเรื่อง Rain Man ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับชายผู้เป็นออทิสติก และถูกน้องชายนำความสามารถในการจดจำของเขามาใช้ในการโกงเกมไพ่ในคาสิโน อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคนขอให้ Kim ใช้ความสามารถของเขาในการเล่นการพนัน เขาก็จะปฏิเสธว่า การพนันเป็น เรื่องผิดศีลธรรม

    สาเหตุที่ทำให้ Kim มีความสามารถนี้ ในตอนแรกเชื่อกันว่าเกิดจากโรคออทิสติก เหมือนในกรณีของ Stephen Wiltshire ในบทความที่แล้ว แต่ความจริงแล้ว ความสามารถของเขาเกิดขึ้นจากความผิดปกติแต่กำเนิดชนิดหนึ่ง ซึ่งทำให้พื้นที่ความจำของเขามีขนาดใหญ่กว่าคนปกติ

    ถึงแม้ว่า Kim จะชอบพบปะผู้คน และชอบแสดงความสามารถของตนให้คนอื่นได้รับรู้ พ่อของเขาซึ่งเป็นผู้ดูแลก็ไม่เคยหาผลประโยชน์จากความสามารถของลูกชาย เขาไปปรากฏตัวตามที่ต่างๆ โดยไม่รับเงินค่าตอบแทน นอกเหนือจากความสุขที่ได้รับจากการพบปะผู้คนเท่านั้น


    Wim Hof
    พลังพิเศษ : ต้านทานความเย็น
    732781-img-1388127266-5.jpg

    Wim Hof เป็นชาวดัตช์โดยกำเนิด เขามีความสามารถพิเศษในการต้านทานความหนาวเย็น ไม่ใช่ในแบบอดทนต่อความเย็นแบบที่นักมายากล หรือนักแสดงเสี่ยงตายทำ แต่ความเย็นไม่สามารถทำอะไรร่างกายเขาได้เลย เคยมีการทดลองให้เขาดำน้ำเย็นจัด ซึ่งสามารถฆ่าคนปกติได้ในเวลาไม่กี่นาที ผลปรากฏคือ อุณหภูมิในร่างกายของเขาแทบจะไม่ลดลงเลย เขาทำได้แม้กระทั่งปีนเทือกเขาเอเวอร์เรสโดยใส่กางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียวได้แบบสบายๆ

    Wim Hof บอกไว้ว่า ความสามารถของเขาได้มาจากการทำสมาธิ ซึ่งได้มีการทำทดลองกับตัวเขาแล้วได้ผลออกมาว่า เป็นความจริง เขาสามารถควบคุมระบบประสาทของตัวเองให้สามารถทนทานต่อสิ่งแวดล้อมได้ ด้วยการตั้งสมาธิ ซึ่งผลการวิจัยยังบอกอีกว่า กรณีของเขาเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งในคนปกติถึงแม้จะนั่งสมาธิมากขนาดไหนก็อาจจะทำไม่ได้ขนาดนี้ ถือว่า เป็นมนุษย์พิเศษจริงๆ


    Isao Machii
    พลังพิเศษ : สุดยอดปฏิกิริยารีเฟล็กซ์
    732781-img-1388127266-6.jpg

    Isao Machii คือชายชาวญี่ปุ่นที่มีรีเฟล็กซ์ (ปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้สมองสั่ง) ยอดเยี่ยม และเขาก็ใช้ความสามารถนั้นในการตัดสิ่งของต่างๆ ด้วยดาบซามูไร

    เขาสามารถตัดสิ่งของเล็กๆ ให้ขาดครึ่งได้ ทำได้แม้กระทั่งตัดลูกกระสุนปืนลมที่ถูกยิงออกมาให้ขาดครึ่ง ซึ่งทำให้คนที่ได้รับชมการแสดงของเขาทึ่งมาก เพราะเป็นความสามารถเหลือเชื่อที่น่าจะมีแต่ในภาพยนตร์เท่านั้น แต่ชายคนนี้สามารถทำได้จริง ลองดูได้จากคลิปวิดีโอนี้

    ความสามารถของ Isao Machii ถูกอธิบายไว้ว่า เขาสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวได้ของสิ่งที่พุ่งมาหาได้ เช่น ลูกปืนที่พุ่งเข้ามาหา โดยการใช้สัมผัสแบบอื่นนอกเหนือจากการมองเห็น ซึ่งเป็นการประมวผลการรับรู้ที่อยู่ในระดับสูงขึ้นไปกว่าในมนุษย์ปกติ หมายความได้ว่า สมองของเขาประมวลผลต่างจากของคนธรรมดา ทำให้เขาสามารถตัดสิ่งของที่พุ่งมาโดยเร็วได้โดยใช้ ความรู้สึก ไม่ใช่ การมองเห็น
    สรุปคือ Isao Machii ไม่ใช่แค่ซามูไรธรรมดาที่ฝึกฝนมาอย่างดีเท่านั้น แต่เขาคือซามูไรพลังจิตแบบที่หลุดออกมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นของจริง


    ที่มา: ที่มาhttp://www.cracked.com/article_19661_6-real-people-with-mind-blowing-mutant-superpowers.html
    ที่มา http://www.everyday-readers.com/blog/articles/คนพลังเหนือมนุษย์-1/

    ขอขอบคุณ...เวปโพสจัง
    (โพสท์โดย: คุณชายชุน)

     
  9. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,333
    ค่าพลัง:
    +4,793
    เหมือนในหนังจีน สินะครับ ที่เขาบอกว่า เวลาที่สัตว์ต่างๆบำเพ็ญตบะ เพื่อไปเป็นเซียน จะต้องมีรอบๆ เท่านั้นปี ถึงจะได้เป็นขั้นไหน
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ที่มาจากวงรอบการปฏิบัติพัฒนาจิต
    จากปฏิบัติจากความเป็นสัตว์
    ให้กลายเป็นคน
    จากคนให้กลายเป็นมนุษย์
    จากมนุษย์เป็นโพธิสัตว์
    วงรอบจะจบ ที่โพธิสัตว์
    (หรือเซียนในความหมายทางจีน)
    สังเกตุได้ว่า จะต่างกับทางพุทธฯ ที่จะมีปถุชน อริยะชน
    ก่อนจะนิพพาน....นั่นเอง
    นี่แบบพุทธ

    ''ปฏิบัติจากสัตว์ มาเป็นคน
    จากคนเป็น มนุษย์
    จากมนุษย์ เป็นปุถุชน
    จากปุถุชน เป็นอริยะชน
    จากอริยะชน ไปนิพพาน''


    สังเกตุไหมว่า เริ่มจาก สัตว์หรือเดรัชฉานทั้งสิ้น
    ที่หมายถึง กายขนานพื้น ไม่ใช่คำดูถูกนะ
     
  11. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ "ตระกูลมาร์ซิลี" ผู้สืบทอดยีนกลายพันธุ์หายาก !!! ไร้ความรู้สึกเจ็บปวด ไม่ว่าจะบาดเจ็บรุนแรงเพียงใดก็ตาม !!!
    Publish 2018-01-05 14:33:05

    มีเรื่องราวอีกมากมายบนโลกใบนี้ที่คุณแทบจะไม่รู้ แต่หากใครที่ได้ติดตามข่าวสารทางด้านวิทยาศาสตร์มาบ้าง คุณคงอาจจะคุณชื่อกับ ตระกูลมาร์ซิลี ซึ่งเป็นครอบครัวหนึ่งในประเทศอิตาลี ที่มีความพิเศษที่สุดในโลกเพราะ พวกเขามียีนกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ซึ่งเป็นยีนที่แปลกประหลาดมากสำหรับมนุษย์โลกเลยก็ว่าได้ นั่นคือยีนที่ทำให้พวกเขาไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าเขาจะบาดเจ็บมากน้อย หรืออุบัติเหตุรุนแรงที่คนอย่างเราๆทนไม่ได้ พวกเขาก็จะไม่มีอาการเจ็บปวดแม้แต่น้อย

    9557c458-6d21-42a6-b266-81f18bb5c961_169-e1514465515126.jpg

    โดย เลติเซีย มาร์ชิลี ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลมาร์ซิลี และมียีนพิเศษนี้ ได้เคยเปิดเผยกับสื่อดังระดับโลกมากมายหลายฉบับว่า เธอรู้ว่าเธอมีความผิดปกติตั้งแต่เมื่อตอนสมัยเด็กๆแล้ว เพราะเธอเคยประสบอุบัติเหตุหลายครั้ง และเคยถูกไฟลวกจนเป็นแผลฉกรรจ์ แต่ทุกครั้งเธอนั้นจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆเลย ต่างกับคนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดจนน่าแปลกใจ แต่ที่ทำให้สื่อใหญ่ระดับโลกมากมายต้องตกใจ เพราะไม่ใช่ เลติเซีย เพียงคนเดียวที่มียีนพิเศษนี้ แต่คนในตระกูลของเธอส่งต่อยีนนี้เป็นพันธุกรรมผ่านรุ่นสู่รุ่น ในครอบครัวของเธอมีคนที่มียีนพิเศษนี้ถึง 5 คน ที่ต่อให้เจ็บปวดรุนแรงอย่างไรก็ไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวด เพราะพวกเขาไม่มีความรู้สึกด้านเจ็บปวดนั่นเอง

    “พวกเราก็ใช้ชีวิตปกติเหมือนกับคนอื่นๆ เพียงแค่พวกเราแทบไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเหมือนคนอื่นเขา จริงๆแล้วพวกเราก็เจ็บเป็นนะ เพียงแค่มันอยู่ไม่นาน ไม่กี่วินาทีก็หายไป” เลติเซีย กล่าว

    B_fWiHQWEAE_XYb-e1514465521857.jpg

    เชื่อว่าพอทุกคนได้อ่านจะต้องรู้สึกว่าอยากมียีนพิเศษแบบนี้บ้าง จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป แต่หารู้ไม่ว่า ยีนพิเศษนี้นอกจากจะมีผลดีคือการไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแล้ว แต่ผลร้ายที่ตามมากลับน่ากลัวเป็นทวีคูณ เพราะ ร่างกายของมนุษย์นั้นมีความเจ็บปวดเพื่อบอกว่าร่างกายนั้นกำลังผิดปกติ ไม่สมบูรณ์ การที่ไม่มีความเจ็บปวดก็เท่ากับว่าเราจะไม่รู้ได้เลยว่าร่างกายภายในต้องการรักษาดูแล ทำให้อาจจะเสียชีวิตได้โดยง่าย เพราะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจ็บป่วยนั่นเอง

    1513789544073-mamma-Mary-Ludovico-figlio-io-Bernardo-figlio-sorella-MElena-e1514465526996.jpg

    โดยล่าสุด ยีนพิเศษของตระกูลมาร์ซิลี นั้นเป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์มากมายทั่วโลก โดยได้ตั้งชื่ออาการนี้ว่า The Marsili Syndrome ตอนนี้ตระกูลมาร์ซิลีคือกรณีศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจที่สุดในโลก โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ทำแผนที่พันธุกรรมของครอบครัวมาร์ซิลี พบว่าพวกเขามียีนตัวหนึ่งที่มีการกลายพันธุ์ โดยยีนตัวนี้ถูกตั้งชื่อว่า ZFHX2 นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการคัดแยกยีนชนิดนี้ นำมาทดสอบกับหนูทดลอง 2 ครั้ง พบว่าหนูที่มียีนตัวนี้ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน


    อ้างอิงที่มาจาก - bbc , sciencealert

    ที่มา...สำนักข่าว ทีนิวส์


     
  12. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    เคยอ่านเจอเหมือนกันค่ะอาจารย์
    เลยเกิดข้อสงสัย ถ้าถูกคนทำร้ายถึงขั้นแทงไม่รู้ตัว
    เหลือดออกในจุดลับตา เช่นข้างหลัง
    แบบนี้ คงแย่มากแน่ๆ เพราะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร
    กว่าจะรู้ตัวคงไม่เลือดออกเยอะเลยหรือนี้

    เจนเคยมีเหตุการณ์ ที่เดินเหยียบเศษแก้ว
    แต่ไม่รู้สึกตัวตอนเหยียบ เดินมาอีกพักๆ มันค่อยๆเจ็บ
    ร้องเท้าที่ใส่เป็นรองเท้าคีบ เวลาเดินแบบรีบๆ มันจะแบะออกด้านข้าง
    รู้สึกว่าเท้าเหนียวๆ แต่ไม่ได้มองลงดู
    เดินๆจนถึงเวลานั่งพัก กลิ่นเลือดมันขึ้นมา พอเจอแผล
    เจนจะเป็นลมเลย และ เจ็บ ปวดแสบไปหมด
    ตอนดึงแก้วออก ขนลุกซู่เลยค่ะอาจารย์9
     
  13. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694

    หมูเจนเคยเดินเหยียบเศษแก้ว
    แต่ไม่รู้สึกตัวตอนเหยียบ
    เดินมาอีกพักๆ มันค่อยๆเจ็บ

    ถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดทุกครั้ง
    อาจเป็นยีนกลายพันธุ์ชนิดใหม่
    หรือเป็นมนุษย์กลายพันธุ์..ตามที่ว่า

    แต่ถ้านานๆเกิดขึ้นที
    ...อาจเป็นเพราะช่วงที่โดนแก้วบาดเท้า
    จิตใจของเจนกำลังจดจ่อกับงาน
    หรือจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป
    วินาทีแรกๆที่โดนบาดจึงไม่รู้สึกตัว
    หลังจากนั่นจึงค่อยๆเจ็บ

    ภาวะช่วงนั่นคืออะไรหรือเรียกอะไร
    คงต้องรออาจารย์นพมาอธิบาย
     
  14. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    เช้าวันนี้ไปค้นหาบทความ
    "มนุษย์กลายพันธุ์" มาให้อ่าน...

    ...อ่านแล้วเพลินๆ สนุกดี
    ...เติมเต็มบางสิ่งที่เราไม่เคยรู้


    ************************************


    มนุษย์กลายพันธุ์

    (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

    สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ หรือ มิวแทนท์ (mutant) ซึ่งก่อนหน้านั้นนักพันธุศาสตร์ เรียกว่า"อสูรกาย" ("monster") คือสิ่งมีชีวิตที่มีความเฉพาะเจาะจงของลักษณะทางพันธุกรรม มีอวัยวะพิเศษ หรือมียีนส์ที่แปลกไป โดยพัฒนาหรือส่งผลจากการวิวัฒนาการ หรือการกลายพันธุ์ซึ่งเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ เชิงโครงสร้างภายในดีเอ็นเอของยีนส์ หรือสายพันธุกรรม ส่งผลให้เกิดบุคลิกลักษณะใหม่ ๆ หรือไม่เคยพบเห็นในรุ่นพ่อแม่ ในเชิงชีวภาพหรือลักษณะเฉพาะตัว บุคลิกใหม่ ๆ ที่กลายพันธุ์มาอาจจะยังเป็นปกติหรือไม่ปกติก็ได้ อาจจะไม่ส่งผลเชิงบวกหรือส่งผลในแง่ดี แต่มักจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรมเสียมากกว่า โดยมากการกลายพันธุ์ของยีนส์เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นขั้นตอนการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตรูปแบบหนึ่ง ในมนุษย์จะเรียกว่ามนุษย์กลายพันธุ์

    มีนักวิทยาศาสตร์ และนักพันธุศาสตร์หลายคนเชื่อว่า การกลายพันธุ์ของมนุษย์ เริ่มเกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 17 และเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา สาเหตุของการกลายพันธุ์มีอยู่หลากหลายปัจจัย โดยมาก จะสรุปเอาว่า เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นพื้นฐานหลัก ประกอบกับที่มนุษย์ได้พัฒนาเทคโนโลยี ทั้งทางการแพทย์ เคมี ชีวภาพ ซึ่งส่งผมข้างเคียงต่อพันธุกรรมมนุษย์ การผลิตยา และให้ยาในปัจจุบัน ที่มีอยู่อย่างแพร่หลาย การใช้ยาบำรุง อาหารสำเร็จรูป อาหารเสริม อันส่งผลต่อระบบเซลล์ ตลอดรายละเอียดด้านพันธุศาสตร์ของมนุษย์ อันส่งผลสู่รุ่นต่อไปในการสืบพันธุ์มนุษย์ การกลายพันธุ์ที่พบบ่อยมากที่สุดคือ มนุษย์เริ่มมีการตั้งครรภ์บุตรจำนวนได้มากกว่า 1-2 สองคน หรือที่เรียกว่า "แฝด" ปัจจุบัน ค้นพบว่า มนุษย์สามารถตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตร ได้มากถึง 8 ชีวิต ซึ่งนับว่าเป็นการแบ่งแยกเซลล์ ในการสืบพันธุ์ หลังการปฏิสนธิของอสุจิ และรังไข่ ซึ่งโดยมาจะแยกเซลล์ไม่มากถึง 9 เซลล์เช่นนี้ ต่อมาเป็นการกลายพันทางด้านจิต เชื่อว่า มนุษย์ทั้งเพศชายและหญิงในปัจจุบัน พบความเบี่ยงเบนทางเพศสูงกว่าในอดีตอย่างมาก ซึ่งถือเป็นการกลายพันธุ์ด้านของเหลวภายในร่างกาย หรือฮอโมนที่กำหนดการรับรู้ต่างๆ ของมนุษย์ การเติบโตของสมองซีกซ้ายและขวา ซึ่งมีส่วนในการตระหนักรับรู้เพศของบุคคล ก็รับผลกระทบด้านการกลายพันธุ์เช่นกัน

    ในกลุ่มจำนวนน้อย แต่เป็นกลุ่มที่มีการกลายพันธุ์สูงสุด และยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ยังคงมีนักวิทยาศาสตร์ และนักพันธุศาสตร์จำนวนหนึ่ง พยายามค้นหาทฤษฎี และหลักฐานมายืนยันความเชื่อ ที่ว่า การกลายพันธุ์ยังส่งผลถึงยีนส์ (จิโนม) มนุษย์ ให้มีความสามารถ (Ability) ที่สูงขึ้นกว่าในวิวัฒนาการในอดีต โดยส่งผลต่อประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ การสัมผัส การรับรส การได้กลิ่น การมองเห็น และการได้ยิน ซึ่งมีการเพิ่มความสามารถมากขึ้น หรือที่เรียกกันว่า "สัมผัสที่หก" โดยแยกออกได้หลายกลุ่ม โดยจะแยกตามสิ่งที่พบได้มากที่สุดดังนี้

    - การมองเห็นที่ดีกว่าคนทั่วไป เช่น มองเห็นของบางอย่างที่อยู่ไกลมากๆได้ มองเห็นรังสีต่างๆได้

    - การได้ยินในสิ่งที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถได้ยินได้ เช่น คลื่นวิทยุ สัญญาณต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งส่งผลต่อจิตใจ ทำให้ต้องมีการบำบัดต่อไป

    - การสัมผัส หรือประสาทสัมผัสรวดเร็วสูงกว่าคนปกติ เช่น ความว่องไวต่อสิ่งเร้าที่จะเข้ามาถึงตัวไวกว่าผู้อื่น

    - พละกำลัง ณ ที่นี้หมายถึง มีกำลังวังชาสูงกว่าคนปกติ พบมากในกลุ่มอาชญากร และผู้ชาย เพราะการกลายพันธุ์นี้ ส่งผลต่อความก้าวร้าวด้วย

    - ความสามารถที่ถูกจัดอยู่ในความเชื่องมงาย ความสามารถนี้ เป็นที่ยอมรับน้อยที่สุด อาทิเช่น เห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า (มิใช่เดจาวู)

    มีบุคคลหลายคนอ้างว่า พวกเขาสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ โดยผ่านช่องทางแตกต่างกันไป เช่น การฝัน การมีภาพฉับพลันเข้ามา

    ตลอดจนการหลับตา แล้วนึกถึง โดยมีผู้อธิบายระดับ (Level) ในการมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าไว้หลักๆ 5 ระดับ

    ซึ่งระดับต่ำที่สุด จะสามารถมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ได้ไม่เกินสามวัน สูงขึ้นมาจะมองเห็นได้ไม่เกินสองสัปดาห์

    ระดับที่สาม จะมองเห็นได้ไม่เกินหนึ่งเดือน อันดับที่สอง จะได้ไม่เกิดสองเดือน ถึงครึ่งปี และระดับสูงสุด จะสามารถควบคุมการมองเห็นได้


    ทั้งนี้ การกลายพันธุ์ของมนุษย์ ยังถูกนำไปสร้างเป็นนวนิยายวิทยาศาสตร์ ภาพยนตร์เรื่องสั้น และเรื่องยาว อาทิ X-Men, Heroes เป็นต้น ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์ และนักพันธุศาสตร์จำนวนไม่มาก มีความเชื่อเรื่องนี้ และพยายามหาหลักฐานมายืนยันอีกด้วย นักพันธุศาสตร์กลุ่มหนึ่ง เคยอ้างว่าพบเด็กชายวัย 13 ปี ที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ด้วยจิต ต่อมาเขาฆ่าตัวตายในวัน 17 เนื่องจากไม่สามารถควบคุมพลังที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเขาได้ และเกิดความกลัวอย่างสุดขีด หรือจะเป็นเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่ง ที่ได้ยินเสียงความถี่ของคลื่นวิทยุ และสัญญาณโทรศัพท์ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันเธอสูญเสียการได้ยินไปแล้ว อีกราย เป็นเด็กชายทารก ที่ทางกลุ่มตั้งชื่อการกลายพันธุ์ประเภทนี้ว่า Regeneration หรือ Heal ซึ่งเป็นกลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีเซลล์ที่แข็งแรง ทำให้พวกเขารักษาตัวเองได้เร็วกว่าบุคคลทั่วไป เช่น หากพวกเขาได้รับบาดเจ็บจากมีดบาด คนปกติอาจใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ กว่าแผลของพวกเขาจะหายเป็นปกติ แต่มนุษย์กลายพันธุ์กลุ่มนี้อาจหายได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 วัน และไม่ทิ้งรอยแผลเป็น หรือผมยาวเร็วกว่าคนทั่วไป หรือไม่ว่าจะเป็นการที่มีอายุยืนยาว หรือไม่ค่อยมีโรคภัยเท่าผู้อื่น หรือสามารถอยู่รอดได้ ในที่ที่มีโรคระบาดโดยตนเองมีภูมิคุ้มกันที่เหลือเชื่อ เป็นต้น

    แต่ถึงอย่างไร ก็ยังไม่มีการให้ความสนใจ ในการกลายพันธุ์แบบเหนือธรรมชาติเช่นนี้นัก จึงยังคงไม่มีการศึกษาหรือเผยแพร่ข้อมูลอย่างกว้างขวาง กระนั้น การกลายพันธุ์แบบเหนือธรรมชาติ ก็ยังคงไม่มีให้พบเห็นมากนัก จะพบเห็นได้มาก ก็แต่การกลายพันธุ์ทั่ว ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็น นิ้วเกิน หรืออวัยวะส่วนอื่นเกิน, บุคคลระบุเพศไม่ได้ (ไม่มีอวัยวะเพศ), มนุษย์เผือก, ผู้หญิงขนดก, ชาย-หญิงที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยขน (Ware wolf) ,ตาสองสี, ผิวทนต่อความร้อน หรือไฟ, มีภูมิคุ้มกันแต่กำเนิด, เด็กหน้าแก่ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่กล่าวมานั้นจริงหรือไม่จริง
     
  15. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    ใช่ค่ะอาจารย์9
    เป็นช่วงที่วิ่งวุ่นกับงาน จำได้ว่า เดินทำน้ำ ส่งน้ำ
    แล้วเหยียบแบบไม่รู้ตัว
    อาจจะเพราะใจจดจ่อเร่งทำงานให้เสร็จตามลูกค้าสั่ง
    มารู้สึกตัวอีกทีก็ ตอนได้นั่งพักและกลิ่นเลือดมาเข้าจมูก
    5555 เกือบจะเป็นลม
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    "ตระกูลมาร์ซิลี" ทางกิริยาคือ ตัวจิตไม่มีสัญญาการปรุงแต่ง
    ในเรื่องของการเจ็บปวดร่างกาย ถือว่าแปลกดี....
    นึกออกไหม เหมือนเรา เห็นมะม่วงเปรี้ยว
    แล้วน้ำลายสอ หรือ อยากกินอะไรที่ชอบ น้ำลายสอนั่นหละ
    หรือ ถ้ามีดบาดแล้วจะต้องเจ๊บ
    คือ เค้าไม่มีสัญญาในการปรุงแบบนี้ ซึ่งธรรมชาติ

    ปกติแล้ว มนุษย์จะมีกันทุกคน ก็ถือว่า แปลกดี

    มันคนละแบบกับ ท่านหรือพระเก่งๆ ที่ตัดกายได้นะครับ
    ส่วนนี้ผ่านการวิปัสสนา ผ่านการเดินปัญญา ตลอดจน
    กำลังสมาธิสะสมมา..



    การรับรู้ในบุคคลปกติทั่วไป กลุ่มที่มีธาตุเหล็กในเส้นเลือดดำ
    มากกว่าคนปกติทั่วไป จะรับรู้ทางนามธรรม ทางพลังงาน
    มากกว่าคนปกติทั่วไปอยู่แล้วครับ...


    เพราะการทำงานของจิตได้ อาศัยส่วนหนึ่งจากแกนพลังงาน
    ที่วิ่งตามแนวกระดูกสันหลังอยู่แล้วเป็นปกติ
    ในระดับท่านที่เก่งๆ หรือเกจิอาจารย์ทั้งหลาย
    เรียกได้ว่า กระดูกสันหลังมีคุณสมบัติ
    ไม่ต่างอะไรกับทองแดงเลยครับ....


    ในเมืองไทย พระเกจิที่ท่านเก่งๆมีอีกเยอะครับ
    แต่ด้วยที่ห่มเหลืองนี่หละครับ คงมาทำอะไรให้คน
    ทั่วไปเห็นได้ยากครับ...
    แต่สิ่งที่ท่านแนะนำ นั่นหละครับ จะเป็นตัวบอก
    ว่าท่านมีความสามารถทำได้หรือเปล่า
    ตรงนี้เราต้องสังเกตุเอาเองครับ.....

    ยกเว้นบางท่านก็มีบ้าง ที่จะทำให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดดู
    แต่ก็มักจะแฝงไว้ด้วยการสอนทางด้านปัญญาครับ..


    ส่วนพวกที่มีความสามารถพิเศษ ปัญหาที่พบคือ
    ๑.ความสามารถนั้นมาทำให้จิตใจตนเศร้าหมอง
    เช่น พวกที่รับรู้ภายนอกได้ดี พอไปรับรู้ก็ดึงมาเป็นเรื่องตัวเอง
    กลายเป็นตัวเอง
    ๒.พวกที่ใช้ความสามารถนี้ เป็นเหตุให้ฆ่าตัวเองตายได้
    อย่างเช่น พวกสายพลังงาน ที่ใช้แต่พลังงานจนแบบไม่รู้จักปล่อยวาง
    สุดท้ายหัวใจวายตาย ป่วยเป็นโรคร้ายแรง หรือเป็นโรคที่รักษาไม่หาย
    ๓.ใช้ในทางที่ผิด เพื่อตอบสนองความต้องการตนเอง
    ๔.คิดไปไกล กลายเป็นผู้วิเศษเสียเอง เป็นคนสำคัญเสียเอง
    กลายเป็นพระเจ้าเสียเอง......
    ที่พูดมา ทั้งหมด ไม่ใช่วิถีทางพุทธฯ


    เพราะทางพุทธฯ เราไม่ได้เน้น เรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก
    และไม่ได้ปฏิเสธว่า ไม่มี แต่จะใช้เพื่อประโยชน์ทางธรรม
    ประโยชน์ผู้อื่น ไม่ใช่ประโยชน์แห่งตน
    และเพื่อเอากำลังตรงนี้ มาช่วยหนุน
    ในการลด ละ กิเลส เสริมในเรื่องของปัญญาครับ

    ส่วนความสามารถก็จะเป็นไปตามเนื้อหาเดิมแท้ของท่านนั้นๆ
    (ก็คือ สิ่งที่เคยสะสมมาในจิต หรือ บารมี หรือ ของเก่า อะไรทำนองนี้ครับ)


    อาการที่ จะทำให้ไม่รู้ว่า ร่างกายเจ็บ หรือต้องไปปรุงอะไร
    เป็นกำลังสมาธิในระดับปฐมฌาน อาจจะเกิดได้ จากการ
    สนใจทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง แบบจดจ่อ หรือจากการฝึกก็ได้


    เหมือนเรานั่งอยู่จอคอม เราไม่ได้สนใจ สิ่งต่างๆแม้แต่เก้าอี้ที่เรานั่ง
    เราสนใจมองอยู่ที่หน้าจอนั่นหละครับ...

    ตอนส่วนตัวไปขูดหินปูน เปิดเหงือกขูดฟัน
    หมอจะบอกว่า เจ็บหน่อยนะ ก็ใช้วิธีแบบนี้
    หละครับ เอาตัวรอดผ่านมาได้ แถมได้แนะนำหมอ
    เรื่องสมาธิอีกต่างหาก ๕๕๕๕


    อิอิ แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง

     
  17. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    Tips & Tricks (วรรคทอง)
    หน้า 106 ลำดับที่ #2102

    หมูเจนฝันว่า "เจอหญิงงาม แต่งเหมือนชุดชาวมุสลิมขาวล้วน
    มีคลุมผม คือ ขาวทั้งชุด ตัวเล็ก สวยงามมาก
    มีปีกใสๆที่หลังชุด กำลังบินขึ้นบนฟ้าแบบเบาๆ......"


    [QUOTE="nopphakan, post:]

    แบบนี้ไม่ใช่ ไม่ควรสนใจ
    แบบนี้มาคล้ายๆว่า
    จะดลใจให้เราเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นๆ...

    ยังมีแบบใช่ชุดมีฮูด ออกดำๆ แต่เห็นหน้าไม่ชัด
    ปิดประตูให้ แต่ว่า บ้านเรือน
    ด้านหลังเป็นทรงจั่ว แต่มีคล้ายๆกากบาท
    แบบนี้ก็มาดลใจให้เปลี่ยนศาสนา
    มักจะมาลักษณะประมาณนี้
    คือ เค้าไม่ได้เชิงบังคับ
    แต่ถ้าแบบเราๆไปนับถือทางศาสนาเค้า
    จะมีประโยชน์สำหรับเค้า
    แต่ถ้าสมมุติว่าเป็น เราเป็น ผู้ชาย เค้าก็จะมา
    คล้ายๆกัน แต่จะเป็นผู้ชาย พอนึกออกเนาะ

    ถ้ากลุ่มจิตวิญญานที่มีปลีกนั้น
    เป็นกลุ่มที่เราเรียกว่าแอตแลนติส
    ปีกที่ออกจากหลังเค้าจะเหมือนในหนังฝรั่ง
    คล้ายๆนก แต่จะมี รองเท้าที่มันลอยได้
    มีข้อมือ และหน้าตาจะออกมีเหลี่ยมเล็กน้อย
    หรือไม่ก็คมๆไปเลย ผมหนาๆ
    ดูเหมือนคนไม่หวีผม....
    ว่าไปแต่งตัวเหมือน หนังการ์ตูน
    พวกที่มีการปล่อยพลังต่างๆนั่นหละ

    หรือถ้าเป็นพวก กินรี
    ก็จะดูแบบคล้ายๆตามภาพในผนังโบสถ์นั่นหละ
    แต่ว่า พวกนี้เค้าสามารถ ถอดปีกออกได้
    เวลาถอดปีกออก มันจะหดเล็กลง จนอยู่ในฝ่ามือได้
    เค้าจะถอดตอนที่ จะมาเล่นน้ำกัน.......

    จบนิทาน
     
  18. 9@Phonlee

    9@Phonlee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    1,845
    ค่าพลัง:
    +4,694
    Tips & Tricks (วรรคทอง)
    หน้า 106 ลำดับที่ #2117

    [QUOTE="nopphakan, post:
    เรื่องฝันปกติมันจะสามารถฝันซ้อนฝันได้
    เป็นเรื่องธรรมดา

    เพราะส่วนหนึ่งของความฝันที่เกิดจาก
    ๑.สัญญาในจิตไม่ว่าจะเหตุในอดีต
    (อดีตที่จิตเคยผ่านมาไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน)
    เช่น เพราะธาตุพร่อง พักผ่อนน้อย
    ซึ่งมักจะฝันรวมเอาเหตุการณ์ที่ผ่านมา
    ในวันนั้นมารวมเป็นเรื่องเดียวกันได้ ๕๕
    หรือเหตุการณ์ สภาพแวดล้อม บุคคล ฯลฯ
    ...ที่เราไม่คุ้นเคยมาก่อน
    ๒.เหตุจากมีการส่งกะแสภายนอกเข้ามาเชื่อมที่จิต ณ ปัจจุบัน
    เช่นเทพสังหรณ์ อนาคตต่างๆ การเตือนต่างๆ
    แต่ก็อาจจะมีที่ปรุงแต่งไปเอง
    ทั้งนี้ต้องดูสภาพก่อนนอนว่า
    มีความเครียด การสะสมความคิดมาร่วมไหม

    เมื่อสัญญาตัวนั้นชัด
    เราก็จะเห็นเป็นเรื่องราวต่างๆ
    ...ได้ตามสัญญาที่จิตสร้าง ณ เวลานั้น
    และก็จะขึ้นมาได้ตามระยะเวลาของ
    สมาธิสะสมเราเอง ส่วนการจำเรื่องราวได้ไม่ได้
    ก็ขึ้นอยู่กับสติทางธรรม
    ที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวัน

    (ทางวิทยาศาสตร์ คลื่นความถี่ช่วงที่ฝัน
    ประมาน ๔ ถึง ๗ Hz เรียกเทต้า)
    ซึ่งช่วงต่อมาคือคลื่นหลับ(ประมาน ๑ ถึง ๓ Hz เรียกเดลต้า )

    ถ้าเราดูเป็นกราฟช่วงที่ฝันหรือเห็นโน้นนี่นั้น
    เวลาลืมตาหรือตอนนั่งสมาธิ หรือ
    ช่วงที่ใจไปแต่กายไม่ไปตาม หรือช่วงผีอำ
    บ้างเรียกช่วงจิตใต้สำนึก นั่นแล
    (ทั้งหมดมันคือช่วงคลื่นเดียวกัน)
    คลื่นมันจะ เหวี่ยงขึ้นลง
    เหวี่ยงขึ้นไม่เกิน ๘ เพราะถ้าเกิน
    เราจะเริ่มระลึกรู้กายได้ขยับได้ตามปกติ
    และจะตื่นเหมือนทั่วไป
    แต่ถ้าคลื่นมันต่ำกว่า ๓ ภาพก็จะหายไป
    และเราก็จะนอน กรนคร๊อกฟี่ๆ ต่อไปเท่านั้นเอง
    ...พวกนี้คือเรื่องธรรมดา

    อาจจะเกิดคำถามว่าทำไมเราฝันซ้อนได้
    สังเกตุนะ
    ๑. เวลานอนคลื่นต่ำกว่า ๓
    พอเริ่มฝันฯลฯ ค่า คลื่นสูงมา ๔ ถึง ๘
    เพราะมันใกล้คลื่นที่ลืมตาตื่น
    บางทีเราจึงเข้าใจว่าเวลานั้น เราไม่ได้หลับ
    เหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงมากๆ.
    ทางวิทยาศาสตร์คือมันมีการเพิ่มความถี่เข้าไปให้มากขึ้น
    ความถี่ที่เพิ่มก็มาจากสัญญา
    (เหตุที่ทำให้ฝัน ที่มี ๒ ข้อก่อนหน้า)
    ๒. เมื่อสัญญา(เหตุ ๒ ข้อ)มันไม่พอที่จะทำให้ตื่น
    คลื่นก็จะลดระดับลงมาเพื่อที่จะนอนต่อ
    คือลดมาต่ำกว่า ๓ Hz
    เพราะมันจะหลับก่อนเห็นพอนึกออกเนาะ

    ๓.ช่วงที่คลื่นมันลดลงมา(พอภาพชุดแรกหมด)
    ขณะที่จะถึงคลื่นหลับ ก็อาจจะมาเจอสัญญาตัวอื่นๆ
    นึกออกไหมมันเคยเพิ่มค่าความถี่ไปแล้วจากสัญญา
    ...จิตมันเลยคุ้นเคย
    มันก็จะค้นต่อว่า เห้ยยยย
    มีสัญญาตัวไหนไหมที่อยู่ในระแวกเดียวกัน
    (ช่วงที่เคยเก็บไว้ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน)
    ถ้าเจอมันก็จะดึงสัญญาตัวนั้น
    จึงมาสร้างเป็นภาพอีกชุด

    พอหมดสัญญาหรือแรง ก็ตกมาอีก
    ก็มาดูอีกว่ามีอีกไหม ก่อนจะหลับ
    ถ้ามีก็สร้างอีก ถ้าไม่มีเราก็จะนอนกรนต่อ

    ยกเว้นสัญญานั้นมันหนาแน่นจนเราระลึก
    รู้กายได้ คลื่นก็จะสูงเกิน ๘ Hz เราก็จะลืมตา
    ตื่นขึ้นมาได้ ถ้าสมาธิสะสมเราน้อย
    เราก็จะเหนื่อย ถ้าสติทางธรรมไม่พอ
    เราก็จะจำอะไร บ่ ค่อยได้
    (สาเหตุย้อนอ่านในย่อหน้า ๓ ได้)

    ถ้าสังเกตุดูเราสามารถฝึกอะไรได้ตรงนี้บ้าง
    สังเกตุ ๑.สมาธิสะสมเราฝึกไม่ได้เพราะไม่ได้ระลึกรู้ลม
    หรือคลื่นไหวกาย และไม่ได้กดตัวจิตให้คลื่นมันนิ่ง
    ซึ่งเป็นหลักการในการฝึกทั่วไป

    ดังนั้นจึงเหลือการฝึกเพิ่มสติทางธรรม ^_^
    จึงได้มีอุบายในการฝึกว่า
    ถ้าเริ่มรู้ตัว จึงห้ามเราลืมตาเป็นอันขาด
    เพราะไม่งั้นเราจะตื่นและเข้าอีหลอบเดิม
    คืออาจเหนื่อยและลืมบางช่วงที่ฝัน

    ไม่ลืมตาก็เป็นการบังคับ
    ไม่ให้คลื่นมันทะลุเกิน ๘ Hz ขึ้นไป
    ซึ่งเราจะตื่น คลื่นมันก็จะวนต่ำกว่า ๘
    แต่ถ้าต่ำกว่า ๓ ก็หลับอีก

    ในช่วงที่ยังไม่ลืมตา จึงให้ระลึกทุกเรื่องราวในฝัน
    หรือบางครั้งให้ระลึกว่า
    เมื่อวานทำอะไรมาบ้าง พลาดตรงไหน อาบน้ำ เวลาไหน
    มันก็จะไปเพิ่มกำลังสติทางธรรมสะสมไว้
    ในคลื่นช่วง๔ ถึง ๘ ได้เอง อัตโนมัติ
    พอลืมตาแล้วให้ลืมไปเลย
    เพราะจะเป็นความคิดและคนละช่วงคลื่นแล้ว

    พอฝันครั้งต่อไปเราก็จะเหมือนรู้เรื่องมากขึ้น
    เข้าใจมากขึ้น ถ้าเราเจริญสติต่อเนื่อง
    สร้างสมาธิระหว่างไว้ ไม่ว่านับก้าวเดินหรือระลึกรู้ลม
    เราก็จะเฉยๆเวลาลืมตาได้

    ปล สมาธิเอาไปใช้ได้ทุกช่วงคลื่นความถี่
    แต่ตอนนอน ร่างกายพักมันสร้างไม่ได้
    ไม่เหมือนสติทางธรรมที่สร้างได้ทั้งเวลาตื่น
    และเวลาก่อนตื่นนั่นแล

    ที่พลาดกันเรื่องสติทางธรรมคือพอลืมตาแล้ว
    เราไปพยายามคิด พยายามระลึก(ไม่ให้มันรู้เอง)
    มันเป็นคนละช่วงความถี่กัน
    ซึ่งเหมาะสำหรับการเรียน การใช้ประกอบอาชีพกัน
    เลยไม่ส่งผลให้เรารู้เรื่องในฝันดีขึ้น
    เพราะการใช้ชีวิตเวลาปกติ
    เราก็ไม่ค่อยเจริญสติกัน ๕๕๕
    เอาง่ายๆ วันหนึ่งระลึกรู้ลมเข้าออกกี่นาที
    นับก้าวเดินกี่ครั้ง ๕๕.

    คำว่า ทำไม เพราะอะไร
    คืออะไรก็มาจาก การมองข้าม
    หลักการเพื่อความเข้าใจด้วยตนเอง
    อย่างที่เล่าให้ฟังมาก่อนหน้านั่นแล

    ทำไมเส้นผมถึงบังภูเขาได้นั้นแล
     
  19. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    ช่วงนี้ กำลังอินกับหนังแฮร์รี่พอตเตอร์
    กลับมาดูใหม่ตั้งแต่ภาคแรก
    ตอนนี้ ทำไมหมูเจนถึงมีความรู้สึก
    อยากหลุดเข้าไปอยู่ในเรื่องนี้ อินจัดค่ะ
     
  20. กาแฟโบราณ2สอ

    กาแฟโบราณ2สอ วันหนึ่งอยากเดินเข้าป่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    782
    ค่าพลัง:
    +2,772
    ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไรไป
    มีเรื่องวุ่ยวายใจเข้ามาตลอด
    พอมีเรื่องทางโลกที่เข้ามาอย่างถาโถม

    เจนจะรู้สึกแบบนี้เสมอ ตลอด ตลอดเวลาตั้งแต่เกิดมาเป็นคน
    อยากหลบไปอยู่ที่ไหนเงียบๆ แล้วนอนหลับลงตรงนั้น
    อยากคุยกับ ใครก็ตาม ที่ไม่ใช่คน
    อยากร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
    อยากเป็นคน ที่เขาว่าบ้า เดินยิ้มไปมา ส่งสายตาหวานๆไปตลอดทาง
     

แชร์หน้านี้

Loading...