มณฑาทิพย์ ดอกไม้สวรรค์

เป็นไม้ดอกที่งามจริงๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นไม้พุ่มรึป่าวคะ หากมีเวลาจะลองไปดูแถวเจเจซักหน่อย เหลืองก็งาม ชมพูก็ดูอ่อนหวานมากๆ

^__^








.

 

ประเดี๋ยวก่อน คุณโป๊ยเซียนสาว อย่าเพิ่งสับสนนะคะ

ดอกมณฑาทิพย์ หรือแมคโนเลีย สีเหลือง ปรากฏโพสแรก ๆ เป็นไม้ขนาดกลางนะคะ
แต่ที่เห็นสีสรร กลับบอบบางสีชมพู ขาวนั่น เรียกคาเมลเลีย เป็นไม่พุ่มค่ะ

 

นึกถึงกลิ่นหอม ๆ ฟังเพลงเพราะ ^^ .... ทำให้อารมณ์เย็นสบาย


เอาไปเปิดฟังตอนนอนน่าจะดีไม่น้อย


.

 

กราบอนุโมทนาสาธุ คุณเฮียปอฯ ค่ะ <O</O
ท่านมากล่าวถึงเรื่องกลิ่นกำจาย พาให้นึกถึงภูมิปัญญาบรรพบุรุษที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับระบบธาตุทั้ง ๔ ในร่างกายเรา คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ หากก่อเกิดความสมดุลแล้ว จะส่งผลต่อพลังในกาย และการปรับสมดุลจิต สิ่งที่ได้คือ ตัวบุญนั่นเอง
<O</O
อโรมาเทอราปี ศาสตร์ความหอมกับธาตุทั้ง ๔<O</O
Aroma (อโรมา) แปลว่า กลิ่น, กลิ่นหอม
Therpy (เธราปี) แปลว่าการบำบัดรักษา
Aroma Therpy (อะโรมา-เธราปี) หมายถึงการบำบัดรักษาโรคโดยใช้กลิ่นหอม
<O</O
ศาตร์ เกี่ยวกับอโรมาเทอราปี กล่าวว่า คนโบราณเชื่อเรื่องของธาตุทั้งสี่คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในร่างกายถือเป็นหลักสมดุลในการใช้ชีวิต ซึ่งพลังหรือธาตุทั้ง๔ธาตุนี้ จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแวดล้อมรอบตัว และวิถีการดำรงชีวิต ณ ปัจจุบันมีการใช้ศาสตร์อโรมาเทอราปี หรือการผ่อนคลายโดยใช้กลิ่นบำบัดเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลสุขภาพที่คนสมัยก่อนยึดถือมาช้านานเช่นกันเพราะเชื่อว่ากลิ่นหอมจะมีผลส่งโดยตรงต่อการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆภายในร่างกายปรับสมดุลปรับอารมณ์ที่แปรปรวนให้สงบลง ผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดีตัวอย่างเช่น<O</O
<O</O

๑ .โกรธ ใช้น้ำมันกระดังงา
๒. กังวล ใช้กลั่นมะกรูดกลิ่นผิวมะนาว
๓. เก็บกด ใช้กลิ่นกุหลาบ
๔. ความจำเสื่อม ใช้กลิ่นขิง
๕. จิตอ่อนล้า ใช้กลิ่นขิง กลิ่นสะระแหน่ <O</O
๖. ประสาทตึงเครียด ใช้กลิ่นกระดังงา กลิ่นผิวส้ม <O</O
๗. หงุดหงิด ใช้กลิ่นผิวส้มกลิ่นผิวมะนาว <O</O
๘. เศร้าเสียใจ ใช้กลิ่นดอกมะลิกลิ่นกุหลาบเป็นต้น

<O

http://makemoney.spiceday.com/viewthread.php?tid=52875
http://www.playfc.com/forum/index.php?topic=4080.0
<O</O

 

​

ด้วยวันนี้ตรงกับวันธรรมสวณะ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ <O</O
รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีส่วนนำใจทุก ๆ ท่านสัมผัสสิ่งบริสุทธ์ดีงามในจิตใจของแต่ละท่านเอง นะคะ
<O</O
ด้วยเวลาอันดีสมควรแห่งความสมบุรณ์แห่งสาระกระทู้นี้
ขอน้อมถวายทุก ๆ สาระประโยชน์ทุกประการ เป็นพุทธบุชา ส่งผลถึงพ่อเกิดแม่เกิดทุกภพชาติ ผู้มีคุณสูงชาติ ผู้สงเคราะห์โลกพิทักษ์ธรรม รูอุปัชฌมาอาจารย์สื่อ ๆต่อ ๆกันมา และสิริบุญแห่งคุณงามความดีใดใดก็ตาม ที่ได้สั่งสมเพ็ญเพียรมาแล้วด้วยดี นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วันนี้ จะได้ยังจิตทุก ๆ ท่านที่มีส่วนร่วมอนุโมทนาในสาระ ทั้งเป็นลายลักษณ์อักษรและมิได้ ได้รับความสุขสวัสดิมงคล ตราบนาน
<O</O
กราบอนุโมทนา สาธุการค่ะ
<O</O

 

ไม่ต้องส่งเทียบเชิญถึงหน้าบ้านก็ได้รับทราบ ตามความหอมมาชื่นชมกระทู้นี้ค่ะ..คุณบุญญสิกขา

เป็นการอ่านเนื้อหาที่มีความสุข และได้รับคุณค่าทางจิตใจมากมาย บทเพลง
ไพเราะจับจิต จับใจทุกหน้าเลยล่ะค่ะ ฟังแล้วรู้สึกสงบ เยือกเย็น มีสมาธิดีด้วย

ขอกราบขอบพระคุณในไมตรีจิต และกราบอนุโมทนามา ณ โอกาสนี้ค่ะ..

 

พอเปิดกระทู้มาก็ได้กลิ่นเลย;41ครับ

 

กรรมคงเป็นตัวกำหนด...

ให้เหล่าเทพบุตรและเทพธิดา ได้พบปะกันอีกครั้ง

สาธุกับน้องบุญญสิกขา...ฟังเพลงลาวคำหอม

อีกทั้งชมดอกไม้สวรรค์ อีกยังถ้อยความที่แสนหวาน

เสนาะเพราะพริ้ง จากกัลยามิตร กัลยาธรรม

พี่มังกร...ขออนุโมทนา

 

น้องสร้อยฟ้ามาลา...

อย่าได้สงสัยในจิตที่เป็นกุศลเลยครับ

เมื่อกายและใจ ประกอบกรรมดีื กุศลย่อมส่งผล กับผู้ที่กระทำ


สำหรับพระสงฆ์ เมื่อได้รับสิ่งใด เป็นหน้าที่ของท่าน

ที่จะครองสติและพิจารณา ตามภูมธรรมที่สั่งสมมา

 

ขอบคุณค่ะ คุณบุญญสิกขา ที่มาแจงให้ทราบถึงความต่างแห่งพันธ์ไม้หอมนี้ แค่นึกก็เหมือนจะได้กลิ่นแห่งพฤกษานี้แล้วสิเจ้าเอย...




.

 

สวรรค์บนดิน...

ดีจัง...กำลังหาต้นไม้ไปลงบ้านทรงไทยสไตล์ล้านนา บนดินแดนพระนิพพานอยู่พอดีเชียว...แค่ภาพก็งดงามแล้ว ของจริงจะหยาดฟ้าขนาดไหนหนอ

​

 

.ใกล้ ช่วง งานกฐินแล้ว ขออนุโมทนาร่วมกับ คุณ บุญญสิกขา ด้วยน่ะครับ สาธุ

 

อนุโมทนากับกระทู้หอม ๆ เพลงเพราะ ๆ ค่ะ ^^
ฟังแล้วมีความสุข รู้สึกสงบมากค่ะ ขอบคุณค่ะ ^^

 

วันนี้มีบทกลอนที่ระลึกถึงองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเกี่ยวข้องกับดอกมณฑาอย่างไร

ลมพัดโชยกลิ่น หอมระรินเย็นชื่นใจ
ยามเช้าแอบซ่อนไว้ ต้องยามสายเริ่มแย้มบาน
ดอกสวยมีเสน่ห์ เหลืองสนเท่ห์ ณ นงคราญ
เรื่องราวเป็นตำนาน ฟังเล่าขานพระพุทธองค์
ประสูตรย่อมร่วงโรย นิพพานโปรยจากสรวงสวรรค์
เหตุเกิดเป็นอัศจรรย์ ชื่อปรากฏนั้น "ทิพย์มณฑา"

 

อนูโมทนา สาธุการ ทุก ๆ ท่าน ทุก ๆประการนะคะ

ความจริง ตั้งใจละทิ้ง "กระทู้ดอกไม้สวรรค์" นี้ไปแล้วค่ะ
จู่ ๆ บังเอิญมาสะดุดถ้อยความ คุณ loveiscomingsoon
ดั่งว่า พาจิตปิติซ่าน ประหลาดแปลก หวลนึกสาระชาดกเล่า
คราวองค์สมเด็จฯ เข้าที่ปรินิพพาน พาสลดสังเวช คราวกาล





มหาปรินิพพานสูตรกถาว่าด้วยการบูชาพระตถาคต

[๑๒๘] ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า

ดูกรอานนท์มาไปกันเถิดเราจักไปยังฝั่งโน้นแห่งแม่น้ำหิรัญวดีเมืองกุสินาราและสาลวันอันเป็นที่แวะพักแห่งพวกเจ้ามัลละ

ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้วลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่เสด็จไปยังฝั่งโน้นแห่งแม่น้ำหิรัญวดีเมืองกุสินาราและสาลวันอันเป็นที่แวะพักแห่งพวกเจ้ามัลละครั้น แล้วรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า

ดูกรอานนท์เธอจงช่วยตั้งเตียงให้เราหันศีรษะไปทางทิศอุดรระหว่างไม้สาละทั้งคู่เราเหน็ดเหนื่อยแล้วจักนอน

ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ตั้งเตียงหันพระเศียรไปทางทิศอุดรระหว่างไม้สาละทั้งคู่ พระผู้มีพระภาคทรงสำเร็จสีหไสยาโดยพระปรัสเบื้องขวา ทรงซ้อนพระบาทเหลื่อมพระบาทมีพระสติสัมปชัญญะฯ


กถาว่าด้วยการบูชาพระตถาคต

[๑๒๙] สมัยนั้นไม้สาละทั้งคู่ เผล็จดอกสะพรั่งนอกฤดูกาลดอกไม้เหล่านั้นร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชา แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ก็ตกลงมาจากอากาศดอกมณฑารพเหล่านั้นร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคตเพื่อบูชาแม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศจุณแห่งจันทน์เหล่านั้นร่วงหล่นโปรยปรายลงยังพระสรีระของพระตถาคต เพื่อบูชาดนตรีอันเป็นทิพย์เล่าก็ประโคมอยู่ในอากาศ เพื่อบูชาพระตถาคตแม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศเพื่อบูชาพระตถาคตฯ


ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า

ดูกรอานนท์ ไม้สาละ ทั้งคู่เผล็จดอกบานสะพรั่งนอกฤดูกาลร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชา แม้ดอกมณฑารพอันเป็นของทิพย์ก็ตกลงมาจากอากาศดอกมณฑารพเหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคต เพื่อบูชาแม้จุณแห่งจันทน์อันเป็นของทิพย์ ก็ตกลงมาจากอากาศจุณแห่งจันทน์เหล่านั้น ร่วงหล่นโปรยปรายลงยังสรีระของตถาคตเพื่อบูชาดนตรีอันเป็นทิพย์เล่า ก็ประโคมอยู่ในอากาศเพื่อบูชาตถาคตแม้สังคีตอันเป็นทิพย์ก็เป็นไปในอากาศเพื่อบูชาตถาคต

ดูกรอานนท์ ตถาคตจะชื่อว่าอันบริษัทสักการะเคารพนับถือบูชานอบน้อมด้วยเครื่องสักการะประมาณเท่านี้ หามิได้ ผู้ใดแล จะเป็นภิกษุภิกษุณีอุบาสก หรืออุบาสิกาก็ตาม เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตามธรรมอยู่ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าสักการะเคารพนับถือบูชาตถาคตด้วยการบูชาอย่างยอด เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ พวกเธอพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมปฏิบัติชอบประพฤติตามธรรมอยู่ดังนี้ฯ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.703879/[/MUSIC]<O</O​

 

พร้อม หากจะได้เรียนเชิญกัลยาณธรรม ญาติธรรม
แวะเข้าร่วมอนุโมทนา กระทู้มหากุศล ทางนี้เลยนะคะ

http://palungjit.org/threads/พระนอน...ปฏิสังขรณ์เป็นศรีสง่าถวายเป็นพุทธบูชา.206061/

 

อดีตกาลเก่าก่อนยังมีนิทาน กำเนิดดอกมณฑา

........อดีตอันยาวนาน ยังมีหญิงผู้มีหน้าตาและกิริยามันงดงามพร้อมด้วยกุศลที่ได้ทำในชาติปางก่อนๆ สืบมา เมื่อมาสินบุญในกาลปัจจุบัน ก็จุติในสวรรค์ชั้นฟ้าเสวยบุญกุศลที่ได้ทำเอาไว้เป็นสัญญาสืบมา กาลเมื่อกุศลผลบุญนั้นได้ถึงเหตุที่ต้องจุติอีกครั้ง ก็ได้ถือกำเนิดมาเป็นอิสตรีเพศ มีผิวพรรณวรรณะที่ดีเป็นลูกชาวนา ต่างจากบิดามารดาเป็นผิดไป จากเด็กหญิงน้อยก็เติบใหญ่จนเป็นหญิงงามในหมู่บ้านแต่นางไม่สนใจใยดีใคร อยู่รับใช้กับแต่บิดา มารดาเป็นนิจยังกุศลผลบุญอยู่ตลอดเวลาสืบเนื่องมาจากอุปนิสัยเดิม นางใส่บาตรทุกเช้าแก่พระภิกษุสงฆ์ และมีเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลาย จนคนในหมู่บ้านนึกอิจฉาและรังเกียรติที่นางไม่ยอมเข้ากลุ่มด้วย
.........เมื่อบิดาและมารดาแก่ชราลงและอายุขัยก็มาพรากทั้งสองไป นางก็ยังคงใช้ชีวิตสันโดษแต่เพียงผู้เดียว ด้วยจิตอันเป็นกุศลของนางวันหนึ่งนางก็คิดอยากจะมีบุตรเพื่อเป็นเพื่อนยามแก่ชราและปรนนิบัติได้ ทุกวันที่นางใส่บาตรนางก็จะตั้งจิตอธิฐานให้นางได้มีบุตรกับเขาบ้างแต่นางไม่ปรารถนาสามี ด้วยความตั้งใจอันเป็นกุศลแรงกล้าที่นางได้ทำสะสมมา รับรู้ถึงองค์อินทร์เป็นเหตุให้อาสนะของท่านร้อนจนนั่งไม่ได้และท่านก็ส่องด้วยทิพย์เนตรถึงเหตุอันทำให้อาสนะร้อนก็รับรู้เหตุนั้น แต่นางไม่ปรารถนาสามี จะทำอย่างไร ท่านจึงให้พรนางโดยทำนิมิตลูบไปที่ท้องและเกิดเป็นลมพัดมาวูบหนึ่งที่ท้องนาง นางรู้สึกปิติปลาบปลื้มและแผ่ซ่านอย่างไม่สามารถอธิบายได้ ไม่นานหลังจากนั้นนางก็รับรู้ได้ว่านางกำลังตั้งท้องและเมื่อท้องใหญ่ขึ้น ทำให้ชาวบ้านสังเกตุเห็น คิดไปต่างๆนานา และพากันรังเกียจนางยิ่งขึ้น นางไม่มีสามีและนางจะตั้งท้องได้อย่างไร นางยิ่งเก็บตัวอยู่กับแต่ในบ้าน มีความสุขที่ความปรารถนาสมหวัง
.........เมื่อครบกำหนดนางคลอดออกมาเป็นบุตรชาย และเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูจนเติบโตได้ห้าขอบและนางก็ปรารถนาที่จะมีบุตรอีกเพื่อมาเป็นเพื่อนลูกชาย นางจึงอธิฐานขอร้อนถึงองค์ก็ให้พรและทำความสมปรารถนาให้นาง เมื่อคลอดลูกคนที่สองนางเลี้ยงจนได้หนึ่งขอบนางก็ปรารถนาอีกจนในที่สุดนางก็ให้กำเนิดลูกชาย ทั้งห้าลูก ด้วยอุปนิสัยของมารดาที่รักบุตรและเฝ้าเลี้ยงดูดุจดั่งไข่ในหิน นางอดทนและเพียรพยายามทุกอย่างให้ลูกทุกคนเติบใหญ่ เฝ้าสั่งสอนสิ่งที่ดีงามคุณธรรมที่ดีแก่ลูกชายทั้งห้าคน จนในที่สุด ลูกคนโตเป็นหนุ่มใหญ่ก็มีสัทธาในพุทธศาสนาดั่งเช่นมารดา ปรารถนาจะไปอยู่ในสำนักของพุทธเจ้าในยุคนั้นมารดาเมื่อได้รู้ก็ยินดียิ่งนัก และถ้าน้องชายทั้งสี่เมื่อเติบใหญ่ปราถรนาเช่นพี่ชายมารดาก็ยินดี แต่น้องชายทั้งห้ายังไม่ปรารถนาอยากจะรู้รับใช้มารดาอันเป็นที่รักก่อน เม่ือพี่ชายได้อุปสมบทเป็นภิกษุก็ได้มาโปรดมารดา แสดงธรรมที่พระพุทธองค์ชี้แนะเป็นแนวทางไม่นานหนัก ภิกษุหนุ่มเพิ่งบวชใหม่ก็ได้บรรลุอรหัตผล เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์อีกมากมาย ส่วนน้องชายทั้งสี่ก็ได้รับใช้มารดา ทำนา ทำสวน มารดาก็เริ่มมีอายุแต่ยังแข็งแรงออกไปช่วยลูกทำงานตามกำลังอยู่เป็นนิจ
.........เมื่อถึงคราวบุพกรรมเก่าที่เคยทำไว้แต่อดีตกลับมาถึง นางกำลังไปนาเพื่อเตรียมจะดำนาและปลูกข้าวนางได้ถูกควายเกิดบ้าขึ้นมาขวิดจนบาดเจ็บหนัก ลูกเห็นเข้าไปช่วยไว้ไม่ทันก็เข้ามาประคองแม่ไว้ในอ้อมกอดต่างร้องไห้กันระงม แม่นั้นก็ยังพอมีแรงพูดกับลูกๆ เพื่อสั่งเสียและพรรณนานาความรักความผูกพันที่มีให้ลูก ลูกก็พรรณนานากับแม่ แต่แม่ก็บอกลูกว่าแม่เป็นสุขอย่างยิ่งที่ได้ให้กำเนิดลูกทั้งห้าคนมา พี่ชายคนโตก็อยู่ในพุทธศาสนาแล้ว ส่วนน้องๆ ก็ตั้งตนไว้ดีแค่นี้แม่ก็ไม่ปรารถนาอะไรอีกต่อไปแล้ว และนางก็ได้จากลูกทั้งห้าไปอย่างสงบ .....ด้วยผลบุญกุศลที่นางได้ทำในชาติปางก่อนก็ได้ถือกำเนิดเป็น "มณฑาทิพย์" ในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงห์ เหตุที่นางได้ถือกำเนิดเป็นมณฑาทิพย์ ก็ด้วยที่บุญบารมีที่นางได้เลี้ยงพระโพธิสัตว์ทั้งห้าที่ได้ลงมากำเนิดบรรพเพ็ญเพียรในโลกมนุษย์นั้นเอง
......ความรักของแม่ที่มีต่อบุตรพระองค์ยังทรงยกย่องไว้
และในภัทรกัป นี้ก็คือพระพุทธเจ้าห้าพระองค์นั้นเอง อดีตนิทานนี้จึงเกิดขึ้น
ด้วยจิตอันบริสุทธิ์ขอให้สรรพสัตว์ข้ามพ้นห้วงแห่งวัฏฏะนี้ไปจนถึงที่สุดที่พระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยเทอญ

"ความรักกำลังจะมา" ความหมายแรกที่อย่างจะบอก "รักแม่" ดอกมณฑาจึงเกี่ยวเนื่องกับพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ในภัทรกัปนี้ ประสูติ ตรัสรู้ ปริพาน

 

กราบ กราบอนุโมทนา ค่ะ

 

เคยได้ยินได้ฟังมาว่า มีพระเถระท่านหนึ่งเวลาท่านจะไปจะมา บางก็จะได้กลิ่นดอกมณฑาโชยมาก่อนเสมอๆ