การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 19 มิถุนายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611

    เมื่อก่อนผมก็นึกถึงประเด็นนี้ครับ ก็เลยลองไปดูในพระไตรปิฏก
    ก็ขออัญเชิญมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันด้วยครับ




    <center>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต</center> <table width="90%" align="center" background="" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr><td>[​IMG]</td> </tr><tr><td vspace="0" hspace="0" width="100%" bgcolor="darkblue">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    <center>จูฬนีสูตร
    </center> [๕๒๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
    ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
    แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟัง
    มาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมา-
    *สัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก ให้พันแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้
    ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรง
    สามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง พระผู้มีพระภาคตรัส
    ตอบว่า ดูกรอานนท์ นั้นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน ฯ
    ท่านพระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเป็นครั้งที่ ๒ ว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า
    ดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ใน
    พรหมโลก ทำให้พ้นแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มี-
    *พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้
    แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน
    ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า
    ดูกรอานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ใน
    พรหมโลก ทำให้พันแห่งโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาค
    อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วย
    พระสุรเสียง ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ นั้นเป็นสาวก ส่วนพระตถาคตนับไม่ถ้วน
    ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่
    พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกร
    อานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก
    ทำให้พันโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันต-
    *สัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระ-
    *สุรเสียง ฯ

    พ. ดูกรอานนท์ เธอได้ฟังเรื่องพันโลกธาตุ เพียงเล็กน้อย ฯ
    อา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลเวลาแห่ง
    เทศนาที่พระองค์จะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้สดับธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาค
    แล้ว จักทรงจำไว้ ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
    ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกร
    อานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศ
    สว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์
    พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มี
    อปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มี
    มหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มี
    เทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพัน
    หนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มี
    พรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลก
    คูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างเล็ก ซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุ
    อย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้าน
    จักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์
    ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้
    ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ

    อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่
    ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่
    พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ
    พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่าง
    ใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้น
    พระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุ
    อย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือพึงทำให้รู้
    แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ

    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสดังนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ ได้กราบทูลว่า เป็น
    ลาภของข้าพระองค์หนอ ข้าพระองค์ได้ดีแล้วหนอที่ข้าพระองค์มีพระศาสดาผู้มีฤทธิ์
    มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายีได้
    กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ในข้อนี้ท่านจะได้ประโยชน์อะไร ถ้า
    ศาสดาของท่านมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เมื่อท่านพระอุทายีกล่าวอย่างนี้ พระผู้มี-
    *พระภาคได้ตรัสกะท่านพระอุทายีว่า ดูกรอุทายี เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ ถ้าอานนท์
    ยังไม่หมดราคะเช่นนี้ พึงทำกาละไป เธอพึงเป็นเจ้าแห่งเทวดาในหมู่เทวดา ๗ ครั้ง
    พึงเป็นเจ้าจักรพรรดิในชมพูทวีปนี้แหละ ๗ ครั้ง เพราะจิตที่เลื่อมใสนั้น ดูกรอุทายี
    ก็แต่ว่าอานนท์จักปรินิพพานในอัตภาพนี้เอง ฯ

    <center>จบอานันทวรรคที่ ๓
    </center>
    ที่มา พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 12 อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต �͹ͺ������ ��м���վ���Ҥ���ѹ���������ط���� ���ͧ����.

    rat_wting
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 กรกฎาคม 2009
  2. vijit_j

    vijit_j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    739
    ค่าพลัง:
    +2,866
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>vijit_j, aom-am 1, pkanlaya, wanpos, SHARK2009 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    มีความคิดว่าจะบอกให้ อ.กัลยา อ่านกระทู้ของคุณ Chayutt ซะหน่อย เจอตัวพอดี
     
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รายงานหมายเลข 43:

    การรู้แจ้งเกี่ยวกับจักรวาล (Enlightenment on cosmos)
    <o></o>
    เดือน ธันวาคม 1994<o></o>
    <o></o>


    ตอนที่เราเรียนเรื่องราวเกี่ยวกับจักรวาล พวกเขาเคยสอนพวกเราว่า จักรวาลไม่ได้สร้างตัวมันเองขึ้นมา
    แต่ถูกสร้างมาจากพระผู้สร้าง วัตถุทรงกลมในจักรวาลทุกๆสิ่งเกิดมาจากความรักของพระผู้สร้าง
    ซึ่งพวยพุ่งออกมานานหลายปี แม้ว่าวิธีการนับกาลเวลาของพวกเราจะแตกต่างจากที่วิธีที่พวกท่านนับอยู่ก็ตาม
    ดังนั้นวิธีการอธิบายของเราจึงอาจจะดูแปลกๆสำหรับพวกท่าน<o></o>
    <o></o>
    หลังจากที่จักรวาลได้พัฒนาขึ้นมาเป็นเวลายาวนานช่วงหนึ่งแล้ว พวกมันก็อยู่กันเป็นกลุ่มๆ
    ภายใต้การนำของพลังแห่งชีวิตของจักรวาล และด้วยพลังนี้เองที่สร้างทุกสรรพสิ่ง
    และเมื่อเวลาผ่านไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง สิ่งที่ถูกสร้างเก่าๆก็จะสาบสูญไป
    สิ่งที่ถูกสร้างใหม่ๆก็จะเกิดขึ้นมาแทน เป็นสายโซ่ที่ต่อเนื่องกันไป และทั้งหมดนั้นก็เป็นผลงานของพระผู้สร้าง<o></o>
    <o></o>
    ความนอบน้อมของพวกเราเกิดขึ้นมาจากความภาคภูมิใจของพวกเรา
    พวกเรามองเห็นทุกๆสิ่งในแบบที่แตกต่างจากพวกท่าน<o></o>
    <o></o>
    ในขณะที่พวกเราท่องเที่ยวไปในจักรวาล จากกาลเวลาหนึ่ง ไปสู่กาลเวลาหนึ่ง
    พวกเราเห็นทุกสิ่งทุกอย่างแผ่กระจายออกเสมอ พวกเรารักจักรวาลอันเป็นบ้านที่ถาวรของพวกเราแห่งนี้มาก<o></o>
    <o></o>
    และตอนนี้ท่านก็จะได้เห็นมันแบบนี้ด้วยเช่นกัน มันช่างเต็มไปด้วยความน่าพิศวงที่ไม่รู้จบ
    ปราศจากการแก่ตัว เต็มไปด้วยชีวิต บนดวงดาวที่หลากหลาย บางแห่งสาบสูญไป
    แต่บางแห่งก็กำลังมีสิ่งที่กำลังถูกสร้างขึ้นใหม่ เป็นสายโซ่ที่ไม่ขาดสาย
    และนี่แหละคือความมหัศจรรย์ชั่วกาลนาน และไม่มีวันสิ้นสุด<o></o>
    <o></o>
    พระผู้สร้างมีความเป็นอมตะ และพวกเราเองก็เป็นอมตะเช่นนั้นด้วยเช่นเดียวกัน<o></o>
    <o>
    <o>[​IMG]</o>
    (obr1600)<o></o>
    <o></o>
    ทุกสรรพสิ่งต้องถูกขับเคลื่อนไปด้วยพลังแห่งความรักเพียงเท่านั้น ไม่ใช่พลังอย่างอื่นใดทั้งสิ้น
    และด้วยเหตุนี้ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด เพียงแต่ดำเนินไปเรื่อยๆ
    ในหลากหลายรูปแบบของมัน เมื่อชีวิตหนึ่งจบสิ้นลง อีกชีวิตหนึ่งก็จะเริ่มขึ้นใหม่แทน เป็นเช่นนี้เรื่อยไป<o></o>
    <o></o>
    แต่โปรดจำไว้อย่างหนึ่งว่า เราจะประจักษ์แจ้งความจริงเช่นนี้ได้ ก็เฉพาะกับผู้ที่ค้นหาความเป็นจริงเท่านั้น
    แต่สำหรับบุคคลอื่นๆผู้ไม่กระตือรือร้น ก็จะไม่สามารถประจักษ์แจ้งในความจริงเช่นนี้ได้<o></o>
    <o></o>
    นักดาราศาสตร์ของพวกท่านคิดว่า จักรวาลนี้คือคุณสมบัติของกลไกของวัตถุธาตุที่ไร้ชีวิต
    และพวกเขาก็ทึกทักเอาว่าแนวทางที่พวกเขาคิดเป็นแนวทางที่ดีที่สุดแล้วทางหนึ่ง
    แต่พวกเขาไม่ได้ตระหนักรู้ถึงความเป็นจริงเลยว่า จักรวาลทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้การสร้างสรรค์
    และกำหนดกฎเกณฑ์โดยใครคนหนึ่ง และจักรวาลมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาด้วยตัวของมันเองด้วย
    แต่มันถูกสร้างและกำหนดกฎเกณฑ์โดยพระผู้สร้าง<o></o>
    <o></o>
    Ptaah

    (ยังมีต่อครับ)<o></o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1600.jpg
      obr1600.jpg
      ขนาดไฟล์:
      75.3 KB
      เปิดดู:
      1,434
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รายงานหมายเลข 44:

    การรู้แจ้งเกี่ยวกับจักรวาล (Enlightenment on cosmos) (ต่อ)<o></o>
    <o></o>


    [​IMG]
    (obr950)<o></o>
    <o></o>
    ท่านเห็นหรือไม่ว่า นี่คือข้อผิดพลาดอีกอย่างหนึ่ง ที่ไปกล่าวหาจักรวาลว่าเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและความมืดมิด
    แต่ว่าพวกเรารู้อย่างแน่นอนว่า สิ่งที่พวกเขาค้นพบและเผยแพร่ข่าวออกไปว่า มีพลังสัมบูรณ์กำลังดูดซับจักรวาลอยู่
    แล้วจากนั้นทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง ก็จะกลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เป็นเรื่องที่ไร้สาระ


    เราขอบอกท่านว่าจักรวาลจะยังคงแผ่ขยายออกไปอย่างถาวร มันเป็นความไร้ขีดจำกัด
    เช่นเดียวกันกับพระผู้สร้างเองด้วย ที่ไม่มีจุดเริ่มต้น และไม่มีจุดสิ้นสุด
    จักรวาลจะยังคงมีชีวิตอยู่เสมอ เพราะว่าทุกสรรพสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่

    ทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดมาจากความรักของพระผู้สร้างด้วยกันทั้งนั้น และท่านก็รู้จักความรักนั้นแล้ว
    ความรักนั้นจะติดตามเราไปยังภพชาติต่อๆไปด้วย ประดุจดังคำจารึกในหนังสือประจำตัวของเราเอง
    แต่มันจะจารึกเหมือนดั่งงานประจำวัน และแน่นอนว่าตัวมันเองไม่ใช่พระผู้สร้าง<o></o>
    <o></o>
    ตอนนี้ท่านต้องเรียนรู้ใหม่อีกครั้งว่าวิทยาศาสตร์แห่งจักรวาลที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร

    หากใครเข้าใจดีแล้ว ก็จะสามารถไปสอนผู้อื่นให้เข้าใจต่อๆไปได้<o></o>
    <o></o>
    Ptaah<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr950.jpg
      obr950.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.6 KB
      เปิดดู:
      1,849
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    133. โลกของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ<o></o>



    รายงานฉบับแรกมาจากท่านอโดนิส (Adonis) รูปธรรมชีวิตต่างพิภพที่ทำหน้าที่ประสานงาน
    ระหว่างโลกมนุษย์กับพลังแห่งแสงสว่าง<o></o>
    <o></o>
    หมายเหตุ:
    รายงานฉบับนี้ ผู้รับข้อความคือ Mr.Jan Pavlik ซึ่งขณะรับข้อความเขาอยู่ในการไม่รู้ตัว
    ซึ่งหมายถึง Mr.Jan Pavlik เป็นคนเขียนรายงานต้นฉบับ จากนั้น Mrs. Drsková
    ก็มาอ่านรายงานฉบับนี้ต่อ และได้ติดต่อกับท่านอโดนิส
    และท่านอโดนิสก็ได้ช่วยปรับปรุงแก้ไขข้อความบางส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
    และจากนั้นผม (Ivo A.Benda) ก็นำเสนอมาในเวอร์ชั่นที่ OK แล้ว

    [​IMG]<o></o>
    (obr308)<o></o>
    <o></o>
    คำบรรยายภาพ: ท่านอโดนิส (Adonis)<o></o>
    <o></o>
    <o></o>
    133.1. รูปธรรมชีวิตต่างพิภพที่เจริญแล้วแตกต่างจากมนุษย์โลกทั่วๆไปอย่างไร<o></o>
    <o></o>
    วิวัฒนาการของรูปธรรมชีวิตที่เจริญแล้วทั้งหลายในจักรวาล เป็นไปตามกฎพื้นฐานแห่งจักรวาลเดียวกัน
    หรืออาจจะเรียกง่ายๆว่า “กฎแห่งพระผู้เป็นเจ้า” ก็ได้ มันเป็นกฎที่ดีล้วนๆ ไม่ว่าจะนำไปใช้ที่ไหน และเมื่อไหร่<o></o>
    <o></o>
    กฎเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดมาสู่พวกเรา (มนุษย์โลก - Chayutt) นานมาแล้ว และหลายครั้งแล้ว
    เพราะว่ามีหลายครั้งทีมันถูกหลงลืมไป

    แต่อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณของพวกมันก็ได้ถูกเก็บบันทึกไว้ในบัญญัติ 10 ประการแล้ว (Decalogue)
    และรวมถึงในคัมภีร์โบราณอื่นๆด้วย ตัวอย่างเช่น คัมภีร์ Herma Trismegista หรือที่เรียกกันว่า
    “คัมภีร์มรกต” (The Emerald Record)

    ผมเสียใจที่ต้องพูดว่าชาวโลกส่วนใหญ่ไม่ปฏิบัติตามกฎพื้นฐานเหล่านี้เลย
    และนั่นจึงเป็นสาเหตุหลักของความทุกข์ยากของชาวโลกทั้งหลาย<o></o>
    <o></o>
    แล้วใครกันหละที่ผิด?<o></o>

    พวกเราหนะแหละที่ผิดเอง พูดได้ว่า มีผู้คนในสังคมมนุษย์เพียงน้อยนิดเท่านั้น
    ที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความหมายของการดำรงอยู่ทางกายภาพของพวกเรา มีคนเพียงน้อยนิด
    ที่เข้าใจตนเองอย่างสมบูรณ์แบบ มีคนเพียงน้อยนิดที่เข้าใจถึงความผิดพลาดของตัวเองอย่างลึกซึ้ง
    มีคนเพียงน้อยนิดที่เป็นผู้ที่พัฒนาตนเอง และมีคนเพียงน้อยนิดที่ดำรงชีวิตอยู่ภายใต้กฎแห่งจักรวาล<o></o>
    <o></o>
    วิญญาณของมนุษย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานสามส่วนซึ่งแยกจากกันไม่ได้
    คือ ร่างกาย-วิญญาณ-จิตวิญญาณ อาศัยอยู่ในร่างกายเนื้อ เพื่อที่จะถูกนำพาไปสู่ความสมบูรณ์แบบ
    ดาวเคราะห์โลกใบนี้มีสภาวะที่เหมาะสมเพียงพอต่อการพัฒนาดังกล่าวนี้อยู่แล้ว
    มนุษย์คนใดก็ตามที่เข้าใจได้เช่นนี้ จะสามารถมองเห็นโลกและสังคมในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม
    เขาจะเชื่อในคุณค่าที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงของมัน เขาจะรู้ว่าเขารู้<o></o>
    <o></o>
    มนุษย์เป็นสิ่งที่มีทั้งสองขั้ว คือดีและชั่ว เพราะด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สามารถแยกแยะออกได้ว่า
    อันไหนดี อันไหนชั่วได้ง่าย และสามารถนำทุกสิ่งทุกอย่างมาเปรียบเทียบกับองค์ประกอบพื้นฐาน
    (ร่างกาย-วิญญาณ-จิตวิญญาณ? – Chayutt) ได้

    แต่แน่นอนว่า ต้องเพียงเพื่อแยกตัวเองออกมาเป็นผู้สังเกตการณ์เท่านั้น<o></o>
    <o></o>
    (Chayutt - ย่อหน้านี้ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ไม่กล้าแปลให้เข้าใจง่ายๆด้วยความเข้าใจของตนเอง
    เพราะกลัวจะผิดครับ ข้อความดั้งเดิมคือ:<o></o>
    <o></o>
    Human soul, as the principal element of indivisible ซึ่งแยกจากกันไม่ได้ triad องค์ประกอบทั้ง 3
    body-soul-spirit, dwells in physical body to be brought to perfection.
    The Earth is just efficient as to such advancement.<o></o>
    <o></o>
    A man, who understands that, can see the world and the society in a different light.
    He believes in completely different values. He knows, that he knows.<o></o>
    <o></o>
    Man is a bipolar being, continually influenced by the good and evil.<o></o>
    <o></o>
    And just this spectrum of manners วิธีการ รูปแบบ makes it possible to differentiate
    the good from evil and to compare everything with the basic principles องค์ประกอบ สาเหตุ,
    but just for a detached ซึ่งแยกออกobserver, of course.)<o></o>
    <o></o>
    หนทางสู่ความเข้าใจตนเองนั้นยาวไกล และองค์ประกอบพื้นฐานของการพัฒนาตนเอง
    คือกระบวนการเรียนรู้จากประสบการณ์ความผิดพลาดในชีวิตของตนเอง นั่นคือสังคมและปัจเจกบุคคล
    สามารถไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ด้วยการมีศีลธรรมที่บริสุทธิ์ ดังนั้น การเดินหน้า-ถอยหลังทางศีลธรรม
    จึงเป็นสาเหตุหลักของปัญหาทั้งหลายของมนุษย์

    ตัวอย่างเช่น พฤติกรรมและสิ่งที่มีคุณสมบัติด้านลบทั้งหลายของมนุษย์ เป็นต้น<o></o>
    <o></o>
    ผู้ที่มีศีลธรรมที่บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆบนโลกมนุษย์ หากนำมาเทียบกับชาวจักรวาลแล้วหละก็
    ก็จะเทียบได้กับชาวจักรวาลระดับทั่วๆไปเท่านั้นเอง แต่บนดาวเคราะห์โลกทุกวันนี้

    ชาวโลกมักยึดติดอยู่กับผู้นำทางจิตวิญญาณ หรือกูรู หรือแม้แต่คนโง่เขลาที่ตนเองเคารพศรัทธาอยู่เท่านั้น
    แม้ว่าบุคคลเหล่านั้น ได้กลายเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม<o></o>

    จริงๆแล้วมนุษย์เราก็เคยผ่านช่วงของการเริ่มต้นเป็นอารยะชน (civilization) มาแล้วด้วย
    มันเป็นช่วงของการดิ้นรนเพื่อทรัพย์สมบัติ เพื่ออำนาจ และเพื่อสิ่งอื่นๆ ซึ่งไม่มีความจำเป็นเลย
    <o></o>
    ยุกต์นี้เป็นยุกต์ที่มีความสำคัญต่อวิวัฒนาการในระยะยาวของสังคมเป็นอย่างมาก
    และมันก็จะกินเวลายาวนานหลายพันปี และมันก็ไม่สามารถเห็นผลได้ในชั่วอายุคนเดียว<o></o>
    แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้ถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
    <o></o>
    พวกเราโชคดีมากๆที่ยุกต์ข้างหน้านี้ คือยุกต์ของดาว Aquarius ซึ่งจะเป็นยุกต์แห่งจิตวิญญาณอีกยุกต์หนึ่ง
    ดังนั้น พวกเราจึงมีความหวังว่าวิวัฒนาการของมนุษยชาติจะมีความก้าวหน้าขึ้นในที่สุด<o></o>

    ความเจริญของมนุษย์เรา อาจจะต้องมุ่งหน้าไปสู่จุดวิบัตตามปกติที่ควรจะเป็น
    หากว่าพวกเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของพวกเราเองได้

    รูปธรรมชีวิตต่างพิภพทั้งหลาย พยายามชี้แนะทางเดินที่ถูกต้องให้แก่พวกเรา
    แต่พวกเราต้องเข้าใจก่อนว่า อะไรคือทางเดินที่ถูกต้อง แล้วเดินตามทางนั้นไป<o></o>
    <o></o>
    กฎแห่งจักรวาลยอมให้พวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของอารยะชนอื่นๆได้
    ก็ต่อเมื่อมีความไม่สงบเกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งความไม่สงบดังกล่าวอาจจะบานปลายลุกลามใหญ่โต
    กระทบต่ออารยะชนอื่นๆได้ แต่ว่าการยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องของพวกเขา ก็คงเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้นเอง<o></o>
    <o></o>
    รูปธรรมชีวิตต่างพิภพทั้งหลาย เคารพในกฎแห่งจักรวาลอย่างเคร่งครัด ดังนั้น ในขณะนี้
    จึงมีเพียงมนุษย์โลกไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถพบกับพวกเขาได้ตัวต่อตัว<o></o>
    <o></o>
    ผู้ปฏิบัติสมาธิที่แท้จริงทั้งหลาย ปกติพวกเขามักจะไม่เปิดเผยประสบการณ์
    ที่พวกเขาได้ไปพบมาต่อสาธารณะสักเท่าไหร่

    ส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาก็จะเขียนเป็นหนังสือบันทึกความจริง หรือไม่ก็เขียนออกมาเป็นนิยาย Sci-fi ซะ<o></o>
    <o>

    (ยังมีต่อครับ)</o>
    ……………………………<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr308.jpg
      obr308.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.7 KB
      เปิดดู:
      2,964
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2010
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    133.1. รูปธรรมชีวิตต่างพิภพที่เจริญแล้วแตกต่างจากมนุษย์โลกทั่วๆไปอย่างไร (ต่อ)<o></o>

    เขาใช้คุณลักษณะอะไรจำแนกว่าใครเป็นรูปธรรมชีวิตต่างพิภพที่เจริญแล้ว?
    <o></o>
    <o></o>
    [​IMG]
    (Legolas-1)<o></o>

    อย่างแรกที่สุด พวกเขาทรงภูมิปัญญามาก เมื่อเทียบกับมนุษย์โลก IQ ของพวกเขาเมื่อคิดเทียบ
    ตามระบบวัดของเรา ก็จะสูงกว่า 200 <o></o>
    <o></o>
    พวกเขาส่วนใหญ่จะสื่อสารกันด้วยโทรจิต ภายใต้โครงข่ายของจักรวาล โดยปราศจากการใช้คำพูด
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่สื่อสารกันด้วยคำพูดเลย พวกเขาจะใช้วิธีการสื่อสารด้วยการพูด
    โดยเฉพาะเมื่อต้องสื่อสารกับรูปธรรมชีวิตที่ด้อยพัฒนากว่า

    และเมื่อใดก็ตาม ที่ต้องไปทำงานอยู่บนดาวดวงอื่น พวกเขาก็จะเรียนรู้ภาษาที่จำเป็นที่จะต้องใช้ในการสื่อสารกัน
    บนดาวดวงนั้นอย่างสมบูรณ์แบบ<o></o>

    ประชากรบนดวงดาวที่เจริญแล้วทั้งหลาย พวกเขาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อดทนต่อกัน และรักกัน
    ประดุจดั่งเป็นกฎพื้นฐานที่สุด ทุกๆชีวิตจะทำงานเพื่อความผาสุกของส่วนรวม ไม่ใช่เพียงเพื่อคนใดคนหนึ่ง<o></o>
    <o></o>
    บทต่อไปจะกล่าวถึงเรื่องนี้<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Legolas-1.jpg
      Legolas-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.7 KB
      เปิดดู:
      1,581
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    รายงานหมายเลข 60:

    คำสอนของครูทางจิตวิญญาณคนแรกของฉัน (บางส่วน)<o></o>
    <o></o>
    <o></o>
    ...แต่ถ้าหากท่านต้องการดำรงชีวิตอยู่ในแบบที่มนุษย์ทั้งหลายควรจะเป็นกัน ก็ควรเอาอย่างพวกเรา
    <o></o>
    นั่นคือ รักษาระเบียบวินัยของตนเอง อย่างที่พวกเราทำกันจริงๆ
    ซึ่งหมายถึง ในบรรดาพวกเรา ไม่มีใครครอบครองสิ่งต่างๆมากเกินกว่าความจำเป็นเลย<o></o>
    <o></o>
    พวกเราดูแลเรื่องอาหารการกิน ที่อยู่อาศัย เครื่องอุปโภค และดำเนินชีวิตอยู่แบบเรียบง่าย
    ต้องขอบคุณระเบียบวินัยอันนี้ที่ทำให้พวกเรามีความสุข พวกเราไม่เคยอยากมีปัญหาอย่างที่พวกท่านมีกันเลย
    <o></o>
    ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ดวงดาวของเราเป็นแหล่งกำเนิดของประชากรที่ดีไปทุกๆด้าน
    และเพราะด้วยเหตุนี้เอง พวกเราจึงสามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ทำให้เกือบจะบินข้ามจักรวาลไปได้<o></o>
    <o></o>
    แต่สำหรับพวกท่าน พวกท่านเข้าใจผิดสลับด้านกันไปหมด การค้นคว้าเกี่ยวกับจักรวาลสามารถทำได้
    แต่ก็ควรจะเป็นเฉพาะกรณีที่ได้มีการจัดการเรื่องภายในดวงดาวของตนเองให้สงบเรียบร้อยดีแล้วก่อน

    ..นั่นแหละ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเราต้องมาที่นี่..<o></o>
    <o></o>
    ยานอวกาศของเรา มีลักษณะคล้ายๆจานของพวกท่าน
    แต่ยานอวกาศของพวกท่านมีรูปทรงที่แปลกแตกต่างออกไป
    <o></o>
    ทุกสิ่งทุกอย่างต้องถูกสร้างขึ้นมาโดยวิธีการที่จะไม่มีสิ่งใดถูกทำลายได้ และมันก็เป็นเรื่องที่สำคัญว่า
    ทุกสิ่งที่พวกเราทำในงานวิจัยของเรา พวกเราทำกันแบบเรียบง่าย

    ยิ่งผู้ใดเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายและฟังเสียงของหัวใจตนเองมากเท่าไหร่ ผู้นั้นก็จะได้รับความรู้มากเท่านั้นด้วย<o></o>
    <o></o>
    นี่คือหนทางที่ถูกต้องที่จะมีชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนกับทุกๆสรรพสิ่ง ทางแก้ปัญหาจะปรากฏทุกๆครั้ง
    ที่เราร้องขอคำปรึกษาจากพระผู้เป็นเจ้า

    พวกเราเคยถ่ายทอดคำสอนนี้มาสู่พวกท่านก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เมื่อหลายศตวรรษที่ผ่านมา

    ..แต่มนุษย์ชาวโลกปฏิเสธมัน..<o></o>
    <o></o>
    แม้แต่พระเยซูคริสต์ ผู้เป็นหนึ่งในผู้ที่ลงมาเพื่อสอนเรื่องนี้โดยเฉพาะ รวมถึงนักบุญคนอื่นๆที่ท่านก็รู้จักด้วย
    พวกท่านก็ไปเลื่อมใสพวกเขามากจนเกินไป มันเป็นความผิดของพวกท่าน

    ดังนั้นเราจึงขออธิบายเรื่องนี้แก่พวกท่าน เพื่อให้ท่านแน่ใจเกี่ยวกับมัน<o></o>
    <o>
    [​IMG]</o>
    (obr104)
    <o></o>
    คำบรรยายภาพ: จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์<o></o>
    <o></o>
    พระผู้เป็นเจ้าหาได้เป็นมนุษย์อย่างที่พวกท่านคาดคิดไว้ไม่
    แต่พระองค์เป็นรูปธรรมชีวิตที่เป็นต้นกำเนิดของแสงสว่าง
    และพระองค์ก็ยังเป็นแสงสว่างอีกด้วย แสงสว่างที่ท่วมท้นทั่วทั้งจักรวาล มีหลายคนที่รู้จักพระองค์
    <o></o>
    และจิตวิญญาณแห่งแสงสว่างอันนี้ ก็เป็นผู้ให้กำเนิดที่แท้จริงของทุกสรรพสิ่ง
    พวกเราทุกๆชีวิตล้วนเกิดมาจากพระองค์ และพวกเราทุกๆชีวิตก็จะต้องกลับเข้าไปสู่พระองค์ในภายหลัง

    ซึ่งมนุษย์หลายคนบนโลกนี้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว<o></o>
    <o></o>
    พระองค์ทรงเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของพวกเราทุกๆชีวิต ซึ่งขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกเราเอง

    นี่คือโรงเรียนแห่งชีวิต เพราะฉะนั้น มันจึงเหมือนกับโรงเรียนทั่วๆไป
    ที่พวกท่านจะต้องผ่านการเรียนรู้และการทดสอบ ซึ่งมีทั้งสอบผ่านบ้าง สอบตกบ้าง
    หรือแม้แต่มีการสำเร็จการศึกษา<o></o>
    <o></o>
    และในทำนองเดียวกัน จุดจบของชีวิตมนุษย์ที่พวกท่านเรียกว่า “การตาย” นั้น
    แท้จริง มันเป็นเพียงการเปลี่ยนไปสู่ชีวิตใหม่เท่านั้นเอง

    ผู้ใดที่มีความประพฤติที่ดีงาม อาจจะได้กลับมาอยู่กับพวกเรา ซึ่งหมายถึง
    ได้มาอยู่ในสังคมที่มีความสุข ความสบาย ทำไมหนะหรือ?
    ก็เพราะว่าบุคคลผู้นั้นสมควรจะได้รับความสุข ความสบายเช่นนั้นแล้ว<o></o>
    <o></o>
    แต่สำหรับคนที่ประมาท ผู้ที่ไม่ต้องการที่จะดำเนินชีวิตคล้อยตามกฎของพระผู้เป็นเจ้า
    ก็จะต้องได้รับทุกข์ในภายหลัง ในภพชาติต่อไป นั่นคือความยุติธรรม

    และไม่ว่าพวกเขาจะสอนพวกท่านมายังไง ที่ว่าจะมีพระผู้ไถ่บาปคนหนึ่ง จะมาเพื่อช่วยไถ่บาปแทนมนุษย์โลก
    นั่นเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของชาวบ้าน
    แต่เพราะว่า มันได้ถูกจดบันทึกไว้โดยผู้ที่มีความน่าเลื่อมใส พวกท่านก็เลยโดนหลอกมาจนกระทั่งบัดนี้ยังไงหละ<o></o>
    <o></o>
    มันไม่ได้เป็นไปตามความเชื่อนั้น ไม่มีใครสามารถมาช่วยพวกท่านได้
    มีเพียงคำพูดของเราที่ถ่ายทอดมาสู่ท่านเท่านั้นที่จะช่วยท่านได้ ลองตัดสินใจดูเอาเองเถิด<o></o>
    <o></o>
    ในขณะนี้มีมนุษย์บางกลุ่มในโลกนี้ ที่ตั้งใจเรียนรู้ด้วยความอุตสาหะ
    นั่นจึงทำให้พวกเขามีอะไรที่เหนือกว่าผู้อื่น

    ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนนี้ สามารถรับกระแสจิตที่เราส่งมาให้ได้เช่นนี้ แต่เธอก็ทำไปเพื่อพวกท่าน
    เพื่อชาวโลกทั้งหลาย เธอไม่ได้ทำไปเพื่อหวังเงินทอง เธอปรารถนาที่จะได้ทำเช่นนี้มานานแล้ว
    และเพราะด้วยเหตุนี้ เธอจึงได้รับมอบสติปัญญาเช่นนี้จากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา<o></o>
    <o></o>
    แม้ว่าจะมีบางคนที่ใช้สติปัญญาเช่นเดียวกันนี้ไปในทางที่ผิด แต่พวกเขาก็จะถูกลงโทษตามมา<o></o>
    <o>
    [​IMG]</o>
    (obr1029)<o></o>
    <o></o>
    นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์อะไรเลย เชื่อเราเถิด เพราะว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน

    เพียงการสวดมนต์และอธิษฐานเบาๆ ร้องขอด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข
    ขอให้เกิดความสงบสุขและสันติภาพบนดาวเคราะห์โลกใบนี้ นั่นก็เพียงพอแล้ว
    ที่จะสร้างความพึงพอใจให้แก่พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา<o></o>
    <o></o>
    มันไม่ต้องอาศัยเทวรูป โบสถ์ หรือถาวรวัตถุใดๆเลย เพียงแต่อธิษฐานเบาๆ คำอธิษฐานนั้นก็จะไปถึงได้
    และมันอาจจะถูกส่งไปได้ไกลเกินกว่าที่เราจะคาดคิดซะอีก<o></o>
    <o></o>
    อย่างที่เราได้กล่าวไว้แล้วว่า จงดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความเรียบง่าย มันก็จะเป็นไปได้
    และมันขึ้นอยู่กับพวกท่านเองแล้วหละ<o></o>
    <o>
    </o>
    Ptaah<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr104.jpg
      obr104.jpg
      ขนาดไฟล์:
      55.7 KB
      เปิดดู:
      1,423
    • obr1029.jpg
      obr1029.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.4 KB
      เปิดดู:
      1,376
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  8. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    133. The world of extraterrestrials<o></o>
    <o></o>
    133.11. ศาสนาและการบวช<o></o>
    <o>

    [​IMG]</o>
    (obr2430)<o></o>
    <o></o>
    รูปธรรมชีวิตต่างพิภพ ล้วนสำนึกอยู่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีอยู่จริง โดยไม่มีข้อยกเว้น
    พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างและผู้ปกครองสูงสุด<o></o>
    <o></o>
    เมื่อก่อนนานมาแล้ว บนดวงดาวของพวกเขาก็เคยมีโบสถ์และสถานที่สวดมนต์อยู่มากมาย
    แต่ในขณะเดียวกัน เพราะความตระหนักรู้ถึงการมีอยู่จริงของพระผู้เป็นเจ้าในทุกๆสรรพสิ่ง
    ในทุกๆสถานที่ และในทุกๆกาลเวลา ได้ทยอยปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
    จึงทำให้โบสถ์ นักบวช สถานที่สวดมนต์ และพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆค่อยๆหายไป<o></o>
    <o></o>
    พวกเขาจะไปโบสถ์หรือสถานที่สำคัญๆทางศาสนาบางแห่งที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้ ก็ต่อเมื่อ
    พวกเขาต้องการทำสมาธิเป็นการส่วนตัว และติดต่อกับพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น<o></o>
    <o></o>
    ด้วยความเจริญที่ล้ำหน้ามากขึ้น จึงทำให้พวกเขาเข้าใจแล้วว่า การติดต่อกับพระผู้สูงสุดนั้น
    สามารถกระทำได้ตลอดเวลา เพียงแค่ใช้แรงปรารถนาที่บริสุทธิ์ และจดจ่ออยู่กับความปรารถนานั้นเท่านั้นเอง<o></o>
    <o></o>
    เฉกเช่นเดียวกับวิธีการต่างๆที่มนุษย์โลกใช้เพื่อให้เกิดสมาธิจดจ่ออยู่กับการตั้งจิตอธิษฐาน
    เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง โดยใช้วิธีการสวดมนต์ หรือวิธีการอื่นๆ<o></o>
    <o></o>
    คำอธิษฐานดังกล่าวปกติจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของชีวิตในอนาคตของพวกเขา
    เพราะว่าสภาวะความเป็นอยู่ในปัจจุบันของพวกเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร
    เพราะว่าสังคมได้จัดหาสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต ในปัจจุบันไว้ให้อย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์หมดทุกอย่างแล้ว<o></o>
    <o></o>
    มันเป็นเรื่องปกติ ที่ไม่มีใครเลยที่มีความปรารถนาในแง่ลบ อันจะนำมาซึ่งพฤติกรรมในแง่ลบต่างๆ
    เช่น ความอิจฉาริษยา ความโลภอยากได้ของผู้อื่น เป็นต้น<o></o>
    <o></o>
    การติดต่อกับพระผู้เป็นเจ้าดังกล่าว สามารถอธิบายได้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ
    นั่นคือ การติดต่อกับสิ่งสูงสุดโดยอาศัยความสั่นสะเทือนด้วยการจดจ่อและด้วยจิตที่สงบนั่นเอง<o></o>
    <o></o>
    ภารกิจต่างๆของนักบวช เช่นในฐานะเป็นผู้ให้คำปรึกษา เป็นครูสอน และผู้อำนวยความสะดวกต่างๆ
    สภาแห่งปราชญ์ (Council of Sages) หรือ สภาแห่งผู้อาวุโส (Council of Elders)
    หรือชื่ออื่นๆแล้วแต่จะเรียก ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ที่มีภูมิจิต-ภูมิธรรมสูงที่สุดในดวงดาวนั้นๆเป็นสมาชิกอยู่
    จะเป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติภารกิจเหล่านี้แทน<o></o>
    <o></o>
    ประชากรในดวงดาวนั้นๆจะแจ้งความประสงค์มายังสภาฯ และสภาฯก็จะช่วยแก้ไขปัญหาของผู้นั้น
    ในทางที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เสมอ<o></o>
    <o></o>
    แต่ว่า ทุกวันนี้ บนโลกมนุษย์ ยังพบว่ามีการฆ่าฟันกันตายอยู่เสมอมา นานนับหลายศตวรรษมาแล้ว
    เพียงเพราะการนับถือศาสนาที่แตกต่างกันเท่านั้นเอง

    แต่สำหรับรูปธรรมชีวิตต่างพิภพทั้งหลายแล้ว ความขัดแย้งดังกล่าวนี้ ไม่เคยมารบกวนเลย และจะไม่มีด้วย
    เพราะว่าพวกเขารู้ดีว่า การกระทำดังกล่าวจะแสดงออกถึงความโง่เขลามากเพียงไหน<o></o>
    <o></o>
    ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดยสรุปแล้ว เรียกได้ว่ายังอยู่ใน “ช่วงเวลาแห่งความมืด”
    เช่น มีการสืบสวนคดีแม่มด แล้วผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งต้องถูกตรึงกางเขนและเผาทั้งเป็น
    เพียงเพราะว่าระดับพัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณของเธอผู้นั้นสูงกว่าผู้สืบสวนโดยทั่วไป

    ผู้มีอำนาจใช้การสืบสวนประดุจเครื่องมือเพื่อสนองตอบต่ออัตตาตัวตน ความโอหัง และความโง่เขลาของตนเอง<o></o>
    <o></o>
    แต่ว่า ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้อาทิตย์ดวงนี้ เพราะว่าทุกวันนี้ ก็ยังคงมีนักเขียนและนักแปลหัวก้าวหน้า
    และมีแนวความคิดที่แปลกๆใหม่ๆหลายคน ที่ถูกแขวนคอและถูกเยอะเย้ย
    แม้ว่าปัจจุบันนี้ จะเกิดขึ้นเฉพาะกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับองค์สันตะปาปาเท่านั้นก็ตาม<o></o>
    <o></o>
    บางทีคงต้องกล่าวย้ำกันอีกครั้งหนึ่งว่า รูปธรรมชีวิตที่มีความเจริญก้าวหน้ามากแล้ว
    พวกเขาไม่ได้มาใส่ใจอะไรกับสาระปลีกย่อยทางด้านวิชาการมากนักหรอก
    ระดับของการศึกษาสำหรับพวกเขา เพียงเพื่อต้องการให้ได้ผลทางด้านบวกเท่านั้น
    โดยใครหรือองค์กรณ์อิสระไหนๆก็ได้<o></o>
    <o></o>
    พูดถึงด้านคุณค่าแล้ว พวกเขาไม่มีกฎระเบียนหรือธรรมเนียมปฏิบัติที่ถาวรเกี่ยวกับวิทยาศาตร์ด้วยซ้ำไป<o></o>
    <o></o>
    หากมีใครที่ค้นพบแนวความคิดอะไรใหม่ๆได้ และต้องการการยอมรับ สภาแห่งปราชญ์
    เป็นผู้ทำหน้าที่จัดหาสิ่งเหล่านี้ให้ทั้งหมด แต่ว่าผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความผิดพลาดต่างๆ
    ต้องไม่เป็นไปในด้านลบด้วย<o></o>
    <o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr2430.jpg
      obr2430.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127 KB
      เปิดดู:
      1,382
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    [​IMG]
    (Lord of the ring-67)

    [​IMG]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=18EhWkoCVic"]YouTube- Long Long Journey[/ame]

    Long Long Journey
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ที่มา : http://www.geocities.com/visshop1993/keys/vis1.html


    <O:p
    [SIZE=+3][/SIZE]
    [SIZE=+3]คัมภีร์มรกต [/SIZE]



    ผู้เขียนมังกรจักรวาล(ดร.สุวินัย) พูดถึงข่าวสารเกี่ยวกับความลับของปิรามิด ของชาวแอตแลนติส
    ที่ชื่อ โธท(THOTH) ที่ถูกบันทึกไว้ใน "คัมภีร์มรกต"(The Emerald Tablets) (1939)

    ที่ท่านรู้มาว่า คัมภีร์มรกต เป็นภาษาแอตแลนติส และถูกนำมาแปลโดยคุรุแห่งศัมภาลาคนหนึ่ง
    ชื่อ ดร.มูเรียล (Muriel Doreal) ( ค.ศ. 1901 - 1963 ) ในสังกัดของ Brotherhood of the White Temple
    ของศัมภาลา(Shambhala) ในธิเบต

    "คัมภีร์มรกต" นี้ ดร.โดเรียลอ้างว่า เป็นหนึ่งในความรู้ของปิรามิด ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
    ยกเว้นคัมภีร์ในศัมภาลานคร ใต้พิภพในธิเบต ที่ยังไม่เปิดเผยออกมาเท่านั้น


    ความเป็นมาของคัมภีร์มรกต จาก ดร.มูเรียล โดเรียล

    "…ที่มาของคัมภีร์มรกตที่ผมแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษนี้ ช่างน่าพิศวงเหลือเกิน เพราะมันมีอายุเก่าแก่มาก
    ถึงสามหมื่นหกพันปี ก่อนคริสต์กาลทีเดียว ผมรับรองว่า พวกนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
    ไม่มีทางยอมเชื่อในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

    ผู้เขียนคัมภีร์มรกตนี้ เป็นชาวแอตแลนติส ชื่อ โธท หรือเรียกอีก อย่างหนึ่งว่า เฮลมอส
    ภายหลังจากที่ทวีปแอตแลนติสล่มสลายจมลงใต้สมุทรแล้ว โธทได้ไปสร้างอาณานิคมแห่งหนึ่ง
    ของแอตแลนติสที่อียิปต์โบราณ โธทนี่แหละ ที่สร้างมหาปิรามิดแห่งกีซา แต่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผลงานของพระเจ้าคีออปส์

    โธทได้บรรจุองค์ความรู้และภูมิปัญญาโบราณ ของตนซ่อนเอาไว้ใต้มหาปิรามิด พร้อมกับบันทึกของแอตแลนติส
    และเครื่องมือต่างๆ…"

    "โธทปกครองอียิปต์โบราณ เป็นเวลา 16,000 ปี ในช่วง ห้าหมื่นปีถึงสามหมื่นสี่พันปีก่อนคริสต์กาล
    เขาได้ฉายาจากผู้คนว่า เป็นเทพผู้อมตะ คัมภีร์มรกตถูกเก็บเอาไว้ในมหาปิรามิด
    และได้รับการดูแลโดยเหล่าศิษย์ของโธท

    หลังจากที่โธทจากอียิปต์ไปแล้ว ซึ่งคัมภีร์นี้มีอยู่ทั้งหมด 12 แผ่น ต่อมาในราว หนึ่งพันสามร้อยปีก่อนคริสต์กาล
    เกิดความวุ่นวายในอียิปต์ กลุ่มพระผู้ดูแลมหาปิรามิด ได้นำคัมภีร์มรกตไปที่อเมริกาใต้
    ที่เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของแอตแลนติสเหมือนกัน นั่นคือชาวเผ่ามายา"

    "ในศตวรรษที่ 10 ชาวเผ่ามายาได้อพยพไปที่อื่น คัมภีร์มรกตได้ถูกซ่อนไว้ใต้แท่นบูชาของวิหารที่บูชาพระอาทิตย์"
    "มหาปิรามิดแห่งกีซามิใช่ห้องเก็บศพของพระราชา แต่เป็นอารามถ่ายทอดวิชาเร้นลับต่างหาก

    ตัวผมได้บุกป่าฝ่าอันตรายคนเดียวเข้าไปพบคัมภีร์มรกตนี้ที่ ประเทศเม็กซิโก เมื่อปี 1925
    แต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้นำฉบับจริงออกมา จึงได้แต่คัดลองคัมภีร์นี้กลับมาแทน"

    แน่นอนว่า มีแต่ ดร.โดเรียลคนเดียวเท่านั้น ที่อ่านรู้เรื่อง ความน่าเชื่อถือ ผมคิดว่า ยังสู้ของ เอ็ดการ์ เคซี่
    ที่มีผลงาน "การอ่าน" ในอดีตพิสูจน์ยืนยันไม่ได้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งสองท่าน พูดเหมือนกันว่า
    มหาปิรามิดถูกสร้างโดยชาวแอตแลนติสที่ชื่อ เฮลเมส"

    ใจความคัมภีร์มรกต

    ( กรุณาอ่านคัมภีร์ทั้ง 12 แผ่น เพราะสุดยอดทั้งนั้น
    โดยเฉพาะ แผ่นที่ 12 )
     
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 1


    กล่าวถึง ความเป็นมาของชาวแอตแลนติสชื่อโธท โดยโธทเล่าเรื่องตัวเองว่า
    เขาต้องการบันทึกองค์ความรู้อันยิ่งใหญ่ของ แอตแลนติสไว้ให้คนรุ่นหลัง

    โธทบอกว่า ทุกๆพันปี และทุกๆห้าสิบปี เขาจะทำการ "อวตาร" และชุบร่างกายให้หนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง
    โดยเข้าไปในอารามศักดิ์สิทธิ์และนอนใต้ "ดอกไม้แห่งชีวิต" หรือ อาบ "ไฟแห่งชีวิต"
    ตอนที่โธทเขียนคัมภีร์เล่มนี้ เขามีอายุ ห้าหมื่นปีแล้ว

    โธทบอกว่า เขาสามารถตั้งจิตให้ดวงวิญญาณของเขา ไปเกิดในร่างอื่นหรือชีวิตอื่นได้
    โดยร่างเดิมของเขายังนอนหลับอยู่ เขาจึงสามารถเดินทางไปทั่วจักรวาลได้โดยเพ่งจิตไปที่หัวใจของตน
    เพราะที่นั่นมีความเร้นลับอันยิ่งใหญ่ดำรงอยู่

    โธทและผู้ติดตามนั่ง "จานบิน" ไปยังอียิปต์และใช้ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่ควบคุมโดยอำนาจจิต
    สามารถปล่อยแสงปล่อยพลังได้ต่างๆนานา สะกดให้ผู้คนที่นั่น ยอมรับในตัวเขาคือเทพเจ้าและเป็นบุตรของพระอาทิตย์



    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 2



    โธทบอกว่า ที่ตั้งของอารามศักดิ์สิทธิ์ที่เขาใช้ชุบร่างกายทุกห้าสิบปี นั้น อยู่ใต้ทวีปแอตแลนติส
    ณ ที่อารามนั้น เป็นศูนย์รวมของ "พลังชีวิต" ที่ค้ำจุนสรรพชีวิตบนพื้นโลก ที่เรียกว่า "ดอกไม้แห่งชีวิต"
    ซึ่งทำหน้าที่เดียวกับ "โซล่าเพลกซัส" (จักรสะดือ) ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเก็บพลังชีวิตของมนุษย์
    โดยมีทางเข้าของพลังอยู่ที่กลางกระหม่อม (จักรมงกุฎ)

    เมื่อโธทได้ฝึกฝน "พลังชีวิต" (ปราณ) จนตัวเขาบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้แล้ว
    เขาสามารถเลือกวิธีแห่งการทำงานของเขาได้อย่างเสรี จะไปอยู่ดวงดาวอื่นหรือภพอื่น
    หรือจักรวาลอื่นก็ย่อมได้ดังใจปรารถนา แต่ตัวเขากลับตัดสินใจอยู่ในโลกนี้ต่อ และทำงานให้โลกนี้ต่อ
    เพื่อเป็นผู้นำแห่งการชี้นำจิตวิญญาณของหมู่มนุษย์ ให้หลุดพ้นจากความมืดมิด และฟื้นฟู "ความเป็นเทพ"
    หรือ "ความเป็นพระเจ้า" กลับคืนให้แก่มวลมนุษย์




    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 3




    โธทกล่าวถึงกุญแจที่จะไขไปสู่ "ปัญญา" ที่จะนำมาซึ่ง "พลัง" และพลังจะทำให้เกิดปัญญาว่าอยู่ที่ความถ่อมตัว
    เพราะ ผู้ที่ยะโสหลงตัวเองคือคนโง่ที่ปฏิเสธที่จะเรียนรู้


    คนเราพึงปฏิบัติตามคำสั่งของ "คุรุ" หรือสิ่งที่อยู่ในตัวเรา หรือ "อาตมัน" ทรัพย์สมบัติเป็นเพียงวิธีการ
    ไม่ใช่เป้าหมาย

    เมื่อความต้องการทางวัตถุได้รับการตอบสนองแล้ว ควรหันมาสนใจยกระดับจิตวิญญาณ "อาตมัน" หรือ "ใจที่แท้"
    ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งกลางของหัวใจ ที่เชื่อมโยงกับต่อมไพนีลในสมองได้


    "ใจที่แท้" นี้ไม่แค่สนใจแสวงหาเรื่องความมั่งคั่งเลย มันสนใจแต่เรื่อง "ความเป็นพระเจ้า"
    หรือ "ความบริสุทธิ์ของจิตเท่านั้น"


    "ความรัก" เป็นจุดเริ่มต้นของ "ทาง" และเป็นจุดสิ้นสุดของ "ทาง"

    โธทเน้นความเป็นเอกภาพของทุกๆสิ่งในจักรวาล ที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วย "ความรักอันยิ่งใหญ่"

    ความสงบเงียบ คือกุญแจสำคัญไปสู่ความรุดหน้า จงใช้ความสงบเงียบรักษาพลังภายในตัวเราไว้
    อย่าหลงตัวเอง ว่าเรายิ่งใหญ่กว่าใครอื่น เพราะทุกคนต่างก็เป็นเพชร ต่างกันที่บางคนเป็นเพชรที่ยังไม่เจียระไนเท่านั้น

    ร่างกายเป็นธาตุดินที่หยาบ จิตเป็นธาตุไฟที่ละเอียด ก่อนที่จิตวิญญาณจะเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับ
    "พระอาทิตย์ดวงแม่" (พระอาทิตย์ในโลกทิพย์) จิตวิญญาณจะต้องละจากร่างกายที่เป็นวัตถุหยาบเสียก่อน

    พลังสร้างสรรค์เกิดจากการเปิดตาที่สามหรือต่อมไพนีล คนธรรมดาตาที่สามจะเปิดอยู่เล็กน้อย
    ต้องฝึกฝนให้ตาที่สามเปิดกว้างเต็มที่ เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปรมาตมันได้

    มีแต่ความเพียรกับประสบการณ์เท่านั้น ที่จะทำให้จิตใจหลุดพ้นจากความมืดมิดได้

    วัตถุเป็นเพียงรูปการที่แสดงออกมาของจิตเท่านั้น ขั้นสุดท้ายวัตถุกับจิตจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

    สรรพสิ่งล้วนอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มนุษย์เพียงใส่ "จิต" เข้าไปในกฎของธรรมชาติเท่านั้น
    "ปัญญา" จะมาหาแก่ผู้แสวงหามัน

    สิ่งสำคัญคือ "โลกทางวัตถุคือมายาที่เกิดจากใจของผู้ที่มีอวิชชา แต่โลกวัตถุนี้ก็เป็นการสำแดงตน
    ของพระเจ้าผู้สร้างโลกด้วยเช่นกัน (กฎของจักรวาล)

    ไม่ว่าจะเป็นยุคใดก็ตาม "ผู้ที่ตื่นแล้ว" จะได้รับแสงสว่าง ปัญญา และความเร้นลับเสมอ

    จากเนื้อความข้างต้น

    หากท่านได้อ่าน หัวข้อ ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ กับศาสนาตะวันออก คงพอเห็นถึงความ "เหมือน"
    ของสิ่งที่ศาสนาตะวันออก ได้ "สำแดง" ออกมา

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2009
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 4


    โธทได้กล่าวถึงประสบการณ์ทางจิตในการท่องจักรวาล จนเขาได้พบกับ "จิตสำนึกแห่งจักรวาล"
    และได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึงของจิตสำนึกแห่งจักรวาลนี้ ดุจความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับเซลล์สมอง

    โธทได้แนะวิธีถอดกายทิพย์ออกจากกายหยาบว่า วิธีที่ดีที่สุดคือการขยาย "โซล่าเพลกซีส" (จักรสะดือ)
    หรือ "ดอกไม้แห่งชีวิต" ในกายคนให้ใหญ่ขึ้น จนพลังชีวิตไหลเข้ามากระตุ้นกายหยาบให้ทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
    เพื่อเป็นการเตรียมให้จิตออกจากร่างได้ราบรื่น ต่อไป ทำการอดอาหารในช่วงสั้นๆ ราวๆหนึ่งวัน
    เพื่อตัดความรู้สึกภายนอกและไม่พูดจาใดๆ อยู่ในความสงบ เมื่อความสงบบรรลุถึงภาวะสมบูรณ์
    โดยผ่านการโน้มนำแห่งจิตแล้ว ให้เพ่งจิตไปที่ต่อมไพนีล ที่เป็นที่ตั้งของจิตวิญาณ ก่
    อนที่จะนึกถึงสถานที่ที่กายทิพย์ต้องการจะไป โดยจะต้องทำการสั่นขึ้นที่ต่อมไพนีล

    จากนั้นให้จิตหมุนภายในสมอง แล้วให้จิตเคลื่อนที่ออกนอกศีรษะไปตามเส้นโค้งที่เกิดจากการหมุนข้างในนั้น
    (เป็นหลักการที่เหมือนกันอย่างน่าทึ่ง ของ "สมาธิหมุน" (สมาธิหมุน หรือมังกรจักรวาลภาค 1 เขียนโดย ดร.สุวินัย)
    กับสิ่งที่โธทกล่าว)

    การสั่น (Vibration) เป็นความเร้นลับอันยิ่งใหญ่ สรรพสิ่งล้วนเป็นความสั่นของคลื่นทั้งสิ้น
    การสั่นของคลื่น เป็นกุญแจของการสร้างจิตที่หลุดพ้น หากอยากเข้าถึงปัญญา ก็ต้องหมั่น "ภาวนา"
    เพราะการภาวนาเป็นการปรับการสั่นของคลื่น ให้สอดคล้องกับพระผู้เป็นเจ้า

    (การสั่น = การปรับคลื่น จูนคลื่น เพื่อเข้าสู่ความถี่ความถี่หนึ่ง ที่ยังเข้าไม่ถึง และไม่สามารถมองเห็น)



    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 5


    โธท กล่าวถึง เหล่าที่พำนักอยู่ที่เกาะอุนาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดเกาะของดินแดนแอตแลนติส

    และเล่าถึงการพาชาวแอตแลนติสกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ขึ้นจานบินมาที่อียิปต์

    ก่อนที่ทวีปแอตแลนตีสจะล่มสลาย หลังจากที่ทำให้ชาวอียิปต์นับถือบูชาได้แล้ว โธทก็ได้สร้าง ปิรามิดกับสฟิงส์ขึ้นมา


    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 6



    โธทถ่ายทอดเคล็ดลับการเอาชนะพลังมืดเอาไว้ หากเป็นพลังมืดจากภายนอก ให้เข้าไปอยู่ในห้องมืด



    และปิดวงกลมล้อมรอบตัวเองไว้ เพราะวงกลมสามารถ มีพลังป้องกันภูตร้ายได้ จากนั้นก็ท่องชื่อ คุรุทั้งเจ็ด



    ดังนี้ Untanas , Quertas , Chietal , Goyana , Huertal , Semveta , Ardal



    แต่ถ้าเป็นพลังมืดภายในจิตใจ ให้สร้างความสั่นขึ้นภายในต่อมไพนีล ก่อนที่จะขับออกไปจากร่างกายพร้อมกับลมหายใจออก




    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 7



    โธทบอกว่า ชีวิตคนเต็มไปด้วยอุปสรรค มีหลุมพลางต่างๆ ที่คอยฉุดให้มนุษย์ลงสู่หนทางที่ตกต่ำ



    ดังนั้น ผู้แสวงหาทุกคน ควรตั้งเป้าหมายชีวิตไว้กับการเป็นหนึ่งเดียวกับจิตสำนึกแห่งจักรวาล


    จงเพ่งกระแสจิตและความคิด ไปข้างในตัวเอง เพื่อค้นพบ "จิตวิญญาณที่เป็นแสง" อยู่ข้างใน


    และเมื่อนั้น ตัวเราก็จะเป็น "คุรุ" ของตัวเรา




    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 8



    โธทบอกว่า ในสัญลักษณ์ต่างๆ จะมีกุญแจไปสู่ปัญญา ได้โดยที่ปัญญาก็คือความรู้เกี่ยวกับ


    "การประยุกต์ใช้กฎแห่งจักรวาล" นั่นเอง


    บางครั้งปัญญาก็แฝงอยู่ในความมืด ต้องใช้ความพยายามเสาะหาเอง ความเป็นแสง


    ซ่อนตัวอยู่ในความมืดฉันใด ปัญญาที่แท้จริง ก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดฉันนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2009
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 9


    โธทบอกให้แสวงหาความเป็นวงกลม เพราะวงกลม (จักร) เป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงถึง
    ความสมบูรณ์ของการเป็นช่องทางให้พลังจักรวาล ไหลผ่านศูนย์ต่างๆในร่างกาย

    การใช้ภาษาก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะภาษาคือคลื่นหรือความสั่น ที่ปลดปล่อยพลังออกมา

    มนุษย์ นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่วัตถุ แต่คือแสงหรือพลังงานที่เปล่งมาจากต้นตอ ที่เป็นนิรันดร์ต่างหาก
    แต่คนเราเห็นเป็นวัตถุไปเอง


    เพราะสิ่งที่เรียกว่าวัตถุนั้น จริงๆแล้วก็คือแสงเช่นกัน แต่คนเห็นเป็นวัตถุไป (หากได้อ่าน ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่
    กับศาสนาตะวันออก คงพอเข้าใจถึงความสัมพันธ์ ดังกล่าว)

    คนเรามีปัญญาอยู่แล้ว ก็ควรที่จะแสวงหาปัญญาเพิ่มอยู่เสมอ

    มนุษย์สามารถทำตัวเองให้เป็นได้ทั้งเทพและมาร


    และโธทได้ให้มนตร์ในการปลุกพลังภายในตัวเอง คือ "Zin Uru"



    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 10




    โธทบอกว่า จิตวิญญาณที่สามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาลได้แล้ว จะเป็นเหมือน "พระอาทิตย์ในหมู่แสง"
    สิ่งที่ชี้นำชะตาชีวิตของคนเรานั้น ก็คืออาตมันของผู้นั้น ซึ่งเป็นเสียงแห่งความสงบเงียบของจักรวาล



    ร่างกายคนเราเกิดมาจากขั้วสองขั้ว หากขั้วใดขั้วหนึ่งเสียสมดุล จะทำให้เกิดโรคภัย
    แต่ถ้าร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลโดยสมบูรณ์ ระหว่างสองขั้วนี้ คนผู้นั้นจะปลอดโรคและไม่ตาย

    สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ร่ายกายเสียสมดุล เกิดจากการเสียสมดุลของใจแทบทั้งสิ้น ทำให้ต่อมไร้ท่อบกพร่อง


    ถ้านอนเอาศีรษะหันไปทางทิศเหนือ(ขั้วบวก) ให้วางจิตอยู่ระหว่างช่วงหน้าอกถึงศีรษะ

    ถ้านอนเอาศีรษะหันไปทางทิศใต้(ขั้วลบ) ให้วางจิตอยู่ระหว่างช่วงหน้าอกถึงปลายเท้า

    หากฝึกเช่นนี้ได้ จะช่วยให้เกิดสมดุลภายในร่างกาย


    เมื่อถึงเวลาใกล้ตาย แล้วต้องรักษาความทรงจำในชาตินี้ ให้ไประลึกได้ในชาติหน้า โธทบอกให้ทำดังนี้

    จงผ่อนคลายร่างกายอย่าให้เกิดความตึงเครียดใดๆ เป็นอันดับแรก ต่อจากนั้น เอาจิตสำนึกของตน
    ไปตั้งไว้ที่หัวใจ ก่อนที่จะโน้มนำอย่างรวดเร็ว ไปที่ต่อมไพนีล(บริเวณกึ่งกลางของสมอง)
    ตั้งใจไว้ที่ต่อมไพนีลชั่วครู่ แล้วค่อยเคลื่อนจิตไปที่ต่อมพิตทูอิทารี บริเวณกึ่งกลางหัวคิ้ว
    ซึ่งเป็นที่ควบคุมความทรงจำของชีวิต กำหนดจิตไว้ที่จุดนี้ จนกระทั่งความตายมาพาตัวเราไป



    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 11




    โธทบอกว่า


    วิถีของจิตวิญญาณ มีอยู่ 3 ด้วยกันคือ พัฒนาจากมนุษย์ที่เป็นสัตว์โลก
    ไปเป็นจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ก่อน
    แล้วค่อยพัฒนาเป็น "แสงสว่าง" หรือเทพเจ้า

    และอุปสรรค ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ

    ขาดความเพียรพยายามในการแสวงหาธรรม ไม่เอาใจใส่ในพระผู้เป็นเจ้า
    และหมกมุ่นอยู่กับความชั่วช้า

    พลังในการสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ การมีความรักอันศักดิ์สิทธิ์
    การมีปัญญาในการใช้วิธีการทั้งปวง

    และการมีความมุ่งมั่น ที่จะผนึกความรักอันศักดิ์สิทธิ์ กับปัญญาอันศักดิ์สิทธ์เข้าด้วยกัน

    การพิชิตพลังแห่งความมืด ไม่ใช่การต่อสู้กับความมืด แต่คือการเปล่งแสงแห่งอาตมัน
    หรือความเป็นพระเจ้าในตัวเราให้เจิดจ้าออกมาต่างหาก


    คำสอนเหล่านี้ อย่านำไปสอนต่อผู้มีใจไม่สะอาด และผู้มีใจอ่อนแอเลย มันจะเป็นความสูญเปล่าโดยแท้



    คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 12




    โธทบอกว่า บทนี้เป็นสุดยอดแห่งความลับทั้งปวง เพราะเขาจะถ่ายทอดพลัง เพื่อการเป็น "เทพมนุษย์"
    ให้แก่ผู้เป็นศิษย์เขา การเป็น "เทพมนุษย์" คือการสำแดงออกซึ่งความเป็นแสงสว่างของพระเจ้า
    ที่อยู่ในตัวมนุษย์นั่นเอง

    อันที่จริง "ความมืด" กับ "ความสว่าง" เป็นสิ่งต่างกันแค่ภายนอกเท่านั้น
    แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นสองด้านของสิ่งที่เป็นธาตุแท้เดียวกัน ที่มาจากต้นตอเดียวกัน


    ความมืดคือความไร้ระเบียบ ความสว่างเป็นความมีระเบียบ หากเกิดการเปลี่ยนแปลง
    ความมืดย่อมกลายเป็นความสว่างได้ และนั้นคือเป้าหมายของชีวิตคนเรา

    การที่จะรู้ความเร้นลับเกี่ยบกับธาตุแท้ของมนุษย์ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า

    ร่างกายคนเราประกอบด้วยกายหยาบ กายทิพย์ และกายละเอียดที่สุด(mental body)
    ในร่างกายมีช่องทางต่างๆ ให้ปราณไหลผ่าน เพื่อค้ำจุนชีวิตเอาไว้

    การไหลเวียนของปราณ อยู่ภายใต้การควบคุมของจิต มนุษย์ขณะที่อยู่บนโลกนี้
    เขาจะถูกผูกมัดจองจำให้เป็น "ทาส" ของเวลาและสถานที่ การจะปลดปล่อยตัวเองให้ "หลุดพ้น" จากการถูกจองจำนี้

    เคล็ดลับอยู่ภายในตัวเขาผู้นั้น คนเราจะค้นพบเสรีภาพที่แท้จริงจากภายในตัวเราเองเท่านั้น

    ในตอนที่ผู้ฝึกต้องการหลุดลอยออกจากกายหยาบ ไปยังที่ไกลๆสุดขอบฟ้า ขอให้เขาบริกรรมมนตร์

    "Dor-E-Ul-La"

    เอาไว้ในใจ

    ก่อนอื่นต้องทำใจให้สงบนิ่ง ผ่อนคลายร่างกายตั้งจิตมุ่งมั่น ที่จะปลดปล่อยตนเองออกจากกายหยาบ
    หากต้องการพาดวงจิตขิงตนไปที่ใด ก็ขอให้นึกถึงเสรีภาพแห่งดวงจิต พร้อมบริกรรมมนต์ต่อไปนี้

    "la Um-I-L-Gan"
    (ลาอุมอีลูกาน)

    หากต้องการจะถอดจิต ไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ของแอตแลนติส ก็ให้บริกรรมมนตร์ต่อไปนี้ โดยไม่ออกเสียง

    1. Me-Kut-El-Shab-El

    2. Hale-zur-Ben-El-Zabrut

    3. Zin-Efrim-Quar-El


    และหากต้องการถอดจิตไป "ศัมภาลา" ก็ขอให้บริกรรมมนต์ต่อไปนี้ เพื่อเปิดทวารเข้าสู่ศัมภาลา

    "Edom-El-Ahim-Sabbe-Rt-zur-Adom"


    [SIZE=+2]<TABLE width="75%" border=15><TBODY><TR><TD>
    [SIZE=+3]และทั้งหมดนี้คือ คำแปลโดยย่อ ของคัมภีร์มรกต [/SIZE]

    </TD></TR><TR><TD>
    [SIZE=+2]ดร.โดเรียลผู้แปลและขยายความ "คัมภีร์มรกต" ได้พูดถึงลักษณะคัมภีร์ว่า เป็นแผ่นโลหะสีมรกต 12 แผ่น ที่ไม่มีวันเป็นสนิมหรือผุกร่อน ร้อยด้วยห่วงสีทอง อักษรที่จารึกเป็นภาษาแอตแลนติสโบราณ [/SIZE]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [/SIZE]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2009
  14. JiNaNiE

    JiNaNiE Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +49
    สงสัยที่คุณ chayutt ฝัน มันอาจเป็นปฏิบัติการเตรียมขึ้นยานกลับบ้านหรือป่าว เนื่องจากปฏิบัติภารกิจล้มเหลวและเป็นปฏิปักษ์ต่อมาตุภูมิ อิอิ
    อู้ยๆๆ จะโดนร่างแหไปด้วยไม๊เนี่ย ไม่นั่งเก้าอี้เสริมนะนะนะนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2009
  15. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    133. โลกของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ<o></o>

    133.12. การสร้างและการวิวัฒนาการของจักรวาล<o></o>
    <o>

    [​IMG]</o>:p
    (Universal)<o></o>
    <o></o>
    มุมมองด้านปรัชญาของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพเกี่ยวกับการสร้างและการวิวัฒนาการของจักรวาล
    เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีประวัติคล้ายคลึงกับของมนุษย์โลกเรา
    <o></o>
    เดิมอารยะชนต่างๆก็เคยมีการนับถือศาสนาที่แตกต่างกันมากมายเหมือนกับบนโลกมนุษย์
    มีทั้งที่นับถือพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด พระเจ้าองค์อื่นๆ และพระผู้สร้างองค์อื่นๆที่ต่างก็เป็นผู้สร้างจักรวาลและประชากรของตนเอง
    รวมถึงเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆให้กับสิ่งที่ถูกสร้างเหล่านั้นด้วย
    <o></o>
    วิวัฒนาการของความเชื่อเหล่านี้ เดิมก็เคยเป็นเหมือนกันกับบนโลกมนุษย์
    แต่ในที่สุดก็เหลือกฎแห่งธรรมชาติที่ไม่มีข้อสงสัยอยู่เพียงกฎเดียว
    เมื่อพวกเขาเริ่มตระหนักรู้ความเป็นจริงแล้วว่า ชีวิตของพวกเขามาจากไหนและเพื่ออะไร<o></o>

    พวกเราไม่สามารถที่จะเข้าร่วมในทุกๆศาสนาได้ เพราะว่าทุกๆคนล้วนมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางที่ถูกต้องของตนเอง
    ในเรื่องเกี่ยวกับจักรวาลและพระผู้เป็นเจ้า

    เราสามารถกล่าวได้ว่า รูปธรรมชีวิตที่เจริญแล้วทั้งหมด พวกเขายอมรับเพียงพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียว

    พระผู้เป็นสิ่งที่มีภูมิปัญญาสูงสุด และเป็นสิ่งที่ปกครองโลกของสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมด

    พระองค์ทรงเป็นผู้ที่เราไม่สามารถหาตัวตนได้ แต่สามารถพิสูจน์ความมีอยู่ได้ อาจจะด้วยใช้วิธีการพิสูจน์บางวิธีได้เท่านั้น<o></o>
    <o></o>
    พระองค์ทรงสถิตอยู่ในทุกๆสรรพสิ่งและไม่มีวันหายไปจากสิ่งนั้นได้
    ซึ่งเราเข้าใจกันว่าคือกฎแห่งการอนุรักษ์มวลและพลังงาน
    (The law of conservation of matter and energy) ดู
    <o></o>
    การกระทำของสิ่งสูงสุดสิ่งนี้จะเป็นไปตามกฎพื้นฐานแห่งการสรรค์สร้างที่ได้กล่าวไปแล้วเสมอ
    สิ่งนี้จะปลดปล่อยธาตุของตนเองในรูปแบบของวิญญาณซึ่งก็คือจิตสำนึกออกมา
    เพื่อพัฒนาไปเป็นวัตถุธาตุทางกายภาพต่างๆในจักรวาล โดยอาศัยแรงขับเคลื่อนจากวิวัฒนาการของกรรมที่กระทำ
    <o></o>
    พัฒนาการที่ว่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่มีการ “อาศัย” อยู่ในสสาร
    เพราะว่ากระบวนการของการพัฒนาตนเองและการเรียนรู้ด้วยตนเอง จะขึ้นอยู่กับ
    ความพร้อมในการรับมือกับเหตุบังเอิญและสถานการณ์ใหม่ๆ<o></o>

    ผลของการพัฒนาจะใช้การเปรียบเทียบการกระทำของผู้นั้นกับกฎของการสรรค์สร้าง (Law of Creation)
    เป็นเกณฑ์ตัดสิน การวัดผลที่ว่านี้ มันจะเกิดขึ้นโดยตัวมันเองและอย่างต่อเนื่อง
    <o></o>
    ธรรมชาติของกฎต่างๆนั้น ก็คือกฎที่เป็นจริงตามธรรมชาติด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

    การดำรงอยู่ในรูปกายทางกายภาพของพวกเรา ทำให้พวกเราไม่สามารถที่จะระลึกชาติได้
    (ซึ่งหากสามารถระลึกชาติได้ มันก็อาจจะไปส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในชาติปัจจุบันนี้)
    ดังนั้น มันจึงต้องเป็นไปโดยปราศจากการชี้นำหรือความช่วยเหลือใดๆอย่างแท้จริง
    คือให้เราได้มีโอกาสเผชิญหน้ากับสถานการณ์ใหม่ๆและการตัดสินใจอะไรใหม่ๆอย่างแท้จริง
    (จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใหม่หรอก แต่เพราะเราจำไม่ได้เอง – Chayutt)<o></o>

    อาจกล่าวได้ว่า วิธีการที่เราใช้แก้ปัญหาต่างๆ โดยได้รับความช่วยเหลือจากการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว
    บนพื้นฐานของประสบการณ์ (ในชาติปัจจุบัน) และประสบการณ์ที่แฝงเร้นอยู่
    ซึ่งเป็นความทรงจำที่สืบทอดมาจากอดีตชาติของเรา มันจะเป็นสัญชาตญาณของเรา

    แม้แต่สัตว์ทั้งหลายก็ยังรู้จักที่จะใช้ความทรงจำที่แฝงเร้นอันนี้ ที่พวกเราเรียกว่า สัญชาตญาณ

    แต่ทั้งสองกรณีนี้ก็คือการรวบรวมข้อมูลโดยไม่รู้ตัวจากความทรงจำภายนอก (Exoteric memory)
    หรือสนามพลังงานรหัสพันธุกรรม หรือชื่ออื่นๆแล้วแต่จะเรียก แต่มันก้คือความทรงจำที่แฝงเร้นของวิญญาณนั่นเอง<o></o>

    อารยะชนและชนที่บรรลุแล้วทั้งหลาย โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะยอมรับเพียงพระผู้สร้างเดียวในจักรวาลนั้น
    หรือชุดของจักรวาลนั้นๆในทุกๆมิติที่เป็นอนันต์

    ในความเห็นของพวกเขามันไม่ได้มีจักรวาลใดๆอยู่เพียงจักรวาลเดียวที่เราสามารถใช้อุปกรณ์ที่เรามี
    ช่วยในการสังเกตการณ์มันได้เท่านั้น แต่มันยังมีจักรวาลนั้นๆอยู่ในมิติอื่นๆอีกเป็นอนันต์
    <o></o>
    การเดินทางข้ามจักรวาลหรือมิติใดๆสามารถเป็นไปได้ เพราะว่าอารยะชนทั้งหลายทำกันอยู่ <o></o>
    <o>
    [​IMG]</o>
    (obr103)<o></o>

    คำบรรยายภาพ: พระผู้สร้างอันเป็นที่รักของเรา ของจักรวาลของเรา


    <o></o>ทุกๆจักรวาลจะถูกปกครองโดยรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่สูงที่สุดของจักรวาลนั้นๆ<o></o>

    ลำดับการปกครองลำดับรองลงมา คือ สภากาแล็กซี่ (Galaxial Council)
    จะเป็นผู้กำหนดความก้าวหน้าของกาแล็กซี่ต่างๆ และพวกเขาก็อยู่ภายใต้การนำของ “ผู้ที่อยู่ในลำดับที่ 3”
    จากผู้ส่งสาส์นทั้ง 7 ลำดับ เช่น <เซ็นเซอร์>, พระเยซูคริสต์ พระโมฮัมหมัด ( Mohammed)
    พระบาฮาอูลาฮ์ (Baha-u-laah)

    และปัจจุบันนี้ คือ ออทอน (Orthon) ซึ่งเป็นผู้รับรอง (Warrantor) ของกาแล็กซี่ของเรา<o></o>

    สภากาแล็กซี่ดังกล่าว เป็นผู้ตรวจสอบสภาแห่งปราชญ์ หรือ สภาผู้อาวุโสของแต่ละดวงดาวอีกต่อหนึ่ง
    ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องได้รับคำแนะนำจากสภากาแล็กซี่บ้าง

    ดังนั้น จะเห็นได้ว่าทุกๆสิ่งในจักรวาลมีการปกครองและมีการจัดองค์องค์ไว้ทั้งหมดแล้ว
    และทุกๆสิ่งก็ล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่งการสรรค์สร้าง (Law of Creation) ด้วยกันทั้งสิ้น<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr103.jpg
      obr103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.8 KB
      เปิดดู:
      1,438
    • Universal.jpg
      Universal.jpg
      ขนาดไฟล์:
      297.8 KB
      เปิดดู:
      2,797
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
  16. JiNaNiE

    JiNaNiE Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +49
    "จากผู้ส่งสาส์นทั้ง 7 ลำดับ เช่น <เซ็นเซอร์>, พระเยซูคริสต์ พระโมฮัมหมัด"
    โอ๊ะ โอ มีคำว่าเซ็นเซอร์ด้วย ดีนะที่มีก็เลยพอเดาได้เลยว่าเป็นใคร

    "พระองค์ทรงสถิตอยู่ในทุกๆสรรพสิ่งและไม่มีวันหายไปจากสิ่งนั้นได้"
    นึกถึงนิทานที่ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา เล่า เป็นนิทานอินเดีย มีพราหมณ์คนหนึ่งได้ฆ่าวัวที่มากินพืชในไร่ของเค้าด้วยความแค้น
    และเค้าก็เสียใจกับเหตุการณ์ จึงนึกวิธีที่ทำให้เค้าไม่ต้องมีบาปจากการฆ่าวัว ก็เลยไปเจอคัมภีร์ที่ว่าพระเจ้าสร้างทุกสรรพสิ่ง
    และสถิตอยู่ในสรรพสิ่ง พราหมณ์นึกขึ้นได้เลยสรุปว่า พระเจ้านี่แหละเป็นคนทำเพราะพระเจ้าสถิตอยู่ในเรา จากนั้นเค้าก็จัดการฝังวัว
    จัดสวนดอกไม้รอบๆๆอย่างสวยงาม สักพักความรู้ถึงพระเจ้า ท่านเลยเสด็จลงมา พราหมณ์ต้อนรับอย่างดี พระเจ้าเลยไปชมสวน
    ถามว่าสวนสวยดีใครจัดล่ะเนี่ย พราหมณ์ตอบผมเองครับ ถามว่าต้นไม้ดอกไม้ใครปลูกใครรดน้ำ พราหมณ์ตอบผมเองครับ
    ถามอะไรๆๆ พราหมณ์ก็ตอบผมเองครับ จนมาเจอวัวตายที่ถูกฝังอยู่ พระเจ้าถามว่าใครฆ่าวัวล่ะ พราหมณ์ตอบ.....

    อาจเพราะพระเจ้าสร้างทุกสรรพสิ่งพระเจ้าเลยทุกข์เพราะสรรพสิ่งที่พระเจ้าสร้าง ทุกข์เพราะเความมี เหมือนเรามีรถก็ทุกข์เพราะรถ มีลูกก็ทุกข์เพราะลูก มีสามีภรรยาก็ทุกข์ มีชีวิตก็ทุกข์ พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ละความมีก็คือกิเลสนั่นเอง เมื่อละกิเลสได้ก็ไม่ต้องมีไม่ต้องเกิดมาให้ทุกข์อีก ชอบกระทู้นี้จริงเลยๆๆเหมือนมาช่วยแกะสนิมออกจากสมองเลย
     
  17. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    ทำได้ดีมากค่ะ คุณชยุต ทั้งการนำเสนอในภาพรวมของหลายแหล่งพร้อมการเปรียบเทียบ และการตอบคำถาม ตรงประเด็นชัดเจนดีค่ะ การคิดรวบยอดทั้งวิเคราะห์และสังเคราะห์ของคุณเยี่ยมมาก และพร้อมทั้งใจกล้าดีด้วย นับถือค่ะ
     
  18. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611

    ผมบอกแล้ว ของเค้าตรงจริงๆ
    (อันนี้ไม่ได้หมายความว่าผมเห็นด้วยรึไม่เห็นด้วยนะ)

    ...............

    คัดลอกจาก บทสัมภาษณ์ระหว่าง(อ.เทพนม เมืองแมน)กับมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร ชื่อ พาราซิทัลและดาวศุกร์ ชื่อ เอ็ดดี้


    ถาม-ท่านนับถือศาสนาอะไร? มีศาสนาแบบมนุษย์ไหม? ตอบ-พวกเรา นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดเหมือนกัน มีองค์เดียวที่สูงสุด และทุกชีวิตมาจากหนึ่งเดียวนี้ ตามความจริงซึ่งท่านจะได้เรียนรู้และทราบในศตวรรษใหม่ที่จะมาถึง ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ มีพระผู้สร้าง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดอยู่ 1 องค์ ที่สร้างทุกอย่างในจักรวาลขึ้นมาแต่เริ่มแรก แต่การบริหารจัดการกับสิ่งมีชีวิตต่างๆนั้นมีคณะกรรมการจัดการระหว่างดวงดาว ซึ่งบรรดาศาสดาต่างๆของโลกมนุษย์ก็เป็นกรรมการอยู่ ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนทำดี ไม่ควรมาเปรียบเทียบกันว่าศาสนาของฉันดีกว่าศาสนาของเธอ เพราะศาสดาทุกท่าน ก็มาจากที่เดียวกันหมด และถูกส่งลงมาช่วยพัฒนาจิตใจมนุษย์เป็นระยะๆไป.....


    ถาม-ถ้าพระผู้สร้างมีจริง และเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิตขึ้นมาจริงอย่างที่ท่านบอก สิ่งนี้ขัดแย้งกับกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาหรือไม่
    ตอบ- พระผู้สร้าง ได้สร้างทุกอย่างในจักรวาลขึ้นมา แต่ท่านได้ให้อิสระเสรีภาพกับมนุษย์ทุกคน ที่จะทำดี หรือทำชั่วก็ได้ หากทำดี ก็ได้รับผบตอบแทนที่ดี ทำชั่ว ก็ได้รับผลตอบแทนที่ไม่ดี นับว่ายุติธรรมที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ? ฉะนั้น ไม่ขัดแย้งกับกฎแห่งกรรมของพุทธศาสนาเลย และนี่คือ ความจริงของกฎจักรวาล




    ที่มา


    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=18686
    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=13105
     
  19. LadyOfLight

    LadyOfLight เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    755
    ค่าพลัง:
    +2,472
    วัจนะภาษาที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมาสื่อสาร ไม่สามารถให้คำจำกัดความหรือความหมายของสรรพสิ่งที่อยู่นอกเหนือตรรกะทางสมองกายภาพของมนุษย์ได้อย่างแท้จริงและถูกต้องอย่างที่สรรพสิ่งเป็นอยู่ ถ้าต้องการเข้าใจหรือหาคำตอบหรือหาข้อพิสูจน์ในสรรพสิ่งใดๆ จงค้นหาจากในตัวเราเอง ไม่ใช่ตัวอักษร เพราะตัวอักษรให้ได้แค่แนวทางเท่านั้น

    สิ่งสำคัญ คือ สมดุลยภาพ ถ้าขาดความสมดุล ก็ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ไม่ว่าพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดของใคร จะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่
    <o></o>
    แต่พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดของพวกเราชาวพุทธบางคน อาจจะคือ “สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ”<o></o>
    หรืออาจจะเป็น “องค์ต้นธาตุ ต้นธรรม” หรืออะไรทำนองนั้น<o></o>
    <o>
    </o>[​IMG]
    (First Buddha)<o></o>
    <o></o>
    ดังนั้น ก่อนที่จะไปกันต่อ ผมขออธิษฐานอะไรกำกับไว้สักเล็กน้อยเถิดนะครับว่า..<o></o>
    <o></o>
    ไม่ว่าข้อมูลที่พวกเราอ่านกันมาทั้งหมดนี้ จะเป็นจริง หรือไม่เป็นจริง อย่างไร มากน้อยแค่ไหนก็ตามแต่ <o></o>
    <o>
    [​IMG]</o>
    (สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ)<o></o>
    <o></o>
    ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนไตร มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิเป็นประธาน<o></o>
    มีพระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย เป็นต้น<o></o>
    <o></o>
    ขอได้โปรดแผ่บารมีปกป้องคุ้มครองพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย <o></o>
    ให้ดำรงอยู่ในสัมมาทิฐิ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ และสัมมาปัญญา<o></o>
    ให้พวกข้าพเจ้าทั้งหลาย จงเป็นผู้ที่ฉลาดใน “อุบาย” แห่งความเสื่อม และความเจริญ<o></o>
    เป็นผู้ที่เฉียบแหลมในอรรธและธรรม<o></o>
    <o></o>
    ขอให้ญาณของพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย จงเป็นไปไม่ข้องขัด ใน “ธรรมะที่ควรรู้” ประดุจลมพัดไปในอากาศฉะนั้น<o></o>
    <o></o>
    ความปรารถนาใดๆของพวกข้าพเจ้าที่เป็นกุศล ขอให้สำเร็จได้โดยง่ายทุกเมื่อ<o></o>
    <o></o>
    นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงซึ่งพระนิพพานโน้นด้วยเถิด<o></o>
    <o></o>
    พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง<o></o>
    <o></o>
    สัพเพพุทธา สัพเพธรรมมา สัพเพสังฆา พะลัพปัตตา
    ปัจเจกานัน จะ ยัง พะลัง อรหันตานัง จะ เตเชนะ รักขังพันทา มิ สัพพโส

    สัพพุทธานุภาเวนะ สัพธรรมมานุภาเวนะ สัพสังฆานุภาเวนะ<o></o>
    สัตทาโสตถี พะวันตุเม สัตทาโสตถี พะวัน ตุเต<o></o>
    <o></o>
    พุทธังอฐิษฐามิ ธรรมมังอธิษฐามิ สังฆังอธิษฐามิ<o></o>
    <o></o>
    อิทธิ ฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่ มะ อะ อุ นี้ด้วยเทอญ<o></o>
    <o></o>
    สาธุ สาธุ สาธุ<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...