ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<DD> <DD>

UNเตือนมีพายุอีกลูกที่กำลังมุ่งหน้าไปทางพม่า​

<DD> <DD>นายริชาร์ด ฮอร์ซีย์ โฆษกหน่วยบรรเทาทุกข์ของยูเอ็นที่อยู่ในประเทศไทย เตือนวันนี้ว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาว่า มีพายุอีกลูกที่กำลังมุ่งหน้ามาทางประเทศพม่า ซึ่งจะทำให้มีฝนตกหนักในอีก 7 วันข้างหน้า และทำให้ผู้ประสบภัยที่คาดว่าน่าจะมีถึง 1 ล้าน 5 แสนคน ที่ยังไร้ที่อยู่อาศัย ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับโรคระบาด และทำให้การช่วยเหลือที่ล่าช้าอยู่แล้วต้องเจอกับความยากลำบากเข้าไปอีก
<DD>นายฮอร์ซีย์ เตือนด้วยว่า หากรัฐบาลทหารพม่ายังไม่ยอมเปิดให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เดินทางเข้าไปช่วยจัดการกับภัยพิบัติโดยเร็ว ก็จะต้องเจอกับโศกนาฎกรรมซ้ำสอง เพราะโรคระบาดและความหิวโหย จะทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นอีก
<DD>ขณะที่นักสังเกตุการณ์การเมืองในพม่าเชื่อว่า เหตุที่พลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลทหารพม่าไม่ยอมให้วีซ่าเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ เพราะไม่ต้องการให้มีเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ต่างชาติจำนวนมากเข้าไปเพ่นพ่านในพม่าในช่วงที่จะมีการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ และแม้ว่าจะเผชิญกับภัยพิบัติพายุไซโคลนนาร์กีส แต่รัฐบาลทหารพม่าก็ยังคงเดินหน้าปราบปรามฝ่ายที่คัดค้านร่างรัฐธรรมนูญ มีรายงานว่า มีนักการเมืองฝ่ายค้านถูกจับกุม 7 คน เมื่อวานนี้ ฐานแจกจ่ายแผ่นพับที่เกี่ยวกับการลงประชามติ </DD>
ที่มา http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=319593

 

คนพม่ากลัวผีหลอก หลังไซโคลนนาร์กีสคร่าชีวิตไปนับแสน

​

ย่างกุ้ง 10 พ.ค.- ไซโคลนนาร์กีสพัดถล่มพม่าเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิตนับแสนคน ส่งผลให้คนพม่าที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติดังกล่าว ไม่กล้ากลับไปที่หมู่บ้านของตัวเอง เพราะกลัวจะถูกวิญญาณผู้เสียชีวิตตามหลอกหลอน

เนื่องจากชาวพม่าสังเวยชีวิตให้กับเหตุภัยพิบัติครั้งนี้มากเป็นแสนคน ล่าสุด จึงมีเสียงร่ำลือกันว่า ในเวลาค่ำคืน จะได้ยินเสียงของวิญญาณผู้เสียชีวิต มาร้องขอความช่วยเหลือ ดังโหยหวนไปทั่วพื้นที่ประสบเหตุ ด้วยเหตุนี้ คนพม่าที่รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมดังกล่าว จึงไม่กล้ากลับไปที่หมู่บ้านของตัวเอง ซึ่งถูกไซโคลนนาร์กีสพัดถล่ม จนกลายเป็นหมู่บ้านร้าง

ชาวพม่าหลายคนบอกว่า ที่รอดชีวิตมาได้ ก็เพราะอาศัยเกาะต้นไม้ไว้แน่น ในช่วงที่เกิดเหตุ บางคนเสื้อผ้าถึงกับขาดหลุดลุ่ย ปลิวไปตามลมที่พัดอย่างรุนแรงในเวลานั้น พอพายุสงบ น้ำลด จึงค่อยๆ ปีนต้นไม้ลงมา สิ่งที่พบคือ ซากศพตายเกลื่อน บ้านเรือนพังเสียหาย หลายคนกลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร เพราะสมาชิกครอบครัวสูญหาย หรืออาจเสียชีวิตไปแล้ว ครั้นจะกลับไปที่หมู่บ้าน ก็ไม่กล้า เพราะกลัววิญญาณผู้เสียชีวิตตามมาหลอกหลอน ชาวพม่าหลายคนจึงยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับชะตากรรมของตนเองในเวลานี้. -สำนักข่าวไทย

2008-05-10 17:01:13

ที่มา http://news.mcot.net/international/inside.php?value=bmlkPTM0MTIzJm50eXBlPXRleHQ=

 

มีคนบอกว่า สหรัฐมีเรือลำนี้ แต่ไม่ส่งไป

 

ถ้าส่งไปเขา็ก็ไม่ให้เข้า แล้วใครจะจ่ายค่าดีเซล
น้ำมันตลาดโลกบาร์เรลละกว่า ๑๒๕ เหรียญแล้ว

 

ในหลวงทรงแนะใช้วิทยุสื่อสารช่วยผู้ประสบภัย เอะอะก็ใช้มือถือ ทรงชี้ในป่าใช้ไม่ได้ต่อไปมีอีกไม่ได้แช่ง



คมชัดลึก- วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2549

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ พระตำหนักน้อย วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานผลการปฏิบัติงานในการให้ความช่วยเหลือแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ลำปาง และน่าน โดยได้ประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งส่วนราชการและภาคเอกชน ตามที่มีพระราชดำริให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และรับพระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยดังกล่าว

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ใจความตอนหนึ่งว่า

 

ประเทศไทยไม่มี "ระบบออกอากาศฉุกเฉิิน"
ในสหรัฐมีทั้งทางวิทยุและโทรทัศน
เป็นสัญญาณคล้ายคั่นโฆษณา มีภาพนิ่งหรือเสียงออดบอกว่านี่คือสัญญาณออกอากาศฉุกเฉิน (emergency broadcast)
เป็นเพียงการซ้อม ถ้าเกิดเหตุจริงจะมีคำสั่งตามมาจากภาครัฐบาล

เราไม่มีแผนอพยพในกรณีของอุบัติภัยที่ทราบล่วงหน้า
ถ้าใต้ฝุ่นใหญ่เข้าสมุทรปราการ สมุทรสาคร
คนสมุทรปราการ สมุทรสาครไปไหน คนบางนา บางปะกงไปไหน คนฝั่งธน ชลบุรีไปไหน
โรงเรียน สถานที่ราชการหยุดฉุกเฉินไหม (ถ้าไม่หยุดคนไม่กล้าอพยพ กลัวถูกนายไล่บี้ว่าเกงาน)

นัดกันได้ไหม ว่าคนบางปะกงไปกบินทร์บุรี บางนาไปธรรมศาสตร์ บางพลีไปวัดธรรมกาย เป็นต้น
ถ้าทราบที่หมาย คนในครอบครัวและญาติไม่ต้องตามหากันให้เสียเวลา ไปรอที่ปลายทางแล้วเจอกัน เอาชีวิตรอดไว้ก่อน
คนที่มีรถก็ขับไปเลย คนที่ขึ้นรถเมล์ได้ก็ไปก่อนรถติด ทหารค่อยเอารถบรรทุกใหญ่มาเก็บคนแก่กับคนจน
ไปอยู่ในค่ายทหาร วัด มหาวิทยาลัย...
มีน้ำสะอาด สุขา พื้นแห้ง หลังคาคุ้มหัว
จะจัดอาหารให้ก็ไปที่เดียวแบบโรงทาน

ถ้าภัยหรือพายุไม่แรงเท่าที่คาด ก้ไม่ต้องตำหนิใคร นสพ ไม่ต้องโจมตีคนประกาศ
เหมือนซื้อถังดับเพลิงแต่ไฟไม่ไหม้ จะไปโกรธคนซื้อถังทำไมว่าพาเปลืองเงิน

ฝากความเห็นไว้ เพราะใกล้ตัวแล้วค่ะ...์

 

เรือสหรัฐเดินทางจากไทยมุ่งหน้าสู่พม่าแล้ว

​

ไทย 11 พ.ค.-เรือจากสหรัฐเดินทางจากอ่าวไทยมุ่งหน้าสู่พม่าแล้ว หลังจากได้รับอนุญาตจากทางการพม่า ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเครื่องบินบรรเทาทุกข์จากฝรั่งเศสก็บินตรงสู่พม่าแล้วเช่นกัน

นาวาเอก มาร์ก โลแซค เสนาธิการทหารเรือประจำเรือแมรีน เอ็กซ์พีดีชั่นแนรี ฟริเกต ของกองทัพเรือสหรัฐ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ประเทศพม่าแล้ว เพื่อนำความช่วยเหลือไปให้กับประชาชนผู้ประสบภัยหลายล้านคนที่ยังไร้ที่อยู่และกำลังหิวโหย

ทางด้านสำนักข่าวเอพี ได้เผยแพร่ภาพเฮลิปคอปเตอร์ของกองทัพเรือสหรัฐขณะร่อนลงจอดที่สนามบิน อ.แม่สอด และทหารกำลังทยอยลงจากเครื่องบินก่อนปฏิบัติภารกิจบรรเทาทุกข์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เครื่องบินบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวน 35 ตัน บินขึ้นจากสนามบินในฝรั่งเศสมุ่งหน้าสู่ประเทศพม่าแล้วเมื่อวานนี้ หลังจากต้องเลื่อนจากกำหนดการเดิมเมื่อวันศุกร์.-สำนักข่าวไทย

2008-05-11 05:50:49

ความช่วยเหลือจากนานาชาติทยอยเข้าสู่พม่า​

​

พม่า 11 พ.ค.-ความช่วยเหลือจากนานาประเทศกำลังมุ่งหน้าสู่ประเทศพม่าแล้ว แม้ขณะนี้รัฐบาลพม่าทหารยังปฏิเสธที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติเข้ามาให้ความช่วยเหลือ

เครื่องบินนำสิ่งของบรรเทาทุกข์จากหลายประเทศต่างมุ่งสู่ประเทศพม่าแล้วตั้งแต่วานนี้ แม้จนถึงขณะนี้รัฐบาลทหารพม่ายังยืนกรานว่าจะรับเฉพาะสิ่งของบรรเทาทุกข์เพียงอย่างเดียว ส่วนการส่งมอบให้กับผู้ประสบภัยนั้น จะใช้คนภายในประเทศแทนหน่วยบรรเทาทุกข์จากต่างชาติ เครื่องบินของโครงการอาหารโลกบินขึ้นจากกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ตั้งแต่วานนี้ ทั้งยังส่งเครื่องบินบรรเทาทุกข์อีก 3 ลำจากดูไบและอิตาลีมุ่งตรงสู่พม่า

ขณะที่อินเดียส่งเครื่องบินนำสิ่งของบรรเทาทุกข์และเจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉินออกจากสนามบินในกรุงนิวเดลี ทางการอินเดียรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งเครื่องบิน 3 ลำ และเรือจากกองทัพเรืออีก 2 ลำ มาพม่า.-สำนักข่าวไทย

2008-05-11 02:56:24

ขบวนรถขนสิ่งของช่วยเหลือของยูเอ็น เดินทางเข้าพม่าได้แล้ว​

​

เจนีวา 10 พ.ค.- สำนักงานผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ประกาศว่า ขบวนรถขนสิ่งของช่วยเหลือชุดแรกของสหประชาชาติ เดินทางจากพรมแดนไทยเข้าสู่พม่าแล้วในวันนี้ ซึ่งจะได้นำสิ่งของไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลังพม่าถูกไซโคลนนาร์กีสพัดถล่มไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทางตัวแทนสำนักงานผู้ลี้ภัยสหประชาชาติในไทย แสดงความหวังว่า พม่าจะเปิดช่องทางให้โดยด่วน เพื่อให้ความช่วยเหลือจากต่างชาติ สามารถส่งไปถึงมือผู้ประสบภัยได้อย่างเต็มที่ ส่วนขบวนรถขนสิ่งของช่วยเหลือของสหประชาชาติ ซึ่งแล่นผ่านพรมแดนไทยเข้าสู่พม่าได้โดยสะดวกในวันนี้ ประกอบไปด้วยรถบรรทุก 2 คัน บรรทุกสิ่งของช่วยเหลือรวม 20 ตัน เช่น เต็นท์ และผ้าใบกันน้ำ. -สำนักข่าวไทย

2008-05-10 17:58:14

ประธานาธิบดีชิลีตรวจเยี่ยมผู้ได้รับความเดือดร้อนจากภูเขาไฟ​

​

ชิลี 11 พ.ค.-ประธานาธิบดีชิลีออกตรวจเยี่ยมผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการปะทุของภูเขาไฟไคเทน และประเมินความเสียหาย

ประธานาธิบดีมิเชล บาเชเลต พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจพื้นที่ได้รับผลกระทบเพื่อประเมินความเสียหายและพบปะประชาชนในเขตปาตาโกเนีย ซึ่งก่อนหน้านี้ทางการอพยพประชาชนที่อยู่ในรัศมี 30 กิโลเมตรของภูเขาไฟไคเทน ห่างจากทางใต้ของกรุงซานติอาโกราว 1,200 กิโลเมตร ออกนอกพื้นที่ ซึ่งจากการปะทุของภูเขาไฟไคเทนตั้งแต่วันที่ 2 เดือนนี้ ได้พ่นเอาเถ้าถ่านและก๊าซร้อนออกมาจำนวนมาก ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อพื้นที่ของชิลีและอาร์เจนตินา

ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟของรัฐบาลชิลีเตือนว่า เถ้าถ่านและหมอกควันเหล่านี้อาจปกคลุมพื้นที่โดยรอบ และสร้างความเสียหายอย่างหนักได้.-สำนักข่าวไทย

2008-05-11 07:12:44

ที่มา http://news.mcot.net/international/index.php?page=1

 

น่าเอาพระไปปล่อยพม่าเนอะ...เหอๆ

 

......ประเทศไทยนี้...ไม่มีระบบแบบที่ว่า (emergency plan - evacuation plan - หรือแผนการปฎิบัติการฉุกเฉินระดับประเทศ และ/หรือ อพยพฉุกเฉิน) ...จะมีก็แต่เป็นเพียงเขียนเป็นเอกสารไว้ในสำนักงาน กปอ หรือ หน่วยงานบรรเทาสารธารณภัยของจังหวัด แต่ไม่ค่อยได้ซักซ้อม....คงซ้อมเฉพาะการดับดับเพลิงและการปฐมพยาบาล....แผนที่มีอยู่จึงตั้งรับได้เพียง... ภัยพิบัติขนาดเล็กๆในระดับตำบลหรืออำเภอเท่านนั้น.....เรียกว่าแผนงานและนโยบายความแลอดภัยแห่งชาติ...ยังไม่ไปถึงจุดที่รับมือกับเรื่องจริงและของจริงๆหรอก.....ดังนั้นอย่าหวังพึ่งหน่วยงานของรัฐให้มากนัก

.......ระบบป้องกันภัยระดับชาติเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน....เป็นเพียง การรอและเฝ้าดู....หรือ .wait and see.....ภาษาสมัยใหม่ เรียกว่า ระบบเฝ้าระวังภัย ....นับเป็นระบบที่รัฐและข้าราชการถนัดมากที่สุด....รองลงมาจาก การตั้งแถวโค้งคำนับ และพูดคำว่า...ได้ครับท่าน....ดีครับท่าน...ขอรับกระผม ...เฮ้อ....

 

สวัสดีครับ คุณโอลด์แมน แอนด์ อะคาร์

โลกนี้มันกลมจริงๆนะครับ

เรื่องราวลึกๆ นั้นพวกเด็กๆจะไม่ค่อยรู้นะครับ

เดี๋ยวเราไปคุยกันที่ห้องหลุมดำกันดีกว่า

สวัสดี

 

เรื่องพายุนากิส กับ ปฎิบัติการช่วยเหลือของพระองค์​

​

ไม่ทราบว่าเคยอ่านกันรึยัง เรื่องพายุนากิส กับ ปฎิบัติการของพระองค์ท่าน ทำไมทีวีหรือนสพ. ไม่เห็นลงข่าวนี้บ้างเลยครับ

เมื่อวันศุกร์ผมได้มีโอกาสได้เข้าค่ายที่ศูนย์ฝึกทหารของค่ายนเรศวร วันแรกที่เข้าไปก่ะบรรยากาศครึ้มๆ ผมก็ว่าเอ... แปลกๆนะ ทำไมอากาศอบอ้าวเหมือนจะมีฝนแต่ก็คิดว่าคงเป็นไปตามสภาพอากาศ พอไปถึงก็ทำกิจกรรมจนได้เข้าหอประชุมตอนดึกใกล้เวลานอนมากแล้ว อาจารย์เอกราช ท่าได้มาพูดถึงเรื่องของฝนที่ตกนี้ว่า "ก่อนหน้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ท่านทรงให้คณะทำงานเกี่ยวกัยฝนเทียม รีบทำฝนเทียมเพื่อเป็นแนว กันลมพายุดีเปรสชั่นซึ่งตอนั้นยังไม่เกิดขึ้น แต่พระองค์ทรงเหมือนกับเทวดาองค์นึงที่ทราบเรื่องนี้ก่อน ถามว่าตอนนั้นกรมอุตุรู้เรื่องนี้ไม๊ ... ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดพายุที่ประเทศเมียนม่า(พม่า)ด้วยซ้ำ พอคณะทำงานด้านฝนเทียมทำงานเสร็จ ด้วยความสำเร็จ... ผลงานที่พระองค์ได้ทำ ก็ก่อให้เกิดผล เกิดพายุอย่างที่พระองค์ตรัสไว้ที่พม่า และพายุนี้ก็ได้สร้างความเสียหาย และสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศเมียนมาร์(พม่า) จนทำให้เกิดความสูญเสียอันมหาศาลกับประเทศอันเคยเป็นอริกับเรา ... แต่สำหรับประเทศไทย แนวกำแพงฝนเทียมที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงสร้างไว้ก็ทำให้เกิดฝนตกเพียงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับพายุที่จริงๆแล้วสามารถสร้างความเดือดร้อนกับประเทศได้มาก " พอผมได้ทราบผมถึงกับอึ้งขนลูกซุ่ กับ สิ่งที่พระองค์ได้ทำไว้ให้กับประเทศของเรา ถึงแม้นจะเป็นเรื่องที่ดีที่ทราบเรื่องนี้ แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ผมสะเทือนใจกับสิ่งที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้ วันที่2ที่เข้าค่าย ครูฝึกได้เปิดวีซีดีเกี่ยวกับพระองค์ให้ดู ผมก็ดูไปเรื่อยๆจนถึงตอนนึงที่เค้าตัดเอาตอนที่พระองทรงเสด็จพระราชดำเนิน เพื่อไปส่งเหล่ากษัตริย์จากต่างประเทศ คณะทูตที่มาเข้าเฝ้าในงานฉลองศิริราชสมบัตครบ60พรรษา ภาพที่ทำให้ผมปวดจี๊ดขึ้นมาในหัวใจก็คือตอนที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินลงบันได(ขอโทษครับพอดีไม่ทราบว่าเขียนยังไง) พระองค์เกือบหกล้ม ดีที่ทหารรักษาพระองค์ที่เดินนำหน้าคอยประคองพระองค์ไว้ พอพระองค์ทรงยืนได้ ก็ปัดมืออก ผมไม่ทราบว่าพระองค์ตรัสตรงนั้นทันทีไม๊ หรือตรัสกับคนสนิทในภายหลัง ว่า" ไม่ต้องมาพยุงเรา เราจะเดินให้คนทั่วโลกได้เห็นว่า เราเดินได้ ให้คนทั่วโลกได้เห็นว่าเราสามารถปกครองคน64ล้านคนด้วยตัวของเราเองได้ " ถึงตอนนี้แล้ว ...น้ำตาผมคลอเบ้า คนที่ดูกันก็สะอึ้นกันไปหลายคน ทุกๆคนในที่นั้นเงียบหมดกับคำพูดที่พระองค์ได้ตรัสไว้ ผมได้ยินเสียงกระซิบจากเพื่อนข้างๆว่า สงสารพระองค์ที่ต้องมาทรงงานอย่างหนัก ถึงแม้นจะอายุเยอะแล้ว แต่พระองค์ก็ยังทรงรักและเป็นห่วงลูกๆหลานของพระองค์ ลูกๆหลานๆที่อยู่ในประเทศนี้ ท่านทรงงานทุกอย่างเพื่อให้คนในประเทศได้สบาย เพื่อคนในประเทศได้อยู่ดีกินดี อาจารย์ได้บอกกับพวกเราเมื่อวีซีดจบว่า พระองค์เหมือนฝนที่ทำให้ประเทศร่มเย็น เหมือนเทวดาที่ไม่ว่าจะเสด็จพระราชดำเนินไปที่ไหนที่นั่นจะชุ่มฉ่ำ ที่ๆพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปจะพบแต่ความสงบสุข มีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร ท้ายสุดนี้ผมอยากจะบอกพระองค์หากแม้นมีใครผ่านมาอ่าน ถึงจะเป็นคำพูดที่อาจจะได้ยินมาบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่สามารถจะคัดกรองคำพูดใดๆมาพูดได้อีกนอกจาก ...

"ขอพระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงประชา เป็นร่มโพธิทองของเหล่าปวงชนชาวไทย ขอพระองค์ทรงพระเจริญตราบนานเท่านาน "

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ...


---------------------------------------------

 

จะเอาในสิ่งที่คนอื่นเค้าไม่รับ ไปให้เค้าทำไม

คงต้องปล่อยให้เป็นเวรกรรมของชาวพม่าต่อไป น่ะสิ

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม

ขอเดชะฯ

 

พม่ามีบางสิ่งที่ปกปิดและซุกซ่อนอย่างเช่นแหล่งผลิตยาเสพติด และอาจกังวลเรื่องอาจมีการช่วยเหลืออองซานให้มีอิสระ ดังนั้นจึงต้องดึงเกมไว้ก่อน
การที่การช่วยเหลือยังเป็นไปอย่างทุลักทุเล อาจเป็นเพราะว่า
1.พม่าไม่เคยประสบภัยพิบัติรุนแรงอย่างนี้มาก่อน
2.เทคโนโลยีในด้านต่างๆในประเทศไม่ทันสมัยเท่าที่ควร
3. เพราะไม่เคยมีประสบการณ์จึงชะล่าใจ และอาจไม่ให้ความสนใจกับเรื่องธรรมชาติเท่าที่ควร เพราะมัวแตปิดประเทศและห่วงด้านความมั่นคงมากกว่า
นี่คือบทเรียนราคาแพงของพม่า...