ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. redboony

    redboony เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +173
    วันนี้ได้ร่วม ออกบุญกฐิน £20 ค่ะ
     
  2. kratium

    kratium เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2007
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +3,670
    เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2553 / 17.02 น. ได้โอนเงินร่วมบุญกับทุนนิธิฯ 800 บาท ในนามของครอบครัว พ่อ แม่ หลาน และเพื่อนที่ทำงานร่วมบุญด้วยค่ะ
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ
     
  3. suppysuppy

    suppysuppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,483
    ค่าพลัง:
    +9,811
    ขอร่วมทำบุญด้วย 100 บาทค่ะ
    โอนเงินวันที่ 14/09/10 เวลา 16:28
    เข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา 348-1-23245-9 ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะคะ
     
  4. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    แก่นพุทธศาสน์ เรื่อง อาหารใจ
    พระราชชัยกวี (ภิกขุ พุทธทาส อินทปัญโญ)
    พวกที่นิยมความสำราญกาย ในทางโลกกล่าวว่า “ใจอยู่ในกาย” แต่พวกที่นิยมความสำราญในทางธรรมกล่าวว่า “กายอยู่ในใจ” พวกแรกรู้จักโลกเพียงซีกเดียว พวกหลัง อยู่ในโลกนานพอจนรู้โลกทั้งสองซีก ขณะเมื่อพวกที่สำราญกาย กำลังปรนเปรอให้เหยื่อ แก่ความหิวของเขา อย่างเต็มที่อยู่นั้น พวกที่ชอบสำราญใจ กำลังเอาชนะความหิวของเขาได้ ด้วยการบังคับอินทรีย์ จนมันดับสนิท สงบเย็น อยู่ภายใต้อำนาจของเขาเอง


    โดยสรุปปริยัติธรรมช่วยให้เราทราบว่า เราจะต้องประพฤติธรรม เพื่อฝ่ายธรรมกายของเรา มิฉะนั้น เราจะตายด้านไปซีกหนึ่ง ปฏิบัติ คือ ตัว การปฏิบัติ นั้นได้แก่การบังคับอินทรีย์เพื่อเอาชนะอินทรีย์ ชนะได้เท่าใด ความเยือกเย็นพร้อมทั้งความรู้แจ้ง ก็เกิดขึ้นเท่านั้น ความเยือกเย็นเกิดจากความอินทรีย์สงบลง ความเห็นแจ้งความจริง ในตัวเองปรากฏ เพราะไม่ถูกม่านแห่งความกลัดกลุ้ม ทางอินทรย์ปิดบัง เช่นแต่ก่อน
    วิธีเอาชนะอินทรีย์ ตามหลักแห่งพุทธศาสนาได้แก่ การบังคับตัวเองให้งดเว้นจากสิ่งชั่ว ให้ทำแต่สิ่งที่ดีเข้าแทน และต่อจากนั้น พยายามหาวิธีชำระจิต ให้เป็นอิสระจากต้นเหตุแห่งความหม่นหมอง ทั้งที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ๆ และที่ไม่ง่าย คือที่เคยชินอยู่ในสันดาน อันเป็นเหมือนเชื้อที่ก่อเกิดของกิเลสได้ทุกเวลา
    กล่าวอีกอย่างหนึ่ง วิธีเอาชนะอินทรีย์ ได้แก่การบังคับกายและวาจา ให้อยู่ในอำนาจ เรียกว่า “ศีล” บังคับจิตให้อยู่ในอำนาจ เรียกว่า “สมาธิ” และใช้จิตที่อยู่ในอำนาจแล้ว ให้เข้าถึงความจริงที่ยากที่ลึก จนปรากฏแจ่มแจ้งเรียกว่า “ปัญญา” กล่าวคือ ปัญญาชนิดที่ สามารถควบคุมอินทรีย์ ให้เป็นไปแต่ในทางถูกอย่างเดียว
    การบังคับหรือควบคุมอินทรีย์ ทำให้ดวงใจได้รับความสะบักสะบอมน้อยลง วัตถุหรืออารมณ์ทั้งหลาย มีพิษสงน้อยเข้าหรือหมดไป เพราะค่าที่เราสามารถบังคับตัวเอง ไว้ในภาวะที่จะไม่หลงใหลไปตาม ทั้งในทางชอบและทางชัง เมื่อเราได้รับความพักผ่อนผาสุก เนื่องจาก การบังคับอินทรีย์ของเราเช่นนี้แล้ว เชื่อว่าเราได้รับอาหารของดวงใจ ในส่วนการปฏิบัติ อันเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับอาหารชั้นสูงสืบไป
    อ่านเพิ่มเติม Link
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2010
  5. สิทธิชัยพัทยา

    สิทธิชัยพัทยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +304
    วันนี้มีโอกาสโอนเงินเข้ามาช่วงเช้าครับ คิดว่าเดี๋ยวเดือนนี้ปลายเดือนจะโอนมาอีกครับ ....คิดว่าหน้าฝนอาจจะมีภิกษุป่วยมากขึ้นนะครับ อนุโมทนาสาธุครับ
     
  6. channarong_wo

    channarong_wo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +1,510
    เดือนนี้ช้าอีกแล้วครับท่านประธาน.....
    ผมและผองเพื่อนร่วบุญกันมาสำหรับเดือนนี้ 3000 บาท
    โอนตังแล้วเมื่อเวลา 10.48 น.ครับ
    โมทนาสาธุกับทุกท่านที่ร่วมบุญกันมา รวมถึงผู้นำบุญทุกท่าน
    และพี่น้องในทุนนิธิแห่งนี้ทั้งหมด ขอทุกท่านจงมีส่วนแห่งบุญอันยิ่งใหญ่นี้ครับ...สาธุ
     
  7. aries2947

    aries2947 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2,031
    ค่าพลัง:
    +11,622
    เมื่อสักครู่ ผม ภรรยา และครอบครัว ได้โอนเงินทำบุญ 200 บาทครับ
    ขอบคุณมากครับ มหาโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ
     
  8. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    นำมาฝากพี่เสือและทุก ๆท่านค่ะ

     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    กิจกรรมที่ รพ.สงฆ์ ประจำเดือนนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน 2553 โดยนัดพบเพื่อจัดเตรียมสังฆทานอาหารที่โรงอาหารด้านข้าง รพ.สงฆ์ในเวลา 7.30 น.-8.30 น.

    จึงขอแจ้งให้ผู้ที่สนใจได้ทราบทั่วกัน โดยผมและนายสติได้เบิกเงินจากบัญชีของทุนนิธิฯ มาแล้ว เพื่อเตรียมบริจาค ตามประมาณการดังนี้


    1 รพ.สงฆ์

    - ถวายค่าสังฆทานอาหาร 6,000.- (ประมาณการพระสงฆ์ไว้ 200 รูป)
    - ถวายค่าเวชภัณฑ์ส่วนกลาง 5,000.-
    - ถวายค่าโลหิต 5,000.-
    รวม 16,000.-

    2 รพ.ภูมิภาค

    - รพ.แม่สอด จ.ตาก 6,000.-
    - รพ.สมเด็จพระยุพราช (ปัว) 5,000.-
    จ.น่าน
    - รพ.สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย 8,000.-
    จ.เลย
    - รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ 5,000.-
    - รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น 8,000.-
    - รพ.50 พรรษาฯ จ.อุบล 5,000.-
    - รพ.สงขลา จ.สงขลา 8,000.-
    - รพ.ปัตตานี จ.ปัตตานี 5,000.-
    รวม 50,000.-

    3. เงินช่วยกิจกรรมพิเศษ

    สำหรับเงินช่วยเหลือพิเศษในเดือนนี้ เป็นเงินช่วยเหลือพิเศษสำหรับการดำเนินการในส่วนของเครื่องกฐินที่จะถวายที่สำนักสงฆ์ถ้ำระฆังทองฯ ที่ทุนนิธิฯ รับเป็นเจ้าภาพกฐินเอก และมีกำหนดการทอดกฐินในวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 ณ สำนักสงฆ์ถ้ำระฆังทอง ต.นาสนุ่น อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ สำหรับรายละเอียดของกำหนดการ จะได้นำมาโพสท์ให้ทราบในภายหลัง โดยเงินช่วยกิจกรรมพิเศษ มีรายละเอียดดังนี้

    1. จัดซื้อเครื่องกฐิน 10,000.-
    2. จัดพิมพ์ซองกฐิน 4,000.- (ประมาณ 1,000 ซอง)

    รวม 14,000.-


    และรวมเป็นยอดเงินบริจาค ตามประมาณการฯ ในข้อ 1.+2.และ 3. เป็นเงินทั้งสิ้น 80,000.-


    4. กิจกรรมพิเศษประจำเดือนกันยายน

    สำหรับกิจกรรมดังกล่าวนี้ ทุนนิธิฯ จะได้จัดให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้โมทนาและอธิษฐานผ้ากฐินล่วงหน้า พร้อมทั้งได้โมทนาและอธิษฐานผ้าสบงที่ท่านหลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด ได้มีเมตตามอบให้มา 1 ผืนใหญ่ ก่อนที่จะนำไปตัดเป็นชิ้นเพื่อนำแจกจ่ายกัน พร้อมกับ ผมจะได้นำพระสมเด็จสกุลปัญจสิริ รุ่นแรกที่ทันท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ และคณะหลวงปู่ธรรมทูต โลกอุดรทั้ง 5 พระองค์ได้เสกไว้ และจะนำแจกฟรีพร้อมกับหนังสือคำสอนของท่านหลวงปู่เคราฯ ที่จองผ่านทุนนิธิฯ มาให้ได้ชมกัน โดยจะสอนให้สังเกตุเนื้อหา และทรงพิมพ์ พร้อมทั้งผงทองที่ระยิบระยับ ที่โรยไว้บนองค์พระ พร้อมทั้งลักษณะเฉดสีต่างๆ โดยหมดจากนี้แล้วก็หมดเลย แถมฟรีให้ในกรณีนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นอกนั้นผมจะเก็บหมด เพราะพระสกุลนี้จะแปลกประหลาดที่สามารถปรับธาตุ ตั้งธาตุ และอาราธนาขอบารมีทำสมาธิ หรือสร้างความเจริญได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยเป็นพระพิมพ์สกุลปัญจสิริที่ในขณะนี้เริ่มหายากมากแล้ว ตามที่ผมได้ลงรูปไว้ในหน้าที่แล้วนั่นเอง

    [​IMG]


    โดยเงินตามข้อ 2. นั้น เมื่อวานนี้ (22/9) ผมได้ดำเนินการโอนเงินและส่งไปรษณีย์ธนาณัติ ไปเรียบร้อยแล้ว และในสัปดาห์หน้าจะนำมาลงให้ไ้ด้โมทนากันทางกระทู้นี้ต่อไป (ติดขัดเรื่องเครื่องสแกนเนอร์ของผมขัดข้อง) จึงขอประชาสัมพันธ์มาให้ทราบโดยทั่วกันครับ

    พันวฤทธิ์
    23/9/53
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2010
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    บุญ

    [​IMG]


    ลูกศิษย์ท่านพ่อคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกที่ไปพบท่าน ท่านก็ถามว่า "เคยทำบุญที่ไหนบ้าง" เขาก็ตอบว่า เคยไปช่วยสร้างพระพุทธรูปที่วัดนั้น ช่วยสร้างเมรุที่วัดนี้ ฯลฯ ท่านก็เลยถามอีกว่า "ทำไมไม่ทำที่ใจล่ะ"ฯ




    • "สร้างพระไว้ในใจของเรา ได้บุญยิ่งกว่าสร้างพระข้างนอก"ฯ
    • ครั้งหนึ่งท่านพ่อใช้ลูกศิษย์คนหนึ่งถางหญ้าที่หน้าวัด คนนั้นก็ทำไปโดยไม่เต็มใจ คิดแต่ในใจว่า "กรรมอะไรน้อ ที่ต้องทำงานอย่างนี้" พอเขาทำเสร็จ ท่านพ่อก็บอกว่า "โยมได้บุญหรอก แต่ได้ไม่ต็มที่"

      "โฮ ท่านพ่อ ทำถึงขนาดนี้ยังไม่ได้หรือ"

      "โยมจะให้ได้เต็มที่ บุญก็ต้องถึงใจ"ฯ
    • เรื่องหญ้ายังมีอีก วันหนึ่งท่านพ่อชี้หญ้าที่ขึ้นรกบริเวณกุฏิให้โยมคนหนึ่งดู แล้วถามเขาว่า "หญ้าปากคอกโยมไม่เอาหรือ"

      "เป็นยังไงท่านพ่อ หญ้าปากคอก"

      "ก็บุญที่อยู่ใกล้ตัว ที่คนอื่นเขามองข้ามไป นั่นเรียกว่าหญ้าปากคอก"ฯ
    • อีกครั้งหนึ่งท่านพ่อพาลูกศิษย์จากกรุงเทพฯ ขึ้นไปทำความสะอาดบริเวณพระเจดีย์ พอดีเจอเศษขยะที่ใครไม่ทราบทิ้งไว้บนนั้น ลูกศิษย์คนหนึ่งจึงบ่นขึ้นว่า "แหม ไม่น่าจะมีใครขาดความเคารพถึงขนาดนี้" แต่ท่านพ่อบอกว่า "อย่าไปว่าเขานะ ถ้าเขาไม่ทิ้งของไว้ พวกเราจะไม่มีโอกาสเอาบุญ"ฯ
    • วันหนึ่งโยมนำอาหารถวายท่านพ่อที่วัดมกุฏฯ แต่พอดีวันนั้นท่านได้รับนิมนต์ไปฉันข้างนอก เขาก็รอจนหมดเวลา เห็นท่านไม่มา จึงเอาอาหารนั้นไปกินเสียเอง พอท่านพ่อกลับมาถึงวัด เขาก็บ่นเสียดายว่า "แหม ลูกตั้งใจเอาอาหารมาถวายท่านพ่อ แต่ท่านพ่อไม่อยู่"

      "แล้วเอาอาหารนั้นไปทำอะไร"

      "ก็รอจนหมดเวลา เลยกินเอง""แล้วจะเอาอะไรอีก บุญก็ได้ ไส้ก็อิ่ม"ฯ
    • ในระหว่างพ.ศ. ๒๕๒๒ มีคนกลุ่มหนึ่งมาหาท่านพ่อที่วัดมกุฏฯ บ่อยๆ พอเห็นคนอื่นทำบุญกับท่านพ่อหรือเล่าเหตุการณ์ที่ปรากฏในสมาธิ เขาจะต้องยกมือไหว้แล้วว่า "สาธุ อนุโมทนา" เป็นเสียงดังๆพร้อมๆกันทุกครั้งไป ท่านพ่อจึงตั้งฉายากลุ่มนี้ว่า "พวกหุ้นลม"ฯ
    • "ทำดีให้มันถูกตัวดี อย่าให้มันดีแต่กิริยา"ฯ
    • วันหนึ่งหลังจากชื่อท่านพ่อปรากฏในวารสารฉบับหนึ่ง มีผู้ชายสามคนลางานแล้วขับรถจากกรุงเทพฯมาระยอง เพื่อกราบนมัสการท่านพ่อที่วัด พอกราบเสร็จเขาก็สนทนาสักพักหนึ่ง แล้วถามท่านว่า "พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่เราพอจะกราบขอบารมีท่าน คงยังมีอยู่ในประเทศไทยเราใช่ไหมครับหลวงพ่อ"

      "มีหรอก" ท่านพ่อตอบ "แต่ถ้าเราเที่ยวไปขอบารมีจากท่านบ่อยๆ โดยไม่ได้สร้างของเราเอง ท่านเห็นว่าเราเป็นขี้ขอ ท่านคงจะขี้เกียจให้"ฯ
    • ครั้งหนึ่งมีโยมที่ปากน้ำ สมุทรปราการ บอกผ่านลูกศิษย์ของท่านพ่อว่า อยากถวายปัจจัยหลายหมื่นบาท เพื่อช่วยสร้างพระใหญ่ที่วัดธรรมสถิต แต่จะขอให้ท่านพ่อไปรับที่บ้านเขา พอลูกศิษย์ถวายท่านพ่อ ท่านก็ปฏิเสธทันที โดยพูดกับลูกศิษย์ว่า "คนเราต้องไปหาบุญ ไม่ใช่ว่าจะให้บุญมาหาเรา"ฯ
    • อีกครั้งหนึ่ง มีโยมโทรศัพท์ผ่านสำนักงานวัดมกุฏฯว่า เขาจะทำบุญที่บ้าน แล้วอยากจะนิมนต์ท่านพ่อไปฉันในงานนั้นด้วย เพราะได้ข่าวว่าท่านเป็นพระสุปฏิปันโน พอพระจากสำนักงานเล่าถวายท่านพ่อ ท่านก็ปฏิเสธที่จะไป แล้วต่อท้ายว่า "ข้าวของเขาจะวิเศษถึงขนาดนั้นหรือ ต้องเป็นพระอริยะเจ้าจึงจะให้กิน"ฯ
    • มีคนมาปรารภกับท่านพ่อว่า อยากจะทำบุญวันเกิด ท่านก็บอกว่า "ทำไมต้องทำวันเกิด ทำวันอื่นไม่เป็นบุญหรือ คิดอยากจะทำบุญเมื่อไร ก็ให้รีบทำวันนั้น อย่าไปรอวันเกิด กว่าจะถึงวันเกิด เราอาจจะถึงวันตายก่อนก็ได้"ฯ
    • อีกคนหนึ่งบอกกับท่านพ่อว่า จะทำบุญฉลองวันเกิด ท่านก็ตอบว่า "ฉลองมันทำไม วันเกิดก็คือวันตายนั่นแหละ"ฯ
    • "มัวแต่นึกถึงวันเกิด ให้นึกถึงวันตายเสียบ้าง"ฯ
    • "คนเราทุกคนก็อยู่ในบัญชีตาย พอเกิดมาเราก็เข้าคิวรอเขาประหารชีวิต จะถึงตัวเราเมื่อไรก็ไม่มีใครรู้ ฉะนั้น เราจะประมาทไม่ได้ ต้องรีบสร้างความดีของเราให้ถึงพร้อม"ฯ
    • มีลูกศิษย์ต่างชาติมาขอปฏิบัติธรรมกับท่านพ่อใหม่ๆ ถามถึงเรื่องชาติก่อน-ชาติหน้า ว่ามีจริงหรือไม่ ท่านตอบว่า "คนเราจะปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าสอนให้เชื่ออย่างเดียว คือเชื่อเรื่องกรรม นอกจากนั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่สำคัญ"ฯ
    • ท่านพ่อเคยปรารภคนที่ไม่สนใจนั่งภาวนา แต่ยินดีช่วยงานก่อสร้างในวัดว่า "บุญเบาๆ เขาไม่ชอบ ต้องหาบุญหนักๆให้เขาทำ จึงจะถึงใจเขา"ฯ
    • เมื่อครั้งสร้างเจดีย์เสร็จใหม่ๆ มีลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งนั่งคุยกันชื่นชมยินดี ในผลานิสงส์ผลบุญ ที่เขาจะต้องได้รับจากการสร้างบุญในคราวนี้ เผอิญท่านพ่อเดินผ่านได้ยินเข้า จึงพูดเปรยๆว่า "อย่าไปติดอยู่ในวัตถุ ทำบุญแล้วอย่าไปติดอยู่ในบุญ มัวแต่เอาใจไปคิดว่า เจดีย์นี้ฉันสร้างมากับมือ ดีไม่ดีเป็นลมตายไปตอนนี้ แทนที่จะได้เกิดเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์กับเขา จะต้องไปเกิดเป็นเปรตงูเหลือม เฝ้าเจดีย์ก่อนสัก ๗ วัน เพราะใจมัวแต่ไปข้องยึดอยู่ในวัตถุว่า ของฉัน ของกู อยู่นั่นแหละ พอจะตายก็เจดีย์ของกูๆ"ฯ
    • "คนเรา ถ้าทำดีแล้วติดดี ก็ไปไม่รอด เมื่อใจยังมีติด ภพชาติยังมีอยู่"ฯ
    • บางครั้งเวลาลูกศิษย์นั่งภาวนาหรือทำบุญใดๆ ท่านพ่อจะสอนให้อธิษฐานใจไว้ก่อน แต่คำที่จะสอนให้อธิษฐานนั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางครั้งท่านจะสอนให้อธิษฐานตามแบบฉบับของพระเจ้าอโศกว่า "เกิดชาติหน้า ขอให้มีความสามารถในตัวของตัวเอง นั่นก็พอ"ฯ
    • บางครั้งท่านจะสอนว่า "อย่าไปอธิษฐานอะไรให้มากมาย เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้ได้เกิดตามพระพุทธศาสนาก็แล้วกัน"ฯ
    • แต่ไม่ใช่ว่าท่านพ่อจะสอนลูกศิษย์ทุกคนให้อธิษฐานใจเวลาทำบุญ ศิษย์คนหนึ่งเคยกราบเรียนท่านว่า เวลาทำบุญจิตรู้สึกเฉยๆ ไม่นึกอยากจะขออะไรทั้งสิ้น ท่านก็บอกว่า "ถ้าจิตมันเต็มแล้ว ไม่ต้องขอก็ได้ เหมือนเราทานข้าวมันก็ต้องอิ่ม ถึงจะขอหรือไม่ขอให้มันอิ่ม อย่างไรมันก็ต้องอิ่ม"ฯ

    คำสอนของท่านพ่อลีฯ มีค่ามาก ปัจจุบันที่วัดอโศการาม ยังมีหนังสือรวมคำสอนของท่านพ่อขายอยู่ รวมถึงการอธิบายวิธีปฏิบัติอานาปานัสสติภาวนาตามแบบของท่านในแบบที่ 1 และแบบที่ 2 ที่ท่านเรียกว่า "ภาวนามัย" และมีบทไหว้พระสวดมนต์เพื่อตั้งธาตุ บำรุงธาตุด้วย ซึ่งบทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังภายในร่างกาย ผมเองได้ใช้บทสวดมนต์บทนี้รักษาธาตุขันธ์ก่อนที่จะได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต นับว่าเป็นบุญโดยแท้ที่ได้พบบทสวดมนต์บทนี้ ขอรับรองว่าเห็นผลได้จริงครับ ท่านที่เจ็บป่วยด้วยโรคตับ ไต ปอด หัวใจ หรืออวัยวะภายในต่างๆ ต้องลองดูกัน หากยังมีบุญรักษา รับรองได้ว่าคลายทุกข์แน่นอน....


     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    เจริญอิทธิบาท ๔ ในการดูลม

    <ABBR class=published title=2008-06-23T14:36:36+07:00>

    พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
    ( ท่านพ่อลี ธมฺมธโร )

    การทำสมาธิ ต้องประกอบด้วย อิทธิบาท ๔ ดังนี้

    ๑. ฉันทะ พอใจรักใคร่ในลมหายใจของเรา ตามดูว่าเวลาที่เราหายใจเข้า เราหายใจเอาอะไรเข้าไปบ้าง ถ้าหายใจเข้าไปไม่ออก ก็ต้องตาย หายใจออกไม่กลับเข้าก็ตาย , มองดูอยู่อย่างนี้ ไม่เอาใจไปดูอย่างอื่น

    ๒. วิริยะ เป็นผู้ขยันหมั่นเพียรในกิจการหายใจของเรา ต้องทำความตั้งใจว่าเราจะเป็นผู้หายใจเข้า เราจะเป็นผู้หายใจออก เราจะให้มันหายใจยาว เราจะให้มันหายใจสั้น เราจะให้หนัก เราจะให้เบา เราจะให้เย็น เราจะให้ร้อน ฯลฯ เราจะต้องเป็นเจ้าของลมหายใจ

    ๓. จิตตะ เอาจิตเพ่งจดจ่ออยู่กับลมหายใจ ดูลมภายนอกที่ มันเข้าไปเชื่อมต่อประสานกับลมภายใน ลมเบื้องสูง ท่ามกลาง เบื้องต่ำ ลมในทรวงอกมีปอด หัวใจ ซี่โครง กระดูกสันหลัง ลมในช่องท้อง มีกระเพาะอาหาร ตับไต ไส้ พุง ลมที่ออกตามปลายมือ ปลายเท้า ตลอดจนทุกขุมขน

    ๔. วิมังสา ใคร่ครวญ สำรวจ ตรวจดูว่าลมที่เข้าไปเลี้ยงร่างกาย เรานั่น เต็มหรือพร่อง สะดวกหรือไม่สะดวก มีส่วนขัดข้องที่ควร จะปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง ดูลักษณะ อาการ ความหวั่นไหวของลมภายนอกที่เข้าไปกระทบกับลมภายในว่ามันกระเทือนทั่วถึงกันหรือไม่ ลมที่เข้าไปเลี้ยงธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟนั้น มีลักษณะเกิดขึ้น ทรงอยู่และเสื่อมสลายไปอย่างไร
    ทั้งหมดนี้ ขัดเข้าใน รูปกัมมัฏฐาน และเป็นตัว มหาสติปัฏฐาน ด้วย จิตที่ประกอบด้วยอิทธิบาท ๔ พร้อมบริบูรณ์ด้วยสติสัมปชัญญะ ก็จะเกิดความสำเร็จรูปในทางจิตให้ผลถึงโลกุตตระ เป็นโสดา สกิทา คา อนาคา และอรหันต์ สำเร็จรูปทางกายให้ผลในการระงับเวทนา





    </ABBR>
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์


    ( ท่านพ่อลี ธมฺมธโร )
    • หน้าที่ของเราในการทำสมาธิมีอยู่ ๔ อย่าง คือ ๑. รู้ลมเข้าออก ๒. รู้จักปรับปรุงลมหายใจ ๓. รู้จักเลือกว่าลมอย่างไหนสบาย ไม่สบาย ๔. ใช้ลมที่สบายสังหารเวทนาที่เกิดขึ้น
    • รู้กายในกาย นี้เป็น กายคตาสติ คือ รู้ลมในร่างกายของเราตั้งแต่เบื้องสูงจดเบื้องต่ำ เบื้องต่ำขึ้นไปหาเบื้องสูง กระจายลมให้เต็มทั่วร่างกายเหมือนกับน้ำที่เต็มอ่าง ก็จะได้รับความเย็นตลอดทั่วร่างกาย
    • สติ เป็นชีวิตของใจ ลม เป็นชีวิตของกาย

    • การที่เรารักษาลมหายใจไว้ด้วยความมีสตินี้ เหมือนกับเราได้รักษาความเป็นอยู่ของเราไว้ทั้ง ๓ วัย คือ เมื่อเป็นเด็กก็รักษาความเจริญของวัยเด็กไว้ เมื่อเติบโตขึ้นก็รักษาความเจริญของความเป็นผู้ใหญ่ไว้ และเมื่อแก่ก็รักษาความเจริญของวัยชราไว้อีก ให้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความมีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ ทำอย่างนี้ให้ติดต่อไม่ขาดระยะ ตลอดวันคืนทุกอิริยาบถ
    • ลม เหมือน สายไฟ , สติ เหมือน ดวงไฟฟ้า ถ้าสายไฟดี ดวงไฟก็สว่างแจ่ม
    • ลม ปราบเวทนา สติ ปราบนิวรณ์
    • การทำสมาธิ ต้องตั้งจิตของเราให้เที่ยง ตรงแน่วอยู่กับลมหายใจ เหมือนนายพรานที่เล็งธนู จะต้องเล็งให้แม่น จึงจะยิงได้ตรงถูกจุดหมาย
    • การเชื่อมประสานลม ขยายลมไปตามธาตุต่าง ๆ ตลอดทั้งอวัยวะเส้นเอ็นทุกส่วนในร่างกาย ก็เหมือนกับเราทำการตัดถนนสายต่าง ๆ ให้ติดต่อถึงกัน ประเทศใดเมืองใด ที่มีถนนหนทางมาก ก็ย่อมมีตึกร้านบ้านเรือนแน่นหนาขึ้น เพราะมีการคมนาคมสะดวก บ้านนั้น เมืองนั้นก็ย่อมจะมีความเจริญมากขึ้น ฉันใด ร่างกายของเราก็เช่นเดียวกัน ถ้าเรามีการปรับปรุงแก้ไขลมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ดีอยู่เสมอแล้วก็เปรียบเหมือนกับเราตัดตอนต้นไม้ส่วนที่เสียให้กลับงอกงามเจริญขึ้นฉันนั้น
    • ลมภายนอกกับภายในนั้นต่างกัน ลมภายนอกนั้นแต่งไม่ได้ ต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ลมภายในนั้นแต่งได้ ปรับปรุงแก้ไขได้ เพราะเป็นลมที่อาศัยวิญญาณหรือจะเรียกว่า วิญญาณอาศัยลม ก็ได้
    • รู้ลมเป็น "วิตก" รู้ลักษณะของลมเป็น "วิจาร" ปล่อยให้กระจายซาบซ่านไปทั่วเป็น "ปิติ" สบายกายสบายจิต เป็น "สุข" จิต อยู่กับลมเป็นอันเดียว ขาดจากนิวรณ์ เป็น "เอกัคคตา" (เข้าในสติสัมโพชฌงค์)
    • ลมหนักหายใจแคบก็ได้ ถ้าลมเบาต้องหายใจให้กว้าง ถ้าเบามากจนละเอียด ไม่ต้องหายใจทางจมูกเลย จะรู้ลมเข้าลมออกได้ทุกขุมขนทั่วสรรพางค์กาย
    • ลมในกายตัวเรานี้ มิใช่มีแต่เฉพาะที่พุ่งเข้าพุ่งออกจากทางจมูกอย่างเดียว ลมในร่างกายนี้ ระบายออกได้ทั่วทุกขุมขน เหมือนกับไอน้ำที่ระเหยออกจากก้อนน้ำแข็ง และมีลักษณะละเอียดมากว่าลมภายนอก เมื่อมันกระจายออกมากระทบกันเข้า จะเกิดเป็นผลสะท้อนกลับเข้าสู่ร่างกายอีก เรียกว่า "ลมอุ้มชู" เป็นลมที่ช่วยให้จิตใจและร่างกายสงบเยือกเย็น ฉะนั้นเวลาหายใจเข้าไป จึงควรทำลมให้เต็มกว้างภายใน และเวลาหายใจออกก็ให้มันเต็มกว้างทั่วบริเวณตัวเอง
    • "ควรมีสติ" รู้ลมหายใจเข้าออกนี้อย่างหนึ่งกับ "สัมปชัญญะ" ความสำรวจรู้ในกองลมที่เดินขยับขยายไปทั่วร่างกาย รู้ว่ากว้างหรือแคบ ลึกหรือตื้น หนักหรือเบา เร็วหรือช้า ฯ ล ฯ นี้อย่างหนึ่ง ๒ อย่างนี้เป็น "องค์ภาวนา"
    • การที่เรามานั่งตั้งสติ กำหนดอยู่กับลมหายใจด้วยคำภาวนาว่า พุท เ ข้า โธ ออก ไม่ลืม ไม่เผลอ อย่างนี้ก็จัดว่าเป็น พุทธคุณ เมื่อจิตของเราไม่มีสัญญาอารมณ์ใดๆ มาเกาะเกี่ยว เกิดความความสว่างไสว อิ่มเอิบ ขึ้นในดวงใจ นี่ก็จัดว่าเป็น ธรรมคุณ การขยับขยายลมหายใจเข้าออก ให้มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ทั่วตัว อันนี้จัดว่าเป็น สังฆคุณ รวมความก็คือ เกิดความรู้ความสว่างเป็นตัว พุทธะ จิตเที่ยงเป็นตัว ธรรมมะ รักษาความดีและเพิ่มความดีที่มีอยู่แล้วให้มีมากขึ้นเป็นตัว สังฆะ ฯ
    • ลม เป็นพี่ชายใหญ่ เพราะลมช่วยไฟ ไฟช่วยน้ำ น้ำช่วยดิน มันสงเคราะห์กันเป็นสามัคคีธาตุดังนี้
    • ทำลมให้มันหนัก แน่น เหนียว เหมือนยางรถยนต์ที่เส้นมันแบบบางนิดเดียว แต่สามารถบรรทุกคนได้ตั้ง ๔๐ - ๕๐ คน นั้นก็เพราะอำนาจของลม ฉะนั้น ลมแน่นจึงมีอำนาจที่จะบังคับอะไร ๆ ได้ทุกอย่าง
    • การที่เรามานั่งภาวนากันอยู่นี้ เปรียบเหมือนกับเรามาขัดสีข้าวเปลือกในยุ้งของเราให้เป็นข้าวสาร จิตของเราเปรียบด้วยเมล็ดข้าว นิวรณ์ทั้ง ๕ เปรียบเหมือนกับเปลือกที่หุ้มเมล็ดข้าวอยู่ เราจะต้องกะเทาะเอาเปลือกนอกนี้ออกจากเมล็ดข้าวเสียก่อน แล้วขัดสีเอาคราบที่ไม่สะอาดออกอีกชั้นหนึ่ง ต่อจากนี้เราจะได้ข้าวสารที่ขาวบริสุทธิ์ วิธีขัดสีนั้นก็ได้แก่ วิตก วิจาร
    • วิตก ได้แก่การที่เรากำหนดจิตให้รู้อยู่กับลมหายใจเข้าออก ลักษณะอย่างนี้เหมือนกับเรากอบเมล็ดข้าวใส่ลงในฟันสี เราก็จะต้องคอยดูอีกว่า ฟันสีของเรานั้นดีหรือไม่ดี ถ้ารู้แต่ลมเข้า ไม่รู้ลมออกเพราะเผลอหรือลืมเสีย ก็เท่ากับฟันสีของเรามันกร่อนหรือหักไปต้องจัดการแก้ไขทันที คือเอาสติมาตั้งอยู่ กับลมหายใจปัดสัญญาอารมณ์ต่าง ๆ ทิ้งให้หมด
    • วิจาร ได้แก่โยนิโสมนสิการ คือการสังเกต ตรวจตราลมที่หายใจเข้าไปนั้นว่า มีลักษณะอย่างไร สะดวกหรือไม่สะดวก โปร่งโล่ง หรือขัดข้องอย่างไรบ้าง กระจายลมให้ทั่วเพื่อขับไล่ลมร้ายออกจากตัว ขจัดส่วนที่เป็นโทษออกให้เกลี้ยง เหลือแต่ส่วนที่ดีไว้ ธาตุต่างๆทุกส่วนในร่างกายของเราก็จะกลายเป็นธาตุบริสุทธิ์ จิตก็จะใส ใจก็จะแจ่ม ร่างกายก็จะเย็นสบาย มีแต่ความสุข
    • ลมที่หายใจเข้าไปในร่างกายนี้ เราจะต้องขยับขยายส่งไปเชื่อมต่อกับธาตุต่างๆ ทุกส่วนในร่างกายให้ทั่ว ธาตุลมก็ให้มันไปเชื่อมกับธาตุไฟ ธาตุไฟเชื่อมกับธาตุน้ำ ธาตุน้ำเชื่อมกับธาตุดิน ธาตุดินเชื่อมกับธาตุอากาศ อากาศเชื่อมกับวิญญาณ ทำธาตุทั้ง ๖ ให้เป็นสามัคคีกลมเกลียวกัน ร่างกายของเราก็จะได้รับความสุขสมบูรณ์เหมือนกับเราบัดกรีขัน (ขันธ์) ของเราไม่ให้แตกร้าว ขันนั้นก็จะบรรจุน้ำได้เต็มทั้งใสและเย็นด้วย ความเต็มนี้ ได้แก่บุญกุศล ความใส เกิดจากจิตที่เที่ยง ไม่เอนเอียง ความเย็น ได้เพราะขันน้ำ ตั้งอยู่ภายใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา คือพระพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ
    • สติปัฏฐาน ๔ คือ ลมหายใจเป็น กาย สบายไม่สบายเป็น เวทนา ความบริสุทธิ์ผ่องใสเป็น จิต ความตั้งเที่ยงของจิตเป็น ธรรม
    • ลมร้อน สร้างโลหิตดำ ลมอุ่น สร้างโลหิตแดง ลมเย็น สร้างโลหิตขาว
    • "พุทโธ" เป็น คำภาวนา การมีสติรู้ลมหายใจเข้าออก เป็นองค์ภาวนา เป็นตัว "พุทธะ" เมื่อจิตอยู่ทิ้งคำภาวนาได้ คำภาวนาเหมือนเหยื่อหรือเครื่องล่อ เช่นเราอยากให้ไก่เข้ามาหาเรา เราก็หว่านเมล็ดข้าวลงไป เมื่อไก่วิ่งเข้ามาหาแล้ว เราก็ไม่ต้องหว่านอีกฉันใดก็ฉันนั้น
    • เจ็บตรงไหน ให้เพ่งลมให้เลยไปจากที่นั่นจึงจะได้ผลเหมือนเราเจ็บตรงหัวเข่า ต้องเพ่งให้เลยไปถึงปลายเท้า เจ็บที่ไหล่ต้องเพ่งให้ลงไปถึงแขน
    • การภาวนา "พุทโธ ฯ" เป็นคำนาม ความรู้สึกตามคำภาวนาเป็น "พุทธะ" สติคือเชือก จิตเหมือนลูกโค ลมเป็นหลัก ต้องเอาสติผูกจิตไว้กับลม จิตจึงจะไม่หนีไปได้ สูบลมหายใจให้เหมือนกับชักว่าว ถ้าลมอ่อนต้องดึงเชือกให้สั้น ลมแรงต้องผ่อนให้ยาว หายใจให้เหมือนกับรินน้ำออกจากถ้วยแก้ว ถ้าเราไม่รินมันมันก็ไม่ออก หรืออีกอย่างหนึ่งก็เหมือนกับรดน้ำต้นไม้หรือรดน้ำถนน
    • พูดถึงการ "ภาวนา" ซึ่งเราจะพากันทำต่อไปนี้ ก็เป็นบุญอย่างยอด เราไม่ต้องลงทุนอะไรมากด้วย เพียงแต่นั่งให้สบาย จะขัดสมาธิหรือพับเพียบก็ได้แล้วแต่จะเหมาะแก่สถานที่และสังคม มือขวาวางทับมือซ้ายแล้วก็ตั้งใจหายใจเข้าออก ด้วยการระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
    • "ภาวนา" ไม่ใช่เป็นเรื่องของพระธุดงค์ หรือเป็นของพระของเณร เป็นคนโง่คนฉลาดหรือคนมีคนจน แต่เป็นของซึ่งทุกคน ทุกเพศ ทุกชั้น ทุกวัยทำได้ คนเจ็บคนไข้นั่งนอนอยู่กับบ้านก็ทำได้ และทำได้ไม่เลือกกาลเลือกเวลา เราเสียสละเพียงเล็กน้อยเพื่อแลกกับความดีอันนี้ คือ เสียสละเวลา สละการนอน สละความเจ็บปวดเมื่อย
    • ต้องใช้ความอดทนพยายาม สละกายบูชาพระพุทธ สละวาจาบูชาพระธรรม สละใจบูชาพระสงฆ์ เรียกว่า "ปฎิบัติบูชา" ตั้งใจอุทิศตัวของเราให้เป็นกุฎิ แล้วก็นิมนต์พระพุทธเจ้า เสด็จเดินจงกรมเข้าไปในช่องจมูกด้วยลมหายใจเข้า "พุท" ออก "โธ" ทำดังนี้ พระพุทธเจ้าก็ต้องมาอยู่กับตัวเรา ช่วยคุ้มครองรักษาเรา เราก็จะมีแต่ความสุขร่มเย็น และเบิกบานแจ่มใส
    • ลมร้อนเป็นลมสังหาร ทำเวทนาให้เกิดก่อความทรุดโทรมของร่างกาย ลมเย็นเป็นลมสร้าง ลมอุ่นเป็นลมรักษา
    • ลมหยาบ มีลักษณะยาวและช้า ลมละเอียดมีลักษณะสั้น และ เบา สามารถแทรกซึมเข้าไปในตัวได้ทุกต่อมโลหิต เป็นลมที่มีคุณภาพดียิ่ง
    • การทำลมยาวเกินไปก็ไม่ดี มักมีนิวรณ์ สั้นมากเกินไปก็ไม่ดี ควรทำให้พอเหมาะพอดีกับตัว เป็นมัชฌิมาปฏิปทา จึงจะดี
    • เมื่อ "จิต" ของเราไม่เกาะเกี่ยวกับสัญญาอารมณ์ใดๆ เพ่งเฉพาะอยู่แต่ลมเข้าลมออกอย่างเดียว "จิต" นั้น ก็ย่อมจะเกิดแสงสว่างขึ้น คือ "วิชา" เหมือนลูกปืนที่แล่นไปในอากาศ ย่อมจะเกิดเป็นไฟ คือ "แสงสว่าง" ขึ้นเช่นเดียวกัน
    • กายสงบ ก็ได้วิชาจากกาย จิตสงบก็ได้วิชาจากจิต ลมสงบก็ได้วิชาจากลม
    ทั้งหลายทั้งปวงข้างต้นนี้ หาอ่านได้ในยาใจดอทคอมตามข้างล่างนี้ครับ และหากเป็นไปได้ในบทสำคัญๆ ให้ทำเข้าเล่มเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว ไปไหนก็หยิบไปด้วย อ่านได้ ปฏิบัติดี โลกนี้และโลกหน้าย่อมเป็นที่เป็นสุขคติแก่เรา ตลอดไป....

    ยาใจ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2010
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103

    ขออนุโมทนาและสาธุบุญกับทุกๆ ท่านข้างต้น ด้วยใจจริงครับ ...สาธุ นิพานะ ปัจจะโย โหตุ บุญอันใดที่ท่านทั้งหลายได้ตั้งใจประพฤติและปฏิบัติด้วยจิตที่ยินดีอันยิ่งด้วยแล้วนี้ ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวได้มีส่วนในบุญนี้ด้วยเทอญ...

    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2010
  14. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    917
    ค่าพลัง:
    +4,292
  15. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ปูส่งไปร่วมบุญกับแม่ด้วย 350 บาทนะคะ ทุกเดือนเลยค่ะ แต่ไม่ได้แจ้งพี่เสืออ่ะค่ะ

    และได้ข่าวมาอ่ะค่ะ ว่า

    ขอความร่วมมือญาติธรรมโปรดสวดภาวนาขอบารมีพระรัตนตรัยเพื่อให้หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดป่ากุง จ.ร้อยเอ็ด หายจากอาพาธโดยเร็ว



    เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีข่าวจากญาติธรรมที่รู้จักกันฝากบอกมาครับว่า1-2คืนที่ผ่านมา


    หลวงปู่ศรี มหาวีโรมีอาการอาพาธค่อนข้างหนักจึงอยากขอความร่วมมือญาติธรรมทั้งหลาย
    โปรดสวดภาวนาขอบารมีพระรัตนตรัยเพื่อให้หลวงปู่ศรี หายจากอาพาธโดยเร็ว
    และทรงสังขารอยู่อย่างสุขภาพดี อย่างยาวนานเท่าที่เหตุปัจจัยจะอำนวยด้วยเทอญ

    และขอญาติธรรมทุกท่านช่วยอธิษฐานช่วยท่านทุกครั้งที่ทำบุญกุศลด้วยนะครับ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

    ตัวผมเริ่มก่อนเลยนะครับ
    ข้าพเจ้าขออธิษฐาน ขอบารมีคุณพระรัตนตรัยอันมีบารมีของ
    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระมหาโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์
    พระมหาอัครสาวก ทุกๆพระองค์
    พระอริยสงฆ์ทุกๆพระองค์
    และตลอดจนบารมีของทวยเทพเทวดาทั้งหลายผู้สัมมาทิฎฐิ
    แผ่ไปถึงองค์หลวงปู่ศรี มหาวีโรและขอให้อาการอาพาธของท่านทุเลาเบาบางโดยเร็ว
    และสามารถทรงสังขารธาตุขันธ์อยู่อย่างสุขภาพดี อย่างยาวนานเท่าที่เหตุปัจจัยจะอำนวยด้วยเทอญ

    พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักรวาลัง สังฆัง นิพพานะปะจะโยโหตุ
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103



    นี่เจ้าปูเอ๋ย... กำลังเราไม่ถึงท่านหรอก พระอริยเจ้าที่สำเร็จอรหัตผลแล้ว ท่านดำรงค์ขันธ์ไปตามธาตุขันธ์จะอำนวยให้เท่านั้น ท่านไม่ยึดติดในสิ่งเหล่านี้แล้ว มีแต่ญาติโยมเท่านั้นล่ะที่ติดท่าน หากท่านคิดจะละขันธ์สบายมาก เคยได้ยินหลวงตาบัวฯ เทศน์ให้ฟังไหมล่ะ "วันใดถ้าหลวงตาบัวฯ รู้ตัวว่าจะตาย ก็แค่เดินไป แล้วเอาหัวไปซุกต้นไม้นอนตายใต้ต้นไม้ก็ถือว่าจบเรื่องกัน" การตายหรือการละสังขารของพระอรหันต์ตามที่หลวงตาบัวฯ เทศน์ให้ฟัง ไม่ยุ่งยาก ไม่วุ่นวายเหมือนพวกกิเลสหนาอย่างพวกเรา เพราะจิตท่านมีสติกำกับตลอด ถ้าธาตุขันธ์ท่านไม่ไหว ก็เป็นเรื่องของท่านที่จะพิจารณาเองเพราะท่านจบกิจทางศาสนาแล้วจ๊ะ...

    อยู่อเมริการักษาตัวด้วยก็แล้วกัน และพี่ขออนุโมทนาและสาธุบุญกับปัจจัยที่ได้ร่วมบริจาคเพื่อรักษาสงฆ์อาพาธโดยผ่านทุนนิธิฯ นี้ด้วยอีกครั้งหนึ่ง...สาธุ

    [​IMG]


    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2010
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,103
    ดูวันละนิดจิตแจ่มใส พระพิมพ์สมเด็จสกุลเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์หลวงปู่ปั้น และพิมพ์วัดไชโยฯ ดูแล้วพิจารณาเนื้อหา พิมพ์ทรง ความเก่า แล้วไปวัดดวงกันที่ท่าพระจันทร์ ท่าน อ.ประถมฯ เขียนบอกว่า เฮ่ย! พระกิ๊กก๊อกนอกวงการ ใครจะไปสนใจ องค์ละไม่กี่ตังค์ ใครจะทำปลอม (ว๊ะ) แต่ตอนนี้เจอเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ ของปลอมทำเนียนมาก แถมขายได้ด้วย พวกเซียนตีสามนี่ นายแน่มาก...ขายตอนตีสามคืนวันเสาร์องค์ละ 2.- สายหน่อยเป็นหลักสิบหลักร้อย...สงสารคนตามเก็บจริงๆ อย่างที่บอกดูแล้ว จำให้ได้ก็แล้วกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PB010404.JPG
      PB010404.JPG
      ขนาดไฟล์:
      613.4 KB
      เปิดดู:
      92
    • PB010405.JPG
      PB010405.JPG
      ขนาดไฟล์:
      645.2 KB
      เปิดดู:
      87
    • PB010406.JPG
      PB010406.JPG
      ขนาดไฟล์:
      622.9 KB
      เปิดดู:
      78
    • PB010407.JPG
      PB010407.JPG
      ขนาดไฟล์:
      610.3 KB
      เปิดดู:
      98
    • PB010416.JPG
      PB010416.JPG
      ขนาดไฟล์:
      466.2 KB
      เปิดดู:
      85
    • PB010417.JPG
      PB010417.JPG
      ขนาดไฟล์:
      477.6 KB
      เปิดดู:
      85
    • PB010418.JPG
      PB010418.JPG
      ขนาดไฟล์:
      540.5 KB
      เปิดดู:
      84
    • PB010419.JPG
      PB010419.JPG
      ขนาดไฟล์:
      699.2 KB
      เปิดดู:
      83
    • PB010426.JPG
      PB010426.JPG
      ขนาดไฟล์:
      694.5 KB
      เปิดดู:
      93
  18. ^^ploy^^

    ^^ploy^^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +438
    พลอยขอร่วมทำบุญ 200 บาทนะคะ พรุ่งนี้โอนแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีค่ะ พลอยขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ...:VO
     
  19. ^^ploy^^

    ^^ploy^^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2010
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +438
    ผ่านบริการ K-Cyber Banking ตามรายละเอียด ดังนี้
    วันที่ทำรายการ : 25/09/2010 10:18:59 PM.
    หมายเลขอ้างอิง : TRIR100925531250
    โอนเงินจากบัญชี : ###-2-83380-#
    เพื่อเข้าบัญชี : 348-1-23245-9
    ธนาคารของบัญชีผู้รับโอน : ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
    สาขา : ถ.วิภาวดีรังสิต(ซันทาวเวอร์ส)
    จำนวนเงิน (บาท) : 200.00 บาท
    วันที่กำหนดโอนเงิน : 27/9/2010
     
  20. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายการทำบุญทุนนิธิประจำเดือนกันยายน 53 ดังนี้

    [​IMG]

    หนังสือสีเขียวๆ พี่น้องๆ ธรรม ช่วยกันลงขันนำมาฝากให้อ่านกันครับ

    ชื่อหนังสือ "โชคดีมีมงคล"

    คราวนี้ต่อด้วยช่วยกันจัดแจงชุดถวายคุณพระท่านสำหรับฉันเช้าครับ

    [​IMG]

    พี่เสือประธานทุนนิธินำเงินมาบริจาคที่ ณ จุดรับบริจาคครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    ยอดส่วนหนึ่งสำหรับบริจาคในเดือนกันยายนนี้ครับ

    [​IMG]

    ถ่ายรูปร่วมกัน ณ หน้าตึกกัลยาณิวัฒนาครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลังจากนั้นมาก็อธิฐานจิตร่วมกัน ณ ชั้น 6 ของตึกฯ ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC10154.JPG
      SDC10154.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154.9 KB
      เปิดดู:
      320
    • SDC10153.JPG
      SDC10153.JPG
      ขนาดไฟล์:
      166.7 KB
      เปิดดู:
      80
    • SDC10159.JPG
      SDC10159.JPG
      ขนาดไฟล์:
      195.5 KB
      เปิดดู:
      315
    • SDC10163.JPG
      SDC10163.JPG
      ขนาดไฟล์:
      174.5 KB
      เปิดดู:
      331
    • SDC10166.JPG
      SDC10166.JPG
      ขนาดไฟล์:
      175.2 KB
      เปิดดู:
      315
    • SDC10172.JPG
      SDC10172.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.2 KB
      เปิดดู:
      310
    • SDC10174.JPG
      SDC10174.JPG
      ขนาดไฟล์:
      166.6 KB
      เปิดดู:
      329
    • SDC10186.JPG
      SDC10186.JPG
      ขนาดไฟล์:
      170 KB
      เปิดดู:
      315
    • SDC10190.JPG
      SDC10190.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.1 KB
      เปิดดู:
      341
    • SDC10191.JPG
      SDC10191.JPG
      ขนาดไฟล์:
      185.9 KB
      เปิดดู:
      320
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...