ใครมีประสบการณ์

ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย ทัสชา 567, 20 พฤศจิกายน 2010.

  1. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    คำภาวนาหายไปอีกแล้วท่านทำยังไงดี คือภาวนาไปๆกะจะให้ครบ 108จบเช่นเคยแต่แล้ว ริมฝีปากหนักอึ้ง จิตเริ่มดับ สักพักหายไป
     
  2. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    ผมพูดง่ายๆตามความเข้าใจในอารมณ์นะครับ แบบในตำราอธิบายยาก

    คือ คำภาวนาเป็น ตัวช่วยในการทำสมาธิ เรารู้อยู่ว่า ภาวนาอะไรอยู่ และ คำภาวนามีอะไรบ้าง เรียกวิตก วิจาร พอ เข้าสมาธิ ลึกยิ่งขึ้น คำภาวนา เราจะเริ่มภาวนา ช้า ขึ้นเรื่อยๆๆ พอถึงระดับหนึ่ง คือฌาณ ที่ 2 คำภาวนาจะหายไป จะเหลือเพียงแต่ลมหายใจ

    ที นี้ ถ้าเราต้องการจะ ทำ ให้ลึกถึงฌาณ สมาบัติที่ 3-4 ก็ จับลมหายใจพร้อมคำภาวนา คือหายใจเข้าลมกระทบ จมูก หน้าอก ท้อง หายใจออก เข้ากระทบท้อง หน้าอก จมูก มีความรู้สึกว่าลมไหลกระทบครบ 3 ฐาน ถ้าเรายังภาวนาอยู่ ก็จะเป็นเป็นปฐมฌาณ ถ้าจับลมครบ 3 ฐาน และคำภาวนา หยุดไปเอง จะเป็นฌาณสมาบัติที่ 2 ครับ

    แต่ถ้าภาวนาคาถา คือ จับลมหายใจ รู้สึกเครียด ก็ให้ผ่อนมาที่ อารมณ์สบายๆครับ ไม่ต้องเครียด ฤทธิ์ของคาถาจะเกิดขึ้น ตอนนี้นะครับ

    ส่วน เมื่อผ่อนอารมณ์มาสบายๆแล้ว ให้ทรงอารมณ์สบายๆ ไว้สักพัก ให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกพักผ่อนเต็มที่แล้ว ให้เจริญวิปัสสนา หรือ สติปัฏฐานสูตร 4 ต่อไปครับ


    ฌาณ 3 ร่างกายจะเริ่มตรึงเครียด เหมือนถูกรัดเอาไว้ ร่างกายไม่อยากขยับ ภายนอกจะเกิดอะไรขึ้นเริ่ม
    ไม่ค่อยอยากจะสนใจใส่ใจเท่าไร ขยับอีกนิด ก็ฌาณสมาบัติ ที่ 4 สิ่งต่างๆที่อยู่ภายนอกจะไม่รับรู้ จิตมีความสว่างพอสมควรตามกำลังของจิต

    ภาวนาๆมาก จะ เป็นอย่างนี้ ครับ ทีคุณเรียกว่าจิตดับ ผมก็เป็น คือสมาธิลึก มากจนไม่สนใจ ตัดความรู้สึกภายนอก ออกจากจิต อย่างสิ้นเชิง ถ้าหากจิตจะรู้สึกสบายๆ ปนเครียดๆนิดหนึ่ง คือลักษณะที่ เครียดๆปนสุขๆคือ ฌาณสมาบัติ ที่ 3 นะครับ ให้ผ่อนอารมณ์ ลงมา ลองพิจารณา สติปัฏฐาน 4 แบบหลวงพ่อจรัญ ดูครับ

    ที่อธิบายทำเพื่อบรรลุมรรคผล เรื่องสมาธิ สมถะ ผมพอที่จะทราบ ส่วนวิปัสสนา คงต้องถามผู้รู้ท่านอื่นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2010
  3. prapaisri

    prapaisri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +152
    ขอบคุณมากค่ะ เดี๋ยวจะลองมั่ง มีครั้งหนึ่งดิฉันเปิดเทป พระท่านเทศน์จู่ๆหูก็เกิดดับวูบลงไปเฉยๆ บรรยากาศเหมือนลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งได้ยินเสียงพระเทศน์เด่นชัดมาก เสียงคนเสียงรถวิ่งอยู่นอกบ้านก็ได้ยินนะ แต่เสียงเทศน์ชัดก่วา รู้สึกว่า เป็นอยู่ระยะหนึ่งก็คลายออก ก็งงๆเหมือนกันค่ะ
     
  4. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    กำลังหัดดูสติปัฎฐานสี่พิจารณากายตามที่คุณบอกค่ะขอบคุณมากค่ะ
     
  5. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    อีกสักพักคุณก็จะดับไปไม่งงนะคะ ค่อยๆฝึก พวกเราทำทีละนิดทีละหน่อย สะสมหน่วยกิต นำ้ฝนตกใส่โอ่งทีละนิดเดี๋ยวก็เต็มโอ่งเอง
     
  6. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    สวัสดีคะ รายงานตัวแต่เช้าก่อนคะ
    มีเรื่องสงสัยคะ คือว่า โดยส่วนตัวเวลานั่งสมาธิ จะมักกำหนดลมหายใจ เป็นพุทโธ ๆ และ บางครั้งบางเวลาก็จะกำหนดลมหายใจ และ ท่อง
    นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ
    แต่ด้วยมีเหตุผลที่ไม่เข้าใจอ เวลานั่งสมาธิที่ไร จะมีอาการแบบแปลก และ ตนเองคิดว่า เกิดจากมโนจริต ภายในใจมากกว่า เกิดจากการนั่งสมาธิคะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะคะ ทำไมคิดเช่นนั้น เนื่องจากมีสาเหตุ
    เมื่อนั่งสมาธิ ไม่ว่าตนจะนั่งขัดสมาธิหรือไม่ จะเดิน หรือ เล่นคอม แล้วต้องการสมาธิ เมื่อใดที่หลับตาลง และ สวดมนต์ ในใจ เพียงเวลาไม่ถึง สอง หรือ สามนาที จะมีอาการ โงนเงนทันที และ ลมหายใจอยู่ๆก็แสบขึ้นมาในโพรงจมูก เหมือนสำลักน้ำ จะวิ่งขึ้นริ้วๆ ไปที่หัวคิ้ว ถึงกระบอกตา และ สักพักจะมีอาการเหมือนโดนบีบ ที่จมูก มีแสงที่สว่างเหลือง บางครั้งก็ขาว อยู่ข้างบนเหนือหัว ฝั่งด้านข้าง หากจิตนิ่งสักพัก แสงจะสว่างจ้า แต่เหมือนเราพยายามเพ่งมองไป แต่ไม่เห็นอะไร จมูกก็ยังรู้สึกแสบๆในโพรง
    ดังนั้น เมื่อเกิดอาการแบบนี้ทีไร จะ ถอยออกทันทีคะ จะไม่นั่งต่อ เพราะ ว่าไม่รู้คืออะไร ซึ่งส่วนตัวนั้น คิดว่า เป็นมโนจริต เพราะ ไม่มีใครที่จะนั่งสมาธิ หนึ่งนาที สองนาที แล้ว เห็นแสงสว่างได้ทันที ต้องเป็นคนที่เคยบำเพ็ญภาวนาเท่านั้น ที่สามารถกำหนดจิตได้รวดเร็ว และ ส่วนตัวเองแล้วแทบบอกได้เลยว่า ไม่ค่อยนั่งสมาธิเท่าไร หลังจากกลับมาจากกรุงเทพ เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยนั่ง มานั่งจริงจัง กับ คุณแม่ ที่กรุงเทพ ทำให้เกิดความชอบ แต่พอกลับมาถึงโคราช ตัวเองก็รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากทำ บอกตามตรงคะ แบบไม่โกหก เพราะ มีข้อขัดแย้งมากมาย จึงไม่คิดทำ และ ด้วยมีเสียงกระทบกลับมาว่า เราคิด และ แต่งแต้มจินตนาการตัวเองด้วยแล้ว แทบไม่อยากนั่งสมาธิ และ ไม่เชื่อว่า คนทั่วไปจะกำหนดจิต และ ถอดจิตได้ สามารถ เข้าถึงนิพพานได้ ความรู้สึกแบบนี้จะกังขาในใจ ยิ่งตนเองนั่งแล้วเป็นแบบนี้ ยิ่งเกิดความไม่เชื่อคะ เพราะ ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้เพียงเวลา ประเดี๋ยวประด๋าว สิ่งที่คิดคือ ตัวเองหลอกตัวเองมากกว่า สร้างจินตนาการ หรือ ไม่ก็คงไม่ใช่เทพแล้วหละ ดีไม่ดีเป็นสิ่งชั่วร้าย ที่คอยเสแสร้ง ให้ตัวเองเป็นเทพ อะไรแบบนี้ บอกตามตรงว่ากลัวคะ เพราะ ไม่รู้ว่าตัวเองคืออะไร
    ปัญหา คือ อาการที่เกิดขึ้นระหว่างนั่งสมาธินั้น คือ อะไรกันคะ เป็นมโนภาพ หรือ เกิดจากการนั่งสมาธิจริงๆและ ที่เกิดขึ้นเช่นนั้น เพราะ ร่างภายในท่านต้องการ และ เร่งให้เราปฎิบัติ
    พี่ๆมีความคิดเห็นว่าอย่างไรคะ

    .......................................................................................
    อ้อ ลืมไปคะ พี่ทัส ช่วงนี้ น้องกำลังจัดบ้านคะ ทำที่ทำทางให้น้องหมาคลอดลูกคะ และ รื้อของที่เก็บออกมาหมด จะจัดใหม่ แล้วก็คงเรื่อยมาเป็นห้องพระ ยาอยากทำอะไรให้เรียบร้อย ไหว้พระได้ถูกต้อง บางครั้งวางระเกะระกะ สงสารท่าน ท่านคงไม่ชอบใจแน่เลยคะ เฮ้อ แบบว่ายังไม่มีห้องพระ คะ คงต้องขนของออกแบ่งโซนสักหน่อย ตอนแรกตั้งใจจะทำห้องน้ำตกในห้องพระ เพราะ ชอบฟังเสียงน้ำไหล และ กลิ่นสปา ทำให้จิตใจเราผ่องใส อิอิอิ ขนของขึ้นมาเตรียมทำหมดแล้วก็อยู่ที่เดิมคะ แต่ไม่ขยับไปไหนเลยคะ ( ซื้ออ่างน้ำพุ ดินเผา และ โอ่ง มาทำน้ำพุ เป็นน้ำตกไหลกระทบ กะดินเผาคะ ฮ่าฮ่าฮ่า ของเก่าที่อยู่ในร้าน เมื่อก่อนคะ เลิกทำร้าน ก็เอามาแต่งบ้านต่อ ) ช่วงนี้ง่วนๆคะ ผลุบๆโผล่ๆ เข้าเวปอื่นบ้าง เวปนี้บ้างสลับกันไปมาคะ อิอิอิอิ แต่ตามอ่านทุกวันนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงคะ
     
  7. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    " เมื่อใดที่หลับตาลง และ สวดมนต์ ในใจ เพียงเวลาไม่ถึง สอง หรือ สามนาที จะมีอาการ โงนเงนทันที " ถ้าโยกซ้ายเอนขวา หน้าจะเป็นอาการปิติของระดับสมาธิ ระดับหนึ่งเท่านั้น

    " มีแสงที่สว่างเหลือง บางครั้งก็ขาว อยู่ข้างบนเหนือหัว ฝั่งด้านข้าง หากจิตนิ่งสักพัก แสงจะสว่างจ้า แต่เหมือนเราพยายามเพ่งมองไป แต่ไม่เห็น" ตรงนี้เป็นนิมิตลอยนะครับ อย่าไปใส่ใจ นิมิตลอย เพ่งมากๆจะหลอนและฟุ้งซ่าน ไปจนถึง อุปทาน ถ้าหากเป็นนิมิตที่ควรรักษา คือ นิมิตที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราสามารถกำหนด นึกขึ้นมาให้เห็นได้ ตามที่เราต้องการ ถ้าหากเกิดขึ้นมาแล้วกำหนดนิมิตให้เห็นได้ตามที่ตนต้องการ ก็ไม่ใช่นิมิตที่ต้องรักษา


    " เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยนั่ง มานั่งจริงจัง กับ คุณแม่ ที่กรุงเทพ ทำให้เกิดความชอบ แต่พอกลับมาถึงโคราช ตัวเองก็รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากทำ บอกตามตรงคะ แบบไม่โกหก เพราะ มีข้อขัดแย้งมากมาย จึงไม่คิดทำ และ ด้วยมีเสียงกระทบกลับมาว่า เราคิด และ แต่งแต้มจินตนาการตัวเองด้วยแล้ว แทบไม่อยากนั่งสมาธิ และ ไม่เชื่อว่า คนทั่วไปจะกำหนดจิต และ ถอดจิตได้ สามารถ เข้าถึงนิพพานได้ ความรู้สึกแบบนี้จะกังขาในใจ ยิ่งตนเองนั่งแล้วเป็นแบบนี้ ยิ่งเกิดความไม่เชื่อคะ " พอนั่งกลับคุณแม่ ก็รู้สึกชอบ แต่พอมานั่งเองรู้สึกเบื่อหน่าย และ มีเสียงมากระทบว่า " เราคิด และ แต่งแต้มจินตนาการตัวเอง ทำให้ไม่อยากนั่ง "

    ตรงจุดนี้เรียกว่ามารมาขวางนะครับ ให้ใช้วิปัสสนามาพิจารณาเหตุที่เกิดขึ้นว่า ที่เรานั่ง เรานั่งไปเพื่ออะไร ตั้งจุดหมายปลายทางที่แน่นอน เมื่อมีจุดหมายปลายทางที่แน่นอนแล้ว คนที่มาขวาง เรา ก็ไม่สามารถมาขวางทางเราได้ ใช่ใหมครับ จุดนี้มารมาขวางถือว่าทดสอบกำลังใจ คุณก็มาพิจารณาดูว่า การนั่งสมาธิ ด้านสมถะ คือจับลมหายใจ และภาวนา ทำให้จิตเราสงบ ระงับความฟุ้งซ่านของจิต ทำให้จิตเราสงบ ไม่วุ่นวายใจ เวลาเรารู้สึกรำคาญสิ่งต่างๆจากภายนอกร่างกาย เช่น เสียงนินทาของชาวบ้าน ทำให้เรารำคาญ ก็มานั่งกำหนดสมาธิให้สงบลง ระงับความโกรธให้บรรเทาลง
    การทำสมาธิในด้านวิปัสสนา ทำให้เรามีสติ อยู่ตลอดเวลา พิจารณาดูที่ว่า ที่เขานินทาเราถูกต้องไหม ถ้าถูกต้องเราควรจะแก้ใขอย่างไร นึกขอบคุณเขาที่ทำให้เรารู้ตัว หรือ อย่างไร ถ้าคนที่นินทาเราทำไม่ถูกจริงๆ เราก็มาพิจารราว่า เราควรโกรธเขา และทำเขาตอบไหม ถ้าเราโกรธเขา และ ทำเขาตอบ เราก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่นินทาว่าร้ายเรา เราอาจจะเลวกว่าเขาก็ได้ เพราะฉะนั้นเราควรวางเฉยดีกว่า
    เรื่องฤทธิ์เรื่องเดช ให้วางก่อนนะครับ ควรทำจิตให้สงบก่อนเป็นขั้นแรก เดี๊ยวพอเราผ่านด่านนี้ไป ก็รุดหน้าไปเรื่อยด้วยตัวเอง ครับ
     
  8. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    " เมื่อใดที่หลับตาลง และ สวดมนต์ ในใจ เพียงเวลาไม่ถึง สอง หรือ สามนาที จะมีอาการ โงนเงนทันที " ถ้าโยกซ้ายเอนขวา หน้าจะเป็นอาการปิติของระดับสมาธิ ระดับหนึ่งเท่านั้น

    " มีแสงที่สว่างเหลือง บางครั้งก็ขาว อยู่ข้างบนเหนือหัว ฝั่งด้านข้าง หากจิตนิ่งสักพัก แสงจะสว่างจ้า แต่เหมือนเราพยายามเพ่งมองไป แต่ไม่เห็น" ตรงนี้เป็นนิมิตลอยนะครับ อย่าไปใส่ใจ นิมิตลอย เพ่งมากๆจะหลอนและฟุ้งซ่าน ไปจนถึง อุปทาน ถ้าหากเป็นนิมิตที่ควรรักษา คือ นิมิตที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราสามารถกำหนด นึกขึ้นมาให้เห็นได้ ตามที่เราต้องการ ถ้าหากเกิดขึ้นมาแล้วกำหนดนิมิตให้เห็นได้ตามที่ตนต้องการ ก็ไม่ใช่นิมิตที่ต้องรักษา


    " เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยนั่ง มานั่งจริงจัง กับ คุณแม่ ที่กรุงเทพ ทำให้เกิดความชอบ แต่พอกลับมาถึงโคราช ตัวเองก็รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่อยากทำ บอกตามตรงคะ แบบไม่โกหก เพราะ มีข้อขัดแย้งมากมาย จึงไม่คิดทำ และ ด้วยมีเสียงกระทบกลับมาว่า เราคิด และ แต่งแต้มจินตนาการตัวเองด้วยแล้ว แทบไม่อยากนั่งสมาธิ และ ไม่เชื่อว่า คนทั่วไปจะกำหนดจิต และ ถอดจิตได้ สามารถ เข้าถึงนิพพานได้ ความรู้สึกแบบนี้จะกังขาในใจ ยิ่งตนเองนั่งแล้วเป็นแบบนี้ ยิ่งเกิดความไม่เชื่อคะ " พอนั่งกลับคุณแม่ ก็รู้สึกชอบ แต่พอมานั่งเองรู้สึกเบื่อหน่าย และ มีเสียงมากระทบว่า " เราคิด และ แต่งแต้มจินตนาการตัวเอง ทำให้ไม่อยากนั่ง "

    ตรงจุดนี้เรียกว่ามารมาขวางนะครับ ให้ใช้วิปัสสนามาพิจารณาเหตุที่เกิดขึ้นว่า ที่เรานั่ง เรานั่งไปเพื่ออะไร ตั้งจุดหมายปลายทางที่แน่นอน เมื่อมีจุดหมายปลายทางที่แน่นอนแล้ว คนที่มาขวาง เรา ก็ไม่สามารถมาขวางทางเราได้ ใช่ใหมครับ จุดนี้มารมาขวางถือว่าทดสอบกำลังใจ คุณก็มาพิจารณาดูว่า การนั่งสมาธิ ด้านสมถะ คือจับลมหายใจ และภาวนา ทำให้จิตเราสงบ ระงับความฟุ้งซ่านของจิต ทำให้จิตเราสงบ ไม่วุ่นวายใจ เวลาเรารู้สึกรำคาญสิ่งต่างๆจากภายนอกร่างกาย เช่น เสียงนินทาของชาวบ้าน ทำให้เรารำคาญ ก็มานั่งกำหนดสมาธิให้สงบลง ระงับความโกรธให้บรรเทาลง
    การทำสมาธิในด้านวิปัสสนา ทำให้เรามีสติ อยู่ตลอดเวลา พิจารณาดูที่ว่า ที่เขานินทาเราถูกต้องไหม ถ้าถูกต้องเราควรจะแก้ใขอย่างไร นึกขอบคุณเขาที่ทำให้เรารู้ตัว หรือ อย่างไร ถ้าคนที่นินทาเราทำไม่ถูกจริงๆ เราก็มาพิจารราว่า เราควรโกรธเขา และทำเขาตอบไหม ถ้าเราโกรธเขา และ ทำเขาตอบ เราก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่นินทาว่าร้ายเรา เราอาจจะเลวกว่าเขาก็ได้ เพราะฉะนั้นเราควรวางเฉยดีกว่า
    เรื่องฤทธิ์เรื่องเดช ให้วางก่อนนะครับ ควรทำจิตให้สงบก่อนเป็นขั้นแรก เดี๊ยวพอเราผ่านด่านนี้ไป ก็รุดหน้าไปเรื่อยด้วยตัวเอง ครับ
     
  9. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    เสียงนินทาของชาวบ้าน คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับยาแล้วนะคะ ยาชินแล้วคะ เพราะ คนเราหรือสังคมก็เป็นเช่นนี้ คน ไม่เคยจะก้มมองพิจารณาตัวเอง ส่วนใหญ่ชอบที่จะพิจารณาคนอื่น ทั้งที่คนอื่นๆนั้นไม่ได้ร้องขอ ในทางกลับกัน คนที่นิ่งเฉยแต่ถูกกระทำอยู่ร่ำไป ก็รู้สึกท้อ ในความรู้สึกของยานั้น เหน็ดเหนื่อย กับการมีชีวิต ที่จะเป็นคนที่ดี ในบางครั้งในความยากลำบากของเรา แม้แต่คนภายในครอบครัวยังมองเป็นผิด บางครั้งยาก็เหนื่อย กับความไม่เข้าใจคนรอบข้าง บางครั้งก็ต้องการหลีกหนี ไปให้ไกลๆ แต่มันก็ไม่ใช่หนทางออกที่จะแก้ปัญหาได้ใช่ไหมคะ บนถนนของความสุข มักพบความทุกข์เกลื่อนกราดเรียงรายบนพื้นถนนเช่นกัน ทุกวันนี้ ยาบอกได้เลยว่า ยาแทบไม่มีเพื่อนคะ แทบไม่มีจริงๆคะ มีก็แค่เพื่อนคุยในเน็ทที่ไม่เคยเห็นหน้า เพื่อนในชีวิต ไม่มีใครเลยคะ ไม่มี ยามีแค่แฟน และ ครอบครัวเท่านั้น
    คุณแม่ เคยพูดกับยาว่า ให้เอาอย่างพี่สาว พี่สาวขนาดเสียไปแล้ว เพื่อนไม่รู้จากทางไหนก็บินมาช่วยงาน โดยที่ไม่มีซองแจก หรือ เชื้อเชิญ จนแน่นถนัดตา พวงหรีดมากมายจนล้นวัด ซึ่งนั่น หมายถึง ความรักในฝูงชน เมื่อไรมีคนนับถือ และ เป็นที่รักของคนอื่นๆ คนเหล่านั้นก็จะถูกให้เกียรติ
    ยา ตอบคุณแม่ ไปว่า ยาไม่มีเพื่อนคะ หากยาตาย ก็คงเป็นงานที่เงียบที่สุด เพราะ ยาไม่มีใคร มีแต่สัตว์เลี้ยงของยา สองตัว และ แฟน กับคนในครอบครัวเท่านั้น สำหรับเพื่อนยา คงไม่มีใครมาโยนดอกไม้จันทร์หรอก ไม่มีจริงๆ
    เมื่อก่อน ยาเคยมีเพื่อน แต่เมื่อเราลำบากเพื่อนก็หาย ยาเลยไม่คิดจะมีเพื่อน และ ก็ไม่มีจริงๆ หลังจาก ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆหลายๆอย่างๆ ยาไม่คิดมีเพื่อนคะ ที่นี่ เพื่อนคืออะไรคะ เพราะเพื่อนหรือเปล่าทำให้เราไม่สบายใจ เพราะมีเพื่อนที่คอยแทงข้างหลัง เพราะมีเพื่อนคอยนินทาว่าร้ายเราเมื่อเราหันหลังให้ หรือ เดินลับตา เพราะเพื่อนที่จะมาหาเรามีเรามีเงิน ดังนั้น ทุกวันนี้ เปรียบเสมือนยาได้ปลีกตัวเองออกจากสังคมทีละนิด โดยที่ไม่วิ่งไปหาสังคมวุ่นวาย มีชีวิต อยู่เพื่อความรัก ของบางคน มีชีวิตแบบเงียบๆสงบ และก็คงจากไปสงบ ความทุกข์ของยาตอนนี้คงจะมีเพียงทุกข์ของครอบครัวที่ไม่เข้าใจ บางครั้งที่ต้องการกำลังใจ เพื่อเดินต่อสู้สิ่งต่างๆ เราหวังจะได้จากครอบครัว แต่แล้วกับสูญเปล่า เป็นได้แค่ความคาดหวัง ยามีเพียงแฟนที่ยืนข้างยาเสมอ ยามีเพียงเขาที่ร้องขอให้ยาต่อสู้เพื่อเขา และยืนหยัดในความเป็นคนที่สง่างาม ดังนั้น สังคมรอบข้าง จะนินทา หรือ อย่างไรก็คงไม่มีผลกับยา เพราะ ยาไม่ได้ไปอยู่ในสังคมกับเขาคะ ขอโทษทีคะระบายอารมณ์นิดหน่อยน้อยใจคุณแม่เท่านั้นคะ อิอิอิอิอิ
    เรื่อง
    ฤทธิ์เรื่องเดช ให้วางก่อนนะครับ

    ตรงนี้ยาไม่เข้าใจคะ เพราะยาไม่รู้ว่าหมายถึงอะไรคะ ยาคิดว่ายาไม่เคยแสดงออกมานะคะ นอกจาก บางครั้งมีอะไรกระซิบบอกให้บอกคนที่เราคุยด้วย แบบบังเอิญ ยาก็พูดเท่านั้น ยกตัวอย่าง ทักคนที่คุยทางเน็ทว่า เขาไปทำอะไรมา ควรไปแก้ซะ อะไรประมาณนั้น แต่ไม่บ่อย นานจะมีมาทีคะ อันนี้ก็บอกไม่ได้ถึงเหตุผลคะ ส่วนนอกนั้นก็จะไม่มีนะคะ
    แต่ว่า ยาขอบคุณมากคะ วิธีนั่งสมาธิ หรือ การกำหนดจิต มันดีสำหรับคนที่ไม่เคยศึกษา และ เหมือนมีคนชี้นำ ทางให้เดินคะ ยาเก็บข้าวของในบ้านเสร็จเมื่อไรก็คงได้นั่งจริงจังสักทีแล้วคะ รู้สึกเหนื่อยเหลือเกินอย่างพักเสียแล้วคะ ชีวิตนี้คงใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวรไปเรื่อยๆ ในชาตินี้และ ขออโหสิกรรม ในชาตินี้ ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาชดใช้กันและกันอีกคะ อะไรที่ผ่านมาทำให้ยาได้เสียใจ ยาถือว่าเป็นกรรมเก่า ที่เขามาทวงถามเราคืน ชาติก่อนเราเคยทำเขให้เจ็บช้ำใจ ชาตินี้ เราก็รับกรรมนั้นไป แต่สุดท้าย ยาขอยกมือไหว้ท่วมหัว และ กล่าวว่า สาธุ สาธุ สาธุ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ยาได้รับความเจ็บปวดยา อโหสิกรรมให้ และ ไม่ขอทวงถามคืน ให้เราได้หมดกรรมกันชาตินี้ เท่านี้พอ คะ สาธุ สาธุ สาธุ

    ยากับแฟนถูกคนเอาเปรียบเสมอ ถือว่าเป็นกรรมคะ เราได้ข้อยึดเหนี่ยวจิตใจตรงนี้คะ และ สาธุ สาธุ สาธุ ตลอดเวลา เราก็สุขใจ แบบง่ายๆ ไม่ต้องเคืองแค้น หรือ ขุ่นใจไม่สบายใจคะ นี่คือ หลักปฎิบัติธรรมของยา ในการใช้ชีวิต แบบเป็นคนปกติ ไม่จำเป็นต้องนุ่งขาว หรือ โกนหัว เราก็ปฎิบัติธรรมได้คะ แต่เมื่อไรที่ถึงเวลา ธรรมที่ต้องไป เราก็ต้องไป พี่คงเข้าใจความหมายของยานะคะ

     
  10. kornk

    kornk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +56
    อิติปิโส ถอยหลังเป็นคาถาสำหรับสะเดาะกุญแจด้วย ถ้าจิตตั้งมั่นมากพอ

    [/QUOTE]
     
  11. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    คาถาสำหรับสะเดาะกุญแจ คือ อะไรคะ สะเดาะกุญแจของอะไรคะ ยาไม่เข้าใจคะ
     
  12. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    พี่ hitman คะ ขอถามอีกครั้งคะ ฌาณ 3 ร่างกายจะเริ่มตรึงเครียด เหมือนถูกรัดเอาไว้ ร่างกายไม่อยากขยับ ภายนอกจะเกิดอะไรขึ้นเริ่ม
    คือ เมื่อตอนที่อยู่กรุงเทพ ยานั่งนานมาก และนั่งไม่พอ ต้องขึ้นไปข้างบนห้องพระพี่สาว เพื่อนั่งต่อ แบบเหมือนนังไม่อิ่มคะ แล้วนั่งไปสักพัก ก็จะรู้สึกมือเราที่สานประกบกันจะหนักอึ้ง และ เหมือนดึงไม่ออก มันยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ไม่เหมือนเป็นตะคริวนะคะ คนละเรื่อง มันถ่วงๆหนักๆยังไงไม่รู้คะ
    ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุของอะไรคะ
     
  13. kornk

    kornk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +56
    สะเดาะกุญแจที่ล็อคอยู่ เช่นกุญแจบ้าน ดังนั้นจึงเปรียบคาถาอิติปิโสถอยหลังเป็นเหมือนคาถาแก้สิ่งที่ผูกอยู่ให้คลายออก
     
  14. yamie

    yamie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    1,640
    ค่าพลัง:
    +1,520
    สวัสดีคะ พี่นุช
    ขอบคุณคะ คุณ กร k ที่แนะนำนะคะ ยาคงอยู่ไม่ได้นานนะคะ จะลงไปทำกับข้าวสักประเดี๋ยวคะ ดึกๆจะขึ้นมาอีกรอบคะ หรือไม่ก็เย็นๆ เดี๋ยวขอชะแว๊บไปตอบจดหมายก่อนนะคะ
     
  15. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    น้องยาปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไขพอดีพี่ได้อ่านหนังสือกฎแห่งกรรมของหลวงพ่อจรัญท่านแนะนำก่อนปฎิบัติธรรมว่า
    1.ตัดความกังวลทุกเรื่องก่อนเข้าห้องพระ
    2.น้อมใจระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย
    3.สมาทานศีลห้าทุกครั้ง
    4.สำคัญมากให้กราบขมาแม่โดยนำดอกไม้หรือพวงมาลัยสวยๆขออโหสิกรรมจากแม่เพราะผลของการเจริญกรรมฐานจะก้าวหน้าและได้ผลเร็ว
    น้องยารู้ใหมชะตากรรมที่กำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นผลเนื่องมาจากอดีตชาติถ้าหากเราหมั่นสวดมนต์ขออโหสิกรรมทุกวันๆทุกอย่างจะดีขึ้นเพราะน้องยามีดีในตัวเองไม่ยากเลย ลองสวดคาถานี้เกินอายุไปหนึ่งจบทุกวันๆแน่นอนเหตุการณ์จะกลับกลายเป็นดีรู้สึกว่ามีบางอย่างคอยช่วยเหลือน้องยาอยู่สวดมนต์เท่านั้นจะรู้เองว่าคืออะไร
     
  16. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    ขอบคุณมากสำหรับความรู้ใหม่ เป็นกำลังขึ้นมาอีกกองหนึ่งเพราะยังคงสวดทุกวัน และเรามีวิธีก่อนจะทำอย่างไรบ้างเช่นต้องแต่งดอกไม้สักการะก่อนหรือไม่ค่ะก่อนสะเดาะกุญแจน่ะค่ะ
     
  17. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    chaumka ค่ะเป็นความรู้เพิ่มขึ้นมาอีกค่ะว่าการสวดอิติปิโสถอยหลังทำให้คนที่โดนคุณไสยหายได้ด้วย เป็นคาถาที่สารพัดคุณเลย ขอให้คุณเล่าประสบการณ์ที่ได้พบให้อ่านอีกนะคะ ยินดีมากค่ะ รออ่านค่ะ
     
  18. hitman

    hitman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +439
    อืม ..อาการที่นั่งแล้วรู้สึกไม่อิ่ม หน้าจะเกิดกับเกิดอาการปิติ ครับ

    ต้องขึ้นไปข้าง บนห้องพระพี่สาว เพื่อนั่งต่อ แบบเหมือนนังไม่อิ่มคะ แล้วนั่งไปสักพัก ก็จะรู้สึกมือเราที่สานประกบกันจะหนักอึ้ง และ เหมือนดึงไม่ออก มันยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ไม่เหมือนเป็นตะคริวนะคะ คนละเรื่อง มันถ่วงๆหนักๆยังไงไม่รู้คะ

    มันก็คือารมณ์เครียดๆ นี่แหละครับ แต่เครียดมาก มันก็ไม่ดีนะครับ ต้องรู้จักผ่อน บ้าง คนที่นั่งสมาธิ แล้ว เกิดควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ก็เนื่องมาจาก นี่แหละครับ
    มุ่งเครียด ดิ่งอารมณ์ลึกเกินไป มีอาการอิ่มเอิบมาก จนจิตทนไม่ไหว
    ระยะแรกจิตจะทนไหว ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ นานๆ จนจิตทนไม่ไหวจริงๆ ไม่มีวิปัสสนาญาณ ช่วย ก้เกิดอาการควบคุมสติตัวเองไมไ่ด้นะครับ
    ต้องมีวิปัสสนาญาณช่วย

    มีสมาธิที่กับการภาวนาและจับลมหายใจลึกมา และ ก็ต้องมีวิปัสสนา การควบคุมสติ และการพิจารณา เข้าร่วมด้วย ครับ
     
  19. prapaisri

    prapaisri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +152
    ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจจากคุณทัชชา วันนี้ดิฉันเริ่มสวดอิติปิโสช่วงพัก งานตอนเช้า50จบ เย็นหลังเลิกงาน58จบ รวม108 จบ เหนื่อยค่ะ ใจหนึ่งก็คิดว่าจะพยายามสวดให้ได้ทุกวัน ใจหนึ่งบอกเลิกเถอะไม่ไหวหรอก
     
  20. ทัสชา 567

    ทัสชา 567 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,008
    อย่าท้อนะคะนั่นคือมารขวางกั้นไม่ให้เราทำความดี อาการจะเพลีย ขี้เกียจ ง่วง นั่นแหละค่ะอาจารย์ใหญ่มาเยี่ยมมาตรวจดูว่าใครจะทำผิดสู้ต่อนะคะทำให้สมำ่เสมอ ตั้งสัจจะให้ได้แล้วจะเห็นของดี
    ขอตอบคำถามคุณ ชื่นกมลนะคะว่าทำไมถึงอยากสวดอิติปิโสถอยหลัง เพราะหลังจากสวดอิติปิโส ตอนแรกเกินอายุหนึ่งจบ ต่อมา 108จบตอนเข้่าพรรษา สามเดือน ได้ผลทางจิตใจ และแล้วในจิตได้บอกว่า ที่เคยอธิษฐานไว้ถ้าต้องการสำเร็จผลให้สวดคาถานี้ถอยหลัง จึงอยากศึกษาว่าสวดแล้วจะเป็นอย่างไรมีใครเคยสวดบ้าง?เพราะหลวงพ่อจรัญบอกว่า "สวดมนต์เป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำ"จึงชอบอธิษฐานเพราะได้ผลมาหลายประการเช่นกันค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...