เมื่อความรักเดินทาง(บันทึกการเดินทาง)จะทำตะกรุดหาเงินร่วมสร้างศาลา

หลวงปู่เมี้ยน วัดโพธิ์(กบเจา)....

วัดท่านอยู่ไม่ไกลจากวัดหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ห่างกันไม่เกินหนึ่งกิโลเมตรได้ครับ

เรียกว่าสมัยนั้นใครไปสายนี้ได้กราบพระเกจิ สององค์นี้พร้อมกันแน่นอน.........

แรกที่ไปถึงวัดก็เจอกับคณะต่างๆที่มาจากวัดพระขาว มารอท่านเหมือนกัน

ตอนนั้นท่านหลับอยู่ ผมว่าท่านรับแขกคงจะเหนื่อยมากเพราะท่านรักษาคน

คนที่มากราบท่านมารักษากับท่านส่วนมากจะเห็นว่าได้รับทุกเวทนาจากสังขารเด่นชัด

หลวงปู่เมี้ยนท่านเด่นชัดตามสายตาคนทั่วไป เป็นพระหมอรักษากระดูก น้ำมันมนต์

คนที่ไปวัดท่านเห็นหลักๆในตอนนั้น ก็ไปรักษากับท่าน กับไปกราบบูชาวัตถุมงคล

หนึ่งในนั้นก็ผมนี้แหละ บางคนมารักษาโรคกระดูกมาให้ท่านเป่า เห็นท่านใช่มีดหมอ

จิ้มๆไปที่ตามร่างกาย เห็นท่านเคี้ยวหมากปากแดงในตอนนั้น..

ตอนนั้นผมยังได้บูชาน้ำมันมนต์มาด้วยหนึ่งขวด..พร้อมกับวัตถุมงคลของท่านมาบ้าง

ท่านก็ประพรมน้ำมนต์ให้..ประสิทธิ์ประสาทพรพระให้อีกครั้ง.....

หลวงปู่เมี้ยนนั้นใช้เวลาอยู่กับท่านไม่ได้นานมากนัก เพราะว่ามีคนมารอรักษากับท่านเต็ม

ศาลา เวลาที่ท่านใช้รักษาก็นานหน่อย..

ผมมีเพื่อนที่บ้านอยู่แถวบางบาล ส่วนมากจะเป็นชาวอิสลาม..เคยถามถึงว่ามันเคยมาวัดนี้

หรือเปล่ามันก็ตอบว่ามา...ถามว่ามาทำไมมันบอกว่ามาเที่ยวงานวัด...เออดี

มาเที่ยวงานวัด ถามว่าเคยเจอหลวงปู่หรือเปล่า มันตอบว่าเจอบ่อย ไม่ได้กราบแต่ยกมือ

ไหว้ท่านมาขอน้ำมันท่านรักษาโรคที่เป็น เพื่อนผมบอกว่า ชาวไทยมุสลิมแถวนั้นก็นับถือ

หลวงปู่ท่าน เวลามีงานวัดก็ได้มาเที่ยว ...พึ่งพาอาศัยวัด..ผมว่าเป็นอะไรที่น่าเอามาเป็น

ตัวอย่างกับสถานการณ์ทางภาคใต้ของเราในตอนนี้.อยุธยา มีทั้งวัด และมัสยิดเยอะพอกัน

ก็ยังอยู่ร่วมกันได้..

นั้นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมได้กราบท่านหลวงปู่เมี้ยน วัดโพธิ์ (กบเจา)

จนหลังจากนั้นท่านก็มรณภาพ .

 

ช่วงนี้ราคาน้ำมันลดลง ท่านใดพอมีเวลาก็ได้ไปกราบพระกราบครูบาอาจารย์ที่เคารพแบบ

ไม่หนักค่าใช้จ่ายในส่วนน้ำมันมากนัก

ตอนนี้ เบนซิน 95 ที่ 27.79

แก๊สโซฮอล์ 91 ที่ 21.89

แก๊สโซฮอล์ 95 ที่ 22 .69

เสาร์อาทิตย์นี้งานกฐิน คงจะเป็นช่วงสุดท้าย แล้ว หลังจากออกพรรษาครบ หนึ่งเดือน

วัดเกริ่นกฐิน หลวงพ่อเพี้ยน ลพบุรี 9 พ.ย. 51

วัดสว่างอารมฌ์ พระอาจารย์พระสิทธิ์ เชียงใหม่ 9 พ.ย. 51

ท่านใดเป็นลูกศิษย์ครูบาอาจารย์ทั้งสองท่านนี้อยู่ใกล้ไม่ไกลมากนัก...สะดวกก็ไปร่วม

อนุโมทนาร่วมกันครับ

 

วันก่อนดูข่าว มีพระสามารถหาสูตรนํานํ้านผสมนํ้ามันมาเป็นเชื้อเพลิง เบื้องต้นลองกับนํ้ามันเกือบทุกแบบไม่มีปัญหา แถมประหยัด มลพิษตํ่ากว่า ถ้าทําได้ผล 100% คงดี แต่ก็ต้องขออนุโมทนาในโครงการดีๆอย่างนี้ครับ

 

หลวงปู่ผล วัดเนินทอง อ.ท่าหลวง ลพบุรี

 

เห็นภาพที่ท่านพระ ที่12 ลงไว้เลยนำมาให้ชมบารมีท่าน

เป็นอีกองค์ที่ได้มีโอกาสไปกราบท่านราวๆ ปี2547 -2548 วัดท่านอยู่ออกไปทางจ.

เพชรบูรณ์ ไปด่านขุนทดได้ มูลเหตุที่ทำให้รู้จักท่านเพราะไปเยี่ยมญาติที่อนยู่ในตลาดท่า

หลวง ตามภาษาคนชอบพระ เหลือบไปเห็นรูปผ้ายันต์ที่บ้าน เขาบูชากัน.

กับคุ้นๆเคยมีผ้ายันต์ท่าน เลยสอบถามพูดคุย ปรากฎว่าญาติผมรู้จักท่านเป็นอย่างดี...

พร้อมอธิบายเสร็จสรรพ เกี่ยวกับหลวงปู่ เช่นเหรียญท่านยิงไม่ออกบ้าง สร้างวัดมาหลายวัด

ในท่าหลวงคนที่นี้นับถือกันมาก..ดูดวงเม่น ใจดี.

ตอนนั้นก็เกิดความอยากไปกราบท่านทันทีในใจ...ไปถึงที่วัด.พบเห็นสถานที่กว้างขวาง

วัดสะอาด ร่มรื่น เพิ่งจะผ่านงานพุทธาภิเษกไป เมื่อวันสองวัน..

เขาไปถึงวัดพบท่าน พร้อมญาติโยมที่มากราบท่าน เข้ากราบท่าน ตอนนั้นบ้านผมไปกัน

ครบ พ่อ แม่ น้อง..ตอนนั้นที่บ้านเพิ่งซื้อบ้านใหม่ ก็ไปขอฤกษขึ้นบ้านใหม่กับท่าน

ถามท่านว่าจะเปิดเป็นร้านค้า เปิดร.ร.สอนพิเศษของน้องสาว อะไรต่างๆนานา ท่านก็

เมตตาชี้แนะอย่างเข้าใจถึงวันเวลา ปี ช่วงที่เหมาะสม...ผมรู้สึกว่าท่านเชียวชาญในทางนี้

มาก ตอนนั้นท่านยังทำพิธีต่อชะตาเสริมดวงให้บ้านผมด้วย.พร้อมดูพยากรณ์เกี่ยวกับที่บ้าน

ให้ด้วย.

มาส่วนเรื่องมฃคลวัตถุของท่านบ้าง...พ่อผมบูชาพระพุทธรูป ขนาดห้านิ้ว ไปให้ลูกน้อง

ที่บ้านเขาไม่มีพระให้พ่อผมหาให้..นำไปให้หลวงปู่.พร้อมถามเรื่องค่าบูชา เพราะตู้วัตถุ

มงคลอยู่ข้างหลวงปู่.แต่ที่นั้นไม่มีกรรมการวัดมาคอยจุ้นจ้านรบกวนโยม.

หลวงปู่ท่านบอกว่าไม่เป็นไรที่นี้ไม่ต้องพูดเรื่องเงินไม่สำคัญอะไรประมาณนี้ครับ...

แล้วท่านก็สั่งให้หยิบพระในตู้มาแจกทุกคนในตอนนั้น.ผมได้พระจากท่านหลายองค์

เหรียญรูปเหมือนท่าน.สิ่งหนึ่งที่เห็นแตกต่างจากที่อื่นคือท่านไม่ให้ลูกศิษย์มาคอยยุ่ง

บริเวณที่ท่านนั่งรับแขกท่านจะทำเอง...ท่านไม่พูดเรื่องปัจจัยในแง่วัตถุ...

ท่านตั้งใจทำให้ลูกศิษย์อย่างมากเมตตาชี้แนะ แม้สังขารท่านจะไม่อำนวย

สำคัญบารมีท่านนั้นก็ไม่ธรรมดา เขตแถว อ.ท่าหลวงลพบุรี มีแต่ชาวไร่ ไร่อ้อยคอยรัก โรง

งานน้ำตาล..ชาวบ้านธรรมดา แต่วัดท่านใหญ่เหมือนกันครับ.ท่านสร้างมาหลายวัด

และท่านไม่ค่อยรับกิจนิมนต์เมื่องด้วยสังขารท่านไม่เอื้ออำนวย

รู้สึกว่าท่านจะเป็นศิษย์สาย หลวงปู่จันทร์วัดนางหนู..ที่ดำรงสังขารอยู่ในตอนนี้

นอกจากหลวงปู่ดีวัดเทพากรที่ผมรู้จักแล้วได้ยินจากท่านว่าท่านเป็นศิษย์หลวงปู่จันทร์

วัดนางหนู ลพบุรี...

ขอบันทึกไว้อีกองค์ที่เคยได้ไปกราบสัมผัสบารมีท่านครับ

 

ท่านเด็กไทรน้อย....เอาเรื่องราวหลวงพ่อเอียดมาเล่าหน่อย......

ขอเป็นข้อมูลในเชิงลึกของท่าน...แบบฉบับเด็กไทรน้อย...

เดียวผมจะเล่าแบบของผมครับ

 

เชิญศิษย์พี่ก่อนเถิดครับ...ข้าน้อยยังเรียบเรียงได้ไม่เท่าศิษย์พี่ขอเวลารวบรวมเรื่องราวก่อนซักครู่...

 

เคยเจอท่านแค่ครั้งเดียวเองครับตอนท่านมาเสกของหลวงปู่หมุนที่วัดสุทัศน์ ท่านยังเมตตาแจกพระสมเด็จมาให้เลยครับ ออกวัดท่ากรวด หรือวัดเนินทอง ไม่แน่ใจ...

 

ท่านพี่ ผมไม่ค่อยทราบเกี่ยวกับหลวงตาวัชรชัยเลยครับ เล่าให้ฟังบ้างสิครับ...

 

ท่านเป็นศิษย์ในสายพระเดชพระคุณ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ........

ประวัติท่านคราวๆไปดูที่เว็ปไซด์วัดเขาวงได้....ท่านเป็นคน อยุธยา อ.ท่าเรือ

ถ้าจำไม่ผิด มาบวชตอนราวๆอายุสัก 40 กว่าปีได้ หลังจากท่านใช้ชีวิตทางโลก

รายละเอียดไปดูเอาในที่บอกครับท่าน..แต่เท่าที่สัมผัสท่านนั้น.ท่านเทศน์สอนให้เข้าใจ

ง่าย ท่านเด็กไทรน้อยต้องมากราบเองจะรู้ผมแนะนำ คำถามที่คิดอยู่ในใจมักจะได้คำตอบ

จากท่าน.เรียกว่าถ้าสงสัยอะไรมาถามท่านก็เป็นได้คำตอบที่ทำให้เราเข้าใจโดยง่าย

แนวทางเหมือนหลวงพ่อฤาษีเลย...ท่านใจดี ผมมักจะไปกราบถวายสังฆทานกับท่าน

เกือบทุกเดือน...สองสามอาทิตย์ครั้งครับ วัดท่านไม่ไกลจากบ้านผมมากนัก.....

ถ้าท่านเด็กไทรน้อยมาทางนี้ ก่อนไปกราบท่านที่วัด ยังจะไดกราบ หลวงพ่อศรีวัดหน้าพระ

ลาน อีกองค์ที่เป็นพระที่มีเมตตาอีกอีกครับ.

ที่วัดก็มีการสอนมโนมยิทธิด้วยครับ จะมีครูมาจากกรุงเทพ เดือนละครั้งครับ

สอนแบบสติปัฎฐานสี่ ฝึกโยคะ ....ในวัดมีถ้ำที่เหมาะในการเจริญภาวนาสงบร่มรื่นมาก

ถ้ามาหาผมที่บ้านหรือเจอกันที่ไหน บอกก่อน เดี๋ยวให้ตระกรุดยันต์เกาะเพชรท่าน

ผมมีอยู่หลายดอก..

 

www.siangjaagtaum.com

เว็ปไซด์ วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์ )เชิญไปเยี่ยมชมครับทุกท่าน

ที่นี่กำลังเร่งสร้างโบสถ์ เพื่อต่อสู้กับพวกมารที่จะจ้องทำลาย..ธรรมชาติป่าเขาครับ

หลวงตาท่านเคยเล่าให้ฟัง ท่านพยายามเร่งให้ทันปีนี้ครับ

 

บันทึกเรื่องราวการเดินทาง ข้อมูลของผมอาจจะเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านบ้าง

หรืออาจจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับท่านใดเลยที่เคยไปกราบครูบาอาจารย์ที่ผมกล่าวถึง

ถ้าเป็นประโยชน์ก็เก็บข้อมูลไปนะครับ ยินดีรับฟังข้อเสนอของทุกท่าน

พระเกจิอาจารย์ทางใต้ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสเรียกว่าไม่เคยเลยดีกว่าที่จะไปกราบท่าน

ภาคอีสานก็น้อยนัก ส่วนใหญ่จะเป็นภาคกลางมากกว่าครับ...

หลายท่านหลายองค์ ดัง ดี เงียบๆในท้องที่...เช่นหลวงปู่โทน วัดเชิงหวาย จังหวัด

อ่างทอง ผมเห็นแทบไม่เคยมีใครกล่าวถึงท่านเลย...หลวงปู่เกิด วัดโพธิ์แทน นครนายก

อีกหลายท่าน ท่านใดมีข้อมูลดีๆรบกวนนำมาเผยแพร่ด้วยนะครับ...ผมจะได้ตามไปร่วมบุญ

ครับ

 

ขออนุญาตินำประวัติท่านาให้อ่านเป็นของที่คุณศักดิ์ สุพรรณลงไว้ครับ

ก่อนที่ผมจะมาเล่าเรื่องของท่านในความทรงจำของผมครับ




ชาติภูมิ


หลวงปู่ตี๋ เกิดเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๗ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๙ ปี ชวด (ปัจจุบัน พ.ศ.๒๕๕๑ อายุ๘๔ปี) ณ.บ้านท่าน้ำตลาดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช เป็นบุตรของนายห้อย นาง กิมบี้ นามสกุล น้ำดอกไม้ หลวงปู่ตี๋มีพี่น้องทั้งหมด ๔ คน เป็นชาย ๓ คน หญิง ๑ คน หลวงปู่ตี๋เป็นบุตรคนโต




วัยเด็ก


แต่เดิมโยมพ่อท่านเป็นช่างก่อสร้างมณฑปบนยอดเขาวัดหัวเขา อ.เดิมบางนางบวช และเมื่อตอนสร้างมณฑปนั้นได้นำเด็กชายตี๋ในขณะนั้นติดตามไปด้วยตลอด และหลวงพ่ออิ่ม เจ้าอาวาสวัดหัวเขาได้เห็นเด็กชายตี๋เข้า จึงเมตตาเลี้ยงดูให้ในขณะที่โยมพ่อหลวงปู่ตี๋กำลังทำงาน หลวงพ่ออิ่มได้ป้อนข้าวป้อนน้ำเลี้ยงเด็กชายตี๋เปรียบเสมือนลูกในไส้ และรักเด็กชายตี๋มาก และดูดวงชะตาเด็กชายตี๋ก็ทราบว่า ในอนาคตเด็กผู้นี้ต้องบวชไม่สึก และจะเป็นกำลังสำคัญในพระพุทธศาสนา ท่านจึงมอบตำราวิชาอาคมของท่านจำนวน1 เล่มไว้ให้กับโยมพ่อของหลวงปู่ตี๋เก็บรักษาเอาไว้ให้หลวงปู่ตี๋เมื่อโต ก่อนที่หลวงพ่ออิ่มท่านจะมรณภาพ




บรรพชา

เมื่อหลวงปู่ตี๋อายุ ๑๕ ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และเริ่มเรียนวิชาต่างๆจากตำราของหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ วัดหัวเขา ที่โยมพ่อของท่านได้เก็บรักษาเอาไว้จนแตกฉาน

 

อุปสมบท

จวบจนอายุ ๒๐ ปี จึงได้อุปสมบท ณ.พัทธสีมาวัดเขาพระ อ.เดิมบางนางบวช เมื่อวันที่

๑๙ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๗ โดยมี

พระครูอเนกคุณากร (หลวงปู่แขก) วัดหัวเขา เป็นพระอุปัชฌาย์

พระอาจารย์พิณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

พระอาจารย์ไสว เป็นพระอนุสาวนาจารย์





หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่แขก วัดหัวเขา

หลังจากหลวงปู่ตี๋อุปสมบทแล้ว ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดหัวเขา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยและ

พุทธาคมจากหลวงปู่แขก ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่ออิ่ม ดังนั้นหลวงปู่แขกจึงป็นอาจารย์องค์

แรกของท่านจวบจนปี พ.ศ.๒๔๙๗


หลวงปู่ตี๋ กับ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่


หลังจากเรียนวิชาอาคมจากหลวงปู่แขกแล้วนั้น ในปี พ.ศ.๒๔๙๗ หลวงปู่ตี๋ได้กราบลา

หลวงปู่แขก เพื่อมาศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ผู้เป็นศิษย์

เอกหลวงพ่ออิ่ม การมาศึกษาวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงพ่อมุ่ยของหลวงปู่ตี๋นั้นก็เพื่อจะ

เป็นการรวบรวมตำราของหลวงพ่ออิ่มที่หลวงพ่อมุ่ยมีอยู่เอาไว้ ดังนั้นหลวงปู่ตี๋จึงมาฝากตัว

กับหลวงพ่อมุ่ย ซึ่งก็ดูเหมือนหลวงพ่อมุ่ยจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าหลวงปู่ตี๋จะต้องมาฝากตัว

กับท่านเป็นแน่แท้ เพราะว่าหลวงพ่อมุ่ยท่านพรึมพรำออกมาตอนพบหลวงปู่ตี๋ว่า “อ้อ ท่าน

ตี๋นี้เอง เห็นพ่อครูเคยบอกฝากฝังเอาไว้” ซึ่งก็แสดงว่าหลวงพ่ออิ่มท่านได้เคยฝากฝังหลวง

ปู่ตี๋เอาไว้กับหลวงพ่อมุ่ยในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

เมื่อหลวงปู่ตี๋มาพบหลวงพ่อมุ่ย ก็ได้บอกจุดประสงค์ต่อหลวงพ่อมุ่ยว่าจะมาขอเรียนด้วย

และบอกว่าวันพรุ่งนี้จะนำดอกไม้ธูปเทียนเข้ามาหาใหม่ เพื่อเป็นพิธีไหว้ครู ฝากฝังตัวไว้

เป็นศิษย์ แต่หลวงพ่อมุ่ยกลับบอกว่า “ไม่ต้องพรุ่งนี้หรอก วันนี้แหละ เดี๋ยวไปเอาดอกไม้ที่

พระพุทธรูปโน้นมาเรียนเสียวันนี้เลย” พร้อมกับจูงมือหลวงปู่ตี๋เข้ากุฏิเริ่มเรียนวิชากันเดี๋ยว

นั้นเลย

หลวงปู่ตี๋เล่าเรียนวิชาต่างๆจากหลวงพ่อมุ่ยตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยเดินทางไปๆมาๆอยู่

หลายปี จวบจนจบในปี พ.ศ.๒๕๐๕จึงเรียนจบ พร้อมกับได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกระ

เสียว ต.กระเสียว อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี

 

หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่


หลวงปู่ตี๋ท่านมีลักษณะนิสัยชอบธุดงค์เป็นประจำ ช่วงชีวิตของท่านถือธุดงค์มาเกือบ ๔๐

ปี ในระหว่างที่อยู่วัดกระเสียวท่านก็ได้ออกธุดงค์เสมอๆโดยฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาสวัด

กระเสียว คือ พระครูวิเชียร

ครั้งหนึ่งหลวงปู่ตี๋ท่านออกธุดงค์ไปทางภาคตะวันออก และได้พบกับหลวงปู่ทิม วัดระหาร

ไร่ จ.ระยอง แรกพบท่านทั้งคู่นั้นได้เกิดการลองวิชากันพอสมควร สุดท้ายหลวงปู่ตี๋จึงบอก

กับหลวงปู่ทิมว่า “ในช่วง๗วันที่อยู่ที่นี่ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านด้วยได้ไหม” หลวงปู่ทิม

ท่านก็ตอบว่า “แค่ ๗ วันจะไปเรียนอะไรได้ นี่เห็นว่าเป็นคนสุพรรณ ร่ำลือกันนักกันหนาว่า

คนสุพรรณแน่จริงอยู่ หากเป็นจริงดังคำร่ำลือนั่นแล้ว ต้องมาเรียนด้วยกัน ๑ พรรษา จึงจะ

สอนให้” หลวงปู่ตี๋ได้ยินทำท้าทายจากหลวงปู่ทิมดังนั้นจึงธุดงค์กลับมาวัดกระเสียว และ

ฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาสอีก เพื่อจะกลับไปร่ำเรียนวิชาอาคมเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทิม วัด

ระหารไร่ เป็นเวลา ๑ พรรษา เรียนกับหลวงปู่ทิมได้วิชาทำผงพรายกุมาร การเสกผง และวิธี

การปลุกเสกพระเครื่อง

หลวงปู่ตี๋ กับ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม (วัดบ้านแค) ​

หลวงปู่ตี๋ท่านมาเรียนกับหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท หลายครั้ง และหลวงพ่อ

กวยมักจะจูงมือหลวงปู่ตี๋เข้าไปเรียนในกุฏิแบบตัวต่อตัวตลอดครับ วิชาที่ท่านเรียนจาก

หลวงพ่อกวยนั้น คือ เรียนวิชาทำปลัดขิก ตะกรุด หนุมาน และวิชาอื่นๆอีกมากมาย

และวิชาหนึ่งที่หลวงปู่ตี๋ท่านสำเร็จเป็นเลิศและศิษย์หลวงพ่อกวยทุกท่านต่างทราบดีและ

ยกย่องท่านนั้นก็คือ วิชาตัวเบา สามารถนั่ง สามารถเดินบนผิวน้ำได้ และอีกวิชาหนึ่งที่ท่าน

สำเร็จและขึ้นชื่อคือ วิชามือยาวรอดรูดาน สามารถหยิบสิ่งของไกลๆ และมีช่องเล็กๆได้

ครับ

หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ และหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญ​

หลวงปู่ตี๋ท่านมีความสนใจในวิชาอาคมและวิชาต่างๆมาก ซึ่งคนโบราณเรียกว่า “คงแก่

เรียน” จึงได้พยายามเสาะแสวงหาพระอาจารย์เก่งๆและเข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์เพิ่มเติมอยู่

เสมอๆอีกดังนี้ กับหลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ จ.ชัยนาท ท่านได้วิชาย่นระยะทาง และกำบัง

ส่วนหลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรีเจริญ จ.สิงห์บุรี นั้นท่านได้วิชาแป้งเสกครับ

ออกจากวัดกระเสียว มาอยู่วัดเขาเขียว ​

ท่านออกจากวัดกระเสียวขณะที่เป็นเจ้าอาวาสและธุดงค์เรื่อยๆ เพื่อจะไปเรียนวิชาต่อกับ

หลวงพ่อกวย จนมาเจอวัดเขาเขียวพนาราม อ.เดิมบางนางบวช ในปี พ.ศ.๒๕๑๓ ซึ่งเดิม

เป็นวัดร้าง และมีโรงเรียนร้าง ท่านจึงตัดสินใจที่อยู่ที่นั่น แต่ท่านต้องสู้กับเจ้าพ่อเขาเขียว

(เจ้าที่) ที่ไม่ยอมให้ท่านสร้างวัดที่นั่น ตอนนั้นเวลานอนท่านยังนอนในกลดเช่นเดียวกับลูก

ศิษย์ท่าน คืนที่โดนเจ้าที่ลองก็คือ มีฝูงวัวควายวิ่งกันฝุ่นตลบนอกกลดจะเข้ามาทำร้ายท่าน

กับลูกศิษย์ แต่ท่านรู้ท่านสั่งลูกศิษย์ท่านว่าตอนกลวงคืนไม่ว่ามีอะไรห้ามออกจากกลดเด็ด

ขาด ถ้าจะตายก็ให้ตายด้วยกัน คืนนั้นลูกศิษย์ท่านกลัวมากและคิดว่าท่านหลับแล้วจะวิ่ง

ออกนอกกลด แต่ท่านกระแอม ลูกศิษย์ท่านจึงมีสติและนึกถึงคำสั่งของท่านได้ เช้าวันรุ่ง

ขึ้นมีชาวบ้านมานิมนต์ให้ท่านอยู่ที่นี่ และทำพิธีแบ่งเขตกันระหว่างวัดกับเจ้าพ่อเขาเขียว

ระหว่างที่ท่านอยู่เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาเขียวนั้น ท่านถูกทำร้ายอยู่หลายๆครั้ง ทำให้ลูกศิษย์

ถามท่านว่า “ทำไมหลวงพ่อไม่ย้ายวัด เพราะมีหลายวัดที่อยากได้หลวงพ่อไปจำพรรษา

อยู่” แต่ท่านกลับบอกว่า “ต้องการใช้กรรมให้หมดในชาตินี้ ไม่ต้องการใช้กรรมนี้ในชาติต่อ

ไป”


ตอนที่ท่านโดนทำร้ายบางคนใช้มีดฟันศรีษะท่านเลย ลูกศิษย์เคยถามท่านว่า “หลวงพ่อไม่

กลัวหรือ?” แต่ท่านกลับพูดติดตลกว่า “กลัวมีดของมันจะบิ่นมากกว่า”

หลวงปู่ตี๋ท่านจำพรรษาอยู่วัดเขาเขียวได้พัฒนาวัดเขาเขียวพอสมควรจากสำนักสงฆ์จวบ

จนเป็นรูปเป็นร่างและกลายเป็นวัดขึ้นมา

ย้ายมาจำพรรษาอยู่วัดท่ามะกรูด​

ต่อมาหลวงปู่ตี๋ท่านได้ชราภาพมาก และเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ลูกศิษย์จึงนิมนต์ท่านให้มาจำ

พรรษาอยู่วัดท่ามะกรูด อ.สามชุก ซึ่งอยู่ใกล้โรงพยาบาลมากกว่าวัดเขาเขียว และถนนหน

ทางก็สะดวกมากกว่าวัดเขาเขียว ท่านจึงจำพรรษาอยู่วัดท่ามะกรูดเมื่อไม่กี่ปีนี้เป็นต้นมา

 

หลวงปู่ตี๋ กับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่


หลวงปู่ตี๋ท่านมีลักษณะนิสัยชอบธุดงค์เป็นประจำ ช่วงชีวิตของท่านถือธุดงค์มาเกือบ ๔๐

ปี ในระหว่างที่อยู่วัดกระเสียวท่านก็ได้ออกธุดงค์เสมอๆโดยฝากวัดไว้กับรองเจ้าอาวาสวัด

กระเสียว คือ พระครูวิเชียร

ครั้งหนึ่งหลวงปู่ตี๋ท่านออกธุดงค์ไปทางภาคตะวันออก และได้พบกับหลวงปู่ทิม วัดระหาร

ไร่ จ.ระยอง แรกพบท่านทั้งคู่นั้นได้เกิดการลองวิชากันพอสมควร สุดท้ายหลวงปู่ตี๋จึงบอก

กับหลวงปู่ทิมว่า

 

การสร้างวัตถุมงคล ​

หลวงปู่ตี๋ท่านมักปลุกเสกวัตถุมงคลในบาตรพระ และวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกนั้นมักจะวิ่ง

ส่งเสียงดังเสมอ

ท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลครั้งแรกสมัยที่เป็นเจ้าอาวาสวัดกระเสียว วัตถุมงคลที่ท่านสร้างครั้ง

แรกคือ เหรียญรุ่นแรก ซึ่งออกที่วัดกระเสียวนี้ จำนวน๑๐, ๐๐๐ เหรียญ โดยแรกเริ่มท่าน

ตั้งใจจะสร้างปี พ.ศ. ๒๕๑๒ แต่ไปปรึกษาหลวงพ่อมุ่ย และหลวงพ่อมุ่ยท้วงว่าให้สร้างปี

๒๕๑๓ จะดีกว่า ท่านจึงสร้างเหรียญรุ่นแรกในปีพ.ศ.๒๕๑๓ ตามคำแนะนำของหลวงพ่อมุ่ย

พอโรงงานปั๊มเหรียญทำเหรียญอกมาเสร็จ ท่านก็นำไปให้หลวงพ่อมุ่ยผู้เป็นอาจารย์เสกเป็น

รูปแรก หลวงพ่อมุ่ยเสกให้ท่านอย่างเต็มที่เลยทีเดียว และต่อมาหลวงปู่ตี๋ท่านจึงนำมาให้

หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตารามเสกอีกเป็นรูปที่สอง ซึ่งหลวงพ่อกวยท่านก็เสกให้อย่างเต็มที่

เหมือนกัน และเป็นเวลานานเลยทีเดียว หลังจากนั้นหลวงปู่ตี๋จึงนำกลับมาที่วัด และเสกเอง

ที่วัดอีกเรื่อยๆมาเป็นเวลาหลายไตรมาส

เหรียญรุ่นแรกของท่านนี้ ลูกศิษย์นิยมเรียกกันว่า “เหรียญหนีลูกปืน” คือมีที่มาของชื่ออยู่ว่า

หลังจากหลวงพ่อมุ่ยและหลวงพ่อกวยและหลวงปู่ตี๋ท่านเสกเรียบร้อยแล้ว มีลูกศิษย์ได้รับ

แจกเหรียญนี้ไป ได้นำเหรียญนี้ไปลองยิงกันที่หลังวัด ปรากฏว่า นัดแรกยิงไม่ออก นัดที่

สองออก แต่ไม่ถูก เพราะขณะประทับปืนจะยิงเหรียญอยู่ๆนั้น เหรียญดังกล่าวก็หายไปทัน

ตา คนยิงจึงมองไม่เห็นเหรียญ จึงยิงไม่ถูก สุดท้ายก็เลยต้องไปกราบขอขมาหลวงปู่ตี๋ท่าน

ที่วัดกระเสียว นอกจากเหรียญรุ่นแรกของท่านแล้ว ท่านยังสร้างวัตถุมงคลอื่นขึ้นมาอีกด้วย

คือ ภาพถ่ายขนาด๕นิ้ว และ ล็อกเก็ตห่มคลุม

ต่อมาเมื่อท่านจำพรรษาและมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดเขาเขียว อ.เดิมบางนางบวชท่านก็ได้

สร้างวัตถุมงคลขึ้นมาอีกเป็นจำนวนหลายรุ่น หลายชนิด คือ ภาพถ่ายขนาดบูชารุ่นแรก ,

ภาพถ่ายขนาดคล้องคอรุ่นแรก , รูปหล่อรุ่นแรก , พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก, ตะกรุด , มีด

หมอ , ปลัดขริก , ผ้ายันต์ , ภาพถ่ายต่างๆ, เหรียญต่างๆ, พระบูชา , พระพิมพ์ต่างๆ ,

ฯลฯ

ต่อมาหลวงปู่ตี๋ท่านชรามากนัก ลูกศิษย์จึงนิมนต์ท่านมาจำรรษาอยู่วัดท่ามะกรูด ซึ่งใกล้

หมอมากกว่า ท่านจึงจำพรรษาอยู่วัดนี้จวบจนปัจจุบัน และที่วัดนี้ท่านก็สร้างวัตถุมงคล

ต่างๆขึ้นมาอีกมากมาย คือ ภาพถ่าย , ตะกรุด , ปลัดขริก , ผ้ายันต์ , กระดาษยันต์ , พระ

พิมพ์ต่างๆ , ฯลฯ

ซึ่งวัตถุมงคลทุกชนิดขงหลวงปู่ตี๋นั้นล้วนแต่มีประสบการณ์อภินิหาริย์ต่างๆมากมายเป็นที่

นิยมเสาะหานำมาบูชาครอบครองกันทั้งสิ้น

 

การสร้างวัตถุมงคล ​

หลวงปู่ตี๋ท่านมักปลุกเสกวัตถุมงคลในบาตรพระ และวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกนั้นมักจะวิ่ง

ส่งเสียงดังเสมอ

ท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลครั้งแรกสมัยที่เป็นเจ้าอาวาสวัดกระเสียว วัตถุมงคลที่ท่านสร้างครั้ง

แรกคือ เหรียญรุ่นแรก ซึ่งออกที่วัดกระเสียวนี้ จำนวน๑๐, ๐๐๐ เหรียญ โดยแรกเริ่มท่าน

ตั้งใจจะสร้างปี พ.ศ. ๒๕๑๒ แต่ไปปรึกษาหลวงพ่อมุ่ย และหลวงพ่อมุ่ยท้วงว่าให้สร้างปี

๒๕๑๓ จะดีกว่า ท่านจึงสร้างเหรียญรุ่นแรกในปีพ.ศ.๒๕๑๓ ตามคำแนะนำของหลวงพ่อมุ่ย

พอโรงงานปั๊มเหรียญทำเหรียญอกมาเสร็จ ท่านก็นำไปให้หลวงพ่อมุ่ยผู้เป็นอาจารย์เสกเป็น

รูปแรก หลวงพ่อมุ่ยเสกให้ท่านอย่างเต็มที่เลยทีเดียว และต่อมาหลวงปู่ตี๋ท่านจึงนำมาให้

หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตารามเสกอีกเป็นรูปที่สอง ซึ่งหลวงพ่อกวยท่านก็เสกให้อย่างเต็มที่

เหมือนกัน และเป็นเวลานานเลยทีเดียว หลังจากนั้นหลวงปู่ตี๋จึงนำกลับมาที่วัด และเสกเอง

ที่วัดอีกเรื่อยๆมาเป็นเวลาหลายไตรมาส

เหรียญรุ่นแรกของท่านนี้ ลูกศิษย์นิยมเรียกกันว่า

 

ผมรู้จัก หลวงปู่ตี๋จากหนังสือพระเครื่องฉบับหนึ่งเมือสิบปีก่อนได้...

เพราะผมชอบอ่านประวัติเรื่องราวหลวงพ่อกวย..แล้วนักเขียนท่านนั้นก็นำประวัติหลวงปู่

ตี๋มาลงเป็นเรื่องราว นักเขียนท่านนั้นเรียก อาจารย์ตี๋......

วันเวลาผ่านไปหลายปี..เทคโนโลยีก้าวหน้า มาทราบข่าวท่านจากเว็ปไซด์ หลวงพ่อกวย

ว่าท่านยังดำรงขันท์อยู่.แต่ไม่ได้อยู่วัดเดิม มาอยู่ที่ท่ามะกรูด แล้วท่านก็ไม่สบาย

ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล.เขามาบอกบุญท่านนั้นนั้น.. ผมก็เลยโทรศัพท์ไปตาม

เบอร์ที่ให้ไว้เป็นเบอร์ลูกบุญธรรมท่านที่คอยดูแลหลวงปู่ โทรไปสอบถามค่ารักษา ค่ายา

สุขภาพของท่าน ท่านอยู่ที่ไหนยังไงอยากไปกราบ และได้คุยโทรศัพท์กับท่าน..

ตอนแรกอยากไปกราบท่านแต่ติดขัดค่าเดินทางตอนนั้นน้ำมันแพงมากแล้วระยะทางก็ไกล

จากบ้านพอสมควาร จึงคิดว่าค่าเดินทางนำไปถวายท่านดีกว่าก็เลยโอนเงินไปทำบุญถวาย

ท่าน และคอยสอบถามถึงอาการท่าน ลูกบุญธรรมท่านก็ได้ส่งวัตถุมงคลมาให้ผม

ตอนนั้นผมก็ได้ไปบอกบุญพี่ๆที่ทำงานต่อ..แล้วก็โอนไปถวายท่าน..300 บาทบ้าง

700 บาทบ้างตามกำลังที่มี. จนวันหนึ่งได้มีโอกาสไปกราบท่านที่บ้านลูกบุญธรรม

หลังจากคุยแต่ทางโทรศัพท์..รุ่นน้องที่ไปด้วยจะสร้างพระถวายท่านหาปัจจัยมาเป็นค่ายา

ค่าใช้จ่ายหลวงปู่. เหตุการณ์เต็มไปด้วยความยุ่งยาก งานที่รุ่นน้องรับทำไว้ เงินที่ได้มา

กำไรจะนำมาทำบุญกับท่านก็มีเหตุ นายจ้างไม่รับงาน เงินทุนหมด หลายอย่าง

รวบรวมได้ตามกำลังแต่ละคน