ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

​

ตามศูนย์เช่าพระเครื่องทั่วไปก็มีครับ มีทั้งชุบเงินและชุบทอง

ถ้ายังไงคุณ Falkman ช่วยอธิบายให้ละเอียดอีกหน่อยก็ดีครับ

 

แล้วเหรียญกาญจนาภิเษก ใช่ได้ไหม

 

อะไรที่สำคัญที่สุด สำหรับเราชาวไทย

ขอให้ท่านที่จะต้านทานภัย เร่งงานของท่านโดยด่วนครับ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ขอให้นึกถึงว่า ในหลวงสำคัญที่สุดครับ
การไปให้ความสำคัญกับเรื่องของคนหรือคนที่ไม่มีความสำคัญ จะทำให้ละเลยสิ่งสำคัญไปนะครับ
อีกฝ่ายเขาลงมือหนักมากครับ ขอให้ท่านเองระวังตัวเองให้ดีด้วยครับ

สัญญาณอันตรายมาแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าจะออกผลมาแบบไหน
ไปๆ มา ๆ ปัญหาของมนุษย์ ก็คือความไม่รู้จริง ๆ ครับ

ขอให้ทุกท่าน อารธนาบารมี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถวายบุญนี้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
(่บทนี้ได้รับจาก ใบแนบสมเด็จองค์พระปฐมและพระพุทธเจ้าปางพระนิพพาน ซึ่งจัดสร้างโดย
ผู้ใหญ่ใจบุญท่านหนึ่ง ขออนุญาติด้วยครับ)

วิธีอารธนาบารมี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สวดบทไตรสรณคมน์ก่อนแล้ว

ขออารธนาบารมีพระุพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณครูบาอาจารย์ ทั้งหลายขอพระบารมีทุกๆพระองค์ทรงคุ้มครองอย่าได้มีภัยอันตรายใดๆ และขอความคล่องตัวทั้งทางโลก และทางธรรม ขอให้มีปัญญาเห็นธรรม เพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
่ขออนุโมทนากับพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ ครูบารอาจารย์ทั้งหลาย เทพพรหมทั้งหมด
เพื่อถวายบุญนี้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ญาติก็ดีมิใช่ญาติก็ดี เทพพรหม และผู้มีพระคุณทั้งหมด เจ้ากรรมนายเวร และพญายมราช ขอทุกท่าน จงเป็นสุขเถิด และอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ ตราบวันเข้าพระนิพพาน
ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ขอให้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด

 

SINKING OF JAPAN
หนังทำนายอนาคตของญี่ปุ่น?


นางสาวยูริโกะ โคอิเกะ นักการเมืองหญิงของญี่ปุ่น ตกเป็นเป้าสนใจของสื่อญี่ปุ่นวันนี้ หลังมีข่าวว่า เธออาจลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น โดยมีบรรดาสมาชิกระดับสูงของพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) สนับสนุน​

ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นเริ่มมีทีท่าว่าอาจจะได้ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น ทำให้ผมนึกถึงเรื่อง sinking of japan ที่แสดงให้เห็นถึงภาพตอนที่ประเทศญี่ปุ่น ต้องจมทะเล เนื่องจากแผ่นเปลือกโลกเกิดการเคลื่อนตัวอย่างรุนแรงนั้น ในภาพยนต์ก็สมมุติเอาว่า เกิดตอนที่ญี่ปุ่นมีนายกรัฐมนตรีหญิงเป็นผู้นำประเทศ

ความจริงมันอาจจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันหรอกครับ เพียงแต่ผมเห็นว่าเหตุการณ์มันช่างบังเอิญละม้ายเหมือนในหนัง เท่านั้นเองครับ และเหตุการณ์ในหนังมันก็ช่างเหมือนกับคำทำนายของผู้รู้หลายๆท่าน ที่ทำนายเอาไว้ว่าในอนาคตพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นจะจมหายไปใต้ท้องทะเล

เนื้อเรื่องย่อของหนังเรื่อง sinking of japan

​

​

<DD>องค์กรวิทยาศาสตร์โลกค้นพบว่าภายใน 40 ปี ญี่ปุ่นจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรเนื่องจากการปะทะกันของเปลือกโลก นายกรัฐมนตรียามาโมโตะ (โควจิ อิชิซากะ) จึงดำเนินการอพยพพลเมืองออกนอกประเทศโดยเตรียมเจรจาทางการทูตกับรัฐบาลประเทศต่างๆเพื่อถ่ายโอนประชากรทั้งหมดให้ทันภายใน 2-3 ทศวรรษ พร้อมกันนี้ เขาได้แต่งตั้ง ซาโอริ ทากาโมริ (มาโอะ ไดจิ) สมาชิกหญิงคนหนึ่งในคณะรัฐมนตรี ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการจัดการวิกฤติและป้องกันมหันตภัย

ใต้ท้องมหาสมุทรใกล้เกาะคุค นักขับเรือดำน้ำ เท็ทสึโอะ โอโนเดระ (คุซานางิ ทสึโยชิ) กำลังปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การบังคับบัญชาของนักวิทยาศาตร์ชื่อ ยูสึเกะ ทาโดโกโร่ (เอทสึชิ โตโยกาว่า)

<DD>ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เท็ทสึโอะได้ช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชื่อ มิซากิ (มายูโกะ ฟุกุดะ) ไว้จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ โดยได้รับความช่วยเหลืออีกทอดหนึ่งจาก เรโกะ (โคว ชิบาซากิ) สาวนักกู้ภัยผู้กล้าหาญกลายเป็นคนรักเขาในเวลาต่อมา แต่วันนี้หัวหน้าของเท็ทสึโอะได้ค้นพบหลักฐานที่ชี้ว่าการจมลงของญี่ปุ่นจะเกิดเร็วขึ้นกว่าที่คาดกันไว้มาก นั่นก็คือ ภายใน 338.54 วัน!! เขาเตือนให้รัฐบาลรู้ แต่กลับถูกไล่ออก โทษฐานทำให้ผู้คนแตกตื่น

และแล้วเหตุแผ่นดินไหว, คลื่นยักษ์ และภูเขาไฟระเบิดก็เกิดขึ้นติดต่อกันอย่างรวดเร็วจนทั่วประเทศตกอยู่ในความตื่นตระหนก ซ้ำร้ายนายกรัฐมนตรียามาโมโตะยังเสียชีวิตกะทันหัน ทิ้งให้คณะรัฐมนตรีเคว้ง ในสภาวะขาดผู้นำเช่นนี้ ซาโอริ ทากาโมริ รู้สึกว่าเธอคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อสถานการณ์วิกฤติครั้งนี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เมื่อตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้น และความพยายามอพยพประชากรไม่มีประสิทธิภาพพอ เธอจึงไปปรึกษา ทาโดโกโร่ ผู้เป็นอดีตสามี

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>Special Report </TD></TR><TR><TD height=5></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD height=5></TD></TR><TR><TD>
ขอให้ทุกคนเติมน้ำมันรถให้เต็ม และ
ซื้อเสบียงอาหารเก็บไว้ด้วย ด่วน!!

หมอนิด (กิจจา ทวีกุล)<O</O
4 ก.ย. 2551
;aa8



</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ

ตามคำบอกเล่าของ หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จังหวัดนครพนม กล่าวว่า ทางฝั่งไทยและฝั่งลาวต่างมี กษัตริย์แห่งนาคราช หรือ นาคาธิบดี แยกปกครองดูแล
ฝั่งลาว คือ พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว เป็นพญานาคเจ็ดเศียร
ฝั่งไทย คือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย เป็นพญานาคหนึ่งเศียร
พญาศรีสุทโธ ท่านชอบจำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ ชอบมาปฏิบัติธรรมที่พระธาตุพนม โดยมอบหมายให้เหล่าพญานาค 6 อำมาตย์ดูแลแทน ในระหว่างที่หลบมาจำศีลภาวนา

หลวงปู่เอ่ยชื่อ 6 อำมาตย์แห่งพญานาคไว้เพียง 3 คือ
1. พญาจิตรนาคราช เป็นพญานาคที่รักสวยรักงาม มีเขตแดนปกครองของตน ตั้งแต่ตาลีฟู ถึงจังหวัดหนองคาย ตามแนวแม่น้ำโขง โดยมีที่สุดแดนอยู่วัดหินหมากเป้ง

2. พญาโสมนาคราช มีเขตแดนปกครอง ตั้งแต่วัดหินหมากเป้ง มาจนถึงวัดพระธาตุพนม สุดเขตแดนที่แก่งกะเบา พญาโสมนาคราช มีอุปนิสัยคล้ายพญาศรีสุทโธนาคราช คือชอบปฏิบัติธรรม จึงเป็นที่ไว้วางใจ และโปรดปรานแก่พญาศรีสุทโธนาคราชมากกว่าพญานาคอื่น ๆ

3. พญาชัยยะนาคราช มีเขตแดนจากแก่งกะเบา เรื่อยไปจนสุดแดนที่ปากแม่น้ำโขงลงทะเลในเขมร พญานาคตนนี้มีฤทธิ์เดชมาก ชอบการรณรงค์ทำสงคราม คือชอบการต่อสู้เป็นนิสัย
พญาศรีสัตตนาคราช เป็นใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวงในฝั่งลาว เป็นพญานาคที่ทรงฤทธิ์ ท่านเป็นพญานาคที่ชอบจำศีลและประพฤติปฏิบัติธรรมเหมือนพญาศรีสุทโธนาคราช โดยชอบมาที่วัดพระธาตุพนมเหมือนกัน
หลวงปู่คำพันธ์ยังได้กล่าวอีกว่า ส่วนใดที่อยู่ใกล้ต้นน้ำลำธาร หรือหากมี
พิธีกรรมอันใดเกิดขึ้น ให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค พิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง

เกี่ยวกับพญานาคที่วัดธาตุพนม มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า ในคืนขึ้น 15 ค่ำ
เดือน 11 ปี 2500 (วันออกพรรษา) คืนนั้นมีฝนตกหนัก นายไกฮวดและภรรยา ได้ลุกขึ้นมารองน้ำฝนไว้ดื่มกินตอนกลางดึก บังเอิญเห็นลำแสงแปลกประหลาดสว่างเป็นลำโต ขนาดต้นตาล 7 ลำแสง และมีสีสันแตกต่างกัน 7 สี สวยงามมาก โดยที่ลำแสงทั้ง 7 พุ่งมาจากฟากฟ้าทิศเหนือ ด้วยลักษณะแข่งกัน คือแซงกันไปแซงกันมา จนพุ่งเข้าซุ้มประตูวัดธาตุพนมแล้วก็หายไป
มีสามเณรรูปหนึ่งในขณะนั้นประทับทรงบอกนายไกฮวดและภรรยาว่าลำแสงทั้ง 7 คือ พญานาค มาจากเทือกเขาหิมาลัย มาเพื่อปกปักรักษาพระธาตุพนม และช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยาก
แต่หลวงปู่คำพันธ์บอกว่า นั่นเป็นพญาศรีสุทโธนาคราช และอำมาตย์ทั้ง 6 แสดงฤทธิ์ ในโอกาสที่ท่านได้บอกกล่าวเรื่องพญานาคนี้ ท่านจึงได้กล่าวพยากรณ์ว่า
พญานาคจะช่วยผู้ที่บูชาศรัทธาในพญานาคให้ผ่านพ้นอันตรายจากภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นหลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว 3 ปี ... หลังหลวงปู่ตาย 3 ปี บ้านเมืองจะเริ่มวุ่นวายเดือดร้อนให้พวกเจ้าศรัทธา และบูชาพญานาค ก็จะพ้นวิกฤตินั้นได้

 

หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ

ธาตุกายสิทธิ์ (ปฐวีธาตุ)<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>​

กายสิทธิ์ คือคำที่ใช้เรียก จิตของผู้ทรงอภิญญา ที่ฝึกฝนจิตจนกระทั่งได้ฌาณสมาบัติ เมื่อสิ้นอายุขัย แต่ยังต้องการบำเพ็ญเพียรทางจิตต่อไปในโลกมนุษย์ (หรือเพราะต้องทำหน้าที่บางประการ) จึงต้องละจากสังขารเดิมแล้วเข้าอาศัยในบางสิ่ง เช่น รัตนชาติ (กายสิทธิ์ จึงไม่ใช่เทวดา แต่เป็นผู้ทรงอภิญญา) <o></o>
ธาตุกายสิทธิ์ เป็นธาตุที่มีพลังและอิทธิฤทธิ์ในตัวเองโดยธรรมชาติ แบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ ธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีคือ เหล็กไหล ซึ่งเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากธาตุดิน มีกายสิทธิ์เข้าไปถือครอง ส่วนใหญ่จะเป็นกายสิทธิ์ภาคดำ (มิจฉาทิฐิ) จึงมักจะดุร้าย มักจะให้โทษแก้ผู้ถือครองเป็นส่วนใหญ่ นอกจากเหล็กไหลแล้ว กายสิทธิ์อาจถือครองในหิน หรือรัตนชาติ (หินที่มีค่า เช่น หินเขี้ยวหนุมาน เพชร เป็นต้น) <o></o>
ธาตุกายสิทธิ์ จะปรากฏต่อเมื่อมีผู้ทรงคุณวิเศษปฏิบัติได้ถึงขั้นกายสิทธิ์ อย่างเช่น ปฐวีธาตุ ของท่านเจ้าคุณนร ท่านให้ไปเก็บหินใต้น้ำที่บางบ่อเท่านั้น ห้ามเก็บจากที่อื่น เนื่องจากที่นั่นได้มีพญานาคราชได้ถวายกายสิทธิ์ให้แก่ท่าน เช่นเดียวกันกับปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ ที่ต้องเป็นหินจากใต้แม่น้ำโขง ณ ตำแหน่งบริเวณที่ท่านได้กำหนดบอกให้ไปเก็บ เนื่องจากพญานาคราชได้ถวายให้ท่านดุจเดียวกัน หินที่ได้รับการถวายจากพญานาคราชนี้ ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากธาตุลม มีกายสิทธิ์ฝ่ายสัมมาทิฐิเข้าครอง ซึ่งส่วนใหญ่กายสิทธิ์เหล่านี้จะบรรลุธรรมขั้นสูง อีกทั้งได้รับการอธิษฐานจิตจากพระเถระเจ้าที่ทรงคุณวิเศษ จึงกล่าวได้ว่ามีอิทธิปาฎิหาริย์ และพุทธานุภาพ เหนือชั้นกว่าเหล็กไหล และให้คุณแก่ผู้ครอบครอง<o></o>
ปฐวีธาตุที่ท่านเจ้าคุณนรอธิษฐานจิต มีผู้นำไปบูชาปรากฏว่าสามารถเพิ่มจำนวนได้เองเป็นอัศจรรย์ เช่นเดียวกับปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ที่สามารถหายไปเฉยๆ เมื่อผู้รับไปปรามาสเห็นเป็นแค่หิน และสามารถกลับมาได้เองเมื่อผู้นั้นได้ขอขมาโทษ นอกจากนี้ทั้งท่านเจ้าคุณนร และหลวงปู่คำพันธ์ ได้เคยกล่าวไว้เช่นเดียวกันว่า ปฐวีธาตุของท่านสามารถกันอาวุธ และอันตรายได้ทั้งปวง แม้กระทั่งนิวเคลียร์ <o></o>
ปฐวีธาตุหลวงปู่คำพันธ์<o></o>
ปฐวีธาตุของหลวงปู่คำพันธ์ มีทั้งที่เป็นแบบเม็ด (ท่านจะเรียกว่าองค์) และแบบที่ท่านบรรจุอยู่ในวัตถุมงคลของท่าน ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างอภินิหารและประสบการณ์ให้กับผู้บูชานับจำนวนไม่ถ้วน ทั้งเรื่องแคล้วคลาด คงกระพัน และเมตตามหานิยม <o></o>
ประวัติพระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์)<o></o>
หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ เดิมชื่อ คำพันธ์ ศรีสุวงค์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม พุทธศักราช 2458 โยมบิดาชื่อ นายเคน ศรีสุวงค์ โยมมารดาชื่อ นางล้อม ศรีสุวงค์ วันที่ 7 กันยายน 2475 ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดศรีบุญเรือง บ้านหนองหอย ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีพระอาจารย์เชื่อม เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. 2478 อายุ 20 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ หลวงปู่ได้ศึกษาภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติกับหลวงปู่เสาร์ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นหลวงปู่คำพันธ์ ก็ออกเดินธุดงค์ต่อ จนอายุถึง 40 ปี จึงหยุดเดินธุดงค์ แต่ก็ได้ศึกษาปฏิบัติกัมมัฏฐานมาโดยตลอด ในปี พ.ศ. 2495 ท่านได้นำญาติโยมประมาณ 5 ครอบครัว จากบ้านหนองหอยใหญ่ อ.นาแก มาสร้างบ้าน ที่โนนมหาชัย ให้ชื่อบ้านว่า “บ้านมหาชัย” และได้สร้างวัดใหม่ คือวัดธาตุมหาชัย (เดิมชื่อวัดโฆษการาม) <o></o>
หลวงปู่เป็นพระมหาเถระ ที่มีอัธยาศัยใจคอเยือกเย็น มีความเมตตา กรุณาต่อศิษย์ ตลอดถึงญาติโยมทุกคนที่เข้าหาท่าน ทุกท่านจะได้รับการต้อนรับจากหลวงปู่เป็นอย่างดีเสมอกันหมด นอกจากนี้แล้ว หลวงปู่ก็ยังเป็นพระเถระที่มีจิตใจมั่นคง หนักแน่น โดยปกติแล้วหลวงปู่ท่านถือการปฏิบัติกัมมัฏฐานเป็นประจำนับตั้ง แต่อุปสมบทพรรษาแรก จนกระทั่งมรณภาพ พระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพัน โฆษปัญโญ) ได้มรณภาพลงดัวยอาการอันสงบ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2546 เวลาประมาณ 02.00 น. ที่วัดธาตุมหาชัย สิริรวมอายุ 88 ปี 71 พรรษา<o></o>
<o> </o>
​

​

​

​

​

​

​

​

​

​

 

มีรายละเอียดมากกว่านี้ไหมครับ.....ตอนนี้วันตกหนักมาก ฟ้าร้อง สนั่นเลย...

 

จริงๆเคยโพสไปแล้วในกระทู้นี้ แต่โพสอีกทีก็ได้ เพราะคุณเกษมเคยบอกว่าบางคนมาใหม่ไม่เคยอ่าน หรืออาจจะอ่านไม่ทัน (ก็อย่างว่า 500 กว่าหน้าแล้วนิครับ)

เรื่องราวของพญานาคเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีในพระพุทธศาสนา และมีตำนานเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ เช่น

- พญากาฬนาค ผู้รักษาถาดทองคำที่พระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ในกัปนี้ได้ทรงลอยอธิษฐาน และกล่าวว่าจะยังคงอยู่ไปถึงอนาคตสมัยพระศรีอริยเมตตรัยทรงลอยถาดทองคำ แสดงว่าพญานาคท่านนี้มีอายุยืนยาวท่านหนึ่ง
- พญามุจลินทร์ ที่แผ่พังพานปกป้องพระพุทธเจ้าจากลมและฝน เมื่อครั้งทรงนั่งเสวยวิมุตติอยู่ 7 วัน ต้นแบบพระปางนาคปรก

ในสมัยพุทธกาล เหล่าพญานาคได้ทูลขอต่อองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อร่วมรักษาพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวครบถ้วน 5000 ปี กล่าวคือ พญานาคมีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนามายาวนานหลายยุคหลายสมัย ที่เป็นสัมมาทิฐิก็มาก แต่ที่เป็นมิจฉาทิฐิก็มี เหมือนกับมนุษย์ที่มีทั้งคนดี และ คนไม่ดีปะปนกัน เพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นสัมมาทิฐิ

พญานาค กับตำนานท้องถิ่น

เรื่องราวของพญานาคจะมีปรากฏหลากหลายในตำนานท้องถิ่นทั่วไป ซึ่งพอสรุปคร่าวๆ คือ

 

หน้าที่ของนาคราช กับ งานภัยพิบัติธรรมชาติ

ในปัจจุบันเริ่มมีหลายคน เริ่มทราบความเชื่อมโยงของพญานาคกับภัยธรรมชาติ ผ่านทางสมาธิบ้าง เทพบางฝ่ายมาส่งข้อมูลผ่านความฝันบ้าง ถึงแม้ภาพที่ได้รับยังไม่ชัดเจน แต่เป็นเสมือนการเตือนว่า วันเวลาของงานครั้งใหญ่ ได้ใกล้เข้ามามากแล้ว ตามวลีที่กล่าวว่า ความลับไม่มีในโลก เป็นเพียงว่าจะรู้ช้าหรือเร็ว หรือ ถึงเวลาที่พระท่านเห็นสมควรแก่การเปิดเผยให้ทราบ

นับย้อนหลังประมาณ 3 ปีก่อน ผมได้รับคำสั่งด่วนที่สุด ให้ช่วยสร้างบล๊อคพระนาคปรกสามเศียร เพื่อสร้างพระแจกให้บุคคลที่เกี่ยวข้องในการเตรียมงานฯ โดยจำกัดคนละหนึ่งองค์ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา เป็นงานที่ทำบล๊อคเสร็จภายใน ๗ วันเหมือนเนรมิต มาทราบภายหลังว่าเป็นข้อตกลงกับกลุ่มนาคราชผู้ดูแลด้านภัยพิบัติธรรมชาติ ใช้เป็นจุดในการสังเกต เพื่อความรวดเร็วของการเข้าช่วยเหลือขณะเกิดภัยพิบัติ

เมื่อค่อยๆได้รับข้อมูลมากขึ้นทราบว่า กองทัพนาคราช มีรายชื่อของบุคคลที่จะได้รับการคุ้มครอง และเริ่มส่งบริวารไปดูตามบ้านของบุคคลตามบัญชีรายชื่อ เพื่อให้การคุ้มครองป้องกัน บุคคลเหล่านี้คือผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในทุกสายการปฏิบัติธรรม ไม่มีการแบ่งแยกสาย ตรงนี้ทำให้ทราบว่า งานด้านภัยพิบัติของกองทัพนาคราชมีระบบ มีขั้นตอนในการทำงาน รวมถึงมีหน้าที่ช่วยเหลือคนดีให้อยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ ตามกรรม ตามวาระ

ถ้าเปรียบเทียบก็คล้ายกับ การส่งกองกำลังทหารเข้าเคลียพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ... ทหารไม่ได้มีหน้าที่ทำร้ายคนดี แต่การทำหน้าที่ก็อาจมีผลกระทบกระเทือนบ้าง ตลอดจนทหารมีหน้าที่เข้ากู้ภัยช่วยเหลือประชาชนในกรณีภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วม และอื่นๆด้วย กองทัพนาคราชก็มีหน้าที่คล้ายกองกำลังทหาร

ภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายๆอย่าง ก็ล้วนมาจากฝีมือมนุษย์ที่ทำให้โลกขาดความสมดุล และมนุษย์ทำลายล้างกันเอง จนฝ่ายโลกทิพย์ ตลอดจนฝ่ายต่างดาว ต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว

หน้าที่กองทัพนาคราช เกี่ยวกับภัยพิบัติ โดยย่อ

 

<CENTER>นาคาธิบดีแห่งไตรยุค กับ กองกำลังอภิญญา </CENTER>


งานของกลุ่มนาคาธิบดีแห่งไตรยุค ทำงานเป็นระบบเชื่อมโยงกับงานของกลุ่มพระอริยะสงฆ์ที่บุคคลทางโลกเรียกว่า คณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร เปรียบเหมือนหน่วยงานในบริษัทเดียวกัน แต่ต่างแผนก ต่างหน้าที่ โดยทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน

หากงานของแผนกหนึ่งมีการเลื่อนกำหนดงาน หรือปรับปรุงแผนงาน แผนกอื่นก็ต้องเลื่อนหรือปรับตามกัน เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนกัน "สิ่งนี้จึงเป็นลักษณะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่สิ่งตายตัว เกินกว่าที่มนุษย์จะเปิดตำราหรือทำนายได้แม่นยำ จึงกล่าวได้ว่า มนุษย์ทำนาย ฤาจะสู้ฟ้าลิขิต"

หน้าที่ของคณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ดูแลเตรียมงานการรองรับภัยพิบัติทั้งหมด เช่น

 

อะไรจะเกิดขึ้นในปี 2008 <!--sizec--><!--/sizec-->
<!--sizeo:3--><!--/sizeo-->มงคล กริชทิยาวุฒ ประธานชมรมศาสนาและการกุศล
<!--sizec--><!--/sizec-->

<!--sizeo:3--><!--/sizeo-->1. นักพยากรณ์ชาวรัสเซีย ทำนายว่า แกนของโลกจะเอียงลาดไปอีก 30 องศา และเอียงอย่างปัจจุบันทันด่วน มีผลทำให้คาบสมุทรสแกนดิเนเวียทั้งหมดจมอยู่ใต้น้ำ อังกฤษและญี่ปุ่น หายไปจากแผนที่โลก โดยโลกรอดพ้นหายนะครั้งนี้ได้ เนื่องจากมีมนุษย์ต่างดาวเข้ามาให้ความช่วยเหลือ หรือแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายให้หายนะลดลง

2. นักพยากรณ์ชาวโปรตุเกส ทำนายว่า ประชากรของโลกจะถูกทำลายล้างด้วยนิวเคลียร์ และหายนะจากสิ่งแวดล้อม เมืองทั้งหลายจะถูกทลายราบเป็นหน้ากลอง โลกทั้งโลกจะตกอยู่ในทะเลเพลิง

3. นักพยากรณ์ชาวอินเดีย ทำนายว่า จะมีเหตุการณ์ทำลายล้างครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดภัยธรรมชาติ และวิบัติภัยจากการกระทำของมนุษย์ อุทกภัยที่ยิ่งใหญ่ในรอบ 5,000 ปี จะมีแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และมีการใช้นิวเคลียร์ถล่มเมืองใหญ่ๆ เช่น โตเกียว นิวยอร์ค ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลลีส และบอมเบย์ จะถูกทำลาย คนในเมืองเหล่านี้ตายเกือบหมด

4. นักพยากรณ์ชาวอเมริกัน ทำนายว่า แกนโลกจะเอียงจากปัจจุบัน 23.5 องศา ไปเป็น 45 องศา จะทำให้สหรัฐอเมริกาพบอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุด มีคลื่นยักษ์ สึนามิ แผ่นดินไหว และพายุเฮอริเคน จะมีความปั่นป่วนทางการเมือง และทุพภิกขภัย ไปทั่วสหรัฐอเมริกา อันเป็นหายนะที่หนักที่สุดตั้งแต่มีประเทศสหรัฐอเมริกามา

5. โหรชื่อดังชาวอเมริกัน ทำนายว่า แอนตี้ไครสต์จะปรากฏตัวในปี 2008 และสร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก เป็นเวลา 7 ปี ซึ่งเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "ห้วงแห่งทุกข์เข็ญ" ระหว่างปี 2008

 

เฮอริเคนไอค์ทวีความแรงขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4​

​

ไมอามี 4 กย.- เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศยืนยัน เฮอริเคนไอค์ ในมหาสมุทรแอตแลนติก ทวีความแรงขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4 ซึ่งถือเป็นระดับที่เป็นอันตราย โดยขณะนี้ มีความแรงลมเฉียด 216 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เฮอริเคนไอค์มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากหมู่เกาะลีวาร์ด ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ราว 992 กิโลเมตร และกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก หรือตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็ว 27 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า พื้นที่ส่วนใดจะได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้

ส่วนเฮอริเคน ฮันนา ก็คาดว่า จะพัดขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐก่อนสุดสัปดาห์นี้ นอกจากเฮอริเคนฮันนา และเฮอริเคนไอค์ แล้ว ยังมีพายุโซนร้อน โจเซฟิน ที่กำลังเคลื่อนตัวตามหลังเฮอริเคนไอค์. -สำนักข่าวไทย

2008-09-04 12:26:43

จีนจะปล่อยดาวเทียมตรวจจับภัยพิบัติดวงแรกเร็ว ๆ นี้​

​

ปักกิ่ง 4 ก.ย.- จีนจะปล่อยดาวเทียมตรวจจับภัยพิบัติทางธรรมชาติและสำรวจสภาพแวดล้อมขึ้นสู่วงโคจรภายในสัปดาห์นี้

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างแถลงการณ์ของบรรษัทวิทยาศาสตร์ด้านอวกาศและเทคโนโลยี(ซีเอเอสซี) ของจีน วานนี้ ว่า ดาวเทียมตรวจจับภัยพิบัติทางธรรมชาติและสภาพแวดล้อมดวงแรกดังกล่าว ซึ่งมีชื่อว่า "เอนไวรอนเมนท์ 1" จะถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรโดยจรวดลอง มาร์ช 2 ซี จากศูนย์ปล่อยดาวเทียม ไท้หยวน ทางภาคเหนือของประเทศ และว่าดาวเทียม "เอนไวรอนเมนท์ 1" นี้จะสำรวจพื้นที่ส่วนใหญ่ในประเทศและรายงานข้อมูลกลับมายังศูนย์ควบคุมภาคพื้นดินทุกวัน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนข้อมูลการสำรวจพื้นผิวโลกของจีน

นายอู๋ เสี่ยวฉิง รัฐมนตรีช่วยกระทรวงอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของจีน ระบุว่าในอนาคตดาวเทียม "เอนไวรอนเมนท์ 1" จะทำงานร่วมกับดาวเทียมตรวจจับภัยพิบัติทางธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่จีนจะปล่อยขึ้นสู่วงโคจรอีก 7 ดวง เพื่อรายงานข้อมูลเกี่ยวกับอุทกภัยภัยแล้ง พายุไต้ฝุ่น แผ่นดินถล่ม และแผ่นดินไหวภายในจีนกลับมายังศูนย์ควบคุมภาคพื้นดิน.-สำนักข่าวไทย

2008-09-04 14:39:07

ภูเขาน้ำแข็งแคนาดาถล่ม บ่งชี้โลกร้อนส่งผลต่อสภาพแวดล้อมขั้วโลก​

​

แคนาดา 4 ก.ย. - นักวิทยาศาสตร์ ระบุว่า การพังถล่มของก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ในแคนาดา เป็นสิ่งบ่งชี้ที่เด่นชัดว่าภาวะโลกร้อนกำลังส่งผลต่อสภาพแวดล้อมบริเวณขั้วโลก

ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาน้ำแข็งในแคนาดา ระบุว่า เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก้อนนำแข็งขนาด 19 ตารางไมล์ ได้แตกออกจากภูเขาน้ำแข็งมาร์คาม บนเกาะแอลส์แมร์ ทางเหนือของแคนาดา ซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 4,500 ปี และขณะนี้ก้อนน้ำแข็งดังกล่าวกำลังลอยอยู่ในมหาสมุทรอาร์คติก โดยก้อนน้ำแข็งที่ออกมานี้มีขนาดใหญ่เกือบจะเท่าพื้นที่ของย่านแมนฮัตตัน ในสหรัฐ

นอกจากนี้ นักวิชาการยังระบุด้วยว่า ภูเขาน้ำแข็งหลายแห่งก็กำลังลดขนาดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกกำลังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว และเป็นเรื่องที่น่ากลัว.-สำนักข่าวไทย

2008-09-04 16:05:29

ที่มา http://news.mcot.net

 

เคยได้ยินว่า ใครบอก ปีนี้ โลกเย็นขึ้น ร้อนกว่าเดิม อีก อารมณ์คนก็ร้อนแรงมากขึ้น