พุทธ กับ พระเยซู อย่าโกรธกันนะ

ผมก็ไม่ทราบนะครับ แต่จะบำเพ็ญด้วยวิธีใดถ้าตรัสรู้ได้ก็ไม่ต่างกันหรอก เพราะผลลัพธ์เหมือนกัน แต่จะต่างกันที่วิธีปฏิบัติ อย่างพระพุทธเจ้าเราก็เคยใช้วิธีดังกล่าวมาแล้ว แต่มาพินิจ พิเคราะห์ดูแล้วท่านเห็นว่าไม่มีความจำเป็นก็เลยใช้วิธีอื่นแทน

 

ส่วนผมถึงจะเป็นพุทธ ผมเคยสัมผัสกับพระเยซูของท่านมาแล้ว ท่านมาบอกอะไรที่เป็นนัย ๆ กับผมมาแล้ว แต่ผมมาตีความได้ภายหลัง

 

ตอบความคิดเห็นที่ 18 ครั้งที่ 2 ถ้าหากคุณได้อ่านทุกบรรทัดที่ผมตอบและแสดงความคิดเห็น คุณจะรู้ว่าผมไม่ได้เข้าใจผิด
นะครับ ผมได้ยินใครพูดมา คนนับถือคริสต์ แม้กระทั่งคนสอนศาสนาคริสต์(เค้าเรียกอะไรไม่รู้) เค้าสอนกันแบบนี้ ผมไปดูมาแล้ว ถ้าผิดคือ สอนผิด สอนผิดจากคัมภีร์ สอนจริงจากคัมภีร์ บางโบสถ์บางท่าน สอนต่างกัน เพราะได้รับการสืบต่อ และเข้าใจมาต่างกันก็ไม่ทราบ
เรื่องก็มีอยู่ว่า คนที่เข้าใจอะไร ๆ จริง ๆ แบบคุณมีน้อยมาก ถ้าคุณเข้าใจแบบที่คุณกล่าวมาจริง ๆ ผมก็เชื่อว่า บางส่วนของศาสนาผมก็ไปปนอยู่ในศาสนาคุณ หรือส่วนหนึ่งในศาสนาคุณก็มีในศาสนาผม ที่บอกแบบนี้เพราะว่า ความคิด หลักการ เหตุผล มันบอกอะไรบางอย่าง
บางคนพิมพ์มา บรรทัดสองบรรทัด ก็สามารถบอกได้ว่าเค้าเข้าใจอะไรดีเพียงใด เหมือนคุณนั่นแหล่ะ คุณลองทำให้คนที่นับถือศาสนาคุณเข้าใจอย่างคุณดูสิ คนรอบตัวผมมากมายที่นับถือคริสต์แต่เค้าคิดไม่เหมือนคุณ เพราะถูกสอนมาแบบนั้น เราจะโทษคัมภีร์ หรือสาวกที่สอนผิด หรือเราจะโทษผู้นับถือที่เชื่อคัมภร์และสาวก ต้องมีอันใดอันนึงผิดแน่นอน

 

พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน มีความหมายไม่ลึกซึ้งหรอกครับ แต่มหาศาล และการไถ่บาป ถ้าเราคิดให้ดี ๆ นะ ว่า เป็นไปได้ไหมที่มีผู้ที่จะสามารถไถ่บาปให้กับบุคคลอื่นได้ ถ้าจะเปรียบเทียบเชิงอุปมา อุปไมย ก็ควรบอกว่าบาปที่ไถ่นั้น คือความคิด ความจริง ความรู้แจ้ง ความสำนึก และปัญญาให้กับผู้ที่โง่ ซึ่งคนโง่เหล่านั้นได้ทำบาปกับพระเยซูมาแล้ว แต่สิ่งที่คนโง่ได้รับก็คือ ความคิด ความจริง ความรู้แจ้งความสำนึก และปัญญา ที่พระองค์ทรงเมตตาและถ่ายทอดให้ ถ้าบอกแบบนี้ถึงจะถูก คริสต์จะไม่ได้ถูกเข้าใจผิด
ส่วนที่บอกว่าการเสียสละนี้เป็นการเสียสละที่มนุษย์เราไม่มีวันทำได้เหมือนท่านนั้น ผิดถนัดเลย มีคนมากมายที่ศรัทธาในศาสนาของตนเองและยอมตาย ยอมพลีชีพ บางคนยอมทรมานตัวเองก็มี ถ้าเคยเห็นข่าวผ่านตาก็จะรู้ แต่อาจจะมีจำนวนน้อยในจำนวนคนนับพันๆล้าน
แต่ผลลัพธ์จะน่าชื่นชม ยินดีปรีดา เหมือนท่านหรือเปล่าก็อีกเรื่อง แม้แต่ผมทั้ง ๆ ที่ผิดศีล 5 อยู่เนี่ย ผมสามารถปกป้องศาสนาผมจนตายก็ได้ โดยไม่ต้องหวังว่าจะทำไปเพื่อให้ได้บุญหรือความรักจากพระเจ้า เพราะผมคิดเสมอว่าทำดีทำชั่วมีผู้รับรู้อยู่ตลอดเวลา สามารถเข้าใจเจตนาที่แท้จริงได้ เห็นบักหำเหลี่ยมในองค์บากหรือเปล่า สำนึกผิดเป็นคนดี ณ นาทีสุดท้าย ยอมเอาร่างกายมารับอาวุธอันแสนหนักหน่วงแทนพระพุทธรูป จนต้องเสียชีวิต

 

สุดยอด เออ คุณพอรู้บ้างมั้ยครับว่า ถ้าเรานับถือศาสนาคริสต์แล้วเราจะได้รางวัลอะไรบ้าง เช่น ที่อยู่ โรงเรียน หรือสิทธิต่าง ๆ อย่างที่คุณกล่าวมา เป็นต้น นี่เป็นอีกสาเหตุนึงของจำนวนคริสต์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากมิชชันนารีที่มีอยู่ทั่วโลกแล้ว ที่บ้านผมปั่นจักรยานมาไม่ซ้ำหน้าเลยแต่ละปี แต่ก็เป็นดาบสองคมเมื่อ ชาวคริสต์แท้ ๆ ได้เล็งเห็น และเข้าใจหลักความจริงที่เค้าคิดเอง วิเคราะห์เองได้ มาเปรียบเทียบความเป็นจริงของศาสนาอื่นและศาสนาที่เค้าจับต้องไม่ได้ ก็ไม่รู้นะ แต่ที่รู้มาชาวคริสต์หลายคนหันมานับถือพุทธกันมาก ถ้าเอาเฉพาะคนดัง ๆ ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก ถ้าจำไม่ผิดก็มี ริชาร์ด เกียร์ , มูฮัมหมัด อาลี,ออแลนโด้ บลูม, มาดอนน่า , เจนนิเฟอร์ โลเปซ, เดวิด คอปเปอร์ฟิว คนหลังนี้ได้ข่าวว่าได้อภิญญาปานนั้นเชียว และอื่น ๆ จำไม่ได้ อันนี้เฉพาะซุปเปอร์สตาร์ที่เป็นข่าว และยังมีอีกมากมายที่ไม่รู้

 

เค้าก็บอกแล้วไงคะว่า เรื่องศาสนาและการเมือง ... เป็นเรื่องที่ไม่น่าเอามาถกเถียงกัน... ใครก็ว่าของตนดีทั้งนั้นแหละค่ะ

นู๋นับถือศาสนาพุทธ แต่อยู่ในกลุ่มคนที่เป็นคริสต์ (เคยสำรวจดูนะคะ ฝรั่งหลายคนเค้าเลิกศรัทธาพระเจ้าอ่ะค่ะ ไม่รู้ทำไมนะ แต่เค้าบอกว่า ไม่เชื่ออ่ะ)

เค้าถามนู๋เหมือนกัน ว่าทำไมนู๋นับถือพุทธ นู๋บอกเค้าแค่ว่า เพราะนู๋รู้ว่าพระพุทธเจ้ามีตัวตนจริง มีเรื่องราวและสถานที่ที่มีอยู่จริง ไม่ใช่สิ่งที่คนคิดหรือจินตการแล้วมาบอกว่ามี นั่นทำให้นู๋เชื่อในหลักการและปฎิบัติตาม

นู่บอกเค้าว่า นู๋เองก็เชื่อว่าศาสนาคริสต์ดี แต่มีข้อสงสัยอยู่ที่ว่า ไหนล่ะคะพระเจ้า เคยเห็นกันหรือเปล่า ถ้าพระเจ้าสร้างทุกอย่างในโลก ... ทำไมมนุษย์ถึงมีทฤษฎีกำเนิดโลก ซึ่งเป็นหลักวิทยาศาสตร์ในทางที่ถูกต้อง ซึ่งเท่ากับพระเจ้าสร้างให้มนุษย์มาค้นพบหลักที่ค้านกับความเชื่อที่ว่าพระเจ้าสร้างทุกสิ่งด้วยเนี่ยะอ่ะนะ ... แต่พระพุทธเจ้าไม่เคยอ้างในตำราใดว่าท่านสร้างโลก...

แต่ข้อสงสัยก็ยังอยู่ในใจมาตลอดว่า พระเจ้าอยู่ที่ไหนคะ ...

 

ทุกศาสนาสอนให้คนทําดี แต่ศาสนาพุทธสอนถึงอริยสัจ4
ศาสนาพุทธมีถึงนิพพานคับ

 

ศาสนากูดีที่สุดในโลก เพราะมีแต่ศาสนากูสอนให้ถึงนิพพาน....อัตตาไหม


จะบอกอะไรให้นะ สูงสุดของแต่ละศาสนาไม่เหมือนกัน เปรียบเทียบกันไม่ได้ดอก

รู้จักแม่ชีเทเรซ่าไหม เธอเป็นคนดีไหม เธอตายแล้วไปไหน ใครมีปัญญา ช่วยดูให้ทีนะจ๊ะ หนูอยากรู้

 

เรื่องแบบนี้ กี่ที ๆ ก็มีอารมณ์
แบบนี้เงียบ ๆ ดีกว่า ทำให้คนอื่นมีอารมณ์ไม่ดีเลยครับ

เอ๊ะ ไหนบอกจะไปทำกับข้าวไง อิอิ

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ดอกบัวบัง หลังใบบัว เห็นใจตัว กลัวใจคน
นะโม พุทธายะ

บุคคลจงมองผ่านสิ่งที่มองเห็นเพราะสิ่งที่มองเห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราคิด
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คุณเข้าใจพูดนะ คลอบคลุม ถูกต้อง เป็นกลาง มีเหตุผลดี แต่ผมบางครั้งก็ออกลำเอียงนิด ๆ ไม่ดีเลยใช่มั้ยครับ แต่มันก็ลำเอียงเพราะความรู้สึกที่ได้เห็นได้เจอมาจริง ๆ

 

โอ้โห!! สุดยอด ความคิดเหมือนกันอีกแล้ว ผมชอบมากเลยที่คุณบอกว่า "หากเป็นเช่นนี้ความหมายน่าผิดเพี้ยนจากจุดประสงค์หลักของท่านหรือเปล่า? หากผิดเพี้ยน ก็ควรแก้ไข ไม่ใช่ ว่าท่านทำไปเพื่อไถ่บาปให้มนุษย์โลก..แต่เพื่อต้องการสอนให้มนุษย์โลกรู้ถึงข้อธรรมเช่นไรกันแน่..." ผมต้องการอะไรสั้น ๆ แต่เข้าใจได้ลึกซึ้งแบบนี้ หรืออาจจะยาวก็ได้ ขอให้เห็นภาพได้ง่าย ๆ
แต่เค้าก็ไม่มีวันแก้ไขหรอก เพราะจะต้องมีการขัดแย้งเกิดขึ้นแน่ ๆ ว่า มีการเบียดเบียนพระคัมภีร์ ไปเปลี่ยนแปลงของเดิม ได้แต่อาจต้องใช้เวลา

 

ใช่เลย สั้น ๆ

 

ผมเชื่อคุณเลย แต่ละความคิดคุณ เป๊ะ ๆ ทั้งนั้นเลย สั้นแต่โดน

 

0 เปอร์เซ็น บัญญัติคริสต์เน้นเชื่อในพระเจ้าให้รักและเคารพพระเจ้า อีกประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์สอนให้มนุษย์รักกัน ซึ่งแต่ละข้อดูแล้วรู้สึกเหมือนว่าเขียนขึ้นมาประกอบกับ 40 เปอร์เซ็นแรก เพื่อให้คนรู้สึกว่าพระเจ้าไม่ได้ทำเพื่อตนเองเกินไป ทรงห่วงใยมนุษย์มาก ผมเคยอ่านดูบัญญัติพระเจ้าแต่ลืมแล้วว่ามีอะไรบ้าง ในส่วนที่สอนให้มนุษย์รักกันนั้น ทันทีที่ผมอ่านผมคิดทันทีว่า เอ มาบอกทำไม ไม่บอกก็รู้ สรุปก็คือ สอนในสิ่งที่รู้แล้ว แต่ก็ดีอาจจะช่วยย้ำเตือนสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จริงและไม่เข้าใจ ณ วันนี้ ผมยังคิดเสมอว่า 60 เปอร์เซ็นต์ ของคำสอน นั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นเรื่องจริง และเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ควรคิดเองได้นั้น ส่วนหนึ่งถูกบัญญัติขึ้นมาเพื่อลดความสนใจในบัญญัติที่เน้นในเรื่องความรักที่มีต่อพระเจ้าที่พระเจ้าเป็นคนบัญญัติเอง (หรือเปล่า

 

เมื่อประมาณวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2548 ผมเข้าโบสถ์คริส(เรียกว่าโบสถ์หรือเปล่าก็ไม่รู้แต่อ่านว่าคริสต์จักรของพระคริสต์) ครั้งแรก เด็กผู้ชายรุ่นน้องชวนไป ก็ถามว่าไปได้ด้วยเหรอ เค้าว่าได้ ๆ ไม่เป็นไร ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีคนที่นับถือคริสต์ชวนอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้ไป พอเข้าไป ก็นั่งลง มีแต่คนไทย คนพิการ คนแก่ ลูกเล็ก ผมนั่งอยู่หลังสุด พอเข้าไป คนที่อ่านคัมภีร์พูดว่า(เรียกว่าบาทหลวงหรือเปล่าตอบด้วย) สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ ผมก็พยักหน้า แล้วพูดหวัดดีครับ ก็พากันทำพิธีต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็มีจังหวะ ก็ถามว่า เพื่อนคุณ....ชื่ออะไรครับ ชื่อไก่ครับ(ไม่กล้าบอกว่ากุ๊กไก่) ผมตอบ ท่านถามว่า คุณไก่เคยเข้าโบสถ์บ่อยมั้ยครับ ผมบอกว่า ครั้งแรกครับ แล้วท่านก็ถามคนที่มากับผมว่า เพื่อนคุณ...เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับคริสต์บ้างมั้ย เค้าก็ตอยว่า เคยรู้มาบ้าง .. เล่าเรื่องอื่นก่อนนะครับ .. ขณะที่เข้าร่วมพิธีนั้นผมขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวอะไรหน่อยนะครับอย่าว่าผมนะ ผมชอบทำนองเพลงของคริสต์มากเลยเพราะมาก ๆ เคยดูหนัง the wolk to remember ของ แมนดี้ มัวร์ ก็ร้องเพลงในโบสถ์เพราะมากเลยผมชอบ จากนั้นคนในโบสถ์ก็พากันร้องทำนองก็เพราะอย่างที่บอกแต่พอฟังเนื้อหา(คำร้องไทย)แล้วผมขำอยู่ในใจตั้งนาน ตลกมาก คล้าย ๆ กับสอนเด็กให้ทำตามเฉย ๆ เนื้อหาเพลงตลก อะไร ๆ ก็มีแต่พระเจ้า ๆ ไปหมด ไม่รู้จักทำอะไรเองบ้าง เทิดทูนแต่พระเจ้า น่าน!! บอกแล้วไงอย่าว่าผม ผมรู้สึกแบบนี้จริง ๆ มันขำจริง ๆ ประมาณ 2-3 เพลง แต่ละวันจะต้องมีคนไปร้องเพลงนำ วันนั้น น้องที่ผมไปด้วยเค้าร้องนำ จากนั้นเสียงประสานก็ตามมา พอร้องเพลงจบท่านก็จะอ่านพระคัมภีร์แล้วให้คนเปิดตามหน้าที่ท่านบอก จากนั้นก็จะอธิบายเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายในแต่ละหน้า หลายวันผ่านมาแล้ว ชักจะจำเรื่องที่ท่านพูดไม่ค่อยได้ จะเอาเท่าที่จำได้แล้วกัน เช่น ท่านบอกว่า วันนึงพระเจ้าจะมาภิพากษาโลก คล้าย ๆ กับวันอวสานโลก ท่านบอกว่าอยู่เฉย มนุษย์ทุกคนก็จะวูบไปเลย ไปรู้สึกตัวอยู่อีกที่ ๆ นึง คล้าย ๆ กับตายไปแล้ว แล้วไปอยู่อีกที่นึง ท่านบอกว่า "สำหรับใครที่เชื่อในพระเจ้า พอตายไป ก็จะได้ไปอยู่ในที่ดี ๆ รอไว้ก่อน ๆ ก่อนที่จะตัดสินอีกที ที่ที่รอนั้นจะเป็นที่ที่ดีมาก สบายมีความสุข มีแต่สิ่งดี ๆ ตามความเข้าใจของพวกเราก็คงจะเป็นสวรรค์ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นสวรรค์หรือไม่ เพราะผมก็ไม่เคยเห็นสวรรค์ สรุปแล้วใครที่เชื่อในพระเจ้าก็จะได้ไปอยู่ในที่สบาย ๆ เพื่อรอคำภิพากษาก่อนที่จะส่งไปที่อื่น" และบอกอีกว่า " ส่วนสำหรับใครที่ไม่เชื่อในพระเจ้านั้น ก็จะไปในที่อีกที่ที่ตรงข้ามกันกับที่เชื่อในพระเจ้าเลย จากหน้ามือเป็นหลังมือ กล่าว คือ จากสบายเป็นลำบาก จากมีสุขเป็นมีทุกข์ มีแต่ความทรมาน ไร้ความสุข ตามความเข้าใจของพวกเราก็คงจะเป็นนรก แต่จะเป็นนรกรึเปล่าผมก็ไม่รู้เพราะผมก็ไม่เคยเห็นนรกเหมือนกัน สรุปแล้วถ้าใครเชื่อในพระเจ้าก็จะได้ไปในที่ดีดี มีความสุข ความสบาย เหมือนสวรรค์ยังไงยังงั้น แต่ใครที่ไม่เชื่อก็จะได้ไปอีกที่ที่มีแต่ความทุกข์หาสุขไม่ได้"
อันนี้คือคำสอนข้อแรกที่ผมได้ยิน เพียงข้อแรกเท่านั้นก็ทำให้ผมรู้สึกในทางลบของศาสนาคริสต์เพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยรับรู้และรู้สึกมา จากนั้นก็มีประมาณ 2-3 ข้อที่ผมไม่พอใจและไม่เห็นด้วยเช่นกัน แต่ผมลืมแล้วจริง ๆ ไม่ได้แก้ตัวหรือใส่ร้ายนะ จากนั้นตอนกลับท่านก็ถามว่าคุณไก่ อยากไปเข้าค่ายด้วยมั้ย ลองไปดู สนุก ๆ กัน ก็มีเพื่อนชาวคริสต์เคยชวนอยู่เหมือนกัน ผมก็ปฏิเสธ ให้เหตุผลว่าไม่ว่าง ถามว่าผมทำอะไรอยู่ที่ไหน ทำงานอยู่หรือเปล่า ผมบอกว่า อ๋อ ผมก็อยู่แถวนี้แหล่ะครับ ที่จริงแล้วผมจะบวชด้วย แต่ผมไม่กล้าตอบว่าจะบวชต่อหน้าใคร กลัวเค้าเสียความรู้สึก ผมแปลกใจบ่อยครั้งที่เจอชาวคริสต์ เค้ามักจะกระตือรือร้นและ ใส่ใจมากเกี่ยวกับการโน้มน้าวเราให้เชื่อในพระเจ้าเค้า ทุกครั้งเลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมอยากจำได้จริง ๆ ว่า วันนั้นผมได้ยินอะไรที่อึดอัด ๆ มาบ้าง แต่ผมลืมจริง ๆ วันนั้นอุตส่าห์ย้ำว่าเราจะต้องไม่ลืมที่จะบอกเรื่องเหล่านั้นให้หมด

 

พระเจ้ามีจริงๆ เชื่อเถิด สร้างทุกสรรพสิ่งได้จริง ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมดก็เคลื่อนคล้อยมาจากองค์ความรู้ของท่าน ดาวเทียมจะใช้การไม่ได้หรอก ถ้าพระเจ้าไม่ใช้พลังงานจากเบื้องบนช่วยให้เกิดการใช้งานได้ ปัจจุบันสวรรค์ไม่ล้าสมัยหรือเป็นแบบเทพเจ้าย้อนยุคแบบโบราณอย่างที่มนุษย์เข้าใจกัน ข้างบนทันสมัย สวยสดงดงาม ล้ำยุค ในรูปแบบใหม่ทั้งหมด เรื่องสร้างสรรค์นี่มาจากน้ำมือของพระเจ้าจริงๆ

 

ศาสดาพุทธเสื่อมมากจริงๆ ไสยศาสตร์ก็มี พระไม่บริสุทธิ์ วัดสร้างกันมาก เรี่ยไรเงินเพื่อสร้างวัตถุมากเกินเหตุ แม้แต่ศาสนาอื่นก็มีไม่น้อย แต่ว่าพระเจ้าที่อยู่เบื้องบนท่านเป็นกลาง ไม่มุ่งศาสนาใดๆ บริสุทธิ์ สะอาด สุภาพ รักมนุษย์ยิ่งชีวี การพิพากษาโทษมนุษย์มีแน่นอน การให้รางวัลกับมนุษย์ที่ทำคุณงามความดีก็มีอย่างแน่นอน ด้วยตัวตนของพระเจ้าที่แท้จริง เบื้องบนมีกฎบัญญัติอย่างแน่นอน เรื่องอาหาร ต้องไม่มีเนื้อสัตว์

 

น่าขำ

ศาสนาไม่มีเสื่อมหรอกครับคุณ stefa ไม่ว่าศาสนาใด คนต่างหากล่ะที่เสื่อม

 

ขอให้ ทุกคนคิดดี ๆๆ แค่นี้ก้อเพียงพอ