พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    แค่ไม้ครู เพียงอย่างเดียว ผมเองมี(ในขณะนั้น)ไม่น้อยกว่า 50 ด้าม ในแต่ละด้ามมีทั้งเหมือนกันและไม่เหมือนกัน อีกทั้งพระขรรค์และกฤช ก็เช่นกัน พระอาจารย์ชยางกูรท่านไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วพระอาจารย์ชยางกูรท่านบอกได้ถูกต้อง !!!!!!!

    และท่านเองได้บอกกับผม(เมื่อประมาณกลางปี 2550)ว่า หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ไปหาท่าน ไปสอนธรรมกับท่าน 4 พระองค์ ท่านเชื่อว่าหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร อีก 1 พระองค์ท่านคงเมตตามาสอนธรรมพระอาจารย์ชยางกูรแน่นอน


    โมทนาสาธุครับ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ หลายๆท่านคงเคยเห็นล็อกเก็ตหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรที่ผมห้อยแล้ว ด้านหลังจะเป็นพระนาคปรกหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก แต่ที่พิเศษไปกว่านั้น ผมนำเพชรพญานาคที่พระอาจารย์ชยางกูรมอบให้ผม ติดด้านหลังล็อกเก็ตองค์นี้ด้วย

    ล็อกเก็ตองค์นี้ เมื่อผมเห็นนอกจากจะนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม กุกุธสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ,คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,หลวงปู่แจ้งฌาณ ,หลวงปู่กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ และหลวงปู่ม่น วัดเนินตามากแล้ว ผมยังนึงถึงพระอาจารย์นิล ,พระอาจารย์รูปหนึ่ง และพระอาจารย์ชยางกูรด้วยครับ

    .
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผมเสริมนิดครับ วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้พบท่านปาทานเช่นกันครับ แต่เค้าเป็นคนดังผมเลยต้องหลบมาคุยกับลูกสาวพี่กนกพรข้างนอกห้องก็คุยกันหลายๆเรื่องครับ แต่มีเรื่องหนึ่งลูกสาวแกเล่าให้ฟังว่า เคยมีครั้งหนึ่งพระอาจารย์โทรมาหา และถามทันทีเลยว่า ทานข้าว.....อยู่ใช่ไหมโยม ลูกสาวพี่ก็ถึงกับงงเลยว่าท่านทราบได้อย่างไร บอกได้ละเอียดขนาดนั้น หุ หุ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    คุณnongnooo ว่าไงครับ

    ผมถึงได้ท้าคนที่ไม่เชื่อ ให้ปรามาสพระวังหน้า ท้าให้ปรามาสทุกๆวันทุกเวลาและทุกเวลาที่นึกได้

    ขนาดพระภิกษุที่ท่านไปธุดงค์ในป่า ท่านเห็นแสงพุ่งขึ้นมาจากอีกดอย ท่านรีบไป และไปพบว่า แสงที่พุ่งจากดอยนั้น เกิดจากพระวังหน้า(เป็นพระวังหน้าเดิมๆ ผมไม่ได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติมด้วยซ้ำไป) อีกทั้งท่านไม่ยอมแจกใครทั้งนั้น ท่านบรรจุในองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่เท่านั้น พระวังหน้าชุดนั้น จะออกมาให้ผู้คนเห็นได้ ก็ต่อเมื่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่นั้นผุพังตามเวลาหรือมีการทำลายเท่านั้น จึงจะได้เห็น

    ไม่เชื่อไม่มีปัญหา ต้องให้ไปพิสูจน์ด้วยตัวของตัวเองเท่านั้น สำหรับคนที่ปรามาสพระวังหน้า

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ประสบการณ์ตรงมากๆ ผมแทบไม่เชื่อว่า ผมอยู่กรุงเทพฯ ท่านอยู่อุบล แต่ท่านบอกได้ถูกต้อง ทั้งไม่ครู ,พระขรรค์และกฤช ถ้าไม่ได้เจอด้วยตัวผมเอง ผมบอกได้ว่า เชื่อยากมากๆ ผมว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์ส่วนตัวของใครของมันจริงๆ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สงสัยว่า เสียงผมจะดังกว่าคนอื่นแน่เลย ทำให้คุณnongnooo หนวกหู ก็เลยต้องไปอยู่นอกห้อง เหอๆๆๆๆ แต่ผมว่าเสียงผมก็ไม่ได้ดังมาก เสียงลุงเม้าดังกว่าผมอีก
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    คุณnongnooo ที่คุยกันเมื่อเย็น ยังไม่ได้ทำเลยครับ ไว้ค่อยมาทำให้อีกครั้งนะครับ มัวแต่มาเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับพระอาจารย์ชยางกูรให้อ่านกันครับ

    ว่าจะไปพักผ่อนแล้วครับ ง่วงจริง

    ราตรีสวัสดิ์ทั้งคุณnongnooo , คุณตั้งจิต ,คุณทองอ้วน และท่านผู้อ่านทุกๆท่านครับ

    .
     
  7. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ตั้งจิต, sithiphong+, ทองอ้วน </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
    <!-- popup menu contents -->เอ...ลุงหนุ่มราตรีสวัสดิ์ แล้วไฉนลุงน้องนู๋ไปนอนซะล่ะ สงสัยจะแก่กว่า?
     
  8. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">



    </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>:::เพชร:::</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ไม่มีผู้ใดอยู่ วันนี้ผมยึดห้องคืนนึง..มาดูภาพวันพุทธาภิเษกวันเสาร์ ๕ วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๐ เมื่อปีที่แล้ว โอกาสในการทำพิธีพุทธาภิเษกเต็มรูปแบบนี้จะไม่มีให้เห็นอีกแล้ว พระเครื่องวังหน้าที่คุณหนุ่มนำออกให้บูชาสมทบทุนสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งก็เข้าพิธีนี้เป็นครั้งสุดท้ายครับ ผมไม่สามารถลง post ภาพพระอาจารย์ได้ ขออภัยด้วย

    ดูกิจกรรมในวันพิธีพุทธาภิเษก ว่าพิธีจัดกันอย่างไร จะได้รู้ที่มาที่ไปแยกเก็บได้ถูก

    ต่อด้วยการสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และรดน้ำอาจารย์ปู่ประถม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มอบภาพนี้ให้คุณหนุ่มเป็นพิเศษ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 9 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 7 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>:::เพชร:::, kaicp </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คืนนี้อยู่กับคุณ kaicp ๒ ต่อ ๒
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนั้นดี วันนี้ป่วย นี่หนอสังขาร..ขอให้หายวันหายคืนครับคุณแด๋น..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ขึ้นชื่อว่าร่างกาย ไม่เห็นมันดีเลยสักวัน
    ชดใช้กรรมนะคะ
    ขอบคุณค่ะคุณเพชร
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ร่วมหอลงโรง...สไตล์จีนโบราณ / อู่วัฒนธรรม
    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000083755
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 กรกฎาคม 2551 19:44 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> [​IMG]</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพหุ่นจำลองการกราบไหว้ฟ้าดินในงานแต่งงานจีนตามธรรมเนียมโบราณ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ระวัง! สังฆทานบาปยัดไส้ ของหมดอายุ

    http://hilight.kapook.com/view/26549


    [​IMG]

    สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

    เมื่อวานนี้ (15 กรกฎาคม) พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงภัยร้ายในเทศกาลเข้าพรรษาว่า ในช่วงนี้ใกล้ถึงวันเข้าพรรษาพุทธศาสนิกชนจะนิยมทำบุญตักบาตร รวมถึงการถวายสังฆทาน แต่กลับมีกลุ่มผู้ค้าสังฆภัณฑ์บางคนฉวยโอกาสนำสินค้าไม่มีคุณภาพ หมดอายุมาจำหน่ายให้ประชาชน ที่ร้ายไปกว่านั้น สังฆทานบางที่มีการใส่บุหรี่ถวายให้พระสงฆ์ด้วย แทนที่คนขายและคนซื้อจะได้บุญกลับได้บาป อาตมาไม่อยากให้คนขายสังฆทานฉวยโอกาสช่วงที่พุทธศาสนิกชนแห่ไปทำบุญในช่วงเข้าพรรษา

    "อยากเตือนพุทธศาสนิกชนว่า การทำบุญไม่จำเป็นต้องเอาของมาถวายพระ แต่สิ่งที่จะได้บุญก็คือการอธิษฐานจิตตั้งใจถือศีลทำความดี งดเหล้า งดทำชั่วในช่วงเข้าพรรษา ก็จะเป็นช่องทางหนึ่งไม่ให้ผู้ขายสังฆภัณฑ์ที่ไม่ดีฉวยโอกาสเอาเปรียบประชาชน แต่ก็อยากเตือนผู้ประกอบการว่า ถ้าคิดดี ทำดี ใจดี ใช้ของดี นำมาขายให้พุทธศาสนิกชน ก็จะได้บุญ แต่ถ้าคิดไม่ดี ใช้ของไม่ดี ทำไม่ดี คิดไม่ดี จะได้บาป ทั้งนี้ สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องนี้คืออยากให้วัดแต่ละวัด ตั้งป้ายช่วงเข้าพรรษาว่า ขาดสิ่งของประเภทใดในช่วงเข้าพรรษา พุทธศาสนิกชนจะได้นำสิ่งของไปถวายได้ถูกต้อง โดยไม่ต้องไปซื้อถังสังฆทาน" พระพยอม กล่าว

    อย่างไรก็ตาม จากการสุ่มสอบถามเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้ข้อมูลตรงกับที่พระพยอมกล่าวมาข้างต้น โดยเจ้าของร้านเล่าว่า เคยมีลูกค้าบางรายเล่าให้ฟังว่า เคยซื้อชุดสังฆทานยัดไส้สินค้าที่หมดอายุเป็นจำนวนมาก และเทียนพรรษาไม่มีคุณภาพ บางเล่มทำไส้เทียนหลอก พอจุดข้างในไม่มีไส้บางเล่มจุดแล้วละลายเร็ว น้ำตาเทียนเยอะ ไม่สมกับราคา เพราะเทียนพรรษาที่ดีเมื่อจุดแล้วน้ำตาเทียนจะระเหยไป

    ทั้งนี้ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้กำหนดให้ชุดสังฆทานและชุดไทยธรรมเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2550 เป็นต้นมา โดยผู้ผลิตจะต้องระบุขนาด ปริมาณ น้ำหนัก จำนวน ราคาของสินค้า และวันเดือนปีที่หมดอายุ หรือวันเดือนปีที่ควรใช้ก่อน จึงขอให้ผู้พบเห็นชุดสังฆทานและชุดไทยธรรมที่นำสินค้าหมดอายุมาจัดทำและจำหน่าย แจ้งให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


    [​IMG] อ่าน บทความ ประวัติวันเข้าพรรษา คลิกเลย




    ข้อมูลจาก
    [​IMG]
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    วันเข้าพรรษา

    http://hilight.kapook.com/view/13698

    [​IMG]

    เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
    ภาพประกอบจาก
    http://www.phukettoday.com/

    และแล้วเทศกาลเข้าพรรษาก็กลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นเทศกาลที่มีความสำคัญต่อพระสงฆ์มากทีเดียว โดยเป็นช่วงเวลาที่พระสงฆ์ต้องจำพรรษาอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ ​

    เพราะ "เข้าพรรษา" ที่แปลว่า "พักฝน" คือ วันที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเวลา 3 เดือน ตามพระธรรมวินัยบัญญัติ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่นซึ่งจะเรียกกันว่า "จำพรรษา" โดยคำว่า "จำ" แปลว่า "อยู่" ส่วนคำว่า "พรรษา" แปลว่า "ฤดูฝน" จะเริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 จนมาสิ้นสุดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ซึ่งสามารถแบ่งการเข้าพรรษาได้เป็น 2 ประเภท

    1. ปุริมพรรษา คือ การเข้าพรรษาแรก เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หลังจากออกพรรษาแล้ว พระที่อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือน ก็มีสิทธิที่จะรับกฐิน ซึ่งมีช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือน นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ​

    2. ปัจฉิมพรรษา คือ การเข้าพรรษาหลัง ใช้ในกรณีที่พระภิกษุต้องเดินทางไกล หรือมีเหตุสุดวิสัย ทำให้กลับมาเข้าพรรษาแรกในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ไม่ทัน ต้องรอไปเข้าพรรษาหลัง คือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 แล้วจะไปออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ซึ่งเป็นวันหมดเขตทอดกฐินพอดี ดังนั้นพระภิกษุที่เข้าปัจฉิมพรรษาจึงไม่มีโอกาสได้รับกฐิน แต่ก็ได้พรรษาเช่นเดียวกับพระที่เข้าปุริมพรรษาเหมือนกัน ​

    ส่วนสาเหตุของวันเข้าพรรษานั้นเกิดจาก ในสมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบัญญัติพระวินัยให้พระสงฆ์อยู่ประจำพรรษา เหล่าภิกษุสงฆ์จึงต่างพากันออกเดินทางเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตามที่ต่างๆ โดยไม่ย่อท้อทั้งในฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ซึ่งการไม่หยุดพักแม้กระทั่งในฤดูฝน จึงทำให้เกิดเสียงติเตียนจากชาวบ้านว่าอาจจะไปเหยียบย่ำข้าวกล้าและพืชพันธุ์อื่นๆ ของชาวบ้านจนเสียหาย หรืออาจไปเหยียบย่ำโดนสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ออกหากินเข้าได้ เมื่อพระพุทธเจ้าทราบเรื่อง จึงได้วางระเบียบให้ภิกษุประจำอยู่ที่วัดเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งพระสงฆ์ที่เข้าจำพรรษาแล้วจะไปค้างแรมที่อื่นไม่ได้ แต่ถ้าหากเดินทางออกไปแล้วและไม่สามารถกลับมาในช่วงเวลาที่กำหนด คือ ก่อนรุ่งสาง ก็จะถือว่าพระภิกษุรูปนั้น "ขาดพรรษา" ​

    แต่หากมีกรณีจำเป็นบางอย่าง พระภิกษุผู้จำพรรษาสามารถไปค้างที่อื่นได้ โดยไม่ถือว่าเป็นการขาดพรรษา แต่จะต้องกลับมาภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน ซึ่งจะเรียกว่า "สัตตาหกรณียะ" เช่นกรณีดังต่อไปนี้

    [​IMG] 1. เมื่อทายกหรือทายิกา ปราถนาจะบำเพ็ญกุศล เมื่อมานิมนต์ก็ให้ไปเพื่อรักษาศรัทธาได้
    [​IMG] 2. ถ้าสงฆ์ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งเกิดอธิกรณ์ขึ้น ก็ให้ไปเพื่อระงับอธิกรณ์ได้
    [​IMG] 3. ถ้าบิดา มารดา ญาติ พี่น้อง พระอุปัชฌาย์ อาจารย์ เป็นไข้ เมื่อทราบก็ให้ไปได้
    [​IMG] 4. พระวิหารในที่แห่งอื่นเกิดชำรุดเสียหาย ให้ไปหาสิ่งของเพื่อมาปฏิสังขรพระวิหารนั้นได้
    [​IMG] 5. เมื่อถูกสัตว์ร้ายรบกวน ถูกโจรปล้น พระวิหารถูกไฟไหม้ หรือถูกน้ำท่วม ก็ให้ไปจากที่นั้นได้
    [​IMG] 6. เมื่อชาวบ้านถูกโจรปล้น อพยพหนีไป ก็ให้ไปกับพวกชาวบ้านได้ โดยให้ไปกับชาวบ้านที่มีความเลื่อมใสศรัทธาสามารถที่จะให้ความอุปถัมภ์ได้
    [​IMG] 7. เมื่อที่ใดเกิดความขาดแคลน อาหารหรือยารักษาโรค ขาดผู้อุปถัมภ์บำรุง ได้รับความลำบากก็อนุญาตให้ไปจากที่นั้นได้
    [​IMG] 8. ถ้าหากมีผู้เอาทรัพย์มาล่อ ก็อนุญาตให้ไปจากที่นั้นได้
    [​IMG] 9. หากภิกษุสงฆ์หรือภิกษุณีสงฆ์แตกกัน หรือมีผู้พยายามจะให้แตกกัน ถ้าการไปจากที่นั้นสามารถระงับการแตกกันได้ ก็อนุญาตให้ไปได้ ​

    อีกทั้งในวันเข้าพรรษานั้นถือว่าเป็นกรณียกิจพิเศษสำหรับพระภิกษุสงฆ์ โดยจะมีการประชุมกันในพระอุโบสถ ไหว้พระสวดมนต์ ขอขมาซึ่งกันและกัน เสร็จแล้วก็ประกอบพิธีเข้าพรรษา ภิกษุจะอธิษฐานในใจตนเองว่าตลอดฤดูกาลเข้าพรรษานี้ตนเองจะไม่ไปไหน ด้วยการเปล่งวาจาว่า ​

    อิมสฺมึ อาวาเส อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ หรือว่า อิมสฺมึ วิหาเร อิมํ เตมาสํ วสฺสํ อุเปมิ ที่แปลว่า ข้าพเจ้าขออยู่จำพรรษาตลอด 3 เดือน ในอาวาสนี้หรือในวิหารนี้ โดยจะกล่าวทั้งหมด 3 ครั้ง ​

    หลังจากเสร็จพิธีเข้าพรรษาแล้วก็นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปนมัสการปูชนียวัตถุที่สำคัญในอาวาสนั้น วันต่อมาก็นำดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ และพระเถระที่ตนเคารพนับถือ ​

    ซึ่งระหว่างที่ภิกษุจำพรรษานั้นตามพุทธานุญาตให้สิ่งของที่ประจำตัวได้มีเพียง อัฏฐบริขาร ซึ่งได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน แต่ช่วงหน้าฝนของการจำพรรษาในสมัยก่อนนั้นกว่าที่พระสงฆ์จะหาที่พักแรมได้ บางครั้งก็ถูกฝนเปียกปอน ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวาย "ผ้าจำนำพรรษา" หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "ผ้าอาบน้ำฝน" เพื่อให้พระสงฆ์ได้ผลัดเปลี่ยน และยังถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันเป็นพิเศษในช่วงเข้าพรรษา จนเป็นประเพณีทำบุญที่สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

    โดยการเข้าพรรษานั้นมีประโยชน์ ดังนี้ ​

    [​IMG] 1. ช่วงเข้าพรรษานั้นเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่นา ดังนั้นการกำหนดให้ภิกษุสงฆ์หยุดการเดินทางจาริกไปในสถานที่ต่างๆ ก็จะช่วยให้พันธุ์พืชของต้นกล้า หรือสัตว์เล็กสัตว์น้อย ไม่ได้รับความเสียหายจากการเดินธุดงค์
    [​IMG] 2. หลังจากเดินทางจาริกไปเผยแผ่พระพุทธศาสนามาเป็นเวลา 8 - 9 เดือน ก็เป็นช่วงที่ให้พระภิกษุสงฆ์ได้หยุดพักผ่อน
    [​IMG] 3. เป็นเวลาที่พระภิกษุสงฆ์จะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมสำหรับตนเอง และศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยตลอดจนเตรียมการสั่งสอนให้กับประชาชนเมื่อถึงวันออกพรรษา
    [​IMG] 4. เพื่อจะได้มีโอกาสอบรมสั่งสอนและบวชให้กับกุลบุตรผู้มีอายุครบบวช อันเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป
    [​IMG] 5. เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสบำเพ็ญกุศลเป็นการพิเศษ เช่น การทำบุญตักบาตร หล่อเทียนพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน รักษาศีล เจริญภาวนา ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม งดเว้นอบายมุข และมีโอกาสได้ฟังพระธรรมเทศนาตลอดเวลาเข้าพรรษา ​

    แม้ว่าการเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่สำหรับพุทธศาสนิกชนนั้นก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญ รักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส โดยในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวันพุทธศาสนิกชนมักจะจัดเครื่องสักการะ เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน เครื่องใช้อย่าง สบู่ ยาสีฟัน มาถวายพระภิกษุ สามเณร ที่ตนเคารพนับถือ หรือมีการช่วยพระทำความสะอาด, ซ่อมแซม กุฏิหรือวิหาร เมื่อถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรม และรักษาศีลกันที่วัด ไม่ว่าจะเป็นศีลห้าหรือศีลแปดก็ตาม โดยบางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่างๆ เช่น งดสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น ​

    กิจกรรมที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา ซึ่งเป็นประเพณีที่กระทำกันเมื่อใกล้ฤดูเข้าพรรษาของทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษานี้เป็นช่วงเวลาที่พระภิกษุจะต้องอยู่ประจำวัดตลอด 3 เดือน โดยพระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าและเย็น จึงจะต้องมีการใช้ธูป เทียน เพื่อจุดบูชา พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจึงพร้อมใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาให้พระภิกษุ อีกทั้งยังเป็นกุศลทานอย่างหนึ่งเพราะเชื่อกันว่าเป็นการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงฆ์เพิ่มพูนปัญญาทำให้หูตาสว่าง

    ตามชนบทนั้นการหล่อเทียนเข้าพรรษาจะทำกันเอิกเกริกและเป็นที่สนุกสนาน เมื่อหล่อเสร็จแล้วก็จะมีการแห่รอบพระอุโบสถ 3 รอบ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา 3 เดือน บางแห่งก็มีการประกวดตกแต่งเทียนพรรษาหรือการแห่รอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงาม ​

    ซึ่งหากใครยังไม่เคยเข้าวัดไปทำกิจกรรมในวันเข้าพรรษา เราขอแนะนำให้ไปลองดู เพราะนอกจากจะได้ทำบุญแล้ว ยังจะช่วยชำระล้างจิตใจของคุณให้ปลอดโปร่ง เพื่อพร้อมผชิญกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาได้อีกด้วย


     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ฝึกลูกอย่าให้เป็นคนมักได้ ให้รู้จักเคารพในสิทธิของผู้อื่น
    http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXlNREUzTURjMU1RPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09DMHdOeTB4Tnc9PQ==

    ธรรมะใต้ธรรมาสน์

    ไต้ ตามทาง
    วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6440 ข่าวสดรายวัน



    ท่านพ่อแม่ที่นับถือทั้งหลาย...

    ธรรมะทางพุทธศาสนาสอนถึงเรื่องการแก้ไขความทุกข์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะความทุกข์...เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ทุกคนได้พบปะอยู่เสมอ เมื่อมีทุกข์ก็อยากให้พ้นทุกข์นั้นไป แต่บางคนก็แก้ทุกข์มิได้ บางคนก็แก้ความทุกข์ได้ การแก้ได้หรือไม่ได้นั้น...อยู่ที่การรู้หรือไม่รู้เป็นเรื่องสำคัญ ผู้ใดมารู้ชัดว่า อะไรเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ และละเหตุอันนั้นเสีย...ความทุกข์อันนั้นย่อมหายไป

    อะไรเล่าเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์แก่ชาวโลก?

    ตามหลักธรรมบอกชัดเจนว่า ความอยากเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ขึ้นในชีวิต สัตว์โลกทุกชีวิตย่อมมีความอยากด้วยกันทั้งนั้น มากหรือน้อยสุดแล้วแต่เหตุการณ์อันเกิดมีขึ้นแก่เขา

    เด็กๆ...พอเกิดออกมาจากท้องของแม่ ก็มีความอยากแล้ว เขาอยากกินนม อันเป็นอาหารหล่อเลี้ยงร่างกาย อยากอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของมารดา โตขึ้นมาหน่อยก็อยากได้ของเล่น อยากได้เสื้อผ้าปกปิดร่างกายของเขา เขาได้พบได้เห็นสิ่งใดแปลกๆ ใหม่ๆ บางทีก็มีความอยากได้ เด็กบางคนมีความอยากได้รุนแรงมาก ถ้าไม่ได้ดังใจแล้วก็เกิดอาการโกรธร้องไห้จ้าทีเดียว บางคนหนักไปกว่านั้น คือ โกรธเพราะไม่ได้...เขาก็เอาหัวชนฝา ร้อง ดิ้น เป็นการใหญ่ในเมื่อถูกขัดใจในสิ่งที่ตนต้องการ เมื่อโตขึ้นความอยากอาจรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นนิสัยมักได้ เห็นอะไรก็อยากได้เสียเรื่อยไป

    ผู้ใหญ่บางคนอาจมีอายุมาก มีอำนาจวาสนามาก ทำงานในหน้าที่สำคัญแล้วก็ยังควบคุมตัวเองให้มีความยั้งคิดไม่ได้ เวลาไปเที่ยวตามสถานที่ใดๆ ก็หาอุบายเอาของที่ตนพอใจไปเสมอ เช่น พบพระพุทธรูปงามๆตามวัดก็มักใช้อำนาจเอาไปเป็นของตนเองเสียบ้าง เข้าไปตามร้านตลาดก็พูดชมของนั้นของนี้ในเชิงเลียบเคียง เจ้าของรู้ใจก็จัดส่งไปให้พร้อมด้วยการคิดอยู่ในใจเขา คนประเภทนี้เรียกว่าคนมักได้ บางคนสูบบุหรี่ไม่มีไม้ขีดไฟ ต้องขอเพื่อนใช้...ใช้แล้วก็ทำลืม เอาใส่กระเป๋าของตนไปเสีย แบบนี้ก็ทำความรำคาญใจแก่เพื่อนฝูงมิใช่น้อย แต่ในบางครั้งเพื่อนไม่ว่า เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็ก ไม่อยากโต้เถียงกัน

    นิสัยมักได้...เป็นนิสัยที่ไม่ดี เกิดแก่ผู้ใดแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ขาดความเอื้อเฟื้อในผู้อื่น นานๆ เข้าก็ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย ความเป็นอยู่ของตนก็จะอยู่ในสภาพที่ลำบาก เป็นเรื่องที่บิดามารดาควรเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพื่อแก้ไขนิสัยมักได้ของลูกให้หายไป ควรเพาะและปลูกฝังนิสัยพอใจในสิ่งที่ตนพึงมีพึงได้ให้เกิดขึ้นแทนที่ นิสัยเสียนี้เกิดขึ้นแก่เด็กเพราะเหตุอะไรเล่า? ขอบอกว่า มันเกิดขึ้นเอง...ไม่ต้องมีใครมาเสี้ยมสอนดอก เพราะเชื้อของความอยากได้มีอยู่ในใจของทุกคนแล้ว เมื่อใดเด็กเกิดความสนใจในสิ่งใดมากจนเกิดความทึ่งในสิ่งนั้น ความปรารถนาก็เกิดขึ้น ดังคำที่ว่า ความเพ่งพินิจ...เป็นเหตุให้เกิดความอยากได้ อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้ผู้ใหญ่เราก็มีโรคนี้อยู่เหมือนกัน สิ่งของบางอย่างไม่น่าพึงพอใจเลย แต่อาศัยการเพ่งมองมากเข้าก็เกิดความพอใจขึ้นได้ หญิงที่รูปร่างไม่งาม ผู้ชายมองบ่อยๆ ก็เห็นว่าหล่อนก็เข้าทีเหมือนกัน นี่เป็นเหตุประการหนึ่ง

    เด็กๆ ทั่วไปนั้นเขายังไม่มีความคิดในทางเหตุผลที่จะทำความเข้าใจในเรื่องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ความคิดถึงเรื่องเหตุผลของเขายังไม่มี เขาคิดแต่เพียง "ฉันก่อน คนอื่นทีหลัง" นี่คือเหตุผลประการที่สอง

    ประการที่สาม พวกเด็กๆ ส่วนมากขาดความเข้าใจในเรื่อง "ความเป็นของเขา ของเรา" เขาคิดแต่เพียงง่ายๆ ว่า ของนี้น่ารัก และเกิดอยากได้เท่านั้นเอง ท่านลองสังเกตดูก็พอจะเห็นได้เองว่า เด็กน้อยที่ยังไม่เดียงสา พอเห็นอะไรที่เขายังไม่เคยเห็นก็อยากจับต้อง อยากชิมลองว่ามันเป็นอย่างไร ปกติของเด็ก แม้มูลไก่ก็ยังกินได้ เพราะว่าเขาไม่รู้ความอยากจะลองดูมีมากกว่าเหตุผล พอพบเข้าก็ดิ้นรนจะเอาให้ได้ ไม่ว่าของนั้นจะเป็นของใคร หนูจะเอาเท่านั้น ถ้าไม่ให้...หนูก็จะเอาชนะด้วยการร้องไห้ พระพุทธองค์ตรัสว่า เด็กมีการร้องไห้เป็นกำลังสำคัญ การที่เขาทำเช่นนั้นเป็นเพราะเขายังไม่เข้าใจถึงความเป็นของเขาของเรา ความทึ่งความสนใจมีกำลังสูงกว่าเขาจึงทำอย่างนั้น ฝ่ายพ่อแม่ถ้าหากเป็นคนขี้สงสารลูก โดยไม่คิดเลยว่าความสงสารของตนจะทำลายลูกให้เสียคนหรือไม่ หรือเพราะเป็นคนมีนิสัยมักได้อยู่ด้วย ก็อาจจะเอาของสิ่งนั้นให้แก่ลูกทันที การกระทำแบบนี้ของพ่อแม่...เป็นการส่งเสริมลูกให้มีนิสัยมักได้ และนิสัยอาจติดตัวไปจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ก็ได้ จึงเป็นเรื่องที่พ่อแม่ควรจะระมัดระวังมาก อย่าทำสิ่งใดในทางส่งเสริมให้ลูกของท่านมีราคาน้อยลงไปเลย

    วิธีแก้ในข้อนี้ก็คือ อย่าสงสารลูกของท่านในทางที่ไม่ควรเลย ถ้าลูกอยากได้สิ่งใด แต่สิ่งนั้นมิใช่สิ่งอันลูกพึงมีพึงได้ จงพยายามนำของนั้นไปเสีย ถึงแม้ว่าลูกจะร้องไห้ พ่อแม่ก็ต้องทำใจแข็งไว้หน่อย อดทนดูลูกร้องไห้ ดีกว่าใจอ่อนทำให้ลูกของท่านต้องเสียคนไป และจงเรียนรู้ไว้ด้วยว่า สิ่งใดเป็นของแปลกสำหรับลูก ลูกแลเห็นก็อยากได้ ขออย่าได้นำสิ่งนั้นมาสู่สายตาของลูกเป็นอันขาด เพราะวัตถุอันเป็นสิ่งล่อตาย่อมล่อใจเด็กเสมอ พ่อแม่ควรระวังหาทางป้องกันได้ไม่ยากนัก นี่เป็นวิธีสำหรับเด็กที่พูดกันไม่เข้าใจ

    ถ้าหากเด็กของท่านเข้าใจภาษาแล้ว พูดกันได้ดีแล้วก็จงอธิบายให้เขาเข้าใจว่าของสิ่งนั้นคืออะไร ควรเล่นหรือไม่ควรเล่น เป็นอันตรายแก่ผู้เล่นขนาดไหน หรือว่าของนั้นเป็นของผู้อื่นเขา เขาได้มาด้วยการซื้อหามา มิใช่ได้มาเปล่าๆ และกว่าจะได้มานั้นก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก...อาบเหงื่อต่างน้ำ ใครทำงานก็ควรได้รับผลของงาน ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ผู้ไม่ทำก็ไม่ควรมีสิทธิจะได้ของนั้น หนูอยู่เปล่าๆ ไม่ได้ทำอะไร จะไปแตะต้องของเขาหาควรไม่ การไปถือเอาของๆ ผู้อื่นโดยมิได้รับความยินยอมจากเจ้าของ เป็นการผิดมาก หนูจะถูกเรียกว่าเป็นคนไม่ดี หนูอยากเป็นคนชั่วไหม? เด็กคงตอบว่าไม่อยากหรือว่าจะพูดอธิบายให้เข้าใจถึงความเป็นเจ้าของของทุกสิ่งที่ตนหามาได้หนูคนหนึ่งมีของเล่น เช่น ลูกยาง เป็นต้น ลองถามเขาดูว่าหนูรักลูกยางลูกนี้ไหม? เด็กคงตอบว่ารัก ถ้าใครมาแย่งเอาของๆ หนูไปนั้น หนูจะมีความพอใจไหม? เด็กคงตอบว่าไม่พอใจ และโกรธผู้ที่มาแย่งเอาของนั้นไป ถ้าเขามาเล่นโดยมิได้บอกให้หนูทราบหนูจะพอใจไหม? เด็กก็คงตอบว่าไม่พอใจการกระทำเช่นนั้น เรื่องของหนูเป็นอย่างใด...เรื่องของผู้อื่นก็เป็นอย่างนั้น
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949

แชร์หน้านี้

Loading...