เรื่องเด่น เป็นภูมิแพ้ทำอานาปานสติไม่ได้

เคยเป็นเหมือนกันภูมิแพ้หลอดลมอักเสบ

ทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ไปฝึกสติปัฎฐาน4แทนได้ อานาปานะสติ ไม่ต้องก็ได้ ทำ บาทานะสติ รู้การก้าวเดินแทนได้

 

ณ จุดๆนี้ … ผมขออนุญาตขยายความนิดนึงเพื่อความชัดเจนนะครับ ที่ท่าน @สุรีย์บุตร ได้กรุณาแนะนำท่านเจ้าของกระทู้ให้ทำ “บาทานะสติ” นั้น ไม่ใช่เคล็ดวิชากระบวนท่า “บาทาไร้เงา” ประมาณว่าการเคลื่อนไหวของเท้าว่องไวมาก จนแม้กระทั่ง "เงา" ยังจับไม่ทันจากหนังเรื่อง หวงเฟยหง แต่อย่างใด … ท่าน @สุรีย์บุตร ท่านหมายถึงการ จงกรม ครับ ท่านเจ้าของกระทู้สามารถศึกษาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากการคลิ๊กเข้าไปพิจารณาดูในกระทู้ #1 นี้ครับ

 

กำหนดลมที่ปลายจมูก อุปมาก็เหมือนยามที่คอยตรวจเช็คคนเข้าคนออก ยังสัมผัสตัวคนเข้าคนออกอยู่ ยังเป็นลูกน้องยามอยู่..

ที่โยมปฏิบัติอยู่ ตรงนี้ เป็นหัวหน้ายาม..

คนเริ่มต้นใหม่ก็เริ่มจากการเป็นลูกน้องก่อน ถึงจะเลื่อนขั้นขึ้นไปเป็นหัวหน้า..

 

ถ้าเค้าวางอารมณ์ถูก ไม่เคลื่อน ไม่สัดส่าย..

เค้าอาจจะตามลมเข้าไปจนถึงขั้น "ลมหาย กายหาย เหลือแต่ผู้รู้" ที่เรียกว่า..เอกัคคตาจิต นั่นแหละ..

 

ใช่ครับการดูก็เป็นการโฟกัสเฉพาะที่นี้หละเหมือนยาม
หากอารมณ์กายและธรรมารมณ์ใจยังไม่ดี
มันก็เป็นการเพิ่มความเครียดดีๆนี้เองหละ

และการฝึกดูแบบนี้ หากใช้ไปดูที่อึดอัดกับที่ว่าเป็นกรดไหลย้อน
มันก็ยิ่งทำให้โฟกัสในจุดที่เกิดเวทนาเข้าไปอีก ทำให้ติดขัด

การสวดมนต์ผมว่าเหมาะละช้วยปรับธรรมารมณ์ให้ดีได้
ธรรมารมณ์ใจดีเดี๋ยวสภาพกายจะค่อยๆถูกปรับธาตุไปเอง
บทสวดมนต์ก็ดีทุกบทตามความเห็น
แต่ผมชอบใจไปทางบทจักรพรรดิ

 

โลกธาตุ ที่อยู่รอบเราทั้ง สี่ทิศแปดทาง
เป็น โลกธาตุที่เต็มไปด้วย ผู้ที่ชอบความยุติธรรม
คนที่ไปเกิดในโลกธาตุนั้นๆ จะมีทุกอย่างหมด
รูปร่าง หน้าตา อายุ อายุขัย ไม่มีคนพิกลพิการ
ผู้คนมีอายุอย่างน้อย ห้าร้อยปี เท่ากันหมด

มีเพียง มัชญิมาโลก หรือ โลกตรงกลาง
ที่เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความไม่เที่ยงแท้แน่นอน
อายุ ก็ขึ้นๆลงๆ ได้ ตามกรรมใหม่ ที่ตัวเองกระทำ
ผู้คน ก็มีตั้งแต่ พระราชา ไปจนถึง ขอทาน
หน้าตา ก็มีตั้งแต่ หน้าตาดี ไปจนถึง หน้าตาพิกลพิการ
จิต ก็มีตั้งแต่ พระอรหันต์ จนถึง พญามาร
ทุกอย่างเป็นไปได้หมดในโลกนี้
แต่คนส่วนมาก ร้อยละ 99.99 เปอร์เซนต์
มักจะต้อง ตกนรก โดยส่วนเดียว
หาโอกาสที่จะ ขึ้นสวรรค์ หรือ บรรลุธรรม แทบจะไม่มี
เพราะฉนั้น ใครที่จะมองหา ความชอบธรรม หรือ ความเป็นธรรม
ก็ย่อมที่จะเป็นไปไม่ได้ จะต้องไปหาที่ โลกธาตุที่อยู่ด้านข้างโน่น
ในโลกนี้ มีแต่ ทุกคนเกิดมาด้วยกฏแห่งกรรม นำพาทั้งสิ้น
หากตั้งจิตถือศีล ก็จะได้ ไปสู่สุขติ หรือ บรรลุธรรม
หากไม่ตั้งใจถือศีล ก็จะได้ ไปทุกติ หรือ อบายภูมิ

 

นั่งสมาธิรู้สึกสงบขึ้น เริ่มจะไม่รับรู้เสียงกระทบจากภายนอก เห็นลมหายใจเป็นสีขาวใสเหมือนสายน้ำยาวๆ อาการนี้คืออะไรคะ

 

สิ่ง สำคัญ นักภาวนา

ถามเอง หรือ ถามแทน

หาก ยังเป็นการ ถามแทน ปรกติจะต้อง ห้ามตอบ

แต่ถ้าเป็น ถามเอง ก็จะไม่ตอบเหมือนกัน ผู้ที่ถาม
จะต้อง ทวนเอาเองว่า ทำเหตุ อะไร ยังไง จึงได้
ผลอย่างนั้น สำคัญกว่า จะเอา สภาวะผล มาเทียบ
หาชื่อ

ทั้งนี้เพราะ ความก้าวหน้าทางธรรม จะอยู่ที่ เพียรประกอบ เหตุ

ไม่ใช่ การเอา ผล มาเทียบบัญญัตรายางค์ หมูไหม้

 

ปิติ สุข เป็นปัจจัยให้เกิดความสงบ
จะทำให้เห็นการเคลื่อนบลาๆๆที่ชัดขึ้น

แต่การเคลื่อนบลาๆๆนั้นหากมี ปิติ สุข เป็นองค์ประกอบ
มันจะเหมือนกับน้ำไหลนิ่ง

การปรุงแต่งธรรมารมณ์บลาๆๆ นั้นเจือด้วยสัญญาทั้งนั้น
สมาธิที่เกิดขึ้นได้ก็เป็นการปรุงแต่งอันหนึ่ง

การบริกรรมหรือสวดมนต์ แล้วปรับธรรมารมณ์ให้ดี
แม้จะไม่ต้องตั้งใจที่จะสงบ มันก็จะสงบแบบน้ำไหลนิ่งอยู่แล้ว

 

เป็นอาการของฌาณครับ
ระหว่างฌาณสองถึงฌาณสาม
ถ้าถึงฌาณสี่
แม้เปิดเพลงข้างหูเสียงดังขนาดไหน
ก็ไม่ได้ยิน ส่วนเห็นลมหายใจสีขาวใส
คือนิมิตที่เกิดจากอำนาจของสมาธิ
บางคนก็เห็นเหมือนกัน
บางคนก็เห็นไม่เหมือนกัน
การติดนิมิตหรือหลงนิมิต
ทำให้การปฏิบัติไปได้ช้าไม่ค่อยก้าวหน้า
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า
นิมิตไม่ดีไม่มีประโยชน์นะครับ
นิมิตมีทั้งสัมมานิมิตและมิจฉานิมิต
สัมมานิมิตจะบ่งบอกถึงระดับของสมาธิ
มิจฉานิมิตมักนำไปในทางวิปลาสครับ
เห็นนิมิตอะไรให้เห็นเป็นเพียงทางผ่านเท่านั้น
รู้เห็นแล้วให้ปล่อยวาง
ถ้าไปติดใจในนิมิตจะทำให้ไปได้ช้าครับ

 

ขออนุญาตตอบในฐานะของคนที่เป็นภูมิแพ้เหมือนกันนะคะ(เราเป็นภูมิแพ้หนักขั้นหอบหืด)

อานาปานสติสามารถทำได้แม้ในคนที่เป็นภูมิแพ้หอบหืดแบบเราก็ตาม

เราเป็นภูมิแพ้ที่แบบว่าเวลาส่วนใหญ่ หายใจได้รูจมูกเพียงข้างเดียว (แต่ปัจจุบันอาการดีขึ้นมาก กลายเป็นเวลาส่วนใหญ่หายใจได้สองข้าง)

แต่แม้ว่าจะหายใจได้เพียงข้างเดียว เราก็สามารถกำหนด"ดู"ลมหายใจเข้าออกได้ค่ะ

เพราะอานาปานสติจะต้อง"ไม่ไปกำหนดบังคับลมให้เข้าหรือออก" ลมหายใจเป็นเช่นไรปล่อยไปเช่นนั้น จะหายใจได้เพียงสั้นๆหายใจไม่เต็มปอด ก็ดูตามนั้น

จะหายใจข้างเดียวก็รู้เพียงข้างเดียว
ไม่ไปบังคับลมอะไรเลย

ถ้าเรา"ดู"ลมหายใจเข้าออก จะยาวหรือสั้น ก็ดูตามนั้น ไม่ไปบังคับลม ไม่บังคับให้ต้องหายใจยาวๆ
เราเมื่อดูลมหายใจเข้าออกนั้นเรื่อยๆแบบไม่ไปบังคับมัน จนลมหายใจดับ หูดับก็ทำได้ค่ะ และหลังออกจากสมาธิ จากที่หายใจติดขัดหายใจได้ข้างเดียว อาการมันจะดีขึ้นทุกครั้งหลังออกจากสมาธิ
คือจากหายใจได้ข้างเดียวกลายเป็นหายใจได้โล่งสองข้าง
หรือก่อนนั่งสมาธิน้ำมูกไหลอยู่เรื่อยต้องคอยซับตลอด พอนั่งสมาธิจนจิตนิ่ง น้ำมูกหยุดไหลเอง
เป็นแบบนี้ทุกครั้งค่ะ
ถ้าอาการมากๆส่วนใหญ่จะปรากฎตอนสมาธิไม่นิ่ง พอสมาธินิ่งแล้วอาการมันจะทุเลาลงไปค่ะ

 

หากเห้นก้นหอยสีดำวนเข้ามาใกล้ตัว รู้สึกมีความสุขมากๆตามมา อาการแบบนี้เรียกว่าอะไรคะ

 

ในเมื่อ ถามเป็น ครั้งที่สอง

อีกทั้ง ก็ไม่ได้ พยายามยกว่า มันเป็นนั่น เป็นนี่

หาก นักภาวนาแสดงถึง ความตั้งมั่น ของจิต ก็พึงสดับ

การหน่วงเหนี่ยว แสงขาว เท่าเข็มหมุด ของ ผู้ฝึกอานาปานสติ
จะสามารถ หน่วงได้มากกว่า หนึ่งดวง หนึ่งเส้น หนึ่งเกลียววน
แบบ พวกกสิณ

สามารถทำให้ ดวงเท่าเข็มหมุด มีจำนวนเท่าไหร่ก็ได้
หากจะผลิกลงกสิณ ก็เลือกมา สักดวงนึง ซึ่ง จะไม่
ย้อนไปโหลยโถ้ยแบบนั้นแล้ว เพราะว่า การเห็น
แบบ ทีหลายๆดวง นั้น มีผลมากกว่า

แต่ละดวง มุดลงไปเห็นนั่น เห็นนี้ได้

แต่ไม่จำเป็นเลย ที่จะต้อง หยิบมาทีละดวง

สามารถ กวาดทั้งหมดไปพร้อมกันเป็น โกฏิเป็นล้าน

เรียกว่า เห็น สังสารวัฏ หรือ เห็น ปฏิจสมุปบาท ก็ได้

อะไรที่จะเป็น ประโยชน์ จิตมันจะ แฉลบเกิดเป็น
กลุ่มของ สังขารขันธ์ ที่ใช้ บริการจัดการ ไม่ใช่
แค่ เหตุการณ์ตรงหน้า แต่ สามารถ จัดการทั้งโลก
ทั้งหมด ได้ในคราวเดียว

ขันธ์5 จึงเป็นของกลาง ไม่ใช่ ของใคร คนใด คนหนึ่ง

ทีนี้ ถามว่า เห็น เกลียวสังสารวัฏอยู่อย่างนั้น ได้ประโยชน์
อะไรไหม

ไม่ได้

เพราะ อานาปานสติ เอาเข้าจริงๆ ไม่อาศัย นิมิตเหล่านั้น
ก็ยังสามารถ ทรงความเป็น อานาปานสติได้ ( เพราะความ
รู้ชัดในการ ทำเหตุ )

อาการหายใจไม่ออก ที่เป็น โรค ที่เป็น อุปสรรค จะเป็น
เรื่อง วิบาก ที่จะมา ตัดรอนกรรมฐาน หากไม่ได้พึ่งทำร้าย
ใครมา ก็จะถือว่า ต้องใช้วิบาก ใช้หนี้ เลี่ยงไม่ได้
ไม่ควรท้อถอย

ไม่ใช่ การมนสิการ อานาปานสติ ไม่ได้ เพราะ เลยไป
หลายอสงไชยแล้ว ที่ ภาวนาด้วย อานาปานสติ มา

ถ้าภาวนามาน้อย จะเกิดการ วิตก วิจาร ไปกับ ดวงแสง
แล้วมุดไปเห็นนั้น เห็นนี้ จ๊ะ จ๋า เสียเวลา

นะ

ให้ รู้ออกมานอกๆนี้ อย่าให้ ลืมกาย ลืมใจ

แขน ขา อยู่ครบ อย่าเข้าใจว่า ตกจาก อานาปานสติ

เพราะ อานาปานสติ หากชำนาญ ตัวมันเองจะ
ให้ผลเป็น สุญญสัญญาบ้าง อนิจสัญญาบ้าง
อนัตตสัญญาบ้าง เพื่อเอามา อาศัยระลึก

กามวิตก ไม่กำเริบ
พยาบาทวิตก ไม่กำเริบ
อหิงสาวิตก ไม่กำเริบ
( อานาปานสติ จะใช้การพ้นกิเลส การสิ้นอาสวะ
เป็น อุคหนิมิต ปฏิภาคนิมิต อนุโลม ปฏิโลม )

ก็พึงทราบ ปหานสัญญา มุ่งสู่ มหาสมุทร ในชาตินี้

 

ลองเดิน จงกรม ครับ ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย

เวลากำหนดจุดลมหายใจ ถ้ากำหนดจุดเดียวแล้ว อึดอัด ให้ลองกำหนดพร้อมกัน 2 จุดครับ
เช่น เวลาหายใจเข้า กำหนดที่สะดือหรือกลางอกเพิ่มอีกจุด

เวลาเข้าสมาธิแล้วเห็นนิมิต ก็ดูอย่างเดียวครับ ไม่ต้องสนใจว่ามีความหมายอย่างไร
ไม่ต้องเสียใจ ดีใจ กังวลใดๆ
ไม่ต้องอยากเห็น ไม่ต้องไม่อยากเห็น เหมือนกับดูอยู่ห่างๆ

ก่อนนอนก็อธิฐาน ขอให้บุญ กุศลที่ทำทั้งหมดในวันนี้จงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า ขอพรให้ข้าพเจ้าหายจากภูมิแพ้ และขอให้บุญ กุศลที่ทำทั้งหมดในวันนี้จงสำเร็จแก่....

 

รักษาสุขภาพทานอาหารที่มีประโยชน์ ยืดเส้นวอร์มร่างกายหรือโยคะท่าบริหารง่ายๆอาจจะอบซาวน่าเองที่บ้าน ถนอมร่างกายพักผ่อนให้พอ ยามร่างกายแข็งแรงสดชื่นก็อาจช่วยยืดอายุและเกื้อหนุนให้สังขารปฏิธรรมได้ดีขึ้นก็เป็นได้

 

ลอง ดู นะ ฮับ พอไม่ไปให้ค่า ให้ราคา กลับ เกลียว

เกลียวทั้งหมด จะ ยุบลง เหมือน เป็น ฟ้าแล็บ แปล๊บเดียว
แล้วก็ ออกมา ปรกติจิต เราก็สามารถ ภาวนาต่อได้

การที่เกลียวแสงมันยุบลง เป็นแค่ ฟ้าแล็บ ก็คือ
การเก็บกำลัง ฌาณ ของ อานาปานสติ

เป็นการพักจิต ธรรมดาๆ แต่มีผล เท่ากับ ทำฌาณมา ห้าร้อยชาติ

ซึ่ง พวกทำฌาณ ก็จะอ้างว่า หากเป็น ฌาณ มันต้อง
ยิ้ม หรือไม่ก็ เหาะ ได้สามวันเจ็ดคืน สี่เดือน แปดปี
ให้พึงทราบว่า อะไรแบบนั้น ไร้สาระ ไร้แก่นสาร

ย้ำว่า

เป็นการพักจิต ธรรมดาๆ แต่มีผล เท่ากับ ทำฌาณมา ห้าร้อยชาติ

ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่า จะสำเร็จ ในวินาที หรือ วันหน้า

ถ้าไม่สามารถ เห็นกิเลส การสิ้นกิเลส การสิ้นอาสวะ
เป็น อุคหนิมิต ปฏิภาคนิมิต

 

เรียกว่าอาการเห็นอวิชชา
แล้วเกิดปีติครับ
อวิชชาคือความมืด
ความมืดเป็นสีดำวน
การวนท่านเล่าปังได้กล่าวไปแล้ว

 

ก้นหอยสีดำเหมือนจะดูดเราเข้าไปด้วยสิค่ะ แต่ตกใจซะก่อนก็เลยออกจากสมาธิ

 

ฮึย ไม่เหมือนกัน

มืด อานาปานสติ จะสว่างๆ นวลๆ ไม่ซึม ออกจาก
สมาธิก็เดินได้เลย ต่อให้เหน๊บกิน ก็ กั้นสติ ไม่ได้
เดินด้วยกำลังฌาณ ไปชิวๆ

แต่

มืดวนๆ อันนั้น มีไหม มันก็มี มันเป็น สมาธิของลัทธิไม่กินหมู

หรือ ศาสนาคิดซะมาก ก็ด้วย เน้น มืดแบบมึนตึ๊บ สลบเหมือด

แล้ว ปรักปรำ พวก สว่าง ว่าเป็น จิน เป็น นอกรีต จับโยนหน้าผา
ตายห่านหมด เอาไว้แต่ พวก สมาธิมืดๆ จูบแหวน ล่อเป้า