ไม่รู้จักกัน

ข้ามมหาสมุทร คือ มหาสมมุติ หากไม่ยึดร่างกาย และจิตใจ ก็ไปไม่ถึงฝั่งวิมุติ หาก.ติด คือ หมั่น.ก็ข้ามฝั่งสมมุติไม่ได้ไชไหม

 

ใช่ค่ะ ยึดเพื่อปล่อย แต่ถ้าไม่ยึดตั้งแต่ต้น ก็ไม่มีอะไรต้องปล่อย ทะเลหลง ทะเลทุกข์ มองไม่เห็นฝั่ง เพราะขาดซึ่งปัญญา

เราได้เห็นความจริงในความไม่มีของสิ่งที่มีนั้นแล้ว
การเล่นกับกองทุกข์ด้วยสติ ก็เป็นการเพิ่มพูนปัญญาได้ทางหนึ่ง

 

จิตใจที่ฉายแวว ย่อมไม่แคล้ว มีคนมาแอบมอง

 

บูญใดที่จะเกิดขึ้น จากนี้เป็นต้นไป ไห้เรามีส่วนในบุญนั้น สาธุ สาธุ สาธุ

 

ผู้ใดไห้สิ่งใด ย่อมได้รับสิ่งนั้น กลับไป เช่นกัน

 

นำเรื่องราวดีๆ มาฝากค่ะ

ปรากฏการณ์ธรรมชาติอันงดงาม
พิธีถวายเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนแด่พระสงฆ์สามเณร ณ วัดพิชยญาติการาม วรวิหาร


จากเฟสบุค...สิริปญฺฺโญฺ ภิกขุ

 

ชนะในระดับล่างอาศัยกำลัง
ชนะในระดับกลางอาศัยสติปัญญา
ชนะในระดับสูงอาศัยคุณธรรม
ชนะทั้งหมดทั้งปวงอาศัยธรรมะ
เพราะธรรมะ สมานทั้งคุณธรรม สติปัญญาและกำลัง

 

เอาชนะผู้อื่นได้คือวีรชน
เอาชนะตนเองได้คืออริยชน
วีรชนเอาชนะศัตรู
แต่อริยชนปราศจากศัตรู

 

คนที่ดูลายแทงไม่เป็น หรือดูไม่ออก คงอดได้ขุมทรัพย์ เป็นแน่แท้

 

กลายเป็นกระทู้ธรรม เอ้า...ธรรมก็ทำ

หายใจเข้า หายใจออก นี่ก็ทำและธรรมจ้ะ
ลมหายใจเข้าสุดที่สะดือ ลมหายใจออกสุดที่ปลายจมูก จิตใจปลอดโปร่ง

ท้องพองยุบ อาการพองยุบเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปขาดซึ่งลมหายใจก็ไร้ชีพ พองดับ ยุบเกิด ยุบดับ พองเกิด

เอาจิตไปวางตรงไหนให้รู้ตรงนั้น ดูเหตุ รู้เหตุ ดูผล รู้ผล รู้เพื่อปล่อยวางทั้งเหตุและผล

รูปนามมีอยู่ที่กายและจิต รูปกระทบนาม นามกระทบรูป ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไป รูปเกิดดับ นามเกิดดับ วัฏฏะเกิดเพราะความหลง หลงในรูป หลงในนาม ทำยังไงได้เมื่อยังไม่มีวิชชาก็ต้องหลงกิเลสโลภ โกรธ หลง กิเลสสังโยชน์ วิปัสสนูปกิเลส อุปกิเลส ฯลฯ

กิเลสเยอะแยะไปหมด ลึกเข้าไปก็มีอาสวะกิเลสอีก กิเลสยึดพื้นที่ทุกหน้าด่าน กิเลสยึดได้เพราะเปิดใจรับเข้ามาเอง

 

ความสุขที่แท้จริง คือความสุข ที่ไม่ต้องตามหา แต่จะเป็นความสุขที่ผุดขึ้นมา จากจิตใจ ของตัวเราเอง ปิยวาจาส่งถึงอนัตตา ผู้ก้าวข้ามตัวตน

 

สาธุค่ะ

นัตถิ สันติ ปรมัง สุขัง

 

ความจริงโลกนี้มีแต่ทุกข์ แต่เราสามารถอยู่กับทุกข์ได้โดยไม่ทุกข์ค่ะ

 

เป็นคำพูดที่เรียบง่าย.แต่ความหมายนั้น.ลึกซึ้งยิ่งนัก

 

มันขึ้นอยู่กับที่เราเลือกค่ะ เลือกเป็น เลือกคิด เลือกทำ ชีวิตลิขิตได้ ลิขิตเอง

โลกมีสองด้านเสมอ จะอยู่ด้านมืดหรือสว่าง ล้วนคือเราเลือกเอง

 

...ผู้ดู...

สมัยเรียนชั้นประถม เคยยืนดูคนล้วงกระเป๋าบนรถเมล์ เป็นผู้ดูมาตั้งแต่เด็ก ดูจริงๆ ดูอย่างเดียว ดูแล้วก็คิด คิดอยู่คนเดียว ไม่บอกใคร เค้าเถียงกัน ทะเลาะกัน โทษกัน เราก็ดู เรารู้ ว่าอะไรเป็นเหตุ ใครคือผู้กระทำ แต่เราไม่บอกใคร แล้วทุกเรื่องราวก็ลบเลือน จางหายไป เหมือนเป็นคนแล้งน้ำใจ แต่จริตสันดานเป็นอย่างนั้นเอง คนทุกข์คือคนที่ยังมืดบอด ที่กล้าพูดอย่างนั้น เพราะเราเป็นผู้ดูมาโดยตลอดไง

เวทนา 3 ทำให้ปรากฏเป็นธรรมสังเวช อารมณ์กิเลสเปลี่ยนให้คนดีๆ เป็นคนบ้าได้ บ้าพลัง บ้าอำนาจ บ้าน้ำตา บ้าด่าทอ สารพัดบ้า

ถ้าลองหยุดเป็นผู้ดูเพียงอย่างเดียว จะเห็นความจริงตรงหน้า ไม่ใช่เพิ่งมาดู แต่ว่าดูมาเนิ่นนานแล้ว

 

อยู่กับลม ลมๆ แล้งๆ จิ๊งงงงง มีแต่ลม เวทนา 3 ปรากฏไปจนตาย แม้แต่พระอรหันต์ท่านก็ยังมีเวทนา 3 (อ่านมา) ตัวเองยังอยู่กับลม ลมคือชีวิต ตอนนี้ไม่รู้จักสุข ทุกข์ มีแต่เรื่อยๆ มีทุกอารมณ์ แต่ทุกอารมณ์นั้นไม่ก่อทั้งสุขและทุกข์ เห็นมันแค่ผ่านไป อยากจะครุ่นคิดเหมือนคนอื่นๆ แต่ก็ไม่รู้จะคิดอะไร ไม่มี

 

สัญญาเป็นปัจจัยไห้เกิดปัญญา.หากไม่มีสัญญาปัญญาคงไม่เกิด.ผู้ที่มาเพื่อไม่เกิด.คือผู้เห็นค่าของปัญญา.คือปัญญาที่เข้าถึงธรรมของ .พระพุธเจ้า

 

ถึงรูปจะไม่ชัด.แต่สัมผัสได้.ถึงความสวย