รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิธีป้องกันและปฎิบัติตัวเมื่อเกิดอัคคีภัย
    [​IMG]
    [FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif]อัคคีภัย หรือไฟไหม้เกิดได้ทุกที่ ไม่ว่าบ้านพักอาศัย โรงงานและสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความสูญเสียด้านทรัพย์สิน และบางครั้งอาจมีการสูญเสียชีวิตร่วมด้วย ดังนั้นการป้องกันไฟไหม้จึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ได้แก่

    1. ห้ามสอนเด็กเล็กเล่นไม้ขีดไฟ ไฟแช็ค เก็บสิ่งของที่ติดไฟได้ให้พ้นมือเด็ก ส่วนเด็กโตสอนถึงอันตรายของไฟและให้รู้วิธีการจุดไม้ขีดไฟ ไฟแช็คที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการนำไปจุดเองแล้วตกใจหรือพลาดพลั้ง ทำให้ลวกมือหรือหน้า และอาจทำให้ไม้ขีดไฟตกพื้นและลามไปทั่วจนเกิดไฟไหม้

    2. อย่าให้เด็กเล่นวัตถุไวไฟ หรือวัตถุระเบิดทั้งหลาย เช่น น้ำมันเครื่องน้ำมันเบรค น้ำมันก๊าด สเปรย์กระป๋อง และดอกไม้ไฟ ประทัด เม็ดมะยม

    3. หมั่นตรวจสอบสายไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้าน เพราะสายไฟเก่า ถลอก หรือการใช้ปลั๊กไฟ 1 ตัวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายตัว การใช้ไฟเกินขนาดเป็นเหตุของไฟฟ้าลัดวงจร

    4. ก่อนเข้านอนหรือก่อนออกจากบ้าน ต้องตรวจให้แน่ใจว่าไม่ได้ จุดธูปจุดเทียน เปิดแก๊ส เปิดเตาไฟฟ้า เสียบปลั๊ก (โดยเฉพาะปลั๊กเตารีด) ทิ้งค้างไว้

    5. ดับก้นบุหรี่ให้สนิท ดับเตาไฟอาหารเมื่อเลิกใช้

    6. เสื้อผ้าเก่า หนังสือพิมพ์ นิตยสารเก่า ๆ ใบไม้แห้งที่ร่วงเกลื่อนสนามล้วนแต่เป็น ?เชื้อเพลิง? ที่ติดไฟได้ง่ายทั้งสิ้น ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้แล้วควรกำจัดออกจากบ้านเรือน

    7. อย่าทิ้งเด็กให้อยู่บ้านตามลำพัง เสื้อนอนของเด็กเลือกแบบไม่ติดไฟง่าย

    8. ติดตั้งอุปกรณ์ดับไฟ (เครื่องดับเพลิง) ที่ได้มาตรฐาน ศึกษาวิธีการใช้เครื่องดับเพลิงอย่างละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

    9. เหล็กดัด? ตามประตูหน้าต่างไม่ควรใช้แบบติดถาวร ควรเปิดปิดได้ด้วยกุญแจ ลูกกุญแจนั้นต้องเก็บไว้ ที่ทุกคนหยิบได้ทันทีที่มีเหตุฉุกเฉิน

    [/FONT][FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif]10. จดเบอร์โทรศัพท์ของสถานีดับเพลิง หรือ 191 เพื่อแจ้งเหตุไฟไหม[/FONT]
    [FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif][/FONT]
    [FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif]การช่วยเหลือเมื่อเกิดไฟไหม้

    เมื่อเกิดไฟไหม้ ให้ควบคุมสติ ผู้ใหญ่ต้องช่วยเด็กที่อยู่ในที่นั้นออกมา ด้วยวิธีการดังนี้

    1. ใช้ผ้าห่มหนา ๆ ห่อหุ้มเด็ก แล้วรีบหาทางออกจากสถานที่เกิดเหตุนั้นทันที
    2. ถ้าที่เกิดเหตุมีควัน ห้ามวิ่งออกไป เพราะว่า 80%ของผู้เสียชีวิตในกองเพลิง เกิดจากการสำลักควันและขาดอากาศหายใจ ที่เป็นก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และไอร้อน ดังนั้น วิธีหนีควันไฟ คือ คว่ำหน้าหมอบลงกับพื้นแล้วค่อย ๆ คืบคลานไปสู่ทางออก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำปิดปาก ปิดจมูกเพื่อป้องกันการสำลักควัน
    3. หากไฟไหม้ในห้อง ที่ไม่มีคนอยู่ และไม่มีใครอยู่ในนั้นแน่นอน ให้รีบปิดประตูห้องนั้นให้มิดชิด ไฟที่กำลังไหม้จะลดกำลังลงและอาจดับไปได้เอง อย่าเปิดห้องเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ไฟลุกลามมากขึ้น รอให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาจัดการดูแลต่อไป
    4. ถ้ามีจำเป็นจริงๆ ที่ต้องเปิดประตูห้องที่ไฟกำลังลุกท่วมนั้น หาผ้าหนา ๆ ชุบน้ำลูกบิดประตู และเปิดประตู เข้ามาหาตัวผู้เปิด โดยผู้เปิดยืนอยู่หลังประตู เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟที่ลามออกมาเผาตัวผู้เปิด
    5. ถ้าเข้าไปติดอยู่ในห้องที่ไฟกำลังลุกลามใกล้มาถึง ให้ใช้ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ชุบน้ำเปียก ๆ แล้วอุดไว้ตามร่อง ประตูและช่องต่าง ๆ ในห้อง เพื่อกันไม่ให้ควันไฟเล็ดลอดเข้ามาได้ แล้วตะโกนเรียกคนช่วย โทรศัพท์แจ้ง 191 และโทรศัพท์เรียกรถดับเพลิง
    6. ควรมีซ้อมป้องกันอัคคีภัย ที่เป็นวิธีการฝึกการเรียนรู้ การควบคุมอารมณ์ การวางแผนการหนีเพลิง และอื่น ๆ
    [/FONT]
    [FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif]
    [/FONT][FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif]การปฐมพยาบาลเมื่อพบผู้บาดเจ็บจากไฟไหม้[/FONT]
    [FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif][/FONT]
    [FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif]1. ใช้น้ำสะอาด ราด รด หรือแช่ผู้บาดเจ็บจากไฟลวก เพื่อลดความเจ็บปวดของบาดแผล หยุดการทำลายจากความร้อน
    2. หากผู้บาดเจ็บสวมแหวน นาฬิกา กำไล ให้รีบถอดออก เพราะไม่นานบริเวณที่ถูกความร้อนจะเกิดอาการบวม
    3. ปิดแผลด้วยผ้าปิดแผล ถ้าหาไม่ได้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า ปลอกหมอนหรือผ้าปูที่นอนพันบาดแผลไว้ และรีบนำส่งโรงพยาบาล
    [/FONT]
    [FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif][/FONT]​
    [FONT=Tahoma, Verdana, Arial, Helvetica, Sans Serif]ที่มา http://www.csip.org/csip/autopage/show_page.php?h=145&s_id=8&d_id=8
    หมายเหตุ

    เมื่อยามเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง สิ่งที่มักจะเกิดติดตามมาก็คือไฟไหม้ เนื่องมาจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือถึงแก๊สระเบิด จึงควรให้ความใส่ใจในเรื่องอัคคีภัยนี้เอาไว้ด้วย....

    [/FONT]​
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิธีปฎิบัติตัวเมื่อยามเกิดลมพายุ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD align=left>
    ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ข้อแนะนำในการป้องกันอันตรายจากวาตภัย เพื่อความไม่ประมาท และเป็นการเตรียมพร้อมในการป้องกัน และบรรเทาอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่จะเกิดขึ้น ควรที่เจ้าของอาคารบ้านเรือน บริษัท ห้างร้าน โรงเรียน โรงงานต่างๆ ได้ตื่นตัวรับมือ หากเกิดภัยธรรมชาติขึ้น

    พายุฤดูร้อนทุกปี เกิดขึ้นในช่วงที่มีสภาวะอากาศแห้งแล้ง และร้อนจัด จนเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนอง ลมกรรโชกแรง และมีลูกเห็บเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย และพื้นที่การเกษตรได้ ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง ดังนี้

    1. ขอให้เปิดวิทยุ โทรทัศน์ ติดตามข่าว การพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างสม่ำเสมอ

    2. ขอให้ตรวจสอบอาคาร บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย ว่ามีความมั่นคงแข็งแรง และอยู่ในสภาพปลอดภัยจากลมแรงเพียงพอหรือไม่ และสิ่งของที่อาจจะหล่นลงมาแตกหักได้ง่าย ให้จัดวางในที่ปลอดภัย หรือผูกมัดให้แน่นหนา

    3. ให้ตรวจสอบต้นไม้ กิ่งไม้ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับอาคารบ้านเรือน และหากคาดว่าจะเป็นอันตรายเมื่อเกิดพายุขึ้น ก็ขอให้ตัดทอนหรือตัดทิ้งลาย

    4.เมื่อเกิดลมพายุ ไม่ควรออกไปในที่โล่งแจ้ง เพราะอาจถูกกิ่งไม้ ต้นไม้ล้มทับ ตลอดจนเศษไม้ หลังคาสังกะสีหรือกระเบื้องปลิวมาทำให้เกิดอันตรายได้ ควรอยู่ในที่มั่นคงแข็งแรง และปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย อย่าเปิดเมื่อมีพายุพัดผ่าน

    5. เมื่อเกิดพายุฤดูร้อน และพายุได้พัดต้นไม้หรือกิ่งไม้ล้มทับอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหาย หรือล้มทับคนที่อาศัยในบริเวณนั้นจนได้รับบาดเจ็บ ขอให้รีบแจ้งงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือหน่วยดับเพลิงใกล้เคียง

    คำเตือนดังกล่าว หากเป็นพื้นที่เทศบาล และ อบต.อื่นๆ ก็ควรรีบแจ้งให้ท้องถิ่นนั้นๆทราบทันที เมื่อเกิดความเสียหาย และมีผู้ได้รับอันตรายจากพายุลมแรง ซึ่งเราเห็นว่ากรณีทีจะแจ้งข่าวได้รวดเร็ว ควรบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของสถานีวิทยุหลักหรือสถานีวิทยุชุมชนในท้องถิ่นเอาไว้ และสถานีวิทยุเหล่านั้นควรให้บริการประชาชนเมื่อเกิดภัยธรรมชาติขึ้น โดยการรับข่าว-และออกข่าวเตือนแบบรายงานสด เพราะถ้าเกิดพายุลมแรงขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยาคงไม่สามารถรายงานข่าวได้ทัน หรือแม้แต่ก่อนเกิดพายุก็คงไม่มีรายงานเตือนเฉพาะพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เท่าที่ปรากฏคือเป็นการเตือนตามปกติโดยทั่วไปเท่านั้น


    ไทยนิวส์
    ที่มา http://www.citylifefm.com/webboard/7/display_idea.php?No=1320
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    ********************
    ภัยที่จะเกิด กับ สัจจะที่ปรากฏ
    ********************

    เมื่อ "สัจจะ" ปรากฏ "ไม่พอเพียง"
    ไม่ตั้งใจทำอย่างจริงจัง
    สัญญากับใจตนเองยังทำไม่ได้
    ภัยพิบัติต่าง ๆ คงปรากฏไม่หยุดหย่อน
    มนุษย์ที่ประมาท จักถูกพิพากษาผลการกระทำที่เคยทำเอาไว้

    วันนี้ ท่านมี สัจจะ หรือไม่ ?

    ศีลที่เข้าใจกัน เป็นสิ่งยากที่จะทำได้จริง
    ทำไม่ได้ทุกคน
    ทำไม่ได้ทั้งกาย วาจา ใจ
    ทำไม่ได้ตลอดทุกวินาที

    ขอเพียงกำหนดเวลาให้ชัดเจน
    ว่าวันนี้จะถือข้อไหน เพียงวันละชั่วโมง
    นี่ คือ สัญญาใจ
    นี่ คือ สัจจะ
    หากทำได้จริง จักมีผลคณานัป

    สัจจะ คือ สิ่งที่โลกุตตระ มอบประทานให้มนุษย์ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นทุกข์
    โลกุตตระ คือ บรมาจารย์ของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทุกจักรวาล

    แล้วท่านจะเชื่อใครกันอีก ?
    ความจริง คือ ความจริง
    ความจริง ย่อมปรากฏ
    ยังมีเวลาพอพิจารณาศึกษาด้วยตนเอง

    เมื่อถึงเวลา
    สัจจะ จักปรากฏ
    โปรดตั้งใจรอคอย ด้วยความไม่ประมาท

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มาตราการป้องกันภัยจากคลื่นสึนามิ

    <TABLE height=842 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=605 align=center border=0><TBODY><TR><TD width=178 colSpan=6 height=118 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=165 colSpan=6 height=67 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=262 colSpan=8 height=53>[​IMG]</TD><TD width=1 height=53></TD></TR><TR><TD width=123 colSpan=5 height=156 rowSpan=4>[​IMG]</TD><TD width=139 colSpan=3 height=120 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=1 height=14></TD></TR><TR><TD width=165 colSpan=6 height=142 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=1 height=51></TD></TR><TR><TD width=71 colSpan=3 height=107 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=107 colSpan=3 height=107 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=1 height=55></TD></TR><TR><TD width=139 colSpan=3 height=95 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=1 height=36></TD></TR><TR><TD width=128 colSpan=4 height=153 rowSpan=6>[​IMG]</TD><TD width=122 colSpan=6 height=108 rowSpan=5>[​IMG]</TD><TD width=38 height=153 rowSpan=6>[​IMG]</TD><TD width=1 height=16></TD></TR><TR><TD width=72 colSpan=4 height=87 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=106 colSpan=2 height=70 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=1 height=43></TD></TR><TR><TD width=50 colSpan=2 height=94 rowSpan=4>[​IMG]</TD><TD width=89 height=159 rowSpan=5>[​IMG]</TD><TD width=1 height=27></TD></TR><TR><TD width=106 colSpan=2 height=144 rowSpan=5>[​IMG]</TD><TD width=1 height=17></TD></TR><TR><TD width=72 colSpan=4 height=127 rowSpan=4>[​IMG]</TD><TD width=1 height=5></TD></TR><TR><TD width=122 colSpan=6 height=45>[​IMG]</TD><TD width=1 height=45></TD></TR><TR><TD width=98 colSpan=2 height=137 rowSpan=5>[​IMG]</TD><TD width=80 colSpan=6 height=101 rowSpan=4>[​IMG]</TD><TD width=58 height=137 rowSpan=5>[​IMG]</TD><TD width=71 colSpan=3 height=93 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=31 height=232 rowSpan=9>[​IMG]</TD><TD width=1 height=65></TD></TR><TR><TD width=89 height=167 rowSpan=8>[​IMG]</TD><TD width=1 height=12></TD></TR><TR><TD width=65 colSpan=2 height=120 rowSpan=5>[​IMG]</TD><TD width=113 colSpan=4 height=82 rowSpan=4>[​IMG]</TD><TD width=1 height=16></TD></TR><TR><TD width=71 colSpan=3 height=44 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=1 height=8></TD></TR><TR><TD width=80 colSpan=6 height=36>[​IMG]</TD><TD width=1 height=36></TD></TR><TR><TD width=108 colSpan=3 height=86 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=59 colSpan=4 height=191 rowSpan=7>[​IMG]</TD><TD width=83 colSpan=3 height=129 rowSpan=5>[​IMG]</TD><TD width=57 colSpan=2 height=191 rowSpan=7>[​IMG]</TD><TD width=1 height=22></TD></TR><TR><TD width=113 colSpan=4 height=38>[​IMG]</TD><TD width=1 height=38></TD></TR><TR><TD width=64 height=145 rowSpan=6>[​IMG]</TD><TD width=114 colSpan=5 height=103 rowSpan=4>[​IMG]</TD><TD width=1 height=26></TD></TR><TR><TD width=108 colSpan=3 height=153 rowSpan=7>[​IMG]</TD><TD width=1 height=9></TD></TR><TR><TD width=120 colSpan=2 height=115 rowSpan=5>[​IMG]</TD><TD width=1 height=34></TD></TR><TR><TD width=83 colSpan=3 height=62 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=1 height=34></TD></TR><TR><TD width=114 colSpan=5 height=42 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=1 height=28></TD></TR><TR><TD width=54 colSpan=2 height=152 rowSpan=6>[​IMG]</TD><TD width=126 colSpan=6 height=104 rowSpan=4>[​IMG]</TD><TD width=19 height=152 rowSpan=6>[​IMG]</TD><TD width=1 height=14></TD></TR><TR><TD width=65 colSpan=2 height=90 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=113 colSpan=4 height=34 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=1 height=5></TD></TR><TR><TD width=120 colSpan=2 height=133 rowSpan=4>[​IMG]</TD><TD width=1 height=29></TD></TR><TR><TD width=61 colSpan=3 height=104 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=108 colSpan=2 height=86 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=52 colSpan=2 height=104 rowSpan=3>[​IMG]</TD><TD width=1 height=56></TD></TR><TR><TD width=65 colSpan=2 height=48 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=126 colSpan=6 height=48 rowSpan=2>[​IMG]</TD><TD width=1 height=30></TD></TR><TR><TD width=108 colSpan=2 height=18>[​IMG]</TD><TD width=1 height=18></TD></TR><TR><TD width=64 height=1></TD><TD width=1 height=1></TD><TD width=6 height=1></TD><TD width=1 height=1></TD><TD width=54 height=1></TD><TD width=52 height=1></TD><TD width=56 height=1></TD><TD width=42 height=1></TD><TD width=10 height=1></TD><TD width=20 height=1></TD><TD width=34 height=1></TD><TD width=3 height=1></TD><TD width=2 height=1></TD><TD width=11 height=1></TD><TD width=58 height=1></TD><TD width=14 height=1></TD><TD width=38 height=1></TD><TD width=19 height=1></TD><TD width=31 height=1></TD><TD width=89 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ที่มา http://www.skkob.com/cartsunami/
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอบคุณสุดยอดข้อมูลจากคุณเกษมครับผม ขอโมทนาในจิตใจที่บริสุทธ์ที่คุณเกษมต้องการจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายให้ปลอดภัยเท่าที่จะทำได้ครับ
    ผมเห็นด้วยกับคุณเกษมอีกอย่างในเรื่องการดำเนินชีวิตตามแบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงเป็นหนทางในการเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ(ทั้งทางเศรษฐกิจ และภัยพิบัติทั้งปวง)ครับ โดยเฉพาะทางต่างจังหวัด ถ้าทุกจุดทุกอำเภอ ส่งเสริมการดำเนินชีวิตที่พอเพียงได้ ในทุกด้าน ทั้ง อาหาร ยาสมุนไพร ที่พักอาศัย พลังงาน เมื่อถึงเวลา ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น จะไม่เดือดร้อนกันมากนักครับ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ เมื่อยามเกิดภัยพิบัติถ้ามัวแต่คอยจะคิดหวังพึ่งคนอื่นอยู่ตลอดเวลา โอกาสที่จะรอดก็ยากครับ สุภาษิตของจีนกล่าวว่า เมื่อม้าตายก็ต้องลงเดินด้วยเท้าตนเอง เป็นคำสอนให้รู้ว่าจะคอยแต่หวังพึ่งผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ครับ

    ในยามคับขันนั้นถ้าไม่มีหมอคุณก็ต้องเป็นหมอให้กับตัวเอง ถ้าไม่มีใครปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารให้คุณกิน คุณก็ต้องขวนขวายหัดปลูกเอาไว้กินเองจึงจะอยู่รอดได้ครับ ถ้ายังประมาทคิดว่าเรื่องภัยพิบัติเป็นเรื่องไกลตัว ไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรไว้เลย เมื่อถึงเวลานั้นก็คงจะตกใจจนสติแตก เพราะคาดไม่ถึงว่าเรื่องที่ตัวเองคิดว่าเป็นเรื่องของพวกเพ้อเจ้อเหลวไหล มันจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2006
  7. เทพ

    เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +3,099
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#3399ff><TD class=Stan align=middle height=23>
    เก็บมาฝาก สำหรับคนที่ "น้ำกัดเท้า "
    </TD></TR><TR><TD>
    <TABLE class=Stan borderColor=#ccccff cellSpacing=2 cellPadding=5 width="100%" align=center border=1><TBODY><TR><TD class=Stan><!-----รูป-----><!-----End--------><!------ข่าว----------><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>

    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE borderColor=#9999ff width="100%" border=1><TBODY><TR bgColor=#6633ff><TD height=54>
    โรคน้ำกัดเท้า
    </TD></TR><TR><TD>มีผู้อีเมล์มาถามว่าน้ำกัดเท้าจะทำอย่างไรดี เราจึงรีบทำการค้นหาและเก็บมาฝากค่ะ...

    โรคน้ำกัดเท้ามักเกิดกับผู้ที่อยู่บริเวณที่น้ำท่วม และจำเป็นต้อย่ำน้ำเป็นประจำ เมื่อเท้าแช่น้ำหรือชื้นนาน ๆ ผิวหนังจะบวมน้ำ ฝ่าเท้าเป็นฝ้าขาว ต่อมาผิวหนังจะเปื่อย และลอกออก เชื้อโรคต่าง ๆ จะแทรกซึม เข้าทางผิวหนังบริเวณนี้ได้ง่าย ทำให้เท้าแดง แฉะและคัน

    ข้อแนะนะ
    เมื่อย่ำน้ำ ควรใส่รองเท้าบู๊ทกันน้ำ ถ้าไม่ใส่ควรทาขี้ผึ้งวาสลินให้ทั่วเท้า นิ้ว และง่ามนิ้วด้วย เมื่อเลิกย่ำควรรีบถอดรองเท้า เช็ดขี้ผึ้งออกให้แห้งและล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดทันที หลังจากนั้นซับและผึ่งเท้าให้แห้ง หรือโรยแป้งฝุ่น สมุนไพร รักษาน้ำกัดเท้า

    สมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า ที่จะแนะนำคือ หมาก : ใช้ผลดิบ ครึ่งลูกแกะเอาเนื้อในมาผ่า 3 ส่วน ปิ้งไฟให้ร้อนแล้วนำไปวางตรงบริเวณที่น้ำกัดเท้า อพชิ้นหมากเย็นนำไป ปิ้งไฟอีก ทำเช่นนี้ประมาณ 5 หน ต่อ 1 ครั้ง ทำติดต่อกัน 3 วัน

    หรือใช้ ยาสามัญประจำบ้าน ใช้ยารักษากลากเกลื้อน ทาวันละ 3 ครั้ง จนกว่าจะหายก่อนใช้ยาล้างเท้าให้สะอาดใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ใช้มะนาวก็ได้ด้วย

    สรรพคุณ
    น้ำมะนาวช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย แก้ลมวิงเวียน แก้ไข้ทับฤดู ช่วยรักษาโรคกระเพาะ แก้อาหารเป็นพิษ ท้องร่วง ท้องผูก นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคหวัด โรคเหงือกบวม และโรคลักปิดลักเปิดได้ เพราะมีวิตามิน ซี สูง
    1. ดื่มน้ำมะนาวผสมเกลือเล็กน้อย จิบบ่อย ๆ ช่วยบันเทาอาการไอ เจ็บคอ เสียงแหบแห้ง และช่วยขับเสมหะ
    2. แก้ปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ โดยใช้เปลือกมะนาว คลึงให้น้ำมันออก แล้วนำไปชงน้ำดื่ม
    3. ใช้ปูนแดงที่รับประทานกับหมากทาบนมะนาวที่ฝานนำมาปิดที่ขมับช่วยบรรเทาอาการปวดศรีษะได้ดี
    4. แก้ฟกช้ำหัวโน โดยใช้น้ำมะนาวผสมกับดินสอพองพอกบริเวณที่ปวดบวม
    5. แก้เมาเหล้า เมายา ก้างติดคอ โดยบีบน้ำมะนาว หยอดลงคอ กรดในน้ำมะนาวจะทำให้ก้างปลาอ่อนลงและหลุดได้
    6. แก้กลากเกลื้อน แก้พุพอง น้ำกัดเท้า แก้หิดหูด โดยใช้น้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็น
    7. นำเปลือกมะนาวที่ใช้แล้วถูหน้าแล้วล้างออกช่วยให้ผิวหน้าเนียนใส (เฉพาะผิวมัน) ถูตามข้อศอก หัวเข่า ซอกเล็บและส้นเท้า ช่วยป้องกันข้อศอกและหัวเข่าด้าน เล็บขบและส้นเท้าแตก หรหือนำมาถูฟันช่วยให้ฟันสะอาดและดับกลิ่นปากได้ดีอีกด้วย

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=545 border=0><TBODY><TR><TD>หนังสือ"แม้นมิใช่หมอ แต่เราก็ดูแลตัวเองได้" เป็นความพยายามอีกขั้นหนึ่งของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ที่รววบรวมจัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือสำหรับเก็บไว้อ่านประจำบ้าน ยามเจ็บไข้ได้ป่วยเพื่อที่จะสามารถดูแลตนเองอย่างถูกวิธี โดยการเลือกใช้ยาสามัญประจำบ้านราคาถูกและคุณภาพดีตลอดจนสมุนไพรพื้นบ้านในการบำบัดรักษาอาการเจ็บไข้ได้อย่างปลออดภัยหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหาเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกจะเป็นการบอกถึงการดูแลรักษาโรค/ อาการเจ็บป่วยที่พบบ่อยด้วยการใช้ยาสามัญประจำบ้านและสมุนไพรพื้นบ้าน ส่วนที่สองจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรการปลูกและการบำรุงรักษา.ส่วนที่สามจะเป็นการนำเสนอเคล็ดลับ 10 วิธีชีวีเป็นสุข
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    <TABLE width="64%" border=0><TBODY><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%" height=20></TD><TD width="21%" height=20></TD><TD width="42%" height=20></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR><TR><TD width="37%"></TD><TD width="21%"></TD><TD width="42%"></TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://province.moph.go.th/chiangmai/educate/sellf_care.htm#a21
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550 border=0><TBODY><TR><TD width="5%">
    </TD><CENTER><TD width="95%"></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=700 border=0><TBODY><TR><TD width=21>[​IMG]</TD><TD width=658 background=images/toplr.gif> </TD><TD width=21>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=21 background=images/midl.gif> </TD><TD width=658>
    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0></CENTER><CENTER></CENTER><TBODY><TR><TD width="100%">
    <CENTER><TABLE cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="20%">[​IMG]</TD><TD vAlign=top width="80%">
    [​IMG]
    [​IMG]
    <CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>
    ::: คุณศุภกิจ นิมมานนรเทพ เป็นอดีตรองอธิบดีกรมทะเบียนการค้า และกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2544 ปัจจุบันอายุ 62 ปี เป็นผู้หนึ่งที่มีโรคภัยไข้เจ็บประจำตัวมาแต่เล็ก คือ โรคภูมิแพ้ หอบหืดอย่างรุนแรง เหน็บชา ตะคริวกินน่อง และนอนกรน ต้องเข้าโรงพยาบาลหลายครั้ง จนเจ้าตัวคิดว่าคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงเกษียณ​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </CENTER></TD></TR><CENTER><TR><TD width="100%"> แต่หลังจากหันมาฝึก "พลังลมปราณ" ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงวันละ 10 นาที โรคร้ายดังกล่าวก็หายไปสิ้น ปัจจุบันมีสุขภาพแข็งแรง จึงขอนำวิธีฝึก "พลังลมปราณ" ของคุณศุภกิจ นิมมานนรเทพ มาเผยแพร่ให้พี่น้องชาว CIO14 ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้บริหาร และอาจมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพไม่แข็งแรง เพื่อเป็นทางเลือกในการบำบัดรักษาอีกทางหนึ่ง โดยคัดลอกมาจากหนังสือ "ประสบการณ์จากธรรมชาติบำบัด ในการฟื้นฟูสุขภาพของนายศูภกิจ นิมมานนรเทพ" ซึ่งคุณศุภกิจฯ ได้เขียนอนุญาตให้ผู้ที่มีจิตกุศลสามารถพิมพ์แจกจ่ายเผยแพร่ได้ฟรีๆ แต่ห้ามขายหรือแสวงหาประโยชน์ใดๆ
    จึงใคร่ขอขอบคุณคุณศุภกิจ นิมมานนรเทพ เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ด้วย
    ..
    </TD></TR><TR><TD width="100%" background=images/bg1.jpg height=19>
    ขั้นตอนการฝึก "พลังลมปราณ"
    </TD></TR><TR><TD width="100%">
    <CENTER><TABLE cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%">
    [​IMG]
    </TD><TD vAlign=top width="50%"><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>
    <CENTER><TABLE cellSpacing=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">เริ่มขั้นตอนที่ 1(ภาพซ้าย) ยืนตัวตรง เท้าห่างกันเล็กน้อย มือกำแน่น เกร็งกล้าม หายใจลึกๆ 3 ครั้ง ค่อยๆ กางแขนขึ้นช้าๆ เสมือนหนึ่งว่ากำลังยกตุ้มเหล็กหนักๆขึ้น จนเสมอไหล</TD></TR><TR><TD width="100%" height=12></TD></TR><TR><TD width="100%">
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </CENTER></TD></TR><CENTER><TR><TD width="100%">
    <CENTER><TABLE cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%">
    [​IMG]
    </TD><TD vAlign=top width="50%">ขั้นตอนที่ 2 (ภาพบน)

    กางแขนเหยียดฝ่ามือออกสุดๆ หายใจลึกๆ เต็มปอด 3 ครั้ง เกร็งกล้าม แขนขนานพื้นตลอดเวลา ค่อยๆ พลิกฝ่ามือหงายขึ้นช้าๆ เสมือนผลักประตูฝืดๆ


    ขั้นตอนที่ 3 (ภาพซ้าย)
    จนหงายมือขนานพื้น หายใจลึกๆ เต็มปอด 3 ครั้ง แขนตึง ค่อยๆ ยกแขนหุบขึ้นเหนือศีรษะอย่างช้าๆ เกร็งกล้ามเสมือนยกของหนักๆ ขึ้นไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR><TR><TD width="100%">
    <CENTER><TABLE cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="50%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD width="50%">ขั้นตอนที่ 4

    จนแขนขึ้นสูงสุด ท้องแขนกระทบใบหู ยืดตัวตรง หายใจลึกๆ 3 ครั้ง</TD><TD width="50%">ขั้นตอนที่ 5

    เกร็งกล้ามเนื้อเสมือนยกกระถางหนักๆ ชะลอลงมาช้าๆ จนฝ่ามือทั้งสองขนานกันอยู่ในระดับใบหน้า ยังเกร็งกล้าม</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">
    [​IMG]
    <CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>
    ขั้นตอนที่ 6
    ค่อยๆ ย่อตัวลงช้าๆ จนนั่งเท้าราบ หายใจให้เต็มพุง 3 ครั้ง มือทั้งสองยังคงขนานกันอยู่ท่าเดิม​
    </TD><CENTER><CENTER><TD vAlign=top width="50%">
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="50%">
    [​IMG] <CENTER></CENTER><CENTER></CENTER></TD><CENTER><CENTER><TD vAlign=top width="50%">
    <CENTER><TABLE cellSpacing=1 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="100%">ขั้นตอนที่ 7 (ภาพบน)
    ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ จนตัวตรง แล้วเกร็งกล้ามเนื้อท้องแขน ขยายฝ่ามือออกช้าๆ เสมือนกระถางเหล็กขยายตัวออกเรื่อยๆ
    เราต้องเกร็งมือกดต้านไว้ หายใจเร็วและแรงกระชั้นเสมือนเรากำลังปล้ำสู้กับผู้ร้าย</TD></TR><TR><TD width="100%" height=12>
    </TD></TR><TR><TD width="100%">
    ขั้นตอนที่ 8 (ภาพซ้าย)
    แต่กระถางเหล็กขยายออกแรงกว่า จึงดันมือค่อยๆ กางออก จนสุดแขนเหยียดตรง ฝ่ามือคว่ำลง ยืดอกเต็มที่หายใจลึกๆ เต็มปอด 3 ครั้ง ค่อยๆ ลดมือลงช้าๆ จนมาอยู่แนบตัว

    เป็นอันครบท่าบริหาร 1 รอบ ให้ฝึกวันละ 10 นาที (ประมาณ 5 รอบ) หรือจนกว่าเหงื่อจะออก
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </CENTER></CENTER></CENTER></CENTER></TD></TR><TR><TD width="100%" background=images/bg1.jpg height=18> </TD></TR><TR><TD width="100%">
    <CENTER><TABLE cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="80%"> ::: เมื่อแต่งงานใหม่ๆ ผมอายุไม่ถึง 30 น้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม แม้จะผอม แต่ก็อุ้มภรรยาซึ่งหนักไม่เกิน 40 กิโลกรัม ได้สบาย แต่เมื่อผมอายุ 40 ปี สุขภาพก็ทรุดโทรม จนแม้แต่ลูกหนักไม่ถึง 25 กิโลกรัม ผมก็อุ้มไม่ไหว ที่ไหนจะมีปัญญาอุ้มแม่ (ของลูก) ซึ่งหนักเพิ่มตามอายุเป็น 54-55 กิโลกรัม ผมปลงใจว่า ช่างเถอะยังไงผมก็อุ้มไม่ไหว แต่เมื่อผมฝึก "พลังลมปราณ" วันละ 10 นาที ไม่ถึงเดือนเดียว ผมอุ้มภรรยาขึ้นมาได้เหมือนอุ้มตุ๊กตา....
    ใครเป็นสามีภรรยากัน ก็ไปฝึกฯ และลองอุ้มกันเองก็แล้วกัน......

    ศุภกิจ นิมมานนรเทพ
    </TD><TD vAlign=top width="20%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>​
    </TD></TR><TR><TD width="100%"></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </CENTER></CENTER></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>​
    </TD><TD width=21 background=images/midr.gif> </TD></TR><TR><TD width=21>[​IMG]</TD><TD width=658 background=images/bottomlr.gif> </TD><TD width=21>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ที่มา http://bhandit.ranongpoc.com/cio14/yogasit.htm</CENTER>
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    บทสัมภาษณ์คุณศุภกิจ นิมมานนรเทพ

     
  10. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอบคุณคุณเกษมครับ..มีข้อมูลดีๆมาเสนอมากมายเป็นกำลังใจให้นะครับ..

    การหายใจยาวๆลึก คงเป็นเคล็ดลับสำคัญในการฝึกลมปราณนะครับ..
    เคยมีเรื่องเล่าตำนานของจีนว่า มังกรหิมะ (ซื่งอาศัยอยู่ในถ้ำเพื่อจำศีล) เป็นสัตว์ที่อายุยืนเป็นพันๆปี หายใจเข้าใช้เวลาสามเดือน หายใจออกอีกสามเดื่อน...ถ้าจะเทียบกับสัตว์ที่ใกล้ชิดเราอย่างสุนัขหรือแมว จะเห็นว่าหายใจเร็วกว่ามนุษย์ จึงมีอายุขัยสั้นกว่ามนุษย์ตามไปด้วย..

    ดังนั้นการฝึกหายใจยาวๆลึก หรือการฝึกหายใจกับเรื่องของสมาธิ จะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังลมปราณเข้าไปหมุนจักระทั้งเจ็ดให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด ทำให้เราสามารถเรียกพลังแฝงทั้งหมดกลับมาใช้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ..อายุขัยของเราก็จะยืดออกไปตามที่ควรจะเป็นด้วย..มีข้อดีเยอะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2006
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิธีปฎิบัติตัวเมื่อเกิดภัยสงคราม

    คัดมาจากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ (ฉบับพิเศษ) โดย พระราชพรหมยาน
    วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี

    ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี


    ท่านสาธุชนพุทธบริษัท วันนี้ยังเป็น วันที่ 8 ตุลาคม 2533 ตามเดิม แต่ว่าพูดเป็นตอนที่ 2 ตอนนี้ ขอพูดถึงตอนที่ ไทยจะเป็นมหาเศรษฐี ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นท่านทั้งหลายคิดออกหรือยังว่า สงครามโลกเกิดขึ้น และมันก็ไม่ได้เกิดกับประเทศไทยโดยตรง มันเกิดภายนอกประเทศ นอกเขตของไทย เป็นอันว่า ลูกปืนก็ไม่มาถึงประเทศไทย เครื่องบินก็ไม่มาถึง ประเทศไทย แต่ต้องระวังจรวด เรื่องจรวดนี่ ต้องระวังกันหน่อย เพราะจรวดมันมาจากใต้นํ้าได้ มันยิงทางไกลได้ ถ้ามันจะ เกิดขึ้นบ้างก็เป็นขนาดย่อมๆตามจุดต่างๆ เป็นจุดเล็กๆ อาจจะโผล่จุดนี้บ้างจุดนั้นบ้าง เป็นการทำให้รวน กำลังของทหาร รวน แล้วจะตั้งกลุ่มขึ้นบางจุด เป็นกลุ่มใหญ่น้อย ก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ก็รวมความว่า สงครามโลก ไม่มีเรื่องหนักใจ ในเรื่องการตายของเรา เรื่องรังสีของวิทยาศาสตร์ รัศมีต่างๆไม่ต้องวิตก ขอยืนยันว่า บุคคลที่นับถือ พระพุทธเจ้าจะไม่ตาย เพราะรังสีต่างๆ ตามที่บอกมาแล้ว


    ทีนี้ความรํ่ารวย มันจะเกิดขึ้นบ้าง ประการแรกขอบอกว่า เรื่องนํ้ามันจะเป็นเหตุให้รวย เพราะว่า ทุกประเทศต้องใช้นํ้ามัน และอีกประการหนึ่งนั่นก็คือว่า ถ้าสงครามโลกเกิดขึ้นจริงๆ ถึงแม้ว่า เราจะไม่ได้เข้าสงครามโดยตรง แต่ว่าทหารของ ประเทศบางประเทศ จะต้องยกเข้ามาตั้งในจุดใดจุดหนึ่ง ของประ เทศไทย เวลานั้น เราก็ขายนํ้ามันให้เขา เราก็รวยถ้ามี กองทหารอื่นเข้ามา มันจะดีหรือไม่ดี นี่ก็เป็นเรื่องของการเมือง แต่มีความจำเป็นเกิดขึ้นต้องยอมรับ ถ้ามีการยอมรับ ราย ได้ต่างๆของประชาชนก็เกิดขึ้น

    ทีนี้รัศมีสงคราม ในเมื่อไม่ถึงประเทศไทย เราก็ไม่มีความลำบาก บรรดาท่านที่ทำนาทั้งหลาย ท่านที่มีนาอย่าเพิ่งขายนา ในราคาแพงมากนัก คือขายก็ขายเถอะ แต่อย่าขายให้มันหมด ก็มีคนหลายคนมาบอก ว่ามีที่ 20 ไร่บ้าง 30ไร่บ้าง 50ไร่ บ้าง 100ไร่บ้าง อยากจะขาย ขายได้ไร่ละเป็นล้านนี่ก็เห็นใจเหมือนกัน ความจริงเงินนับล้าน เป็นของหายาก ก็เห็นใจเขา อาจจะตั้งตัวอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ถ้าไม่ลืมตัว แต่ว่าบางท่าน ที่ไม่มีโอกาส จะขายนาของท่านได้ นาของท่าน อยู่ไกลที่ เจริญ อยู่ไกลแม่นํ้า ไกลถนน ถ้าเขาจะซื้อ ก็ซื้อราคาถูก ท่านก็ไม่อยากจะขาย ท่านจะขายราคาแพง ในที่สุดท่านก็ไม่มีโอ กาสขาย ในเมื่อเวลานี้ไม่มีโอกาสจะขาย ท่านอาจจะเสียดายว่า ที่นาของเราไม่ได้ขาย เราไม่รวยแต่ทว่าสงครามโลกเกิด ขึ้นจริงๆ ท่านจะดีใจ เพราะนาท่านไม่ได้ขาย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะข้าวของท่าน ที่ออกมา ราคามันแพง มันจะขายได้ดี ทุกสิ่งทุกอย่าง มันก็จะแพงกันหมด ดูสงครามโลกครั้งที่ 2 ทุกสิ่งทุกอย่าง มันหายาก ยิ่งเขายิ่งรบกันโอกาสที่เขาจะทำมัน ก็มีน้อย เขาต้องใช้เวลารบกันมากขึ้น ทีนี้เราก็ขายได้ดี

    มาส่วนด้านของอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมก็มีมาก แต่ว่าอุตสาหกรรมก็ต้องระวังโรงงานโรงงานต่างๆต้องระวังระเบิดภาคพื้นดิน ไม่ใช่ระเบิดอากาศ ระเบิดภาคพื้นดิน จะอาละวาด ถ้าจะถามว่า หาทางป้องกันอย่างไร นี่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร หรือท่านเจ้าของโรงงาน ทางด้านพุทธศาสนา ก็มีบอกไม่ได้ จะบอกได้อย่างไรว่า เรานับถือพระพุทธเจ้าเท่ากันหรือเปล่า ถ้านับถือเท่ากัน ก็เอาของที่ท่านให้ไว้ ท่านให้ไว้นั่น ก็คือ ความดี ของดี ถ้ามีไว้ในรัศมีนั้น จะไม่มีอันตรายจากภัยระเบิด และภัยโจมตีต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น เหมือนกับสมัยมี ผกค. ในที่ต่างๆ เคยถูกโจมตี และเจ้าของสถานที่นั้น เจ้าหน้าที่ในที่นั้น เกิดมีความเคารพพระพุทธเจ้าขึ้นมา มีของอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสัญลักษณ์ แสดงไว้เป็นเขต ในเขตนั้น ปรากฏว่า ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ไม่เคยถูกโจมตีหรือข้าศึกยิงเข้ามา ก็ไม่เข้าสถานที่ ตรงหน้าไม่เข้าฐาน เป็นอันว่าทหาร ในเขตนั้น ก็ปลอดภัย ข้อนี้เป็นสัญลักษณ์ แสดงให้เห็นว่า

    ถ้าเรา นับถือพระพุทธศาสนาจริง และยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าจริง สิ่งใดที่ท่านให้ไว้ สิ่งนั้นเราเคารพด้วย ความจริงใจ และทุกท่านจะปลอดภัย จากสงครามโลกครั้งที่ 3

    ทีนี้ถ้าโรงงานต่างๆมีความเคารพ พระพุทธเจ้าด้วยความจริงใจจริงๆโรงงานนั้น จะพ้นภัยจากระเบิด และการทำอันตรายต่างๆ จากสรรพวุธ จะไม่เกิดขึ้น กับโรงงานนั้น โรงงานนั้น ในเมื่อผลิตของได้ก็จะขายดี รวย เขารบกัน เขาไม่มีเวลาทำ เพราะเราไม่ต้องรบ เขาต้องสูญ ต้องเสียเงิน เพื่อการรบ การรบต้องใช้เงินมาก เราไม่ต้องสูญเสียเงิน เพราะการรบเราก็ ขายของของเรา ในเมื่อของมันขาด ราคาก็แพงใน เมื่อขายของได้ ราคาแพงมาก รัฐบาลก็ได้ภาษีอากร มากขึ้น ประเทศก็รวย คนในปะเทศก็รวย นี่พูดถึงความรํ่ารวย ที่ไทยจะเป็มหาเศรษฐี

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นํ้ามันตามจุดต่างๆที่บริษัทเขาเจาะไว้ เขาบอกว่า มันไม่พอใช้มันจะปรากฏขึ้น เพราะเราไม่มีโอกาส ซื้อนํ้ามันต่างประเทศ ถ้านํ้ามันต่างประเทศ จะซื้อได้ยากราคาแพง อันนี้เขาจะดึงขึ้นมาใช้ ราคาเหมือนราคาต่างประเทศ อย่างนี้อุตสาหกรรมของเรา ก็จะรวยไม่ได้ ถ้าบังเอิญคนไทย อย่างที่ฝางใช้หัวเจาะลึกๆ หัวเจาะยาวๆ เจาะลงไปลึกๆ แต่ ตามหลัก นักวิชาการ เขามีอยู่ อาตมาก็ไม่ได้ค้านตามนั้นนะ ลองเจาะดูตามที่ ดร.สรรพศาสตร์ ท่านพูด ดร.สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่า ที่ใดก็ตามเจาะลงไป มันจะมีนํ้ามันแต่ว่า ผิวดินมันจะลึกจะตื้นกว่ากัน นั่นอีกอย่างหนึ่งต่างหาก เท่าที่เขาเจาะ เวลานี้ ยังไม่ถึง ขุมนํ้ามันจริงๆ มันไปถึงต่อมเล็กๆ บนหลังถังนํ้ามัน ยังไม่ถึง ถังขุมนํ้ามันแท้ ถ้าใช้หัวเจาะ ประมาณ 6 กิโลเมตร อย่างอังกฤษเจาะ อย่างนี้ไม่ต้องใช้กี่บ่อแล้ว เพียงแค่ 10 บ่อดึงกันวันไม่รู้จักเท่าไร เท่าไรก็ไม่รู้จักหมดเราใช้ ประมาณ 30 เท่า หรือ 300 เท่าของเวลานี้สัก 1,000 ปี มันก็ไม่หมด เพราะมันเป็นทะเลใหญ่ ดร.สรรพศาสตร์ท่านพูดอย่างนี้นะ

    ถ้าบังเอิญคนไทยของเรา ดึงขึ้นมาได้เอง เราก็กดราคานํ้มันให้ตํ่าลงไป อย่างแพงที่สุด ก็เท่าราคานํ้ามันในปัจจุบัน รักษาราคาน้ำมันไว้ ต่างประเทศเขาต้องซื้อราคาแพง เราถูก อุตสาหกรรมของเรา ก็มีราคาถูก ขายได้กำไร กำไรก็มีมาก กำไร จากอุตสาหกรรมด้วย กำไรจากเกษตรกรรมด้วย กำไรจากนํ้ามันด้วยและมีกำไรมากมายประเทศไทยก็จะเป็นมหาเศรษฐี

    ทีนี้ต่อไป มันก็มีเวลาเหลือ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็มาคุยกันว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิดจะว่าอย่างไร ก็ต้องตอบว่า ถ้าสงครามโลกไม่เกิดก็เป็นของดี แต่ว่าท่าน ดร.สรรพศาสตร์นี้ ก็เช่นเดียวกัน ท่านบอกว่า สงครามโลกเขาเรียกสงครามใหญ่ ไม่ใช่สงครามโลก ก็เป็นอันว่า ถึงแม้จะเป็นสงครามโลก ก็ตาม สงครามใหญ่ ก็ตาม ถ้ามันเกิดขึ้นจริง เราก็เอาบทเรียน จากสงครามโลกครั้งที่ 2 มาใช้กัน

    1. ผ้าในสมัยนั้น หาคนนุ่งผ้าดีได้ยาก ส่วนมากก็จะมีคน นุ่งผ้าขาดๆ เพราะเวลานั้น โรงานทอผ้าของเรา ยังมีน้อยแต่เวลานี้ โรงงานทำผ้าของเรามีมาก แต่ก็ไม่แน่นอนนัก บางทีระเบิดเพลิง จะเกิดจากภาคพื้นดินก็ได้ ถ้าระเบิดเพลิงจากภาคพื้น ดินเกิดกับโรงงาน โรงงานทำผ้าของเราก็จะสลายตัว ผ้าก็จะน้อย อันดับแรก เตรียมผ้าไว้ก่อน อันดับที่ 2 เตรียมพื้นดินไว้ ถ้ามีอยู่บ้าง ไม่มากไม่มาย ก็อย่าเพิ่งรีบขายเกินไป ถ้าได้กำไรมากๆ เป็นล้านๆ ก็ไม่ว่าอะไร ขายเถอะ แล้วเก็บเงินไว้ให้ ดี อย่าใช้ให้มันหมดตัว จงคิดว่า ถ้ามันหมดตัวแล้วเราไม่มีทางจะหาที่ดินขายใหม่

    ประการที่ 2 ก็เตรียมเนื้อ เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมใจไว้ นึกถึงความจริง ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนว่า

    "โลกเต็มไปด้วยความทุกข์ โลกไม่มีความสุข โลกเป็นอนิจจัง หาความเที่ยงไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นอนิจจัง ก็เป็นความทุกข์ในที่สุด ก็เป็นอนัตตาตายหมด"

    ถ้ามันเป็นเรื่องอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร ความจริงเป็นอย่างนั้น ถ้าเรายอมรับก็ไม่เป็นไร ถ้าจิตยังไม่ยอมรับ มันก็มีความดิ้นรน มันก็มีความเร่าร้อน ถึงจะดิ้นรนจะเร่าร้อนขนาดไหนก็ตามเราก็จะหนีไม่พ้น ในเมื่อหนีไม่พ้นเราก็ต้องทนสู้ ทนสู้ กับภาวะ ของสงคราม ทีนี้เราจะสู้กับใคร เราสู้กับตัวเราเอง นั่นคือ ต้องใช้น้อย กินน้อย นอนมากๆ และตื่นไวๆ ใช้กำลังร่างกายทำ การงานให้ดี ได้พูดอย่างนี้ ก็พูดเรื่อยเฉื่อยไป

    เป็นอันว่า ตามคำพยากรณ์ของดร.สรรพศาสตร์ ท่านบอกว่าประเทศไทยจะเป็นมหาเศรษฐี แล้วคนไทยทุกคน จะเป็นมหาเศรษฐีไหม ก็ต้องขอบอกว่า คนไทยทุกคนไม่เป็นมหาเศรษฐีทุกคน แต่ว่าก็มีจำนวนมาก ก็จะเป็นลูกศิษย์มหาเศรษฐี คือ เป็นคนงานของมหาเศรษฐี เราก็จะเป็นเศรษฐีเล็กในครอบครัวเล็กๆได้เหมือนกัน สมมติว่าครอบครัวใด ยังไม่เคยมีเงิน ล้าน ครอบครัวเล็กๆ ปะเภทนั้น จะมีเงินล้านใช้ ประเภทครอบครัว ที่มีเงินแสนใช้ ต้องถือว่า เป็นครอบครัว ที่ยากจนมาก ถ้าบ้านไหนมีเงินล้านใช้ ถือว่าเป็นบ้านที่พอมีพอกินพอใช้ พอหาได้เลี้ยงตัวรอด ที่มีเงินเหลือเป็นแสน ก็ถือว่าเลี้ยงตัวรอด เหมือนกัน ที่ได้มาอย่างนี้เพราะว่า เรามีกำไรจากสงคราม แต่เราไม่อยากให้เกิดสงคราม

    ทีนี้มาพูดอีกทีหนึ่งที่ ดามุส ท่านบอกว่า ศาสนาคริสต์จะสลายตัว แต่ศาสนาอิสลาม ท่านไม่ได้บอกว่า จะสลายตัวหรือเปล่า แต่ว่า ท่านพระพุทธเจ้าเคยตรัส บอกว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้น หลังกึ่งพุทธกาลแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วกล่าวว่า ยักษ์นอกพระพุทธศาสนา จะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน จะตายไปฝ่ายละครึ่ง จึงจะเลิกรากัน

    ตอนนี้ ด้านศาสนาของเขา ก็จะก็จะมีการหย่อนตัวลงไป เพราะความทุกข์ความเศร้าโศกเสียใจ ความเสียหายเกิดขึ้นตาย ไปฝ่ายละครึ่ง ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะ บรรดาท่านพุธบริษัท การเชื่อพระเจ้า จะน้อยลง หรือ อาจจะสลายตัว อย่างท่านดามุส บอกก็ได้

    ทีนี้มาพูดถึงพุทธศาสนาบ้าง ทางพุทธศาสนา ถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้นจริงๆ ทางพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองขึ้น ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า พุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ จะมีความอุดมสมบูรณ์ได้เพราะ คนเห็นทุกข์ ในเมื่อคนเห็นทุกข์ ก็ยอมรับนับถือ ศีลธรรมมากขึ้น เฉพาะอย่างยิ่ง นักบวชฝ่ายปฏิบัติ สำหรับฝ่ายปริยัติ นั่นก็อีกฝ่ายหนึ่งต่างหาก คือท่านเรียน แต่ท่านยังไม่ได้ทำ เรียนรู้ จะถือว่าไม่ดีไม่ได้ ท่านก็ดี ท่านมีความรู้ ความรู้ในด้านปริยัติ ก็จะเจริญขึ้น ความสามารถ ในด้านปฏิบัติ ก็จะเจริญขึ้น ในช่วงนั้น อาจจะมีพระ ที่ได้อภิญญา หรือว่า นักปฏิบัติ ที่เป็นฆราวาส ที่ได้อภิญญา เกิดขึ้น ถ้ามีนักอภิญญา เกิดขึ้นนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท อันตรายต่างๆ จะเกิดขึ้น ได้น้อยเต็มที เพราะ อาศัยอภิญญาช่วย และ นอกจากนั้น ความ เจริญรุ่งเรือง ทางด้านจิตใจของเราก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก เพราะ เราไม่เสียหายมาก เรามีความสุข ในเมื่อเขาเลิกรบกัน เขาก็ขาด เกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง อาหารการบริโภด เขาก็ขาด เราก็ขาย เครื่องมือ เครื่องใช้ขาด โรงงานประ เทศไทยของเรานี้มีมาก เราก็ขาย

    รวมความว่า ทุกอย่างมันก็จะมีความก้าวหน้า จะมีความรํ่ารวย ดูตัวอย่างประเทศเยอรมัน กับประเทศญี่ปุ่น เมื่อหลังสงครามโลกถูกบังคับให้ไม่มีทหารพอ 2 ประเทศนี้ไม่มีทหารขึ้นมา ไม่ต้องเสียเงินค่างบประมาณทหาร เพราะว่างบประมาณ ทหารต้องเสียมาก เรื่อง อาวุธยุทโธปกรณ์ ต้องเตรียม เตรียมไว้บางทีไม่ได้ใช้ ล้าสมัย ต้องซื้อใหม่ ของเก่าเก็บไว้ หรือว่า ขายไป

    ทีนี้ในเมื่อไม่ต้องเตรียมการรบ ไม่ต้องเตรียมทหาร งบประมาณก็เหลือใช้ ประเทศก็มีความรํ่ารวย ประเทศไทยเราก็ฉันนั้น ในสมัยเมื่อเขารบกัน เราก็พยายาม ประวิงทุกอย่าง อย่าให้มีการรบ ถ้ามันมีความจำเป็นจริงๆ ก็จำกัดสถานที่รบ นั่นหมายความว่า สงครามใหญ่ ไม่มีใครเข้ามาในประเทศไทย พวกเขาตีกันทางโน้น เขาไม่ตีมาทางนี้ เขาอาจจะตีไปทาง ยุโรป ตีไปทางอเมริกา เขาไม่ตีมาถึงประเทศไทย แต่ว่า ประเทศไทย ก็ต้องมีส่วนร่วม ส่วนร่วมในความทุกข์ ที่จะเกิดสงคราม

    ที่นี้ในเมื่อเขาไม่ตีเข้ามาถึง เราก็มีความอุดมสมบูรณ์ แต่ทั้งนี้ ขอทิ้งท้ายไว้นิดว่า ตีเล็กมีนะ ตีใหญ่นะไม่มี มีแต่ตีเล็กก่อกวน สงครามก่อกวน จะมีเป็นของธรรมดา ทั้งนี้ก็ต้องเชื่อ ความสามารถของรัฐบาล และทหารตำรวจ เราสามารถจะควบคุม ความสงบสุขไว้ได้ เหตุต่างๆจะเกิดขึ้น จะไม่พ้นวิสัยของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ จะสามารถปราบปรามได้ ถ้าถามว่า เขาใช้รัศมี อาวุธเคมี ใช้รังสีต่างๆ ก็ขอตอบว่า เป็นเรื่องเล็กๆ พุทธศาสนา ป้องกันได้แน่ อันนี้ขอยืนยัน จะเป็น นิวตรอน นิวเคลียร์ นิวอะไรก็ตามเถอะ ขอยืนยันว่า พุทธศาสนา ป้องกันได้แน่ แต่ว่า ท่านทั้งหลาย ต้องไปหาจากพระที่เป็น นักปฏิบัติ ทางด้านจิตใจ ที่ท่านเข้าถึงฌานโลกีย์ทรงตัว ก็ทรงความเป็นอภิญญา

    ถ้าถามว่า เวลานี้จะหาที่ไหน ก็ต้องขอตอบว่า เวลานี้อย่าเพิ่งหา อาจจะมีอยู่ที่ไหนบ้างก็ได้แต่ไม่มีใครเขาบอกกัน ถ้าถึงเวลานั้นจะปรากฏตนเอง ท่านจะแสดงออกมาให้เห็นถึงความปลอดภัยว่า ท่านสามารถป้องกันได้ ถ้าท่านองค์ไหนจะเป็นพระ ก็ดี จะเป็นฆราวาสก็ดี ไม่ได้หมายความว่า พระเสมอไป ฆราวาสที่มีความสามรถก็มีมาก ก็สามารถจะป้องกันได้สามารถ จะทำได้ ก็พึ่งท่านนั้น ท่านต้องให้เป็นที่พึ่งแน่นอน ทั้งนี้เพราะอะไร ถ้าหากว่า เราทั้งหลายตายกันหมด ท่านก็ตายเหมือน กัน ท่านอดตาย เพราะว่า ท่านอาศัยพวกเรากิน พวกเราหากินหาใช้เหลือ เราก็ให้ท่าน

    อย่างสมมติว่า ถ้าพระบิณฑบาต เราก็ถวายพระ ถ้าชาวบ้านอด ชาวบ้านตายหมด พระก็ตาย เพราะ ไม่มีใครจะให้ ข้อนี้ฉันใด เวลานั้นก็ตามท่านที่ทรงอภิญญา จะเป็นพระก็ตามจะเป็นฆราวาสก็ตาม ไม่มีใครปกปิดความสามารถ สามารถจะป้อง กันรังสีต่างๆ ได้ และป้องกันสรรพวุธได้ตามกำลัง แต่บุคคลที่ต้องตายไปบ้าง นั่นก็หมายถึงว่า บุคคลที่มีอายุ ถึงอายุขัย บุคคลที่มีอายุถึงอายุขัยนี่ เราป้องกันไม่ได้ มันมีความจำเป็น คนประเภทนี้ จะรบก็ตาย ไม่รบก็ตาย นอนเฉยๆ ก็ตาย กินข้าว อยู่ก็ตาย นอนหลับก็ตาย คุยกันก็ตาย เพราะถึงอายุขัย เวลานั้นมันต้องตาย

    ก็รวมความว่าประเทศไทยไม่ต้องหนักใจ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน ยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้าไว้ ความดีที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ก็มี 4 อย่าง เอาสักสอง 4 อย่างให้เป็นการใบ้หวยเลยนะ 4 ที่หนึ่ง ก็เอาอย่าง่ายๆ คือ สังคหวัตถุ 4 คือ

    1.ทาน การให้ ให้มีการสงเคราะห์ ซึ่งกันและกันเข้าไว้ สร้างความรักเข้าไว้ อย่าสร้างศัตรู การให้ท่านเป็นการทำลายล้างศัตรูไม่เกิดศัตรูขึ้นมา เพราะเราบุคคลผู้รับ ย่อมรักในบุคคลผู้ให้

    ประการที่ 2 ปิยวาจา พูดดี พูดให้คนที่รับฟัง มีความสุขจากคำพูดของท่าน เขาก็รักเราในเมื่อเขารักเรา เราก็มีความสุข

    ประการที่ 3 ช่วยเหลือการงาน ซึ่งกันและกัน ถ้าเขาเกินวิสัยเราช่วย เขาก็จะเกิดความรัก

    ประการที่ 4 เราไม่ถือตัวไม่ถือตน การไม่ถือตัวไม่ถือตน จัดเป็นปัจจัยให้เกิดความรัก

    อันนี้เป็นความดี ที่พระพุทธเจ้าให้ไว้เป็นอันดับแรก รักษากฏ 4 ประการนี้ได้ บรรดาท่านทั้งหลาย เราจะมีแต่คนรัก เราจะไม่มีคนเกลียด ทีนี้ถ้าจะถามว่า ในเมื่อเขาประกาศสงครามกัน เขาไม่รู้จักกัน เขายิงจรวดมา จะทำอย่างไร มันก็เป็นของไม่ยาก เขาจะยิงมาหรือไม่ยิงมา เราก็ภาวนาพุทโธไว้ จิตใจยอมรับนับถือ พระพุทธเจ้าโดยตรง สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าทำไว้ ท่านให้ไว้ เรานับถือด้วยความจริงใจ สิ่งนั้นท่านทั้งหลายจะป้องกันอันตรายท่านได้อย่างแน่นอนและประการต่อไปอีก 4 อย่างคือ พรหมวิหาร 4

    1. เมตตา ความรัก สร้างความรัก ทำจิตใจเกิดความรักทั้งคน และสัตว์โลก ถือว่าเราเป็นมิตรกัน

    ประการที่ 2 มีความสงสาร คอยเกื้อกูลกันไว้เสมอ อย่าเห็นแก่ตัว

    ประการที่ 3 ยินดีเมื่อบุคคลอื่นได้ดี ไม่อิจฉาริษยาใคร

    ประการที่ 4 เมื่อบุคคลนั้นถึงอายุขัย ต้องตาย เพราะอาวุธ ต้องตายตามกาลเวลา เราก็ วางเฉย

    ในเมื่อมีความดีอีก 4 ประการอย่างนี้แล้ว บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคนจะปลอดภัยอย่าลืม สังคหวัตถุ 4 เป็นความดีเล็ก น้อยความดีขั้นต้น พรหมวิหาร 4 เป็นความดีสูงสุด คือ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร มุทิตา มีจิตอ่อนโยนเห็น ใครได้ดี พลอยยินดีด้วย อุเบกขา วางเฉย เมื่อเหตุร้ายเกิดขึ้น ไม่สามรถจะยับยั้งได้ ก็ทำใจวางเฉย ไม่ดิ้นรน ยอมรับตามความเป็นจริง

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง เวลาเหลือประมาณ 5 นาที ก็คุยกันไปคุยกันมาย้อนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกสัก นิดหนึ่งว่า ทำไมถ้าสงครามใหญ่เกิดขึ้น คนไทยจะมีความมั่นคง ในพุทธศาสนามากขึ้น จะชี้ตัวอย่างให้เห็นสักอย่างหนึ่ง เพราะ สมัยนั้นผู้พูดอยู่ในกรุงเทพฯ คืนใดถ้ามีปกติเครื่องบิน ไม่มาทิ้งระเบิด เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนเช้า ไปบิณฑ บาต เวลานั้นคนหนีระเบิด มาบ้านนอกกันมาก มาต่างจังหวัดกันมาก คนใส่บาตรมีน้อย พอกินแค่เช้า เพลไม่พอกิน แต่ว่า บังเอิญคืนไหน ถ้ามีเครื่องบินมาโจมตีทิ้งระเบิดเวลาเช้าไปบิณฑบาต ปรากฏว่า มีคนใส่บาตรมากเป็นพิเศษ ไปไม่ทันถึง ครึ่งทางก็เต็มบาตร ยามปกติไปจนสุดทาง แล้วก็เดินทางกลับ ยังไม่ถึงครึ่งบาตร แต่คืนไหน มีเครื่องบินมาโจมตี รุ่งเช้า มีคนทำบุญกันมาก

    จะเห็นว่า คนที่มีความรู้สึกว่า ชีวิตของเราใกล้ความตาย ไม่มีความประมาท คือ เขาจะถือว่าเป็นการฉลองชีวิต ที่เกิดใหม่ จากการโจมตีของข้าศึก ข้าศึกทิ้งระเบิดก็ทิ้งยิงกราดด้วยปืนกลก็ยิง แต่เขาก็ปลอดภัยจึงทำบุญกันใหญ่ ข้อนี้ฉันใดบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายในเมื่อสงครามใหญ่มันเกิดขึ้น เป็นสงครามที่น่ากลัว อาวุธในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือว่าเป็น อาวุธดีแล้วนะ ล้าสมัยไปแล้ว เครื่องบินสมัยนั้น เป็นเครื่องบินที่ดีที่สุด เวลานี้เขาเลิกใช้แล้ว เครื่องบินสมัยใหม่ เขาดีกว่า สมัยนั้นมาก อาวุธที่ใช้ใหม่ ดีกว่าอาวุธสมัยนั้นมาก

    ทีนี้ถ้าสงครามเกิดขึ้นข่าวคราวก็ย่อมถึงกัน เวลานี้มีทั้งวิทยุ มีทั้งโทรทัศน์ ถ่ายทอดจากดาวเทียม เราสามารถจะเห็นภาพ ได้ ในเมื่อเห็นการสูญเสีย ความตายเกิดขึ้น ความทุกข์ก็เกิดขึ้น จิตใจก็เริ่มเป็นกุศล เวลานั้น บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ก็จะมีความมั่นคงในพุทธศาสนามากขึ้น เพราะ กลัวตาย สำหรับ อีกด้านหนึ่ง ท่านนักปฏิบัติ เจริญสมาธิจิต ก็จะเร่งรัด ตัวเองให้ทำสมาธิให้ดีขึ้น โดยหวังอย่างเดียวว่า ถ้าตายแล้ว ไม่ขอเกิดใหม่ อย่างเลวที่สุด ตายจากความเป็นคน ไปสวรรค์ ก็เอา หรือว่าดีกว่านั้น ไปพรหมก็ดี ถ้าดีกว่านั้น ไปนิพพานก็ดี ท่านจะเร่งรัดตัวเอง การเร่งรัดตัวเอง ประเภทนี้ กำลังใจจะมีสมาธิในที่สุด อภิญญาก็จะเกิด ในเมื่ออภิญญาเกิด ก็จะใช้ผล ของอภิญญา และญาณต่างๆ ที่ได้จากสมาธิ และวิปัสสนา ญาณ เอามาช่วยบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ให้มีความสุขปลอดภัย

    ในตอนนี้ก็ขอสรุปว่า ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทอย่าลืม องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ เตรียมตัวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่าเรา จะบูชาพระทุกวัน นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนหลับ ตื่นใหม่ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าบูชาพระ บูชาพระอย่างอื่นไม่ได้ ก็ว่า นะโมตัส สะฯ 3 หน ด้วยความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง แล้วว่า

    พุทธัง สาณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง

    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง

    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง

    แค่นี้ก็หลับ และตื่นใหม่ๆ ทุกวัน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทุกท่านปลอดภัยและจะมีความรํ่ารวย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2006
  12. สายชน

    สายชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +1,232
    อยากให้คุณเกษมหาวิธีทำหลุมหรือบังเกอร์หลบภัยแบบง่ายๆหรือแบบทหารนะครับเพราะว่าผมอยู่ชนบทจะสร้างห้องใต้ดินราคาแพงคงไม่ไหวทุกวันนี้ก็เก็บสะสมอาหารตามธรรมชาติอยู่คือปลูกผลไม้เช่นมะม่วงเพื่อทำดองมันอยู่ได้นานพวกมันเป็นการทำเกษตรแบบผสมผสานเอาไว้
     
  13. thaw7501

    thaw7501 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +101
    งมงาย กะต่ายตื่นตูมจิง ๆ พวกคนแก่ เนี่ย เด๋วก็ ปสด . หรอก เป็น เป็น คุณ อาน กะ เทวดอ อ่ะ
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 width=730 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=head1 width=351 height=10>สาระงานก่อสร้างสำหรับประชาชน</TD><TD width=375 height=10> </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <HR align=center width=730 color=blue SIZE=1>​
    <TABLE class=content height=358 cellSpacing=0 width=730 align=center border=0><TBODY><TR><TD height=344>ห้องใต้ดิน ไม่แน่จริงอย่าสร้าง


    หลายคนคงเคยคิดอยากจะมีห้องใต้ดินแบบในหนังฝรั่ง ต้องคิดให้ดีนะครับ ในเมืองนอกหลายๆ แห่งอากาศไม่ชื้นเหมือนบ้านเรา ห้องใต้ดินไม่เหมาะกับเมืองไทย แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องสร้าง หรืออยากได้จริงๆ ก็ทำได้ ให้ระวังเรื่องต่อไปนี้ครับ
    1. ผนังห้องใต้ดินไม่ใช่ผนังก่ออิฐธรรมดา แต่จะต้องรับแรงดันดินได้ด้วย คือเป็นผนังคอนกรีต และต้องทำการก่อสร้างอย่างดี เพื่อป้องกันน้ำรั่ว พื้นก็ต้องหนากว่าพื้นทั้วๆไป ราคาย่อมแพงกว่าผนังบ้านธรรมดา
    2. ต้องมีระบบการระบายอากาศที่ดีพอที่จะไม่อับชื้น นอกจากนั้น หากระบบระบายอากาศมีปัญหาขณะที่มีคนกำลังอยู่อาศัยและไม่รู้ตัวแล้วก็อันตรายครับ การระบายอากาศต้องมีทั้งแบบใช้เครื่อง คือพวกพัดลมดูดอากาศต่างๆ และแบบช่องระบายอากาศถาวร เพื่อความแน่ใจหากพัดลมดูดอากาศหยุดทำงานโดยไม่รู้ตัว
    3. ระบบโครงสร้าง ถ้าเป็นบ้านชั้นเดียว แล้วมีห้องใต้ดิน น้ำหนักตัวบ้านอาจจะไม่มากพอที่จะถ่วงกับแรงลอยตัวจากน้ำใต้ดิน เสาเข็มที่ใช้ต้องเป็นแบบที่รับแรงดึงได้ด้วยซึ่งทำไม่ง่ายเลยครับ
    4. วัสดุที่ใช้ในห้องใต้ดิน ต้องเป็นวัสดุที่ทนความชื้น
    สรุปว่าหากคิดจะมีห้องใต้ดินแล้วละก็ หมายถึงค่าก่อสร้างต่อตารางเมตรในส่วนของห้องใต้ดินจะสูงกว่าส่วนตัวบ้านมากเลยนะครับ ต้องใช้ผู้ออกแบบมืออาชีพที่ใช้วิชาความรู้ในการทำงานจริงๆ ไม่ใช่คนเขียนแบบที่หาได้ง่าย(ที่ไหนก็ไม่รู้นะครับ)และต้องมีการควบคุมการก่อสร้างที่ดี ไม่งั้นต้องมาแก้ปัญหาน้ำรั่วที่หลังวุ่นมากครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://se-ed.net/stonebase/4c.htm

    หมายเหตุ

    หลุมหลบภัยสร้างไว้หลบภัยสงครามเป็นส่วนใหญ่ ไม่เหมาะจะสร้างเอาไว้หลบภัยธรรมชาติ เช่นน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ลมพายุ ควรหาที่หลบภัยตามถ้ำ,ป่าเขาในที่สูง และวัดตามป่าเขาในชนบทจะปลอดภัยกว่า เมื่อรู้ว่าใกล้จะเกิดภัยพิบัติควรไปหาผู้ที่มีญาณหยั่งรู้เรื่องภัยพิบัติ เช่น อ.ปริญญา ตันสกุล, อ.ศักดา สกุลพนารักษ์, ดร.กัญจีราฯ, อ.อาชวิน จีรจินดา, พระอาจารย์ พ.ธรรมรังสี เพราะท่านเหล่านี้จะพาท่านไปอยู่ในที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติได้ครับ
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE border=1><TBODY><TR><TD width=387>
    หลุมหลบภัย... สวนสัตว์ดุสิต
    หลุมหลบภัยเขาดิน พื้นที่สีเขียวใจกลางกรุงเทพมหานคร แหล่งรวมของสัตว์ป่า ซึ่งนำมาไว้ให้ประชาชนเรียนรู้ศึกษา อีกทั้งเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ใครจะเชื่อว่า เขาดินวนา ใจกลางกรุงเช่นนี้จะมี หลุมหลบภัย สมัยมหาสงครามเอเซียบูรพาซ่อนอยู่ให้ผู้คนเรียนรู้เรื่องราวครั้งอดีต
    </TD><TD width=387>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวนสัตว์ดุสิต พื้นที่สีเขียว 118 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เป็นแหล่งรวมของสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งสัตว์ต่างประเทศและสัตว์ท้องถิ่น รวมกันถึง 2,500 ชนิด แบ่งได้เป็นสัตว์ปีก 1,300 กว่าชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 800 กว่าชนิด และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีก 272 ชนิด ได้รับพระราชทานในนามของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ให้จัดตั้งเป็นสวนสัตว์ของประชาชน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481 ปัจจุบันเป็นทั้งแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงและต่างจังหวัดที่แวะเวียนมาเที่ยวชม ศึกษา หาความรู้ โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา และที่น่ายินดีก็คือ เป็นแหล่งเดียวในโลกที่มี เก้งเผือก เลี้ยงไว้เป็นขวัญใจของประชาชน มีชื่อว่า " เจ้าเพชร " และเป็นสถานที่พบหลุมหลบภัยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซุกซ่อนอยู่

    ที่ตั้ง
    หลุมหลบภัย อยู่ภายในสวนสัตว์ดุสิต กรุงเทพมหานคร จุคนได้ 60 คน
    <TABLE border=1><TBODY><TR><TD width=387>
    [​IMG]
    ทางลงหลุมหลบภัย
    </TD><TD width=387>
    [​IMG]
    ประตูเข้าหลุมหลบภัย
    </TD></TR><TR><TD width=387>
    [​IMG]
    ภายในหลุมหลบภัย
    </TD><TD width=387>
    [​IMG]
    ลูกระเบิด
    </TD></TR><TR><TD width=387>
    [​IMG]
    ทางเข้าหลุมหลบภัย
    </TD><TD width=387>
    [​IMG]
    หลุมหลบภัย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ค่าธรรมเนียมเข้าชม ( รวมค่าเข้าชมสวนสัตว์เรียบร้อยแล้ว )
    ... ผู้ใหญ่ 30 บาท
    ... เด็ก 5 บาท

    อาหาร
    ... ภายในสวนสัตว์ดุสิตมีร้านขายอาหาร

    วัน เวลา ที่แนะนำ
    หลุมหลบภัย เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น.

    การเดินทาง
    สามารถเดินทางได้ด้วยรถประจำทางหลายสาย เช่น สาย 5 สาย 9 สาย 18 สาย 28 สาย 70 สาย 108

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
    สวนสัตว์ดุสิต โทร. 0-2282-7111-3
    สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โทร. 0-2250-5500, 1672

    ที่มาของข้อมูล
    หนังสือ UNSEEN GUIDE BOOK การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โครงการเมืองไทยสวยงาม
    http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-4/no05-09-38/unseeninthailand/sec02p001.htm
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    workshop น้ำท่วมโลก
    โดยคนไร้กรอบ
    [​IMG]

    สร้างจิตสำนึก อยู่อย่างพอเพียง ด้วยworkshop น้ำท่วมโลก
    ด้วยความรู้ตอนนี้ เราตายกันหมดแน่ๆ เพราะ เราได้แต่"บริโภค"ความรู้

    สองวันนี้ ผมไป สอน LO โดย ตั้ง key word การสอน เรื่อง การมีจิตสำนึกอยู่อย่างพอเพียง การตระหนักเรื่องความรู้ไม่พอใช้ ก็เลยนึกถึงมุขหนึ่งขึ้นมา เอามาใช้ทำ workshop ให้ พนักงานและผู้บริหาร บริษัทแห่งหนึ่งทำและ ยังเอาไปใช้กับทำอีกแห่งหนึ่งด้วย แบ่งกลุ่มออกเป็น 8 กลุ่ม ๆ ละ 8 คน แจก flip chart และ ปากกา จากนั้นให้คำสั่งเป็นช่วงๆ ดังนี้

    (๑) สมมติ ว่า น้ำท่วมโลก เพราะ ตอนนี้ น้ำทะเลขึ้นมาแบบไม่ลด เสาไฟแถวสมุทรสาคร สงคราม ชายทะเลกรุงเทพ จมน้ำลงเรื่อยๆทุกวัน หลวงปู่ หลวงพ่อหลายรูป พูดกันถึง พิบัติต่างๆ ว่าจะมาอีกไม่กี่ปี เช่น สิบปีบ้าง หกปีบ้าง กลุ่ม new age ก็บอกว่าอีก 6 ปี ดร อาจอง ก็บอกว่าอีก 11 ปี Peter Senge เองก็พูดถึงในการประชุมที่ เวียนนา ฯลฯ

    น้ำแข็งในตู้เย็น เวลาที่เรากดปุ่มละลาย เราจะเห็นได้ว่า มันจะเริ่มจาก ทีละหยด ทีละหยด และ ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงโครมดังลั่น น้ำแข็งแตกจากรังครั้งใหญ่ ดังนั้น ที่ขั้วโลกก็เช่นกัน ย่อมมีการดังลั่นของน้ำแข็ง เพราะ โลกเราอุ่นขึ้น น้ำทะเล จะเพิ่มขึ้น พอๆกับ สุนามิ วิ่งเข้าท่วมทุกแห่งบนโลก คนคงตายกันมากมาย ฯลฯ เราไปติดอยู่บนเกาะ (อดีตยอดเขาแห่งหนึ่ง) มีคนแค่ 8 คนในกลุ่ม

    ขอให้กลุ่ม คิดว่า เรามีเวลาอีก 6 ปี เราจะต้องทำอะไร กันบ้าง นับจากวินาทีนี้

    ให้เวลากลุ่มสบายๆ เพราะ ท่าทางเครียด ( แต่ กับบางแห่ง พวกเขา กลับ คิดแบบ ชุ่ยๆ ก็อย่าเพิ่งไปว่าเขา เข่น ยอมตายครับ โม้ ฯลฯ บางรายถึงกับ ต่อว่าผมว่า เอาเรื่องอัปมงคลมาเล่น บางรายก็ว่า มาฟังบรรยาย ไม่ใช่มาหดหู่ )
    อาจจะต้องบอกล่วงหน้าว่า ห้ามยินยอมตาย ห้ามคิดว่าโม้ อย่าประมาท นี่เป็นแค่ workshop เป็นต้น พอครบเวลาสัก 15 -20 นาที ก็ให้แต่ละกลุ่ม นำเสนอผลงาน

    ผมจะ comment ในแนว "พอเพียง" เช่น กลุ่มบอกว่า เขาจะใช้แว่นขยาย จุดไฟ ผมก็บอกว่า "ถ้าแว่นขยาย หาย หรือแตกจะทำไง"

    กลุ่มบอกว่า เขาจะ ต่อเรือ ผมก็บอกว่า เอาขวานมาจากไหน ถ้าขวานทื่อ ตกน้ำ จะทำไง / มีใคร เคยต่อเรือบ้าง ได้แต่ ฝัน เอาเข้าจริง "ตายหมด" เรือจะวิ่งไปไหนได้ ดูทิศเป็นไหม คลื่นแรงทำไง

    กลุ่มจะทำนา ผมถามว่า เอาจอบ เสียม พลั่ว เคียว ฯลฯ มาจากไหน ขุดดินเป็นยัง ดินดีเป็นอย่างไร จุลินทรีย์รู้จักเพาะไหม ฯลฯ

    กลุ่มบอกจะกักตุนอาหาร ผมก็บอกว่า จะได้นานสักกี่ปี เอาเกลือมาจากไหน ทำเกลือเป็นไหม เอาน้ำจืดจากไหน สารส้มหาจากไหน กักตุนไว้ไม่นานก็หมด

    กลุ่มบอกจะเปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ผมถามว่า เอา knowhow มาจากไหน ฝันมากไป

    กลุ่มบอกจะจับสัตว์มากิน ผมถามว่า เคยจับหรือเปล่า เอาเชือกมาจากไหน

    กลุ่มบอกว่า จะใช้ biogas ผมก็บอกว่า ใช้อะไรเป็นท่อ เพราะ ตอนนั้น ไม่มีพลาสติก ถึงมีก็ไม่ sustainable อีก 5 -10 ปี ก็พัง

    กลุ่มจะกักตุนไม้ขีด ผมก็บอกว่า ใช้ได้สักกี่ปี

    กลุ่มบอกว่า จะตัดเสื้อผ้า ผมบอกว่า เอาเข็มมาจากไหน เข็มหักหมดทำไง หล่อโลหะเป็นหรือเปล่า

    กลุ่มบอกว่า จะเอา แพทย์ไปด้วย ผมบอกว่า ไม่มียาปัจจุบันทำไง แพทย์ตายทำไง

    กลุ่มบอกว่า จะหัดเรื่องสมุนไพร ผมบอกว่า ใช้เวลากี่ปี จึงจะเรียนเสร็จ

    (๒) ให้เข้ากลุ่มใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ ขอเอาแบบ Primitive จริง (โบราณ ๆ ยุคหิน)

    (๓) หลังจาก กลุ่มนำเสนอ อย่างคร่าวๆ ผมก็บอกโจทย์ใหม่ว่า จงแบ่งหน้าที่ ใครจะรับผิดชอบทำอะไร

    (๔) พอแบ่งหน้าที่เสร็จ ผมก็บอกว่า ทำใจสงบๆนะ คำสั่งใหม่ คือ สมมติว่า ต้องเอาคนหนึ่งออกจากกลุ่ม จงคัดออกมา กลางห้อง พร้อมกับเหตุผลที่คัดออกปรากฏว่า shock ครับในที่สุด ด้วยน้ำใจแบบไทยๆ ก็จะมีคนเสียสละออกจากกลุ่ม บ้างก็เพราะ แก่แล้ว บ้างก็เพราะ อาสาเอง บ้างก็เพราะกลุ่มเห็นว่า เก่ง ปล่อยไปคนเดียว คงรอดตายได้ ฯลฯ

    (๕) คำสั่งคือ ทั้ง ๙ กลุ่ม ให้แบ่งหน้าที่กันใหม่ พวกรอดตายทั้ง 8 คน ก็จัดกลุ่มใหม่ เป็นกลุ่มที่ ๙ นำเสนอแบบ คร่าวๆ

    (๖) คำสั่งใหม่ คราวนี้ ให้ เสนอชื่อ คนที่ "ขาดไม่ได้" สำคัญที่สุดในกลุ่มออกมา 1 คน พร้อมเหตุผล

    (๗) กลุ่ม ให้เหตุผล ว่าเก่งอย่างไง ผมก็ ให้คำสั่งใหม่ แบบshock อีกรอบ คือ ให้สมมติว่า คนเก่งในแต่ละกลุ่ม หลงทางหายไป ไม่กลับมาอีกเลย ออกมาตั้งกลุ่มใหม่ กลุ่มเดิม ก็จัด หน้าที่กันใหม่

    (๘) เบรค พอดี ทานของว่าง เข้าห้องน้ำ

    (๙) นั่งล้อมวง แบบ อินเดียนแดง เพื่อสะท้อน(reflection) ความในใจออกมา โดยขอถามเรียงไมค์ให้แต่ละคนว่า "ได้เรียนรู้ อะไร จากกิจกรรม น้ำท่วมโลกเฉียบพลันแบบนี้" เป็น after action review เท่าที่ผมพอจำได้ เช่น
    • ละอายใจ ที่ไม่มีประโยชน์ต่อกลุ่ม
    • อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยกัน
    • เรียนรู้เรื่องเดียวไม่พอเพียง ต้องช่วยๆกันเรียนรู้
    • ออกกำลังกายให้แข็งแรงไว้
    • ที่เรียนมา จนจบปริญญาเอก เอาเข้าจริง ตายแน่ๆ
    • ให้ความสำคัญกับการอยู่อย่างพอเพียง ( ผม รีบบอกว่า " key words" หลุดออกมาแล้ว วิทยากรออกมาแล้ว)
    • เข้าใจเรื่องทีมมากขึ้น
    • การวางแผน การเตรียมพร้อม (ผม ก็บอกว่า "ยามสงบ คิดเรื่องชั่วร้ายที่จะเกิดขึ้น ยามเรื่องชั่วร้ายมาจะได้ไม่ต้องตื่นตระหนก) คิดแบบนี้ เป็นหมวกดำ (de bono ไม่ใช่ panic)
    • ฯลฯ
    สุดท้าย สาวๆ หลายคนเห็นว่า เรื่อง ช่าง เป็นเรื่องสำคัญ เข้าใจความสำคัญของ TPM (total productive managemnt) มากขึ้น เรื่องช่างไม่ใช่เรื่องของชาย แต่ หญิงก็ควรรู้ ชายหลายคน บอกว่า มีแฟนเป็นหมอ พยาบาล น่าจะดีที่สุด คนแก่หลายคนบอกว่า โชคดีที่ น่าจะตายก่อน คนหนุ่มหลายคนบอกว่า ถึงตอนนั้น จะช่วยคนแก่อย่างไรดี

    หลายคนบอกว่า คำทำนายของหลวงพ่อฤษีลิงดำคงเป็นจริง เพราะ ท่านบอกว่า ไทยจะเป็นชาติมหาอำนาจ พวกเขาคิดออกแล้วว่าเพราะ อะไร คือ เรามี ความรู้เรื่อง ข้าว ผัก ผลไม้ สมุนไพร ฯลฯ นั่นเอง หลายคนบอกว่า จงฝึกสติ ให้ "ตายก่อนตาย" เขียน เสียยืดยาว เพราะ เนื้อหามากมาย สนุกสนาน เศร้าแต่ได้สาระ
    กลัวตายมากไป ก็เรียกว่า ขาดสติ
    ไม่เตรียมการณ์เลย ปล่อยไปตามยถากรรม ก็เรียกว่า ขาดสติ เช่นกัน
    ท่านผู้อ่านว่าอย่างไงครับ กับ เรื่องนี้

    **********************************************************
    <SCRIPT src="/javascripts/tinymce/jscripts/tiny_mce/tiny_mce.js?1161620656" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT language=javascript type=text/javascript> tinyMCE.init({ mode: "specific_textareas", theme: "advanced", theme_advanced_buttons1: "bold, italic, underline, bullist, numlist, forecolor, backcolor, link, code", theme_advanced_buttons2: "", theme_advanced_buttons3: "", extended_valid_elements: "font[size|color|style]", relative_urls: false, auto_cleanup_word: true, theme_advanced_toolbar_location: "top", content_css: "/stylesheets/editor.css" });</SCRIPT>ข้อคิดเห็น

    นาย ไชยยงค์ - คงตรีแก้ว เมื่อ อ. 10 ก.ย. 2549 @ 23:32 (72460)

    คนที่"ตายก่อนตาย" ศพจะสวย ทบทวนเรื่องไททานิค เรือใหญ่ทั้งลำ ไม่มีกล้องส่องทางไกล และมีเรือบตไม่พอกับจำนวนคน

    **********************************************************
    เด็กแนว เมื่อ พฤ. 14 ก.ย. 2549 @ 09:29 (73908)

    น่าเล่นครับอาจารย์ขอลองคิดดู กับเอาไปลองเล่นนะครับ

    **********************************************************
    bb เมื่อ อ. 24 ก.ย. 2549 @ 10:09 (77601)

    น่าเล่นค่ะ แต่ดิฉันคิดว่าก่อนตายดิฉันจะฉะสางงานของตัวเองให้เสร็จก่อน แล้วทำตัวเองให้มีความสุข เช่น อ่านหนังสือที่เราชอบ อยู่กับครอบครัว แล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด

    **********************************************************
    คนดอย(ปูนแก่งคอย) เมื่อ อ. 26 ก.ย. 2549 @ 22:16 (78329)

    สิ่งที่ต้องเตรียมการเพื่อ Sustainable life
    1. <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">เกลือ สะสมใส่โอ่งปูน เกลืออยู่ในถุง และ ต้องหัดทำเกลือเองด้วย สมัยโบราณ พ่อค้าเกลือ จะรวยกว่า พ่อค้าทอง <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">หมอแผนโบราณ เล่าให้ หมอภาคภูมิฟังแล้ว แก เป็น สารพัดช่าง สารพัดแพทย์ ทำคลอดได้ ทำยาได้ นวดได้ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ชุด จุดไฟ เพราะ ไม่มีไม้ขีด ต้องใช้ เฟืองไม้ ปั่นไม้แห้ง กับ ความรู้ด้านชนวน <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; COLOR: black; tab-stops: list 36.0pt">การทำเทียนไข การเพาะผึ้ง ได้ ทั้งน้ำผึ้งและ ไข <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ความรู้ในการทำ เครื่องจักสาน จากไผ่ เราต้องปลูกไผ่ พวก ชะรอม กระบุ้ง กระด้ง <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การตัดเย็บ เสื้อผ้าต่างๆ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การหล่อโลหะ แหล่งแร่ เพราะ ถ้าหล่อไม่ได้ ก็ต้องใช้ หิน หินมันยากจริงๆ ต้องไปเรียนรู้ หรือ กักตุน มีด ดาบ พร้า พลั่ว จอบ เสียม ฯลฯ ใช้ไปสักระยะจะทู่ ต้องมี ที่ลับ ต้องทำที่ลับเป็น และ เมื่อใช้ไปนานๆ จะพัง ก็ต้อง หล่อ หลอมโลหะเป็น ไปเอา เหล็กเก่า หลังการตายเป็นเบือ ดำน้ำไปหาเหล็กที่ยอดตึกใบหยก ที่โรงปูน ฯลฯ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">คนเก่งเรื่องป่า พืชไหน กินได้ กินไม่ได้ หาแหล่งน้ำใต้ดิน ที่ผมชอบแถววัดถ้ำ เพราะ เราเดินขึ้นป่าเขาใหญ่ได้เลย อยู่ตรงปู่ติ๊ก ไกลภูเขามากๆ ในเขาใหญ่ จะมี พรรณไม้ สมุนไพร เห็ด <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">วิธี ทำชลประทาน การระบายน้ำ ขุดน้ำ กรองน้ำ ฝาย ฯลฯ ต้องสะสม สารส้ม ปูนขาว <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำ กังหันแบบต่างๆ วิดน้ำเข้านา ตำข้าว สีข้าว <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">เทคนิคการถนอมอาหาร ทุกแบบ แช่อิ่ม แช่เค็ม ดอง หมัก ฯลฯ ผักกาดดอง ปลาร้า ปลาส้ม ไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า มะขาม ฯลฯ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ชุดรักษาโรค การทำ เบตาดีน ผ้าพันแผล ยาฆ่าเชื้อโรค เฝือก <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำ ก๊าซ ชีวภาพ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">บ้านบนต้นไม้ บ้านดิน บ้านใต้ดิน <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ต่อเรือแบบต่างๆ ใหญ่เล็ก หาปลา บันทุก ฯลฯ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำเกวียน ล้อเกวียน ฯลฯ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การเลี้ยงสัตว์ลากรถ ม้า วัว ฯลฯ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">เลี้ยงสัตว์ให้นม วัว แพะ แกะทำขนสัตว์ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำ ระเบิดสารพัด ในถ้ำสันติธรรม มีค้างคาว ดินประสิว นี่คือ เหตุผล ที่เลือกแถวถ้ำ ขอต่อราคาพี่เค้าหน่อยๆ ถูกๆเลย รวม พี่สาวผม (พิมพ์ใจ) ด้วย ความรู้ เรื่องระเบิดสำคัญมากๆ ใช้ป้องกันตัวได้ ถ้ามีโจรมาปล้น การทำปืนแก๊ป ปืนคาบศิลา (ขู่เฉยๆ ) <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ต้องเตรียม อุปกรณ์เย็บเยอะๆ เข็มสารพัดขนาด เย็บผ้า ผ้าใบ หนัง ใบเรือ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">คนิคการดูดาว เดินเรือ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การดูรอยเท้าสัตว์ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำเชือกสารพัด การผูกเชือกทุกแบบ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; COLOR: black; tab-stops: list 36.0pt">สารพัด การทำถุง บันลูนไฟ กระสอบ ฯลฯ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ตั้งใจ จะมี หลุมใต้ดิน หลบนิวเคลียร์ ใน สวิส จะเก่งเรื่องนี้ ทุกบ้าน สามารถหลบได้ มีกำแพงปูน ถุงทราย สะสมอาหาร ขับถ่าย ระบายอากาศ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำ วิทยุแบบง่ายๆ พวกวงจรต่างๆ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำ ไดนาโม ปั่นไฟจากแรงลม ยุคนั้น จะใช้ธรรมชาติ + ความรู้ใหม่ ปนๆกัน <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; COLOR: black; tab-stops: list 36.0pt">เออ Solar cell เอาไว้ใช้ ได้แค่ ระยะหนึ่งเท่านั้นเอง 10 ปี ก็ต้องทำเอง เป็นอุปกรณ์ธรรมชาติแบบ Hi tech นี่แหละ ที่ท้าทาย ความสามารถ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำ มอเตอร์ โดยเริ่มจาก การทำ เส้นลวดทองแดงเอง รีดทองแดงเอง แหล่งทองแดง ทั้งจากธรรมชาติ และ ดำลงไปหา จากซากของเก่า เพราะ กทม แก่งคอย อยู่ใต้น้ำ ข้อนี้ เป็นระยะ advance แล้ว ซึ่งต้องใช้ หลังจากเอาตัวรอดได้ สัก สิบปีผ่านไปแล้ว <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ห้องสมุด เพราะ ไม่มี คอม ฯ ไม่มีแผ่นดิสค์ ต้องอ่าน จึงต้องมั่นใจว่า เป็นหนังสือเจ๋งจริงๆ มี knowhow ล้ำๆ เก็บไว้ด้วย สอนเด็กๆ ลูกๆ พวกเราด้วย <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; COLOR: black; tab-stops: list 36.0pt">เทคนิคการทำหมึก ทำกระดาษ พู่กัน ใบลาน ฯลฯ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ข้าวพันธุ์ใหม่ ที่ หลวงพ่ออำนาจ (เขาค้อ) เตรียมการณ์ไว้ เรื่องน้ำท่วม ท่านรู้แล้ว ท่านจึงเตรียมข้าว Inca rice (ดูในเว็ป) เป็นข้าว ซึ่ง ไม่ต้องสี ออกเป็นช่อ ไม่เป็นรวง <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำ โอ่ง ไห ชาม โถ ถ้วย อิฐทนไฟ อิฐ ฯลฯ ช่างเซรามิค ช่างหม้อ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">สูตรอาหาร ขนมปัง ขนม สารพัดแป้ง <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">การทำ อัลกอฮอล์ เพื่อ ล้างแผล จากมันสำปะหลัง อ้อย ฯลฯ เผื่อ พี่ศิระ จะเอามา จิบๆ <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">แว่นตา เลนส์ ฝนเลนส์ แว่นขยาย <LI class=MsoNormal style="MARGIN: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">เข็มทิศ แผนที่ แผนที่ดวงดาว
    2. การทำ หม้อต้มไอน้ำ stream ซึ่งพี่ชายผม เคย เอาสังกะสี มาดัด เป็น รถไฟไอน้ำ คันเล็ก เล่น สมัยผมอยู่ประถม
    ที่มา http://72.14.235.104/search?q=cache...hon/49353+บ้านใต้ดิน&hl=th&gl=th&ct=clnk&cd=4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2006
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เป็นข้อมูลที่ทำให้เราหลายๆคนได้ฉุกคิดได้จริงๆครับ คนปัจจุบันไม่รอบรู้เท่ากับคนโบราณ มีความรู้เชิงวิชาการแต่ไม่มีความรู้ในการดำเนินชีวิตเลย คนกรุงถ้าไปอยู่ป่าจริงๆตายลูกเดียวครับ

    ตอนนี้ทางเกาหลีออกหนังสือการ์ตูนชุด การเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ต่างๆกัน ของสำนักพิมพ์นานมี ลองหาอ่านเพิ่มเติมกันดูครับ
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สินค้าราคาประหยัดจากห้างโลตัส

    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>390.-บาท</CENTER><CENTER><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD class=txttabl vAlign=top width=200>เต๊นท์โดม</TD></TR><TR><TD class=txtblack11 style="PADDING-TOP: 5px">
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    โดยธรรมชาติจาก "นิ่ง" แล้วค่อยๆเพิ่มขนาด เพิ่มปริมาณ เพิ่มความถี่ จน "รุนแรงสุด"แล้วจึงค่อยๆ ลดขนาด ลดปริมาณ ลดความถี่ จน "หยุดนิ่ง" ดังนั้นเหตุการณ์ที่โลกกำลังจะเกิดพิบัติ จึงเกิดในลักษณะเช่นเดียวกันผู้มีสติปัญญาไหวพริบดีกว่า จะสังเกตเห็นรับรู้ได้ดีกว่า เร็วกว่า จะเป็นผู้นำ แจ้งเตือนผู้อื่น ก่อนที่ความรุนแรงจะมากจนหนีไม่ทัน ผู้ตามที่ฉลาด จะไม่ปิดตัวเอง เปิดรับความคิดของผู้อื่นมาพิจารณาเสมอน้ำทะเลจะสูงขึ้น ก็หนีขึ้นทิศเหนือ อีสานที่สูงกว่า แม่น้ำโขงจะท่วมเข้าภาคเหนือ ก็หนีให้พ้นทางน้ำพัดจากเชียงแสนถึงเจ้าพระยา โดยศึกษาธรณีวิทยา สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ลักษณะหินกลมมนใหญ่ ตะกอนสะสม ซากต้นไม้กลายเป็นหิน แผ่นดินแตก แผ่นดินแยก ก็หนีห่างจากพื้นที่ภูเขาหินลักษณะลาวาแข็งตัว ที่แทรกโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน และหนีจากจุดที่ฟ้าผ่าลงพื้นดินอย่างรุนแรง บ่อยครั้งและต่อเนื่อง เพราะจะเป็นจุดที่ระเบิดเหมือนภูเขาไฟ หากอยู่ภาคใต้ สุดท้ายต้องเตรียมเส้นทางหนีขึ้นภูเขาที่สูง อาจรอดพ้นภัยคลื่นยักษ์ น้ำทะเลซัดท่วมที่ไม่ธรรมดาที่สำคัญ อย่าดูถูก "สัจจะ" เพราะนี้คือ "หลักสัจจะธรรม" หากยังสงสัย ไม่มั่นใจใน "สัจจะ" ให้นิ่งไว้เสียก่อน เมื่อถึงเวลานั้น คำทำนายของนอสตราดามุสจะปรากฏเป็นจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2006
  20. เทพ

    เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +3,099
    :cool: ข้อมูล workshop น้ำท่วมโลก ที่คุณเกษมนำมาแบ่งปัน ได้ข้อคิดและสาระน่าประทับใจมากครับ เช่นส่วนสรุป
    อ่านแล้วนึกถึงตอนเข้าค่าย สมัยยังเรียนลูกเสือ ครูฝึกให้แต่ละหมู่แข่งกันปีนกำแพง หมู่ไหนข้ามกำแพงได้ครบทุกคนก่อนจะถือว่าชนะ ทุกคนก็พยายามกันสุดกำลังที่จะเป็นทีมที่ชนะ ... แต่หลังจากการแข่งขันจบ ไม่มีทีมไหนเลยได้รับการชมเชยว่าเป็นผู้ชนะ ..ปรับแพ้หมด

    เพราะบางกลุ่ม แต่ละคนก็พยายามกระโดดข้ามกำแพงโดยไม่สนใจคนในกลุ่มเท่าไรว่าจะมีแรงกระโดดถึงหรือไม่

    บางกลุ่ม มีคนเสียสละยอมให้เพื่อนเหยียบขึ้นกำแพง แต่คนที่ขึ้นไปแล้วก็ไม่สนใจคนอื่น แล้วลงกำแพงไปอีกด้าน ... (ซึ่งกลุ่มส่วนใหญ่จะทำแบบนี้)

    จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือ ต้องมีคนเสียสละให้เพื่อนเหยียบขึ้นกำแพง ... คนที่ขึ้นไปแล้วก็ต้องรอช่วยดึงเพื่อนจากข้างล่างขึ้นมา ... คนที่ข้ามไปลงกำแพงอีกด้านแล้วก็ต้องคอยรับเพื่อนที่จะลงมา ...ทุกคนในกลุ่มมีหน้าที่ต้องช่วยซึ่งกันและกันครบทุกคน... สรุปจึงไม่มีกลุ่มไหนได้รับคำชม เพราะทุกคนมุ่งแต่ไข่วคว้าชัยชนะจนลืมสิ่งที่สำคัญของการช่วยเหลือกัน ตลอดจนไม่มีแผนงานรองรับที่ดีไว้ก่อน

    เป็นเรื่องที่ผมจดจำใส่ใจมาจนถึงทุกวันนี้

    ---------------------------------------------

    เมื่อกล่าวถึงการเตรียมความพร้อม อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการฝึกสติ และการลองปฏิบัติจริง (ซ้อมแผน) อุบัติเหตุหลายๆอย่างในอดีตมักจะเกิดจากการขาดสติ หรือตื่นตระหนก เช่น เรือล่มเพราะคนส่วนใหญ่ไปรวมกันอยู่เพียงด้านเดียวทำให้เรือขาดสมดุลย์

    --------------------------------------------

    ส่วนเรื่องการศึกษาสมุนไพร

    ในฐานะที่ผมได้ศึกษาเตรียมตัวในเรื่องนี้ เพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดโดยเรียนมา 3 ปีจนจบเภสัชและเวชกรรม ผมคิดว่า สำหรับบุคคลทั่วไปเราเน้นที่สมุนไพรในกลุ่มสาธารณสุขพื้นฐานก็เพียงพอ ซึ่งไม่ใช้เวลาในการเรียนรู้มาก เพียงไม่กี่วันก็สามารถใช้งานเบื้องต้นได้ และหลายชนิดก็ปลูกง่าย เติบโตได้เร็ว ... จริงๆถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้สถานที่ ที่เตรียมตัวต้านรับภัยพิบัติทุกแห่ง ควรมีการปลุกสมุนไพรพื้นฐานที่จำเป็นด้วยจะเป็นประโยชน์มาก

    สถานที่แถวกรุงเทพ ที่จะแวะไปดูสมุนไพรต้นจริงๆได้ จะมีที่ในมหาวิทยาลัยมหิดล(ศาลายา) และที่กระทรวงสาธารณสุข แต่ที่มหิดลจะมีความสมบูรณ์มากกว่า

    และหากมีหลายคนสนใจจริงจัง ในอนาคตเราอาจจะนัดติวกันในเรื่องนี้ทั้งทฤษฎีและการดูต้นสมุนไพรจริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...