พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

สวัสดีครับคุณหนุ่ม(ยินดีด้วยที่หายจากหวัดแล้ว ผมหล่ะเข็ดเลยครับ และชาวรักษ์พระวังหน้าทุกท่าน ตอนนี้สบายดีครับ 1 Week ที่ผ่านมาที่ Office งานเข้าครับผม ตอนนี้สถานการณ์ปกติดีแล้ว ไว้เจอกันวันอาทิตย์นะครับ ...ขอทราบเวลา Late ที่สุดกี่โมง? ว่าจะออกจาก BKK ซัก 8 กว่า ~ 9 โมงครับ ..

 

ผมเองออกไปเวลาปกติ ก็ประมาณ 7.30 น. ถึง 8.00 น.

ผมต้องรอการยืนยันของพี่ตุ่นอีกว่า พี่ตุ่นจะไปกับผมด้วยหรือเปล่า แต่ผมเองสายสุดก็ประมาณ 8.30 น.ครับ

ตอนนี้ต้องพยายามทานน้ำมะนาว หรือทานส้มให้ได้ทุกวัน ถ้าเป็นน้ำมะนาว ก็จะให้มะนาว 1 ลูก วิตามินซีช่วยให้เป็นหวัดได้น้อยลงครับ
.

 

ออกกี่โมงก็ 40นาทีถึงครับ หุ หุ

 

ในหลวงทรงเลือก สุดยอดภาพถ่ายแห่งแผ่นดิน

˹ѧʗ;ԁ?쁵Ԫ?҇ѹ : ˹ѧʗ;ԁ?줘??? ྗ荤س???ͧ?Ð෈



เป็นความภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้รับพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชวินิจฉัยตัดสินภาพถ่ายด้วยพระองค์เอง ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศครั้งนี้ปลื้มปีติเป็นอย่างมาก จากการที่ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดในโครงการ "ภาพถ่ายแห่งแผ่นดิน" ภายใต้แนวคิดคุณค่าแห่งแผ่นดินไทย ที่สมาคมภาพถ่ายแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จัดขึ้น และทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯพระราชทานถ้วยรางวัลอีกด้วย


การประกวดครั้งนี้มีผู้สนใจส่งเข้าประกวดกว่า 3,000 ภาพ และคณะกรรมการได้คัดเลือกเหลือเพียง 29 ภาพ ซึ่งช่วงที่ตื่นเต้นมากที่สุดของช่างภาพที่ส่งเข้าประกวดไม่ได้เพียงแค่เป็นภาพถ่ายที่ถูกเลือกเท่านั้น แต่ยังเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ภาพตนเองได้ถูกนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยตัดสินภาพถ่ายด้วยพระเนตรของพระองค์เอง และเพียงไม่นานสำนักราชเลขาธิการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ส่งหนังสือแจ้งเรื่อง "ทรงเลือกภาพรางวัลชนะเลิศ" มายังมาสมาคมภาพถ่ายฯ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>


1.ชมงานศิลป์
2.ชีวิตชาวนาเกลือ
3.สามพันโบก แคนยอนเมืองสยาม 4.ความเชื่อ 5.(จากซ้าย) จามิกร-สัญชัย-วิรัตน์ไชย-ภูมิพัฒน์
</TD></TR></TBODY></TABLE>

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเลือกภาพถ่ายที่ได้รับพระราชทานรางวัล โดยแบ่งเป็นหัวข้อ "เย็นศิระเพราะพระบารมี" ได้รับถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นของนายวิรัตน์ไชย วันสามงาม ชื่อภาพว่า "ชีวิตชาวนาเกลือ" เป็นภาพถ่ายชาวนาเกลือกำลังทำนาโดยมีกังหันลมที่ชักน้ำไปเลี้ยงนาเกลือ และยังมีพระราชกระแสให้เจียนภาพถ่ายด้านล่างออก 6 เซนติเมตรด้วย เพราะมีพื้นที่สีดำมากเกินไป ทำให้ภาพถ่ายนี้สมบูรณ์แบบมากขึ้น

ส่วนหัวข้อ "งานศิลป์เป็นศรีฝีมือสยาม" ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นของนายสัญชัย บัวทรง ชื่อภาพว่า "ชมงานศิลป์" เป็นภาพถ่ายบานประตูฉลุลายในวัดท่าซุง และมีแสงลอดผ่านช่องบานประตูทำให้เกิดภาพที่มีมิติสวยงาม

ต่อด้วยหัวข้อ "ธรรมชาติแวดล้อมล้วนงดงาม" ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งนายจามิกร สุขทรามร กับชื่อภาพว่า "สามพันโบก แคนยอนเมืองสยาม" ได้รับรางวัลในหัวข้อนี้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสให้เจียนภาพถ่ายด้านข้างทั้ง 2 ด้านออก ด้านละ 3 เซนติเมตร เพื่อให้คนในภาพดูชัดขึ้น

สุดท้ายภาพถ่ายจากหัวข้อ "ประเพณีลือนามวัฒนธรรมไทย" ได้รับถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นของนายภูมิพัฒน์ ลิ้มสมบัติตระการ ชื่อภาพว่า "ความเชื่อ" เป็นภาพถ่ายขณะคนไปไหว้พระ และต้นไทรที่ถูกพันผ้าสีต่างๆ รวมถึงจิตรกรรมภายในอุโบสถที่ถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา

ภายถ่ายทั้ง 4 นั้นเจ้าของภาพต่างปลื้มปีติ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างหาที่สุดมิได้ และยังเป็นรางวัลสูงสุดที่ต้องจดจำไปตลอดชีวิตอีกด้วย

นายวิรัตน์ไชย วันสามงาม เจ้าของภาพชีวิตชาวนาเกลือ บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า ถ้วยพระราชทานนี้เป็นรางวัลสูงสุดที่ใฝ่ฝัน และยังเป็นเกียรติประวัติสูงสุดที่ภาพถ่ายนี้ได้ผ่านสายพระเนตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังได้รับพระบรมราชวินิจฉัยตัดสินให้เป็นภาพถ่ายชนะเลิศอีกด้วย

"ตื่นเต้นมาก และปลาบปลื้มที่สุดในชีวิต รวมทั้งรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีพระราชกระแสให้เจียนส่วนล่างของภาพถ่ายออก ทำให้รู้สึกว่าพระองค์ทรงใส่พระทัยในการวินิจฉัย และพระราชกระแสของพระองค์ทำให้องค์ประกอบ สีสันของภาพถ่ายนี้สมบูรณ์ และดึงดูดสายตามากยิ่งขึ้นจริงๆ"

เป็นความภาคภูมิใจที่หาที่สุดมิได้จริงๆ

ที่มา มติชน

 

พี่ตุ่นแจ้งมาแล้วว่า ติดธุระ ไม่สามารถไปได้

ว่าแต่ว่า ผมใช้เวลาเป็นชั่วโมงครับ รถไม่แรงเหมือนรถคุณnongnooo ครับ

วันประชุม คงจะได้ทานผัดไท และ หอยทอด ร้านหน้าปากซอยบ้านปู่ประถมแน่เลย นึกถึงวันงานพิธีพุทธาภิเษก เสาร์ห้า ปี 2550 ที่ก่อนวันงาน ผม ,คุณเพชร และพี่ตุ่น ไปจัดสถานที่กันก่อน พอกลางวันก็ไปนั่งทานหอยทอด และ ผัดไทกัน ผม ,คุณเพชร และพี่ตุ่น ถ้าจำไม่ผิด ต่างต้องโดดร่มกันไป ยังดีที่ร่มกาง ไม่งั้นแย่แน่

ผมเคยโดดร่ม (ลาป่วย(ไม่จริง)) ไปแล้วร่มไม่กาง ตอนเย็นผมพาภรรยาผมไปเที่ยวที่เวิลด์เทรด ที่ทำงานผมดันไปเที่ยวที่นั่น ไปจ๊ะเอ๋กันโดยบังเอิญ ผมหลบไม่ทัน งานนั้นแย่เลยครับ

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 17 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 15 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>พรสว่าง_2008, sithiphong+</TD></TR></TBODY></TABLE>
....หวัด D ครับ พี่หนุ่ม ช่วงนี้งานเข้าครับ นานๆเข้า web ที โมทนาสาธุกับทุกท่านครับ
ที่บอกงานเข้า ตอนนี้ระบาดหนักแล้วครับ โรงพยาบาลแถบแตกครับเพราะคนไข้ตื่นกลัวก็เลยพร้อมใจกันมาตรวจที่โรงพยาบาลครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เฉียนหลีว์จี้ฉง : ลาเฉียนฉลาดน้อย
China - Manager Online
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 กรกฎาคม 2552 18:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> <CENTER>黔驴技穷</CENTER>

黔 (qián) อ่านว่า เฉียน หมายถึง พื้นที่เฉียน(ส่วนหนึ่งของเมืองกุ้ยโจว, ฉงชิ่งและหูหนาน)
驴 (lǘ) อ่านว่า หลีว์ แปลว่า ลา
技 (jì) อ่านว่า จี้ แปลว่า ความฉลาด/ทักษะ
穷 (qióng) อ่านว่า ฉง แปลว่า ขาดแคลน/ยากจน


</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=450> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ที่มา http://haosalon.net </CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เล่ากันว่า แต่เดิมในบริเวณพื้นที่เฉียนไม่เคยมีลามาก่อน จากนั้นจึงมีผู้นำลาตัวหนึ่ง บรรทุกทางเรือเข้ามายังพื้นที่นี้ ทว่าเมื่อนำมาถึงกลับไม่สามารถใช้ประโยชน์อันใดได้ ดังนั้นเขาจึงนำลาไปปล่อยไว้บนเขา

บนเขา เมื่อเสือมาพบลาเข้า ด้วยความที่ลาเป็นสัตว์ตัวโต ที่เสือไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก จึงเกิดความเกรงขามและแอบอยู่ในพุ่มไม้เพื่อซุ่มดู จากนั้นแต่ละวัน จึงค่อยๆ ขยับเข้าไปดูใกล้ๆ ทีละนิดๆ ว่าเจ้าสัตว์ที่ตัวเล็กกว่าม้านิดเดียวตัวนี้มีพิษสงเช่นไร

วันหนึ่ง อยู่ๆ เจ้าลาก็แผดเสียงร้องออกมา ในครั้งแรกทำให้เสือตกใจกลัวเป็นอันมาก จึงวิ่งหนีออกไปไกล เพราะเข้าใจว่าลากำลังจะมากัดกินตน จากนั้นผ่านเวลาไปเรื่อยๆ เมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสือก็ไปๆ มาๆ เพื่อสังเกตเจ้าลาตัวนี้ แล้วพบว่า ลา เป็นสัตว์ที่ไม่มีความสามารถอันใดเป็นพิเศษ จึงค่อยๆ คุ้นชินกับเสียงแผดร้องของมัน และได้ปรากฏตัวเข้าใกล้ลามากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นเสียก็ยังไม่กล้าเปิดฉากโจมตีโดยตรง

เวลาผ่านไปอีก เสือเริ่มเข้าใกล้ลามากขึ้นทุกทีๆ จนกระทั่งเดินผ่าน และถึงกับกระทบถูกลาด้วยท่วงท่าสบายๆ ทำให้ลาไม่พอใจ จึงยกเท้าขึ้นดีดเสือ 1 ครั้ง เมื่อเห็นดังนั้น เสือกลับรู้สึกปรีดายิ่ง และสรุปได้ว่า “เจ้าสัตว์ตัวนี้ก็มีความสามารถเพียงเท่านี้เอง” เมื่อคิดสะระตะได้ดังนั้น จึงกระโจนเข้าขย้ำคอลาเคราะห์ร้าย แล้วกินเนื้อลาจนหมด จึงได้จากไป

แต่เดิม สำนวนนี้ใช้เปรียบเปรยถึงการไม่รู้สภาวะของศัตรูที่จะต้องสู้รบด้วย ทำให้ศัตรูดูน่ากลัวน่าเกรงขาม แต่หากกระจ่างแจ้งถึงจุดเด่นของศัตรูแล้ว ก็จะไม่มีอันใดน่ากลัว ปัจจุบัน สำนวนนี้ใช้เปรียบเปรยถึงคนที่พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ไม่มีหนทางที่ดีกว่าแล้ว หรือคนที่มีข้อดีเพียงน้อยนิดและได้แสดงออกจนหมดสิ้นแล้ว นอกจากนี้ยังมักใช้สำนวนนี้เพื่อประชดประชันคนที่มีดีแต่เพียงรูปกายภายนอก แต่กลับไร้ความสามารถไร้มันสมอง

สำนวนนี้มักใช้ในตำแหน่งภาคประธาน(主语) หรือกรรม(宾语)

ตัวอย่างประโยค
现在他们不过是黔驴技穷，想求个活命罢了。
ตอนนี้พวกเขาก็เป็นเพียง ~ , ขอแค่มีชีวิตรอดต่อไปก็พอแล้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ตอนนี้ ทุกโรงพยาบาล งานเข้ากันหมด เพราะการกลัวของผู้ป่วย และผู้ไม่ป่วย
แถมวิธีการป้องกันของรัฐเอง ก็ไม่ได้ทำให้ยอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลดลงแต่อย่างไร
ต้องรักษาสุขภาพกันให้มากๆนะครับ

.

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ผักชีลาว" สมุนไพรมากประโยชน์
Travel - Manager Online
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>14 กรกฎาคม 2552 15:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ในอาหารจานต่างๆ เรามักจะเห็นว่ามีผักชีโรยหน้าเพื่อความสวยงามอยู่เสมอๆ จนเป็นที่มาของสำนวน "ผักชีโรยหน้า" ที่หมายความว่า ทำอะไรให้ดูดีแค่ภายนอก ทำความดีอย่างผิวเผิน แต่ผักชีที่ใช้โรยหน้านั้นก็มักใช้เป็นเพียงผักประดับจานเท่านั้น ไม่ได้นำมาใช้ประกอบอาหารจริงๆจังๆ แต่สำหรับ "ผักชีลาว" ผักชีชนิดหนึ่งที่เรามักจะเห็นเป็นส่วนประกอบหลักอยู่ในอาหารอีสาน เช่น แกงอ่อม แกงปลา หรือหมกนั้น ไม่ได้เป็นเพียงผักประดับจาน แต่เป็นสมุนไพรที่มีคุณค่ามากชนิดหนึ่งที่อยากให้ทุกคนลองกินกัน

ผักชีลาวนั้นจะมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้หลายคนชื่นชอบ และหลายคนส่ายหัวไม่อยากกิน แต่ผักชีลาวก็เป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่ามากมายเช่นกัน โดยคุณค่าทางโภชนาการของผักชีลาวนั้นประกอบไปด้วยแร่ธาตุอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก อีกทั้งยังมีเบต้าแคโรทีน วิตามินเอ และวิตามินบีอีกด้วย ด้านสรรพคุณของผักชีลาวก็คือจะช่วยในการทำงานของกระเพาะ ช่วยย่อยอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดความดันโลหิตสูง ขยายหลอดเลือดและกระตุ้นการหายใจ และทำให้มีน้ำนมเพิ่มมากขึ้นในคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตร และลดการเกิดโคลิก (Colic) ในทารกเมื่อกินนมแม่อีกด้วย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 43 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 40 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER>[ แนะนำเรื่องเด่น ] </CENTER></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>โชคชัยชนะ*, jirautes, ชวภณ ศ. </TD></TR></TBODY></TABLE>

ซาหวัดดีครับ อิอิ

.

 

มีผู้ที่สนใจเข้ามาสอบถามผม ที่ห้องรับแขก (ข้อมูลส่วนตัวผม)

05-07-2009 04:23 PM
ท่านพงษ์

อยากสมัครเข้าชมรมต้องทำอย่างไรบ้างครับ

----------------------------------------------

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ผมตอบไปว่า

สวัสดีครับ

ผมขอไปตอบที่กระทู้พระวังหน้าฯนะครับ

งานบุญอื่นๆ - PaLungJit.com


-/*------------------------------------------------------*/-

สำหรับการสมัครเข้าชมรมรักษ์พระวังหน้า

ก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์เดิมของผม ก็คือ

การร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ ก่อน

และ

การเข้ามาพูดคุยในกระทู้ พระวังหน้าฯ นี้

เมื่อถึงเวลา ผมจะขอเบอร์โทรศัพท์ของท่านเอง

ขอบคุณครับ

หมายเหตุ ผมไม่ค่อยได้เข้าในชื่อนี้บ่อยครั้งครับ

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sithiphong<!-- google_ad_section_end -->
.

 

ชมรมรักษ์พระวังหน้า

ผมยืนยันว่า ชมรมนี้ สมัครได้ยาก เมื่อสมัครแล้วก็ยากกว่าอีก

การตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน เป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ในการที่จะคัดกรองท่านที่มีความศรัทธาในคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (คณะโสณ-อุตร) ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ในยุคสมัยรัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 ต้องมีความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม , มีความมุ่งมั่น , ความอดทน , ความเพียร ,ความพยายาม และ ฯลฯ

กว่าจะสมัคร ก็สมัครได้ยาก สมัครแล้วต้องรักษาการตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน ยิ่งยากกว่า เนื่องจากหากสมัครมาเพื่อต้องการพระพิมพ์และหรือวัตถุมงคลแต่เพียงอย่างเดียว ผมจะบอกว่า ท่านที่สมัครมาในลักษณะนี้ได้พระพิมพ์และวัตถุมงคลไปได้แน่นอน แต่ผลที่จะติดตามมาในอนาคตก็คือ การปฎิบัติธรรม เมื่อท่านตั้งใจจะปฎิบัติธรรมเพื่อจุดมุ่งหมายคือพระนิพพานเมื่อไหร่ ท่านปฎิบัติธรรมมาได้ระยะหนึ่ง ท่านทำได้แค่ไหน ท่านปฎิบัติได้แค่ไหน ท่านก็จะอยู่ที่เดิม ไม่ได้ไปไหน เนื่องจากการทึ่ตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกๆพระองค์ ฯลฯ กว่าจะตามไปแก้ไข โอ้ ไม่อยากคิดเลย

ผมเองก็บอกมาหลายครั้งมากแล้วว่า กว่าที่ผมจะมาได้พบ ได้เห็น ได้รู้จักพระวังหน้า ก็เป็นระยะเวลาเป็น 10 ปี เสียเงินไปมากมาย
แล้วท่านมีโอกาสดีกว่าผมมากนัก ไม่ต้องเสียเวลา(ซึ่งไม่รู้ว่า หาแล้วจะได้พบ ได้เห็น หรือไม่) ไม่ต้องเสียเงิน(ก็หลายแสนอยู่)

คงบอกเพียงเท่านี้ครับ ลองอ่านดูในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ดูนะครับ

โมทนาสาธุครับ

 

มาย้ำครับ

ต้องมีความศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม , มีความมุ่งมั่น , ความอดทน , ความเพียร ,ความพยายาม และ ฯลฯ ในเรื่ององค์ความรู้ของท่านอาจารย์ประถม เรื่องคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร (คณะโสณ-อุตร) ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ในยุคสมัยรัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 และ พระวังหน้า ครับ

หมายเหตุ หลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ในยุคสมัยรัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 คือ กลุ่มหลวงปู่ที่ท่านอยู่ที่ชั้นสุทธาวาส ซึ่งท่านสามารถตัดเข้าสู่พระนิพพานได้ตลอดเวลา แต่หลวงปู่ท่านยังไม่ไป เนื่องจากสาเหตุส่วนหนึ่งเพราะหลวงปู่ท่านยังห่วงลูกหลานของท่านอยู่

หลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ในยุคสมัยรัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 คือ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว , หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เป็นต้น
.

 

เวลา ถึงสถานที่ประชุม

เรียน ทุกท่าน
ผมอ่านข้อความจากหลายท่าน พบว่า เวลา ยังไม่ชัดเจน แต่ดูเวลาของแต่ละท่าน ตัวผมเองคิดว่าจะไปถึง บ้าน ท่าน อาจารย์ ประถม ประมาณ 9.00 - 9.30 น . ครับ แต่ถ้ากำหนดเวลาที่แน่นอนกันได้ ช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ . ขอบคุณครับ

 

ไปขำๆกับลุง<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->MOUNTAIN และคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Ghost!!<!-- google_ad_section_end --> กันครับ อิอิ

http://palungjit.org/threads/คุณยาย-ขายหัวเราะ.159235/

 

ผมฝากคุณแด๋น และ พี่แอ๊ว กราบนิมนต์พระอาจารย์นิล ท่านไปฉันเพล เวลาในช่วงถวายภัตตาหารเพล ประมาณ 10.30 น. (พระอาจารย์นิลท่านไปจำพรรษาที่วัดห้วยมงคล พี่แอ๊วจะให้คนขับรถ ขับรถไปรับพระอาจารย์นิลที่วัดห้วยมงคลมาครับ)

ผมเองคงไปถึงประมาณ 9.30 น.ถึง 10.30 น.

ส่วนเวลาที่จะประชุมชมรมรักษ์พระวังหน้า ก็น่าจะเป็นหลังจากที่ทุกๆท่านได้รับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ประชุมเรียบร้อยก็จะเป็นการแจกพระพิมพ์ต่างๆ ซึ่งการแจกพระพิมพ์จะมีเอกสารให้ลงชื่อการรับพระพิมพ์ด้วยครับ

เรื่องของเวลา คงไม่กำหนดกะเกณฑ์กันตายตัวว่า ต้องประชุมกี่โมง ก็แล้วแต่สมาชิกชมรมว่า สะดวกกันในช่วงไหนบ้าง แบบสบายๆกันครับ

 

ผมได้โทรศัพท์ไปแจ้งท่านอาจารย์ประถม ในเรื่องที่เราจะไปหาท่านกันเรียบร้อยแล้วครับ

.

 

เรียนคุณมูริญโญ่

ผมยังไม่ได้รับใบสม้ครสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า หากว่ายังไม่ได้ส่ง ก็สามารถนำไปส่งได้ในวันประชุม รวมทั้งค่าบำรุงชมรมแรกเข้าด้วย

แต่หากว่า ไม่แน่ใจในการสมัครสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า หรือปัจจุบันไม่ต้องการสมัคร ผมรบกวนให้แจ้งผมด้วยครับ

ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

ส่วนเรื่องอาหารที่ถวายพระอาจารย์นิล พี่แอ๊วแจ้งผมว่า พี่แอ๊วจะขอรับหน้าที่จัดเตรียมอาหารถวายเองครับ

หากท่านใดมีความประสงค์ที่จะนำภัตตาหารถวายพระอาจารย์นิล เพิ่มเติม ท่านฉันอาหารมังสวิรัติ ครับ

โมทนาสาธุครับ