คุณคือ "ผู้พเนจรจากฟากฟ้า" (Wanderer) หรือ "เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว" (Star Seed) หรือไม่??

ขออ้างอิงสักเล็กน้อยนะคะ
อ่านแล้วความหมายไม่เปลี่ยนค่ะ
แต่มันเกิดความรู้สึกบางอย่างระหว่าง
"ง่าย" กับ "ยาก" ขึ้นมาอ่ะค่ะ
เอ่อ คือเราเป็นคนไม่ค่อยฉลาดค่ะ
ชอบอะไรที่ง่าย ๆ มากกว่าค่ะ
ขออนุโมทนากับทุกท่าน สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขออนุโมทนากับคุณ
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3444189", true); </SCRIPT> ด้วยครับ

 

จะคอยติดตามอ่านอยู่เรื่อยๆ คะ (ถ้ามีเวลา)

 

เห็นคนมาดันกระทู้ให้ทีไร
ผมรู้สึกเหมือนเหงื่อจะหยด..แหมะ..แหมะ..ทุกทีเลย

โดยเฉพาะช่วงนี้..ที่กำลังช่วยคุณเดรดเกลาสำนวนแปล
ข้อความของท่านไมเคิล เรื่องวิตามินดีอยู่นี่

เพราะว่า ผมรู้สึกว่ามันยากเย็นเหลือเกิน..มันเกินความรู้ผม..
แต่ก็รู้สึกว่า..เนื้อหามันน่าสนใจ
และน่าจะเป็นประโยชน์มากไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว

ก็เลยค่อยๆคลำๆงมๆทางมาเรื่อยๆหนะครับ

ก็เลยเป็นอย่างที่ท่านเห็นนี่แหละครับ
นานๆ..จึงจะโผล่มาซักตอนหนึ่ง..อะไรแบบนี้

..............................................

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตมาจาก Archangel Michael

ผู้รับการสื่อสาร: Ronna Herman
วันที่โพสต์ 27/05/2010
ผู้แปล: Kindred

ที่มา: Vitamin D* The God Vitamin: Archangel Michael through Ronna Herman | Lightworkers.org


“ไวตามิน D * ไวตามินพระเจ้า”


ตอนที่ 4

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:Calibri; panose-1:2 15 5 2 2 2 4 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1073750139 0 0 159 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} span.shorttext {mso-style-name:short_text; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ในยุคสมัยแห่งความพิเศษที่กำลังใกล้เข้ามานี้ มันจะมีระบบของกฎระเบียบและกฎเกณฑ์ใหม่ๆเกิดขึ้นมาหลายกฎ
เพื่อที่จะนำมาใช้กับมนุษย์โลกยุคใหม่ ที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณทั้งหลาย

เพราะว่าวัฏจักรแห่งการสร้างสรรค์ใหม่ ที่เจริญรุ่งเรื่องมากกว่าเดิม กำลังจะมาถึง
และพวกคุณทุกคน ที่กำลังมุ่งมั่นไปสู่สภาวะแห่งความมีจิตสำนึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
(unified state consciousness) ก็จะถูกกำหนดให้เป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์อนาคตคนหนึ่งด้วย


ในฐานะที่พวกคุณเป็นหนึ่งในลำแสงสีแห่งพระผู้เป็นเจ้า (Ray of God Light) ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ
ก็คือการขยายขอบเขตของจิตสำนึกแห่งพระผู้เป็นเจ้า(God-consciousness)
ซึ่งเป้าหมายของพวกคุณก็คือ การเป็น “ผู้เนรมิตร” (master of manifestation)
โดยการดึงเอาแก่นแท้ของสรรพสิ่งออกมา แล้วกระตุ้นให้มันเกิดขึ้นด้วยหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ
และกระตุ้นให้มันเกิดขึ้น ด้วยกระแสความคิดจากจิตใจอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ
นำเอาเนื้อแท้แห่งพระผู้เป็นเจ้ามาขึ้นรูปให้กลายเป็นสิ่งต่างๆมากมาย อย่างไม่มีสิ้นสุด

ดังนั้น พวกคุณจึงกลายเป็นส่วนขยายที่แท้จริงของ พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นบิดา/มารดาของพวกเรา


พวกคุณ ในฐานะของผู้ชี้นำทางคนหนึ่ง คือความหวังของอนาคต พวกคุณกำลังวางรากฐานของระเบียบใหม่
ให้กับสังคมอยู่ มันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งว่า พวกคุณจะต้องเดินทางสายกลาง
เพราะว่าผู้ที่เป็นตัวของตัวเอง จะต้องไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง และจะต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
กับความขัดแย้งทั้งหลายที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นและลุกลามไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้


พลังอำนาจของพวกคุณจะมีประสิทธิผลมากที่สุด เมื่อพวกคุณมั่นคงแน่วแน่อยู่ในหัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวคุณเอง
และเมื่อพวกคุณฟังคำแนะนำจากภูมิปัญญาภายในของจิตใจอันศักดิ์สิทธิ์ของตัวคุณเอง

เพราะฉะนั้น ท่าทีของพวกคุณที่จะมีต่อสถานการณ์ใดๆ จึงควรจะเป็นไปด้วยความปรารถนาดีเท่านั้น
และจุดยืนของพวกคุณ ก็ควรที่จะเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของส่วนรวมเท่านั้นด้วยเช่นเดียวกัน


ในฐานะที่พวกคุณ มีความกระตือรือร้นที่จะแสวงหาสัจธรรม เพื่อการรู้แจ้ง (en-Lighten-ment)
และมุมานะที่จะกลับคืนสู่ความุสมดุล และความสอดคล้องกลมกลืนภายในตัวเอง
มันจึงสำคัญมาก ที่พวกคุณจะต้องตระหนักรู้ถึงข้อจำกัดบางอย่างของกรรม
ที่จิตวิญญาณของพวกคุณได้ยอมรับเอามา เพื่อใช้เป็นประสบการณ์ในการเรียนรู้ของชาติภพนี้

มันมีข้อจำกัดและเงื่อนไขบางอย่าง ที่พวกคุณไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่มันต้องเป็นไปเพื่อเรียนรู้
ที่จะยอมรับมันให้ได้อย่างสง่าผ่าเผย และ เพื่อที่จะบรรลุให้ถึงความยอดเยี่ยมภายใต้กรอบที่ถูกกำหนดไว้ให้คุณ

นี่ไม่ใช่การลงโทษ แต่นี่เป็นโอกาสที่พวกคุณจะได้ใช้เพื่อปรับสมดุลให้กับรูปแบบของความคิด
และพลังงานที่ขัดแย้งกันทั้งหลาย


(ยังมีต่อครับ)
……………………………………

 

ข้อความสื่อสารทางโทรจิตมาจาก Archangel Michael

ผู้รับการสื่อสาร: Ronna Herman
วันที่โพสต์ 27/05/2010
ผู้แปล: Kindred

ที่มา: Vitamin D* The God Vitamin: Archangel Michael through Ronna Herman | Lightworkers.org


“ไวตามิน D * ไวตามินพระเจ้า”


ตอนที่ 5

<link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} @font-face {font-family:Calibri; panose-1:2 15 5 2 2 2 4 3 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1610611985 1073750139 0 0 159 0;} @font-face {font-family:"\@Arial Unicode MS"; panose-1:2 11 6 4 2 2 2 2 2 4; mso-font-charset:128; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:-1 -369098753 63 0 4129279 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; font-family:Arial; mso-fareast-font-family:Calibri; mso-bidi-font-family:"Arial Unicode MS"; color:darkblue;} span.shorttext {mso-style-name:short_text; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> อย่างไรก็ตาม เราขอย้ำถึงความสำคัญที่ว่า ชาติภพนี้ เป็นชาติภพที่มีความพิเศษสำหรับทุกๆคนบนโลก
ไม่ว่าพวกคุณจะถือกำเนิดมาในสถานการณ์แบบใดก็ตาม ทุกๆคนต่างก็มีโอกาสสำหรับความยิ่งใหญ่
และมีขุมความรู้ และพรสวรรค์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการเข้าถึงความเป็นตัวของตัวเอง (Self-mastery) พร้อมอยู่แล้ว

พวกคุณถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็น “ผู้เนรมิต” (master of manifestation) ซึ่งหมายถึง
เป็นผู้สร้างร่วม ที่มีความสามารถที่พระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้พร้อมอยู่แล้ว


ขั้นแรก คือการตระหนักรู้ว่า พวกคุณได้ถูกตั้งโปรแกรมให้มีศักยภาพแห่งความเป็นอัจฉริยะ (Genius Potential)
และให้มีทักษะและพรสวรรค์ต่างๆมากมายหลากหลาย ไว้ใน DNA ของพวกคุณแล้ว

ก่อนการลงมาถือกำเนิดในภพชาตินี้ พวกคุณได้เลือกชุดของสถานการณ์บางอย่าง
พร้อมทั้งความสามารถพิเศษเฉพาะบางอย่าง ที่พร้อมใช้งานได้มากกว่าความสามารถด้านอื่นๆเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพรสวรรค์และความสามารถพิเศษแบบเต็มพิกัดของพวกคุณ จะถูกกักเก็บและสงวนไว้
แต่พวกคุณก็มีความสามารถที่จะนำพวกมันออกมา แล้วเริ่มทำให้พวกมันเป็นจริง, ผสานรวมพวกมัน และใช้งานพวกมันได้


พวกคุณจะต้องเข้าไปสู่มิติที่สูงกว่า ที่อยู่ภายในสมองของพวกคุณเอง เพื่อที่จะทำให้สามารถติดต่อสื่อสาร
กับจิตวิญญาณของตัวคุณเอง และกับรูปธรรมชีวิตในมิติที่สูงๆกว่าได้

สมองของพวกคุณประกอบไปด้วยจิตสำนึกหลากหลายระดับ สมองส่วนล่าง ( lower brain)
และจักระล่างทั้งสาม (จักระที่ 1, 2 และ 3) เป็นเขตแดนของจิตสำนึกกึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์ในตัวมนุษย์
(humanity’s animal/human consciousness) ซึ่งมันจะเป็นจิตสำนึกในระดับสัญชาติญาณซะส่วนใหญ่
และมันก็จะดึงเอาข้อมูลข่าวสารต่างๆมากมาย มาจากจิตสำนึกร่วม (collective consciousness )
ของระนาบแห่งผัสสะ (astral plane : อายตนะภายใน เกี่ยวข้องกับสัมผัสในความรู้สึก - ผู้แปล)
พอๆกับการดึงเอามาจากจิตสำนึกของโลก (Earth’s consciousness)

ความต้องการมีชีวิตรอดและความอยากที่เกิดจากอัตตาตัวตน เป็นสิ่งที่ครอบงำความคิด
และความปรารถนาของคนทั่วไปอยู่ ดังนั้น ภาพของการจดจ่ออยู่กับปัจจัยภายนอก โลกทางวัตถุ
และการทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงเป็นสิ่งที่มีให้เห็นอยู่อย่างดาษดื่นในโลกแห่งความเป็นจริง


(ยังมีต่อครับ)
……………………..

 

*****************************
โลกุตตระธรรม
บทสวดฆราวาส…
*****************************

" จงเจริญด้วยธรรมเที่ยง "
---------------------------------------------------------------------------
*** บทถวาย สัจจะ ****

นะโม เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า (๓ จบ)
ทังสีริทัง เยวะหัง ศาสนา บุพพะลัง จัตตุ อุลุสัทฐัง นิพพานัง เหติ ฯ
ข้าพเจ้า ขอนอบน้อม สักการบูชา
ต่อองค์โลกุตตระ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระธรรมคำสั่งสอน และพระอัครสาวก ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พร้อมด้วยกาย วาจา ใจ

ข้าพเจ้าขอพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
โปรดนำแก้วสามประการนี้ สู่นิพพาน

ข้าพเจ้าขอขมาต่อองค์โลกุตตระ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สิ่งอันใดที่ข้าพเจ้า เคยกระทำผิดพลาดไป
ด้วยกาย วาจา ใจ อันเป็นสิ่ง ที่ไม่สมควรที่แล้วมา
ข้าพเจ้าขอขมา ขอได้โปรดรับ คำขมาของข้าพเจ้า

ด้วย ณ สถาน สักการะนี้
ต่อเบื้องพักตร์องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าขอ ถวาย สัจจะ ว่า............ ตั้งแต่...........ถึง..........

ขอองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดรับคำถวายสัจจะของข้าพเจ้าด้วย
ขอดินฟ้าอากาศ จงรับรู้รับแจ้ง เป็นสักขีพยาน แก่ข้าพเจ้า

ขอพระธรรมคำสั่งสอน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โปรดน้อมนำอุทิศส่วนบุญกุศลทั้งหมดนี้ แผ่รอบครอบจักรวาล
วิมารพรหม ยมโลก รอบครอบจักรวาลสันดานมนุษย์
อุทิศส่งให้คุณบิดามารดา ผู้อุปการะ ผู้อุปถัมภ์
เจ้ากรรมนายเวร รอบครอบจักรวาล

ข้าพเจ้าปรารถนาขอบรรลุ มรรค ๔ ธรรม ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑

----------------------------------------------------------------
*** บทอาราธนาผู้ตาม ****
ธรรมนี้ตอนพระพุทธเจ้ารักชีวิตของตน
ค้นหาการกระทำต่อไป

รัตตะนะสุเมตตา โพจะมานะสา เทตะรา ผัสสะ
สัญญะ จะภูโต โสทะโส นิพพาโว โหตะ ฯ
---------------------------------------------------------------------------
*** บทนมัสการพระพุทธเจ้าเฝ้าพระพุทธองค์ ****

สาริสะ อาระหะตัง สัทถัง บัททะนัง อุลุมจะ มัยหัง
เอกตะนี ปะชัง มัยหัง มัยหัง สัญญัง เหตะ เนมารัง สีระอิน
ปะชัง สุขขัง สุขขัง มานะสะ บัพพะเก ตะยัง โอหัง เอกทะ
เอโชตะรัง คมหัง คุมหัง ตานี มาลากันตัง สัญญา เรหัง
เวททะนัง บัพพะขันติ คิริตตัง สัญญัง นิพพานัง เหติ ฯ
---------------------------------------------------------------------------
*** จัตทะ อนุรง ****
ตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้แก่ตนเองเพื่อพิจารณา

บัททะกรุณา จัตตะ วิมุตสา อัตฐะ ปุริกะเทวา มะโนทะศึกษา
อัตฐะปริญญา โสวะจะสา จันตุ อุปาทา ไสยะ สุเมตตา
อัตฐะปุริสา รัตตะนะสุมาลา อุโปทะวะสา จิตานะจะ รัตตะนะ
อมุทิตา โพธิจะสา มะโนทะมาลา โภคคะอุเบกขา โสตัด
ปริญญา อะเสขะ อุปปะการา โสตัดมานัสสา ไสยะจะ มุทิตา
อุลุจโทรม มานัสสา โภคคะกรุณา มะโนทะศึกษา อุปาทาสุขขา
นิพพารา เขติ ฯ
----------------------------------------------------------------
*** พร เขตะ ****

สันทะอุปปะการา โภคคะจะสา มะโนทะจิตา รัตตะนะวะหา
จัตตุอุปปาทา โพธิจะจะสา อัตฐะ สมมุติ วิหัชชะนา สัญญาวะสา
เกตะรามา โมฆะ อุลุจวิสัทฐา โบกคะระณียา โสวะจะสา
กันทิกา สันทะปุริสา โชติทะกิราชา มะโนทะศึกษา โพธิทะรา
สุขขา กิริยา โหตุ ฯ
----------------------------------------------------------------
ขันติมะยัง สันทิตะรูพัง อุเบกคะภูตัง สันหัง กัตตะพัง
สีริตนิลตะปะชัง บัพพะภูตัง กันตะนัง สันหัง บัพพะชา ตุมหัง
สุขโขทินนัง รัตตะโนมายัง สันหังเรจะ บัพพะชะ อรุณวะหัง
อุเบกคะจะภูตัง อุลุมจะ สัททะ มานะ สุขขัง กันตะนัง โหตุ ฯ
----------------------------------------------------------------
*** บันทิกัง อาระหัน ****
ธรรมหมวดนี้ ตอนพระพุทธเจ้าแยกธาตุของสัตว์โลก

ทังสีริทัง เยวะหัง ศาสนาอุตตะกัง เสวะสังสัญญานะจะ
ผัสสะ วิมุติสัง เอคะนะตัง สันหัง ภาวะกิ สมมุติจิตัง มะโนทะสัง
โชติทะปุทิยัง เสวะสัง สัญญานะจะ ผัสสะ อาระหะจะมุมทัง
เสวะกัตตะมัง ปัตชานะจะ สัมมะวิมุติสัง เกตะมัง เอทะวิมุติสัง
เจตะยัง อาระหังจิโต สันทุโนโส เอทะบุคคะโล อภิญโญ เสวะโส
บุคคะโต อรุโณ เสวะโส โพธิทะโร จัตตุปะวิมุติโส กันตะโน
สุขโข โพธิทะโร จันตุโต สุขโข โหตุ ฯ
----------------------------------------------------------------
*** ธรรมหมวดนี้ตอนพระพุทธได้แก้วพระนิพพาน บริหารแก่ตนเอง ****

พุทธมาสักกาเสจะ โชติทะกรุณา สมานะจะ เอทะบุคคะลา
สมาเสจะ ไสยะ สมมุตติตา สมาเรจะกันทะบุคคะลา อุปาเสจะ
พุทธะกรุณา สมาเสจะ เอทะบุคคะลา ตุมาสุขขา ไสยะสุเมตตา
อัตฐะ วิมุตสา โชติทะตะรา อุปาทะวะสา ไสยะบุคคะลา ตุเมวิมุตสา
โชติทะตะรา อุปาทะวะสา จันตุปาทา สมมุติอุเบกขา โชติทะกิราชา
จัตตุตุมัสสา โชติทิทะรา อุปาทะวะสา กันตุ วิอัชชะยา โชติทะ
กรุณา อุโปทะวะสา ไสยะกรุณา สันทะอุเบกขา โพธิทะรา
อุปาทะวะสา สุขขานะจะ สัญญะมุมหิ อุปาทานะจะ ผัสสะ มุมหิ ฯ
----------------------------------------------------------------
*** ธรรมหมวดนี้ ตอนพระพุทธเจ้า พิจารณาชีวิตของตน
ค้นคว้าหาตัวกระทำ ยังไม่พบตน ****

สันทะสิมาลา วาตะวิมุตสา อุเบกคะจะภูตา โสตะมานะสา
สุคคะตะ รัตตะนะ สุเมตตาโพโพจะชีวะสา สุกันจะ ผัสสะกรุณา
สัญญะปุริสา โสตัดสุมาตรา โพธะปุริสา โรทะมาลา
อนุมาชะวะสา เกตะรา อิตฐะ อาระหะจิโต มะโนทะโส
โพธิทะโร สุขโข โต เตติ ฯ
--------------------------------------------------------------------------
โบคคะระณีโย โพจะมานะโส เกตะโร อนุมาวิมุตโส
สุเมนตุ อุลุวิสัทโฐ โพธิทะโร อนุมาวิรัจโส เกตะโร
โสตะรัตตะนะ สุเมตโต โพจะมานะโส เกตะโร อิตฐะ
อาระหะจิตัง มะโนทะสัง โพธิทะรัง สมามัง สุขขัง กิริยัง
สุขขัง อุปปะมัง สุขขัง เกตะยัง มาติ ฯ
--------------------------------------------------------------------------
ผัสสะมานะสัง บุคคะละสุกันตัง วาตะจะโพสัง เกตะรัง
อัตฐะ สัญญะจะภูโต โสตะปุระโส สุคคะตะ จะเทโว สันทิโส
โพธิทะโร อนุมาวิมุตโส เกตะโร โสตะรัตตะนะ สุเมตโต
โพจะทะโร โสทะโส สุคคะโต สันติโส โพธิทะโร จัตติมา
วิระโส เกตะโร โสตะรัตตะนะ ชีวิโส อุเบกคะจะภูโต โสทะโส
นิพพาโว โส โต เตติ ฯ
--------------------------------------------------------------------------
*** พระคาถาป้องกันสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล ****

มันทิกะภูมิสัง โยชทะเทวัง เสวะจักหัง กันทุกะ
สมณะวิบัติชัยยัง เสวะสัง จันตุปาทา วิกัตตัง สันธะสุขขัง
โชติทิทะรัง เสวะสังโสนะ วิกัตชัยยัง มันธะตะมนัสสัง ขันธิยัง
เสวะสุขขัง พรหมจะชัยยัง มันธิตะ สุขขัง กัตตะมัง โหตุ ฯ
--------------------------------------------------------------------------

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
<!-- google_ad_section_end -->

 

*** เข้าถึงโลกุตตระธรรม ****

เลขเจ็ด...คือ สัญญลักษณ์ของโลกุตตระ
ตั้งใจเข้าถึงโลกุตตระ....จุดธูปเจ็ดดอก
สัจจะ...คือ สื่อกลางระหว่างตัวท่านกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** หลักตนพึ่งตน ****

คือ พึ่งผลตอบแทนจากสัจจะทำ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เป็นกำลังใจให้ค่ะ ...สู้ๆ ค่ะคุณชยุต
เชื่อว่าไม่เกินความสามารถของ ท่านหัวหน้าแน่ๆ
เอ่อ..เหมือนมาเชียร์กันเองยังงัยไม่รู้... แหะ แหะ

และต้องขอบคุณ คุณชยุตมากๆ ที่มอบหมายงานชุดนี้ให้เดรดช่วย
ยิ่งเฉพาะตอนวิตามิน D นี่ สุดยอด...เนื้อหาเข้มข้นมาก
แต่กว่าจะแปลได้ เล่นเอาข้าพเจ้าเหงื่อตก ลำบากยากยิ่งนัก...

ทำให้ตัวเองต้องตระเวณ ค้นหาคำศัพท์และความรู้มาเพื่อขยายความ
ยิ่งค้นยิ่งไปใหญ่โต แต่กลับเป็นเรื่องดี
ที่ทำให้ไปพบเจอข้อมูลต่างๆที่มาสนับสนุนกัน มากขึ้นไปอีก

ทำให้มั่นใจกับข้อมูลความรู้เดิมๆที่เคยได้รับมา
หนำซ้ำมันช่างเหมือนและคล้ายคลึงกันมากด้วย
เลยทำให้พอกล้อมแกล้มประมวลออกมาเป็นภาษาได้

แต่ทั้งหมดที่มันอ่านแล้วรู้เรื่องและสละสลวย
ต้องขอยกเครดิตกลับไปที่คุณ ชยุต นะคะ
หากอ่านของข้าพเจ้าดิบๆ แบบไม่เกลาก่อนละก็ ....
มีหวัง ท่านผู้ชมทางบ้านคงมึนในภาษาอันเป็นเอกลักษณ์ของข้าพเจ้ากันไม่ใช่น้อย... อิอิ

ปล.ทีแรกว่าจะรอให้คุณชยุตโพสต์ข้อความชุดนี้ให้หมดก่อน
ไหนๆเข้ามาละ ขอถามความเห็นคุณชยุตหน่อยละกันค่ะ
คำว่า Consciousness หรือ Conscious ตกลงจะหมายถึงกระไรดี

คุณชยุต คิดว่า ความหมายมันตรงกับ คำว่า สติสัมปชัญญะ
ในความหมายของหนังสือ โนวา อนาลัย หรือไม่คะ...
เพราะในหนังสือ โนวา อนาลัย จะใช้คำนี้บ่อยมากๆ
แต่ในบทความเดรดเลี่ยงไปใช้คำว่า จิตสำนึก แต่บางทีมันก็ไม่ค่อยเนียนอะค่ะ

นี่แหล่ะคือปัญหา ของการเลือกใช้ภาษาในการสื่อสาร
หากเลือกใช้ไม่เหมาะเจาะ มันจะทำให้งง จริงๆน้า

 

ไม่ใช่แต่คุณเดรดหรอกนะครับที่สงสัย
ผมก็สงสัยมานานแล้วเหมือนกันหละครับ

และใครก็ตามที่แปลเรื่องทางจิตวิญญาณอย่างพวกเรานี้
ก็จะเจอคำนี้มาคนละไม่ต่ำกว่าหลักร้อยครั้งกระมัง
แต่พอเปิดดิก ก็จะได้คำแปลว่า "จิตสำนึก" หรือ "ความตระหนักรู้"

แต่ของพี่นักเขียนจะบอกว่า "สติสัมปชัญญะ"

แต่ถ้าเปิดพระไตรปิฏก "สติสัมปชัญญะ" อาจจะมีความหมายไปอีกอย่าง

สรุปว่าผมเองก็ตอบไม่ได้ และก็อยากจะรู้เหมือนกันหละครับ
แต่คิดว่าคงไม่นานนี้ น่าจะได้คำตอบ "ด้วยตัวเอง"

...................................................

 

เป็นกำลังใจให้คุณชยุตและคุณเดรคช่วยกันทำงานให้ผ่านไปด้วยดีนะคะ เห็นแล้วเหนื่อยแทนจังค่ะ แต่ก็ยังต้องขอรบกวนให้แปลให้อ่านต่อไปอีกแหละค่ะ ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

 

ขอบคุณคุณ falkman นะครับ
แต่มันดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างนั้นหนะสิครับ

เพราะถ้าประกอบเข้ากับประโยคแวดล้อมของมันแล้ว
มันจะไปคนละเรื่องกันเลยหนะสิครับ

เช่น สมมุติว่าลองเปลี่ยนดูหลายๆแบบนะครับ ขอให้เราลองอ่านข้อความที่เป็นสีแต่ละสีดูนะครับ
เลือกเอาสีใดสีหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่เอาหมดนะครับ ข้างล่างนี้ครับ...


"เพราะว่าวัฏจักรแห่งการสร้างสรรค์ใหม่ ที่เจริญรุ่งเรื่องมากกว่าเดิม กำลังจะมาถึง
และพวกคุณทุกคน ที่กำลังมุ่งมั่นไปสู่สภาวะแห่งความมีสติ สติสัมปชัญญะ ความระลึกได้ ความรู้สึกตัว จิตสำนึก
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (unified state consciousness) ก็จะถูกกำหนดให้เป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์อนาคตคนหนึ่งด้วย"


"ในฐานะที่พวกคุณเป็นหนึ่งในลำแสงสีแห่งพระผู้เป็น เจ้า (Ray of God Light) ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ
ก็คือการขยายขอบเขตของสติ สติสัมปชัญญะ ความระลึกได้ ความรู้สึกตัว จิตสำนึกแห่งพระผู้เป็นเจ้า(God-consciousness)"


"สมองของพวกคุณประกอบไปด้วยสติ สติสัมปชัญญะ ความระลึกได้ ความรู้สึกตัว จิตสำนึกหลากหลายระดับ
สมองส่วนล่าง ( lower brain) และจักระล่างทั้งสาม (จักระที่ 1, 2 และ 3) เป็นเขตแดนของจิตสำนึกกึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์ในตัวมนุษย์
(humanity’s animal/human consciousness)"


เป็นไงบ้างหละครับ เลือกคำไหนดีครับ ??

..........................................................................

 

ลองไม่คิด เลือกด้วยใจดูค่ะ

"เพราะว่าวัฏจักรแห่งการสร้างสรรค์ใหม่ ที่เจริญรุ่งเรื่องมากกว่าเดิม กำลังจะมาถึง
และพวกคุณทุกคน ที่กำลังมุ่งมั่นไปสู่สภาวะแห่งความมีสติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (unified state consciousness) ก็จะถูกกำหนดให้เป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์อนาคตคนหนึ่งด้วย"


"ในฐานะที่พวกคุณเป็นหนึ่งในลำแสงสีแห่งพระผู้ เป็น เจ้า (Ray of God Light) ภารกิจศักดิ์สิทธิ์ของพวกคุณ
ก็คือการขยายขอบเขตของสติแห่งพระผู้ เป็นเจ้า(God-consciousness)"


"สมอง ของพวกคุณประกอบไปด้วยสติ หลากหลายระดับ
สมองส่วนล่าง ( lower brain) และจักระล่างทั้งสาม (จักระที่ 1, 2 และ 3) เป็นเขตแดนของจิตสำนึกกึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์ในตัวมนุษย์

(humanity’s animal/human consciousness)"

 

ขอมาแอบคิดนิดนุงนะคะ เรื่อง consciousness และ conscious

เราจะพยายามอธิบายสิ่งที่เป็นหลากมิติให้เข้าท่าที่สุดใน 3 มิติกันอยู่ใช่มะคะ

ในความรู้สึกของข้าพเจ้าเอง consciousness เป็นองค์รวมของ conscious ค่ะ
คือ consciousness ครอบหมายรวมถึง conscious ทั้งหมดทุกแบบที่ยิบย่อย

แล้วถ้าคำว่า "สติสัมปชัญญะ" ข้าพเจ้าขอแยกเป็นคำว่า "สติ" กับ "สัมปชัญญะ" ค่ะ
ถึงจะแยกให้เห็น แต่เราก็มักตระหนักได้ว่า คำว่า "สติ" กับ "สัมปชัญญะ" อยู่คู่กันเสมอ
ก็คือ "สติสัมปชัญญะ" นั่นเอง
ถ้าได้รู้ว่า "สติ" หมายความว่า?
กับ "สัมปชัญญะ" หมายความว่า?
น่าจะจับประเด็นได้แม่นและเข้าใกล้ความเป็นหลากมิติมากขึ้น

ถ้าเป็นข้าพเจ้า ในความเข้าใจแค่ที่มีในตอนนี้นะคะ
consciousness เป็น ความเป็นจิตสำนึกรู้ ค่ะ คือรวม สำนึกรู้ในทุกแบบที่แยกย่อยลง
และ consciousness มักใช้กับสิ่งที่เป็นอะไรหรือ ความเป็นลักษณะที่เป็น main หรือ major ไปเลย

แต่เวลาข้าพเจ้าแปล ก็จะใช้คำว่า จิตสำนึกหรือจิตสำนึกรู้ ไปเลย
เพราะมันน่าจะบอกถึงองค์รวมในตัวคำไปแล้ว ไม่ได้แยกย่อยว่า เป็นจิตสำนึกรู้ในเรื่องใด แบบไหน

และถ้ามีส่วนขยายหลัก เช่น unified state ก็ค่อยใส่เพิ่มไปในคำว่าจิตสำนึกรู้ไปเลยค่ะ

ไม่รู้จะเป็นประโยชน์บ้างหรือเปล่านะนี่
เพราะข้าพเจ้าก็น่าจะประสบการณ์น้อยสุด
รวมทั้งภาษาอังกฤษก็แค่ศึกษาในชั้นเรียนนิดหน่อยเองค่ะ

 

conscious มีหลายความหมาย
con·scious

–adjective 1. aware of one's own existence, sensations, thoughts, surroundings, etc. รู้ตัวทั่วพร้อม

2. fully aware of or sensitive to something (often fol. by of ): conscious of one's own faults; He wasn't conscious of the gossip about his past. รู้ตัว

3. having the mental faculties fully active: He was conscious during the operation. สติสัมปชัญญะ

4. known to oneself; felt: conscious guilt. ทราบได้เอง

5. aware of what one is doing: a conscious liar.รู้อยู่ว่าทำอะไรลงไป

6. aware of oneself; self-conscious. รู้ตน

7. deliberate; intentional: a conscious insult; a conscious effort. ทำโดยตั้งใจ

8. acutely aware of or concerned about: money-conscious; a diet-conscious society. รู้และเฝ้าดูอยู่เสมอ


ดังนั้นไม่ใช่ในความหมายสติสัมปชัญญะแน่นอน เพราะคนที่มีสติสัมปชัญญะ (ไม่ได้โคม่า) อาจไม่มี conscious ก็ได้

 

ความเห็นส่วนตัวผมว่า จิตสำนึก จะอ่านลื่นกว่า

 

ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับทุกๆความเห็น
ข้าพเจ้ามาทำกระทู้เขา ออกนอก รันเวย์ หรือเปล่าเนี่ย
ต้องขออภัยท่าน จขกท.ก่อนนะคะ

แต่...ยังคาใจอะ ขออีกนิดนะคะ นิดเดียวจริงๆ
คือ ที่เอามาเทียบกับ คำว่า สติสัมปชัญญะของ โนวา อนาลัย
เพราะ อย่างกรณีที่ อ.อนาลัย อธิบายถึงจิตวิญญาณที่มีอยู่ในสรรพสิ่งทั้งปวง
แยกย่อยลงไปถึง เซลล์ โมเลกุล อะตอม นิวตรอน
แม้แต่เซลล์ ในร่างกาย ก็มีสติสัมปชัญญะ(ที่ให้คุยกับจิต กับเซลล์ หน่ะค่ะ)
(ในครายออน ก็มีพูดเรื่องนี้ ถ้าจำไม่ผิดนะคะ ถ้าผิดก็ขออภัย และอีกหลายๆแหล่ง )


ซึ่งในคำว่า สติสัมปชัญญะ ในนัยยะนี้ โดยส่วนตัวคิดว่าอ้างอิงถึง ตัวรู้...
ขอยกประโยคนี้มาดูกันนะคะ


OBE's cannot be disproved, but there is no solid evidence
that anyone has actually left their body.
Many experiencers have made detailed observations
they reportedly could not have made by any other means,
but these have not yet been studied to the satisfaction of
the scientific community.

Messages received from out of body experiences generally
are in the form of symbols or archetypes
that you may or may not recognize at first.
Voluntary OBE's take time and practice.
Remember that we are all having multidimensional experiences and that there is no linear time
- therefore your consciousness can travel anywhere
in he grids that form our reality matrixes.

คัดลอกบางส่วนมาจาก...http://www.crystalinks.com/obe.html

consciousness ในความหมายนี้ ไม่รู้สึกตัวแน่นอน

และอย่างเช่น คำว่า จิตวิญญาณ
อ.อนาลัย อธิบายว่า
จิต ว่าประกอบด้วย อารมณ์จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
วิญญาณ คือ ข้อมูลข้ามชาติภพ
จิตและวิญญาณไม่เคยแยกกันอยู่ ดังนั้น อ.อนาลัยจะใช้คำว่าจิตวิญญาณ เสมอ

และที่เจอบ่อยมากๆ...
จิต ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า mind ก็ได้ thoughก็ได้
วิญญาณ ใช้คำว่าsoul บ้าง spirit บ้าง
บางทีข้าพเจ้าก็แทนเป็นจิตวิญญาณไปเลยก็มี แบบว่า ประโยคพาไปอะค่ะ... แหะ แหะ

ที่ยกประเด็นเรื่องนี้ มาถาม เพราะอยากทราบความเห็นผู้อื่นบ้าง
เพื่อเปิด และขยายมุมมองให้ตนเองเข้าใจมากยิ่งขึ้น

และต้องขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ น้อมรับด้วยใจทุกความเห็นค่ะ