ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เริ่มพบรายงานโรคระบาดในเขตประสบภัยพิบัติไซโคลนนาร์กีส

​

ฮานอย 9 พ.ค.

 

คนไทยเกือบ 80% รู้สึกหวาดกลัว นาร์กีส ถล่มพม่า

​

กรุงเทพฯ 9 พ.ค.- ผลสำรวจ

 

ดีครึ่งหนึ่ง เสียครึ่งหนึ่ง !​

​

*** เกาะ ****​

ต่อไป...อังกฤษ จะท่วมไปครึ่งเกาะ
ประชาชน ต้องอพยพหนี​

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
12-09-2007, 07:49 PM ​

อังกฤษเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยคนอ้วน ดื่มหนัก และติดทีวี

​

ลอนดอน 9 พ.ค.- วารสารนำเที่ยวชื่อดัง ตีพิมพ์บทความสะท้อนให้เห็นถึงอังกฤษว่า เป็นชาติที่เต็มไปด้วยคนอ้วน ดื่มหนัก และติดทีวี

วารสารนำเที่ยวอังกฤษ ภายใต้ชื่อ

 

ถ้าภัยพิบัติมาถึง
โดย sutatip_b<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1185217", true); </SCRIPT> สมาชิก


​

ใครดื่มโค๊ก เป้ปซี่ ขวดโต
ล้างขวดเ็ก็บไว้ กรอกน้ำสะอาดสะสมไว้เผื่อคับขัน

คิดกันเล่นๆ ว่าถ้าพายุอะไรมา ตี๋ต่างว่าไฟดับเจ็ดวัน
ประปาไม่ไหล ไฟฟ้าไม่มี หุงข้าวหม้อไฟฟ้าไม่ได้
คนอยู่คอนโดทำอาหารไม่ได้เลย (เขาห้ามใช้แก๊ส)

กดเงินเอทีเอ็มไม่ได้ ถอนธนาคารก็ไม่ได้
ซื้อของเซเว่่นก็คิดเงินไม่ได้
จะเติมน้ำมันรถ ปั้มก็ใช้ไฟฟ้า
รถเมล์ รถสองแถวก็เติมน้ำมันไม่ได้เหมือนกัน

ร้อนนอนไม่ได้ พัดลมเปิดไม่ได้
เทียนไขไม่มี ไม้ขีด...ไม่ได้ซื้อนานแล้ว
มิน่าสายหลวงปู่เทพโลกอุดรสั่งให้ถอนเงินในธนาคารเป็นเงินสด

ไม่มีไฟต่อคอม อินเตอร์เนตลืมไปเลย
คงเจอกันทางวอแดง
คุณมีแล้วหรือยัง...

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=92724&page=7

​

คำทำนายอนาคตของโลก
โดยอาจารย์เลือง มินห์ ด๋าง

เมื่อสิ้นศตวรรษที่ 20 นี้ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง สลับสับสนกันอย่างยุ่งเหยิงไฟฟ้าบนโลกจะขัดข้อง การติดต่อสื่อสารรับรู้กันทั่วโลกโดยอิเลคทรอนิค จะใช้การไม่ได้ภัยพิบัติหลายๆ อย่างจะเกิดขึ้น คนที่เคยสนุกสุขสบายจะทนต่อสภาวะนั้นไม่ได้ เดือดร้อนเรื่องที่พัก อาหาร เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ผู้คนจะเกิดความเครียด คลุ้มคลั่ง ปั่นป่วนกันไปหมดทั้งโลก

ในวันนั้นน้ำ 1 ลิตรจะมีค่ามากกว่าทองคำ 1 กิโลกรัม และอาจจะไม่สามารถแลกซื้อได้ อาหารขาดแคลนมาก นับเป็นภัยอันตรายยิ่งกว่าสงครามใดๆ ภัยนี้จะคุกคามไปทั่วโลก ผู้คนที่ทนต่อสภาวะการณ์ดังกล่าวไม่ได้จะต้องตายไป และประมาณว่าอาจตายกว่า 70 เปอร์เซนต์ทั้งโลก

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พยายามค้นคว้าว่า จะมีวิธีใดที่จะถนอมอาหารเอาไว้ใช้ได้นานๆ และจะหาที่เก็บที่เหมาะสม เพื่อเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้น

สำหรับประเทศไทย จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไม่มากนัก เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเจริญทางด้านจิตวิญญาณสูง ต่อไปมนุษย์ที่เหลืออยู่เกือบทั้งโลกจะต้องมาพึ่งประเทศไทย ซึ่งจะยังคงมีพืชพันธุ์ธัญญาหารและสิ่งแวดล้อมอุดมสมบูรณ์อยู่ และพลเมืองมีเมตตาธรรม

หนทางแก้ไขล่วงหน้านั้น นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ และรัฐบาลต่างๆ ต้องรับรู้ถึงภัยพิบัติครั้งนี้ และหาทางป้องกันแก้ไข ต้องพยายามให้คนที่มีฐานะดีช่วยเหลือคนยากคนจน เป็นการพัฒนาจิตวิญญาณให้ดีขึ้น จิตวิญญาณที่ดีจะช่วยคุ้มครองตัวเราไว้

สำหรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นหลังจากศตวรรษที่ 20 นี้ขอให้ผู้มีวิชาพลังจักรวาลได้ช่วยกันนั่งสมาธิ อธิษฐาน ขอให้เบื้องบนรับรู้การแก้ปัญหาของเรา และให้ความช่วยเหลือ ซึ่งคงจะได้ผลเหมือนกับหลายๆ ครั้งที่เราได้เคยช่วยกันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่หรือไฟไหม้ครั้งมโหฬาร การรวมพลังกันอย่างตั้งใจและแน่วแน่ เช่นนี้คงจะช่วยผ่อนคลายวิกฤตการณ์ร้ายครั้งนี้ ให้เบาบางลงไปได้บ้าง

( แหล่งที่มา หนังสือพลังจักรวาลรักษาโรค โดยนพนนท์ สำนักพิมพ์เรือนบุญ 10/1 หมู่ 7 ซอยบางกระสอบ 2 ต.บางกระสอบ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ )
​

<!-- / message --><!-- sig -->

 

อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออ้างคุณพระศรีรัตนตรัย คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า และคุณพระสังฆเจ้า โปรดช่วยนำส่งบุญของข้าพเจ้านี้ ให้ถึงแก่ท่านทั้งหลายที่หลงผิด เห็นผิดเป็นชอบ ขอให้ท่านทั้งหลายจงมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงเสียสละทุกสิ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งพระธรรมอันประเสริฐ และทรงนำมาสั่งสอนแก่สาธุชนทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงมีความสว่างในดวงจิต และบรรลุแก่ธรรมนั้นโดยเร็ว เพื่อจะได้มิต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลโลก และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขอให้บุญกุศลนี้ จงเป็นกำแพงแก้ว ปิดกั้นหนทางสู่ทางเดินของพระเทวทัต และขุมนรกทุกชั้นทุกห้อง แก่ผู้หลงผิดทั้งหลายด้วยเถิด และขอให้ เทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราช จงจดจำท่านทั้งหลายที่หลงผิดนี้ไว้ เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้มีโอกาสได้โมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด

 

<table id="post1184059" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;" id="currentPost">เมื่อวานนี้, 09:06 PM <!-- / status icon and date --> </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #1 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> misteryo <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1184059", true); </script>
สมาชิก



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 12:26 AM
วันที่สมัคร: Dec 2006
อายุ: 23 ปี
ข้อความ: 63 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 168 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 335 ครั้ง ใน 57 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 47


</td> <td class="alt1" id="td_post_1184059" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- icon and title --> พายุที่พม่ากับ ในหลวงของเรา
<hr style="color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message --> เรื่อง: พระมหากษัตริย์
ขออณุญาตนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาเล่าสู่กันฟัง



เมื่อวันศุกร์ผมได้มีโอกาศได้เข้าค่ายที่ศูนย์ฝึกทหารของค่ายนเรศวร วันแรกที่เข้าไปก่ะบรรยากาศครึ้มๆ ผมก็ว่าเอ... แปลกๆนะ ทำไมอากาศอบอ้าวเหมือนจะมีฝนแต่ก็คิดว่าคงเป็นไปตามสภาพอากาศ พอไปถึงก็ทำกิจกรรมจนได้เข้าหอประชุมตอนดึกใกล้เวลานอนมากแล้ว อาจารย์เอกราช ท่าได้มาพูดถึงเรื่องของฝนที่ตกนี้ว่า "ก่อนหน้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงให้คณะทำงานเกี่ยวกัยฝนเทียม รีบทำฝนเทียมเพื่อเป็นแนว กันลมพายุดีเปรสชั่นซึ่งตอนนั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่พระองค์ทรงเหมือนกับเทวดาองค์นึงที่ทราบเรื่องนี้ก่อน ถามว่าตอนนั้นกรมอุตุรู้เรื่องนี้ไม๊ ... ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดพายุที่ประเทศเมียนม่า(พม่า)ด้วยซ้ำ

พอคณะทำงานด้านฝนเทียมทำงานเสร็จ ด้วยความสำเร็จ... ผลงานที่พระองค์ได้ทำ ก็ก่อให้เกิดผล เกิดพายุอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ที่พม่า และพายุนี้ก็ได้สร้างความเสียหาย และสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศเมียนมาร์(พม่า) จนทำให้เกิดความสูญเสียอันมหาศาลกับประเทศอันเคยเป็นอริกับเรา ... แต่สำหรับประเทศไทย แนวกำแพงฝนเทียมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงสร้างไว้ก็ทำให้เกิดฝนตกเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับพายุที่จริงๆแล้วสามารถสร้างความเดือดร้อนกับประเทศได้มาก

" พอผมได้ทราบผมถึงกับอึ้งขนลูกซุ่ กับ สิ่งที่พระองค์ได้ทำไว้ให้กับประเทศของเรา ถึงแม้นจะเป็นเรื่องที่ดีที่ทราบเรื่องนี้ แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ผมสะเทือนใจกับสิ่งที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ วันที่2ที่เข้าค่าย ครูฝึกได้เปิดวีซีดีเกี่ยวกับพระองค์ให้ดู ผมก็ดูไปเรื่อยๆจนถึงตอนนึงที่เค้าตัดเอาตอนที่พระองทรงเสด็จพระราชดำเนิน เพื่อไปส่งเหล่ากษัตริย์จากต่างประเทศ คณะทูตที่มาเข้าเฝ้าในงานฉลองศิริราชสมบัตครบ60พรรษา ภาพที่ทำให้ผมปวดจี๊ดขึ้นมาในหัวใจก็คือตอนที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินลงบันได(ขอโทษครับพอดีไม่ทราบว่าเขียนยังไง) พระองค์เกือบหกล้ม ดีที่ทหารรักษาพระองค์ที่เดินนำหน้าคอยประคองพระองค์ไว้ พอพระองค์ทรงยืนได้ ก็ปัดมืออก ผมไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสตรงนั้นทันทีไม๊ หรือตรัสกับคนสนิทในภายหลัง ว่า

" ไม่ต้องมาพยุงเรา เราจะเดินให้คนทั่วโลกได้เห็นว่า เราเดินได้ ให้คนทั่วโลกได้เห็นว่าเราสามารถปกครองคน64ล้านคนด้วยตัวของเราเองได้ " ถึงตอนนี้แล้ว ...น้ำตาผมคลอเบ้า คนที่ดูกันก็สะอึ้นกันไปหลายคน ทุกๆคนในที่นั้นเงียบหมดกับคำพูดที่พระองค์ได้ตรัสไว้ ผมได้ยินเสียงกระซิบจากเพื่อนข้างๆว่า สงสารพระองค์ที่ต้องมาทรงงานอย่างหนัก ถึงแม้นจะอายุเยอะแล้ว แต่พระองค์ก็ยังทรงรักและเป็นห่วงลูกๆหลานของพระองค์ ลูกๆหลานๆที่อยู่ในประเทศนี้ ท่านทรงงานทุกอย่างเพื่อให้คนในประเทศได้สบาย

เพื่อคนในประเทศได้อยู่ดีกินดี อาจารย์ได้บอกกับพวกเราเมื่อวีซีดจบว่า พระองค์เหมือนฝนที่ทำให้ประเทศร่มเย็น เหมือนเทวดาที่ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนที่นั่นจะชุ่มฉ่ำ ที่ๆพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปจะพบแต่ความสงบสุข มีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ท้ายสุดนี้ผมอยากจะบอกพระองค์หากแม้นมีใครผ่านมาอ่าน ถึงจะเป็นคำพูดที่อาจจะได้ยินมาบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่สามารถจะคัดกรองคำพูดใดๆมาพูดได้อีกนอกจาก


"ขอพระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชา เป็นร่มโพธิทองของเหล่าปวงชนชาวไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญตราบนานเท่านาน "




ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ที่มา http://www.soccersuck.com/soccer/vie....php?p=1920666
<!-- / message --> <!-- sig --> </td></tr></tbody></table>

 

ผมได้เก็บไว้เพื่อเตือนสติตนเองครับ

 

พี่ junior phumivat คะ เสียแรงเปล่าค่ะ อุทิศไปไม่ถึงหรอก กรรมที่ร้ายแรงที่สุด ก็คือ มิจฉาทิฏฐิ กิเลสของคนชั่ว ยากที่จะเห็นแสงสว่างได้ ว่าแต่ฝากลุงพุฒิ จัดการมาเก็บไปไว้ที่เดิมที ปล่อยออกมาเพ่นพ่านบนโลกมนุษย์ทำไมเนี่ย

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ในหลวง"พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค 2,000 ชุด ช่วยเหยื่อนาร์กีสที่พม่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 พฤษภาคม 2551 13:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

"ในหลวง" พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวน 2,000 ชุด น้ำหนักรวม 10 ตัน ช่วยเหลือชาวพม่าเหยื่อพายุไซโคลนนาร์กีส ส่วนประชาชนร่วมบริจาคเงินและสิ่งของแก่สภากาชาดไทยช่วยผู้ประสบภัยในพม่าอย่างต่อเนื่อง โดยสภากาชาดไทยพร้อมลำเลียงสิ่งของไปพม่าบ่ายนี้ พร้อมแนะให้บริจาคเป็นเงินสดเพื่อสะดวกนำไปซื้อสิ่งของตรงกับความต้องการของผู้เดือดร้อน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ผ่านทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 2,000 ชุด น้ำหนัก 10 ตัน มูลค่า 1.08 ล้านบาท พระราชทานแก่ประชาชนชาวพม่าที่ประสบภัยจากพายุไซโคลนนาร์กีส ณ สหภาพพม่า โดยวันนี้อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ร่วมจัดสิ่งของพระราชทาน ประกอบด้วย เครื่องครัวและเครื่องนอนพระราชทานจำนวน 2,000 ชุด บรรจุในถุงยังชีพพระราชทาน เพื่อเตรียมพร้อมนำไปให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพม่า โดยจะนำส่งด้วยเครื่องบิน ซี-130 ของกองทัพอากาศ เดินทางไปยังกรุงย่างกุ้ง สหภาพพม่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 08.30 น. โดยมีพล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายประสงค์ พิทูรกิจจา เลขาธิการมูลนิธิฯ และคณะเดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทาน ทั้งนี้ นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ยังได้มอบพระไพรีพินาศ ให้กับอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ที่ร่วมกันจัดสิ่งของพระราชทาน

​

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเครื่องกำเนิด 3 เครื่อง เพื่อนำไปให้รัฐบาลพม่าช่วยเหลือผู้ประสบภัยไซโคลนนาร์กีสในประเทศพม่า รวมถึงชุดธารน้ำใจ จำนวน 500 ชุด โอวัลตินจำนวน 120 ลัง ลังละ 48 กล่อง ผ้าพลาสติกขนาด 4 หลา x 4 เมตร จำนวน 30 ห่อ รวมเป็น 300 ผืน เครื่องกรองน้ำจำนวน 20 ชุด ยาเม็ดทำความสะอาดน้ำจำนวน 6 กล่อง เต็นท์ขนาดใหญ่ 63 หลัง เต็นท์ขนาดเล็ก 34 หลัง ซึ่งกองทัพอากาศ ร่วมกับสภากาชาดไทย มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ได้นำสิ่งของพระราชทาน ทั้งชุดธารน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไปมอบให้กับสภากาชาดพม่า เป็นครั้งที่ 2 เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนและผู้เดือดร้อนจากพายุไซโคลนนาร์กีส สำหรับสิ่งของพระราชทานในครั้งนี้ มีทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคอีกจำนวนมาก และจะลำเลียงไปยังประเทศพม่า ในเวลา 12.30 น. ซึ่งจะเดินทางถึงประเทศพม่าในเวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ขณะที่บรรยากาศภายในกองบิน 6 กองทัพอากาศ ดอนเมือง ได้มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเดินทางมาเพื่อร่วมทำข่าวบรรยากาศการลำเลียงสิ่งของไปช่วยเหลือประเทศพม่า รวมทั้งจะมีการนำสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศเดินทางไปยังประเทศพม่าเพื่อร่วมบริจาคสิ่งของทั้งหมดนี้ให้แก่ชาวพม่าที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุไซโคลนนาร์กีส
​

​

ด้านน.ส.สุนิศภิดา เพชรด้วง พยาบาล 6 เวรบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ตลอดช่วงเช้าวันนี้ยังคงมีประชาชนนำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ทั้งอาหารแห้ง น้ำดื่ม มาบริจาคให้สภากาชาดไทยเพื่อนำไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยไซโคลนนาร์กีสในสหภาพพม่าอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ (10 พ.ค.) เวลา 13.00 น. จะมีการลำเลียงสิ่งของพระราชทานและของช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเครื่องบินกองทัพอากาศ ซี-130 ประกอบด้วย อาหารสำหรับเด็ก มุ้ง เครื่องกรองน้ำ เครื่องปั่นไฟ ยาเม็ดที่ทำให้น้ำสะอาด เต็นท์ และผ้าห่ม จำนวน 500 ชุด

อย่างไรก็ตาม สภากาชาดไทยแนะนำประชาชนที่ประสงค์จะช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้บริจาคเป็นรูปตัวเงินเพื่อความสะดวกในการมอบให้กับทางการพม่า โดยบริจาคได้ผ่านบัญชีกระแสรายวัน เลขที่ 045-3-04285-5 ชื่อบัญชี :​

 

อาหารพร้อมบริโภค ผงเกลือแร่แก้ท้องร่วง น้ำดื่ม เสื้อผ้า (พายุพัดฉีกไปจากร่างหมด) ผ้าขาวม้า โสร่ง กางเกงในสะอาด ยารักษาโรค ยาแก้น้ำกัดเท้า ยาใส่แผลสด กระเป๋าน้ำร้อน เตาแก๊ีสต้มน้ำ อันหลังไม่ต้องซื้อไปให้กาชาดนะคะ

ถ้าเอาเงินไปให้บ้านน้ำเค็ม บ้านร้านค้าพังหมดไม่มีที่ซื้อของ พม่าตอนนี้ก้เหมือนกัน

 

นักข่าวซีเอ็นเอ็นลอบเข้าพม่าไปทำข่าวอยู่นาน 5 วัน ​

​

ฮ่องกง 10 พ.ค.- ในช่วงที่รัฐบาลทหารพม่าคุมเข้ม ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์และนักข่าวต่างชาติเข้าประเทศเพื่อไปช่วยเหยื่อผู้ประสบภัยไซโคลนนาร์กีสนั้น ล่าสุดเว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น ก็มีรายงานว่า นายแดน รีเวอร์ส นักข่าวของซีเอ็นเอ็น สามารถลอบเข้าไปทำข่าวในพม่าได้สำเร็จ โดยซ่อนตัวรายงานข่าวอยู่ในนั้นถึง 5 วัน ก่อนจะเดินทางออกจากพม่าเมื่อวาน

นายแดน รีเวอร์ส นักข่าวซีเอ็นเอ็น ผู้นี้เล่าว่า เขาแอบเดินทางเข้าพม่า โดยใช้วิธีซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหลังรถ ซึ่งก็แล่นผ่านจุดตรวจไปได้อย่างสบาย ส่วนการเดินทางไปรายงานข่าวตามจุดต่างๆ ก็ใช้วิธีเดินทางทางน้ำเป็นหลัก โดยไม่ใช้เส้นทางบนบก เพราะเสี่ยงต่อการถูกจับกุมตัว ซึ่งถ้าพลาดพลั้งถูกจับได้ ก็ไม่แน่ว่า นายแดน รีเวอร์ส อาจถูกจำคุก ทรมาน หรือแม้กระทั่งถูกปลิดชีพ ตายอยู่ในพม่า

นายแดน รีเวอร์ส ซึ่งขณะนี้เดินทางออกจากพม่าแล้ว ได้เล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดในพม่าว่า ย่ำแย่มากๆ ทั้งที่ชาวพม่ากำลังเดือดร้อนหนักจากไซโคลนนาร์กีส ซึ่งสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างรุนแรง แต่รัฐบาลพม่าก็ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์จากต่างชาติได้เข้าไปช่วยเหลือ และถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ ก็เป็นไปได้ว่า อาจมีชาวพม่าล้มตายลงมากกว่านี้ เพราะไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

นายรีเวอร์ส ยังบันทึกภาพเจ้าหน้าที่รัฐ นำศพผู้ประสบภัยโยนทิ้งลงแม่น้ำเป็นจำนวนมาก เหมือนกับพยายามจะปกปิดตัวเลขผู้เสียชีวิต ซึ่งทำให้เขาสงสัยว่า เหตุใดรัฐบาลทหารพม่าต้องทำเช่นนี้ ทั้งที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลพม่า แต่เกิดจากภัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
นายรีเวอร์ส ยังเผยถึงการนำสิ่งของช่วยเหลือไปแจกประชาชน ว่า ทำได้อย่างยากลำบาก เพราะบางพื้นที่ต้องขับรถนานถึง 8 ชั่วโมง บนถนนที่เต็มไปด้วยดินโคลน กว่าจะถึงพื้นที่ประสบภัย

นายรีเวอร์ส และพรรคพวกเข้าไปทำข่าวอยู่ในพม่าได้ไม่กี่วัน ก็มีคนบอกให้เขาระวังตัว เพราะรัฐบาลพม่ากำลังตามล่าตัวเขาอยู่ ทั้งยังสั่งให้โรงแรมทุกแห่งแจ้งทางการทันที ถ้ามีคนต่างชาติเข้ามาพัก ทำให้นายรีเวอร์ส ต้องเปลี่ยนโรงแรมไปเรื่อยๆ และระวังตัวอย่างที่สุด ซึ่งนายรีเวอร์ส ก็มองว่า รัฐบาลพม่าควรทุ่มเวลาไปกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย แทนที่จะเสียเวลามาตามล่าตัวนักข่าวอย่างเขา. -สำนักข่าวไทย

2008-05-10 14:04:58

อินเดียเผชิญการแพร่ระบาดเชื้อไข้หวัดนกระลอกใหม่​

​

อินเดีย 10 พ.ค. - อินเดียต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนกอีกระลอก ล่าสุดพบเชื้อหวัดนกสายพันธุ์มรณะ ในเขตดาร์จีลิง

นายอานิซูร์ ราฮามาน รัฐมนตรีด้านการพัฒนาทรัพยากรสัตว์ แห่งรัฐเบงกอลตะวันออก เปิดเผยว่า ผลการตรวจตัวอย่างเลือดของสัตว์ปีกที่ล้มตายลง ในเขตดาร์จีลิงนั้น พบว่า มีเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 5 เอ็น 1 ทำให้ทางการรัฐเบงกอลตะวันออก ตัดสินใจจะทำลายสัตว์ปีกทิ้งราว 20,000 ตัว เร็ว ๆ นี้
นายราฮามาน ระบุด้วยว่า เชื้อไข้หวัดนกระบาดในอินเดียมาแล้วหลายรอบในปีนี้ โดยในเอเชียใต้นั้น มีการพบเชื้อไข้หวัดนกครั้งแรก ที่บังกลาเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว และกลับมาระบาดหนักอีกรอบเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐเบงกอลตะวันตก ซึ่งมีพรมแดนติดบังกลาเทศต้องทำลายสัตว์ปีกไปถึง 3,800,000 ตัว.- สำนักข่าวไทย

2008-05-10 15:11:58

ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เรียกร้องให้เพิ่มการตุนยากันหวัดนก ​

​

โซล 10 พ.ค.- ประธานาธิบดี ลีม ยอง บัก ของเกาหลีใต้ กล่าวต่อคณะรัฐมนตรี ให้เพิ่มปริมาณสำรองยาต้านเชื้อไวรัส หวังผ่อนคลายความวิตกของประชาชน หลังเชื้อไวรัสไข้หวัดนกระบาดไปเกือบทั่วประเทศแล้วในตอนนี้

แม้จะยังไม่มีรายงานพบชาวเกาหลีใต้ติดเชื้อหวัดนก แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ก็มีการตรวจพบเชื้อหวัดนกสายพันธุ์อันตราย เอช 5 เอ็น 1 ในสถานที่เลี้ยงนกแห่งหนึ่งของกรุงโซล ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่พบเชื้อหวัดนกในเมืองหลวงของเกาหลีใต้

กระทรวงเกษตรเกาหลีใต้ ยืนยันหน่วยงานกักกันโรคกำลังเร่งกำจัดเชื้อหวัดนกในสถานที่เลี้ยงนกและฟาร์มสัตว์ปีกทุกแห่งในกรุงโซล และยังวางมาตรการจำกัดประชาชนที่จะเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งยังสั่งห้าม ไม่ให้มีการเชือดเป็ดไก่กันอย่างสดๆ ในตลาดและร้านอาหาร เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ซึ่งนับจากมีรายงานพบเชื้อหวัดนกระบาดในเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ทางการเกาหลีใต้ก็สั่งฆ่าเป็ดไก่ไปแล้วกว่า 6.8 ล้านตัว. -สำนักข่าวไทย

2008-05-10 14:35:01

ญี่ปุ่นพบหงส์ตายเพราะไข้หวัดนกอีกเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้​

​

โตเกียว 10 พ.ค.- ญี่ปุ่นพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกเอช 5 เอ็น 1 ในหงส์อีก 1 ตัว บนเกาะฮอกไกโด ทางเหนือสุดของประเทศ นับเป็นการพบไข้หวัดนกครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้

เว็บไซต์ของจังหวัดฮอกไกโด ยืนยันว่า หงส์ตายที่พบเมื่อ 5 วันก่อนใกล้ทะเลสาบซาโรมะ ทางฝั่งตะวันออกของจังหวัด ติดเชื้อเอช 5 เอ็น 1 และในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า พบเชื้อเอช 5 เอ็น 1 ในหงส์ตัวหนึ่งที่ตายเมื่อวันที่ 24 เมษายนในอีกพื้นที่หนึ่งของเกาะฮอกไกโด ส่วนก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือนเมษายนทางการพบหงส์หลายตัวติดเชื้อเอช 5 เอ็น 1 ริมฝั่งทะเลสาบโตวาดะ ใกล้กับทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชู เกาะสำคัญของญี่ปุ่น

ด้านสำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า ศูนย์สุขอนามัยปศุสัตว์จะมีคำสั่งให้ฟาร์มไก่ในรัศมี 30 กิโลเมตรของพื้นที่ที่พบหงส์ตายฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในเล้าไก่.-สำนักข่าวไทย

2008-05-10 14:11:44

ผู้เชี่ยวชาญเตือนจะเกิดความเสียหายรุนแรงตามมาจากภูเขาไฟปะทุในชิลี

​

ชิลี 10 พ.ค.-ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟ เตือนจะเกิดความเสียหายตามมาอย่างรุนแรงจากหมอกควันและเถ้าถ่านของภูเขาไฟในชิลี

ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟและธรณีวิทยาของชิลีเตือนว่า ผลกระทบจากการปะทุของภูเขาไฟไคเทนอาจมีความรุนแรงมาก เนื่องจากการปะทุในครั้งนี้ภูเขาไฟได้พ่นเอาเถ้าถ่าน หมอกควัน ก๊าซร้อน และหินหลอมเหลวออกมาจำนวนมาก

ทำให้พื้นที่บริเวณกว้างถูกปกคลุมไปด้วยควันและเถ้าถ่าน ซึ่งเสี่ยงจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และคาดว่า ภูเขาไฟไคเทนจะมีการปะทุต่อไปอีกหลายปี ซึ่งไม่ใช่เฉพาะชิลีเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่อาร์เจนตินาก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน โดยพื้นที่ 1ใน 3 ของประเทศอยู่ในสภาพถูกหมอกควันปกคลุม พื้นที่ป่าไม้ แม่น้ำ ลำธารมีเถ้าถ่านลงไปปนเปื้อนในปริมาณมากจนไม่สามารถนำน้ำมาใช้ได้ ทำให้ชาวบ้านต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาดื่มแทน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมก็กังวลว่าปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์และพืชพรรณด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

2008-05-10 07:10:43

ที่มา http://news.mcot.net/international/index.php?page=1

 

จะมาช่วยเหลือผู้ประสบภัย หรือจะมารบกันแน่?

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สหรัฐฯเปิดแผนระทึก!! บุกทิ้งร่มในพม่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 พฤษภาคม 2551 17:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>เฮลิคอปเตอร์ MH-53 กำลังบินขึ้นจากเรือโจมตียกพลขึ้นบกเอ็สเส็ก (USS Essex) ในอ่าวไทยวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เข้าประจำการในไทย เตรียมพร้อมเพื่อปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์ในพม่าร่วมกับเครื่องบินขนส่งลำเลียงแบบ C-130 อีกจำนวน 6 ลำ (ภาพ: Reuters) </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผู้จัดการออนไลน์ -- สหรัฐฯ กำลังพิจารณาแผนปฏิบัติบุกเข้าส่งอาหาร และความช่วยเหลือแก่ประชาชนถึงเขตภัยพิบัติ ด้วยการส่งเครื่องบินทิ้งร่มถึงถิ่น โดยไม่แยแสต่อการปฏิเสธรับความช่วยเหลือของคณะปกครองเผด็จการทหารในประเทศนี้ </B>

ฝ่ายทหารของสหรัฐฯ ได้เคลื่อนเครื่องบินขนส่งลำเลียงแบบ C-130 กับเฮลิคอปเตอร์เข้าสู่ประเทศไทยแล้ว และพร้อมออกปฏิบัติการ รอเพียงการอนุมัติเท่านั้น สำนักข่าวเอเอฟพีรายงาน

เจ้าหน้าที่องค์การยูเสด (US Agency for International Development) กล่าวว่า กำลังมีการพิจารณา

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ฝรั่งเศสส่งเรือรบขบวนใหญ่ขนของไปพม่า!! </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 พฤษภาคม 2551 14:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=600> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>เรือจู่โจมยกพลขึ้นบก Mistral ดูอ้วนเทอะทะไม่น่าจะมีพิษสง แต่ข้างในเพียบด้วยเครื่องมืออุปกรณ์เท็คโนโลยีทันสมัย พร้อมเขี้ยวเล็บต่างๆ รอบตัว </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผู้จัดการออนไลน์-- ฝรั่งเศสได้ส่งเรือจู่โจมยกพลขึ้นบกมิสตราล (Mistral) มุ่งหน้าสู่พม่าพร้อมกับสิ่งของช่วยเหลือกว่า 1,000 ตันสำหรับประชาชนที่ประสบภัยพิบัติไซโคลนที่กำลังอดอยากและขาดแคลนปัจจัยสี่ อย่างรุนแรงขณะที่ความช่วยเหลือเข้าไปอย่างล่าช้า

การเคลื่อนกองเรือรบที่ประกอบด้วยเรือสนับสนุนหลายลำของฝร่งเศส มีขึ้นขณะที่สหรัฐฯ เคลื่อนกองเรือรบราว 6 ลำจากอ่าวไทยมุ่งสู่ทะเลอันดามันเช่นเดียวกัน โดยกล่าวว่าเป็นการเตรียมพร้อมสนับสนุนการให้ความช่วยเอชาวพม่าที่ประสบเคราะห์

ฝรั่งเศสยืนยันจะไม่ให้ความช่วยเหลือไปสู่มือรัฐบาลทหารในประเทศนั้นโดยตรง แต่จะส่งสิ่งของทั้งหมดไปช่วยประชาชนในประสบเคราะห์กรรมถึงพื้นที่เกิดเหตุเอง นายแบร์นาร์ด คูชเนอร์ (Bernard Kouchner) รมว.ต่างประเทศกล่าวกับหนังสือพิมพ์ฟิจาโร (Le Figaro)

เรือรบมิสตราลจะเดินทางถึงทะเลอันดามันใกล้พม่าในวันพฤหัสบดีสัปดาห์หน้านี้ พร้อมส่งของความช่วยเหลือที่จำเป็นรวมน้ำหนัก 1,500 ตัน ต่างๆ

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>เรือพิฆาตฉ็องบาร์ตติดตามเรือ Mistral ไปทุกๆ ที่ ทั้งในยามรบและยามสงบ </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> "ความช่วยเหลือจะส่งโดยตรงถึงประชาชนที่กำลังต้องการโดยเรือเร็วเล็กหรือโดยเฮลิคอปเตอร์โดยบุคคลากรของฝรั่งเศสหรือผ่านหน่วยงานไม่สังกัดรัฐบาลจากฝรั่งเศส ที่กำลังปฏิบัติงานในพม่าอยู่แล้ว" รมว.ต่างประเทศกล่าว

อย่างไรก็ตามนายคูชเนอร์ไม่ได้บอกว่าจะจัดการอย่างไรต่อการที่รัฐบาลทหารพม่ายังคงขัดขวางการให้ความช่วยเหลือโดยตรงที่ส่งไปถึงประชาชน รวมทั้งยังยอมความช่วยเหลือเพียงน้อยนิดหากเทียบกับความต้องการของผู้ประสบเคราะห์ และยังไม่ยอมรับผู้ปฏิบัติงานกู้ภัยชาวต่างชาติเข้าประเทศ

นายคูชเนอร์ได้เรียกร้องในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาให้รัฐบาลทหารพม่าเปิดรับความช่วยเหลือจากภายนอกให้มากที่สุด ก่อนหน้านี้ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติพิจารณาบังคับให้พม่าต้องเปิดยอมรับความช่วยเหลือไปยังผู้ประสบเคราะห์เรือนล้าน

ตามข้อมูลในวิกิพีเดีย (Wikipidea) ระบุว่าเรือมิสตาลเป็นทั้งเรือบัญชาการและเรือปฏิบัติการ 1 ใน 6 ลำในชั้น (Class) เดียวกันของกองทัพเรือฝรั่งเศส ระบบทุกอย่างควบคุมโดยอิเล็กทรอนิกส์ เคยเข้าปฏิบัติการในวิกฤติการเลบานอน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>เรือฟรีเกตส์กาสาร์ด เป็นคู่แฝดทำหน้าที่คุ้มกันทางอากาศให้ทั้งกอง </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> กองเรือ Mistral จะประกอบด้วยเรือพิฆาตฌ็องบาร์ต (Jean Bart) ติดเขี้ยวเล็บเป็นอาวุธเทคโนโลยีสูงกับ เรือฟรีเกตส์กาสาร์ด (Cassard) ซึ่งลำหลังเป็นเรือต่อต้านการโจมตีทางอากาศ คุ้มกันขบวน

เรือจู่โจมยกพลขึ้นบกมิสตราลเองยังเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ บนลำสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ NH90 "ติเกร" ติดปืนและขีปนาวุธจำนวน 16 ลำ เรือยกพลขึ้นบก 4 ลำ หรือ ยานโฮเวอร์คาฟท์ 2 ลำ และพาหนะชนิดอื่นๆ อีก 70 คัน รวมทั้งรถถังเลอแคลร์ (Leclerc) จำนวน 13 คัน ยังมีโรงพยาบาลขนาด 69 เตียงอีกด้วย

เรือมิสตราลยังสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กและขนาดกลางได้อีกหลายชนิดให้เหมาะกับภารกิจแต่ละครั้งไป รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ SA330 "พูมา" หรือ AS532 "คูการ์" สามารถลงจอดบนดาดฟ้าได้ 6 ลำในคราวเดียวกัน

เรือรบลำนี้มีลูกเรือ 450 นายสามารถปฏิบัติงานติดต่อกันได้ 45 วัน ปฏิบัติการได้ในระยะทาง 11,000 ไมล์ทะเลโดยไม่ต้องมีการส่งกำลังเสริม หรืออาจจะเพิ่มลูกเรือขึ้นเป็น 900 คนได้เพื่อปฏิบัติการฉุกเฉินในระยะสั้น

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>เฮลิคอปเตอร์ NH90 "ติเกร" ที่ใช้ในกองทัพบกเยอรมนีในงานแอร์โชว์เมื่อเร็วๆ นี้ ประจำการบนเรือมิสตราลถึง 16 ลำ </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>บนเรือมิสตราลมียานโฮเวอร์คราฟท์ขนส่งลำเลียงสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก 2 ลำ หรือ จะใช้เรือเร็วที่มีอยู่อีก 4 ลำก็ได้ในการช่วยเหลือกู้ภัย </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ส่วนภาพของ AFP ที่เผยแพร่วันศุกร์ (9 พค.) ที่ผ่านมาเป็นเรือเอ็สเส็ก ซึ่งมียานยกพลขึ้นบกแบบนี้ถึง 3 ลำ กองเรือจู่โจมยกพลขึ้นบกพร้อมเรือพิฆาตกับเรือฟรีเกตส์มุ่งหน้าไปยังทะเลอันดามันแล้วเช่นเดียวกัน </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> กระทรวงกลาโหมสหรัฐเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า กองเรือรบสหรัฐฯ 6 ลำที่เข้าร่วมการฝึกโคบราโกลด์ในอ่าวไทย ได้มุ่งหน้าไปยังทะเลอันดามันแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนในพม่า

กองเรือประกอบด้วยเรือโจมตียกพลขึ้นบกเอ็สเส็ก (Essex) ซึ่งมีเรือในขบวนอีก 3 ลำ เรือฟรีเกตส์ฮาร์เปอร์สเฟอรร์รี (Harpers Ferry) และ เรือพิฆาตอีก 1 ลำ ทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 4 วันเพื่อไปประจำการในจุดเตรียมพร้อม.

ทั้งสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ต่างก็เป็นสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ.
</TD></TR></TBODY></TABLE>​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000054597

 

พม่าถึงคราวจำต้องเปิดเมือง...ชีวิตที่สูญเสียไปได้ไถ่โทษให้ประเทศแล้ว...ประชาชนควรลืมตาอ้าปากได้...(ลืมตาคือตื่นขึ้นมา...อ้าปากคือสามารถพูดได้เสรี)...

 

เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 2<O</O
เมื่อซื้อเครื่องกำเนิดมาแล้ว ในยามปกติเราสามารถนำมาใช้แทนไฟบ้านเป็นครั้งคราวก่อนก็ได้ เป็นการทดสอบเครื่องไปในตัว<O</O
วิธีเชื่อม <O</O
วิธีแรก เชื่อมเครื่องกับแผงเมนโดยใช้สายไฟฟ้าขนาด 2 * 4 ตารางมิลล์ มีสะพานไฟสองทาง คอยสลับกระแสไฟของเครื่องกับกระแสไฟของการไฟฟ้า วิธีนี้จะใช้กระแสไฟได้มากกว่า แต่ต้องให้ช่างผู้ชำนาญงานเป็นคนติดตั้งให้<O</O
วิธีที่สอง เชื่อมเครื่องกับปลั๊กไฟบ้าน โดยใช้สายไฟฟ้าขนาด 2 * 2.5 ตารางมิลล์ ใส่ปลั๊กตัวผู้ไว้กับสายไฟทั้งสองข้าง แต่ต้องสับสะพานไฟ ตัวเมนหลักทุกครั้งก่อนการเชื่อม เพื่อไม่ให้กระแสไฟของเครื่องกับของการไฟฟ้า มาชนกันจะทำให้เกิดการลัดวงจร เครื่องกำเนิดจะเสียหายได้<O</O
ข้อแนะนำ<O</O
เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ควรซื้อแบบสตาร์ทด้วยกุญแจ เพราะระบบนี้จะมีระบบฉุดด้วยมือรวมอยู่ด้วย ช่วยผ่อนแรงในการเปิดเครื่อง<O</O
1 เครื่อง จะใช้กับสี่ครอบครัว ในยามที่หนีขึ้นที่สูง<O</O
ซื้อ น้ำมันเครื่องสำรองไว้สำหรับเปลี่ยน รายละเอียด สอบถามกับทางร้านขาย<O</O
หัวเทียนสำรองไว้<O</O
กระดาษทรายน้ำชนิดละเอียด สำหรับขัดหัวเทียนเมื่อหัวเทียนบอด<O</O
หัวปรับแก๊ส มี 2 ชนิด แบบหัวปรับธรรมดากับแบบมีเซฟตี้เมื่อแก๊สรั่ว<O</O
แบบหัวปรับแบบธรรมดา เหมาะสำหรับถังแก๊สที่มีน้ำหนัก 48กก. อยู่ข้างล่าง เครื่องกำเนิดไฟฟ้าอยู่บนบ้าน เผื่อน้ำท่วมหัวปรับจะได้เปิดคาไว้เลย<O</O
หัวปรับแบบมีเซฟตี้ เหมาะสำหรับไว้คู่กับตัวเครื่อง เผื่อแก๊สรั่วหัวปรับจะหยุดจ่ายแก๊สทันที<O</O
ต้องเรียนรู้ถึงนิสัยของเครื่องแต่เนิ่นๆ เผื่อเครื่องมีปัญหาจะได้แก้ไขได้เลย<O</O
สาเหตุของเครื่องไม่ทำงาน <O</O
แบตเตอรี่อ่อน<O</O
แก๊สหมด<O</O
ฟิวส์ควบคุมไม่ให้ใช้กระแสไฟเกินขาด<O</O
สวิสท์กุญแจสตาร์ทเสีย<O</O
<O</O
ควรซื้อแบบเสียงดังน้อย<O</O
สายไฟขาดใน<O</O
<O

 

ขอนับถือน้ำใจคุณ Junior phumivat แต่ช่างคุณหล่อเถอะ ยังไม่ถึงเวลาจะพูดอย่างไร ก็มีแต่จะทำให้เขาจมลง ๆ เราหยุดกัน เขาจะได้ไม่สร้างกรรมเพิ่ม เราทำได้แค่เพียงเตือน เตือนในฐานะกัลยาณมิตร แต่ถ้าเตือนแล้วไม่ฟังก็ต้องปล่อย กรรมใครกรรมมัน
โดยส่วนตัวแล้ว นอกจากที่ได้ยินจากคนอื่นที่เล่าให้ฟังถึงคุณหญิงคนหนึ่งที่ปรามาสหลวงพ่อ ซึ่งที่สุดแล้ว ก็เป็นคนเสียสติเพราะกรรมตามทัน คนใกล้ตัว ผมก็เห็นกับตา คนใกล้ตัวที่ปรามาสพระอริยะเจ้า ปรามาสหลวงพ่อฤาษี ตอนนี้ สติไม่สมประกอบแล้ว กรรมมันแรงทันตามทันในชาติปัจจุบัน
หลวงพ่อเป็นพระอริยะเจ้าที่แสนประเสริฐ ท่านทำทุกอย่างเพื่อให้ชาติเราร่มเย็นในทางโลก และทางธรรม ทางโลก ท่านก็มีบทบาทอย่างมากในการป้องกันไม่ให้ชาวบ้านหลงผิดคิดเป็นคอมมิวนิส ไปให้กำลังใจทหาร ตำรวจชายแดนให้มีกำลังใจต่อสู้อริราชศัตรู ช่วยผู้ประสบภัย ผู้ยากไร้ เพราะท่านรู้ว่าความยากจนเป็นศัตรูของชาติ ท่านทำงานช่วยในหลวงทุกอย่าง ไม่ว่าในหลวงขอให้ช่วยสิ่งใด ความดีของหลวงพ่อเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว
ทางธรรม ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ท่านวางรากฐานทางธรรม วางปฏิปทาการปฏิบัติให้ทั้งพระและฆราวาส สร้างคนให้เป็นพระ เป็นกำลังใหญ่ทางพุทธศาสนา สหธรรมิกของท่านทั้งหลวงปู่สิม หลวงปู่บุดดา หลวงปู่คำแสนเล็ก-ใหญ่ ต่างกล่าวสรรเสริญหลวงพ่อว่าเป็นพระที่ดี แม้นหลวงตามหาบัว ก็ยั้งคำไม่ให้ศิษย์ท่านประมาทห้ามปรามาสหลวงพ่อฤาษี
ขอเราที่เรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อ ก็จงยึดปฏิปทาท่านสอนไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัตตนา โจทยัตตานัง ใครจะดีจะเลวก็ช่าง หมั่นเตือนตนด้วยตนเองดีกว่า

 

ไซโคลนถล่มพม่า สึนามิที่มากับลม
มลฤดี จันทร์สุทธิพันธุ์ ​

<CENTER></CENTER>



ข่าวคราวความเสียหายจากพายุไซโคลนนาร์กีสในประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่าที่ทำให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายและสูญหายหลายหมื่นคน ถือเป็นเรื่องเกินความคาดหมายของใครหลายคน ที่ไม่คาดคิดว่าพายุไซโคลนที่มักจะเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอยู่บ่อยๆ จะสร้างความเสียหายได้รุนแรงขนาดนั้น


<CENTER></CENTER>






พายุไซโคลนเป็นชื่อเรียกเฉพาะของพายุหมุนที่เกิดขึ้นเฉพาะในเขตมหาสมุทรอินเดีย มีกำลังและความเร็วลมรุนแรงเช่นเดียวกับพายุที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรอื่นๆ ของโลก ซึ่งชื่อที่เรียกพายุนั้นจะแบ่งตามโซนของมหาสมุทร โดยมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกแถบใกล้ทวีปอเมริกาเรียกว่า เฮอริเคน มหาสมุทรอินเดียและอ่าวเบงกอลเรียกว่า ไซโคลน ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้เรียกว่า ไต้ฝุ่น ส่วนพายุที่เกิดขึ้นใกล้กับนิวซีแลนด์และออสเตรเลียเรียกว่า วิลลี-วิลลี <CENTER></CENTER>



แต่ถึงแม้จะมีชื่อเสียงเรียงนามให้เรียกต่างกันอย่างไร ความร้ายกาจรุนแรงของพายุเหล่านี้ก็ไม่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะพายุนาร์กีสที่พัดถล่มพม่าเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น มีความเร็วลมถึง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับความรุนแรงพายุในระดับ 4 จากทั้งหมด 5 ระดับ จนทำให้บางคนถึงกับยกความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ว่า เลวร้ายยิ่งกว่าเหตุธรณีพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มชายฝั่งทะเลอันดามันเมื่อปี 2547 เสียอีก

เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นพม่าสูญเสียชีวิตไม่มากมายถึงเพียงนี้ <CENTER></CENTER>



พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากพายุนาร์กีสมากที่สุดเป็นพื้นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำอิระวดี ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งพื้นที่นี้เป็นที่ราบลุ่มมีประชากรอาศัยอยู่มาก ทั้งอยู่ตามลำคลองและปากแม่น้ำซึ่งแตกออกเป็นหลายสาย หมู่บ้านหลายแห่งเข้าถึงได้ทางเรือหรือทางเฮลิคอปเตอร์เท่านั้น พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นลุ่มน้ำที่เคยถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ปลูกข้าวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในช่วงการปกครองของอังกฤษยุคอาณานิคม
และการเข้าถึงยากเช่นนี้ล้วนแต่ทำให้ภารกิจการฟื้นฟูช่วยเหลือและมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัย ยิ่งยากเย็นมากขึ้นเป็นเท่าตัว

พอล ไรส์ลีย์ โฆษกโครงการอาหารโลกประจำภาคพื้นเอเชียเผยว่า การที่พื้นที่เป็นเช่นนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ไม่สามารถนำอาหาร น้ำสะอาด และของจำเป็นอื่นๆ เข้าไปให้ผู้ประสบภัยที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนได้ <CENTER></CENTER>



"สิ่งที่พวกเรากลัวคือ การที่พื้นที่ชุมชนในเขตชนบทถูกตัดขาด บางพื้นที่ บ้านเรือนที่พักอาศัยของหมู่บ้านบางแห่งได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายย่อยยับถึงร้อยละ 95" พอลกล่าวด้วยความวิตก ขณะที่ ฌอน เทอร์เนลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพม่าประจำมหาวิทยาลัยแมคควอรี ในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียกล่าวว่า ความจริงแล้วระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ในพม่านั้นเริ่มจะเสื่อมโทรมอยู่แล้ว
"ก่อนที่พายุไซโคลนนาร์กีสจะพัดถล่ม ทำนบกั้นน้ำก็เริ่มพังทลาย ระบบชลประทานล้มเหลว บางครั้งสะพานบางแห่งก็ข้ามไม่ได้ด้วยซ้ำ" ฌอนกล่าว
แรกเริ่มนั้นลุ่มแม่น้ำอิระวดีมีประชากรอยู่เพียงเบาบางจนกระทั่งเข้าสู่ช่วงทศวรรษ2443-2452 ที่พื้นที่แห่งนี้เริ่มเปลี่ยนตัวเองมากลายเป็น "อู่ข้าวแห่งเอเชีย"มีการปลูกข้าวกันอย่างกว้างขวางในลุ่มแม่น้ำเพื่อนำผลผลิตที่ได้ไปหล่อเลี้ยงอาณานิคมอังกฤษที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก
ช่วงเวลาหลายทศวรรษนั้น พม่าในการปกครองของอังกฤษกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลก
แต่เมื่อมีข้อได้เปรียบเป็นความอุดมสมบูรณ์ พื้นที่แห่งนี้ก็มีข้อเสียอยู่ด้วยเช่นกัน ประชาชนนับหมื่นนับแสนคนอาศัยอยู่บนเกาะ แก่ง คาบสมุทรในทะเลอันดามัน ซึ่งไม่มีปราการตามธรรมชาติเพื่อที่จะช่วยปกป้องคนเหล่านี้จากไซโคลน
"พวกเขาสร้างบ้านอยู่ใกล้ๆ น้ำ ตอนนี้น้ำท่วมบ้านไปหมดแล้ว" อ่อง ดิน ชาวพม่าแปรพักตร์ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐเผยอย่างคุ้นเคย เพราะตัวเขามีครอบครัวอาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำนั้น โดยอ่อง ดินยังชี้ด้วยว่า ความล้มเหลวของรัฐบาลในการรับมือกับพายุไซโคลนนั้นอาจยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นเกลียดชังต่อรัฐบาลทหารพม่า ตอนนี้ชาวนาจำนวนมากกำลังหัวเสียที่พวกเขาต้องซื้อปุ๋ยจากบรรดาบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องโยงใยกับรัฐบาล ขณะที่กองทัพยังบังคับให้เกษตรกรขายข้าวให้แก่รัฐในราคาที่ถูกกว่าราคาตลาด นอกเหนือจากออกคำสั่งห้ามพวกเขาขายข้าวให้แก่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ด้วย
ซึ่งล้วนแต่มีความเป็นไปได้ว่าประชาชนอาจลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้จัดขึ้นต่อไปก็เป็นได้
นอกจากนี้ รัฐบาลพม่ายังถูกนานาประเทศวิจารณ์ว่าควรรับมือกับพิบัติภัยได้ดีกว่านี้ โดยทางกรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียเองก็ออกมายืนยันว่า ทางสำนักงานได้ส่งคำเตือนไปให้หน่วยงานหลายแห่งของพม่าให้ระวังภัยพายุไซโคลนล่วงหน้าก่อนที่พายุจะพัดถล่มถึง 48 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพายุ ทั้งแผ่นดินถล่ม กระแสลมแรงที่อาจพัดถล่มบ้านเรือนให้พังเสียหาย
แต่รัฐบาลพม่าไม่มีการตอบรับด้วยการออกมาตรการใดๆ เลย
หากมีการออกประกาศเตือน หรืออพยพประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัย ก็จะสามารถป้องกันชีวิตผู้คนได้อีกนับพันนับหมื่นชีวิต
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนด้วยว่า อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่ายอดที่ทางการประกาศไว้ โดยเทอร์เนลล์ประเมินว่า ประชากรที่อาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำอิระวดีอาจมีสูงถึง 15-20 ล้านคน แต่ด้วยความที่ไม่มีสาธารณูปโภคใดๆ และอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลโดดเดี่ยวทำให้ประชากรจำนวนมากอาจไม่ได้ขึ้นทะเบียนราษฎรเอาไว้
"เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีผู้เสียชีวิตจริงๆ กี่คน เพราะประเทศนี้ไม่เคยทำการสำรวจประชากรอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี 2480" เทอร์เนลล์กล่าว

ที่มา http://www.komchadluek.net/2008/05/10/x_for_g001_201600.php?news_id=201600

 

เมื่อสหรัฐฯ จะใช้วิกฤตนาร์กีส

 

สำหรับประโยคสุดท้ายของบทความ.....

......ใช่ครับ...คุณคิดมากไปจริงๆ....แต่ก็สนุกดีครับ กับจินตนาการแบบนี้.......