การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

ปี 2012 สาส์นแห่งการยกระดับขึ้น – จาก แมทธิว วาร์ด (Matthew Ward)
สื่อสารทางจิตมาเมื่อ 7 กุมภาพันธุ์ 2009 (ต่อ)
<o></o>
ที่มา: http://international.thespiritguides.co.uk
/Article_2012_-_Ascension_Message_-_Matthew_Ward_
7th_February_Channelling_2872.aspx

โดย: Suzy Ward ผู้รับการสื่อสารทางจิตจาก Matthew Ward<o></o>
วันที่: วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธุ์ 2009<o></o>
โพสต์โดย: Jane<o></o>
<o>


ตอนนี้ผมควรจะบอกพวกคุณเกี่ยวกับความสำคัญของอัตตาตัวตนรวมของพวกคุณ
ซึ่งในฐานะปัจเจกบุคคล พวกคุณแต่ละคนสร้างโลกแห่งความเป็นจริงของตนเอง
แต่สำหรับโลกแห่งความเป็นจริงของโลกทั้งโลก มันเป็นผลมาจากจิตสำนึกโดยรวมของทุกสรรพชีวิตบนโลกทั้งโลก
ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดสภาวะต่างๆที่จะเกิดขึ้นบนโลก

นี่คือเหตุผลว่าทำไมความคิดเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่พวกคุณต้องการ และโลกในแบบที่พวกคุณต้องการ จึงมีความสำคัญนักหนา<o></o>

ผมขอเล่าย้อนไปสักเล็กน้อย ตอนที่คุณแม่ของผมได้ถามผมว่าเคยท้อแท้บ้างไหม๊
เพราะว่ามนุษย์จำนวนมากคิดถึงแต่เรื่องเกี่ยวกับสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น การปกครองโดยทรราช
การคอรัปชั่นที่รุนแรง และเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองต่างๆ หรือแม้แต่ความกลัวว่าสภาพอันเลวร้ายของโลกในปัจจุบันนี้
จะตกทอดไปถึงชนรุ่นหลังของพวกเขา

คุณแม่ของผมสงสัยว่ากระแสพลังจิตในทิศทางที่ไม่พึงปรารถนาของผู้คนเหล่านี้ มันไปส่งผลกระทบต่อจิตสำนึกโดยรวมของโลก
และต่อการยกระดับจิตสำนึกของโลกได้อย่างไร

ตอนนั้นผมได้บอกกับคุณแม่ของผมไปว่า ทางเลือกอิสระของดาวเคราะห์โลกเอง คือการยกระดับขึ้นไปสู่มิติที่ 5
และการเลือกเพื่อความก้าวหน้าของดาวเคราะห์โลกนี้ ไม่เพียงแต่จะมีเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและความมั่นคงเท่านั้น
แต่ผลสืบเนื่อง ดาวเคราะห์โลกใบนี้กำลังมีการยกระดับขึ้นอยู่แล้ว
<o></o>
และตอนนั้นผมยังได้บอกคุณแม่ของผมไปด้วยว่า ผมไม่ได้รู้สึกท้อแท้ไปมากกว่าความรู้สึกเสียใจกับผู้คน
ที่ใช้ทางเลือกอิสระของพวกเขาเพื่อปฏิเสธแสงสว่างที่จะนำพวกเขาไปสู่การรู้แจ้งและการยกระดับขึ้นเลย

<o></o>
(obr1554)<o></o>
<o></o>
ด้วยข้อมูลพื้นฐานเล็กๆน้อยๆ ที่ว่า การยกระดับของดาวเคราะห์โลกได้บรรลุเป้าหมายแล้ว
ผมจึงสามารถตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้ได้:
<o></o>
1. มันจะเป็นการยกระดับในรูปแบบของไปทั้งกายเนื้อ หรือว่าไปเฉพาะวิญญาณในรูปแบบของกายทิพย์?
<o></o>
1. การยกระดับจะเกิดขึ้นในปี 2012 ใช่หรือไม่?
<o></o>
2. ใครหรืออะไรที่จะเป็นผู้ตัดสินว่าจะให้ใครยกระดับขึ้นไปพร้อมกับโลกด้วยได้?
<o></o>
3. การยกระดับที่ว่านี้ หมายถึงการถูกยกขึ้นไปไว้ในยานอวกาศใช่หรือไม่?
<o></o>
4. ที่ชาวโลกกำลังจะถูกยกระดับขึ้น เพราะว่าดาวเคราะห์โลกกำลังจะถูกทำลายใช่หรือไม่?
และถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วมนุษย์โลกจะไปอยู่ที่ไหน?
<o></o>
5. มันจะมีตัวชี้วัดอะไรที่ไม่ผิดพลาดบ้างหรือไม่ ที่จะบอกให้ทราบว่ามนุษย์โลกคนไหน
ที่จะถูกยกระดับหรือไม่ถูกยกระดับไปพร้อมกับดาวเคราะห์โลก?
<o></o>
6. มนุษย์โลกจะสามารถยกระดับได้หรือไม่ หากเขายังไม่รู้ว่าอะไรคือพันธะสัญญาณทางจิตวิญญาณ
สำหรับภารกิจในชีวิตนี้ของตนเอง?
<o></o>
7. ถ้าดาวเคราะห์โลกกำลังมีการยกระดับขึ้นจริง แล้วทำไมมันยังมีเรื่องวุ่นวายมากมายเหมือนเดิมอยู่หละ?
เมื่อไหร่กระบวนการยกระดับนี้มันจึงจะสิ้นสุดลง?
<o></o>
8. และก็ยังมีคำถามอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ “แสงสว่าง” อีก ซึ่งเราจะกล่าวถึงในภายหลัง<o></o>


(ยังมีต่อครับ)
……………………………….<o></o></o>

 

ปี 2012 สาส์นแห่งการยกระดับขึ้น – จาก แมทธิว วาร์ด (Matthew Ward)
สื่อสารทางจิตมาเมื่อ 7 กุมภาพันธุ์ 2009 (ต่อ)
<o></o>
ที่มา: http://international.thespiritguides.co.uk
/Article_2012_-_Ascension_Message_-_Matthew_Ward_
7th_February_Channelling_2872.aspx

โดย: Suzy Ward ผู้รับการสื่อสารทางจิตจาก Matthew Ward<o></o>
วันที่: วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธุ์ 2009<o></o>
โพสต์โดย: Jane
<o></o><o>


(obr1562)<o></o>
<o>
</o>
1. ชาวโลกที่ได้รับ “แสงสว่างนั้น”(The light) จะมีการยกระดับทางกายเนื้อไปพร้อมๆกับดาวเคราะห์โลก
ซึ่งจะก้าวหน้าไปสู่ระดับการสั่นสะเทือนของมิติที่ 4 และ 5 การดูดซับแสงสว่างนั้น
จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเซลของร่างกายในมิติที่ 3 ที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลักซึ่งไม่อาจจะรอดชีวิตอยู่ได้
ในสภาวะที่มีความเข้มของแสงสว่างในระดับความสั่นสะเทือนที่สูงกว่าได้ ไปสู่โครงสร้างที่เป็นผลึก
ซึ่งจะสามารถรอดชีวิตอยู่ได้ในสภาวะดังกล่าวแทน
<o></o>
ผมอยากจะกล่าวเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยว่า ชาวโลกที่เปลี่ยนรูปแบบชีวิตจากกายภาพไปสู่จิตวิญญาณ (ตาย –Chayutt)
ในระหว่างที่ดาวเคราะห์โลกกำลังยกระดับอยู่นี้ รวมถึงชาวโลกที่ได้เปลี่ยนรูปแบบชีวิตไปแล้วเมื่อไม่กี่ปีมานี้
จริงๆแล้วอาจจะต้องได้รับการ “ปรับให้มีคุณสมบัติเหมาะสม” ตราบเท่าที่พวกเขายังมีแสงสว่างอยู่เพียงพอ
(มีความดีพอ – Chayutt) แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเป็นไปตามพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณดั้งเดิม
หรือพันธะสัญญาที่พัฒนาให้ดีขึ้นแล้วของพวกเขาเอง ที่ได้เลือกเอาไว้ในการมามีชีวิตอยู่ด้วย

<o>2. การยกระดับของดาวเคราะห์โลกมันคือกระบวนการเปลี่ยนสภาพของดาวเคราะห์โลก
และกระบวนการปรับสภาวะทางจิตวิญญาณใหม่ เพื่อให้ดาวเคราะห์โลกสามารถลอยสูงขึ้นเหนือมิติที่ 3 ได้
แล้วเข้าไปสู่ “ยุคทอง” (Golden Age) ต่อไปได้
<o></o>
กระบวนการยกระดับดังกล่าวนี้ ได้เริ่มเกิดขึ้นมานานร่วม 70 ปีของมนุษย์แล้ว และบัดนี้ก็ยังคงดำเนินไปอยู่
มันจะสิ้นสุดลงในปี 2012
<o></o>
ความมืดที่ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา จะถูกทำให้สาบสูญไป
<o></o>
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้แปลว่าภายหลังปี 2012 แล้ว จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีก
เพราะว่ามันยังจะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆอีกมากมายที่วิเศษและยอดเยี่ยมอยู่อีกต่อไปหลายปี
รวมถึงการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณและทางภูมิปัญญาด้วย ชีวิตคือกระบวนการเรียนรู้ที่ต่อเนื่อง
หรือถ้าจะกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นก็คือ ชีวิตคือกระบวนการจดจำอย่างมีสติของความรู้ภายในจิตวิญญาณ
(Life is a process of consciously remembering the knowledge within the soul) <o></o>

<o>3. การตัดสินว่าใครจะได้ยกระดับขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับบุคคลผู้นั้นเอง ไม่ใช่จะมีใครไปตัดสินโดยพละการให้ได้
เพราะมันขึ้นอยู่กับระดับพลังงานของแต่ละบุคคล ซึ่งได้สมัครใจเลือกที่จะเป็นแสงสว่างหรือความมืดเอง

ผู้ใดที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งแสงสว่างก็จะได้ยกระดับขึ้น อย่างที่ผมเคยอธิบายไว้แล้ว
และเดี่ยวอีกสักพัก ผมจะพูดถึงผู้ที่เลือกเอาความมืด

4. การยกระดับขึ้น ไม่ได้หมายถึงการถูกนำขึ้นไปไว้บนยานอวกาศ แต่อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
การได้ไปเยี่ยมลูกเรือของกองทัพแห่งจักรวาลในยานอวกาศของพวกเขา ก็ถือเป็นกำไรชีวิตอีกอย่างหนึ่ง
ของผู้ที่มีความสว่างไสวทางจิตวิญญาณและผู้ที่รู้แจ้งแล้วทั้งหลาย

5. ดาวเคราะห์โลกจะไม่ถูกทำลายอย่างแน่นอน ในทางตรงกันข้าม ดาวเคราะห์โลกกำลังถูกปรับสภาพ
ให้กลับไปอยู่ในสภาวะที่มีสุขภาพดีเหมือนเดิม ตลอดเส้นทางแห่งกระบวนการยกระดับขึ้นนี้
และสวนแห่งเอเดน (<st1><st1:city w:st=" border=" 0="" alt="">Eden</st1:city></st1>) ที่สวยงามก็จะกลับคืนมาอีกครั้ง<o></o>


(ยังมีต่อครับ)
……………………………..


</o></o></o>

 

เดี๋ยวขอไปทำภารกิจส่วนตัวก่อนนะครับ

คืนนี้ค่อยมาโพสต์ต่อครับ


.......

 

ขอบคุณพี่ Chayutt มากครับ

 

สนับสนุนให้เขียนค่ะ และ ขอบคุณล่วงหน้าด้วยคะ

 

คุณ Haruaki_n มาเล่าความอีกนะครับ กำลังตั้งใจฟังเลย
แต่ว่า คุณ Haruaki_n มาจากที่ไหนครับ อย่าบอกนะว่า นั่งจานบินมา อิอิอิ

 

ปี 2012 สาส์นแห่งการยกระดับขึ้น – จาก แมทธิว วาร์ด (Matthew Ward)
สื่อสารทางจิตมาเมื่อ 7 กุมภาพันธุ์ 2009 (ต่อ)
<o></o>
ที่มา: http://international.thespiritguides.co.uk
/Article_2012_-_Ascension_Message_-_Matthew_Ward_
7th_February_Channelling_2872.aspx

โดย: Suzy Ward ผู้รับการสื่อสารทางจิตจาก Matthew Ward<o></o>
วันที่: วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธุ์ 2009<o></o>
โพสต์โดย: Jane


6. มันไม่มีตัวชี้วัดที่ไม่ผิดพลาดใดๆ ที่จะบอกได้ว่าใครจะยกระดับขึ้นไปกับพร้อมกับโลกได้หรือไม่ได้
เพราะสิ่งเหล่านี้มันขึ้นอยู่อยู่กับแต่ละบุคคลอย่างจำเพาะเจาะจงพูดสั้นๆก็คือ การยกระดับขึ้นของแต่ละบุคคล
คือการรวมจิตสำนึกและวิญญาณของคนๆนั้นให้เป็นหนึ่งเดียวกัน หรือในแง่มุมที่พอจะมองเห็นได้ ก็คือ
การยกระดับจิตสำนึก การมีพลังอำนาจในการตัดสินถูกผิดดีชั่วมากขึ้น และการมีสัญชาตญาณที่เชื่อถือได้
ซึ่งนี่ต้องเกิดจากการเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลาของการตระหนักรู้ในตัวตนรวมที่สูงกว่าของตัวเอง (higher self)
หรือพระผู้เป็นเจ้า/พุทธจิต (God/Goddess self) และจิตเดิมแท้ (True spirituality)
ซึ่งก็คือความรับรู้ถึงความสงบสุข ที่เกิดจากการดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้การจัดสรรค์ของพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของตัวเอง

คุณรู้สึกเหมือนว่าคุณ “กำลังดำเนินตามกระแส” แทนที่จะรู้สึกว่า “กำลังทวนกระแส”


<o></o>
การค้นพบตัวเอง อาจจะปิ๊งแวปขึ้นโดยฉับพลันในโอกาสต่างๆ ซึ่งนี่อาจจะถือเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งก็ได้
ซึ่งอาการบ่งบอกดังกล่าวนี้ ก็แปลกแตกต่างกันไป เช่น อาจจะประจักษ์ถึงวิถีทางที่ดีที่สุด ที่จะจัดการกับสถานการณ์
ที่สับสนอลหม่าน หรือความสัมพันธ์ที่ยากลำบากได้ หรือ อาจจะเกิดแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนวิถีชีวิตไปสู่เส้นทางใหม่
หรือสถานที่ใหม่ หรือบางทีอาจจะได้รับคำตอบของโจทย์บางอย่าง ก็ได้<o></o>

<o>7. กรุณาอย่าเพิ่งเป็นกังวลหากคุณยังไม่รู้ว่าพันธะสัญญาของภารกิจชีวิตของคุณคืออะไร
เพราะว่ามีชาวโลกเพียงหยิบมือเดียวที่รู้เกี่ยวกับพันธะสัญญาด้านจิตวิญญาณ (Soul contract) ของชีวิตตนเอง
<o></o>
เพียงแต่ดำเนินชีวิตไปตาม”เสียงจากภายใน”(Inner voice) ซึ่งเป็นข้อมูลการสื่อสารจากวิญญาณของคุณ
ถึงจิตสำนึกของคุณเองก็เพียงพอแล้ว เพราะมันจะนำคุณไปสู่ภารกิจชีวิตของคุณเองอย่างเป็นธรรมชาติ
<o></o>
เมื่อถึงเวลาอันสมควร ซึ่งอาจแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน คุณจะพบเองว่าที่ไหนคือที่ๆต้องการคุณมากที่สุด
และสามารถทำให้คุณมีคุณค่ามากที่สุด เมื่อนั้นคุณก็จะรู้สึกมั่นใจที่จะเติมเต็มเป้าหมายนั้น

กรุณาอย่ารู้สึกว่าคุณต้องไปทำภารกิจอะไรที่สำคัญและยิ่งใหญ่มากมาย เพราะว่าพวกคุณแต่ละคนนั้นมีความสำคัญอยู่แล้ว
คุณอาจจะคิดเปรียบเทียบตัวคุณเองกับคนอื่นๆ แล้วคุณอาจจะรู้สึกว่าคุณยังอุทิศตนเองน้อยเกินไป
อย่ากระนั้นเลย ทำอย่างที่คุณเป็นจริงๆในระดับจิตวิญญาณนั้นก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าคุณอาจจะยังไม่ตระหนักรู้ว่า
คุณกำลังปฏิบัติภารกิจชีวิตตามพันธะสัญญาก่อนลงมาเกิดของคุณอยู่ก็ตาม แต่คุณก็กำลังทำมันอยู่
และกำลังแผ่กระจายแสงสว่างออกไปสู่ทุกๆชีวิตที่คุณสัมผัสพวกเขาอยู่แล้ว<o></o>

<o>8. เหตุการณ์ความไม่สงบก็ยังคงเป็นสัจธรรมของชีวิต สำหรับโลกของพวกคุณอยู่ เพราะมันเกี่ยวข้องอยู่กับ
เคราะห์กรรมของชาวโลกผู้ที่จะไม่ได้ยกระดับขึ้นไปพร้อมๆกับโลก ในช่วงหัวลิ้วหัวต่อนี้ จิตสำนึกโดยรวม
(The Collective Consciousness) จะยังคงได้รับอิทธิพลจากพลังแห่งความมืดที่ยังหลบซ่อนและแอบซุ่มโจมตีอยู่
<o></o>
ชาวโลกที่ไม่ยอมเลิกแสดงบทบาท “ผู้ร้าย” ซึ่งครั้งหนึ่งมันเคยเป็นแค่ส่วนประกอบของวิบากกรรมของพวกเขาเท่านั้น
(แต่เพราะว่าพวกเขาติดใจบทบาทนี้มากจนเลิกไม่ได้ – Chayutt) จึงทำให้พวกเขาได้กลายไปเป็นนักโทษของความมืดไปเสียแล้ว
<o></o>
และเพราะว่าดาวเคราะห์โลกกำลังเคลื่อนเข้าไปสู่ระดับคลื่นความสั่นสะเทือนที่มีความถี่สูงมากขึ้นเรื่อยๆๆ
ชาวโลกคนไหนที่จมปรักอยู่แต่ในโลกมืด มีความโหดเหี้ยมไร้จิตสำนึก กระหายอำนาจ ซึ่งคนเหล่านี้บางส่วนอยู่ในชนชั้นปกครอง
บางส่วนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอะไรๆที่เกี่ยวข้องกับสาธารณชน จะต้องตายไปจากโลกนี้ และเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้น
ปราศจากพลังงานแห่งแสงสว่าง ที่เป็นพลังชีวิตของวิญญาณที่สำคัญ ดังนั้นร่างกายของพวกเขาจะตาย
ส่วนวิญญาณของพวกเขาจะดิ่งลงไปสู่ระนาบต่างๆที่มีระดับพลังงานหนาทึบมากๆ ที่เหมาะเจาะกับรูปแบบพลังงาน
ที่ถูกบันทึกไว้ตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา ซึ่งในสถานที่เหล่านั้นมันจะมีลำแสงสว่าง ลำหนึ่ง ถูกส่งไปให้อย่างต่อเนื่อง
และถ้าพวกเขายอมรับมัน จิตสำนึกของพวกเขาก็จะถูกดึงขึ้นมา<o></o>
<o></o>
9.และตอนนี้เราจะมาพูดถึงผู้ที่ “จะว่าดีก็ไม่ใช่ จะว่าร้ายก็ไม่เชิง” กัน มันอาจจะดูเหมือนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่มันก็ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตสำนึกมวลรวมอยู่เพราะว่าคนประเภทนี้ กำลังแกว่งสลับไปมาระหว่างความดีและความชั่ว
พวกเขาปิดๆเปิดๆใจของตนเองในการยอมรับจิตสำนึกที่สูงกว่า ซึ่งคลื่นความถี่ที่สูงกว่าที่เกิดจากหนทาง
แห่งการยกระดับขึ้นของโลกเป็นผู้มอบให้ ถ้าพวกเขายังแกว่งไปมาอยู่แบบนี้นามเกินไป
พวกเขาก็จะยังติดอยู่ในโลกมิติที่ 3 ที่มีข้อจำกัดด้านจิตวิญญาณและภูมิปัญญาเป็นอย่างมาก
<o></o>
แต่ได้โปรดรู้ไว้ด้วยว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนเลว เพียงแต่พวกเขาเลือกที่จะปิดใจ มากกว่าเปิดใจเท่านั้นเอง
จิตวิญญาณแห่งแสงสว่างที่อยู่ในทุกๆภพภูมิกำลังลุ้นและเชียร์คนประเภทนี้ทุกๆคนอยู่
เพราะอยากให้พวกเขาตอบสนองต่อแสงสว่างและตื่นขึ้นมาได้ทันเวลา ที่จะได้เข้าไปสู่ยุคทองพร้อมๆกับโลก<o></o>


(ยังมีต่อครับ)</o></o>

 

คุณชยุต ความบังเอิญไม่มีจริงหรอก คุณว่าจริงมั้ย ^ ^
จริงๆ แล้วผมไม่มีเวลาเอาเสียเลย ผมมีเวลาแค่เล็กน้อย เพราะผมต้องไปแล้ว <O</O
ดังนั้นข้อความของผมจะเป็นลักษณะปิด ขออภัยนะครับ คงไม่ว่ากันนะ<O</O
<O</O

ผมขออนุญาตคุณชยุตก็แล้วกันนะครับ ผมมีเรื่องราวมากมายที่อยากส่งผ่านมาให้
เรื่องราวมนุษย์ต่างดาวเป็นวิทยาศาสตร์ที่น่าทึ่งใช่มั้ยล่ะครับ
ในขณะที่พวกคุณกำลังค้นหาหลักฐานหรือยานอวกาศเพื่อพิสูจน์การมีตัวตนของเพื่อนนอกพิภพ
มันก็เหมือนวันสบายๆ ของพวกเขาที่กำลังนั่งจิบกาแฟมองพวกคุณเล่นหมาก
เก็บกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

ผมเปรียบเทียบซะเห็นภาพมั้ยล่ะครับ จริงๆ แล้วการพิสูจน์เป็นไปอย่างถูกต้อง
ผมหมายถึงว่า ระดับมันสมองของพวกเรามันอยู่ในระดับที่จำกัด
มนุษย์มักนึกถึงหรือทึ่งกับความซับซ้อนที่มากเกินความจำเป็น พวกคุณต่าง
ก็มีหลักเกณฑ์มากมายที่เชื่อว่าถูกต้องและเป็นที่ยอมรับ จนมันฝังรากลึก
ลงไปในจิตใต้สำนึกของพวกคุณหลายต่อหลายรุ่นแล้ว จนกลายเป็นปมด้อย
ของมนุษย์ ผู้ที่สามารถเหยียบบันไดสู่ประตูสวรรค์ แต่เปล่าเลย พวกคุณแค่
นั่งมองและหย่อนก้นลงนั่งให้หายเมื่อยเท่านั้นเอง

ผมกำลังเปรียบเทียบให้เห็นภาพก่อนน่ะครับ จิตวิญญาณทุกดวงมาจากที่เดียวกันครับ
ผมไม่อยากฉายภาพความหวาดกลัวในใจคุณ แต่ผมกำลังส่งผ่านความรู้สึกดีๆ
มาสู่คุณ หากคุณนึกภาพถึงสิ่งเลวร้ายในปี 2012 คุณก็จะมีแต่ความหวาดระแวง
กลัว และมันจะนำพาคุณดำดิ่งสู่จิตภูมิที่ต่ำ ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย

ผมมาที่นี่ ไม่ได้นั่งยานบินมาหรอกครับ ^ ^
ผมรู้ว่า พวกคุณที่เปิดประตูเข้ามาเยี่ยมบ้านหลังนี้ เพราะใจคุณกำลังเรียกร้อง
ผมเชื่อว่า นี่เป็นหนทางหนึ่งที่จะพาพวกคุณไปสู่มิติใหม่ที่สูงขึ้น ดีขึ้น สบายขึ้น

ดีใจใช่มั้ยครับ คุณเชื่อว่าคุณปลอดภัยและได้รับการปกป้อง แน่นอนว่ามัน
ต้องเป็นเช่นนั้น

เดี๋ยวผมจะค่อยๆ เขียนลงนะครับ .................. อย่าเพิ่งเป็นกังวลนะครับ
ผมรู้ว่าคุณเอง มักจะยิ้ม และยินดีที่ได้รับรู้เรื่องราวที่ผมจะนำมาให้อ่านกัน

ผมไม่ใช่นักปฏิบัติที่เคร่งครัด ไม่ใช่นักบวช ไม่ใช่คนทรงเจ้า ไม่มีองค์นอกองค์ใน
ผมก็คือผมนะครับ ^ ^


<O</O
<O</O

 

ขอบคุณครับ

 

ผมจะบอกวิธีง่ายๆ ในการเปลี่ยนคลื่นความถี่หรือยกระดับจิตวิญญาณให้ตัวเองโดย
ที่ไม่ต้องเป็นคนเคร่งศาสนา ไม่ต้องสวดมนต์อย่างเอาเป็นเอาตายไม่ต้องไปเยี่ยมสำนัก<O</O
ไหนๆ ที่บอกว่าดี หรือเปลี่ยนนับถือศาสนาอื่นที่บอกว่าดี หรือรับเชื่ออะไรก็ตาม <O</O
ไม่ต้องเลยครับ มันง่ายมากจนคุณทึ่งเลยล่ะ<O</O
<O</O
เอาเป็นว่า ผมจะรวบยอดวิธีการแบบง่ายๆ ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้เลยก็แล้วกันนะครับ<O</O
<O</O
ตอนนี้ผมสื่อสารกับทุกคนในระดับเบต้าและอัลฟ่า นั่นคือผมใช้จิตสำนึกและจิตใต้สำนึก<O</O
ของผมเพื่อสื่อสารกับพวกคุณ ผมจะค่อยๆอธิบายความหมายอย่างง่ายๆ ให้ฟังก็แล้วกันนะครับ<O</O
<O</O
ทุกคนในที่นี้อ่านข้อความของผมด้วยจิตสำนึก <O</O
แต่จิตใต้สำนึกของคุณรับรู้ว่า "ถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว"<O</O
คุณไม่จำเป็นต้องตีความว่ามันคืออะไร สิ่งที่ผมบอก <O</O
ผมกำลังสื่อสารกับจิตใต้สำนึกของพวกคุณอยู่ <O</O
และขอให้คุณเปิดใจที่จะรับรู้ถึงความรู้สึกดีๆ ที่ผมกำลังส่งผ่านไปให้<O</O
<O</O
เอาล่ะ หลังจากที่คุณชยุตได้ส่งผ่านข้อความบางอย่างมาหาพวกคุณหลายๆ คนแล้ว <O</O
และตอนนี้ทุกคนรับทราบแล้วว่า พลังงานใหม่ การยกระดับจิตวิญญาณ การเปลี่ยนแปลง<O</O
ทางกายภาพมีอะไรบ้าง บุคคลที่จะเกี่ยวข้องกับตัวคุณเองและโลกมนุษย์มีใครบ้าง<O</O
(ซึ่งเป็นเรื่องที่คุณต้องพิสูจน์ว่ามันจริงมั้ยตามที่คุณชยุตนำเสนอ) และคุณจะเปลี่ยนเป็นอะไร <O</O
เรื่องราวเหล่านี้ พวกคุณต่างรับทราบแล้ว สิ่งที่คุณจะนำไปปฏิบัติต่อจากการเปิดใจนี้<O</O
จะนำพาพวกคุณไปสู่การเติบโตทางจิตวิญญาณต่อไป

<O</O
<O</O
ขอให้คุณเปิดใจ และปล่อยวาง .............................. อย่าสร้างเงื่อนไขให้ตัวคุณเอง <O</O
สิ่งที่ผมจะถ่ายทอดให้มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นความลับใดๆ เลย มันมีอยู่กับคุณมานานแสนนาน



จุดเริ่มต้น<O</O
สิ่งที่ผมเรียนรู้มาจากประสบการณ์ทางจิตวิญญาณผมเอง จิตวิญญาณ คือแหล่งพลังงาน<O</O
ที่ไม่มีขีดจำกัด และเป็นบ่อเกิดแห่งความรู้สึกนึกคิด และเป็นตัวควบคุมร่างกายเราทั้งหมด<O</O
ผมจะไม่พูดเรื่องฟิสิกส์ควอนตัมนะครับ เพราะผมไม่สันทัดเอาเสียเลย เอาเป็นว่า เรื่องราว<O</O
เหล่านี้มาจากการศึกษาโดยผมเองก็แล้วกันนะครับ<O</O
จิตวิญญาณที่ผมจะพูดถึงคือ จิตสำนึกหรือจิตปัจจุบันหรือตัวคุณที่นั่งอ่านข้อความนี้อยู่แหละครับ
และอีกรูปแบบหนึ่งคือ จิตใต้สำนึกหรือจิตวิญญาณดั้งเดิม<O</O
พวกคุณแต่ละคนต่างมีจิตวิญญาณสองแบบนี้อยู่ภายในตัวคุณ คุณคงสงสัยว่า <O</O
แล้วมันเกิดมาได้ยังไง นั่นเป็นโจทย์ที่คุณต้องหาคำตอบเองหลังจากที่ติดต่อกับจิตใต้สำนึก<O</O
ได้เองแล้วนะครับ และผมก็จะบอกวิธีว่าจะติดต่อกับเขายังไงเป็นบทต่อไปนะครับ<O</O

 

วิธีง่ายๆ ที่สามารถทำให้คุณยกระดับจิตวิญญาณได้โดยไม่ต้องเคร่งศาสนา
หรือใช้เวทมนต์แต่อย่างใด และเป็นวิธีที่สามารถติดต่อกับจิตใต้สำนึกของคุณเอง<O</O
ผมจะบอกเป็นขั้นตอนไปก็แล้วกันนะครับ<O</O
ขั้นตอนที่ 1ปรับเปลี่ยนวิธีคิดในตัวคุณเอง<O</O
- เปิดใจ<O</O
- มองโลกในแง่ดี<O</O
- คิดบวก<O</O
- มองทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติ<O</O
- ไม่ขัดแย้ง<O</O
- ปล่อยวาง<O</O
ผลจากการปรับเปลี่ยนวิธีคิด คือ คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขสดชื่น<O</O
จงหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ตัวคุณหวาดวิตกนะครับ มันจะทำให้พลังงานคุณต่ำลง<O</O
<O</O

ผมขออธิบายเพิ่มเติมสักเล็กน้อยถึงเหตุผลในการเปลี่ยนระบบความคิดของตัวคุณเอง <O</O
ผมขออ้างอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เล็กน้อย นั่นมันทำให้คุณรู้สึกสบายและผ่อนคลาย<O</O
แทนอาการจิตตกได้เยอะพอดูนะครับ <O</O
ในเวลาปกติในช่วงที่คุณตื่นและใช้ชีวิตประจำวัน ใช้ความคิดในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ<O</O
นั่นคือคุณกำลังอยู่ในช่วงคลื่นเบต้าหมายถึง คุณใช้จิตสำนึกทำงาน แต่หากคุณตกอยู่ในภวังค์ หรือปล่อยใจไปเพลินๆ
หรือ ขณะที่กำลังจะหลับโดยไม่มีความคิดใดๆ ของคุณมาแทรก นั่นคือคุณกำลังอยู่ในช่วงอัลฟ่า
ช่วงนี้แหละครับสำคัญ เพราะมันจะโยงไปถึงการสั่งการหรือการสื่อสารกับจิตใต้สำนึกคุณได้ <O</O
<O</O

การอยู่ในช่วงอัลฟ่า คือการผ่อนคลายร่างกาย ปล่อยวาง และสงบ การทำสมาธิ ก็คือวิธีการหนึ่ง
ที่จะนำเราไปสู่ช่วงอัลฟ่าและพาเราไปหาจุดกำเนิดทั้งปวงได้ครับ<O</O
<O</O

และที่สำคัญ คุณสามารถสั่งตัวคุณเองให้ทำตามที่ต้องการได้ในช่วงนี้แหละครับ แต่คุณต้องมีศรัทธา
หรือความเชื่อในตัวคุณเอง และจิตใต้สำนึกของคุณเอง ลองนึกถึงตอนสวดมนต์ดูสิครับ คุณคิดถึงใคร
คุณศรัทธาและเคารพใคร เอาความรู้สึกนั้นมาสร้างอารมณ์เพื่อที่จะสั่งตัวคุณเอง
เช่น วันนี้คุณมีเรื่องกับเพื่อนร่วมงานหรือโดนไล่ออกจากงาน คุณรู้สึกแย่มากๆ คุณเครียดจนอยากทำสิ่งที่ไม่ดี <O</O
เอาล่ะ คุณแค่ต้องสั่งการให้คุณหยุดคิดทันที ทำสมาธิเพื่อลืมอารมณ์ด้านลบนั่นเพื่อเข้าสู่ช่วงอัลฟ่า
คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย และปล่อยวางในช่วงนี้ สบายๆ ไม่กังวล<O</O
จากนั้นก็บอกกับตัวคุณว่า (เอาตัวอย่างที่ผมเคยทำแล้วกันนะครับ)
“เจ คนเหล่านั้นไม่มีอิทธิพลต่อเธอ และเธอไม่มีอะไรให้กังวล” ผมตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่สดใส
และผมสามารถทำงานร่วมกับคนเหล่านั้นโดยผมลืมเรื่องบาดหมางใจไปเลยล่ะครับ
และคนเหล่านั้นก็ไม่มีอิทธิพลกับจิตใจผมอีกเลยทั้งๆ ที่ผมเป็นคนที่แคร์คนรอบข้างมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ<O</O
หรือบางที ถ้าผมอยากจะลืมเหตุการณ์บางอย่างที่เวลาผมนึกถึงทีไรแล้วมันรู้สึกแย่ ผมก็จะใช้<O</O
วิธีเดียวกันนั้น แต่คำสั่งมันจะต่างออกไปหรือซ้อนทับความนึกคิดลงไป เช่น ผมกังวล
เรื่องงานที่ทำผิดพลาดช่วงนั้นมาก มันทำให้ผมนึกโทษตัวเองจนกังวล เครียด เป็นกระเพาะ
และไมเกรน ผมเลยเปลี่ยนแนวความคิดใหม่ ผมบอกตัวผมเองในช่วงอัลฟ่าว่า “เจ นาย
รู้สึกดีขึ้น พรุ่งนี้เช้านายก็ลืมเรื่องพวกนั้น ฉันรู้ว่านายทำได้ และทำได้ดีมากทีเดียว”<O</O

ลองดูนะครับ ผมพิสูจน์แล้ว และมันทำงานได้จริง และแม้ว่าผมไม่ได้อยู่เพื่อพิสูจน์ต่อ แต่อยากส่งต่อให้พวกคุณน่ะครับ

<O</Oจำไว้ว่า จิตใต้สำนึกเรา มันแยกไม่ออกว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนจินตนาการ และ มันไม่
มีอดีตและอนาคต มีแต่ปัจจุบัน ดังนั้นคำสั่งจึงเป็นปัจจุบันนะครับ <O</O

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า มนุษย์เราใช้สมองแค่ 1 ใน 10 ในขณะที่เหลือถูกมองข้ามเพราะมัน
เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิตล้วนๆ จิตใต้สำนึกเราคือแหล่งพลังงานที่ไร้ขีดจำกัด ไม่มีคำว่า
เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น คุณจงสร้างระบบความคิดของคุณใหม่โดยเริ่มจาก เข้าสู่ช่วงอัลฟ่า
จากนั้นแทนคำศัพท์ที่มีแต่ด้านบวกลงไป ....... จำไว้ว่า อย่าสงสัยในวิธีการ จงเชื่อมั่นว่าจิต
ใต้สำนึกคุณเขาทำได้ทุกอย่าง หากคุณหวาดวิตก ระแวง หรือสงสัย มันจะไม่เป็นผลทันที <O</O

เอาหลักการง่ายๆ นะครับ “สิ่งที่เหมือนกัน จะดึงดูดกันและกัน” ผมเชื่อว่าคุณเข้าใจกฎข้อนี้ดี<O</O
<O</O

เอาล่ะ เรากำลังเชื่อมโยงเข้าสู่การเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่ Super Human กันแล้วนะครับ
(มีต่อครับ....)<O</O

 

ขั้นตอนที่ 2 การเข้าสู่สมาธิ
ผมเชื่อว่า ทุกคนชอบการนั่งสมาธิเพื่อทำให้จิตผ่อนคลาย จงเริ่มที่ผ่อนคลายก่อนนะครับ<O</O
บางคนอาจยังไม่สันทัด ผมแนะนำให้หามุมโปรด หรือเก้าอี้ที่คุณคิดว่านั่งสบายที่สุดซักตัว <O</O
แล้วเอนตัวมันลงไปในท่าที่สบายที่สุด............คุณรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และปล่อยวาง<O</O
ช่วงนี้จิตใต้สำนึกจะทำงานครับ เมื่อไหร่ที่คุณเผลอ เขาจะมาครับ ^ ^ ให้สังเกตตามดูเขา<O</O
อย่าใช้ความคิดตัวเองแทรกนะครับ เพราะมันจะกลับมาเป็นคุณทันที <O</O
เอาล่ะ......คุณสังเกตดูเขาได้สักระยะ......พอคุณกลับมาเป็นตัวคุณ คุณสงสัยอะไรบ้าง
ให้ถามเขา แล้วฟังอย่างเดียว อย่าเพิ่งคิดนะครับ...........ให้ฟัง เขาจะบอกคุณเอง
<O</O
<O</O

อ่าฮ้า.........นั่นแหละครับ วิธีที่คุณจะติดต่อจิตใต้สำนึก หรือ ตัวตนที่แท้จริงของคุณเอง<O</O
แต่ บางทีเขาก็ขี้เล่นนะครับ จำไว้ว่าเขาเป็นจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ อัตตาทั้งหลายที่เหมือน<O</O
ตัวคุณไม่มีหรอกครับ ยกเว้นว่าคุณจะสร้างเขาขึ้นมาโดยใช้คำสั่งหรือความปรารถนาในใจคุณสั่งให้เขาเป็น
ดังนั้น ผมจึงอยากให้คุณ ฟัง...............อย่างเดียว แล้วค่อยเข้าไปทำความรู้จัก
<O</O
<O</O

จิตใต้สำนึกของผมเขามีชื่อครับ เป็นชื่อของเขาเองซึ่งค่อนข้างเรียกยากสำหรับผม เพราะมัน<O</O
ต้องใช้ลิ้นดันที่ไรฟันด้านบนเพื่อที่ออกเสียง แต่สำหรับบางคน คุณลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้<O</O
ให้คุณเข้าสู่ช่วงอัลฟ่า ตั้งใจถามและพูดคุยอย่างเป็นมิตร อารมณ์คุณเองต้องทรงตัวนะครับ<O</O
ไม่วอกแวก ไม่สงสัย ให้รู้สึก สบายๆ ผ่อนคลาย และปล่อยวาง และลองคุยกับเขาว่า<O</O
“เฮ้ .... ผมรู้สึกดีจังเลยในช่วงเวลาของคุณ ผมรู้ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและเราสามารถ<O</O
ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี และผมรู้สึกยินดีมากๆ หากคุณจะมีชื่อเรียก คุณอยากให้ผมเรียกคุณว่าอะไรครับ” .................
นี่เป็นตัวอย่างนะครับ คุณสามารถดัดแปลงเองได้ และคุณต้องรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะครับ
เขาอาจจะบอกใบ้คุณ เช่นอยู่ๆ ก็นึกชื่อนี้ขึ้นมาเอง หรือมองหาแต่น้ำทั้งวัน ให้สังเกตนะครับ เขาอาจชื่อวารี ก็ได้ ..................


<O
การติดต่อกับจิตใต้สำนึกของตัวคุณเอง คุณต้องรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว ผสาน กลมเกลียวนะครับ<O</O
ถ้าเป็นอย่างอื่น มันไม่ใช่แน่ๆ หลังจากที่คุณรู้จักตัวตนของคุณแล้ว คุณก็อาจจะรู้จักกับจิตวิญญาณอื่นๆ ได้
ผมเองได้รับการช่วยเหลือจากจิตวิญญาณระดับสูง และเชื่อมต่อมาระยะหนึ่ง แต่อัตตาที่ผมสร้างขึ้นมามันบดบัง<O</O
สิ่งที่อยู่ภายใน นั่นคือ ผมไม่ยอมรับตัวตนของตัวเอง ปิด และสร้าง
เงื่อนไขให้ตัวเอง และนำเอาวิธีและเหตุผลมากมายที่คิดว่าถูกต้อง และรู้
ดีที่สุดมากีดกันตัวเอง<O</O
<O</O
แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเขาจะเพิกเฉย เพราะผมเกิดมาเพื่อทำงาน
บางอย่าง พวกเขาสามารถติดต่อผมได้ในระดับเบต้า หรือสภาวะปกตินี่
แหละครับ ผมเองพยายามถามเขาว่าผมคือใคร เขาบอกใบ้ว่า เธอรู้ดีว่า
เธอเป็นใคร นี่แหละครับ ที่เขาต้องการบอก เขาสื่อสารกับจิตภายในของ
ผมโดยที่ผมงมโข่งมาหลายปี ผมสืบหาหลักฐานต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับ
คำบอกใบ้ต่างๆ เหมือนที่ คุณชยุตทำตอนนี้นี่แหละครับ รวมถึง
เหตุการณ์ 2012 ที่จะเกิดขึ้น ผมขัดแย้งกับจิตใต้สำนึกผมบ่อยมาก สิ่ง
ที่ถูกต้อง และรับรู้โดยไม่ต้องตีความในตอนนี้คือ “ เรามาเพื่อสร้างโลก
ใหม่ ที่นี่จะกลายเป็นสวรรค์ชั้นเจ็ด เรามาเพื่อช่วยเหลือทุกคน ไม่ได้มา
เพื่อกวาดล้าง” สุดท้าย เขาก็นำพาผมไปหาคำตอบที่ถูกต้อง โดยที่ผม
เองมีเวลาเหลือแค่ไม่กี่วัน

<O

อ้อ...ผมอยากจะสื่อสารกับบางคนที่เชื่อว่าลูซิเฟอร์คือสิ่งเลวร้าย เปล่า
เลยครับ เขาคือเทพเจ้าองค์หนึ่งที่สง่างาม เด็ดเดี่ยว และไม่เหมือนใคร
ถึงเวลาเมื่อไหร่ พวกคุณได้เห็นเขาตัวเป็นๆ แน่ เพราะเขาคือตัวเอกใน
เรื่องนี้นะครับ ^ ^ ผมเป็นแค่ตัวประกอบ ดังนั้น เวลาผมเลยสั้นนิดเดียว
<O
<O
ให้ลองสังเกตตัวเองนะครับ เมื่อไหร่ที่เข้าสู่ช่วงอัลฟ่า และเมื่อไหร่ที่รู้สึก
เหมือนโดนกดที่ขมับและจุดตาที่สาม คุณก็จะได้รับการเลื่อนขั้นสู่การ
ยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นไปได้อีกครับ<O
<O

หากว่าคุณทำสำเร็จ จิตวิญญาณคุณก็เปลี่ยนแล้วล่ะครับ ^ ^ มันคือ
Ascension ในขั้นที่ถูกต้อง และจะค่อยๆ เข้าสู่ช่วงแห่งการรู้แจ้ง หรือ
Enlighten ในระดับต่างๆ ต่อไปเป็นขั้นเป็นตอน แต่คุณจะเข้าช่วง
Enlighten/Awaken ไม่ได้ เพราะการเข้าสู่ช่วงนั้น คุณจะอยู่แวดล้อมกับ
ผู้คนบนโลกไม่ได้เลย คุณจะต้องอยู่ในสถานที่ๆ Match กับพลังงาน
ของคุณเองด้วย และคุณรู้ดีว่า ที่ไหน คือที่ๆ ดีที่สุดสำหรับคุณ และการ
ฝึกจิตให้ถึงระดับนี้ คุณจะเดินอยู่ท่ามกลางฝูงชนไม่ได้เลย คลื่นความถี่
ด้านลบที่มีมหาศาลจะมารุมคุณทันที<O
<O

ดังนั้น ที่ผมเคยบอกว่า คุณจะได้เห็นมนุษย์ต่างดาวตอนที่พลังงาน
ความถี่มันสูงขึ้นนั้น เพราะพวกเขาจะมารับคุณเพื่อเข้าสู่กระบวนการ
การเปลี่ยนแปลงร่างกายเริ่มตั้งแต่ระดับคาร์บอน (ผมเปล่าลอกคุณชยุต
นะครับ นี่เขาบอกผมเอง) ร่างกายคุณจะถูกเปลี่ยนให้เข้ากับสภาวะของ
คุณ และหลังจากโลกใบนี้เปลี่ยนเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่ พวกคุณจะถูกส่งลงมาในฐานะผู้สร้างครับ ^ ^<O
<O

ผมจะตอบคำถาม สำหรับบางคนเท่านั้นนะครับ จริงๆ แล้วคุณไม่จำเป็น
ต้องถามผมเลย เพราะคุณ.........รู้ดีที่สุดว่า.......คุณ.........เป็นใคร
ลองทำตามที่ผมแนะนำดูนะครับ คำตอบมันมีอยู่แล้ว.....ในตัวคุณ

นี่อาจเป็นบทความสุดท้ายของผม ผมขออวยพรให้ทุกคนโชคดี
ประสบความสำเร็จในการยกระดับทางจิตวิญญาณ
ผมหวังว่า ผมจะได้พบกับพวกคุณในเร็วๆ วันนี้นะครับ ^ ^<O

 

ความรู้สึกมันผุดขึ้นมาเอง ประมาณนั้นหรือไม่ คือเสียงภายใน





ปล.จะไปแล้วหรือครับ โชคดีเช่นกันครับ

ยินดีนี่ได้รู้จักครับ อิอิ (แล้วเจอกันใหม่)

 

อนุโมทนากับท่านอาจารย์ชยุต ที่มีอุตสาหะในการแปลและนำเสนอเรื่องราวภัยพิบัติต่างๆ มาให้เพื่อนได้อ่านกัน
ตอนนี้ที่เวียดนามเป็นไงบ้างมีพายุเข้าบ้างหรือเปล่า ผมคิดว่าหากมีโอกาสคงจะได้ไปเยี่ยมเยียนที่เวียดนามบ้าง

 

ขอบคุณและขออนุโมทนากับอาจารย์นีโม่ด้วยเช่นกันนะครับที่ได้บำเพ็ญบุญช่วยเหลือผู้อื่นมาโดยตลอด

ที่เวียดนามนี้ฝนก็ตกแทบทุกวันอยู่แล้วหละครับ แต่พายุใหญ่ไม่มีครับ

ตอนขากลับต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้กล่าวลาอาจารย์นีโม่ก่อน แม้ว่าจะพักอยู่ห้องติดกันก็ตาม
เพราะเกรงใจไม่อยากปลุกหนะครับ

และอีกอย่างเห็นคุณไอยบอกว่าคุณนีโม่เข้าสมาธิตั้งแต่บ่ายสามโมงโน่นแล้ว เห็นบอกว่าเพราะมีพลังลงมาเยอะมาก

เอ่อ...แล้วผลเป็นไงบ้างหละครับ


...............

 

และก็ถือเป็ความโชคดีของตัวผมเองและของผู้อ่านท่านอื่นๆด้วย
ที่กระทู้นี้มีผู้รู้เข้ามาเยี่ยมเยียนอยู่เป็นระยะๆ ทำให้ความเข้าใจของพวกเรา
มีมากขึ้นเรื่อยๆ และนี่ก็อาจจะเป็นแรงผลักอีกแรงหนึ่ง
ที่จะช่วยดันให้ระดับจิตสำนึกของพวกเราถูกพัฒนาให้สูงขึ้นต่อไป

พอดีช่วงระหว่างที่ผมกำลังเลือกหยิบเอาอะไรต่ออะไรมาแปล และมาถ่ายทอดอยู่นี้
ก็อยากจะขออนุญาตคุณ avatar_boy นำข้อความของเขามาถ่ายทอดให้ผู้ที่ยังไม่ได้อ่าน
ได้อ่านกันสักหน่อยนะครับ เพราะอย่างที่คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Haruaki_n<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2329914", true); </SCRIPT> ว่าไว้หนะแหละครับ
ผมก็รู้สึกว่าคุณ avatar_boy เอง ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่เป็น Ascension Master


ลองอ่านกันดูนะครับ และก็ค่อยๆอ่านไปนะครับ ไม่ต้องรีบร้อน เพราะผมจะยังไม่โพสต์อะไรเพิ่มเติมอีก
ในช่วง 2-3 วันนี้

สำหรับท่านที่เคยอ่านแล้วก็ลองอ่านซ้ำอีกเพื่อทบทวนดูนะครับ
เพราะระดับความเข้าใจในสิ่งๆต่างๆของพวกเรา ณ.วันนี้ กับ ณ.วันนั้น มันเปลี่ยนไปแล้ว
ท่านอาจจะพบกว่า ท่านเข้าใจมากขึ้นกว่าที่เคยคิดว่าเข้าใจดีแล้ว เหมือนกันกับผมก็ได้นะครับ
.............................

 

เป็นโรงเรียนลึกลับสมชื่อจริงๆครับคุณชยุต ..(ทำให้นึกถึงหนังแฮรี่ พอตเตอร์)
ดูเหมือนคุณ Avatar Boy ไม่ได้เปิดเผยชื่อหรือสถานที่ตั้งของโรงเรียนแห่งนี้เอาไว้เลย
เค้าคงสอนกันอย่างเข้มข้นในแก่นสาระที่เป็นประโยชน์กับจิตวิญญาณโดยตรงนะครับ
วันนี้ค้นไปพบหนังสือที่น่าจะเกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้เล่มนึงน่ะครับ
มีเนื้อหาทั้ง 9 หัวข้อที่สำคัญ คิดว่าคงหาอ่านไม่ง่ายในเมืองไทยนะครับ

9 Life Altering Lessons: Secrets of the Mystery Schools Unveiled
[ame="http://www.amazon.com/gp/reader/1934588032/ref=sib_dp_pt#reader-link"][/ame]

คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Haruaki_n<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2329914", true); </SCRIPT> ก็มีแนวทางที่น่าสนใจดีทีเดียวล่ะครับ
เหมือนเป็นการติดต่อค้นหา guide หรือครูภายในตัวเราให้พบ ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนให้ไกลตัว
มีอะไรก็เข้ามาแบ่งปันกันอีกนะครับ..อย่าเพิ่งหายไปก่อนล่ะ อิอิ

 

Ascension Master แปลว่าอะไรก่ะ(smile)

 

กระทู้ของคุณชยุตนี่กำลังจะกลายเป็นกระทู้รวบรวม channels ของผู้ติดต่อตัวตนภายในหรือสื่อสารกับมนุษย์ต่างมิติไปแล้วนะครับ ก็ขอนำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องมาลงรวมเอาไว้ด้วย เผื่อใครพอมีเวลาจะค้นหาหรือแปลเพิ่มเติมได้ก็ยิ่งดี..

มีบางส่วนของหนังสือที่พอจะหาอ่านได้เหมือนกัน คนเขียนชื่อ kala (ไปพ้องกับเขากะลาซะด้วย)
9 Life Altering Lessons: Secrets of the Mystery Schools Unveiled



<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR class=toc-section><TD class="toc rule first" style="WHITE-SPACE: nowrap"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR class=toc-section><TD class="toc rule first" style="WHITE-SPACE: nowrap">Lessons One: We Live In A Magical Universe.
Lesson Two: We Are The Creation of Our Thoughts.
Lesson Three: We Are All One, A Sea of Energy Floating in Vibratory Fields.
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR class=toc-section><TD class="toc rule first" style="WHITE-SPACE: nowrap"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR class=toc-section><TD class="toc rule " style="WHITE-SPACE: nowrap">Lesson Four: We Are A Reflection. A Microcosm of the Macrocosm.
Lesson Five: We Are Greater Than We Remember Ourselves To Be.
Lesson Six: We Know That Only The Good Is Real.
Lesson Seven: We Recognize That We Are Children Of The Universe.
Lessons Eight: We Are Limitless and Ageless, All That Exists is Now.
Lesson Nine: We Create The Path, Which Leads to Our Destiny.

Lesson 1: เราอาศัยอยู่ในจักรวาลอันน่าพิศวงและมหัศจรรย์
Lesson 2: เราคือผู้สร้างสรรค์ทุกๆความคิด
Lesson 3: เราทั้งหมดคือหนึ่งเดียวกัน อยู่ในทะเลหรือสนามพลังงานที่สั่นสะเทือนร่วมกัน
Lesson 4:เราคือการสะท้อนกลับ Microcosm ของโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล
Lesson 5: เราทุกคนยิ่งใหญ่กว่าความทรงจำที่เราคิดว่าเรา"เป็น"
Lesson 6: เรารู้ว่าสิ่งที่ดีเท่านั้นคือ ความจริง
Lesson 7: เราตระหนักได้ว่าเราคือเด็กๆของจักรวาล
Lesson 8: เราไม่มีขีดจำกัดและไร้กาลอายุ ทั้งหมดที่คงอยู่คือ ปัจจุบัน
Lesson9: เราสามารถสร้างเส้นทางที่นำพาโชคชะตาของเราเองได้


เค้ามีเวปไซท์ Explore Your Spirit with Kala
พร้อมกับเรื่องราวและบทสัมภาษณ์ใน Youtube เยอะเหมือนกัน
ว่าจะค่อยๆเข้าไปฟังดู...เนื้อหาจะเกี่ยวกับโรงเรียนของคุณ Avatar-Boy รึเปล่าครับ?



</TD></TR></TBODY></TABLE>






</TD></TR></TBODY></TABLE>






</TD></TR></TBODY></TABLE>




</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

Ascension Master แปลว่าอะไรคะ(smile)