ห้องพระเครื่อง "ศิลป์พระ๙" พระเครื่องทั่วไทย

ปิดรายการ

246.เหรียญหลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง รุ่น ภปร. 2521 จ.นครศรีธรรมราช ((( บูชา 2,850 บาท )))

 

ปิดรายการ

252.เหรียญหลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง ปี 2518 ((( บูชาคู่นี้ 1350 บาท )))

 

254.หรียญพญาครุฑ อาจารย์วราห์ วัดโพธิ์ทอง ปี 2552 ((( บูชา ***** บาท ))) ปิดรายการ

สวยเดิมๆครับ

 

255.เหรียญหลวงพ่อหนู วัดทุ่งแหลม จ.ราชบุรี รุ่นพิเศษ ((( บูชา *** บาท )))
เหรียญสวยมาก

หลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม ราชบุรี เดิมท่านชื่อ นายหนู นามสกุล เจริญวิทยา เกิดเดือนธันวาคม พ.ศ.2438 ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ ตำบลหนองโพ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสามารถสอบได้ นักธรรมโท และได้หันมาสนใจวิชาทางด้านไสยศาสตร์ ไสยเวท คาถาอาคมต่างๆ โดยได้ไปร่ำเรียนกับหลวงพ่อกุหลาบ วัดเนินตอ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี จนมีความรู้และเชี่ยวชาญ ต่อจากนั้นก็ได้ไปเรียนกับ หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ อีก 3 ปี ครั้นต่อมาเมื่ออายุครบบวชในปี พ.ศ.2458 โยมบิดา-มารดาจึงจัดการ อุปสมบทให้ ณ วัดใหม่เจริญผล โดยมี หลวงพ่อปลิวเป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์นั้นไม่ทราบแน่ชัด เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เรียนวิชากับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากนี้ก็เรียนวิชากับหลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยางและหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ต่อมาท่านได้ลาสิกขาบทออกไปเป็นฆราวาสอยู่ที่อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ท่านก็ยังคงปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งต่อมาท่านจึงอุปสมบทอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2502 ณ พัทธสีมาวัดกุฏิบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โดยมี พระครูเกษมสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเปรยเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ส่วนพระกรรมวาจาจารย์ไม่ทราบนาม เมื่ออุปสมบทแล้วได้รับฉายาว่า ฉินฺนกาโม หลังจากนั้นก็ได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดไทยธรรมาราม อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 5 พรรษา ต่อจากนั้นจึงย้ายกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดกุฏิบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ภายหลังชาวบ้านในละแวกทุ่งแหลม เกิดความศรัทธาเลื่อมใสและเห็นจริยวัตรของท่านที่งดงาม จึงได้มานิมนต์ให้ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งแหลม อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งได้มรณภาพเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2529 ท่านก็ได้ละสังขารมรณภาพอย่างสงบ สิริอายุ 91 ปี

 

256.เหรียญหลวงปู่สาย วัดกระโจมทอง ((( บูชา *** บาท )))

 

257.เหรียญรัชการที่ 5 เนื้อเงิน 2460 ((( บูชา *** บาท )))

 

258.พระสมเด็จปรกโพธิ์ รุ่นฟ้าผ่า หลังดอกจันทร์ วัดพรหมรังษี จ.กรุงเทพฯ ปี 2521 ((( บูชา *** บาท )))

พระสมเด็จปรกโพธิ์ รุ่นฟ้าผ่า หลังโค๊ดดอกจันทร์ วัดพรหมรังษี ถ.พระราม 2 บางขุนเทียน จ.กรุงเทพฯ ปี 2521 หลวงปู่โต๊ะ, พ่อท่านคลิ้ง, หลวงปู่โง่น ร่วมปลุกเสก หลังจากพิธีนั่งปรกรวมแล้ว หลวงปู่โต๊ะ ท่านยังเมตตาปลุกเสกเดี่ยวให้อีก 1 รอบ พิธีดีน่าสะสม

ส่วนสาเหตุที่เรียกชื่อรุ่นฟ้าผ่า ว่ากันว่าระหว่างพิธีปลุกเสก มีลมพายุพัดแรงฝนตกหนัก และฟ้าก็ผ่าเข้ามาที่โบสถ์ ผู้คนเห็นชัด และคิดว่าไม่มีรอดใครแน่ เพราะโบสถ์ก็เล็ก แต่ไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆเลย ทำให้สมเด็จรุ่นนี้เป็นที่กล่าวขาน และมีประสบการณ์ตั้งแต่ในพิธีปลุกเสก

 

259.พระผงครูบาผาผ่า วัดผาผ่า รุ่น 3 จ.แม่ฮ่องสอน ((( บูชา *** บาท )))

ครูบาผาผ่า หรือ พระครูปัญญาวรวัตร แห่งวัดผาผ่า ในอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นับได้ว่าท่านเป็น "ต๋นบุญแห่งแม่สะเรียง" ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี มีศีลาจารวัตรยึดมั่นในสัมมาปฏิบัติ ถือมังสวิรัติ เคร่งครัดในพระกัมมัฏฐาน มีสมาธิแก่กล้า มีเจโตปริญาณ สามารถหยั่งรู้จิตใจของคนอื่น และเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ นับเป็นพระภิกษุรูปเดียวในถิ่นแคว้นล้านนาไทยภาคเหนือที่ครูบาเจ้าศรีวิไชย ยกย่องประกาศเกียรติคุณว่า มีบุญญาธิการบารมีแก่กล้า จนถึงขนาดเอ่ยออกปากกับญาติโยมชาวบ้านร้านคลาดไปจนชาวเขา หรือชาวกะเหรี่ยงที่เดินทางมาจาก อำเภอแม่สะเรียง และพื้นที่ใกล้เคียงที่ต้องเดินทางไกลมาด้วยความยากลำบากว่า

" ต่อไปไม่จำเป็นจะต้องมาทำบุญขอศีลขอพรกับอาตมาถึงที่นี่ก็ได้ มีอะไรก็ให้ไปหา “ ตุ๊น้อง ” ที่ วัดดอยล้อม ที่เมืองยวม โน้นก็ได้ "
ซึ่งคำว่า “ ตุ๊น้อง ” ที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยบอกนั้น ท่านหมายถึงท่านครูบาผาผ่านั่นเอง

ครูบาผาผ่า นามเดิมชื่อ สวน นามสกุล คำภีระ เกิดที่หมู่บ้านผาผ่า ตำบลแม่คะตวน อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ.2432 ขึ้น 2 ค่ำ เดือน 2 ปีฉลู โยมบิดาชื่อนายปั่น โยมมารดาชื่อนางธิ มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม ๔ คน เมื่อมีอายุ 17 ปี จึงได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรโดยมี ครูบาเต๋ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบรรพชาแล้วได้ศึกษาคำภีร์มูลกัจจายน์พระสูตรและเจริญพุทธมนต์คาถา ตลอดจนกัมมัฏฐาน จนมีความรู้ความสามารถและมีจิตเป็นสมาธิแก่กล้าแต่เยาว์วัย จนเมื่ออายุ 21 ปีจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดผาผ่า โดยครูบาตุ้ย แห่งวัดห้วยสิงห์เป็นพระอุปัชณาย์ พระอธิการอินต๊ะ แห่งวัดบ้านใหม่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า “ ปัญญาวโร ” แปลว่าผู้มีปัญญาอันประเสริฐ

เมื่ออุปสมบทแล้ว ด้วยวัตรปฎิบัตืที่งดงามเคร่งครัดมิได้ด่างพร้อย ทำให้หลายครั้งที่ท่านได้หลบความวุ่นวายในวัดที่มีญาติโยมไปรบกวน ปลีกวิเวก หนีขึ้นเขาเข้าป่าจำศีลภาวนาปฏิบัติพระกัมมัฏฐาน จนเมื่อต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดผาผ่า สืบแทนท่านครูบาเต๋ จนถึงเจ้าคณะตำบลและเป็นพระอุปัชฌาย์ จนกระทั่งวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2501 จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่ "พระครูปัญญาวรวัตร " มาจนสิ้นอายุขัย โดยท่านมรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. พ.ศ. 2504 สิริอายุได้ 72 ปี

ครูบาผาผ่าครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นได้ถูกยกย่องว่าเป็น "หมอยา" เนื่องจากสมัยก่อนโรงพยาบาลหรือสถานีอนามัยนั้นไม่ได้เข้าถึงหมู่บ้านที่ห่างไกล เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะรักษากันเอง ด้วยยาสมุนไพร ครูบาผาผ่าเองก็เป็น หมอยา ที่ชาวบ้านศรัทธา เวลาใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็มันจะไปพึ่งบารมีท่านอยู่เสมอๆ แม้เมื่อยามครูบาผาผ่า จะมรณภาพไปนานแล้วก็ตาม แต่คุณความดีเป็นที่เลื่องลือ มีสาธุชนเป็นจำนวนมาก เมื่อทราบประวัติเกียรติคุณแล้ว ต่างเสาะแสวงหา ส่วนใหญ่วัตถุมงคลทุกชนิดจะสร้างภายหลังท่านมรณภาพแล้วทั้งสิ้น นอกจาก "ผ้ายันต์" ที่มีคนขอท่านก็ทำให้เป็นรายบุคคลไป


พระเนื้อผงรุ่นแรกของท่าน สร้างขึ้นหลังจากท่านถึงแก่มรณภาพแล้ว.โดยในปี พ.ศ. 2507 คณะศิษย์และกรรมการวัดผาผ่าได้จัดสร้างพระเนื้อผงรูปเหมือน จากเถ้าอัฐิของท่านที่รวบรวมไว้ มาผสมกับว่าน เกษรดอกไม้หลากชนิด รวมทั้งผงคำภีร์ใบลาน ได้จำนวน ประมาณ 9,000 องค์ เพื่อเป็นอนุสรณ์น้อมรำลึกถึงคุณงามความดี และเกียรติคุณของท่าน พระผงรูปเหมือนรุ่นแรกนี้เนื้อหาค่อนข้างหยาบ หาพระกดได้คมชัดลึกยากมาก องค์พระค่อนข้างหนา เนื้อผงสีเทาเข้มจนเกือบดำ ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนครูบาผาผ่า นั่งปางสมาธิบนอาสนะ ด้านหลัง ใช้ลวดกดด้วยมือ เป็นตัวอักขระ "อรหํ" ซึ่งมีทั้งบล็อก "อรหํ" หางสั้นและหางยาว ด้วยวิธีการกดอักขระให้จมลึกเป็นรอยในเนื้อพระ จึงเรียกกันว่าหลัง "ยันต์จม" ในปัจจุบันพระผงรุ่นแรกของท่านได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วไป ราคาเช่าหาในสภาพสวยสมบูรณ์ ถึงหลักหมื่น ซึ่งแน่นอนมามีของเก๊หลากหลายฝีมือให้ทดสอบด้วยเช่นกัน

พระผงรูปเหมือนที่กำลังชมองค์นี้ แม้เป็นพระผงรูปเหมือนรุ่น2 ที่จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2513 ออกที่วัดกิตติวงศ์ซึ่งจะแตกต่างจากพระรุ่นแรกที่ด้านหน้ามีอักษร "ครูบาผาผ่า ใต้อาสนะ และด้านหลังเป็นเส้นนูนตัวอักขระ "อรหํ" จากในบล็อก แต่ด้วยจำนวนที่สร้างน้อยกว่าคือเพียงประมาณ 2,513 องค์เท่าปีที่สร้าง แถมยังรับประกันความแท้และความสวยสมบูรณ์คมชัดลึก ขนาดติดรางวัลรองขนะเลิศในบ้าน จากงานประกวดฯ ที่โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมาก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดาจ้า

วัตถุมงคลของครูบาผาผ่า ไม่ว่ารุ่นใดเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า มีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ ให้ผลทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเภทภัยอันตรายต่างๆ นานา

 

260.พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก จ.นครศรีธรรมราช ((( บูชา **** บาท )))

ประวัติหลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” （ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช）

พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต”

เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ที่ วัดหาดสูง

เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์

ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ

ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้

(วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ)

สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง

และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา

หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง

 

261.เหรียญอาจารย์แสวง วัดกลางสวน ปี 2496 จ.สมุทรปราการ ((( บูชา *** บาท )))

 

262.รูปหล่อหลวงพ่อจุล วัดหงษ์ทอง จ.กำแพงเพชร เนื้อเงิน ((( บูชา 450 บาท ))) ปิดรายการ

 

263.รูปหล่อหลวงพ่อท่อน วัดพระเกิด รุ่นแรก จ.พัทลุง ((( บูชา 550 บาท ))) "จอง">>>พี่j999

หลวงพ่อท่อนท่านเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงในพื้นที่โซนเขาชัยสน ปากพะยูน มีประสบการณ์มากมาย ในพื้นที่ รูปหล่อหาได้ค่อนข้างยากครับ

 

264.รูปหล่อรุ่นแรกหลวงพ่อแก้ว วัดท่าสำเภาใต้ รุ่นแรก จ.พัทลุง (((บูชา 1,250 บาท)))) "จอง">>>พี่j999

รุปหล่อรุ่นนี้ออกเป็นรุ่นแรกสมัยท่านยังอยู่วัดแหลมดินหาได้ยากมากๆครับสภาพสวย

หลวงพ่อแก้ว วัดท่าสำเภาใต้เป็นเกจิที่ผมมีโอากาศได้สัมผัส รู้จักท่านสมัยที่เริ่มเล่นพระตอนเด็ก ราวๆ ม.2 ช่วง ม.4 เริ่มมีรถมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองก็ขับไปไหว้พระวัดต่างๆที่ยังไม่ละสังขาร หลวงปู่แก้วเป็นพระเกจิที่อาวุโส ที่สุดในช่วงเวลานั้น ท่านเป็นพระที่มีอภิญญาสูง เป็นศิษย์สายเขาอ้อ ขนานแท้ ประสบการณ์พระเครื่องเครื่องรางของท่านมากมาย ยุคที่ผมเข้าไปตอนเด็กๆท่านก็ชราค่อนข้างมากแล้ว

​

ประวัติ
ประวัติ พ่อท่านแก้ว วัดท่าสำเภาใต้ จ.พัทลุง
ท่านเป็นชาวพัทลุงโดยกำเนิด เกิดที่บ้านท่าสำเภา ต.ชัยบุรี อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อปี 2458 ตรงกับวันเสาร์ เดือน 10 ปีขาล เป็นบุตรของนายแทนและนางนาค พุฒแทน ฐานะทางบ้านประกอบอาชีพทำนาทำสวน จบการศึกษาทางโลก ชั้น ป.4 ณ โรงเรียนวัดมะกอกใต้

อุปสมบทครั้งแรก พ.ศ.2479 ขณะอายุ 21 ปี ณ พัทธสีมา วัดท่าสำเภา มีพระครูวิยสังวร วัดคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมวงศ์ อดีตเจ้าคณะภาค 18 วัดคูหาสวรรค์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

บวชครั้งที่ 2 เมื่อ ปี 2520 ณ พัทธสีมา วัดท่าสำเภาใต้ ขณะอายุ 62 ปี หลวงพ่อแก้วหรือพ่อท่านแก้วเริ่มศึกษาไสยเวทวิทยาคมตั้งแต่ยังเป็นฆราวาสกับหลวงพ่อเปรมหรืออาจารย์เปรม ติสสโร อดีตเจ้าอาวาส วัดวิหารสูง จ.พัทลุง ซึ่งเป็นศิษย์ของอาจารย์ทองเฒ่า ปรมาจารย์ ผู้ก่อตั้งสำนักเขาอ้อหรือวัดเขาอ้อในปัจจุบัน

พ่อท่านแก้ว วัดท่าสำเภาใต้ ท่านเป็นพระเกจิซึ่งเป็นที่นับถือกัน ในอีกนามหนึ่งพ่อท่านแก้ว วาจาสิทธ์ หนึ่งในคุณวิเศษของพ่อท่านคือ วิชาเสกกล้วยน้ำว้า ซึ่งกำหนดไว้ว่าในหนึ่งหวีจะต้องมีเพียง15ใบ และอนุญาติให้เฉพาะคนในครอบครัวกินเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลทางโชคลาภและให้บังเกิดความรักความสามัคคีกันภายในครอบครัว(ปัจจุบันเท่าที่ทราบ หลวงพ่อช่วงวัดควนปันตารามท่านได้มาขอเรียนจากพ่อท่านแก้วเป็นการสืบต่อวิชาไว้ไม่ให้สูญหาย)

หลวงพ่อแก้ว วัดท่าสำเภาใต้ จ.พัทลุง มรณภาพแล้วเมื่อ ปี 2551

 

ขอจองครับ

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองทั้ง 2 รายการครับ ขอบคุณพี่มากๆครับ

 

265.พระชุดกรรมการ ท่านอาจารย์เย็นบุญ วัดทิพย์วารี ((( บูชา **** บาท )))

พระชุดนี้ จัดอยู่ในกล่องกระดาษลายหนังช้าง จากข้อมูลคาดว่าน่าจะทำออกมาสมนาคุณแก่กรรมการผู้ร่วมบุญ ในชุดนี้ประกอบด้วยเหรียญพระศากยมุณี พระผงวิเศษเจ้าแม่กวนอิม และ พระพุทธโลหะ(หายาก) พระอาจารย์เย็นบุญท่านเป็นศิษย์มือขวาของท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้ง ได้รับการฝึกฝนจิตทางวัชรยานมาอย่างเต็มที่ และ ท่านเป็นผู้ซึ่งได้ชื่อว่า เขียนยันต์มนตราทิเบต ได้สวยงดงามและถูกต้อง วัดโพธิ์เย็นจะปรากฎลายมือของท่านตามขอบประตู ซึ่งวัดได้อนุรักษ์เอาไว้ วัตถุมงคลของท่านสร้างน้อยมากๆ และ น่าจะน้อยกว่าของท่านเจ้าคุณโพธิ์แจ้งอย่างมาก วัตถุมงคลของท่านจึงเป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์ ตลอดมาและยาวนาน

 

266.เหรียญพระพุทธชัยมงคลมารวิชัย หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย ปี 2521 ((( บูชาเหรียญละ 450 บาท )))
เหรียญสวย ตอกโค๊ต

หลวงพ่อสนิท เป็นพระอริยสงฆ์ที่รักสันโดษปกติก่อนสังขารจะร่วงโรยท่านจะออกธุดงค์ เป็นประจำทุกปี ท่านไม่สะสมสิ่งของ วัตถุ หรือทรัพย์สินต่างๆ มีเมตตาสูง ไม่เคยแยกแยะว่าผู้มาหาจะยากดีมีจนอย่างไร ท่านปฏิบัติต่อทุกคนเท่าเทียมกันหมด ท่านมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์หลายแขนง ในอดีตท่านรักษาผู้ป่วยที่มาพึ่งบารมีทั้งที่ป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บและที่ ป่วยจากการโดนคุณไสยต่างๆ ท่านที่เคยไปกราบหรือพึ่งบารมีจะสามารถสัมผัสจิตอัศจรรย์ของหลวงพ่อได้ด้วยตนเอง ดังเช่นการรู้ล่วงหน้าว่า จะมีใครมาหา มากี่คน มาหาด้วยเรื่องอะไร เป็นต้น นอกจากนี้หลวงพ่อยังรักษาสัจจะวาจาเท่าชีวิตดังนั้นคำพูดทุกคำที่ออกจากปาก ท่านจึงเป็นจริงดังวาจาสิทธิ์ของพระร่วง ท่านพูดอะไรให้ฟังแล้วสิ่งนั้นจะปรากฏเป็นจริงเสมอ
หลวงพ่อสนิท ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2542 สิริอายุรวม 74 ปี 51 พรรษา

เหรียญที่ 1


เหรียญที่ 2


เหรียญที่ 3

 

267.เหรียญหลวงพ่อสุข วัดบันไดทอง ปี 2516 จ.เพชรบุรี ((( บูชา 450 บาท ))) "จอง" >>>พี่j999
เหรียญสภาพสวยแชมป์คัดเก็บ

เหรียญรุ่นสุดท้ายที่ท่านหลวงพ่อสุขปลุกเสกอย่างดีเยี่ยม และ มีประสบการ์ณมากมาย มีรุ่นพี่ของเพื่อนผมที่เมืองเพชรถูกล้อมรถยิงด้วยปืนเอ็ม16 กระสุนทั่วทั้งคันรถแต่ไม่ปรากฎร่องรอยแก่ผู่ผู้สวมเหรียญรุ่นนี้เลย พระเครื่องหลวงพ่อสุข มีประสบการณ์ โด่งดังมีลูกศิษย์มากมายสมัยก่อนเทียบบารมีได้ไม่น้อยไปกว่าหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ หรือ หลวงพ่อแก้ว วัดหัวนา พระเครื่องรุ่นแรกๆของท่านก็มีค่านิยมสูง

 

268.เหรียญหลวงพ่อธูป วัดแคนางเลิ้ง กทม ((( บูชา 450 บาท )))
เลี่ยมพร้อมบูชา

​

หลวงปู่ธูป เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 9 ของวัดแคนางเลิ้งที่มีความเข้มขลังทางพุทธาอาคม เป็นเกจิร่วมยุคกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงปู่เส่ง วัดกัลยาณมิตร หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม โดยเฉพาะหลวงปู่โต๊ะจะสนิทสนมกันมาก เมื่อวัดแคมีการปลุกเสกพระจะต้องนิมนต์หลวงปู่โต๊ะไปร่วมนั่งปรกทุกครั้ง สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านไม่ยอมเปิดเผยวิทยาคุณด้านนี้ให้เป็นที่แพร่หลายมากนัก ผู้คนทั่วไปจึงไม่ค่อยมีโอกาสรับรู้ นอกจากผู้อยู่ใกล้ชิดและติดตาม

ท่านเกิดในสกุล “วิชาเดช” เกิดวันจันทร์ที่ 11 เม.ย. 2441 ณ บ้าน ต.บางหลวงเอียง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ “เดช” มารดาชื่อ “ผ่อง” มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ท่านเป็นคนสุดท้อง อายุได้ 8 ปี ญาติผู้ใหญ่นำไปฝากให้เรียนอักษรสมัยที่วัดตะกู โดยมีพระอาจารย์เอม เจ้าอาวาสขณะนั้น เป็นครูสอนเรียนหนังสือไทยเบื้องต้น มีประถม ก.กา มูลบทบรรพกิจ หนังสือพระมาลัยและขอม เป็นพื้นฐานเบื้องต้น จากนั้นได้ย้ายมาศึกษาวิชามูลกัจจายน์ และเรียนหนังสือบาลีที่วัดศาลาปูน จ.พระนครศรีอยุธยา

หลังจากเล่าเรียนจนแตกฉานแล้ว พี่ชายของท่านซึ่งอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯ คือ พล.ต.อ.เจ้าพระยาราชศุภนิมิตร และท่านผู้หญิงแปลก ได้มารับท่านไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วย และได้ให้ความเมตตาและอุปการะเป็นอย่างดี โดยให้เข้าเรียนหนังสือต่อที่ ร.ร.วัดส้มเกลี้ยง (วัดราชผาติการาม) จนจบชั้นประถม 4 ในขณะที่เล่าเรียนได้มีโอกาสติดตาม พล.ต.อ.เจ้าพระยาราชศุภนิมิตรเข้าเฝ้า และติดตามเบื้องพระยุคลบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีต่างๆ และการเสด็จแปรพระราชฐานในต่างจังหวัดอยู่บ่อยครั้ง

เมื่ออายุครบเกณฑ์ทหารได้สมัครเข้ารับราชการเป็นทหารรักษาวังอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการท่านเจ้าพระยาและท่านผู้หญิง ได้อุปถัมภ์ให้เข้ารับการอุปสมบท ณ วัดสุนทรธรรมทาน เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2463 สมเด็จพระวันรัต (จ่าย) เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอริยมุนี (หว่าง) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพุทธบาล (เนตร) เจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “เขมสิริ”

ได้อยู่จำพรรษาที่วัดแคนางเลิ้ง ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระครูพุทธบาลมาโดยลำดับ และยังได้ศึกษานักธรรมชั้นตรีในสำนักเรียนวัดเบญจมบพิตร เมื่อถึงกำหนดสอบธรรมสนามหลวง เกิดอาพาธกะทันหันจึงล้มเลิกการศึกษาทางด้านคันถธุระตั้งแต่นับนั้นและหันมาเอาดีทางสมถกรรมฐานและพุทธาคมคาถา

ประมาณพรรษาที่ 3 ได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากรรมฐานชั้นสูงกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จนบรรลุฌานชั้นสูง สามารถแสดงอิทธิคุณต่างๆ ได้ ยิ่งกว่านั้น ยังได้ศึกษาเวทมนต์คาถา ซึ่งเป็นวิชาการแขนงหนึ่งที่พระเถระยุคเก่าต้องใฝ่หาเรียนรู้ไว้เพื่อประโยชน์ในงานพระศาสนาต่างๆ อาทิ การปลุกเสกวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยพระผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้ภาวนาปลุกเสก โดยได้รับการประสิทธิ์ประสาทจากหลวงพ่อปานมาเต็มเปี่ยม จากนั้นจึงไปเรียนวิชากับหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ ได้วิชาทำเชือกคาดเอวที่มีประสบการณ์ดัง "ไม่ไหม้ไฟ"

หลวงปู่ธูปใช้เวลาศึกษาอยู่กับหลวงพ่อปานประมาณหนึ่งพรรษา จึงกลับคืนวัดสุนทรธรรมทาน และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบแทนพระครูพุทธบาล ที่ขอลาสิกขาบทในปี พ.ศ. 2470 และผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งจนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2471 ขณะมีอายุได้ 30 ปี พรรษา 8 นับเป็นพระหนุ่มที่มีพรรษาน้อยสุดที่ได้เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดในเขต จ.พระนครสมัยนั้น

หลังจากรับตำแหน่งท่านก็ริเริ่มปฏิสังขรณ์และพัฒนาก่อสร้างอาคาร เสนาสนะต่างๆ เรื่อยมา โดยเริ่มลงมือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472-2500 ซึ่งเป็นปีที่ก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ กระทั่งวันอาทิตย์ที่ 29 ก.ค. 2533 เวลา 02.26 น. ท่านก็มรณภาพลงที่โรงพยาบาลพญาไท รวมสิริอายุ 92 ปี 3 เดือน 28 วัน พรรษา 70