เรื่องเด่น อยู่ไปทำไม? เมื่อพระอาจารย์ชยสาโรปลอบใจโยมแม่

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย rachotp, 22 กันยายน 2021.

  1. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,806
    B (ปก).PNG

    ลายมือบันทึกของพระอาจารย์ชยสาโร เล่าถึงเหตุการณ์ที่ต้องปลอบใจโยมแม่ที่แก่เฒ่าและหมดกำลังใจจะมีชีวิตต่อ ให้กลับมีกำลังใจและรู้ว่า ตนจะอยู่ไปเพื่ออะไร? นับเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ล้ำค่าที่สุดที่บุตรคนหนึ่งจะพึงตอบแทนต่อผู้มีพระคุณ

    ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระฝรั่งที่ถ่ายทอดความลึกซึ้งทางธรรมฉบับภาษาไทยได้สละสลวย และเป็นที่ประทับใจต่อพุทธศาสนิกชนทั่วโลก


    A.PNG


    ตั้งแต่โยมพ่ออาตมาเสีย โยมแม่อยู่คนเดียว หลังๆ อาตมาจึงโทรไปคุยบ่อยๆ วันหนึ่ง โยมแม่ถอนใจใหญ่ แล้วพูดว่า “ไม่รู้อยู่ทำไม อยู่ไปวันๆ ไปไหนก็ไปไม่ได้ เป็นภาระของคนอื่น ไม่รู้อยู่ทำไม” เสียงสั่นเครือของท่านน่าสงสารจริงๆ

    F.PNG

    อาตมาจึงสั่งโยมแม่ว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอให้แม่ทำความดีวันละข้อ อะไรก็ได้ ไม่ต้องเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องเล็กๆ ก็ได้ แต่ขอให้เป็นเรื่องที่ทำแล้วรู้สึกภูมิใจได้”


    โยมแม่ถามว่าอยู่ไปทำไม คำตอบของอาตมาคือ “อยู่ไปเพื่อทำความดี วันไหนคนเราทำความดี วันนั้นไม่ว่างเปล่า วันนั้นไม่เป็นหมัน ความดีคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีความหมายและมีความสุข”


    G.PNG

    ทุกวันนี้เมื่ออาตมาโทรไปที่บ้าน ก่อนอื่นต้องถามโยมแม่ว่า “วันนี้ทำความดีแล้วหรือยัง” ถ้าทำแล้ว อาตมาก็ชื่นชมให้กำลังใจ โยมแม่มีความสุข


    การตอบแทนบุญคุณ ไม่ได้อยู่ที่การปรนนิบัติ หรือการรับใช้อย่างเดียว การให้โอกาสให้ท่านทำบุญทำกุศล และรู้จักอนุโมทนาในความดีที่ท่านได้ทำไว้แล้ว คือการช่วยสุขภาพจิตของผู้สูงอายุที่สำคัญมาก


    C.PNG

    พระอาจารย์ชยสาโร
    พระเทพพัชรญาณมุนี (ชยสาโรภิกขุ)


    Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro และ Facebook คุณไพโรจน์ วุฑฒนานนท์

     
  2. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,806
    A 1.PNG

    ถ้ากำลังรักแม่ วันนี้ขอให้ความรักของเราปรากฏด้วยการกระทำและการพูด...

    D.PNG

    ถ้ากำลังโกรธหรือน้อยใจแม่ ขอให้อภัยท่าน และวันนี้ตั้งใจทำอะไรสักอย่างให้แม่มีความสุข อย่าเป็นทุกข์เพราะการคาดหวัง แม่ไม่ใช่พระอรหันต์อยู่ในบ้าน แม่เป็นคนธรรมดา พยายามเอาใจท่านใส่ใจเรา และทำให้ความสัมพันธ์กับแม่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าจะอยู่ด้วยกันอีกสักนานเท่าไร


    E.PNG

    พระอาจารย์ชยสาโร
    พระเทพพัชรญาณมุนี (ชยสาโรภิกขุ)


    Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook ธรรมะ โดย พระอาจารย์ชยสาโร/ Dhamma by Ajahn Jayasaro
     
  3. wan_winny

    wan_winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +216
    เราจะช่วยแม่เราอย่างไรดีตอนนี้เป็นผู้ป่วยติดเตียงและอัลไซเมอร์ รู้สึกสงสารและปลงกับสภาวะนี้มากๆ ช่วยแนะนำด้วยคะจะผิดบาปไหมถ้าอธิษฐานขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตรขอช่วยเปิดทางให้แม่ได้พบกับทางไปที่ดีๆ ช่วยแนะนำด้วยคะ
     
  4. lotusbudth

    lotusbudth สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +155
    ...ขอส่งกำลังใจให้คุณก่อนนะคะ...
    ขอแนะนำว่า ยังไงก็ต้องดูแลท่านไปอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้...ในสภาพที่ท่านเป็น ...ส่วนท่านจะสิ้นกรรมเมื่อไรนั้น เมื่อถึงวาระก็เป็นไปเองค่ะ
    ที่คุณอธิษฐาน ดิฉันคิดว่าก็ไม่น่าจะผิด คือขอให้ท่านได้ไปดี ไปสบาย ทำได้ด้วยการที่คุณอาจจะสวดมนต์และถ้าทำสมาธิได้บ้างก็ทำแล้วอธิษฐานและแผ่กุศลให้ท่านทุกครั้งที่ทำได้ค่ะ
    จะเปิดบทสวดมนต์ให้ท่านฟังบ้างก็ได้ แม้ท่านอาจจะรับรู้บ้างไม่รับรู้บ้างก็ยังดี แต่ให้สังเกตุว่าเปิดบทสวดมนต์แล้วท่านชอบหรือไม่ค่ะ ถ้าชอบก็ดีไป...แต่ถ้ามีอาการต่อต้าน ก็ต้องลดลงค่ะ
    หรือคุณจะเป็นผู้อ่านออกเสียงบทสวดมนต์หรือธรรมะให้ท่านฟังก็ได้ค่ะ
    ส่วนตัวคุณเอง เมื่อปลง...ก็จะได้พิจารณาธรรมค่ะ ว่าเราหนี โรค - ชรา - มรณะ ไปไม่พ้นค่ะ น้อมมาดูด้วยว่าตัวเราเองก็จะเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
    ส่วนการรักษาตามอาการของโรค โดยเฉพาะในช่วงสุดท้าย ขอแนะนำให้คุณลองเสริชหาศึกษาเรื่อง living will คือ การแจ้งเจตจำนงไว้ก่อนตายว่าต้องการให้ตนได้รับการรักษา-หรือไม่รักษาอย่างไร อันนี้แม่คุณไม่สามารถทำได้เองแล้ว แต่ให้ตัวคุณไปดูแนวทางว่า อะไรที่ผู้ที่อยากจากไปแบบสงบ...อยากให้ตนได้รับ และอะไรที่ไม่ควรทำ ...เช่นการปั๊ม หรือฉีดยากระตุ้นเพื่อยื้อเวลาไม่ให้ผู้ป่วยตาย ซึ่งส่วนใหญจะยืดเวลาได้ไม่กี่วันหรืออาทิตย์ ยังไงก็ไม่มีใครสู้กับมรณะได้หรอกค่ะ แต่โรงพยาบาลหลายแห่งได้ทรัพย์เพิ่มไปเป็นแสนค่ะ
    ก็เข้าใจค่ะว่าลูกหลานหรือญาติ อยากจะให้ผู้ป่วยหาย แต่เราเป็นชาวพุทธ ควรรู้และเข้าใจเรื่องเกิดแก่เจ็บตาย และเรื่องกฎแห่งกรรม คือถ้าถึงเวลาที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ปรโลกแล้ว ก็ต้องไป และควรจะไปอย่างดี
    และก็ไม่ใช่ว่าให้เร่งเวลาให้ท่านตายเร็วๆ เพราะถ้ายังไม่ถึงเวลาของท่าน แล้วลูกหลานไปกระทำอะไร...บาปหนักเลยค่ะ ถ้าหากว่าท่านยังดำรงชีพในสภาพที่ท่านเป็น คือมันเนื่องจากกรรมของท่าน และของผู้ที่เกี่ยวข้องในการต้องดูแลท่านด้วยค่ะ คุณมีกรรมมีหน้าที่ในการดูแลท่าน...กต้องทำไปให้ดีที่สุดค่ะ
     
  5. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,806
    ผมเห็นด้วยกับโพสต์ของคุณ @lotusbudth ครับ… สาธุครับคุณ @lotusbudth _/\_ ผมขอโมทนาบุญในการโพสต์ข้อธรรมที่เป็นประโยชน์ และ สาระข้อคิดดีๆที่คุณ @lotusbudth ได้โพสต์กล่าวไว้ดีแล้วดังกล่าวข้างต้นครับ _/|\_

    ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ... ผมขออนุญาตโพสต์เพิ่มเติมให้คุณ @wan_winny เห็นความสำคัญในสภาวะของ “จิตสุดท้าย” ตอนตายนิดนึงนะครับว่ามันสำคัญที่สุดครับ คำว่า "จิตสุดท้าย" นี้ หมายถึง ภาวะที่เรากำลังจะหมดลมหายใจ ซึ่งห้วงเวลานั้นเพียงเสี้ยววินาทีที่กำลังจะตาย จิตจะอยู่ในภาวะอารมณ์ใดก็จะนำไปเกิดในที่นั้นๆ แยกเป็นสองประเภทครับ คือ...


    "จิตกุศล" คือ ความผ่องใสที่เกิดขึ้นในจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า การระลึกถึงครูบาอาจารย์ ระลึกถึงบุญกุศลที่ตนได้ประกอบไว้ เกิดความปีติซาบซึ้งใจที่ตนเองได้กระทำความดี เช่น ภาวะใกล้ตายปรากฏนิมิตเห็นโบสถ์ วัดวาอารามที่ตนได้สร้าง เห็นชายจีวรที่ตนได้เคยถวายหรือนิมิตเป็นเสียงให้ได้ยินเสียงสวดมนต์อันไพเราะ ย่อมทำให้จิตเป็นกุศลไม่หม่นหมอง แม้แต่การกำหนดลมหายใจพุทโธ การฟังเสียงสวดมนต์แล้วจิตน้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ล้วนแต่เกิดความเป็นกุศลในจิตใจทั้งนั้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ตายไปสู่สุคติภูมิ คือ เกิดในที่ที่เป็นสุข เช่น สวรรค์ชั้นต่างๆ หรือได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ซึ่งการเกิดมาเป็นมนุษย์ด้วยภาวะจิตสุดท้ายก่อนตายที่มีความเป็นกุศลนี้ ผลบุญที่ตนได้กระทำไว้ในอดีตย่อมส่งผลให้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่เพียบพร้อม เช่น เป็นมนุษย์ที่มีฐานะดี มีชาติตระกูลดี รูปร่างหน้าตาดี เป็นต้นครับ


    การทำความดีที่จะส่งผลให้จิตสุดท้ายเป็นกุศล คือ ระลึกถึงแต่ความดีนั้น ก็จำเป็นอย่างยิ่งว่าในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ ต้องหมั่นประกอบบุญกุศลอย่างต่อเนื่อง ทำจนเป็นนิสัย เรียกว่า "อาจิณกรรม" ซึ่งจะทำให้เกิดวิบาก คือ การสะสมบุญ และความเป็นกุศลในจิตใจให้มีอำนาจเหนือบาปกรรมที่อาจเคยกระทำไว้เล็กๆ น้อยๆ หรือทำโดยไม่ตั้งใจก็ตาม เมื่ออำนาจแห่งบุญ และกุศลมีมากกว่าบาปแล้ว ย่อมนำพาให้จิตระลึกถึงแต่ความดีที่ตนได้กระทำ ยังผลให้จิตเกิดความสงบสุข และไปสู่สุคติในที่สุด


    ประเภทที่สอง คือ "จิตอกุศล" หรือคือ จิตไปพะวงในสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ อันเกิดจากกรรมชั่วที่ตนเคยกระทำไว้ที่มีอำนาจมากกว่าบุญ หมายถึง ขณะที่มีชีวิตได้ทำชั่วจนเป็นอาจิณ เช่น ประกอบอาชีพฆ่าสัตว์ โดยไม่สำนึกในบุญในบาปเมื่อใกล้ตาย ภาพของสัตว์ที่กำลังตายด้วยความเจ็บปวดทรมานก็จะปรากฏเป็นภาพให้เห็น ทำให้ผู้นั้นเกิดอาการเจ็บปวดทรมานเช่นเดียวกับสัตว์ที่ตนเคยฆ่า บ้างก็ร้องโหยหวนเป็นเสียงสัตว์นั้นๆ เช่น เคยเชือดคอไก่เป็นๆ โดยทำเป็นอาจิณ ทำเป็นประจำ และไม่คิดว่าสิ่งนั้นเป็นบาป เมื่อกำลังจะตายก็จะเห็นภาพของไก่ที่กำลังถูกเชือดเป็นต้นครับ


    การเห็นนิมิตในลักษณะนี้ เรียกว่า "กรรมนิมิต" หมายถึง หากเป็นกรรมดีก็ย่อมเกิดนิมิตที่ดี หากเป็นกรรมชั่วก็ย่อมเกิดนิมิตที่ชั่ว ซึ่งจะเป็นไปโดยอัตโนมัติในขณะที่ใกล้จะตาย ในบางกรณีที่จิตจะสื่อว่าไปเกิดในภพภูมิใดนั้น ก็มีนิมิตเป็นภาพปรากฏให้เห็นภพภูมินั้นๆ อยู่เบื้องหน้า เช่น เวลาใกล้ตายเห็นฝูงนกฝูงกามารับหรือนิมิตเห็นทุ่งหญ้า นั่นแสดงให้เห็นว่า คนๆนั้นย่อมเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือหากนิมิตเห็นเปลวไฟอันร้อนแรง แสดงให้เห็นว่า ย่อมไปเกิดเป็นสัตว์นรก หากเห็นเทวดานางฟ้ามารับหรือเห็นวิมานกลางอากาศ เห็นแสงสว่าง ก็ย่อมไปสู่สุคติภูมิที่ดี เรียกการเห็นภพเบื้องหน้าที่ตนจะไปเกิดขณะใกล้ตายว่า "คตินิมิต" คือ ทางที่ผู้นั้นจะไปภายหลังจากที่ร่างกายแตกดับครับ


    ในเรื่องกฎแห่งกรรมนั้นก็ยังมีคนที่ “ไม่เชื่อ” อยู่ เรียกว่า มีจิตเป็น มิจฉาทิฐิ ส่งผลให้จิตเป็นมิจฉาเป็นอกุศลอยู่บ่อยครั้ง เวลาใกล้ตายนั้นก็มักจะนึกถึงแต่สิ่งไม่ดีที่ตนเคยทำไว้ เพราะทำบาปมากกว่าบุญ จะให้นึกถึงบุญด้วยความปีตินั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ แม้ญาติสนิทหรือคนใกล้ชิดจะใช้วิธีการเตือนความจำให้ระลึกถึงพระหรือนิมนต์พระมารับสังฆทานจากมือผู้ใกล้ตายก็ดี หากจิตของคนๆนั้นมิได้ยินดีในการประกอบบุญ จิตย่อมหม่นหมองอยู่วันยังค่ำ หรือบางคนเตือนสติให้ญาติของตนท่องพุทโธเอาไว้ บ้างก็นำภาพพระมาให้ดูหรือเปิดบทสวดมนต์ให้ฟังบ้าง ซึ่งจะได้ผลดีก็ต่อเมื่อคนๆนั้นมีจิตเป็น สัมมาทิฐิ มีพื้นฐานของความเชื่อและศรัทธาต่อพุทธศาสนาอยู่พอสมควร หากไม่มีความเชื่อความศรัทธาแล้ว แม้ญาติๆจะช่วยเหลืออย่างไรก็ไม่เป็นผลครับ เพราะจิตเป็นอกุศลอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ไปเกิดในทุคติภูมิ มีเปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก เป็นแดนเกิดครับ


    ในกรณีที่ญาติสนิทหรือคนใกล้ชิดช่วยเตือนสติหรือความจำให้ระลึกถึงแต่บุญกุศลนั้น ผู้ที่เตือนความจำคนที่กำลังจะจากไปก็ไม่ควรทำตนให้โศกเศร้าเสียใจมากนัก อย่าร้องไห้ให้คนที่กำลังจะตายเห็น เพราะเท่ากับว่าเป็นการเหนี่ยวรั้งคนที่กำลังจะตายไว้ ทำให้คนที่จะตายต้องเกิดความเป็นห่วงแล้วจิตของเขาหรือเธอนั้นก็จะหม่นหมอง เนื่องจาก ในบางครั้งมนุษย์เราทำบุญไว้มากก็จริง แต่ละเลยการภาวนา ทำให้เวลาใกล้ตายอาจจะไม่มีสติ และต้องหวั่นไหวไปกับอารมณ์ต่างๆ ของคนที่ตนรักและห่วงใยได้ครับ หรือแม้กระทั่งบางคนทำบุญให้ทานมาตลอดชีวิต แต่การกระทำผิดเพียงครั้งเดียว แต่เป็นตราบาปติดใจไปตลอดชีวิต เช่น รู้สึกผิดมากที่เป็นชู้กับคนอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือ รู้สึกผิดที่เคยทุจริตประพฤติมิชอบฉ้อโกงทรัพย์สินคนอื่นมาในอดีต แล้ววางใจไม่ลงระลึกถึงความชั่วนั้นอยู่ซ้ำๆ จนในภาวะที่จิตสุดท้ายใกล้ตายก็ยังรู้สึกผิดบาปกับสิ่งเหล่านี้ ทำให้จิตหม่นหมองไม่ผ่องใส ยังผลให้ไปเกิดในอบายภูมิได้ครับ


    สรุปคือวาระจิตสุดท้ายก่อนตายนี้เป็น "กรรม" ประเภท "มโนกรรม" ที่สำคัญมากๆครับ หากจิตสุดท้ายก่อนตายนั้นจิตระลึกถึงสิ่งใดอยู่ก็ย่อมมีทางไปกับสิ่งนั้น เช่น ขณะที่นั่งรถอยู่ ระหว่างนั้นจิตก็นึกถึงเรื่องลามกอยาบช้าขึ้นมาหรือกำลังโกรธใครอยู่ กำลังนึกเกลียดใครอยู่ แน่นอนว่าหากเกิดอุบัติเหตุอันเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตอนนั้น จิตย่อมตกสู่อบายภูมิครับ "มโนกรรม" นี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะบ่งบอกว่าผู้นั้นมีจิตเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล แล้วจะส่งต่อในภพภูมิใดต่อไปครับ


    ประมาณนี้ครับ... ฝากไว้ให้คุณ @wan_winny ลองพิจารณาครับ _/\_
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2021
  6. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,216
    กระทู้เรื่องเด่น:
    252
    ค่าพลัง:
    +23,806
    หากคุณ @wan_winny สะดวกและมีเวลาว่าง… ผมแนะนำให้คุณ @wan_winny ลองพิจารณาดูเพิ่มเติมครับ (^_^)


     
  7. wan_winny

    wan_winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +216
    ทุกวันนี้ก็ไม่ยี่หระกับการตายอยู่แล้วคะ แม้ว่าชีวิตที่เป็นอยู่ขณะนี้ไม่ได้ทุกข์เข็ญ หรือเจ็บป่วยรำลึกเสมอว่าวันหนึ่งเราก็ต้องไป ถ้ามีวันนั้นก็ขอคุณพระให้เราหลับแล้วไม่ต้องตื่นเลยก็ถือว่าเรามีบุญแล้ว
    ส่วนแม่นั้นก็อายุมากกว่า 80 แล้ว เชื่อว่าที่แม่ยังอยู่เพราะว่าแม่คงยังไม่หมดกรรม แต่แม่ก็มีบุญนะที่ลูกๆไม่มีใครทอดทิ้ง เพียงแต่เรารู้สึกว่าแม่คงไม่พบทางสว่างเลยอยากช่วยแม่ก็เท่านั้นเองคะ

    แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอขอบพระคุณนะคะที่แชร์ข้อคิดดีๆ คะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...