การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

โอ๊ย พิมพ์ในเวิด แล้วก๊อบมาใส่ ลืมทำตัวใหญ่ ใจร้อนไปหน่อย ขอแก้ตัวครั้งหน้า อ้าวแล้วมันทำยังไงหว่า ไม่เห็นมีให้เลือกเลย

 

จะเลือกเปลี่ยนขนาดของตัวอักษรต้องกดปุ่ม เลือกตอบเต็มรูปแบบ แล้วหน้านั้นจะมีฟังก์ชั่นให้เลือกเล่นเยอะกว่าครับ

เวลาพิมพ์ใส่เวิร์ดแล้วก็อปมาใส่ มันจะมีตัวสัญลักษณ์แปลกๆ ติดมาด้วย ซึ่งบางทีบอร์ดก็แปลงเป็นสัญลักษณ์อีโมชั่น ซะงั้นไป ถ้าไม่อยากให้สัญลักษณ์แปลกๆ ติดมา พิมพ์ใส่โปแกรม notepad แทนก็ได้ครับ

ได้ลองหาคำว่า Arcturian ดูว่าแปลว่าดาวอะไร แต่เจอแต่เวปมนุษย์ต่างดาว เกี่ยวกับข่าวสารจากชาวดาว Arcturian เยอะแยะเต็มไปหมด

 

วิธีการแก้แบบตัวอักษรให้อ่านได้ง่ายๆสบายตาก็คือ

เวลาเราก็อบปี้มาจากอะไรก็ตามแล้ว เราก็คลิ๊กที่ "เลือกตอบแบบเต็มรูปแบบ"

จากนั้นก็คลิ๊กลากคร่อมข้อควมทั้งหมดของเรา แล้วคลิ๊กที่ปุ่ม <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0 unselectable="on"><TBODY unselectable="on"><TR unselectable="on"><TD unselectable="on">


</TD></TR></TBODY></TABLE>ตรงมุมซ้ายบนสุดของกรอบตอบกระทู้นั้นๆ แล้ว รูปแบบตัวอักษรทั้งหมดที่เคยถูกจัดไว้ก็จะถูกยกเลิกไปทั้งหมดครับ

จากนั้น เราก็ค่อยมาลบพวกสุญลักษณ์หน้ายิ้ม หรือลูกศรที่ติดมาจากโปรแกรม Word ออกครับ

ผมก็ทำแบบนี้ทุกๆโพสต์ที่เอามาลงเช่นกันครับ

เมื่อรู้วิธีแล้ว ก็ช่วยเข้าไปแก้ไขโพสต์ที่เคยโพสต์ไว้แล้วด้วยนะครับ
ทุกๆคนจะได้อ่านง่ายๆหนะครับ ขอบคุณครับ

 

มีกล่าวในหนังสือชุดจิตจักรวาล ของ อ.ปริญญา ตันสกุล
ถ้าจำไม่ผิด จะเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ในหนังสือกล่าวถึง ชาวพลียะเดี้ยน
ชาวอาร์คเทอเรียน
ชาวแอนทาเรียน
ชาวซาจิสตาเรียน

 

อ่านจากพระไตรปิฎก มีกล่าวถึงธรรมะที่เมื่อถึงความแพร่หลาย
จะเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอย มีข้อหนึ่ง มาจากข้อ มุสาวาท
ถ้ารักษาศีลข้อนี้ได้ ก็จะไม่ถึงความแพร่หลายของธรรมะ ที่นำไปสู่มิจฉาทิฏฐิ
นำไปสู่ความเสื่อมถอยของเผ่าพันธ์ ก็แปลกดี ที่คุณชยุตแปลมา เรื่อง กฏ10ข้อ
มีข้อมุสาวาท ด้วย ถ้าพวกเขารักษาศีลข้อนี้ได้พวกเขาก็จะไม่มีวันพบความเสื่อมถอย

?Ð䵃?Ԯ???ը

 

กำลังคิดอยู่เหมือนกันครับ ว่าหากเป็นอย่างที่เราคิดกันจริงๆ

ทั่วทั้งจักรวาลนี้ ก็มีเพียงมนุษย์โลกเพียงขี้ประติ๋วเดียว

ที่ได้เกิดมาแล้วมาพบพระพุทธศาสนา

ได้มาเห็นคุณค่าของพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์

ส่วนสิ่งมีชีวิตที่เหลืออีก 99.999999999999999999999999% ในจักรวาล

...ไม่ได้มีโอกาสมาเจออยางพวกเรา...

แล้วแบบนี้...เราจะไม่นึกเสียดายชาติเกิดกันบ้างเลยหรือ?????

.....

 

พอดีเมื่อวานโพสต์เรื่องของชาว Arcturians ไป
ก็เลยนึกได้ว่า



อ้อ..นี่สงสัยคืนนั้นก่อนนอน เพราะผมนึกอธิษฐานในใจไว้แน่ๆเลย

ว่าขอให้พวกเขามาช่วยตรวจสอบสุขภาพร่างกาย
และมาช่วยปรับสมดุล และอะไรๆให้หน่อย

ก็เลยปรากฎผลอย่างที่เล่าไปแล้วนั่นแหละครับ

ก็เพิ่งตระหนักเหมือนกันว่า ถ้าเราไม่ขอ หรือเราไม่เอ่ยปากอนุญาต

พวกเขาก็จะมาช่วยโดยพละกาลไม่ได้ เพราะเป็นกฎของเขา

ใครอยากลองดูบ้าง..ก็ลองดูนะครับ..ไม่มีอะไรต้องเสียนี่นา

ต้องส่งกระแสจิตออกไปด้วยอารมณ์แห่งความรัก ความเมมตา
ทุกๆครั้งที่ติดต่อกับพวกเขานะครับ

โยนความลังเลสงสัย ความหวาดกลัว และความคิดในแง่ลบทั้งหลาย
ออกไปให้หมดสิ้นเลยนะครับ

และหากใครได้ผลเป็นประการใด ก็อย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

..........

 

ก็จะเสียดายมากมาก ถ้าได้เกิดมาแล้วได้ฟังคำสอนพระพุทธศาสนาแล้ว
ยังไม่สามารถเข้าใจได้ถูกต้อง ทำตามคำสอนแล้วยังไม่ได้ผลที่ถูกต้อง
ขนาดเราเห็นความเจริญและความเสื่อมของสังขาร เรายังไม่เข้าใจ
พระไตรลักษณ์ตามความเป็นจริงเลย ยังยึดสังขารไม่วางเลย ศีล5 ก็ยัง
ไม่บริสุทธิ์ ภัยพิบัติมาจ่อถึงคอหอยแล้ว ก็ยังสนุกกับชีวิตไม่เลิก
เรื่องชีวิตในวัฏฏะสงสารนี่ ประมาทไม่ได้เลย เกิดใหม่ทีหนึ่งก็ลืมทุกข์แล้ว
รอบนี้ ไม่รู้ว่าจะรอดไปได้ไหมสอบตกอยู่เรื่อยเลยเรา :'(

 

1570. รายงานหมายเลข 308:<o></o>

เงื่อนไขในการเคลื่อนขึ้นไปสู่มิติที่สูงกว่า (Conditions of Ascension to a Higher Dimension)


ผู้รับข้อมูล: นาย Ivo A.Benda
วันที่: 16 ธันวาคม 2001 ,เวลา: 8:00 – 8:30 a.m.<o></o>
สถานที่: เมือง Ceska Lipa, ประเทศสาธารณรัฐเช็ก<o></o>
ผู้ส่งข้อมูล: พระผู้เป็นเจ้าสูงสุด<o></o>
<o>
</o>

(Chameul_081)<o></o>
<o></o>
การเคลื่อนขึ้นไปสู่มิติที่สูงกว่า (จากมิติที่ 5 ขึ้นไป) หมายถึง การไปใช้ชีวิตในร่างกายมนุษย์นี้ต่อไป
ในสังคมใหม่ที่มีสภาวะแวดล้อมทางจิตวิญญาณที่สูงยิ่งๆกว่า โดยปราศจากระบบเงินตรา
ความขัดแย้ง สงคราม ระบบการเมือง ระบบการจัดการ และระบบการควบคุม<o></o>
<o></o>
ซึ่งนั่นหมายถึงการปราศจากสภาวะแห่งความเป็นทาส ดั่งเช่นที่กำลังเกิดขึ้นอยู่บนโลกมนุษย์ในมิติที่ 3 แห่งนี้
ซึ่งมนุษย์โลกส่วนใหญ่ตกอยู่ภายใต้อำนาจการครอบงำของพลังด้านลบจากโลกมืด
จากพระผู้สร้างจอมปลอม จากพวกมารต่างพิภพ และจากปีศาจทั้งหลาย<o></o>
<o></o>
การเคลื่อนขึ้นไปสู่มิติที่ 5 ของดาวเคราะห์โลก สามารถเกิดขึ้นได้กับเฉพาะมนุษย์โลก
ที่มีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตา และมีความเชื่อเท่านั้น (เป็นบุคคลที่จักระที่ 4 เปิดแล้ว)
ในหลายปีข้างหน้าโน้น<o></o>
<o></o>
ดังนั้น ผู้ใดก็ตามที่ได้ปฏิบัติภารกิจที่ตนเองรับอาสาพระบิดามาตั้งแต่ก่อนลงมาเกิดโน้นได้สำเร็จ
ก็คือบุคคลที่เข้าข่ายที่จะได้เคลื่อนขึ้นไปสู่มิติที่ 5 ซึ่งบุคคลดังกล่าวนี้ ได้แก่บางส่วนของผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่
อยู่ในแวดวงของการเยียวยารักษาผู้อื่น ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิ ผู้ที่เผยแพร่ข่าวสารแห่งแสงสว่าง เป็นต้น<o></o>
<o></o>
จำนวนมากที่สุดของชาวโลกที่จะได้เคลื่อนขึ้นไปอยู่ในมิติที่ 5 คือประมาณ 1.2%
ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะถูกอพยพไปอยู่บนยานอวกาศของชาวจักรวาล<o></o>
<o></o>
ชาวโลกที่ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนขึ้นไปสู่มิติที่สูงกว่าแบบเป็นๆ ก็จะต้องละโลกนี้ไป
มีชาวโลกร่วมหมื่นที่ถูกนำขึ้นไปไว้ในยานอวกาศแล้ว จากพื้นที่ที่เกิดวิกฤตการต่างๆ
เช่น แผ่นดินไหวในตุระกี สงครามในตะวันออกกลาง เป็นต้น<o></o>

ส่วนชาวโลกที่เหลือ สามารถอพยพไปได้ในระรอกที่ 2 (ช่วงเวลากลางคืน ในขณะที่กำลังนอนหลับอยู่เป็นส่วนใหญ่)
<o></o>
บางส่วนของชาวโลก อาจจะถูกอพยพไปโดยผ่านทางอุโมงค์มิติ หรือประตูมิติต่างๆ
ซึ่งมีทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ (เช่น บนยอดเขาต่างๆ ในสาธารณรัฐเช็ก และที่อื่นๆ)
และที่ถูกสร้างขึ้นโดยรูปธรรมชีวิตต่างมิติทั้งหลาย (เช่น ใกล้ๆกับเมืองบางเมือง เป็นต้น)<o></o>
<o></o>
ชาวโลกที่เหลืออีกประมาณ 98% ซึ่งเป็นผู้ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังทางด้านลบ นับจากนี้ไป
ก็จะถูกผู้ที่พวกเขาให้ความเข้าอกเข้าใจและเทิดทูนเหนือหัวด้วยความสมัครใจ
(ได้แก่ พวกมารต่างพิภพ พวกปีศาจ และพระผู้สร้างจอมปลอม) หันมาเพิ่มความใส่ใจและเกี่ยวข้องด้วยมากขึ้น

พวกเขาจะถูกครอบงำมากขึ้นจากเดิมปัจจุบันนี้ถูกครอบงำประมาณ 90% ของทั้งหมดของชีวิต
ก็จะถูกครอบงำเพิ่มขึ้นเป็น 99.9% ของชีวิตของพวกเขา

ที่กำหนดให้ต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะต้องการให้เกิดการแก้ไขทางจิตวิญญาณของมนุษย์โลกอย่างได้ผล

(ย่อหน้าสุดท้ายนี้ไม่รู้แปลถูกหรือเปล่านะครับ เพราะรูปแบบภาษาของคนเขียนนี่ ไม่ได้เรื่องเลย
อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ หรือไม่ผมก็แปลไม่ได้เรื่องเอง - Chayutt)<o></o>

 

(obr466)

คำบรรยายภาพ
<o></o>
เป็นข้อความเดียวกับรายงานหมายเลข 308 ข้างบนนั้นเป๊ะเลยครับ<o></o>

 

9. วงกลมปริศนาในท้องทุ่ง (Mysterious Circles Afield)<o></o>
<o>
</o>
ถามคำถามโดย: Miloslava Drsková.<o></o>
<o></o>
คำถาม:

เราสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่า อะไรคือสาเหตุการเกิดของวงกลมปริศนาเหล่านั้น<o></o>
<o>
</o>
(obr2509)
<o></o>
(obr2510-1)<o></o>
<o></o>
ตอบ (โดยท่าน Haating):
<o></o>
ก็เหมือนกับการปั๊มประทับตราสัญลักษณ์อะไรบางอย่างบนซองจดหมายของท่านนั่นแหละ
<o></o>
สัญลักษณ์เหล่านี้ ถูกทำขึ้นมาเพื่อให้ชาวโลกรู้ว่า

“พวกเราอยู่ที่นี่”<o></o>
<o></o>
Haating<o></o>

 

8. ส่วนหนึ่งของบทสนทนาเกี่ยวกับ “วงกลมปริศนาในท้องทุ่ง” (Crop Cycle)
<o></o>
เดือนกันยายน 1995<o></o>
<o>
</o>
(obr2513)
<o></o>
สัญลักษณ์อันนี้ ถูกทำขึ้นโดยผู้อื่น มันเป็นสัญลักษณ์ของตราประจำดวงดาวของพวกเขา
ซึ่งเป็นกลุ่มที่ติดต่ออยู่กับพวกเราด้วยเช่นกัน
<o></o>
พวกเราสร้างมันขึ้นมาโดยการเตรียมสนามพลังงานขึ้นมาก่อน แล้วก็ปั๊มลงไปอย่างรุนแรง
<o></o>
มันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยใช้ยานอวกาศ แต่โดยใช้วิธีอื่น ก็คือการปล่อยระเบิดพลังงานตรงลงมา ณ.จุดนั้นๆ

..แล้วมันก็จะเกิดขึ้น..<o></o>
<o></o>
ท่านจำตอนที่ท่านถูกดูดเอาไว้ด้วยกระแสพลังงานตอนนั้นได้ไหม๊ มันก็ใช้วิธีคล้ายๆกันนั่นแหละ
<o></o>
พวกเราพัฒนาเกลียวแห่งคลื่นพลังงานขึ้นมา แล้วมัน (วงกลมปริศนา)ก็ถูกสร้างขึ้น

..ท่านรู้ไหม๊ ว่าพวกเราสร้างมัน โดยดำเนินการอยู่ข้างบนโน่นแหนะ..<o></o>
<o>
</o>
จากเรา Jamahama หน่วยสำรวจทางชีววิทยาและการแพทย์

ปล. อย่ามายึดติดกับภาพประกอบในกระทู้ของผมนะครับ
เพราะไม่รู้ว่าเรื่องราวกับตัวภาพประกอบต่างๆนี้มันจะเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า
ผมก็เลือกๆ หยิบๆ เอามาตามใจฉันไปงั้นเองแหละครับ...<o></o>

 

(obr775)

เดี๋ยวขอโพสต์ภาพนี้แปะไว้ก่อนนะครับ

เอาไว้ให้ผมหาคำบรรยายภาพภาคภาษาอังกฤษเจอก่อน
เดี๋ยวผมจะเอามาแปลให้อ่านกันนะครับ

 

ตัวอย่างตราสัญญลักษณ์ประจำดวงดาวต่างๆ







(obr115)


กลุ่มดวงลูกไก่ (Pleiades)




(obr116)


ดาว Erra




(obr117)


ดาว Umma

 

แกแล็คซี่ของเรามีชื่อว่า Milkyway Galaxy

ซึ่ง Milkyway Galaxy ก็ประกอบไปด้วย
- ดาวฤกษ์
- ดาวเคราะห์ นับแสนล้านดวง

ในแสนล้านดวงนั้น มีเพียง โลกมนุษย์เท่านั้น ที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้
พวกเราโชคดี ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ควรเร่่งรีบศึกษาพระไตรปิฏกไว้ ให้มากที่สุด

และ หมั่นรักษาศีล5 นั่งสมาธิ เจริญภาวนาไว้ให้มาก เพราะชาติต่อไปเราอาจไม่โชคดี
แบบนี้อีกแล้ว มนุษย์หลายคนบนโลกใบนี้ ใช้ชีวิตมัวเมาไปกับเรื่องไร้สาระมาก

หารู้ไม่ว่า พวกเรากำลังจะปล่อยโอกาสทองในการก้าวสู่นิพพาน ให้หลุดมือเราไปอย่างน่า
เสียดายที่สุด

 

เราจินตนาการว่า ทั้ง 2 รูป น่าจะหมายถึงสิ่งเดียวกัน

รูปด้านบน ที่เป็นเหมือนลูกชิ้นปิ้งเรียงต่อกันเป็นสาย
และลูกชิ้นแต่ละลูก ยังมีแขน งอกออกมาอีกลูกละ 2ข้าง
เปรียบเหมือนเอกภพ หรือ กาแลกซี่หนึ่ง

ส่วนลูกชิ้นที่มีแขน งอกออกมา 2 ข้าง เปรียบเหมือนจักรวาลเล็กๆ
ถ้าเทียบไปก็คงเป็นเหมือน สุริยะจักวาล

เราเดาๆเอานะ ไม่ได้รู้จริง พอดีมันเห็นแล้วคิดออกมา ก็เลยเล่าให้ฟังเพื่อความบันเทิง

 

เมื่อกี้ลองส่งอารมณ์ เมตตาไปหาพวกเขาดู
ปรากฏว่า เกิดอาการขนลุกทั้งตัว ^^
แสดงว่าพวกเค้าก็รับรู้ได้ หากออกมาจากความรู้สึกเราจริงๆ สาธุค่ะ ^^

 

ดีแล้วครับ สาธุด้วยครับ

บางทีที่พวกเราทดลองทำกันอยู่นี่ อาจจะไม่ใช่แค่ลองเล่นๆสนุกๆก็ได้นะครับ
เรื่องราวมันอาจจะเป็นจริงเป็นจังมากกว่าที่พวกเราคิดกันอยู่ก็ได้

พอดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมมีอะไรจะเล่าให้ฟังอีกนิดหน่อย

เมื่อคืนนี้ หลังจากกลับจากไปเที่ยวกับเพื่อนๆมาประมาณ 4 ทุ่มกว่า
พวกผมก็นั่งมอเตอร์ไซด์ซ้อน 3 ขับกลับมา

พอดีมีรถคันหนึ่งบีบแตรไล่แล้วขับแซงขึ้นมา แซงแล้วก็ไม่ไปไหนไกล
ปล่อยให้พวกผมขับตามคอยดมกลิ่นควัน กลิ่นฝุ่นอยู่นั่นแหละ
ผมเลยบอกให้คนขับขับให้ห่างๆมันหน่อย

และพอเงยหน้าสังเกตดูรถคันนั้นดีๆแล้ว ก็เห็นว่าเลขที่ติดไว้หลังรถคือ 7717
ผมก็เลยพูดกับเพื่อนๆว่านี่ก็เลข"ระบบ"อีกแล้ว เพราะ 17 คือ "ปฏิบัติการ"

จากนั้นผมก็กลับมานอน มาทำหน้าที่ฝันตามปกติ
อาจจะด้วยความที่กินมากนอนมาก หรือจิตคิดไปเองอะไรก็แล้วแต่หนะนะครับ

ฝันช็อตแรกๆก็ไม่ค่อยได้จำสักเท่าไหร่ครับ เพราะมันเหมือนความคิดและความฝันที่แท้จริงของเราเอง
มันเป้นอีกเรื่องหนึ่ง แต่แค่เหมือนมีใครเอาอะไรพยายามจะให้เราสนใจ และดูอะไรแบบนั้น
มันก็เลยยังไม่ได้จำ แต่รู้แต่ว่า เป็นเอกสารมาให้อ่าน จำได้แค่ตอนเริ่มต้นของเอกสาร
เขียนไว้ว่า "พวกเราจะสาธิตให้เห็นประจักษ์" อะไรแบบนั้น

ฝันช็อตท้ายๆโน่น ถึงจะได้เรื่องได้ราว เพราะจิตเริ่มสงบมากขึ้นแล้ว
ก็ฝันว่าได้หอบข้าวของ สะพายเป้บนหลังเดินทางไปสถานที่แห่งหนึ่ง
เป็นที่ๆอยู่ริมทะเล รู้สึกจะไปทางเรือนะครับ พอไปถึงก็ลงเรือ เดินขึ้นฝั่ง
แล้วขึ้นไปบนตึกแห่งหนึ่ง พอเข้าไปในตึกก็ต้องขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบนสุด

ที่แปลกก็คือผมขึ้นไปกับเพื่อนที่โรงงานคนหนึ่ง และอีกคนคือคุณทรนง ศรีเชื้อ
(แต่ในฝันผมท่านดูกระปรี้กระเปร่านะ ผมออกหงอกๆแดงๆด้วย)



พอขึ้นไปถึงก็เห็นคนมีคนมากมายกำลังยืนต่อแถวเรียงเดี่ยวกัน รอการลงทะเบียนหรือไปรายงานตัวอะไรแบบนั้น

ซึ่งที่ๆลงทะเบียน ก็มีแค่โต๊ะตัวหนึ่ง กับคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง และมีเก้าอี้ให้คนลงทะเบียนนั่งอยู่หน้าเจ้าหน้าที่ลงทะเบียน
เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนคนนั้น เป็นผู้หญิงแต่งชุดแบบผ้าเหมือนผ้าไหมลายโบราณๆ สีออกน้ำตาลเข้มๆ
ผิวดำๆ แต่ที่ผมอยากจะกล่าวถึงเจ้าหน้าที่คนนี้ก็เพราะ หน้าตาเขาเหมือนกับดาราที่แสดงเป้นพระเจ้า
ในหนังเรื่อง Evan Almighty เลยครับ (คนใส่ชุดขาวในรูปด้านล่างนี้นะครับ)



ผมรออยู่ไม่นาน ก็ถึงคิวผมแล้ว แต่ก่อนถึงคิวของผมประมาณ 2-3 คน
ผมเห็น ดร.เทพพนม ไปลงทะเบียนก่อนผมแล้ว ดร.เทพพนม ท่านก็แต่งตัวเหมือนในภาพนี่แหละ
ผมไม่ได้ทักท่าน พอลงทะเบียนเสร็จท่านก็ออกไป



พอมาถึงคิวผม ผมลงไปนั่งหน้าเจ้าหน้าที่ปั๊บ ผมก็ตื่นเลย

พอตื่นมาแล้ว ยังสงสัยอยู่ว่าในฝันที่เห็นว่าให้อ่านอะไรซักอย่างนั่นหนะ มันคืออะไร สำคัญไหม๊ ถ้าสำคัญขออีกรอบเถอะ

แล้วก็ไม่นานหลับต่อ ก็เลยได้ฝันต่ออีกจริงๆ แต่เป็นเรื่องลงทะเบียนต่อ
คือเหมือนผมลงทะเบียนแล้ว แต่ยังอยู่ในตึกนั้น ไม่รู้ว่าคนอื่นๆหายไปไหนหมดแล้ว
ก็เลยเดินลงมาจากตึก พอลงมาถึงชั้นล่าง ก็มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
คราวนี้ใส่เสื้อกาวน์สีขาวคลุมเหมือนพวกหมออะไรแบบนั้น วิ่งตามผมลงมา
แล้วเรียกผม จากนั้นเธอก็ยื่น "บัตร" ให้ผม พร้อมกับบอกว่า "นี่บัตรของคุณ"
ผมก็หยิบเอามา

บัตรก็แสนจะธรรมดา ธรรมดา แค่กระดาษสีชมพูตัดสี่เหลี่ยม แล้วใช้ปากกาเมจิกเขียนหมายเลขไว้บนบัตร
และก็มีซองพลาสติกห่อบัตรไว้อีกชั้น รวมถึงมีเชือกแขวนเหมือนเอาไว้ห้อยคออะไรแบบนั้น

แต่ที่เล่ามาซะยืดยาวนี่ ก็เพราะ หมายเลขที่ผมได้ คือหมายเลข "7" ครับ

จากนั้นผมก็ออกจากตึกมา เห็นคนที่ผมรู้จักและรวมถึงดร.เทพพนม คุณทรนง ศรีเชื้อนี้ด้วย
กำลังนั่งทำข้อสอบกันอยู่ ใต้ตึกอีกตึกหนึ่ง แต่เป็นใต้ต้นไม้ที่ร่มรื่นมาก
ผมเลยดีใจว่าได้เจอพวกแล้ว กะว่าจะเดินเข้าไปหา เพราะกลัวหลงพวก
แต่อาจารย์ที่คุมสอบอยู่ที่เป็นผู้ชาย เคลื่อนที่เข้ามาหาผมแล้วโบกมือไล่ผม
และบอกว่า "ออกไปก่อน อย่าเพิ่งเข้ามา ถ้าอยากให้เข้ามาก็คงเรียกมาพร้อมกันตั้งแต่แรกแล้วสิ"

ผมเลยต้องถอยกลับครับ แล้วจากนั้นไม่นาน ผมก็ตื่นครับ


เมื่อปี 2551 ผมเคยฝันว่า เขาก็ให้หมายเลขผมมาถือไว้แบบนี้แหละครับ แต่เป็นเลข "13"
จากนั้น ไม่เกิน 3 วัน ผมก็ไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มพี่สุดใจเขากะลา
และจากนั้น "ระบบ" ก็ประกาศรับผมเข้าทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว
เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2551 เป็นต้นไป
(แม้ว่าก่อนหน้านั้น รวมถึงปัจจุบันนี้ด้วย จะเกี่ยวข้องกับเลข 13 มาตลอด แต่ก็ไม่เข้าใจ และไม่ชอบมาตลอดเลย
เช่น ทะเบียนรถรวมกันได้ 13 หมายเลขพนักงานปัจจุบันนี้รวมกันได้ 13 เป็นต้น)

พอถึงคราวนี้ ได้บัตรหมายเลข 7 ผมก็เลยคิดอยู่ว่า ชะรอย วันที่ 7 เดือน 7 นี้
คงจะมี "ปฏิบัติการ" อะไรบางอย่างให้ผมทำอีกหรือเปล่านะ??

 

ดูเหมอนคุณชยุตจะเข้าใกล้อะไรบางอย่างแล้วล่ะะครับ
ข้อมูลที่ได้รับจากความฝันคุณชยุต ตรงไปตรงมาดี
การที่เราเอาใจใส่และจดจ่อกับเร่องราวใดๆเป็นพเศษทำให้ฐานข้อมูลในฝันแคบลงด้วย
ดังนั้นไม่ต้องแคลงใจเลย ว่าเกดอะไรขึ้น
ประสบการณในฝันนั้นบอกอะไรได้หลายอย่างนอกเหนอจากส่งที่เราคุ้นเคย
การส่อสารระหว่างจตวญญาณต่างร่าง(ร่วมวัตุประสงค) ดูใกล้ชดและเป็นอสระกว่าที่เราคดจรงๆครับ

(***มีปัญหาเร่องสระบางตัวครับ..อาจงงเล็กน้อย ขอซ่อมก่อนล่ะครับ..)

 

สายฝัน นี่ได้ข้อมูลคล้ายๆกันนะ ปกติฝันบ่อยๆว่าต้องไปเข้าแถวทำอะไรสักอย่าง แต่ว่าไปสายกว่าคนอื่นประจำ อิอิอิ

มีครั้งนึงฝันว่าไปยืนต้อนรับแขกหน้าห้องประชุม แต่ว่าแขกแต่คนท่านนี่ มนตดทั้งนั้น แล้วร่างกายภาพนี่หลากหลายมาก มีคนไทยด้วยที่เห็นคือ อ.เทพพนม กับ อ.ตาที่สาม

อีกฝันบ่อยๆคือ ไปช่วยเพื่อนคนหนึ่งขนกระเป๋าสัมภาระ แต่ยังแปลไม่ออกว่า มันคืออะไร


ปล. ผู้ใดอ่านแล้วไม่ชอบใจ คิดว่าได้อ่านนิยทานก็แล้วกันนะ