พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    55555 คุณน้องนู๋แค่แหย่เล่น แต่คุณหนุ่มแจกจริง ครับ หุ หุ
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    หน้าที่ของ...หัวหน้าครอบครัว

    http://hilight.kapook.com/view/35705


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    ขณะที่โลกกำลังเจริญเติบโต เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างไม่มีวันหยุด และผู้คนกลับไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ คอยแสวงหาและทะเยอทะยาน พร้อมๆ กับโทษดินฟ้าอากาศที่ไม่เป็นใจ ให้ไปถึงจุดหมายที่ใจต้องการ ทั้งๆ ที่มีอวัยวะครบ 32 มือ 2 มือ และเท้า 2 เท้า แต่ไม่เคยพยายามลองทำให้ถึงที่สุด แค่เจออุปสรรคนิดๆ หน่อยๆ ก็บ่นๆ ก็ท้อแท้สิ้นหวังกับชีวิต

    แต่ในเมืองๆ เล็ก แห่งหนึ่งในประเทศจีน ยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่แบกภาระความรับผิดชอบไว้บนบ่าทั้ง 2 ข้าง เพียงแค่คำว่า "หัวหน้าครอบครัว" หลายคนอาจคิดว่าก็คงเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป เพราะเค้าสามารถทำงานเฉกเช่นคนปกติทั่วไป ซึ่งใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว เค้ามีเพียงแค่แขน 2 ข้าง ที่ใช้แทนทุกสิ่งทุกอย่าง มีมือ 2 มือ ในการทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว เพราะเค้าสูญเสียขาทั้ง 2 สองไปอย่างไม่มีวันกลับ หรือเรียกง่ายๆ ว่า "พิการ"

    ทุกๆ เช้าชายคนนี้จะใช้ 2 แขน แทนขาที่ขาดหายไป ค่อยๆ พยุงตัวเองให้ก้าวเดินออกจากบ้าน เพื่อไปซ่อมรถจักรยานยนต์ตามบ้านหรือร้านค้าที่มีคนไหว้วาน ความรับผิดชอบที่เรียกว่าหัวหน้าครอบครัว ทำให้เค้าต้องสู้ เพราะยังมีอีก 4 ชีวิตรอให้อยู่ข้างหลัง​

    เห็นแบบนี้แล้ว...ใครที่กำลังท้อแท้กับชีวิตก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ เพราะอาจจะมีใครที่เค้าแย่กว่าเรา แต่เค้ากลับไม่เคยสิ้นหวังในโชคชะตา...
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    ไทยรองแชมป์ คอรัปชันเอเชีย

    http://hilight.kapook.com/view/35701

    [​IMG]

    ไทยรองแชมป์ คอรัปชันเอเชีย (ไทยรัฐ)

    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 8 เมษายน ว่า สำนักงานที่ปรึกษาความเสี่ยงทางการเมือง และเศรษฐกิจ (PERC) ซึ่งตั้งอยู่ในฮ่องกง เผยแพร่รายงานประจำปี 2552 เกี่ยวกับการจัดอันดับการคอรัปชันในแถบเอเชีย 14 ชาติกับอีก 2 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา การจัดอันดับครั้งนี้ กระทำโดยการสำรวจความเห็นผู้บริหารชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในภูมิภาคนี้ 1,700 คน ผลปรากฏว่า สิงคโปร์ ยังรั้งอันดับ 1 ชาติที่มีการคอรัปชันน้อยที่สุดในเอเชียไว้อย่างเหนียวแน่น (1.07 คะแนน) เช่นเดียวกับฮ่องกง ติดอันดับ 2 ตามเดิมเหมือนปีก่อน (1.89 คะแนน) ออสเตรเลีย อันดับ 3 (2.40 คะแนน) ขณะที่สหรัฐฯและญี่ปุ่น อยู่ลำดับ 4 (2.89 คะแนน) และ 5 (3.99 คะแนน) ตามลำดับ ส่วนอินโดนีเซียและไทย ติด 2 อันดับท้ายสุดของตาราง โดยอินโดนีเซียได้ที่ 16 (8.32 คะแนน) ไทยอันดับ 15 (7.63 คะแนน) ขณะที่กัมพูชาติดอันดับ 14 (7.25 คะแนน) ​

    PERC เผยว่า กรณีของประเทศอินโดนีเซีย แม้ผลสำรวจพบว่าการทุจริตคอรัปชันในวงข้าราชการ และเอกชนจะยังมีสูง แต่ยังมีความก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรมในความพยายามต่อสู้ปัญหา ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี สุสิโล บัมบัง ยูโดโยโน ผู้กำลังหาเสียงเพื่อชิงชัยคว้าเก้าอี้ เดิมเป็นสมัยที่ 2 ในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคมนี้ แต่ยังมีข้อสงสัยว่า ความพยายามแก้ปัญหาดังกล่าวนี้จะทำอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ด้านประเทศไทย PERC ระบุว่า มีผู้บริหารต่างชาติจำนวนมากที่วิตกเกี่ยวกับปัญหาวุ่นวายทางการเมืองมากกว่าปัญหาคอรัปชัน ขณะที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งติดอันดับสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ระดับความเชื่อมั่นขึ้นมาอยู่ที่ลำดับ 11 (7.0 คะแนน) แต่ PERC ยังระบุว่า หน่วยงานที่ขึ้นชื่อทุจริตโกงกินมากที่สุดในฟิลิปปินส์ คือหน่วยงานด้านศุลกากรและภาษี ตามมาด้วยตำรวจกับนักการเมือง​

    สำหรับอันดับชาติอื่นๆ เกาหลีใต้ อันดับ 6 (4.64 คะแนน) มาเก๊า อันดับ 7 (5.84 คะแนน) จีน อันดับ 8 (6.16 คะแนน) ไต้หวัน อันดับ 9 (6.47 คะแนน) มาเลเซีย อันดับ 10 (6.70 คะแนน) เวียดนาม อันดับ 12 (7.11 คะแนน) อินเดีย อันดับ 13 (7.21 คะแนน) ส่วนการที่รวมออสเตรเลียกับสหรัฐฯเข้ากลุ่มสำรวจด้วย เนื่องจากต้องการความเปรียบเทียบ สำหรับสิงคโปร์และฮ่องกง PERC ระบุเพิ่มเติมว่า ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน อาจทำให้ปัญหาคอรัปชันในภาคเอกชนของทั้ง 2 ชาติเพิ่มมากขึ้น​

    ทั้งนี้ PERC ตั้งเกณฑ์ให้คะแนน 0-10 คะแนนต่ำ หมายถึงมีการคอรัปชันน้อย คะแนนสูงหมายถึงมีการโกงกินมาก ส่วนระดับคะแนน 4.0-7.0 หมายถึงมีปัญหาคอรัปชันระดับกลางๆ ส่วนชาติที่มีแต้มเกิน 7.0 ขึ้นไป หมายถึงมีปัญหาคอรัปชันมาก


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
     
  4. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524

    ของน้องปิงกับน้องอุ้มและคุณนิวเอาจากพี่เหมียวได้เลยค่ะ ส่งที่อยู่ใส่ซองพร้อมฝากล่อง อ้าว!! ไม่ใช่!! มาทางpmเลยค่ะ


    ของพี่แอ๊ว คุณแด๋นก้เอาที่เหมียวด้วยค่ะ เดี๋ยวจะไปจิ๊กจากอาจารย์มาให้อีกค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2009
  5. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ท่านที่เหลือแบ่งส่วนของผมก็ได้นะครับ สำหรับทรายเสก เดี๋ยวของพี่หนุ่มหมดครับ
    ขอตัวไปจัดของก่อนนะครับ กำลังเตรียมย้ายบ้านครับ
     
  6. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ้าว พี่เหมียวมาโพสตัดหน้าแป้บเดียวเอง สวัสดีครับ
     
  7. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969

    อนุโมทนาและขอบคุณมากๆนะคะ ส่งของพี่แอ๊วมาด้วยกันก็ได้ค่ะ
    เพราะพี่แอ๊วไม่ได้เข้าweb คงไม่ทราบเรื่อง
    ขอบคุณแทนพี่แอ๊วด้วยค่ะ
    ขอที่อยู่คุณkaticatด้วย จะส่งของมาให้ค่ะ

    คุณหมอคะพี่ขอที่อยู่ด้วยนะคะ
    จะส่งซีดีมาให้(พระอาจารย์...สั่งมาค่ะ)

    สุขสันต์และสงบเย็นในวันสงกรานต์นะคะทุกท่าน
     
  8. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    กราบขอบพระคุณพระอาจารย์ และ โมทนาสาธุกับพี่ด้วยครับ
     
  9. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    มีของน้องกวง กับพี่อ้อยด้วย เดี๋ยวเหมียวส่งให้ ที่อยู่มีแล้ว เอ!คุณรุ่ง(พรสว่าง)ได้หรือยังคะ คุณตั้งจิตอีกคน ยังไงแจ้งด้วยนะคะ
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ๕ วันที่ผ่านมาบ้านเมืองของเราเริ่มส่อเค้าความวุ่นวาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใจเป็นสุขมาก คือการปฏิบัติสมาธิ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา ได้เรียนเล่มที่ ๒ เริ่มเข้าเนื้อหาของสมาธิอย่างเข้มข้นขึ้น เมื่อวานได้พูดถึงการวัดผลของสมาธิ เพื่อทราบความก้าวหน้าของตนเองว่าอยู่ในระดับไหน และเพื่อให้สามารถเข้าใจตรงกันว่าติดขัดที่ขั้นตอนไหน

    อารมณ์ของขณิกะสมาธิมี ๖ ขั้น อารมณ์ของอุปจาระสมาธิก็มี ๖ ขั้น อารมณ์สุดท้ายคืออัปปนาสมาธิก็มีอยู่ ๖ ขั้นเช่นกัน ทีนี้เวลาสื่อให้ตนเองเข้าใจก็จะให้ code เป็น A-B-C ที่เท่าไหร่ เช่น A5 คือเป็นขณิกะสมาธิ ขั้นที่ 5 คือเริ่มชำนาญในการเข้าภวังค์ เมื่อคืนนี้เลยทดลองเข้าภวังค์สลับกันอยู่ ๕ เที่ยว โอ...จิตเป็นสุข และได้สะสมพลังจิตดีจริงๆ
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผลของพลังจิตที่สะสมจากการทำสมาธิทุกวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะให้ผลที่เราเองก็ไม่รู้ตัว เช่นครูผู้สอนเมือคืนมาสอนในหัวข้อการวัดผลของสมาธิ เพียงแว๊บแรกที่เห็นหน้า ความรู้สึกสนิทเกิดขึ้นมาทันที เหมือนมีกระแส หรือพลังดึงดูดอะไรบางอย่างให้เกิดความสนใจ รู้สึกว่าเราน่าจะรู้จักมากกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ภายหลังจึงทราบว่าจบจากสถาบันเดียวกับผบ.ทบ.ผมทั้งตรี และโท เป็นรุ่นพี่ ๔ ปี อีกทั้งยังทำงานด้านสายบัญชี อีกทั้งยังเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตซึ่งก็เป็นสาขาเดียวกับที่ผมเคยทำงานมา ระหว่างทางซึ่งอาจารย์ผู้สอนได้ขอโดยสารกลับพร้อมกันนั้น จึงทราบว่า ท่านรู้จักกับน้าเขย และน้าสาวของผม..
     
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ถึงเวลาได้รู้อะไร จะได้รู้เอง..

    เมื่อคืนนี้ผมได้รู้ความหมายของคำว่า ลิขิตเป็นของฟ้า ชะตาเป็นของคน..

    เมื่อมีความสงสัยถึงความเป็นจริงแห่งวิชาโหราศาสตร์ จึงเอาตัวเองเข้าไปศึกษา จนวันหนึ่งพบว่า ทางเดินของชีวิตของแต่ละคน คล้ายได้ถูกจัดวางในตำแหน่งแห่งที่ต่างๆไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เราเกิดแล้ว การศึกษาโหราศาสตร์จึงทำให้เราเชื่อไปในแนวทางแห่งผลที่ชี้นี้ เพราะได้ทดสอบแล้วทดสอบเล่าก็ได้ผลตามนั้น แต่ก็ยังมีความสงสัยว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น แก้ไขได้หรือไม่ ที่เขาเรียกกันว่าแก้กรรมนั่นเอง ความนี้ผมได้เคยสอบถามญานลาภีที่เป็นอาจารย์ผมท่านหนึ่ง ท่านได้สื่อกับองค์พระราหูให้ผมได้ทราบถึงพระราหูที่เสวยอายุยังดวงชะตาของมนุษย์ยังโลกมนุษย์นั้น ท่านว่า คนทำดี จะได้รับผลดีตามนั้น ส่วนคนทำชั่ว จะทำดีก็ไม่ได้ ทำได้ก็ไม่ดี แก้ยังไงก็ไม่พ้นวิบากกรรมใหญ่ กรรมเล็กๆยังพอแก้ไขได้บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด แม้คนผู้นั้นจะพยายามทำดีแล้วก็ตามที เนื่องจากเป็นคนละภพ คนละชาติกัน ลบล้างกันไม่ได้ กรรมดีของชาตินี้จะส่งผลยังชาติหน้า

    ดังนั้นแผนที่ชีวิตของคนแต่ละคน คือลิขิตฟ้า ชะตากรรมเราเป็นผู้เดินไปตามลิขิตนั้นนั่นเอง...
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เหตุต้น-->ผลกรรม

    เมื่อคืนนี้อาจารย์ผู้สอนได้กล่าวไว้ในช่วงหนึ่งของหัวข้อสมาธิ

    ชาตินี้เป็นอย่างไรคือผลกรรม เกิดจากชาติที่แล้วคือเหตุต้น..

    รักษากาย วาจา ใจของตนให้สุภาพอ่อนน้อมต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อมนั้น นี่คือเหตุต้น..

    การเกิดในตระกูลสูงมีกาย วาจา ใจ ที่งดงาม อ่อนน้อม คือผลกรรม..

    รวมความว่า การรักษากรรมบถ ๑๐ เป็นเหตุให้ได้เกิดในตระกูลสูง

    ท่านยกตัวอย่างท่านหนึ่ง คือสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี...
     
  14. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เมื่อ ๒ วันก่อน ได้พบท่านผู้หนึ่งที่เป็นรุ่นพี่ครูสมาธินี้ ได้ให้ชมพระหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร พิมพ์เนื้อผนังถ้ำ สีน้ำตาลแดง พลางบอกว่าหายาก..ไม่มีแล้ว เราหรือก็ได้แต่ยิ้มๆ เออ ออไปกับเขา (หายากสำหรับเขา แต่คณพระวังหน้าเราหากันไม่ยากหรอกครับ) หายากกว่านั้นก็ดูๆแล้วมีกันทั้งนั้นเลยนา เพื่อนๆ หุ..หุ..ว่าแต่สายหลวงปู่มั่นนี้ นิยมพระของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรกันมากพอสมควรเลยนะ..
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ผ๊มว่ามันจะง่ายกว่านี้มากถ้าท่านเพชรนำมาแจกเพื่อนๆพี่น้องเลย อ่ะครับ หุ หุ
     
  16. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หุ..หุ..เข้าทางตาลุงข้างบ้านอีกแล้วเรา..

    อันที่จริง แบบบุเงิน ทอง นากนี้ดีกว่าแบบนี้มากมาย แต่หากได้ทราบว่าเนื้อแท้ๆก่อนบุนี่เป็นยังไงก็เข้าท่านะครับ 55555 ลองแกะทอง เงิน นาก ที่บุออกดูจะรู้เองนะ ต้องพิสูจน์เองถึงจะรู้ และเข้าใจได้ลึกซึ้ง...
     
  17. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    วันนี้ว่าจะห้อยพระหลวงปู่เนื้อทองแปดไปให้เขาชมกันที่ว่าหายากนี่ แบบนี้ สงสัยเขาจะว่า หาง่าย...55555
     
  18. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE class=tborder id=post2011222 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] 31-03-2009, 01:53 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->atidtarn<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2011222", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Mar 2005
    สถานที่: Bangkok, Thailand
    อายุ: 33
    ข้อความ: 156
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 2
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 244
    ได้รับอนุโมทนา 837 ครั้ง ใน 109 โพส
    พลังการให้คะแนน: 122 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2011222 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ตาที่สามของคุณเปิดหรือยัง (ยกคำตอบมาจากกระทู้การเปิดตาที่สาม)<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 250x250, created 31/01/09 */google_ad_slot = "7252767143";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&dt=1239344178703&lmt=1239344178&output=html&slotname=7252767143&correlator=1239344178703&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff9%2F%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%A2%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%94%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%99%C2%88%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%82%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%87%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%84%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%9C%E0%B9%80%E0%B8%99%E2%82%AC%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%9B%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%9D%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%83%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%82%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%91%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%87-%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%82%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%81%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%84%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%93%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%A2%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%9A%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%88%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%81%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%81%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%83%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%94%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%99%C2%89%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%81%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%83%E0%B9%80%E0%B8%99%E2%82%AC%E0%B9%80%E0%B8%98%C2%9B%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%9D%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%A2%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92%E0%B9%80%E0%B8%98%E2%80%94%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%99%C2%88%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%92%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%81.181231/%23post2011222&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2F&frm=0&ga_vid=484259667.1239206867&ga_sid=1239343724&ga_hid=1976347611&ga_fc=true&flash=9.0.124.0&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=8&u_java=true&dtd=62&w=250&h=250&xpc=UE8GsS8N1x&p=http%3A//palungjit.org" frameBorder=0 width=250 scrolling=no height=250 allowTransparency></IFRAME></INS></INS>
    ดิฉันขออนุญาตยกหัวข้อ "ตาที่สามของคุณเปิดหรือยัง"

    โดยยกคำตอบมาจากกระทู้การเปิดตาที่สาม จากคุณ CHAYA MARUTY

    ทั้งนี้เพื่อให้คนที่เข้ามาใหม่ และมักจะถามว่าตัวเองมีตาที่สามหรือเปล่า เปิดแล้วหรือยัง ได้ตรวจสอบตนเองค่ะ อาจารย์ The third Eye และอีกหลายๆ ท่านที่มีพลัง จะได้ไม่เหนื่อยตอบคำถามซ้ำซาก อย่างที่คุณ CHAYA MARUTY แสดงเจตนาไว้ โดย CHAYA MARUTY ได้ตอบคำถาม ดังนี้

    วิธีตรวจสอบว่าตาที่สามเปิดแล้วหรือยัง มีดังนี้

    1. หงายมือทั้งสองขึ้น ให้ปลายนิ้วกลางทั้งสอง ห่างจากกันประมาณ 2 นิ้ว วางมือทั้งสองบนฉากสีขาวเช่นกระดาษ ให้ห่างจากฉากประมาณ 2 นิ้ว เพ่งตาไปที่ช่องว่างระหว่างนิ้วกลาง ชี้ และ นาง แบบสะบาย ๆ ถ้าเห็นเป็นแสงสีต่าง ๆ ภายใน 1 นาที่ ตาที่สาม เปิดไปราว ๆ 20 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเห็นเป็นสีใสขุ่น ๆ เท่านั้น ตาเปิดเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้ามอง ไม่เห็นอะไรเลย ยังไม่เปิดครับ

    2. ให้เพื่อน ไปยืนยัง ผนังที่มีฉากสีขาว แล้วเรายืนห่างจากเพื่อนประมาณ 4-5 เมตร ให้มองไปยังร่างของเพื่อนถ้าเห็นแสงสีต่าง ๆ รอบตัวและศรีษะของเพื่อนออกมาจากกายของเพื่อน ราว ๆ 2-3 นิ้ว ที่ศรีษะจะชัดเป็นพิเศษ สามารถแยกชั้นสีต่าง ได้อย่างชัดเจนภายใน 1 นาที ตาที่สามของท่านเปิดแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์

    3. ให้เพื่อน ไปยืนยัง ผนังที่มีฉากสีขาว แล้วเรายืนห่างจากเพื่อนประมาณ 4-5 เมตร ให้มองไปยังร่างของเพื่อน ราว 1นาที แล้วหลับตา แบบทันที
    ถ้าเห็นกายในของเพื่อน บนฉากตา ในขณะหลับตา อย่างชัดเจน ตาของท่านเปิด 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจะเห็นกายของเพื่อนเป็นกายอะไร ก็แล้วแต่อารมณ์ของเพื่อนว่ากำลังทรงอารมณ์อะไรอยู่

    เช่น ถ้าเป็นคนดีมีศีล ก็จะเห็นกายในเห็นเทวดาทันที่ ถ้าเพื่อนเข้าฌาณอยู่ด้วย ก็จะเห็นกายในเป็นกายพรหม ถ้าเพือนกำลังคิดไม่ดีเช่น กำลังปรามาสพระอยู่ เห็นแล้วอย่าตกใจ กายในจะเห็นเป็น อสุรกาย อันนี้มีหลายคนที่เคยฝึกตาที่สามสามารถยืนยันได้น่ะครับว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
    (ถ้าอยากทราบว่ามีใครบ้าง จะได้สอบถาม เพื่อความรู้ก็พี่เอ็มมาถามได้ครับ ตอบในที่นี้คงไม่เหมาะครับ) 4. ถ้า หากมีความสามารถเห็นกายในผู้อื่น ได้ในขณะลืมตา หมายความว่า สามารถ เห็นกายในซ้อนกายเนื้ออยู่ และเห็นกายในของผู้ที่ไม่มีกายนอก ( ผี เทวดา สัมภเวสี อสุรกาย ต่าง ๆ ) แล้วล่ะก็ ตาที่สามของท่าน เปิด 100 ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วครับ ขอสำคัญอย่าหลอกตัวเอง เช่น อุปทานไปเอง ของจริงเราจะเห็นเองโดยไม่ต้องคิดล่วงหน้า เห็นแบบเรียลไทม์เลยครับ จะเห็นแบบนี้ได้ก็ต้องเป็นผู้ที่มีสติเต็มร้อย เข้าอุปจาระสมาธิ ได้ตลอดเวลาครับ........

    ลองทดสอบดูครับ ว่าตัวเองได้กี่เปอร์เซ็นต์ฺแล้วที่เขียนบททดสอบมาให้ก็เพราะว่า สงสารท่านอาจารย์อาชวินครับ ที่มีคนถามท่านทุกวั๊นทุกวัน
    ท่านคงเหนื่อยเหมือนกันครับ คราวนี้ ก็ตรวจสอบตัวเองได้เองแล้วน่ะครับ.... ได้ผลยังไงก็รายงานผลกันหน่อยน่ะครับ สวัสดีครับ......

    อ๋อ ปล. ครับ..... ในขณะที่กำลังทดสอบ ให้ทรงอารมณ์สะบาย ๆ ที่สุด ไม่ต้องอยากเห็น ไม่ต้องตื่นเต้น และอย่าเครียดครับ ผลจะไม่ตรงครับ

    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->นิพพานในโลกมนุษย์นี้เขาเรียกว่า
    ปฏิบัติ"จิต"ให้ว่างที่สุด นานเท่านาน
    ผู้นั้นถึงนิพพานแห่งการเป็นมนุษย์ คือ สุญญัง
    นี้แหละเขาเรียกว่าสูญจากอาสวกิเลส
    สูญจากการเป็นทาสอารมณ์แห่งการเป็นมนุษย์
    --สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)--

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ก็เป็นผลจากการฝึกพลังจิตในการทำสมาธิถึงขั้นอุปจาระสมาธิ ขั้นที่ ๖ คือจุดพลังอำนาจ มีตาทิพย์(ทิพจักขุญาน) รู้ใจคน และสัตว์(เจโตปริยญาน) รักษาโรค เป็นอภิญญา ซึ่งหากเน้นไปทางนี้จะพลาดโอกาสของวิปัสสนาไปอย่างน่าเสียดาย หากไปทางวิปัสสนา จะได้อภิญญามาเป็นของแถม แต่หากมุ่งวิปัสสนาอย่างเดียว โดยไม่เอาสมถะเลยก็จะเหลวเป๋ว พระพุทธเจ้าใช้เวลาทุกชาติทำสมถะ เพียงชาติสุดท้ายที่ใช้วิปัสสนา เนื่องจากมีกำลังของสมถะที่ทำมาทุกชาติเพียงพอแล้วนั่นเอง..

    การทำพลังจิตหากจะได้พลังจิตสะสมมากขึ้นๆนั้น จะต้องรู้ตัว ไม่ใช่เคลิ้มเข้าภวังค์หลับไปโดยไม่รู้ตัว แบบนี้ไม่ได้พลังจิต ได้แต่พักทางกาย ไม่ได้พลังใจ..คือเข้าภวังค์แบบรู้ตัว และต้องทำเพียงฌาน ๔ เท่านั้น เกินจากนั้น เป็นการสูบกินพลังจิต แต่เป็นความสุข

    วิธีการเก็บสะสมพลังจิตคือ การเข้าออกฌาน ๑-๔ ให้เป็นปกติเท่านั้น
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><IFRAME name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1239345077625&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1239345077625&ea=0&frm=1&ga_vid=484259667.1239206867&ga_sid=1239343724&ga_hid=527192085&ga_fc=true&flash=9.0.124.0&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=12&u_java=true&dtd=46" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2009
  19. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ผมไปรื้อมาดู หุ..หุ..คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->LNS@BDZ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_959111", true); </SCRIPT> กล่าวได้ดีแล้ว

    ครั้งแรกผมก็สงสัยมากเลยว่า ทำไมหลวงพ่อวิริยังค์จึงนำหลักสูตรครูสมาธินี้มาสอนฆราวาส พระสงฆ์องค์เจ้าก็สงสัยข้อนี้อยู่ในครั้งแรก ปัจจุบัน พระสงฆ์ก็มาเรียนหลักสูตรนี้กันมาก ความเข้าใจในวันแรกกับวันนี้ต่างกันมาก ถึงเวลาธรรมะจะจัดสรรให้เอง ทั้งเวลา สถานที่ และทุกๆอย่าง การเรียนสมาธิ ให้ได้พลังจิต ให้ได้ฌานต้องแยกเรื่องศีล และทางจิตออกจากกัน ที่จริงมันไม่เกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำไป คนชั่วก็เรียนได้ และสำเร็จพลังจิตได้ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกันกับศีล หรือการเสพกามคุณ ๕

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านมีกุศโลบายสอนให้คนที่ผิดศีลอยู่แหม๊บๆ ไปเห็นพระนิพพานได้ และเมื่อกลับลงมาแล้ว คนๆนั้นจะเชื่อเรื่องนรกสวรรค์หรือไม่ก็แล้วแต่คนผู้นั้น หากเขาทรงอารมณ์อุปจาระสมาธิ ซึ่งเทียบเท่ากับหลักสูตรครูสมาธิของหลวงพ่อวิริยังค์ในขั้นที่ ๖ คือจุดพลังอำนาจ ก็สามารถไปเห็นพระนิพพานได้ ซึ่งการเห็นนี้ต่างจากนิมิตมาก นิมิตนี่เราเห็นจริงๆ แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่จริง ...



    <TABLE class=tborder id=post959111 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">04-02-2008, 06:50 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #68 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->LNS@BDZ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_959111", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2006
    ข้อความ: 471
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 0
    Groaned at 2 Times in 2 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 76
    ได้รับอนุโมทนา 2,342 ครั้ง ใน 403 โพส
    พลังการให้คะแนน: 234 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_959111 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ผู้มีจิตอันตั้งมั่น [​IMG]
    ก่อนแรกต้องขออภัยกับทุกท่านๆที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ซึ่งผมเองก็เคารพหลักธรรมของท่านเหมือนกัน ที่โพสนี้มิได้ดูถูกหรือดูหมิ่นแต่อย่างใด แต่เพราะความเห็นของผมกับเรื่องการสอนทำสมาธิของหลวงพ่อ ในทางที่ให้เพ่งอุปภาคนิมิต แล้วยึดติดเป็นอารมณ์ แล้วถอดจิตถอดวิญญาณท่องนรกสววรค์ และยังสามารถขึ้นไปท่องนิพพานได้ ซึ่งผมได้อ่านในนี้ก็รู้สึกมีสมาชิกหลายคนสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ก่อนอื่นก็ต้องบอกก่อนเลยว่า การที่มนุษย์เราซึ่งยังไม่สามารถละกิเลสได้จะสามารถถอดจิตแล้วไปนิพพานขึ้นไปหาพุทธเจ้า ได้ ทั้งที่พระนิพพานก็มีอธิบายไว้อย่างละเอียดว่าเป็นดินแดนที่ผู้มีกิเลสมิอาจล่วงไป ถ้ายังงั้นคนที่ถอดจิตถอดวิญญาณได้ก็คงบรรลุอรหันต์หมดทุกคน เพราะสามารถไปนิพพานได้ คงไม่ต้องเพ่งพิจารณาทำวิปัสสนาให้เมื่อยตุ้ม เพราะเพียงแค่ทำจิตให้ติดนิมิตก็ได้บรรลุอรหันต์ ทั้งที่สายหลวงปู่มั่นก็สอนให้เป็นหนักหนาสำหรับพระที่กำลังเป็นวิปัสสนูคือ หลงไปตามความรู้ทีได้เห็นได้ยินมาจากการนั่งสมาธิแล้วมาคิดเป็นจริง หลวงปู่ดูลย์ท่านเองเป็นพระอรหัตน์ทั้งองค์กระดูกเป็นพระธาตุท่านก็ยังสอนว่า นิมิตต่างๆที่ได้พบเห็นน่ะเป็นสิ่งที่ไม่จริงทั้งนั้น เห็นน่ะจริง แต่สิ่งที่เห็นน่ะไม่จริง เพราะฉะนั้นผมจึงคิดว่าการที่ทำสมาธิถอดจิตได้แล้วไปท่องนรกสววรค์ล้วนเป็นเรื่องของการติดนิมิตทั้งนั้น หลวงปู่มั่นตอนแรกๆที่ท่านปฏิบัติใหม่ๆท่านก็เจอนิมิตแบบนี้เหมือนกันแต่ท่านก็สักแต่ว่ารู้สักแต่ว่าเห็น เพราะท่านก็รู้ว่านิมิตต่างๆมันเป็นเรื่องที่หลอกลวงทั้งนั้น ท่านจึงละ และก็ได้บรรลุคุณธรรมที่ปราถนา ผมจึงอยากจะเตือนท่านทั้งหลายที่เป็นสมาชิกในที่นี้ อย่างบางคนที่ว่านั่งสมาธิไปถามเทวดา ถามพระพุทธเจ้า เรื่องการปราถนาพุทธภูมิแล้วบอกว่าคนนั้นอีก 10 ชาติจะได้เป็น คนนี้อีก 3ชาติจะได้เป็น บางทียังบอกว่าตนเองจะได้เป็นมหาสาวก เป็นพระพุทธเจ้าอีกไม่กี่ชาติเท่านั้นเอง ท่านทั้งหลายรู้ตัวเองบ้างไมครับ ว่าท่านน่ะ วิปัสสนูอย่างเข้าขั้นเลย อาจจะวิปลาสได้ สมาธิขั้น ถอดจิตถอดวิญญาณน่ะเป็นแค่สมาธิขั้น อุปจาระเท่านั้นเอง ถ้าไปบอกคนอื่นว่าได้ ฌาน1ฌาน2-3-4 คนที่รู้จริงๆๆเขาจะหัวเราะเยาะให้ ลองศึกษาคำว่าฌานให้ดี ว่าแปลว่าอะไร ฌานแปลว่า การเพ่งอยู่ การที่จะบรรลุฌาน1ได้นั้นจิตจะต้อง มี วิจาร ปิตี สุข เอกัคคตา ครบ 4อย่างถึงเรียกว่าฌาน1 ส่วนฌาน2คือจะระงับ วิจารได้ เหลือ ปีติ สุขเอกัคคตา ฌาน3คือ สุข เอกัคคตา ฌาน4 คือ เอกัคคตา คือจิตรวมเป็นหนึ่ง หรือเรียกว่าจิตขั้นพุทธะแต่ความรู้หรือวิชชา ยังไม่สามารถละกิเลสได้ หลวงปู่มั่นท่านเองเวลารับแขกเทวดา ที่มาฟังธรรม ท่านก็ต้องถอยจิตของท่านให้เข้าสู่สมาธิขั้นอุปจาระ จึงสามารถเทศนาธรรมสอนเทวดาได้ (ถ้าอยากรู้ให้ไปหาอ่านประวัติหลวงปู่มั่น ตอนที่ท่านถูกเทวดา ตำหนิ เรื่อง ความสัตย์ เพราะท่านตกลงกับเทวดาก่อนแล้ว่วาเวลานั้นเวลานี้ให้เขามาฟังธรรมจากท่าน แล้วท่านจะเข้าฌานรอ เวลาที่เทวดาจะมา แต่บางทีท่านอาจจะพักผ่อนในฌานนานเกินไป จนเทวดามารออยู่นานแล้วเทวดาเลยตำหนิเรื่องนี้
    เทวดาเองจะปลุกท่านก็ไมได้เพราะมันเลยจิตเลยภูมิธรรมของเทวดาที่จะเข้าไปตามได้เว้นไว้แต่ผู้มีฌานเสมอกัน นี่เห็นไมล่ะครับ การที่พวกคุณนั่งสมาธิแล้วเห็นโน่นเห็นนี้น่ะ มันติดนิมิต เป็นวิปัสสนูกันทั้งนั้น จิตขั้นที่พูดคุยกับเทวดาได้ก็อยู่ในขั้นแค่ อุปจารเท่านั้นเอง มิได้สูงไปกว่านั้นเลย และยิ่งมีบางคนนั่งสมาธิไปถามพระพุทธเจ้าได้ พูดคุยกับพุทธเจ้าได้หรือไปดินแดนแห่งนิพพานได้ ยิ่งไปกันใหญ่เลย เพราะภูมิจิต ภูมิธรรมของพวกคุณมันเข้าคุณธรรมระดับนั้นไม่ได้ ถ้าเกิดมันเป็นจริงอย่างที่คุณว่า งั้นผมคิดว่าป่านนี้เทวดาก็คงได้บรรลุอรหันต์หมด เพราะสามารถไปหาพระพุทธเจ้าได้ ผมจึงอยากจะบอกท่านที่กำลังคิดว่าตัวเองจะได้เป็นนั้นเป็นนี้ ว่าท่านน่ะจะเป็นบ้าได้ เพราะพระที่เป็นบ้าหลาบองค์ก็ล้วนแต่ติดนิมิตติดความรู้จากจิตกันทั้งนั้น เมื่อรู้ต้องละ ผมเองก็เคยปฏิบัติถาวนามาเหมือนกัน เคยเห็นนิมิตมาบ้างเหมือนกัน นิมิตของผมก็ไมได้ต่างจากพวกคุณเลย เห็นผีสางเทวดา นางไม้ บางทีก็นิมิตว่าตัวเองเป็นนั้นเป็นนี้จนคิดเป็นตุเป็นตะยังเคยนิมิตว่าตนเองสู้กับเทวดาเลย แต่ผมก็รู้ว่ามันไม่จริง จิตมันหลอกเราทั้งนั้น ผมจึงอยากให้พวกคุณลองเอาคำพูดผมไปคิดดู ว่าตัวเองติดนิมิตหรือไม่หรือยังคิดว่าสิ่งที่ท่านได้เห็นได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง บุคคลที่สามารถทำจิตให้เป็นฌานได้นั้น ต้องระงับ นิวรณ์ 5ได้เท่านั้น ปุถุชนคนธรรมดา ถ้ายังเสพกามคุณ 5 อยู่ มิอาจทำจิตให้เป็นฌานได้เลย อย่างมากก็ได้แค่ขั้นอุปจาระ สามารถถอดจิตถอดวิญญาณได้เท่านั้น เพราะสมาธิขั้นอุปจาร เป็นสมาธิที่ปุถุชนสามารถยังให้เกิดได้ถ้าอาศัยการเพ่งอยู่ ทำอยู่ ให้เป็นอารมณ์ คำว่าพรหม คือผู้ที่ประพฤติพรหมจรรย์ ทำจิตให้ออกจากกามคุณ 5 รูปเสียง กลิ่น รส โพฑัพพะ จึงจะเรียกว่าพรหม


    <SCRIPT src="http://thaiblogger.org/webbands/weloveourking_left.js" type=text/javascript></SCRIPT><STYLE>@import url( http://comed46.com/webbands/webband.css );</STYLE>[​IMG]
    <MAP name=THBLeft><AREA shape=POLY target=_blank coords=100,0,0,100,0,71,71,0 href="http://thaiblogger.org/webbands/"></MAP><STYLE>@import url( <a href="http://comed46.com/webbands/webband.css);" target="_blank">http://comed46.com/webbands/webband.css );</STYLE>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในฐานที่ผมมีความเข้าใจด้านนี้ และมีประสบการณ์มาพอสมควร ก็ขออนุญาตแยกตอบเป็นข้อๆ เลยนะครับ

    1.ที่คุณบอกว่า การที่มนุษย์เราซึ่งยังไม่สามารถละกิเลสได้จะสามารถถอดจิตแล้วไปนิพพานขึ้นไปหาพระพุทธเจ้าได้ ทั้งที่พระนิพพานก็มีอธิบายไว้อย่างละเอียดว่าเป็นดินแดนที่ผู้มีกิเลสมิอาจล่วงไป จริงๆแล้ว การฝึกของจริง หลวงพ่อท่านแนะนำให้ตัดกิเลสบางตัวก่อนชั่วขณะนั้น เช่น สีลัพพตปรามาส และวิจิกิจฉา ท่านจะให้รับไตรสรณาคมน์และสมาทานศีลด้วยความเคารพก่อนการฝึกทุกครั้ง เพื่อให้มีการรักษาศีลอย่างมั่นคงในเวลานั้น และไม่มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย แล้วเวลาฝึกที่หลวงพ่อให้ครูฝึกแนะนำการตัดกิเลสเป็นวิปัสสนาญาณ ให้เห็นถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาของการเกิดเป็นมนุษย์ และการเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม ตรงนี้ก็เป็นการตัดสักกายทิฏฐิ คือการเห็นว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา กิเลสทั้ง 3 อย่างที่ยกมานี้ เป็นสังโยชน์ 3 อย่างที่ต้องตัดเป็นอันดับแรกเพื่อเข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน ดังนั้น จิตในขณะที่พบพระนิพพาน จึงเป็นโคตรภูญาณอย่างอ่อน เริ่มเข้าถึงกระแสพระนิพพานแล้ว จึงสามารถสัมผัสและเห็นพระนิพพานได้เป็นเบื้องต้น ดังนั้นเลยจึงกล่าวได้ว่า คนที่ฝึกแล้วเข้าถึงพระนิพพานได้นั้น อย่างน้อยสังโยชน์ต้องเบาบางลงบ้างแล้ว จึงไม่ใช่ว่าคนมีกิเลสจะเข้าไปดูนิพพานได้ด้วยการฝึกทุกคนไป

    2.ที่คุณบอกมาว่า ถ้ายังงั้นคนที่ถอดจิตถอดวิญญาณได้ก็คงบรรลุอรหันต์หมดทุกคน เพราะสามารถไปนิพพานได้ คงไม่ต้องเพ่งพิจารณาทำวิปัสสนาให้เมื่อยตุ้ม เพราะเพียงแค่ทำจิตให้ติดนิมิตก็ได้บรรลุอรหันต์ จริงๆแล้ว ผู้ที่ถอดจิตถอดวิญญาณได้ ถ้านับตามทางพระพุทธศาสนา คืออย่างน้อยที่สุดต้องได้จตุตถฌาน หลวงพ่อกล่าวไว้ว่าสมาธิเปรียบเสมือนแรงจับอาวุธ วิปัสสนาเปรียบเสมือนอาวุธ ต้องมีทั้งสองอย่างคู่กัน จริงๆ แล้ว คนที่ทำสมาธิจนถอดจิตถอดวิญญาณได้นั้น ก็ไม่ต้องทำวิปัสสนานานๆ ให้เมื่อยตุ้ม กำลังจิตของจำพวกนั้นดีมาก จับอารมณ์วิปัสสนาวันสองวันก็บรรลุพระอรหันต์แล้ว

    3.ที่คุณบอกมาอีกว่า การที่ทำสมาธิถอดจิตได้แล้วไปท่องนรกสววรค์ล้วนเป็นเรื่องของการติดนิมิตทั้งนั้น เรื่องของการถอดจิตนั้น จริงๆ เป็น 1 ในวิชชา 8 เรียกว่า "มโนมยิทธิ" ซึ่งพระอรหันต์หลายๆ ท่านก็ทำได้ ถ้าจะว่ามโนมยิทธิเป็นเรื่องการยึดติดนั้น พระอรหันต์ไม่มีการยึดติดแล้ว จะด่วนสรุปว่ามโนมยิทธิเป็นการยึดติดนั้น ก็ไม่ใช่วิสัยที่ปุถุชนจะด่วนสรุปได้ครับ

    4.แล้วก็ที่คุณบอกมาอีกว่า ปุถุชนคนธรรมดา ถ้ายังเสพกามคุณ 5 อยู่ มิอาจทำจิตให้เป็นฌานได้เลย อย่างมากก็ได้แค่ขั้นอุปจาระ สามารถถอดจิตถอดวิญญาณได้เท่านั้น จริงๆ แล้ว ฌานเป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ ครับ ไม่เกี่ยวข้องกับทางกายภาพใดๆ ทั้งสิ้น มีหลายๆ ท่านในบอร์ดนี้ที่ยังเป็นฆราวาส เสวยกามคุณอยู่ ได้ฌานสมาบัติก็เยอะนะครับ

    5.ผมเองก็อยากทำความเข้าใจนิดนึง ว่าหลวงพ่อท่านนำมโนมยิทธิมาสอน จริงๆ ก็มีจุดประสงค์เพื่อกันความคิดมิจฉาทิฏฐิในลูกศิษย์ของท่าน ท่านรู้อัธยาศัยของลูกศิษย์ท่านดีว่าต้องเห็นกับตาถึงจะเชื่อ จึงนำ"ความรู้พิเศษ"นี้มาสอน แล้วท่านก็รู้ดีว่าคนที่เข้ามาหาท่าน มาฝึกกับท่าน ส่วนใหญ่เป็นพวกอยากรู้อยากเห็นไปหมด ถ้าจะเอากรรมฐานใดกรรมฐานหนึ่งในกรรมฐาน 40 หรือจะเอาในมหาสติปัฏฐานสูตรมาสอน ท่านเห็นว่ากว่าจะได้รู้ได้เห็นก็เป็นเวลานาน ดีไม่ดีลูกศิษย์ท่านจะเบื่อ ทิ้งกรรมฐานซะก่อน ก็ไม่ได้ผล ท่านเลย"หลอก"ให้เจริญกรรมฐาน โดยสอน"ความรู้พิเศษ"นี้ พอเห็นผลทันตา ก็ตั้งใจเจริญกรรมฐานจนประสบผลสำเร็จไปหลายคนแล้ว จริงๆ วิธีการแบบนี้ ใช้มาตั้งแต่รุ่นครูบาอาจารย์สมัย ร.5-ร.6 แล้ว คืออยากทำอะไร ก็สอนตรงนั้น เช่น อยากหนังเหนียว คงกระพันชาตรี ก็ให้คาถาพวกหัวใจต่างๆ ไปภาวนา คนที่ภาวนาก็ได้ฌานโดยไม่รู้ตัว เพราะครูบาอาจารย์ท่านก็ให้ภาวนาทุกวัน เป็นการรักษาฌานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แถมหนังเหนียว คงกระพันชาตรีอีกตะหาก จากตรงนี้มีอยู่ไม่กี่ท่านที่ได้"อภิญญา"เป็นที่เลื่องลือ แต่นึกไม่ถึงว่าเป็นอภิญญา ที่รู้จักกันดีท่านหนึ่งคือเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระองค์ท่านมีตำนานหลายอย่างที่เป็นที่เลื่องลือ เช่น หายตัวลงไปอยู่ในโหลแก้ว ตรงนี้ถ้าไม่ใช่อภิญญา พระองค์ก็ทำไม่ได้ ก็ยกตัวอย่างมาเท่านี้ก็เพียงพอ

    ก็ฝากไว้ว่า ถ้าจะวิจารณ์อะไร ก็ศึกษาให้ดีก่อนทุกแง่มุม ไม่ใช่มองมุมเดียวแล้วมาพูด การมองด้านเดียว แล้วมาบอกคนว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เหมือนตาบอดคลำช้าง บอกว่าช้างเป็นกำแพง เป็นพู่กัน อย่างนี้เป็นต้น แล้วก็มาเถียงกันกะคนอื่น จะได้ผลเสียมากกว่าผลดี ก็ฝากตรงนี้ไว้ด้วยนะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,949
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 15 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, nongnooo+, ake7440+, newcomer+, :::เพชร:::+, hongsanart+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ่า มาครบแก๊งครับ

    แถมผู้ช่วยมาอีกด้วย หุหุหุ

    สวัสดีครับทุกๆท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...