รับปรึกษาปัญหาเรื่องตรวจเลือดและส่งเสริมสุขภาพ โดย นักเทคนิคการแพทย์

พอดีเพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้ ก็ขออนุโมทนากับคุณวสุธรรมด้วย นะครับ

แต่ เอ....เห็นคุณบอกว่าดื่มน้ำดำทุกเช้าเพิ่มน้ำตาลในเลือดและซื้อเก็บทีนึงเป็นหลายลัง ก็อดให้ข้อคิดไม่ได้ว่า นี่เป็นการสวนกระแสคนรักสุขภาพหรือเปล่า

ในส่วนตัวเชื่อว่า น้ำดำนี่เป็นยาพิษชนิดหนึ่ง นะครับ เพราะมีความเป็นกรดสูงมาก และมีผลต่อร่างกายโดยเฉพาะกระดูก

คุณอาของ Nirvana เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ดื่มแทนน้ำเลย ขวดเรียงรอบบ้าน
แต่ก็เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ต้องไปตัดออกและกินมังสะวิรัติ ถึงจะมีชีวิตรอดจนถึงเดี๋ยวนี้

ไม่รู้ว่าจะมาสอนหนังสือสังฆราชหรือเปล่า แต่ขอบิณฑบาตอย่าไปดื่มเลย ครับ

 

ขอบคุณท่านNirvana
ผมได้รับความรักและเมตตาจากท่าน
ขออนุโมทนา มา ณ โอกาสนี้ครับ
จริงๆแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนรักสุขภาพหรอกครับ
ในวัยหนุ่ม ผมก็ทำลายสุขภาพมาโดยตลอด
เหมือนกับเบื่ออยากลาจากร่างกายนี้ไปไวๆ
แต่เพิ่งมาเข้าใจในเวลาไม่นานมานี้
ว่าภาระกิจของผมยังไม่เสร็จ ยังต้องอยู่ทำงานต่อไป

 

รายงานลับจากห้องแลบ7ก.ย.53

บทนำ
ก่อนหน้านี้ผมจะชอบเข้าไปอ่านเรื่องเล่า...ของพวกพี่ๆเช่น
พี่สุวิ...เรื่องเล่าตอนสายๆ ก็อยากเล่าเรื่องที่น่าสนใจของห้องแลบ
บ้าง เหอๆๆ เพราะเห็นกระทู้ของตนเองเงียบเหงามานาน
ทั้งๆที่เป็นกระทู้แนะนำ จึงอดที่จะเข้ามาปรับปรุงมิได้

******************************************
จากการที่ผมได้เปิดคลินิกเทคนิคการแพทย์ วสุแลบ
บริการตรวจเลือดนี้ ผมจะได้พบเรื่องแปลกๆน่าสนใจอยู่บ้าง
ต่อไปผมจะนำมาเล่าให้ฟังในกระทู้นี้ครับ

******************************************
วันที่ 7ก.ย.2553
เรื่องที่ 1 หนุ่มพาสาวมาตรวจเลือดเพื่อหาโรคเอชไอวี(เอดส์)

วันนี้มีลูกค้ารายหนึ่งเป็นชายวันกลางคนหน้าตาดี ดูภูมิฐาน
ได้พาหญิงสาววัยรุ่นผิวคล้ำ หน้าตาดี แต่งตัวสวยดูดี มาพบผม
เพื่อขอตรวจเลือดหาโรคเอดส์ ผมก็ได้ทำการตรวจให้
ซึ่งผลการตรวจเป็นผลบวก(Positive) หมายถึงหญิงสาวคนนี้
กำลังติดเชื้อไวรัสเอชไอวีชนิดที่1อยู่

ผมได้แจ้งผลให้ลูกค้าทั้งสองท่านทราบ เพราะมาด้วยกันเมื่อผม
ได้บอกผลตรวจเลือดให้ทราบว่าเป็นผลบวก ฝ่ายหญิงสาวได้ยิน
ว่าเลือดตัวเองเป็นผลบวก ก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินออกไปรอที่หน้า
คลินิกทันที ฝ่ายชายผู้พาหญิงสาวมาตรวจก็นั่งหน้าซีดเผือด งง
ทำอะไรไม่ถูก ผมจึงถามไปว่าคุณไปมีเพศสัมพันธ์กับเธอหรือยัง
ฝ่ายชายก็บอกว่า มีแล้วครับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เหอๆผมจึงถามต่อว่าแล้วนี่คุณคิดอย่างไรจึงพามาตรวจล่ะครับ
ฝ่ายชายก็บอกว่า เกิดรู้สึกสงสัยขึ้นมา

กรรมจริงๆ ที่น่าจะสงสัยก่อนที่ตัดสินใจมีเพศสัมพันธ์กับเธอ นี่มี
ไปแล้วจึงค่อยสงสัย

ผมรู้สึกสงสารทั้งสองท่านอย่างจับใจ จึงได้แนะนำฝ่ายชายให้รีบ
มาปรึกษาอายุรแพทย์เพื่อรีบขอรับยาต้านไวรัสทาน อาจจะยังทัน
อยู่ หมายถึงหากโชคดีอาจจะต้านไวรัสมิให้เจริญมาก อาจไม่เป็น
โรคได้

 

วันที่ 7ก.ย.2553
เรื่องที่ 2 หนุ่มโรงงานเกือบซวยถูกตำรวจจับข้อหาเสพยาบ้า

วันนี้ตำรวจกลุ่มหนึ่งพาผู้ต้องหารายหนึ่งมาตรวจปัสสาวะ
เพื่อหาสารเสพติดยาบ้า(Meth-Amphetamine) โดยกลุ่มผู้ที่มาประกอบด้วย
1.ตัวผู้ชายหนุ่มคนหนึ่ง ผอมดำ ท่าทางซื่อๆ
2.ตำรวจ2-3คน
3.หัวหน้างานของชายหนุ่มคนนั้นและภรรยา

โดยตำรวจเล่าให้ฟังว่า ตนเองปฏิบัติงานประจำป้อมยามแห่งหนึ่ง ได้สงสัย
ชายหนุ่มคนดังกล่าวจึงขอทำการตรวจน้ำปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดยาบ้า
ซึ่งตำรวจจะมีอุปกรณ์การตรวจฯ พร้อมตรวจกรองผู้ต้องสงสัยได้ทันที ก็ได้ทำ
การตรวจที่ป้อมยามมาแล้วพบว่าเป็นผลบวก ซึ่งในขั้นตอนต่อมาคือ ต้องนำ
ผู้ต้องหามาตรวจที่คลินิกแลบของผม เพื่อเป็นคนกลางในการออกหมายจับ
ชายคนนั้น ซึ่งทางคลินิกแลบก็ได้ทำการตรวจให้พบว่า ผลตรวจเป็นผลลบ
(ไม่พบสารเสพติดยาบ้า) ตำรวจก็โต้แย้งมาว่า ตนเองตรวจที่ป้อมยามแล้ว
ได้เป็นผลบวก(พบสารเสพติดยาบ้า) จะเป็นไปได้อย่างไร ทางญาติผู้ต้องสง
สัยก็ยืนยันกับผมมาว่า "ตนเองเป็นหัวหน้างานของชายดังกล่าวมีประวัติที่ดี มี
ครอบครัวแล้ว หากโดนจับไปลูกเมียจะพากันลำบากเป็นอย่างมาก เนื่องจาก
ได้ผ่อนสินค้าต่างๆไว้หลายอย่าง"

ตำรวจก็ไม่ยอมแพ้ รีบโทรศัพท์สั่งให้เพื่อนตำรวจไปนำตัวอย่างน้ำปัสสาวะ
ของผู้ต้องสงสัย และนำตลับตรวจมาแสดง และได้นำตลับตรวจฯของที่ตำรวจ
เบิกมาไว้ใช้ตรวจ เอามาตรวจซ้ำให้ผมดูอีกครั้ง ซึ่งผมก็เห็นว่าตลับของตำรวจ
แปลผลได้ว่าเป็นผลบวกจริงๆ แต่เมื่อนำอุปกรณ์ตรวจของทางคลินิกมาตรวจ
ก็ยังคงเป็นผลลบเหมือนเดิม


ในขณะนั้นผมก็คิดสงสัยว่าตลับตรวจน้ำปัสสาวะหาสารเสพติดยาบ้าของตำรวจ
น่าจะประมูลซื้อมาในราคาถูก อาจเป็นสินค้าน้ำยาที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งจะ
ทำให้ตรวจแล้วพบผลบวกปลอม(False Positive)ได้ ผมจึงแนะนำให้พาผู้
ต้องสงสัยรายนี้ไปตรวจซ้ำอีกที่ โรงพยาบาลเอกชนอีกแห่ง ซึ่งผลการตรวจ
ของโรงพยาบาลเอกชนก็เป็นผลลบเช่นกัน


สรุปว่าตลับตรวจสารเสพติดยาบ้าที่ตำรวจใช้นั้น ให้ผลบวกปลอมครับ

ผู้ต้องสงสัยรายนี้เกือบพลาดท่า ติดคุกฟรีซะแล้ว เพราะในกระบวนการทำงาน
ของตำรวจนั้น จะต้องนำตัวอย่างน้ำปัสสาวะไปส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การ
แพทย์ใกล้ๆ อีกครั้งหนึ่ง ผลการตรวจของศูนย์วิทย์นั้นจะต้องตรงกับที่คลินิก
แลบผม คือไม่พบสารเสพติดยาบ้า เมื่อไม่พบชายคนนี้ก็จะได้รับการปล่อยกลับ
บ้าน


ผมรู้สึกยินดีกับชายคนดังกล่าวที่ได้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาของตำรวจได้กลับ
ไปพบหน้าลูกเมียของตนครับ

ส่วนตำรวจก็คงได้บทเรียนว่า"อย่าซื้อของราคาถูกมากมาใช้ มันทำให้เสีย
ความรู้สึกครับ"

 

คุณ หมอวสุธรรมใจดีจัง ความจริงหนูก็อยากไปตรวจกับคุณหมอ แต่ว่าบ้านอยู่ที่ ปทุม ซึ่งไกลจากคลีนิคคุณหมอจัง วันหลังหนูขอสอบถามทางเลล์หรือก็ทางpm ได้ไหมค่ะ ขอบคุณคุณหมอค่ะ

 

ขอบคุณครับ ที่อยากมาเป็นลูกค้า
มีปัญหาข้อสงสัยใดๆ สอบถามทั้งในกระทู้และPMครับ

 

แนะนำเพลงธรรมะไพเราะ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1119812/[/MUSIC]
อุทานเลิกทาสเลิกหนี้หมดสัญญาสมบัติผี<O</O​

(คำอุทานของ หลวงปู่ มหาบุญดิน พระธรรมดารัตนะ)<O</O​

****************************
<O</O​

สละร่างกายมานับชาติไม่ถ้วน ทำไมไม่เป็นทานบารมีบารมีไม่เต็มสักที<O</O
เพราะมีการเสพเป็นเหตุ กระป๋องใส่บารมีรั่วรูเดียว..รูใหญ่<O</O
นับชาติไม่ถ้วน ทนสละร่างกายเป็นผี เพราะมีการเสพเป็นเหตุ<O</O
สละร่างกายทำพลี แต่มีการเสพเป็นเหตุ<O</O
ต้องกลับมาเป็นผี เป็นเปรต น่าทุเรศทุรัง<O</O
หมุนวัฏฏะทุกข์ไม่สิ้นจบ วัฏฏะจักรหลอกให้เสพอารมณ์ เสพติด<O</O
จะได้หมุนวัฏฏะให้สืบสกุลทุกข์อมตะ<O</O
ทนหลงเป็นขี้ข้าวัฏฏะมานาน<O</O
เพราะหลงเสพอารมณ์ วัฏฏะมันให้กินหน่อยเดียว<O</O
ขอกินบ่อย ๆ ยอมตาม ยอมทุกข์บ่อย ๆ<O</O
*ยอมตายโหงบ่อย ๆ*<O</O
อุดรูกระป๋อง รั่วรูเดียว บารมีเต็มล้น<O</O
สละคืน ส่งคืน โลกนี้ทั้งหมด ไม่เสพไม่ดันทุรัง<O</O
ไม่สร้างอารมณ์อยาก<O</O
ชีวิตเหลือใบสัญญาชำระหนี้ หนสุดท้าย ไม่สร้างหนี้ใหม่<O</O
ยิ่งสละให้ เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ บรรเทาความหลง<O</O
สมบัติเหลือเฟือ หลุดหนี้ มีเงินทองเหลือเผื่อคนอื่น<O</O
ตนเองสบายใจนิพพาน
http://palungjit.org/threads/สมเด็จ...กับ-ช่วงกึ่งพุทธกาลของพระโคดม.178195/page-112​

 

ตอบ ปัญหาของคุณภ.
วิธีการแก้ปัญหาสุขภาพของคุณภ.นั้นผมใครขอแนะนำการปฏิบัติตัวดังนี้
1.ควรเชื่อฟังและมีศรัทธาต่อคำแนะนำจากผม เนื่องจาก
1.1.อยากให้คุณทราบว่าผมเต็มใจ และตั้งใจช่วยเหลือคุณภ.ให้พ้นจากความ
ทุกขเวทนา โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆจากคุณภ.ครับ
1.2.คุณภ.เป็นโรคจากเจ้ากรรมนายเวรกระทำให้เจ็บป่วย ดังนั้นหากเมื่อผมได้รับ
ช่วยเหลือคุณภ.แล้ว เจ้ากรรมนายเวรของคุณภ.จะถูกกระแสบุญ เมตตาอย่าง
ปราศจากเงื่อนไข เหนี่ยวนำให้มารับพลังความรักเมตตาจากผมแทน
2.วิธีการทำให้ตัวคุณหายเป็นปกตินั้นจึงจำแนกออกเป็น2มิติดังนี้
2.1 มิติที่1 ผมอยากขอให้คุณปฏิบัติตนดังนี้
-ถือศีล5เป็นประจำ
-หมั้นทำบุญ ทำทาน อุทิศบุญกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกๆท่านเป็นประจำ
2.2.มิติที่2 ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์
-ระมัดระวังเรื่องยุงกัดให้มากๆ ตลอดไป
-ดื่มนมถั่วเหลืองวันละ1-3กล่องเป็นประจำทุกวัน
-รับประทานไข่แดงสุกวันละ 1 ฟองเป็นประจำ
สำหรับเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ต่างๆผมจะค่อยเล่าให้ฟังในกระทู้ต่อๆไปครับ

 

อธิบายปัญหาสุขภาพคุณภ.

อาการไม่สบายประกอบด้วย
1.มีอาการปวดท้อง -------------->มีภาวะเลือดส่วนน้ำเหลืองรั่วออกในช่องท้องอาจเป็นตับ หรือมดลูก
2.เวียนหัวบ่อยมาก-------------->มีภาวะเลือดส่วนน้ำเหลืองรั่วออก ทำให้เลือดอาหารของสมองน้อยลง สมองขาดสารอาหารจึงมึนหัว
3.อาเจียนบ่อย เฉลี่ย เดือน ละ 2 ครั้ง -------------->มีภาวะเลือดส่วนน้ำเหลืองออกในกระเพาะอาหาร จึงอาเจียร
4.ประจำเดือนมาประมาณ 5-7วัน -------------->มีภาวะเลือดออกในร่างกาย จนทำให้เกล็ดเลือดที่สมบูรณ์ถูกใช้ไปหมด เหลือเพียงเกล็ดเลือดที่ไม่สมบูรณ์ เมื่อมีประจำเดือน ซึ่งมดลูกจะถูกกระตุ้นให้เกิดการลอกตัวของเซลล์ที่เตรียมไว้ให้ไข่มาฝังตัว ผนังมดลูกหลุดลอกออกพร้อมกับเลือดบางส่วนแล้วเกล็ดเลือดที่ไม่สมบูรณ์จะต้องมาทำหน้าที่หยุดเลือดที่ไหลออกจากเส้นเลือดฝอยในผนังมดลูก เกล็ดเลือดไม่สมบูรณ์จึงไม่สามารถทำให้เลือดแข็งตัวได้เหมือนตามปกติ จึงมีเลือดออกมากผิดปกติ

จากภาวะเลือดออกนี้ เกิดจากคุณดำรงชีวิตโดยไม่สนใจปัญหาเรื่องยุงกัด คือไม่ระมัดระวังตัวเอง มักจะ
ปล่อยให้ยุงกัดอยู่เสมอ มาแต่สมัยเด็กๆจนถึงปัจจุบัน

เมื่อยุงลายกัดคุณ ในระหว่างที่มันเริ่มกัดเรามันจะปล่อยน้ำลายของมันออกมาบริเวณบาดแผล

ในน้ำลายของยุงลาย จะมีเชื้อไวรัสไข้เลือดออกสายพันธ์1,2,3,4,5 เชื้อไวรัสจะเข้าสู่หลอดเลือดฝอย หลอดเลือดใหญ่ขึ้นตามลำดับ สุดท้ายก็จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และเริ่มดูดซึมสารอาหารเข้าตัวมัน
แบ่งตัวเพิ่มจำนวนเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนมากมายในร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาเลือดส่วนน้ำเหลือง(อาหารของร่างกาย)รั่วออกนอกหลอดเลือด เกิดปัญหาสุขภาพได้มากมาย

คุณจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผมที่ได้แนะนำไปแล้วอยู่เสมอ ก็จะค่อยๆหาย จนเป็นปกติได้ครับ
แต่หากคุณหย่อนยานกาปฏิบัตดังกล่าวก็จะเริ่มเป็นได้อีก

 

ความวิตกจริต!

หมอวสุค่ะ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว หนูไปตรวจเลือด (เอดส์) ที่คลินิกคุณหมอค่ะ ผลออกมาเป็น Negative ค่ะ (หลังจากเสี่ยงมา 106 วัน) ซึ่งก็ควรที่จะสบายใจได้แล้วใช่ไหมค่ะ แต่เหมือนหนูยังหลอนๆ อยู่เลย ว่าหนูปลอดภัยจากโรคเอดส์แล้ว 100% รึป่าว ชอบคิดวกไปวนมาอยู่ในหัว เหมือนคนบ้า ไม่สามารถตัดทิ้งไปจากใจได้จริงๆ อ่ะค่ะ จนในบางครั้งไม่มีอารมณ์อยากจะทำอย่างอื่น ประเด็นที่ไม่สมควรจะคิดก็ชอบเอามาคิด คิดนานเป็นหลายๆวัน เช่น ผลการตรวจถูกต้องแน่แล้ว? / ตอนเจาะเลือด คุณหมอเปลี่ยนเข็มฉีดยาอันใหม่ให้เรารึป่าว? ตอนที่หนูไปตรวจ ประมาณ 1 ทุ่มอ่ะค่ะ คุณหมอวสุเป็นคนเจาะเลือดให้ค่ะ แต่ภรรยาคุณหมอเป็นคนทำแลบ

จนถึงวันนี้ ยังคิดเสียดายว่าวันนั้น เราน่าจะบอกคุณหมอไปตรงๆ ว่าไม่สบายใจเรื่องอะไร และขอคำปรึกษาแนะนำ เพราะวันนั้นที่ไปตรวจ หนูไม่ได้บอกตรงๆว่ามาตรวจ เอชไอวีอ่ะค่ะ .. แต่บอกว่ามาตรวจโรคติดต่อทางเลือด คือวันนั้นก็ตรวจมาทั้งหมด 4 โรค คือ Hiv ,ไวรัสตับอักเสบบี - ซี, ซิฟิลิส ผลเป็นปกติทั้งหมดค่ะ อ่อ! ตรวจกรุ๊ปเลือด อีกอย่างด้วยค่ะ

ควรทำอย่างไรดีค่ะ ?

 

*************************************************
1.หนูไปตรวจเลือด (เอดส์) ที่คลินิกคุณหมอค่ะ ผลออกมาเป็น Negative ค่ะ
(หลังจากเสี่ยงมา 106 วัน) ซึ่งก็ควรที่จะสบายใจได้แล้วใช่ไหมค่ะ
ตอบ ใช่ครับคุณไม่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีแน่นอน เนื่องจากว่าเกณฑ์ระยะเวลา
ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี และเชื้อตัวอื่นๆ อยู่ที่เวลา90วัน(ของคุณ106วัน)

โดยเกณฑ์90วันนี้ถือตามเกณฑ์ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติทั่วโลกใช้ในการ
คัดกรองผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อฯ ออกจากการบริจาคโลหิตครับ หมายถึง
-ใครที่เคยเสี่ยงมานานไม่ถึง90วัน เจ้าหน้าที่จะคัดออก ไม่ให้บริจาคเลือด
-ใครที่เคยเสี่ยงมานาน90วันไปแล้ว เจ้าหน้าที่จะรับบริจาคเลือดไว้ หากตรวจไม่พบสารแอนติบอดีย์(Anti-HIV1,2) และเชื้อไวรัสเอชไอวี1,2(HIV Ag) และเชื้ออื่นๆ ก็จะนำเลือดนี้ไปใช้กับผู้รับเลือด
วิจารณ์
หากศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติใช้เกณฑ์90วัน เป็นเกณฑ์ที่น้อยเกินไป ไม่ถูกต้องจริง ผมคิดว่าควรมีข่าวผู้รับเลือดที่ติดเชื้อต่างๆ เต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว ซึ่งทุกวันนี้ผมไม่เคยได้ยินข่าวดังกล่าวเลย

สรุป
เกณฑ์ระยะเวลาเสี่ยงนาน90วัน จึงเป็นตัวบ่งชี้ว่า คุณไม่ติดเชื้อต่างๆแน่นอนครับ คุณควรเชื่อถือผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์จริง ผมเปิดบริการมานานนับสิบปีแล้ว ไม่เคยมีลูกค้ามาแจ้งถึงผลตรวจที่ผิด
พลาดเลย หลังจากนี้ไปคุณควรปล่อยวางปัญหาเรื่องดังกล่าวได้แล้วนะครับ ผมถือศีล5เคร่งมาได้นาน
แล้ว ผมไม่โกหกคุณหรอกครับ

*************************************************
ถาม ตอนเจาะเลือด คุณหมอเปลี่ยนเข็มฉีดยาอันใหม่ให้เรารึป่าว?
ตอบ เปลี่ยนอุปกรณ์เจาะเลือดและเข็มใหม่ทุกครั้งที่ให้บริการครับ
ในปัจจุบันนี้ผมคิดว่า ไม่น่าจะมีคลินิกและโรงพยาบาลใดๆ ใช้อุปกรณ์เจาะ
เลือดเก่าซ้ำไปมาแล้วนะครับ
*************************************************
ป.ล. ทราบมาจากภรรยาว่าคุณมีรอยเขียวช้ำหลังเจาะเลือดด้วย การที่เป็นเช่นนั้นน่าจะมาจาก คุณอาจจะมีเกล็ดเลือดที่ไม่สมบูรณ์(ทำงานไม่สำเร็จ) จึงมีเลือดรั่วออกไปยังเนื้อเยื่อข้างๆรอยเจาะ อยากแนะนำให้คุณดื่มนมถั่วเหลืองเป็นประจำ จะทำให้ร่างกายของคุณสมบูรณ์เป็นปกติครับ (เมื่อมาเจาะเลือดในอนาคตอีกจะไม่เกิดรอยเขียวช้ำอีกเพราะเกล็ดเลือดสามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์ครับ)

 

ขอขอบพระคุณ คุณหมอวสุ มากๆเลยนะค่ะ

รู้สึกสบายใจขึ้นมากเลยค่ะ จนตัดทิ้งไปจากใจได้แล้ว ขอบคุณคุณหมออีกทีนะค่ะ

ขออนุโมทนาบุญให้คุณหมอ มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงค่ะ

 

ขอบพระคุณคุณหมอเป็นอย่างสูงค่ะ หนูจะปฏิบัติตามค่ะ

 

ในปัจจุบันโรคหวัดที่เด็กๆมักจะเป็นกันมากมาย และสามารถติดต่อไปยังผู้ใกล้
ชิดนั้น ตัวต้นเหตุคือ เชื้อแบคทีเรียตัวกลมๆ เรียงตัวต่อกันเป็นสายๆ ขื่อทาง
การแพทย์ของเขาคือStreptococcus PyogenหรือStreptococcus gr. A
เวลาติดเชื้อจะมีอาการเสมหะเหนียวพันคอ เวลาพูดเสียงจะเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อมีเชื้อมากขึ้นจะมีอาการหวัด มีน้ำมูกสีเขียว ไอแบบมีเสมหะ และเจ็บคอ
วิธีรักษา(หายเร็วมากๆ)
เชื้อตัวนี้จะดื้อต่อยาพวกAmoxillin,Amplicillinและพี่น้อง
แต่ยาที่ทำลายเชื้อได้อย่างรุนแรงรวดเร็วคือยาErythromycin250mg.
เมื่อได้ทานยาไปสัก1/2ช.ม.จะรู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็วเห็นผลได้ชัดเจน

ยาErythromycin250mg.นี้มีขายตามร้านขายยาที่ใหญ่ๆหน่อย มีทั้งของ
เด็กและผู้ใหญ่ ของเด็กจะเป็นยาน้ำ ควรทานตามเภสัชกรของร้านแนะนำ นาน
อย่างน้อย3วัน(หายแล้วก็ต้องทานให้ครบ3วัน) เวลาทานยาให้ดื่มน้ำมากๆสัก
1แก้วครับ
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือควรทานกันทั้งบ้านทุกๆคนที่อยู่ใกล้ชิดกันครับ
เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำอีก คือคนนี้จะหายแล้วอีกคนเพิ่งป่วยตาม จะติดกัน
ไปติดกันมา

 

ต้องขออภัยที่ตอบช้าครับ
การที่หญิงชายคู่หนึ่งจะมีบุตรเป็นหมู่เอบีนั้น เป็นดังนี้คือ
1.พ่อและแม่ มีหมู่เลือดเป็น เอ และบี
1.1ยีนส์แบบHomozygous(AAและBB)
บุตรหมู่เอบี100%
1.2ยีนส์แบบHeterozygous(AOและBO)
บุตรหมู่เอบี(AB)25%
บุตรหมู่เอ(AO) 25%
บุตรหมู่บี(BO) 25%
บุตรหมู่โอ(OO) 25%
2.พ่อและแม่ มีหมู่เลือดเป็น เอบี และบี
2.1ยีนส์แบบHomozygous(ABและBB)
บุตรหมู่เอบี(AB)75%
บุตรหมู่บี(BB) 25%
2.2ยีนส์แบบHeterozygous(ABและBO)
บุตรหมู่เอบี(AB)25%
บุตรหมู่เอ(AO) 25%
บุตรหมู่บี(BO) 25%
บุตรหมู่บี(BB) 25%
3.พ่อและแม่ มีหมู่เลือดเป็น เอบี และเอ
3.1ยีนส์แบบHomozygous(ABและAA)
บุตรหมู่เอบี(AB)50%
บุตรหมู่เอ(AA) 50%
3.2ยีนส์แบบHeterozygous(ABและAO)
บุตรหมู่เอบี(AB)25%
บุตรหมู่เอ(AO) 25%
บุตรหมู่เอ(AA) 25%
บุตรหมู่บี(BO) 25%
4.พ่อและแม่ มีหมู่เลือดเป็น เอบี และเอบี
บุตรหมู่เอบี(AB)50%
บุตรหมู่เอ(AA) 25%
บุตรหมู่เอ(BB) 25%

 

คือ ผม เครียด และ กังวลมากๆอะคับ

คือ เมื่อเดือนกว่าๆที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวกะเพื่อน แต่ก็เที่ยวตามปกติ แต่ว่า วันนั้น มีการ มี พสพ. กับ พุหญิงที่ทำงานยุในร้านคาราโอเกะอะคับ แต่ว่าผมก็ใส่ถุงเรียบร้อย แต่ก้มีการเครียด หน่อยอะคับ แต่ผม เคยแค่ครั้งเดวเองนะคับ อยากรุว่าจะเสี่ยงติด เชื้อ Hiv ไม้ แต่ผมไปถามใครก็มีแต่คนบอกว่าไม่เป็นแน่นอน แต่ผมก็ยังเครียด อยู่ดี เพราะ มันมีอาการแปลกๆ เกิดขึ้นกับตัวผมเยอะมากไม่รู้ว่าเกี่ยวกับ การวิตกกังวล หรือ ผมสังเกตุตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า แล้วถ้าผมจะตรวจไปตรวจที่ไหนได้บั้งครับ เอาแบบ ดีๆแล้วข้อมูลเป็นความลับอะคับ ขอบคุณคับ เครียดมา เดือนกว่าๆ แล้ว ทัมไรไม่ได้เลยคับ

 

ตอบ
คุณjonasz ควรใช้ตั้งสติของคุณวิเคราะห์เหตุผลก่อนนะครับ ว่าคุณควร
คิดกังวลในปัญหานี้ไหม ในเมื่อคุณไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสนี้
เนื่องจากคุณjonaszใส่ถุงยางในระหว่างมีเพศสัมพันธ์กับหญิงคนนั้น หากคุณ
มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางฯ จึงจะเสี่ยงต่อการติดโรคฯทางเพศสัมพันธ์
ครับ

อยากแนะนำให้คุณปล่อยวางปัญหาเรื่องนี้ครับ ไม่ต้องตรวจเลือด
เพราะคุณไม่ได้เสี่ยงต่อการติดเชื้อฯเลยครับ ผมขอรับรองให้คุณสบาย
ใจได้เลิกคิดเสียเถิดครับ กรุณาเชื่อฟังผมเถิดครับ ผมไม่จำเป็นต้องโกหก
คุณjonaszให้คุณสบายใจ

ขอบคุณที่คุณjonaszเชื่อถือผมครับ
วสุธรรม

 

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ

ขอบคุณ คุณวสุธรรม มากนะคับที่ให้คำตอบ แต่ผมว่าผม คงหายกังวลไม่ได้อยู่ดี ก้เลยอยากทราบ ว่า ตรวจเลือดที่แน่นอน นี่ 3 เดือนใช่ไหมคับ ผมเชื่อ ที่คุณวสุธรรม บอกผมนะคับ แต่ นิสัยผม ผมคงเลิกเครียดเลิกกังวล ไม่ได้เพราะผมพยายามหลายครั้งแล้ว เพราะมีอาการ อะไร นิดหน่อยเกิดขึ้นผมก้เครียดแล้ว เป็นเพราะผมเครียดแล้วนั่งสังเกตุตัวเองอยู่ตลอด แล้มันดันมีอาการอะไรๆ ที่ไม่เคยเป็น เช่น เป็นเม็ดคล้ายๆ สิว แต่ไม่เหมือนสิว เป็นรอยแดง เหมือนสิวที่หลัง เยอะมาก ผมเลยกังวลไปใหย่ ขอบคุณ คุณ วสุธรรม มากครับ

 

ที่คลินิกผม มีผู้มาปัญหาคล้ายๆกับคุณjonasz เขามีครอบครัวแล้วมีลูกชาย1
คน ทำงานดีมากๆ มีอยู่วันหนึ่งได้มีโอกาสไปเที่ยวดื่มสุราที่คาราโอเกะแห่ง
หนึ่งเหมือนกัน และด้วยความเมาจึงเผลอตัวไปใช้บริการของหญิงคาราโอเกะ
โดยมีเพศสัมพันธ์1ครั้ง ใส่ถุงยางอนามัยถึง2ชั้น แต่เขาอ้างว่าบังเอิญมีแผลที่
โคนขา จึงไม่สบายใจขอตรวจเลือดว่าติดเชื้อไวรัสเอชไอวีไหม

ในวันที่มานั้นเพิ่งเสี่ยงมานาน45วัน ผมก็ให้บริการตรวจฯผลตรวจก็ปกติ ไม่พบ
ภูมิต้านทานต่อเชื้อฯ ก็แนะนำเขาว่าควรมาตรวจอีกครั้งตอนครบ3เดือนอีกครั้ง
ก็จะรับรองได้ว่า ไม่ติดเชื้อแน่นอน100%

มองดูเขาจะเครียดมากๆ หน้าดำหมองคล้ำ เพราะเครียดกังวลมากๆ ทั้งๆที่ผม
ก็แจ้งผลให้เขาทราบแล้วตั้งแต่ครั้งแรกตอน45วัน ว่าเขาไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
เลย เนื่องจากได้ใช้ถุงยางอนามัย2ชั้น (แพทย์แนะนำสวมเพี่ยง1ชิ้น) เขาก็
บอกว่าไม่สบายใจกลัวเชื้อเข้าไปทางแผลที่โคนขาอีก(กรรม) ก็อธิบายว่าเชื้อ
ไม่น่าจะไปติดที่ขาได้ เขาก็นำมากังวล ต่อมาเขาก็มาตรวจทุกสัปดาห์จนครบ3
เดือน ในระหว่างนั้นเขาก็ไปอ่านเจอข้อมูลใหม่ทางอินเตอร์เน็ตมาอีกว่าต้องนาน
6เดือน ผลตรวจจึงแน่นอน(เลยต่ออายุความเครียดไปอีก3เดือน เป็น6เดือน)
เขาก็มาตรวจสัปดาห์ละครั้ง ด้วยความสงสารผมจึงได้แนะนำให้เขาตรวจหาเชื้อ
โดยตรงเรียกว่า RNA viral load ค่าตรวจแพงประมาณ3พันบาท
ผลออกมาก็เป็นปกติ ก็สบายใจไปได้สัก1สัปดาห์ ต่อมาก็มาขอตรวจเลือดอีก
โดยเล่าให้ฟังว่าไปปรึกษาผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่ง เธอบอกว่าต้อง6เดือนจึงจะชัวร์
ตกลงเลยต้องมาตรวจทุกสัปดาห์จนในที่สุดครบ6เดือน ก็มาตรวจอีก ผลตรวจก็ปกติ
เหมือนเดิม ก็สบายใจไปได้อีกหน่อย

ต่อมาเขาก็หายหน้าไปได้สัก2สัปดาห์ ก็กลับมาขอตรวจอีก และเล่าให้ฟังอีกว่า
ไปปรึกษาแพทย์ท่านหนึ่ง แพทย์ท่านนั้นก็เล่าให้ฟังว่า6เดือนก็ยังไม่ชัวร์ จึงยืด
อายุความเครียดไปจนถึง12เดือน ทุกวันนี้ก็ยังคงต้องมาตรวจเลือดอยู่เรื่อยๆ
ประมาณ สัปดาห์ละครั้ง..........

คุณjonaszกำลังจะเจริญรอยตามเขาคนนั้น บอกตามตรงว่า เขาคนนั้นดื้อมาก
ไม่เชื่อ ไม่ฟังใคร จึงต้องรับกรรมเช่นนี้ คุณควรปล่อยวางเสียครับ

ขอยืนยันอีกครั้งว่าคุณjonaszไม่ได้อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส
เอชไอวี อย่าหาความทุกข์ให้กับตนเองเลย เลิกคิดเลิกกังวลเสียนะครับ

ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าวสุธรรม ได้สั่งสมมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันชาติจงเป็นปัจจัย
ทำให้คุณjonaszสิ้นสุดกรรมนี้ เลิกคิด เลิกกังวล นับแต่บัดนี้เถิด

 

ขอเรียนสอบถามครับว่าถ้าเราฉีดวัคซีนมาครบหนึ่งปี แล้วไปบริจาคโลหิตได้ตามเกณฑ์
ทีนี้ถ้าหากเราไปบริจาคโลหิตทุกปี วัคซีนที่ฉีดมาจะเจือจางหรือมลายหายไปจากเราไหม
จะกลายเป็นเหมือนว่าเราไม่ได้ฉีดหรือพลังวัคซีนจะลดต่ำลงไหม