ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ไทยตอนบนอากาศเย็นลมแรง พื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้ระวังน้ำท่วม-น้ำป่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 2 ธันวาคม 2553 ดังนี้

    บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาอย่างต่อเนื่องปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็น ลมแรง และอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา ในระยะ 1-3 วันนี้


    สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้ทั้งสองฝั่งมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา กระบี่ ตรัง และสตูล ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังการเดินเรือในช่วงวันที่ 2-3 ธันวาคม นี้ไว้ด้วย

    ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีลมแรงและอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
    อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.


    ภาคกลาง อากาศเย็นโดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
    อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


    ภาคตะวันออก อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีลมแรงและอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
    อุณหภูมิต่ำสุด ประมาณ 22 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ
    ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร


    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 31 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วนกับมีลมแรงและอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา
    อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    <!--อ่านล่าสุด คน-->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#98deff cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>คิดนอกกรอบ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#98deff cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    [​IMG]
    สลด ! ยายใจโหด โยนหลาน 2 ขวบ ตกจากสะพานสูงกว่า 50 ฟุต
    Mthai news: เว็บไซต์ข่าวเดลี่เมล์รายงานเกิดเหตุสลดขึ้น เมื่อคาร์เมลา โรซา(Carmela Dela Rosa ) ยายวัย 50 ปี ตัดสินใจโยนหลานสาวตกจากสะพานลอยสูงกว่า 50 ฟุต สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก บาดเจ็บสาหัส จนในที่สุดต้องเสียชีวิต
    [​IMG]
    โดยที่เกิดเหตุ เกิดขึ้นที่ ห้างแห่งหนึ่งในรัฐเวอร์จิเนีย ขณะที่โรซาพา แองเจลีน อ๊อกด๊อก(Angelyn Ogdoc) หลานสาววัย 2 ขวบครึ่ง ไปเดินซื้อของ เมื่อเดินผ่านทางเชื่อมระหว่างห้างและลานจอดรถชั้น 5 ก็ตัดสินใจปล่อยหลานวัย 2 ขวบ ตกลงมายังพื้นล่าง หัวฟาดพื้นอย่างแรง ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนบริเวณนั้น ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แพทย์ระบุสมองได้รับความกระทบกระเทือน บาดเจ็บสาหัส ซึ่งในที่สุด หนูน้อยผู้เคราะห์ร้ายต้องเสียชีวิตในที่สุด
    [​IMG]
    จากการสอบสวนพยานกล่าวว่า เห็นโรซาจงใจโยนเด็กลงมาจากสะพานลอยชั้น 5 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหา โรซา ฐานฆ่าคนตายโดยตั้งใจ ส่วนเหตุผลที่เธอทำลงไปรายงานไม่ได้ระบุว่าเป็นเพราะเหตุใด

    หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเวอร์จิเนีย ได้สอบถามไปยังเพื่อนข้างห้องที่อยู่อพาร์ตเม้นท์เดียวกันกับโรซา ทราบว่า โรซาเป็นคนดี ไม่น่าเชื่อว่าจะก่อเหตุสลดเช่นนี้ขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาก็เห็นว่าเธอและเด็กเองก็มีความสุข และมักจะอุ้มหลานไว้ที่เอวตัวเองเสมอ

    โดย Mthai news
    <LI class=news_src_item>[​IMG]
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 borderColor=#000000 cellPadding=0 width=760 align=center><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 borderColor=#000000 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>[​IMG] อพยพหนีโคลนไหล</TD><TD rowSpan=2 colSpan=3> </TD></TR><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width=166 align=left><TBODY><TR><TD vAlign=top width=80></TD><TD width=6> </TD><TD vAlign=top width=80></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> ยอร์กยาการ์ตา : ชาวอินโดนีเซียราว 400 คนต้องอพยพออกจากบ้านในเมืองยอร์กยาการ์ตา หลังโคลนจากภูเขาไฟเมราปีที่เคยปะทุคร่าชีวิตชาวบ้าน 341 คน ไหลทะลักด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ริกเตอร์ ที่หมู่เกาะโบนินของญี่ปุ่น จนอาคารสูงในกรุงโตเกียวสั่นไหว
    เร้า “ฮิลลารี” ลาออก
    คารากัส : ประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ของเวเนซุเอลา เรียกร้องให้นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ลาออกจากตำแหน่ง หลังเว็บไซต์วิกิลีคส์เผยข้อมูลลับว่ากระทรวงต่างประเทศสหรัฐขอให้สถานทูตสหรัฐในอาร์เจนตินาค้นหาข้อมูลสุขภาพจิตของประธานาธิบดีคริสตินา เคิร์ชเนอร์ ของอาร์เจนตินา
    มือปืนบุกจับชาวบ้าน
    มะนิลา : ตำรวจฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า มือปืนราว 10 คน คาดว่าจะเป็นกลุ่มก่อการร้ายอาบูซายาฟบุกใช้ปืนจี้จับชาวบ้าน 12 คน ใกล้กับเมืองอัล บาร์กา ทางตอนใต้ของประเทศ เพื่อเรียกเงินค่าไถ่และอาวุธปืนแลกกับการปล่อยตัวประกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังเจรจากับกลุ่มคนร้าย
    จีนคุมตัวนักเคลื่อนไหว
    ปักกิ่ง : ทางการจีนจับกุมตัวนายไป่ ตงปิง นักเคลื่อนไหววัย 47 ปี ในข้อหาบ่อนทำลายระบอบการเมืองในประเทศ หลังเผยแพร่ภาพทางอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในจีนเมื่อปี 1989 ที่ทำให้ทหารสังหารประชาชนหลายร้อยคน
    ประเทศเกาะอาจสลาย
    แคนคูน : นายอันโตนีโอ มอนเตโร ลิมา ผู้แทนจากสาธารณรัฐเคปเวิร์ด เปิดเผยว่า ประเทศหมู่เกาะ เช่น คิริบาตี ตูวาลู หมู่เกาะคุก หมู่เกาะมาร์แชลล์ และมัลดีฟส์ กำลังเผชิญวิกฤตการสิ้นชาติ เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ยกเว้นทั่วโลกจะพร้อมใจกันใช้มาตรการชะลอภาวะโลกร้อนที่เข้มแข็งขึ้น
    </TD><TD width="6%"> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,019
    งานสัมมนา เจาะลึกภัยพิบัติ พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด


    สมาชิกรีบจองที่นั่งนะครับ เพราะว่ามีคนจองไปประมาณ700 ที่นั่งแล้ว อาจจะเต็มเร็วๆนี้

    และทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์, มติชน, และThe Nation จะนำข่าวงานสัมมนานี้ ไปลงให้ประชาชนทั่วไปรับทราบเร็วๆนี้
     
  4. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    องค์ความรู้ฯ ว่าด้วยการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่

    องค์ความรู้ฯ ว่าด้วยการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่

    เหตุ : ทุกรอบ 13,000 ปี สุริยจักรวาล กาแลคซี่ทางช้างเผือก
    และกาแลคซี่ไตรแองกุลัม จะโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน


    ผล : ในรอบนี้ โลก และสุริยจักรวาล จะเปลี่ยนเข้าสู่แรงดึงดูดของ
    กาแลคซี่ไตรแองกุลัมทางทิศตะวันออก


    องค์ความรู้ฯ ที่ได้นำเสนอแต่โดยย่อดังต่อไปนี้ เป็นองค์ความรู้ของ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ท่านได้บวชในบวรพระพุทธศาสนา 2 ครั้ง ครั้งแรก เป็นการลาบวชขณะยังรับราชการครู เป็นเวลา 1 พรรษา เมื่อปี พ.ศ. 2515 หลังจากลาสิกขาบทแล้ว ได้กลับเข้ารับราชการต่ออีกประมาณ 2 ปี และ ในปี พ.ศ. 2517 ได้ลาออกจากราชการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง ตราบจนปัจจุบัน

    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ สอนหลักของวิปัสสนากรรมฐาน หรือการเคลื่อนที่ของจิต ด้วยอุบายหลัก 2 วิธี คือ การเจริญสติ เพื่อฝึกจิตให้เห็น การเกิด – ดับ ของการกระทบที่เกิดขึ้น เป็นปัจจุบันขณะ และ อุบายของการหมุนธรรมจักร เพื่อฝึกจิตไม่ให้ติดในการกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งสองส่วน คือ ที่อายตนะภายนอก และอายตนะภายใน อีกทั้งยังได้ประยุกต์หลักการเคลื่อนที่ของจิต มาเป็นการเคลื่อนที่ของพลังจิต พลังงาน โดยใช้ศาสตร์พีระมิดของชาวแอตแลนตีส เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้าง ฟื้นฟู บำบัด รักษาร่างกายด้วยตนเอง

    องค์ความรู้ฯ ว่าด้วยการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ เป็นองค์ความรู้ฯ ที่ได้มาจากการศึกษาด้วย “จิต” ฉะนั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล


    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ รู้ถึงเหตุและผล ของแต่ละปรากฏการณ์ หรือ ความเชื่อมโยงของแต่ละเหตุการณ์ได้ด้วยการใช้ แรงสืบต่อ หรือ แรงสันตติ สาวหาเหตุและผล ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ สลาย ของสรรพสัตว์ ปรากฏการณ์ สุริยจักรวาล กาแลคซี่ จักรวาล ฯลฯ ให้เห็นความจริงที่ผูกโยงเป็นเงื่อนไขว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิด เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป ซึ่งเป็นความรู้ที่ไม่ได้เกิดมาจากการทำงานของสมองและใจ จึงไม่ใช่การพยากรณ์หรือทำนาย แต่เป็นการบอกว่า ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้ว อะไรจะเกิดตามมาในลำดับต่อไป ตามเงื่อนไขที่ผูกโยงไว้อย่างเป็นเหตุและผล ต่อกัน

    เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกของเราในอนาคตนั้น แท้ที่จริงแล้ว กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เพราะโลกของเราเคยเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น ในรอบเวลาประมาณ 26,000 ปี ตามความรู้ที่ได้จากสโตนเฮนจ์ (Stone Henge) ซึ่งบ่งชี้ว่า ทุกๆ 13,000 ปี จะมีการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูดที่มีอิทธิพลต่อโลก สุริยจักรวาล เนื่องจากกาแลคซี่ที่มีอิทธิพลต่อสุริยจักรวาลมีด้วยกันถึง 3 กาแลคซี่ ได้แก่

    1. กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy)มีศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศเหนือ ในปัจจุบัน โลก สุริยจักรวาลตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้

    2. กาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มี ศูนย์กลางของแรงดึงดูดอยู่ทางทิศตะวันออก มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือก ในอนาคตโลก สุริยจักรวาล จะถูกดึงเข้าสู่แรงดึงดูดของกาแลคซี่นี้ ตามวาระการวนครบรอบอีกครั้ง

    3. กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่มีขนาดใหญ่มาก แผ่อิทธิพลควบคุมทั้ง 2 กาแลคซี่ ไม่ส่งผลกับโลกโดยตรง

    ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่า ใน 1 รอบใหญ่ คือประมาณ 26,000 ปี ตามปฏิทินดาราศาสตร์ที่สโตนเฮนจ์ โลก สุริยจักรวาล จะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และสลับไปอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีก 13,000 ปี


    รายละเอียดของสโตนเฮนจ์ จะกล่าวถึงในภายหลัง


    การประสบกับภัยพิบัติอย่างรุนแรง ถึงกับมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นผิวโลก เช่น อาจจะเปลี่ยนจากภูเขาไปเป็นมหาสมุทร จากป่าฝนไปเป็นทะเลทราย จากเขตร้อนกลายเป็นเขตหนาว ฯลฯ นอกเหนือจากเป็นการทำงานตามวาระของธรรมชาติแล้ว ยังมีองค์ประกอบที่ส่งผลร่วมอย่างร้ายแรง คือ การกระทำของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยด้วย

    เมื่อประมาณ 26,000 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงวาระที่โลก สุริยจักรวาล อยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ที่สมบูรณ์ไปด้วยพลังงานที่ดี เช่น กระแสลมปราณ และ มโนธาตุ ส่งผลให้มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เจริญสูงสุดในทุกด้าน แต่จุดเสื่อมย่อมเพาะเชื้อก่อกำเนิดมาจากจุดสูงสุดเสมอ เมื่อรู้มาก เก่งมาก จึงนำไปสู่การผลิตอาวุธสงครามที่ร้ายแรง เรียกว่า “อาวุธเส้นแสง” เมื่อ อาวุธเส้นแสง ถูกนำมาใช้ในสงคราม สิ่งที่เกิดตามมา คือ เกิดแรงอัดกระแทกอย่างมหาศาลลงสู่พื้นดิน พร้อมๆ กับการโคจรมาเรียงตัวเป็นเส้นตรงของ สุริยจักรวาล กาแลคซี่ ทางช้างเผือก และกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    ด้วยขนาดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกที่ใหญ่กว่า จึงทำให้แกนขั้วโลกจากทิศตะวันออก พลิกเปลี่ยนชี้ไปทางทิศเหนือ มหาอาณาจักรแอตแลนตีส จึงจมลง เปลี่ยนสภาพจากแผ่นดิน กลายเป็นมหาสมุทรในชั่วข้ามคืน เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพบนพื้นผิวโลกอย่างมโหฬารไปทั่วทุกส่วนของ โลก ตามอัตราส่วนของการมีพื้นน้ำ 3 ส่วน และพื้นดิน 1 ส่วน มนุษย์เสียชีวิตเหลือคณานับ เป็นการสิ้นสุดของยุคทองแห่งแอตแลนตีส

    ชาวแอตแลนตีสกลุ่มหนึ่ง มี ผู้นำเป็นนักบวชที่มีพลังจิตสูง ได้ลงเรือเดินทางออกจาก มหาอาณาจักร ก่อนจะเกิดเหตุภัยพิบัติล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ขึ้นฝั่งในแถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้ การถ่ายทอดอารยธรรมแอตแลนตีสจึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง สัญลักษณ์ สิ่งแรกที่ยิ่งใหญ่แสนมหัศจรรย์ที่นักบวชได้สร้างขึ้นด้วยพลังจิต และอาศัยความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร คือการสร้างสฟิงซ์ (Sphinx) ด้วย เทคนิคการใช้พลังจิต เปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสง และเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นวัตถุ เป็นรูปสิงโตหมอบ เหยียดขาหน้าทั้งคู่ไปด้านหน้า ลำตัวทอดยาวไปตามแนวทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เพื่อเป็นสิ่งบ่งบอกว่า ในอนาคตข้างหน้า เมื่อถึงวาระครบ 13,000 ปีอีกครั้ง ณ ที่ตั้งสฟิงซ์แห่งนี้ จะกลายเป็นตำแหน่งของขั้วโลกใหม่ และ ขั้วโลกจะชี้ไปทางทิศตะวันออก อยู่ในอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม อีกครั้ง นานประมาณ 13,000 ปี

    ชาวแอตแลนตีส มีความชำนาญในการใช้พลังพีระมิดอย่างหลากหลาย และได้ถ่ายทอดสู่ชาวอียิปต์จากรุ่นสู่รุ่น จนกระทั่งอีกหลายพันปีต่อมา จึงได้มีมหาพีระมิดเกิดขึ้น

    เชื่อสายแอตแลนตีส รุ่นต่อๆมา มีการย้ายถิ่นฐาน สร้างเมือง สร้างประเทศใหม่ อารยธรรมแอตแลนตีสจึงกระจายออกไปหลายส่วนของโลก ที่รู้จักกันดี คือ ชนเผ่ามายา หรือ มายัน ผลงานชิ้นสำคัญของพวกเขา คือการจัดวางเสาหิน แท่งหิน ขนาดมหึมาเป็นรูปวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง เรียกว่า สโตนเฮนจ์ (Stone Henge) อยู่ที่เมือง ซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ มีเทคนิคการสร้างเหมือนกับการสร้างสฟิงซ์ คือการใช้พลังจิตเปลี่ยนวัตถุเป็นพลังงานแสงก่อน และเมื่อนำไปจัดวางได้เรียบร้อยแล้ว จึงเปลี่ยนพลังงานแสงคืนกลับเป็นวัตถุอีกครั้ง

    สโตนเฮนจ์ เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ ใช้หลักคำนวณจากการโคจรของกาแลคซี่ ทั้ง 3 ใน 1 รอบ คือ 26,000 ปี โดยสามารถถอดรหัสได้ว่าในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และอีก 13,000 ปี จะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    ฉะนั้น การสร้างสโตนเฮนจ์ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลก เมื่อถึงวาระของการสลับเปลี่ยนขั้วของแรงดึงดูดอีกครั้ง

    การเกิดภัยพิบัติในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นความสัมพันธ์ เชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบันและอนาคต ระหว่างกาแลคซี่ทั้ง 3 กับสฟิงซ์ สโตนเฮนจ์ และแกนพลังงานโลก โดยมีทั้งมนุษย์และธรรมชาติเป็นพลังงานขับเคลื่อน

    แกนพลังงานโลก เป็นแกนพลังงานที่ทอดยาวควบคู่ไปกับแกนสสาร ที่ปัจจุบันชี้ไปทางขั้วโลกเหนือและใต้ แกนพลังงานประกอบด้วยพลังงานสำคัญ 3 อย่าง

    1. พลังงานแม่เหล็กโลก หรือ พลังงานแรงดึงดูดจากศูนย์กลางกาแลคซี่ทางช้างเผือก เป็นแรงร้อยรัดที่ดึงโลกให้อยู่กับสุริยจักรวาล และกาแลคซี่ ตามลำดับ เป็นพลังงานที่มีคุณสมบัติที่ร้อนและหนัก มีสีเข้ม คล้ายสีเทา และอยู่นอกสุดของแกนพลังงาน

    2. พลังงานกระแสลมปราณ มีสีออกเหลือง เป็น พลังงานที่โลกเราได้รับมาจากดวงอาทิตย์ เป็นพลังงานที่ดี มีประโยชน์ เป็นเสมือนภูมิต้านทานร่างกาย ที่มนุษย์ทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกัน โดยลมหายใจเข้า

    3. พลังงานมโนธาตุ มีสีออกขาว อยู่ชั้นในสุดของแกนพลังงาน เป็นพลังงานดี ช่วยเสริมจิตและใจให้มีคุณธรรม

    เทคโนโลยี ที่เกิดจากการผลิตอุตสาหกรรมหนัก ทำให้เกิดสารตกค้าง CFC หรือ สาร คลอโรฟลูออโรคาร์บอน และยังไม่มีวิธีการใดที่สามารถทำลายสาร CFC นี้ได้สำเร็จ

    สาร CFC มีคุณสมบัติ “เบา กว่าธาตุอื่นๆทุกชนิด” จึงสามารถแทรกเข้าไปทำลายแกนพลังงานโลก เริ่มขบวนการทำลายมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2540-2544 จนกระทั่งแกนพลังงานโลกตัน ทำให้แรงร้อยรัด หรือพลังงานแม่เหล็กโลก ที่ส่งออกมาจากกาแลคซี่ทุกวินาที ไม่สามารถไหลทะลุผ่านขั้วโลกเหนือ-ใต้ได้ พลังงานจึงแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของโลก ทั้งพื้นน้ำ มหาสมุทร พื้นแผ่นดิน แผ่นหินเปลือกโลก ร่างกายมนุษย์ สัตว์ พืช ฯลฯ

    ความร้อนและหนัก จึงฝังตัวติดแน่น สะสมเป็นเชื้อร้ายแฝงอยู่ และเพิ่มอันตรายมากทวีคูณ เกินกว่าจะพรรณนาได้ กล่าวได้เพียงว่า พลังงานแม่เหล็กโลกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือก คือพลังงานสำคัญที่ทำลายมนุษย์ และเปลี่ยนโลกใบนี้ในอนาคต

    มนุษย์คือผู้ปล่อยยักษ์ใจร้ายตนนี้ออกมาเอง ใช่หรือไม่ และหากสมมุติว่า จะเนื่องด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทำให้ภัยพิบัติจากการเปลี่ยนขั้วโลกใหม่ไม่เกิดขึ้น มนุษย์ สัตว์ พืช ยังคงถูกทำลายอย่างรุนแรงด้วยพลังงานแม่เหล็กโลก และอาจสิ้นชีวิตลงทั้งหมดภายในไม่เกิน 10-15 ปี

    พลังงานกระแสลมปราณ และ พลังมโนธาตุ ที่เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ได้ลอยสูงขึ้นๆ ไปอยู่ในบรรยากาศชั้นบนสูงเกินกว่ามนุษย์จะนำเข้าสู่ร่างกายได้ด้วยลมหายใจ เข้า องค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จึงได้นำพลังพีระมิดมาใช้อีกครั้ง

    ปัจจัยสำคัญ และ เป็นความเชื่อมโยงอย่างแสนมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง ของปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ คือการปรากฏของดาวนิบิรุ (Nibiru) เป็นดาวมีสีออกแดง ลักษณะกลมรี คล้ายลูกรักบี้ มีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดี ประมาณเกือบ 2 เท่า เป็นดาวที่อยู่นอกระบบสุริยจักรวาล มีวงโคจรผ่านทิศตะวันออก

    - ตะวันตก และจะมาเยือน สุริยจักรวาลในทุกๆ 13,000 ปี และ ในรอบนี้
    ดาวนิบิรุ จะมาเรียงตัวอยู่ที่ลำดับหัวแถว ใกล้ๆกับโลก เป็นการเพิ่มแรงดึงดูดให้กับ กาแลคซี่ไตรแองกุลัม ที่มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือก จนสามารถดันขั้วโลกเหนือไปเป็นขั้วโลกตะวันออก


    เมื่อรอบ 13,000 ปีที่ผ่านมา ดาวนิบิรุ โคจรมาและได้ไปเรียงตัวอยู่ด้านปลายแถวของ สุริยจักรวาล


    เมื่อ ใกล้ช่วงเวลาของการเกิดภัยพิบัติ เปลี่ยนขั้วโลกใหม่ ดาวนิบิรุ ( ซึ่งขณะนี้ ดาวนิบิรุ ได้เข้ามาเยือนสุริยจักรวาลแล้ว แต่ยังอยู่ไกลมาก ) จะมาอวดสายตาแก่ชาวโลกทางด้านทิศตะวันออก มองเห็นได้อย่างชัดเจน อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ เป็นดาวสีแดง มองแล้วเหมือนกับว่ามี ดวงอาทิตย์ขึ้น 2 ดวง หากมนุษย์มองดาวดวงนี้แล้วจะ รู้สึกจิตใจหดหู่ เศร้าหมอง ดาวนิบิรุจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าดาวมฤตยู (แต่ไม่ได้หมายความถึงดาวพลูโตเลย) และ มาตรวัดความหนาแน่นของพลังงานแม่เหล็กโลกจะอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทิศที่คั่นกลาง เป็นช่องว่าง เป็นเขตปลอดพลังงาน ทั้งของกาแลคซี่ทางช้างเผือกและกาแลคซี่ไตรแองกุลัม หาก เมื่อใดพลังงานแม่เหล็กโลก หนาแน่นจนเต็มพิกัด และไม่สามารถทะลุผ่านไปจนสุดขอบทางทิศตะวันออกได้ พลังงานแม่เหล็กโลกจะรีดเป็นเส้นตรง เปลี่ยนเป็นพุ่งทะลุขึ้นไปด้านบน ตามแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ปะทะชนกับพลังงานของกาแลคซี่อันโดรเมดา ที่มีขนาดใหญ่กว่าหลายพันเท่า พลังงานแม่เหล็กโลกจึงถูกอัดกลับเข้าสู่โลก สุริยจักรวาลอีกครั้ง เกิดปรากฏการณ์ “แสงวาบ” ที่ยิ่งใหญ่ เห็นได้ทั่วจักรวาล

    การสั่นไหวอย่างรุนแรง การเคลื่อนที่สับเปลี่ยนแผ่นดิน แผ่นน้ำ เกิดลมพายุ น้ำท่วม การหล่นกระจายของแผ่นฝ้าน้ำแข็งเพดานโลกที่เกิดจากการสะสมของควันน้ำมัน ฯลฯ กระบวน การเปลี่ยนขั้วโลกใหม่นี้ใช้เวลา ประมาณ 3 วัน 3 คืน

    มนุษย์ ประกอบด้วย จิตและกาย หากยังมีความคิดว่า “ชีวิตเป็นสิ่งมีค่า ควรรักษาไว้” จึงควรแสวงหาทางรอด ตามวิถีความเชื่อของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการฝึกจิต ควรเข้าใจให้ชัดเจนว่า พลังงานแม่เหล็กโลกที่ไม่ได้อยู่ในแกนพลังงานโลก เป็นพลังงานกั้นบัง ฉุดรั้ง เป็นเสมือน ตัณหาที่ฉาบทาโลก ส่งผลให้การฝึกจิต ทำได้ยากยิ่งขึ้น หากโลกเราได้แกนพลังงานใหม่เปลี่ยนเป็นขั้วโลกตะวันออกเป็นกาแลคซี่ใหม่ที่ สมบูรณ์ด้วยพลังงานกระแสลมปราณ พลังมโนธาตุ ซึ่งเหมาะแก่การฝึกจิตเป็นอย่างยิ่ง

    ในที่สุด คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ก็สำเร็จตามจิตประสงค์ มหาอาณาจักรแอตแลนตีสที่เคยจมหายไปร่วม 13,000 ปี จะได้มีโอกาสโผล่ขึ้นมาอวดโฉมอีกครั้ง เป็นการปิดฉาก บทบาทของ สฟิงซ์ และสโตนเฮนจ์ อย่างถาวร

    หากท่านใดยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ ตัดใจไปจากกาแลคซี่ทางช้างเผือกไม่ได้ โปรดอดใจรอไปก่อน อีกเพียง 13,000 ปี เท่านั้น

    สิ่งเตือนใจ อายุขัยของมนุษย์ สัตว์ นั้นแสนจะสั้น มีอายุได้อย่างมากไม่เกิน 100 ปี หากยังดับกิเลสได้ไม่หมดสิ้น ย่อมไปจุติ เวียนว่ายต่างภพ ต่างภูมิ ตามผลของการกระทำที่เคยสร้างไว้ และถ้าหากไม่เคยฝึกจิต คงไม่สามารถรู้ถึงเหตุและผล ของการตกอยู่ในสังสารวัฏ และการวนรอบของปรากฏการณ์ทุกอย่างได้ จึงเชื่อเฉพาะสิ่งที่รู้ได้ด้วยใจและสมองเท่านั้น เพราะ “จิต” ที่ยังไม่ “หลุดพ้น” ย่อมตกอยู่ภายใต้อำนาจ การบงการของ “ใจ” อย่างถอนไม่ขึ้น

    เรียบเรียงโดย
    จีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ


    1 ธันวาคม 2553


    เชิญดาวน์โหลดไฟล์ได้ (ไฟล์นี้จะใช้ประกอบในการสัมมนา)

    ติดตามประวัติและผลงานของพระอาจารย์รัตน์ได้ในกระทู้นี้
     
  5. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    1 ธ.ค. 53


    แนวร่วมเพิ่ม

    หลังจากที่คุยกับหลานจิ๊บทางโทรฯจบ สักพักผมก็เดินไปหาแนวร่วมเดิมที่
    ตลาด(ฝั่งโขง) ดอนเมือง และได้ชวนแนวร่วมเดิมไปร้านเสริมสวยที่อยู่ใกล้
    บ้านแนวร่วมเดิม แนวร่วมรายใหม่ชื่อหลานไก่(ญ) มีอาชีพเป็นช่างเสริมสวย
    ที่ผมต้องพาให้พบกันหมดเพราะผมต้องการพูดเที่ยวเดียวจบ

    แนวร่วมใหม่ถ้าได้ไปด้วยก็จะขอไปด้วยสองคน หลานบอกว่าไม่ค่อยมีเงิน
    ผมบอกไม่เป็นไรขอให้มีสิ่งจำเป็นจะต้องนำไปด้วยเช่น เต็นท์นอนและสิ่ง
    จำเป็นต่อคนสองคนไปด้วยก็พอ ที่ผมนำแนวร่วมใหม่ไปด้วยเพราะรู้ว่า
    แนวร่วมใหม่คนนี้เป็นแขนขาของหน่วยเหนือด้วย

    สิ่งที่ผมได้คุยให้แนวร่วมใหม่และเก่าคือ ขอให้เตรียมซื้อหาเต็นท์นอน ถุงนอน
    และสิ่งจำเป็นเสียแต่เนิ่นๆ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงของก็จะแพงและหา
    ยากหรืออาจจะขาดตลาดเลย อีกเรื่องก็คือเรื่องทางกลุ่มพลังจิตได้จัดสัมนา
    ในวันที่ 19 ถ้าใครสนใจจะไปก็ขอเชิญไปฟัง ส่วนหลานจิ๊บ(อติกานต์ หนุนภักดี)
    ในวันนั้นช่วงเช้ามีนัดไปพูดเรื่องภัยพิบัติให้กับผู้ทานอาหารเจที่ตำหนักเจแห่ง
    หนึ่งถ้ากลับมาทันวันนั้นหลานจิ๊บกับผมอาจจะไปร่วมฟังด้วย เรื่องอื่นๆก็มีเรื่อง
    หลานจิ๊บเรียนถามหน่วยเหนือเรื่องเวลา เรื่องผมกำลังสร้างบ้านน็อคดาน์วเมื่อ
    สร้างเสร็จแนวร่วมใดสนใจจะสร้างตามก็ขอเชิญ จะได้ขนขึ้นไปฐานผาแบ่นพร้อมกัน



    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    การมาปรากฏของดาวนิบิรุ (Nibiru)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ลูกเห็บยักษ์ขนาด 50 กิโลกรัม (การหล่นกระจายของแผ่นฝ้าน้ำแข็งเพดานโลก ที่เกิดจากการสะสมของควันน้ำมัน ฯลฯ )

    <LARGFONT>“ท่าน(พระอาจารย์รัตน์) ได้เล่าให้น้องชายของผมฟังถึงเรื่องบรรยากาศของโลกซึ่งเกิดจาก ภาวะเรือนกระจก จนทำให้เกิดเป็นลูกเห็บน้ำแข็งหนักประมาณ 50 กิโลกรัมตกลงมาในอนาคต ท่านพอจะอธิบายเหตุการณ์ตรงนี้ ให้ละเอียดกว่านี้ได้ไหมครับ”​

    “ตอนแรกอาตมาใช้สมาธิเข้าไปดูว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คือมนุษย์เราเผาผลาญน้ำมันมากอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ ผลจะเกิดขึ้นเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คนเราสร้างนั้นไม่ว่ากายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี สร้างเหตุอันใดผลมันก็ต้องย้อนกลับมาจนได้ในที่สุด มนุษย์นี่โง่เขลาเบาปัญญาจึงทำให้เกิดในจุดนี้ พวกเขาคิดแต่จะหาความสะดวกสบายในปัจจุบัน อนาคตผลเสียจะเกิดขึ้นอย่างไรเขาไม่รู้ .....​

    มีอยู่วันหนึ่งอาตมาไปหยิบหนังสือของศาสนาคริสต์ เกี่ยวกับวันที่พระเจ้าตัดสินโลกออกมาดู อุ้ย ! ทำไมมันเหมือนกับที่เราเห็นก็ไม่รู้ จากสภาวะเรือนกระจก (กรีนเฮ้าส์เอฟเฟค) นี่จะทำให้น้ำแข็งเป็นก้อนๆ หนัก 40 – 50 กิโลกรัม ไปเกาะตัวอยู่ข้างบนบรรยากาศ ในที่สุดก็จะตกลงมาเนื่องจากแรงสั่นสะเทือนของผิวโลก พื้นผิวโลกเกิดการสั่นสะเทือนทำให้บรรยากาศไหวตัว ไปดันเอากระแสของโมเลกุลของน้ำที่อยู่ใกล้ขอบที่อยู่เป็นน้ำแข็งแห้งตกลงมา ​

    พอมันตกลงมาก็จะเป็นน้ำท่วมโลก เพราะว่าเดี๋ยวนี้เราเอามันขึ้นไปไม่รู้เท่าไรแล้ว มันไปหนักอยู่ข้างบนที่นี้พอถึงเวลานั้นน้ำ มันก็ต้องท่วมเป็นธรรมดา แต่มันก็จะต้องมีเหตุเกิดขึ้นเสียก่อนว่า มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นคนทำคือไปกดดันสถาณภาพของโลกใบนี้ โลกของเรานี้มันลอยอยู่บนอวกาศแล้วพื้นดินมันก็ลอยอยู่ด้วย มนุษย์นี่ไม่เข้าใจใช้แสงใช้แรงกดดัน แสงนี่หนักที่สุดวัตถุทั้งหมดในโลกนี้ไม่ว่าก้อนอิฐ ก้อนหินหรือว่าแร่ธาตุอะไรที่ว่าหนัก ๆ แล้วก็ยังไม่เท่ากับแสง แสงนี่หนักมากถ้าเราเอาแสงไปกดที่พื้นผิวข้างใดข้างหนึ่ง มันก็จะเกิดการเคลื่อนตัว การแตกแยกเกิดแผ่นดินไหว” (มีการใช้อาวุธแสงในสงครามโลกครั้งที่ 3 – ผู้เขียน)​

    คำพูดท้ายสุดนี้คงต้องขยายความสักหน่อยว่า ภิกษุรูปนั้น(พระอาจารย์รัตน์)ได้เคยเล่าให้ผมฟังอย่างเป็นทางการว่าอีกไม่นานนัก มนุษย์คงค้นพบเรื่องแสงแล้วมาทำเป็นอาวุธยิงจากอวกาศ อาวุธที่เป็นแสงนี้จะมีลักษณะเป็นเหมือนอาวุธชีวภาพ คือทำให้ผู้คนที่โดนแสงเจ็บป่วยล้มตายได้ ท่านถึงกับบอกว่า “ในอนาคตข้างหน้า โรคภัยไข้เจ็บต่อไปจะเป็นอิทธิพลของแสงเท่านั้น” แต่มนุษย์ผู้คิดค้นอาวุธแสงออกมาได้ คงนึกไม่ถึงว่าอาวุธแสงนี้จะเป็นตัวการก่อให้เกิดแผ่นดินไหว มันจะไปดึงดูดในโมเลกุลของน้ำบนบรรยากาศ ที่อยู่ใต้กรีนเฮ้าส์เอฟเฟค เคลื่อนตัวตกลงมาเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ จนทำให้น้ำท่วมโลกได้..........​

    เรื่องที่ผมฟังจากปากท่านแล้วถึงกับหูผึ่ง ก็คือนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกสมัยนี้ คือพวกชาวแอตแลนติสกลับชาติมาเกิดและอีกไม่นานคนพวกนี้คงคิดค้น “อาวุธมหาประลัยที่ใช้แสง” ได้เหมือนกับชาวแอตแลนติสในอดีต ซึ่งนำไปสู่จุดจบแห่งการล่มสลายของทวีปแอตแลนติกที่ต้องจมทะเลในที่สุด​

    ผมขอสารภาพว่าในตอนแรกที่ภิกษุรูปนั้น(พระอาจารย์รัตน์) ได้บอกกับผมว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีลูกเห็บน้ำแข็งหนักประมาณ 50 กิโลกรัมตกลงมาผมยังไม่แน่ใจนัก ผมได้พยายามศึกษาเอกสารงานค้นคว้าคำทำนายต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้จึงได้พบข้อความตอนหนึ่งในหนังสือ “ชนวนสงครามล้างโลก หรือนอสตราดามุส พยากรณ์ตอนสิ้นพิภพ” ของคุณสนธิ สารธรรม หน้า 283 ดังต่อไปนี้​

    “มนุษย์ที่เหลือต่างปล่อยตัวมัวเมาในกามกิเลสตัณหา และความชั่วร้ายสุดที่จะพรรณนา” จนกระทั่ง ทูตสวรรค์ต้องนำขันแห่งพระพิโรธ 7 ใบเทบนโลก ความหมายของขันที่เจ็ดมีดังนี้ (วิวรณ์ บทที่ 16 )

    ขันที่ 7 เกิดวิบัตินานาชาติ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยประสบ ลูกเห็บก้อนใหญ่ขนาดก้อนละ 50 กิโลกรัมตกลงมา คนจำนวนมากจะเสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหายเหลือคณานับ เกาะทั้งเกาะจะจมหายไป…….."

    (แหล่งที่มา จากหนังสือ มังกรจักรวาล1 ตอนสมาธิหมุน นอสตราดามุส และมนษย์ต่างดาวว่าด้วยญาณทัศนะกับหายนะของโลกก่อนสิ้นศตวรรษที่ 20 โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2010
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อ้างอิงเรื่องลูกเห็บยักษ์ขนาด 50 กิโลกรัม

    [​IMG]
    ภาพประกอบคำทำนายจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

    ภิกษุรูปนั้น(พระอาจารย์รัตน์)ได้เคยเล่าให้ผมฟังอย่างเป็นทางการว่าอีกไม่นานนัก มนุษย์คงค้นพบเรื่องแสงแล้วมาทำเป็นอาวุธยิงจากอวกาศ อาวุธที่เป็นแสงนี้จะมีลักษณะเป็นเหมือนอาวุธชีวภาพ คือทำให้ผู้คนที่โดนแสงเจ็บป่วยล้มตายได้ ท่านถึงกับบอกว่า “ในอนาคตข้างหน้า โรคภัยไข้เจ็บต่อไปจะเป็นอิทธิพลของแสงเท่านั้น” แต่มนุษย์ผู้คิดค้นอาวุธแสงออกมาได้ คงนึกไม่ถึงว่าอาวุธแสงนี้ จะเป็นตัวการก่อให้เกิดแผ่นดินไหว มันจะไปดึงดูดในโมเลกุลของน้ำบนบรรยากาศ ที่อยู่ใต้กรีนเฮ้าส์เอฟเฟค เคลื่อนตัวตกลงมาเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่ จนทำให้น้ำท่วมโลกได้..........

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แล็บมะกันยิง "ซูเปอร์เลเซอร์" ร้อนเท่าใจกลางดาวดวงน้อย หวังทดลอง "นิวเคลียร์ฟิวชัน"</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันบนโลกเกิดขึ้นที่ห้องปฏิบัติการในสหรัฐฯ (บีบีซีนิวส์)

    สหรัฐฯ เดินเครื่อง "ซูเปอร์เลเซอร์" ยิงลำแสงได้ 192 ลำ สร้างความร้อน-ความดันได้เท่าใจกลางดาวดาวฤกษ์ สร้างความหวังในการทดลอง "นิวเคลียร์ฟิวชัน" เพื่อสร้างแหล่งพลังงาน ที่นักวิทยาศาสตร์ทุ่มเทศึกษามาเกินครึ่งศตวรรษ

    หน่วยงานการเผาไหม้เครื่องยนต์แห่งสหรัฐฯ หรือเอ็นไอเอฟ (The US National Ignition Facility : NIF) ได้ทดลองจุดการเผาไหม้จาก "ซูเปอร์เลเซอร์" ซึ่งสร้างความร้อนได้สูงพอๆ กับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งไปเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตามรายงานโดยเอเอฟพีระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ทั้งระดับรัฐและระดับชาติของสหรัฐฯ นับพันเข้าร่วม โดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าการทดลองดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อผลิตพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันที่มีความปลอดภัย

    [​IMG]
    เอ็นไอเอฟเปิดให้เข้าชมห้องปฏิบัติการลอว์เรนซ์ลิเวอร์มอร์เมื่อวันเดินเครื่องยิงลำแสงซูเปอร์เลเซอร์ (เอพี)

    สถาบันเอ็นไอเอฟเป็นสถาบันที่มีระบบเลเซอร์ที่มีพลังงานสูงที่สุดในโลก ซึ่งระบบดังกล่าวตั้งอยู่ภายในห้องปฏิบัติการลอเรนซ์ลิเวอร์มอร์แห่งสหรัฐฯ (Lawrence Livermore National Laboratory) โดยเครื่องมือเชื่อมต่อภายในห้องทรงกลมขนาดเท่าบ้านและโฟกัสลำแสงเลเซอร์ไปยังจุดเล็กๆ ได้ถึง 192 ลำ ซึ่งทำเกิดความร้อนและความดันได้เท่ากับใจกลางดาวฤกษ์หรือดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ได้​

    อีกทั้งห้องปฏิบัติการของเอ็นไอเอฟ ยังสร้างเงื่อนไขและชักนำให้เกิดการทดลองที่ไม่เคยทำได้มาก่อนมาบนโลก อย่างปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันซึ่งเหนี่ยวนำด้วยซูเปอร์เลเซอร์ที่เกิดจากการชนกันของอะตอมไฮโดรเจน และผลิตพลังงานได้มากเกินที่ต้องการสำหรับเตรียมพร้อมใน "การจุดระเบิดเผาไหม้" กิริยา ซึ่งระหว่างสร้างปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันนั้นบีบีซีนิวส์ระบุว่า ลำเลเซอร์ทั้งหมดจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ที่มีขนาดเท่าลูกปืนกลมๆ เม็ดเล็กๆ ได้สร้างกำลังไฟฟ้ามากกว่า 50 ล้านล้านวัตต์ ซึ่งมากกว่าการใช้ในช่วงสูงสุดของสหรัฐฯ ทั้งหมดเสียอีก​

    นี่คือเป้าหมายจากการค้นหาอันยาวไกลเพื่อ "พลังงาน" ซึ่งเป็นเป้าหมายของนักวิจัยด้านนิวเคลียร์ฟิวชันมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ความสำเร็จของเอ็นไอเอฟจะเป็นการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่มีนัยสำคัญต่อประวัติศาสตร์ ที่การพิสูจน์ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันเกิดขึ้นครั้งแรก และกระบวนการที่สร้างพลังให้กับดวงดาวได้เกิดขึ้นบนโลก" เอ็ดวาร์ด มอเซ็ส (Edward Moses) ผู้อำนวยการเอ็นไอเอฟให้ความเห็น​

    ทั้งนี้ เอ็นไอเอฟก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 โดยองค์การความมั่นคงทางนิวเคลียร์ (National Nuclear Security Administration: NNSA) ของกระทรวงพลังงานแห่งสหรัฐฯ ขณะที่ห้องปฏิบัติการก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2495 โดยเป็นสถาบัน ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประยุกต์เพื่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากเป้าหมายทางด้านพลังงานแล้ว สถาบันแห่งนี้ยังมีพันธสัญญาที่จะทำการค้นพบวิทยาศาสตร์ทางด้านดวงดาวและฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ด้วยการสร้างเงื่อนไขที่มีอยู่ในซูเปอร์โนวา หลุมดำและใจกลางดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ด้วย​

    “เพื่อเข้าใจการค้นพบเราเองในเอกภพและอะไรที่สร้างเราขึ้นมา สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งก็คือทำความเข้าใจการระเบิดของดวงดาว" บีบีซีินิวส์อ้างคำพูดของ ศ.พอล แดรค (Professor Paul Drake) จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan) ซึ่งเป้นหนึ่งในนักวิจัยไม่กี่คน ที่ได้นั่งคอยการทดลองในตึกของเอ็็นไอเอฟ และคาดหวังที่จะได้ทดสอบทฤษฎีของพวกเขาด้วยอุปกรณ์ขนาดใหญ่นี่​

    ขณะที่ ดร.อีริค สตอร์ม (Dr Erik Storm) จากห้องปฏิบัติการลอว์เรนซ์ลิเวอร์มอร์กล่าวว่า เราสามารถกำหนดตารางการเกิดซูเปอร์โนวาได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกในเอ็นไอเอฟ แทนที่จะต้องนั่งรอการเกิดสักครั้งอย่างไม่ตั้งใจในเอกภพ ขณะเดียวกันภายในห้องปฏิบัติการเรายังสามารถเปลี่ยนแปลงการทดลองในแต่ละครั้งได้ เราจึงสร้างระเบิดซูเปอร์โนวาได้อย่างซ้ำๆ​

    [​IMG]
    หนึ่งในลำแสงซูเปอร์เลเซอร์ซึ่งเอ็นไอเอฟได้เดินเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อจุดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันที่ให้ความร้อนพอๆ กับใจกลางดาวฤกษ์ (เอเอฟพี)

    พร้อมกันนี้ บีบีซีนิวส์ยังได้อธิบายการทำงานของซูเปอร์เลเซอร์ ซึ่งทำให้เกิดอุณหภูมิได้สูงถึง 100 ล้านองศาเซลเซียสและสร้างความดันได้มากกว่าความดันของชั้นบรรยากาศโลกอีกหลายพันล้านเท่า โดยการบังคับให้นิวเคลียสของไฮโดรเจนหลอมรวม จากนั้นพลังงานมหาศาลก็จะถูกปลดปล่อยออกมา​

    ในส่วนของการทดลองทางด้านฟิสิกส์ดาราศาสตร์นั้น ศ.แดรคอธิบายว่า ก้อนเชื้อเพลิงถูกออกแบบให้เป็นชั้นๆ รูปครึ่งวงกลม เพื่อเลียนแบบใจกลางของดวงดาว จากนั้นยิงลำเลเซอร์เข้าสู่ใจกลางก้อนเชื้อเพลิง แล้วทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่พัดให้ก้อนเชื้อเพลิงแยกกระจาย ซึ่งการทดลองดังกล่าวใช้เวลาเพียงในหลายพันล้านวินาที ดังนั้นรายละเอียดของการระเบิดจะถูกจับตาด้วยเซนเซอร์ที่เหมาะสม​

    ส่วนนักวิทยาศาสตร์ทางด้านดวงดาวก็ตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมกับเอ็นไอเอฟเช่นกัน โดยปรารถนาที่จะใช้เครื่องมือไฮเทคทดสอบทฤษฎีของพวกเขา โดย ศ.เดวิด สตีเฟนสัน (Prof. David Stevenson) จากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Technology) กล่าวว่า ดาวพฤหัสบดีมีบทบาทสำคัญต่อระบบสุริยะ เนื่องจากแรงดึงดูดของดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ทำให้เกิดเมฆฝุ่นและเศษซากอวกาศกลุ่มใหญ่ในอวกาศใกล้ๆ กับเรา และก่อเกิดเป็นดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ รวมทั้งโลกของเรา​

    อีกทั้ง มีการค้นพบดาวเคราะห์ก๊าซขนาดยักษ์กว่า 300 ดวง ทั้งที่มีมวลใกล้เคียงและมากกว่าดาวพฤหัส โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ที่อยู่ห่างไกล ซึ่งการเข้าใจว่าดาวก๊าซยักษ์เหล่านี้ก่อตัวขึ้นอย่างไรและเมื่อไหร่ ช่วยฉายภาพวิวัฒนาการระบบดาวเคราะห์อื่นๆ ได้ แต่การจะเข้าใจเช่นนั้นได้นักวิทยาศาสตร์ต้องช่วยเอ็นไอเอฟทำความเข้าใจเกี่ยวกับอุณหภูมิสุดขั้วและวามดันที่ใจกลางดาวกลาง รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสสารในสภาวะดังกล่าว​

    [​IMG]
    ภาพจำลองก้อนเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ฟิวชัน (บีบีซีนิวส์)

    กลไกการจุดระเบิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชัน

    - เติมเชื้อเพลิงปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันในแคปซูลทรงกลมขนาดเท่าเม็ดถั่ว ซึ่งประกอบด้วยส่วนผสมของดิวเทอเรียมและตริเทียม 150 ไมโครกรัม​

    - เลเซอร์ถูกกำหนดให้ยิงคลื่นสั้นที่มีความเร็ว 1 ใน 2 หมื่นล้านส่วนของวินาที ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะทำให้เกิดกำลังไฟฟ้าสูงถึง 50 ล้านล้านวัตต์ หรือเทียบเท่ากับพลังงานที่ทำให้หลอดไป 100 วัตต์จำนวน 50 ล้านล้านดวงสว่างพร้อมกัน​

    - กำลังเลเซอร์ทั้งหมดจะโฟกัสไปที่ผิวของแคปซูล โดยที่เชื้อเพลิงภายในจะถูกอัดแน่นให้มีความหนาแน่นมากกว่าตะกั่ว 100 เท่า​

    - แคปซูลจะถูกให้ความร้อนด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 100 ล้านองศาเซลเซียส ซึ่งภายใต้เงื่อนไขที่สุดขั้วขนาดนี้ จะทำให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันขึ้น.​

    ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000061221<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เกิดแผ่นดินไหว 6.9 ริกเตอร์ที่ปาปัวนิวกินี

    [​IMG]

    ซิดนีย์ 2 ธ.ค.- เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.9 ริกเตอร์ที่ปาปัวนิวกินี แต่ยังไม่มีรายงานการเกิดคลื่นสึนามิ

    ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐแจ้งว่า แผ่นดินไหวเกิดที่ระดับความลึก 32 กิโลเมตร ห่างจากเมืองแคนเดรียนในเขตนิว บริเตน ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 37 กิโลเมตร ขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกที่รัฐฮาวาย รายงานว่า ไม่มีภัยคุกคามจากการเกิดคลื่นสึนามิที่มีกำลังแรงและบริเวณกว้าง

    เจ้าหน้าที่ศึกษาแผ่นดินไหวในปาปัวนิวกีนี กล่าวว่า ยังคงพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

    วันพฤหัสบดี ที่ 2 ธ.ค. 2553

    อินเดียน้ำท่วมหนักในรอบ 30 ปี

    [​IMG]

    อินเดีย 2 ธ.ค. - ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดสัปดาห์ ส่งผลให้หลายพื้นที่แถบชายฝั่งทางทิศใต้ของอินเดียเกิดน้ำท่วมหนัก

    นาข้าวเกือบ 125,000 ไร่ ในเมืองกัดดาลอร์ รัฐทมิฬนาดู ทางใต้ของอินเดีย ได้รับความเสียหาย เนื่องจากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หมู่บ้านกว่า 20 แห่ง ถูกน้ำท่วม ชาวบ้านเผยว่าไม่เคยเห็นน้ำท่วมหนักขนาดนี้ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา นอกจากน้ำท่วมพื้นที่ไร่นาและบ้านเรือนแล้ว ยังทำให้น้ำในแม่น้ำพาราวานารูล้นตลิ่ง ประชาชนต้องไร้ที่อยู่อาศัย นายมูธูเวล กรุณานิธิ มุขมนตรีรัฐทมิฬนาดู ประกาศให้เงินช่วยเหลือครอบครัวที่มีผู้เสียชีวิตจำนวน 200,000 รูปี หรือราว 140,000 บาท. - สำนักข่าวไทย

    วันพฤหัสบดี ที่ 2 ธ.ค. 2553

    ญี่ปุ่นตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกชนิดร้ายแรงในไก่ที่ตายเมื่อต้นสัปดาห์

    [​IMG]

    โตเกียว 2 ธ.ค. - กระทรวงปศุสัตว์ของญี่ปุ่น กล่าววันนี้ว่า ไก่ที่ตายในฟาร์มทางตะวันตกของญี่ปุ่นมีเชื้อไข้หวัดนกชนิดร้ายแรง แม้ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเชื้อไวรัสชนิด H5N1 หรือไม่ก็ตาม

    หากการทดสอบยืนยันว่า เป็นไวรัสชนิด H5N1 จะทำให้เป็นกรณีแรกที่พบเชื้อดังกล่าวในสัตว์ปีกที่ญี่ปุ่น นับตั้งแต่ปี 2550

    กระทรวงปศุสัตว์ของญี่ปุ่น แถลงว่า ไก่อย่างน้อย 30 ตัวในฟาร์มที่ตายเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ตรวจพบว่ามีเชื้อไวรัสชนิดรุนแรงคล้ายกับเชื้อไวรัส H5N1 ที่เคยพบในเป็ดป่า ทางภาคเหนือของประเทศ เมื่อเดือนตุลาคม แต่ยังไม่มีรายงานการตายของนกป่าจากโรคไข้หวัดนกนับจากนั้น เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาเชื้อไวรัสในฟาร์มสัตว์ปีกในรัศมี 10 กิโลเมตร จากฟาร์มที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว แต่ไม่มีรายงานการแพร่ระบาดของโรคแต่อย่างใด. - สำนักข่าวไทย

    วันพฤหัสบดี ที่ 2 ธ.ค. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยุโรปเจอหิมะถล่ม การคมนาคมอัมพาตทั่วภูมิภาค

    [​IMG]

    [​IMG]
    อังกฤษเจอหิมะตกเร็วและครอบคลุมบริเวณกว้างที่สุดตั้งแต่ปี 2536 ทั้งบริเวณสกอตแลนด์และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่หลายประเทศในยุโรปก็เจอหิมะ

    [​IMG]
    ชาวบ้านในเมืองบัฟฟาโล นิวยอร์ก สหรัฐ พยายามข่วยเหลือรถยนต์ที่ติดอยู่ในหิมะ ความสูงมากกว่า 2 ฟุต

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวานนี้ (30 พ.ย.)ว่า สภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด และหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้การเดินทางในเยอรมนี และอังกฤษ ปั่นป่วนหนัก โดยสนามบินแฟรงก์เฟิร์ต ในเยอรมนี ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว

    ขณะสนามบินลอนดอน ซิตี้ แอร์พอร์ท ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับนักเดินทางทางธุรกิจ ต้องยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก และพื้นผิวรันเวย์มีน้ำแข็งจับ ก่อนจะเปิดให้บริการในเวลาต่อมา ท่ามกลางการให้บริการที่ติดขัดอย่างหนัก

    ส่วนสนามบินเอดินเบอะระ ซึ่งเป็นสนามบินที่คับคั่งสุดของสกอตแลนด์ เจอกับปัญหาการขึ้นบินเป็นวันที่ 2 แต่สนามบินฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน ที่ติดหนึ่งในสนามบินที่คับคั่งสุดของโลก ยังสามารถให้บริการทุกเที่ยวบินตามปกติ หิมะที่ตกลงมาปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในโปแลนด์ ยังทำให้เกิดอุบัติเหตุนับร้อยครั้งบนท้องถนน ขณะเชค มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย จากอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ

    อากาศที่หนาวเย็นจัด ยังทำให้อาร์ทีอี ผู้ให้บริการไฟฟ้าในฝรั่งเศส ออกมาเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการขาดแคลนไฟฟ้าขึ้นมา จากความต้องการที่พุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ยังต้องยกเลิกให้บริการรถไฟความเร็วสูงไปราว 20% ส่วนสวิตเซอร์แลนด์ เจอกับเดือนพ.ย.ที่หนาวเย็นสุดในรอบ 45 ปี ด้วยอุณหภูมิ ที่ร่วงลงไปอยู่ระดับต่ำกว่า ติดลบ 30 องศาเซลเซียส

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 1 ธันวาคม 2553

    ไฟป่าอิสราเอลทำคนตายแล้วอย่างน้อย 40 ราย

    [​IMG]

    เหตุไฟป่าครั้งร้ายแรงสุดในประวัติศาสตร์อิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย ขณะผู้นำประเทศร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าหน้าที่อิสราเอล ยังไม่สามารถควบคุมเหตุไฟไหม้ป่า ครั้งรุนแรงสุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไว้ได้ โดยล่าสุดไฟลุกลามกินพื้นที่หลายร้อยตารางกิโลเมตร ทำให้ทางการต้องเร่งอพยพประชาชนในหลายหมู่บ้าน และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 40 ราย

    ทางด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวถึง เหตุการณ์ครั้งนี้ว่า เป็นหายนะภัยร้ายแรง ที่ชาวอิสราเอลยังไม่เคยรู้จักมาก่อน พร้อมกันนี้ นายเนทันยาฮู ยังเรียกร้องขอให้รัสเซีย ไซปรัส กรีซ และอิตาลี เข้ามาช่วยในการควบคุมเพลิงข้างต้น ซึ่งเริ่มต้นบริเวณเนินเขาคาร์เมล ฮิลล์ ในเมืองท่าไฮฟา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ก่อนที่จะลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 3 ธันวาคม 2553

    ฮิลลารีเตรียมหารือเรื่องโสมแดง กับพันธมิตรเอเชีย

    [​IMG]

    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมร่วมกับญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือถึงความตึงเครียดในเรื่องเกาหลีเหนือ

    กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐ แถลงวานนี้ (1 ธ.ค.)ว่า นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดประชุมร่วมกับนายคิม ซัง ฮวาน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ และนายเซอิจิ มาเอฮาระ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ในวันจันทร์ที่ 6 ธ.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน

    การประชุมดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อหารือถึงมาตรการความร่วมมือ ที่มีความใกล้ชิดกันมากเป็นพิเศษ ระหว่าง 3 ประเทศ ในการรักษาเสถียรภาพความมั่นคง ในเอเชียตะวันออก

    การหารือข้างต้น ยังเกิดขึ้น หลังเกาหลีใต้ เสร็จสิ้นการซ้อมรบร่วมทางทะเล กำหนด 4 วัน กับสหรัฐ บริเวณคาบสมุทรเกาหลี เพื่อแสดงถึงความพร้อมในการตอบโต้ หากเกาหลีเหนือโจมตีรอบใหม่

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 3 ธันวาคม 2553

    ที่มา http://www.bangkokbiznews.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2010
  10. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนเหนือ-อีสานอากาศเย็นลงอีก1-2องศา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2553 ดังนี้
    ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้อย่างต่อเนื่อง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็น โดยอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา และมีลมแรง


    สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ในระยะ 1-2 วันนี้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังการเดินเรือในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

    ภาคเหนือ อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศา
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา และมีลมแรง
    อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา และมีลมแรง
    อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา และมีลมแรง
    อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 31 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด ประมาณ 23 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :หมูอ้วน (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันศุกร์ ที่ 3 ธันวาคม 2553 เวลา 07:53 น.] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เกาหลีเหนือเตรียมโจมตีเกาหลีใต้ครั้งใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เนท</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายวอน เซ-ฮูน ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ กล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการรัฐสภาเมื่อวานนี้ ว่า ดูเหมือนว่าเกาหลีเหนือเตรียมโจมตีเกาหลีใต้อีกระลอก หลังจากยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะยอนเปียงของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีชาวเกาหลีใต้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน

    โดยการเปิดเผยดังกล่าว มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเจ้าหน้าที่กล่าวว่า เกาหลีใต้มีแผนการที่จะขยายการซ้อมรบกับสหรัฐ นายวอน ระบุว่า การโจมตีเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีขึ้นท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ เกี่ยวกับการขึ้นสืบทอดอำนาจทางการเมืองของผู้นำยุคที่ 3 ของเกาหลีเหนือ และสถานการณ์เศรษฐกิจที่เลวร้าย

    อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้กำลังเสริมกำลังทหารประจำการบนเกาะยอนเปียง แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้บางคน กล่าวกับผู้สื่อข่าว หวังว่า การคาดการณ์ของนายวอน จะผิด และความเลวร้ายของวิกฤติความขัดแย้งสิ้นสุดลง

    ขณะที่ สหรัฐ และเกาหลีใต้ยุติการซ้อมรบร่วม ซึ่งมีเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน เข้าร่วมด้วยแล้วเมื่อวานนี้ โดยการซ้อมรบครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนไปยังเกาหลีเหนือ หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย ยิงตอบโต้กับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เกาหลีใต้แถลงว่า กำลังมีแผนการที่จะขยายการซ้อมรบร่วม หลังจากการซ้อมรบร่วมของกองทัพเรือกับสหรัฐ ในทะเลเหลือง เสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีขึ้นเร็วที่สุดในเดือนนี้



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ประมวลภาพ สุดยอด วิทยาศาสตร์ แห่งปี
    [​IMG]
    29 พฤษภาคม 2010 สถานีอวกาศนานาชาติ ถ่ายภาพแสงขั้วโลกใต้ระหว่างเกิดพายุ geomagnetic ผลจากการกระทบกับแสงของดวงอาทิตย์ เกิดสีเขียวที่โดดเด่น ทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย
    [​IMG]
    สถานีอวกาศนานาชาติ สามารถถ่ายภาพต้นกำเนิดของพายุเฮอริเคน เมื่อวันที่ 30 สิงคาคม 2010 ทางตอนเหนือของเกาะเวอร์จิน(Virgin Islands)
    [​IMG]
    ด้วยลักษณะทางพันธุกรรม ปลาผีเสื้อ ( angelfish) เปล่งแสงแววาว ส่ องสว่างท่ามกลางความมืด ที่ฟาร์มปลาแห่งหนึ่งในประเทศใต้หวัน
    [​IMG]
    แสงของเครื่องบินที่พุ่งคล้ายกับดางหาง พาดผ่านดาวในท้องฟ้ายามค่ำคืน ในเขตชานเมืองของแคนคูน เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2010
    [​IMG]
    ที่เมืองซานติเอโก 11 กรกฎาคม 2010 ดวงจันทร์โคจรผ่านดวงอาทิตย์และโลก ระหว่างแสงอาทิตย์คราส
    [​IMG]
    ภาพแสงอุลตราไวโลเลตของดวงอาทิตย์ โดยใช้สีเท็จในการจำแนกความแตกต่างของอุณหภูมิของก๊าซ
    [​IMG]
    กระสวย อวกาศ กับฉากหลังของเส้นขอบฟ้าของโลก ก่อนที่จะเทียบท่ากับสถานีอวกาศนานาชาติ ถ่ายเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2010
    [​IMG]
    ภาพความสำเร็จของนักวิจัยจีน ที่สามารถโคลนนิ่ง หมูตัวแรกได้สำเร็จ
    ภาพจาก reuters.com
    โดย Mthai news
     
  11. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    แนะนำเต็นท์ ยี่ห้อ Karana ครับ

    ส่วนรูปทรงเต็นท์ แนะนำ เป็นแบบฟลายชีตเต็นท์ คลุมมิด 2 ประตู ก็พอครับ น้ำหนักเบากว่า แบบที่เป็น 2 ประตู 2 หน้าต่าง และโอกาส ที่จะซ่อมบำรุงน้อยกว่า ส่วนที่พังเร็วที่สุด คือ เสาไฟเบอร์ครับ

    และฟลายชีตแบบคลุมมิด ใช้ได้ทุกสภาวะอากาศจริงๆ กันฝน และกันหนาวได้ดีกว่าครับ

    ภาพ : รูปแบบเต็นท์ ฟลายชีต คลุมมิด

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2010
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    โปแลนด์อากาศหนาวจัดจนแข็งตาย 12 ราย

    [​IMG]

    วอร์ซอ 3 ธค. - โฆษกกระทรวงมหาดไทยโปแลนด์ รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 12 คน จากอากาศหนาวจัดจนแข็งตาย เมื่อช่วงข้ามคืนที่ผ่านมาในโปแลนด์ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศหนาวรุนแรงในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีจำนวนรวม 30 คน

    สภาพอากาศเย็นที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ทำให้ประชาชนราว 150,000 คน ที่เมืองทางใต้ของโปแลนด์ ไม่สามารถใช้เครื่องทำความร้อนได้เมื่อเช้าวันนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว ฤดูหนาวในโปแลนด์มักประสบภัยหนาวอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน ส่วนใหญ่เป็นคนเร่ร่อนหรือเมาสุรา ขณะที่หิมะตกหนักและอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศาฯ ทำให้การจราจรโกลาหลในหลายประเทศทางเหนือของยุโรป ท่าอากาศยานบางแห่งต้องปิดบริการ ส่งผลกระทบต่อการเดินรถไฟและรถยนต์อย่างมาก. - สำนักข่าวไทย

    วันศุกร์ ที่ 3 ธ.ค. 2553

    น้ำท่วมเวเนซุเอลายังวิกฤตหนัก

    [​IMG]

    เวเนซุเอลา 3 ธ.ค. - สถานการณ์น้ำท่วมในเวเนซุเอลายังคงวิกฤติหนัก ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 30 คน ขณะที่ประชาชนราว 7 หมื่นคน ได้รับความเดือดร้อน

    พื้นที่ในกรุงคารากัส นครหลวงของเวซุเอลา และจังหวัดชายฝั่งอีกหลายแห่ง ยังคงจมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่ฝนยังคงตกหนักอย่างต่อเนื่องในรัฐฟอลคอน ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินรวมทั้งรัฐวาร์กัส มิรันดา และกรุงคารากัส ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตได้พุ่งขึ้นกว่า 30 คนแล้ว และมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนราว 7 หมื่นคน

    นอกจากนี้ กระแสน้ำยังสร้างความเสียหายให้แก่ระบบสาธารณูปโภค ทางหลวงหลายสายถูกตัดขาด บ้านเรือนในกรุงคารากัสซึ่งอยู่ใกล้กับเชิงเขาได้รับความเสียหายหลายหลังเนื่องจากถูกโคลนถล่มทับ.- สำนักข่าวไทย


    วันศุกร์ ที่ 3 ธ.ค. 2553

    เผยปีนี้โลกร้อนติดอันดับ 1 ใน 3 ปีที่ร้อนที่สุด

    [​IMG]

    เม็กซิโก 3 ธ.ค. - สหประชาชาติระบุว่าสภาพอากาศในปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่อากาศร้อนติดอันดับ 1 ใน 3 ปีที่อากาศร้อนที่สุด

    สำนักงานด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติ ระบุในการประชุมสภาพอากาศโลก ที่เมืองแคนคูน ของเม็กซิโก ว่าในช่วงปี 2001 -2010 เป็นทศวรรษที่โลกมีอากาศร้อนที่สุด นับแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลเมื่อปี 1850

    สอดคล้องกับข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกที่ระบุว่า อุณหภูมิโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นตลอดหลายช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ มีอากาศร้อนที่สุดโดยเฉพาะกรุงมอสโก ของรัสเซีย ที่อุณหภูมิทำสถิติสูงสุดถึง 38.2 องศาเซลเซียส ขณะที่สภาพอากาศโลกก็แปรปรวนอย่างหนักทั้งหนาวจัดผิดปกติในยุโรปและอเมริกา ภัยแล้งในลาตินอเมริกาและทางตะวันตกของจีน ส่วนอีกหลายประเทศทั้งไทย เวียดนาม และปากีสถาน ก็ต้องประสบภัยน้ำท่วมอย่างรุนแรง.- สำนักข่าวไทย

    วันศุกร์ ที่ 3 ธ.ค. 2553

    ญี่ปุ่น-สหรัฐเริ่มปฏิบัติการซ้อมรบทางทหารครั้งใหญ่ที่สุด

    [​IMG]

    โตเกียว 3 ธ.ค.-กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นแถลงว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐเริ่มปฏิบัติการซ้อมรบร่วมทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในวันนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี

    ปฏิบัติการซ้อมรบครั้งนี้ใช้ชื่อว่า “คีน ซอร์ด” (Keen Sword) จะมีไปจนถึงวันที่ 10 ธันวาคมนี้ และยังเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปีของการเป็นพันธมิตรกันระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐ โดยกำหนดขึ้นก่อนที่เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ไปยังเกาะในเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และมีขึ้นคล้อยหลังเพียงไม่กี่วันนับจากสหรัฐและเกาหลีใต้ผนึกกำลังแสดงแสนยานุภาพทางทหารร่วมกันเพื่อป้องปรามเกาหลีเหนือ

    สำหรับปฏิบัติการซ้อมรบร่วมญี่ปุ่น-สหรัฐ ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ทหารญี่ปุ่นราว 34,000 นาย เรือรบ 40 ลำ และเครื่องบิน 250 ลำ ส่วนฝ่ายสหรัฐมีเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 10,000 นาย เรือรบ 20 ลำ และเครื่องบิน 150 ลำร่วมการซ้อมรบบริเวณเกาะทางใต้ของญี่ปุ่นใกล้กับชายฝั่งเกาหลีใต้ในปฏิบัติการทางทหารต่าง ๆ ได้แก่ ระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ ระบบรักษาความปลอดภัยทางทหาร ภารกิจสนับสนุนทางอากาศอย่างใกล้ชิด การซ้อมยิงด้วยอาวุธจริง การป้องกันภัยทางทะเล ภารกิจค้นหาและกู้ภัย.-สำนักข่าวไทย

    วันศุกร์ ที่ 3 ธ.ค. 2553

    เกาหลีเหนือนำเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องเข้าประจำการเพิ่มเติม

    [​IMG]

    โซล 3 ธ.ค.-เกาหลีเหนือนำเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องที่สามารถยิงไกลถึงกรุงโซลเข้าประจำการเพิ่มเติม ท่ามกลางความตึงเครียดสูงขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี นับตั้งแต่เกาะชายแดนของเกาหลีใต้ถูกยิงถล่มด้วยปืนใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    สำนักข่าวยอนฮัพ รายงานอ้างแหล่งข่าวทางทหาร ระบุว่าเกาหลีเหนือเพิ่มจำนวนเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องอีก 100 ชุด ทำให้มีจำนวนเพิ่มเป็น 5,200 ชุด จรวดเหล่านี้มีพิสัยยิงไกล 60 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมและคณะเสนาธิการร่วมกองทัพเกาหลีใต้ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อรายงานดังกล่าว

    กรุงโซลตั้งอยู่ห่างจากชายแดนเกาหลีเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร ประชาชนในเมืองนี้อาศัยอยู่ท่ามกลางภัยคุกคามการโจมตีจากจรวดและปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือมาโดยตลอด แต่แหล่งข่าวไม่ได้แจ้งว่าเครื่องยิงจรวดที่เกาหลีเหนือนำเข้าประจำการใหม่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนหรือไม่

    การโจมตีด้วยจรวดและปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือที่เกาะยอนพยองเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ทำให้นาวิกโยธิน 2 นาย และพลเรือน 2 คน เสียชีวิต บ้านเรือนได้รับความเสียหายเกือบ 30 หลัง นับเป็นการโจมตีเป้าหมายพลเรือนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเกาหลีในปี 2493-2496.-สำนักข่าวไทย

    วันศุกร์ ที่ 3 ธ.ค. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. รัตนกมล

    รัตนกมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +211
    อิสราเอล มันร้องขอความช่วยเหลือ
    ทุกประเทศ(ยุโรป) ได้ยิน

    แต่เสียงร้องของเด็กๆชาวปาเลสไตน์
    มันไม่ได้ยิน

    ยิ่งใหญ่อลังการ์ แต่ดับไฟไม่เป็น
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "คนเปลี่ยนสภาพเดินเป็นคลาน"
    อาจเป็นเพราะแรงโน้มถ่วงของโลกเสียสมดุล เนื่องจากแกนโลกพลิกกลับขั้ว?

    [​IMG]
    ภาพ พระอาจารย์รัตน์ แห่งสมาธิหมุน

    คืนหนึ่งภายหลังจากการฝึกสมาธิหมุนจบสิ้นลง หลวงพ่อมักจะเปิดโอกาสให้ถามคำถามต่าง ๆ ที่ผู้มาฝึกเกิดสงสัยขึ้น หากไม่มีคำถามหลวงพ่อก็มักจะเล่าประสบการณ์ของท่านให้ฟังกัน คืนนั้นท่านพูดถึงการขึ้นไปเผยแพร่ธรรมะบนดอยของท่าน รวมไปถึงการประกอบพิธีสมโภชพระธาตุที่สร้างขึ้นบนดอย ซึ่งขณะที่กำลังบรรจุพระธาตุเข้าองค์เจดีย์นั้น ฟ้าที่ขมุกขมัวก็เปิดเป็นแสงสว่างจ้าส่องลงมาเป็นลำ สร้างความแปลกใจแก่คนที่อยู่ในพิธี หลวงพ่อบอกว่า ท่านถึงกับขนลุก ซึ่งผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ยังอดแปลกใจไม่ได้

    จากนั้นท่านเล่าว่า ขณะที่ท่านจะแผ่เมตตานั้น ท่านไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะว่าวิญญาณบนดอยไม่ยอมรับการแผ่เมตตานั้น เนื่องจากถึง เวลาที่พวกเขาจะได้ลงมาเกิดแล้ว ท่านได้อธิบายต่ออย่างละเอียดว่า แต่เดิมชาวเขาไม่ได้อยู่บนดอย แต่อยู่ในที่ลุ่มเป็นเจ้าแผ่นดินเดิม พระของพวกเขาจะกินเจคล้าย ๆ กับพระจีน แต่เมื่อพุทธศาสนาลังกาวงศ์เข้ามาสู่ประเทศไทยสมัยสุโขทัย พระของลัทธิลังกาวงศ์นั้น ฉันเนื้อได้ และมีลักษณะเหมือนพระในปัจจุบัน พวกเจ้าถิ่นเดิมก็ถูกทำลายล้าง จนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนดอยนับตั้งแต่นั้นจนเหลือชาวเขา ในปัจจุบัน ซึ่งบัดนี้วิญญาณที่ถูกทำลายล้างไปนั้น ได้เวลาที่จะกลับลงมาแล้ว พวกเขาจึงไม่ยอมรับการแผ่เมตตาที่ได้แผ่ไปให้

    " มันเป็นกรรมของพวกเขา เคยทำอย่างไรกับพวกเขาก็จะต้องโดนกลับคืนบ้าง อีกหน่อยพระทั้งหลายจะต้องถูกยึดเงินจนหมด และก็ไม่สามารถอยู่ในสภาพพระเช่นนี้ได้ เมื่อเรื่องพระหมดไปหลังจากนั้นอีกประมาณปีครึ่งก็จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 "

    ผมถึงกับตะลึงที่ท่านพูดถึงเรื่องนี้ออกมาโดยไม่มีใครถามท่านเลย และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินกับหูที่ท่านได้พูดถึงเรื่องอนาคต ท่านบอกว่า จริง ๆ แล้วไม่ค่อยอยากเล่านัก เพราะจะทำให้คนตื่นกลัวกัน แต่ที่ท่านเล่าให้ฟังก็เพื่อไม่ให้พวกเราประมาท และเรื่องราวต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นนั้นอยู่ในวิสัยของท่านที่จะรู้ได้

    " โยมก็จำเอาไว้เล่น ๆ ก็แล้วกัน ถ้าหากเหตุการณ์เหล่านี้มันเกิดขึ้นก็จะนึกได้ว่า อ๋อ หลวงพ่อเคยพูดไว้ "

    ท่านกล่าวอย่างติดตลก ในคืนถัดมาเมื่อผมได้มีโอกาสซักถามกับท่านโดยตรง ท่านได้เล่าเกี่ยวกับรายละเอียดของเรื่องที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน มีการระบุถึงบุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย แต่ผมคงจะขอข้ามส่วนนี้ไป เพราะเป็นรายละเอียดปลีกย่อยเกินไป และโดยส่วนตัวแล้ว ผมสนใจในภาพรวมที่จะเกิดขึ้นมากกว่า

    " ถ้าเกิดสงครามโลกแล้วเราจะทำอย่างไรดีครับ ? " มีคนถามขึ้น

    " ไม่ต้องกลัวหรอกโยม " ท่านตอบ

    แต่แทนที่คำตอบของท่านจะทำให้หายกลัว สำหรับผมแล้วกลับตะลึงหนักเข้าไปอีก เพราะท่านได้พูดต่อว่า

    " ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้อยู่ทันดูสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่า "

    หลายคนอาจดีใจว่า สงครามโลกอาจจะใช้เวลาอีกนานกว่าจะเกิดซึ่งตัวเองก็คงตายไปเสียก่อนอะไรทำนองนั้น แต่ในความคิดของผม คนเราอาจมีสิทธิ์ตายจากภัยพิบัติอย่างอื่นได้ก่อนเกิดสงคราม ซึ่งหลังจากนั้นหลวงพ่อได้เล่าต่อไปว่า การใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองจะทำให้ ธาตุต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นโลกแปรปรวนในแกนกลางของโลกซึ่งเอียงอยู่ประมาณ 23 องศาครึ่ง จะมีมโนธาตุมากขึ้น คือมันจะกลวง และเบาขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดมันจะพลิกตัวลงอย่างกระทันหัน (หลวงพ่อทำมือให้ดู)

    "ทำให้เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรงแก่มนุษย์ทั้งหลาย คนจะลอยเคว้งคว้างไปทั่ว บ้างหาที่เกาะแต่ไม่อยู่"

    [​IMG]

    คนที่จะรอดได้ก็คือคนที่สามารถตัด " จิตใจ " ออกจากร่างกายที่เจ็บปวดได้เท่านั้น (ท่านยกตัวอย่างคนที่ถูกผ่าตัดแล้วไม่เจ็บ) และท่านยังบอกว่าการทดลองนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส จะทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดเร็วยิ่งขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าที่ท่านบอกว่าแกนโลกจะพลิกนั้นเป็นอย่างเดียว ' Pole Shift ' หรือเปล่า ?

    หลวงพ่อท่านกล่าวต่ออีกว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะมากขึ้น อากาศแปรปรวน แผ่นดินไหว น้ำท่วมจะรุนแรงขึ้นตามลำดับ (จากกรุงเทพ ฯ ถึงนครสวรรค์จะจมน้ำหมด และศูนย์กลางจะย้ายมาอยู่ที่ลำพูน)

    สำหรับสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น ท่านบอกว่าอาวุธนิวเคลียร์จะไม่น่ากลัวเท่า " อาวุธแสง " ซึ่งขณะนี้นักวิทยาศาสตร์สหรัฐที่ได้รับรางวัล โนเบลในปี ค.ศ. 1995 ได้ค้นพบอนุภาคที่เป็นต้นกำเนิดของอาวุธแสงแล้ว เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่ามันสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้เท่านั้นเอง ซึ่งอนุภาคตัวนี้หลวงพ่อท่านบอกว่าเป็นตัวที่ทำให้แรงชนิดที่ 6 (พระพุทธเจ้าบอกไว้ว่าแรงมี 7 ชนิด) ซึงสามารถทะลุทะลวงผ่านทุกสิ่งไปได้ ตัวอนุภาคนี้เองที่เป็นตัวเดียวกับที่หลวงพ่อเรียกว่า "เส้นแสง" ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของจักรวาล

    ท่านยังให้ข้อสังเกตว่า 1 ปีก่อนเกิดสงครามโลก คนสามารถขึ้นไปสร้างบ้านเรือนอยู่บนอวกาศและสามารถทำกลางคืนให้เป็นกลางวันได้ คู่สงครามที่จะเกิดในครั้งนี้คือเอเชีย (จีน ?) กับยุโรป การทำลายล้างนั้นจะใช้อาวุธแสงยิงมาจากอวกาศ ไล่ยิงกันเป็นแนวไปสิ้นสุดที่พีรามิด บรรยากาศหลังจากที่หลวงพ่อพูดจบ มันเงียบอย่างบอกไม่ถูก จนหลวงพ่อต้องถามขึ้นว่า

    " ใครอยากช่วยไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้ (ภัยธรรมชาติ) เกิดขึ้นบ้าง? ถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็ต้องเลิกใช้นำมันกันให้หมดจะทำได้ไหมล่ะ ? "

    ไม่มีใครตอบท่านเลย ... สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือสัญญาณเวลาที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้น ซึ่งพอสรุปได้ว่าก่อนเกิดสงครามโลก 1 ปีถึง 1 ปีครึ่งจะมีเหตุการณ์ เหล่านี้เป็นสัญญาณคือ ... ในไทยพระจะถูกยึดเงิน ในระดับโลกจะมีการสร้างบ้านเรือนบนอวกาศ แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ซึ่งมีทางเป็นไปได้ โดยตรรกะว่าเมิ่อเกิดภัยธรรมชาติจะเกิดความแร้นแค้น ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งต่าง ๆ อันจะเป็น ชนวนให้เกิดสงครามขึ้นมาได้ แต่ที่สำคัญก็คือระยะเวลาเหลืออีกเท่าไร เดือนสิงหาคใมใช่หรือไม่ ? หลวงพ่อท่านบอกว่าระบุไม่ได้ ขนาดนั้น ผมจึงต้องถามท่านใหม่ว่า

    " อีกประมาณ 4 - 5 ปีข้างหน้านี้ใช่ไหมครับ " ท่านตอบว่า " ประมาณนั้น "

    เช้าวันรุ่งขึ้น หลังการฝึกในช่วงเช้ามืดจบลง หลวงพ่อท่านได้บอกเคล็ดลับของการฝึกสมาธิหมุนให้แก่ผู้อบรมที่ยังเหลืออยู่ จากนั้นท่านก็ให้พรและกล่าวลากับทุกคน ผมจากวัดของหลวงพ่อมาหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ริม 2 ข้างทางนั่นสงบเงียบเหลือเกิน แต่ในจิตใจของผมล่ะ ...

    ผมเองไม่รู้สึกตื่นกลัวมากนัก ถ้าหากเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจริง อาจเป็นเพราะผมเองก็มีภาพเหล่านั้นอยู่บ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะร้าย แรง และรวดเร็วอย่างที่หลวงพ่อท่านบอก โดยส่วนตัวของผมบัดนี้ได้พบคำตอบแล้วว่า ทำไมความรู้สึกก่อนมาที่วัดนี้ของผมจึงเป็น ต้องไปมากกว่าควรไป

    สิ่งที่ผมได้รับรู้นั้นมันทำให้คลายความยินดีในเรื่องความสำเร็จทางการงานที่เพิ่งได้รับมาหมาด ๆ ลงอย่างหมดสิ้น สิ่งที่ผมนึกออกตอนนั้น ก็คือ

    " ต่อไปนี้เราจะประมาทไม่ได้แล้ว "

    (แหล่งที่มา จากหนังสือ มังกรจักรวาล1 ตอนสมาธิหมุน นอสตราดามุส และมนษย์ต่างดาวว่าด้วยญาณทัศนะกับหายนะของโลกก่อนสิ้นศตวรรษที่ 20 โดย ดร.สุวินัย ภรณวลัย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2010
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ข้อมูลจังหวัดลำพูน

    [​IMG]

    จังหวัดลำพูน เดิมชื่อเมืองหริภุญไชย เป็นเมืองโบราณ มีอายุประมาณ 1,342 ปี ตามพงศาวดารโยนกเล่าสืบต่อกันถึงการสร้างเมืองหริภุญไชยว่า ฤาษีวาสุเทพเป็นผู้เกณฑ์พวกเม็งคบุตรหรือชนเชื้อชาติมอญมาสร้างเมืองนี้ขึ้น ในพื้นที่ระหว่างแม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำกวงและแม่น้ำปิง เมื่อมาสร้างเสร็จได้ส่งทูตไปเชิญราชธิดากษัตริย์เมืองละโว้พระนาม "จามเทวี" มาเป็นปฐมกษัตริย์ปกครองเมืองหริภุญไชยสืบราชวงศ์กษัตริย์ต่อมาหลายพระองค์

    จนกระทั่งถึงสมัยพระยายีบาจึงได้เสียการปกครองให้แก่พ่อขุนเม็งรายมหาราช ผู้รวบรวมแว่นแคว้นทางเหนือเข้าเป็นอาณาจักรล้านนา เมืองลำพูน ถึงแม้ว่าจะตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรล้านนา แต่ก็ได้เป็นผู้ถ่ายทอดมรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมให้แก่ผู้ที่เข้ามาปกครอง ดังปรากฏหลักฐานทั่วไปในเวียงกุมกาม เชียงใหม่และเชียงราย เมืองลำพูนจึงยังคงความสำคัญในทางศิลปะและวัฒนธรรมของอาณาจักรล้านนา

    จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมืองลำพูนจึงได้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทย มีผู้ครองนครสืบต่อกันมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เมื่อเจ้าผู้ครองนครองค์สุดท้าย คือ พลตรีเจ้าจักรคำ ขจรศักดิ์ ถึงแก่พิราลัย เมืองลำพูนจึงเปลี่ยนเป็นจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ปกครองสืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

    --------------------------------------------------------------------------------------
    ลักษณะทางภูมิศาสตร์

    [​IMG] [​IMG]
    แผนที่ตัวเมืองลำพูน แผนที่จังหวัดลำพูน

    ที่ตั้ง

    จังหวัดลำพูน ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (สายเอเซีย) เป็นระยะทาง 689 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินสายพหลโยธิน เป็นระยะทาง 724 กิโลเมตร และตามทางรถไฟ 729 กิโลเมตร ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 18 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 99 องศาตะวันออก อยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน อยู่ห่างจากจังหวัดเชียงใหม่เพียง 22 ก.ม. เป็นพื้นที่ ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางความเจริญของภาคเหนือตอนบน และอนุภูมิภาค ลุ่มน้ำโขง หรือพื้นที่สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจร่วมกับ จังหวัดเชียงใหม่

    ขนาด

    จังหวัดลำพูนเป็นจังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดของภาคเหนือมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 4,505.882 ตร.กม. หรือประมาณ 2,815,675 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 4.85 ของพื้นที่ ภาคเหนือตอนบน บริเวณที่กว้างที่สุดประมาณ 43 กม. และยาวจากเหนือจดใต้ 136 กม.

    อาณาเขต

    ทิศเหนือ ติดต่อกับ อ.สารภี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่
    ทิศใต้ ติดต่อกับ อ.เถิน จ.ลำปาง และ อ.สามเงา จ.ตาก
    ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อ.ห้างฉัตร อ.สบปราบ อ.เสริมงาม จ.ลำปาง
    ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อ.ฮอด อ.จอมทอง อ.หางดง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่

    ลักษณะภูมิอากาศ

    จังหวัดลำพูนตั้งอยู่ในภาคเหนือ ซึ่งตามตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนที่ค่อนไปทางเขตอากาศอบอุ่น ในฤดูหนาวจึงมีอากาศเย็นค่อนข้างหนาว แต่เนื่องจากอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินห่างไกลจากทะเล จึงมีฤดูแล้งที่ยาวนานและอากาศจะร้อนถึงร้อนจัดในฤดูร้อน

    จังหวัดลำพูนมีสภาพภูมิอากาศแตกต่างกันอย่างเด่นชัด 3 ช่วงฤดู คือช่วงเดือนมีนาคมกับเมษายนมีอากาศร้อน ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม จะมีฝนตกชุกเป็นฤดูฝน และช่วงเดือนพฤศจิกายนถึง เดือนกุมภาพันธ์มีอากาศหนาวเย็นเป็นฤดูหนาว ซึ่งฤดูหนาวและฤดูร้อนนั้น เป็นช่วงฤดูแล้ง ที่มีระยะเวลาติดต่อกันประมาณ 6 เดือน ในช่วงฤดูฝนอีก 6 เดือน นั้น อากาศจะไม่ร้อนเท่ากับ ในฤดูร้อน และไม่หนาวเย็นเท่าฤดูหนาว คือมีอุณหภูมิปานกลางอยู่ระหว่างสองฤดูดังกล่าว

    ที่มา : สำนักงานอุตุนิยมวิทยาจังหวัดลำพูน ณ เดือนธันวาคม 2545
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2010
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "สถานีอวกาศนานาชาติ"
    จะสร้างแล้วเสร็จได้ภายในปี ค.ศ. 2011

    [​IMG]

    แม้ชาติมหาอำนาจจะแข่งขันกันสร้างสถานีอวกาศ แต่ผลที่ได้รับก็ยังไม่น่าพออกพอใจเท่าทีควรเพราะ ยังมีจุดบกพร่องอีกหลายประการ แต่การนำจุดดีของแต่คนมาผสานกันเราอาจจะเห็นสถานีอวกาศที่สมบูรณ์แบบที่สุด เท่าที่องค์วามรู้ในยุคปัจจุบันของมนุษยชาติจะเอื้ออำนวย

    สถานีอวกาศนานาชาติหรือ International Space Station:ISS

    เป็นโครงการความร่วมมือของประเทศมหาอำนาจทางด้านอวกาศอย่างแท้จริง ภายหลังจากยุคแห่งการแข่งขันที่จะเป็นผู้นำทางด้านอวกาศ โดยมีประเทศที่เข้าร่วมในการสร้างสถานีอวกาศแห่งนี้มากถึง 16 ประเทศอันประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา รัสเซีย บราซิล ญี่ปุ่น แคนาดา เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมันนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ และ สหราชอาณาจักร

    ซึ่งจะรับผิดชอบในการผลิตส่วนต่างๆในส่วนที่ตนเองถนัด และจะค่อยทยอยสิ้นส่วนของสถานีอวกาศนานาชาติออกไปประกอบกันจนเป็นสถานีอวกาศที่สมบูรณ์ในที่สุด ตามแผนการแล้วจะต้องมีการขนส่งชิ้นส่วนต่างๆ ถึง 44 เที่ยวเลยทีเดียว โครงการสถานีอวกาศที่ยิ่งใหญ่นี้ เริ่มส่งชิ้นส่วนออกไปครั้งแรกตั้งแต่ ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1998 .ในช่วงแรกมีการคาดการณ์กันว่าสถานีอวกาศแห่งนี้จะสามารถสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ได้ในช่วงเวลา ค.ศ. 2006 แต่มีความผิดพลาดอยู่หลายส่วน จึงทำให้มีการประเมินกันใหม่ ในคราวนี้ได้คาดหมายกันว่าจะสามารถดำเนินการสร้างให้แล้วเสร็จได้ภายในปีค.ศ. 2011 และสร้างเปิดให้ใช้งานได้ในช่วงปี ค.ศ.2016

    เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์สถานีอวกาศนานาชาติจะมีขนาดความยาวประมาณ 73 เมตร และความกว้างส่วนปีกกว้างประมาณ 93 เมตร สูงประมาณ 27.4 เมตร มีน้ำหนักรวม เกือบ 473 ตัน โคจรรอบโลกด้วยความสูงเกือบ 400 กิโลเมตร ใช้เวลาในการโคจรอบโลกประมาณ 91.34 นาทีต่อรอบ ดังนั้นใน เวลา 1 วันสถานีอวกาศดังกล่าวจะโคจรรอบโลกประมาณ 15-16 รอบ เลยทีเดียว

    ส่วนประกอบสำคัญของสถานีอวกาศนานาชาติ

    1.Zarya Control Module เป็นชิ้นส่วนแรกของสถานีอวกาศนานาชาติ โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานเริ่มต้นกับสถานีอวกาศ ชิ้นส่วนนี้ถูกออกแบบโดยประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ดำเนินการสร้างโดยประเทศรัสเซีย ถูกส่งขึ้นสูวงโคจรใน 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1998

    2. Unity Module ออกแบบและสร้างโดยประเทศสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อส่วนต่างๆ ทั้งห้องปฎิบัติการและที่พักอาศัย โดยได้ถูกส่งไปให้ทำการเชื่อมต่อกับส่วนแรกในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1998 นอกจากนี้แล้ว Unity Module ยังมีช่องสำหรับเชื่อต่อกับส่วนอื่นๆ อีก 6 ส่วน

    3. Zvezda Service Module เป็นโมดูลบริการที่ทำหน้าที่ เป็นระบบควบคุมสถานีอวกาศทั้งยังเป็นระบบพลังงานหลัก แทนที Zarya Control Module ชิ้นส่วนนี้ถูกสร้างโดยประเทศรัสเซีย โดยถูกปล่อยขึ้นสู่วงโคจรในวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2000

    4. The U.S. Destiny Laboratory Module เป็นห้องปฏิบัติการ ทางวิทยาศาสตร์ของสถานีอวกาศ ถูกสร้างโดยประเทศสหรัฐอเมริกา 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2001

    ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากสถานีอวกาศนานาชาติ

    เป้าหมายสำคัญของสถานีอวกาศนานาชาติ คือการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอวกาศ ทำให้เราสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับอวกาศได้ดียิ่งขึ้นความรู้ที่จำเป็นในกิจการด้านอวกาศ การขนส่ง โครงสร้าง พลังงานเป็นต้น ทั้งยังสามารถใช้ในการศึกษาผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ที่อยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน มีผลกระทบต่อกล้ามเนื้อและกระดูกมากน้อยเพียงใด เพื่อนำองค์ความรู้ใหม่เหล่านี้ มาวางเป็นแนวทางที่จะศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการที่อพยพผู้คนไปอยู่อีกดาวหนึ่งหากมีความจำเป็นในอนาคต

    หรือการศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ที่ยังไม่เป็นที่เข้าใจมากนักเมื่อทำการทดลองในบรรยากาศโลกเรา เช่น เรื่องกลศาสตร์ของไหลในสถาวะไร้น้ำหนัก ที่น่าจะทำการศึกษาได้ดีกว่าสภาพปรกติภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลกเรา

    ทั้งสามารถใช้ศึกษาเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศและสภาพสิ่งแวดล้อมของโลกเราได้เป็นอย่างดีเพราะสถานีอวกาศจะโคจรผ่านรอบโลกเรา 15-16 รอบต่อวันเลยทีเดียว

    หรือการเพาะเลี้ยงเซลล์มะเร็ง ก็เป็นผลดีอย่างประการหนึ่งที่จะได้รับจากสถานีอวกาศเพราะมนุษย์ยังไม่สามารถเพราะเลี้ยง เนื้อเยื่อเซลแบบ 3 มิติอย่างเช่นที่เกิดในร่างกายคนทำให้ไม่สามารถเข้าใจมันได้ดี แต่ในสภาวะที่แรงโน้มถ่วงของโลกมีไม่มากนักถ้าสามารถเพาะเซลล์โครงสร้าง 3 มิติได้อาจจะเป็นไปได้ว่ามนุษย์จะสามารถหยุดยั้งโรคมะเร็งได้ในอนาคต ฯลฯ

    และเหนือสิ่งอื่นใดการมีสถานีอวกาศที่เพียบพร้อมสามารถทำให้มนุษย์เข้าใกล้เอกภพได้มากขึ้น ช่องทางในการศึกษาเพิ่มเติมและการเดินทางไปในดินแดนจักรวาลอันไกลโพ้นก็คงไม่ไกลเกินเอื้อม

    ที่มา http://www.vcharkarn.com/varticle/38350]ʶҹ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 125635.jpg
      125635.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.9 KB
      เปิดดู:
      1,899
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2010
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "คนจะสามารถทำกลางคืนให้เป็นกลางวันได้"

    [​IMG]
    กล้องมองในความมืด (night vision)

    เมื่อเอ่ยถึงเครื่องมือที่ใช้มองในที่มืด เกือบทุกท่านคงจะคิดถึงหนังสายลับ หรือหนังประเภท ดุเดือด ล้างผลาญ ที่ใช้อุปกรณ์ไฮเทค สามารถมองเห็นในที่มืดสนิทได้ อุปกรณ์ประเภทนี้ไม่ได้มีแต่เพียงในโรงภาพยนต์เท่านั้น แต่มันเป็นความจริงแล้ว

    [​IMG]
    กล้องมองในที่มืดยี่ห้อหนึ่ง สามารถมองเห็นได้ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน


    ด้วยอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เชื่อหรือไม่ว่าในคืนเดือนมืดคุณสามารถมองเห็นได้ไกลเป็นระยะทางกว่า 200 เมตร กล้องพวกนี้แยกเทคโนโลยีออกเป็น 2 แบบ คือ
    1. Image enhancement ใช้วิธีการเก็บกักแสง แม้ว่าจะมีเพียงน้อยนิด เป็นแสงที่อยู่ในย่านที่ตามองไม่เห็น แต่ไม่ใช่ย่านอินฟาเรด โดยใช้วิธีการขยายสัญญาณแสง และแปลงออกเป็นภาพ
    2. Thermal imaging เทคโนโลยีนี้ใช้วิธีจับแสงในย่านอินฟราเรด ซึ่งเป็นย่านที่ให้ความร้อน ความร้อนที่จับได้จากวัตถุไม่ได้เกิดจากการสะท้อน วัตถุยิ่งมีความร้อนมาก จะเปล่งแสงได้ดีกว่าวัตถุที่มีความร้อนน้อย
    ฟิสิกส์ราชมงคล จะอธิบายหลักการพื้นฐานของเทคโนโลยีทั้งสองนี้ เพื่อจะนำไปสู่การประยุกต์ใช้อีกมากมาย ในหน้าถัดไป หน้าถัดไป >>

    ที่มา http://www.rmutphysics.com/charud/howstuffwork/howstuff1/night-vision/night-visionthai.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2010
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อากาศเลวร้ายไปทั่วโลก

    [​IMG]

    หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้ายทั้งพายุหิมะ,น้ำท่วม,และไฟป่า

    เริ่มจากมณฑลซินเจียงของจีนที่กำลังเผชิญกับหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยเฉพาะที่เมืองต่าเฉิงซึ่งเป็นเมืองพรมแดนติดกับคาซัคสถาน อุณหภูมิลดต่ำลงถึงติดลบ 30 องศาเซลเซียส พายุหิมะยังทำให้การจราจรบนท้องถนนต้องกลายเป็นอัมพาต และตัดขาดกระแสไฟฟ้าในบางพื้นที่ด้วย คาดหิมะจะตกต่อเนื่องถึงวันจันทร์​

    ส่วนออสเตรเลียก็ประกาศเขตภัยพิบัติในหลายพื้นที่ทั่วรัฐนิวเซาธ์เวลส์ พร้อมส่งอาสาสมัครและตำรวจออกเคาะตามประตูบ้านเตือนประชาชนให้เร่งอพยพออกจากพื้นที่ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนน้ำท่วมตั้งแต่เมื่อวานนี้หลังเกิดฝนตกลงอย่างหนัก​

    ขณะที่ประเทศในคาบสมุทรบอลข่านรวมทั้งบอสเนีย, เซอร์เบียและมอนเตเนโกรก็ประกาศภาวะฉุกเฉินหลังเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักหลายวันติดต่อกันทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งรุนแรงตามพื้นที่ชายฝั่งแม่น้ำดรีน่า หลังระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับปกติถึง 11 เท่าทำให้หมู่บ้านหลายแห่งที่มอนเตเนโกรและเซอร์เบียต้องจมอยู่ใต้น้ำ บอสเนียได้สั่งอพยพประชาชนหลายร้อยคนออกจากชายฝั่งแม่น้ำดรีน่า และสั่งปิดโรงเรียนหลายแห่ง นับเป็นอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 104 ปีของคาบสมุทรบอลข่าน​

    ส่วนสถานการณ์ไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลยังน่าวิตก เนื่องจากจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ใกล้เมืองท่าไฮฟาเอาไว้ได้ แม้นานาชาติจะระดมความช่วยเหลือมายังอิสราเอลอย่างต่อเนื่องทั้งเครื่องบินบรรทุกน้ำและอุปกรณ์ในการดับไฟจำนวนมาก โดยไฟได้เผาผลาญบ้านเรือนและพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 17,500 ไร่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 42 คน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนธันยาฮูผู้นำอิสราเอลได้เรียกประชุมฉุกเฉินและสั่งอพยพประชาชนกว่า 15,000 คนแล้ว​

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันเสาร์ ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2553

    ที่มา http://www.krobkruakao.com

    อากาศหนาวจัดในยุโรปตายเพิ่มเป็น 45 ราย

    [​IMG]

    ยุโรป 4 ธ.ค.-อุณหภูมิที่หนาวเย็นต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสในตอนกลางของยุโรป คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วในสัปดาห์นี้เพิ่มเป็น 45 คน

    ผู้เสียชีวิต 30 คน อยู่ในโปแลนด์ ซึ่งตำรวจยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากหนาวตาย 22 คนในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะอุณหภูมิที่ติดลบ 15 องศาเซลเซียส ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นคนเมาและคนไร้บ้าน โดยเป็นผู้ชายอายุระหว่าง 35-60 ปี ส่วนที่สาธารณรัฐเช็กมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 คนใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ในสัปดาห์นี้มีผู้เสียชีวิตรวม 8 คน จากอากาศหนาวเย็น

    ขณะที่ในสโลวาเกียมีรายงานยืนยันผู้เสียชีวิต 2 รายแรกจากอากาศหนาว และอีก 5 คน เสียชีวิตในลิทัวเนีย ติดทะเลบอลติก คาดว่าในสุดสัปดาห์นี้อุณหภูมิจะยังคงต่ำกว่า 10 องศา และคาดว่าพายุหิมะจะส่งผลกระทบต่อเครือข่ายการเดินรถไฟ รถยนต์ และการจราจรทางอากาศ.-สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 4 ธ.ค. 2553

    อิสราเอลยังคุมไฟป่าไม่ได้-ยอดตายพุ่ง 60 ราย

    [​IMG]

    อิสราเอล 4 ธ.ค.-อิสราเอลยังไม่สามารถควบคุมไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดของประเทศ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 60 คน ขณะที่ต่างชาติยังคงเดินหน้าช่วยดับไฟ

    นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉิน เพื่อหารือมาตรการรับมือไฟป่าแถบเทือกเขาในเมืองไฮฟา โดยกล่าวว่าขณะนี้ ไซปรัส กรีซ บัลแกเรีย และสเปน ได้ส่งอากาศยานและอุปกรณ์มาช่วยดับไฟป่าในอิสราเอลอย่างเร่งด่วน ซึ่งก่อนหน้านี้นายเนทันยาฮู ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ป่าในเมืองไฮฟา ที่เสียหายจากไฟไหม้ป่าครั้งนี้ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 60 คน มีพื้นที่ถูกไฟป่าเผาทำลายไปกว่า 25,000 ไร่ ทางการต้องเร่งอพยพประชาชนกว่า 2,000 คน ออกนอกพื้นที่ ล่าสุด เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน ซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นผู้วางเพลิงจนเกิดไฟป่าในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 4 ธ.ค. 2553

    เกาหลีใต้จะใช้การโจมตีทางอากาศหากเกาหลีเหนือโจมตีอีก

    [​IMG]

    โซล 3 ธ.ค. - นายคิม ควาน-จิน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ กล่าววันนี้ว่า เกาหลีใต้จะตอบโต้กลับด้วยการโจมตีทางอากาศ หากเกาหลีเหนือปฏิบัติการโจมตีทางทหารอีก

    นายคิม กล่าวตอบกระทู้ถามในรัฐสภาเกี่ยวกับการตอบโต้ของเกาหลีใต้หากถูกโจมตีอีกว่า เกาหลีใต้จะใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในการตอบโต้กลับ ก่อนหน้านี้ กองทัพเกาหลีใต้ใช้วิธีตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ หลังเกาหลีเหนือยิ่งปืนใหญ่โจมตีเกาะบริเวณชายแดน ทำให้ทหารเรือ 2 นาย และพลเรือน 2 คน เสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน และว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวกองทัพไม่ได้ใช้การโจมตีทางอากาศต่อฐานปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือ เพราะเกรงว่าจะทำให้สถานการณ์รุนแรงยิ่งขึ้น แต่การตอบโต้ดังกล่าวกลับถูกมองว่าเป็นความอ่อนแอ และทำให้รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมคนก่อนต้องลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ

    อย่างไรก็ตาม นายคิม กล่าวว่า เกาหลีใต้จะใช้สิทธิในการป้องกันตนเองและลงโทษผู้โจมตี และว่า มีโอกาสน้อยที่จะเกิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบ. - สำนักข่าวไทย

    วันเสาร์ ที่ 4 ธ.ค. 2553

    ที่มา http://www.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2010
  19. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    ======================================


    4 ธ.ค. 53


    ศึกสายเลือด

    ศึกสองเกา------เกาเหนือ------และเกาใต้
    พ่นปืนไฟ-------ใส่กัน---------หมายสังหาร
    ให้ระวัง---------แก๊สพิษ-------ที่ใชักัน
    ร่วงฉับพัน------ชีวิตหมด-------รันทดใจ




    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน


    ======================================
    ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น1
    ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น2
    ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







    ---------------------------------------------------------------------
    หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->
     
  20. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เกือบทั่วทุกภาคอากาศหนาวเย็นลง ลมแรง ใต้ฝนเพิ่ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 5 ธันวาคม 2553

    ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงแต่ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ชาวเรือควรระมัดระวังในการเดินเรือ

    อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-9 ธ.ค. 53 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีอุณหภูมิลดลงและลมแรง และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังแรงขึ้นทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ
    ทางตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศา
    ทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า
    สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.



    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา
    สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    ภาคกลาง
    อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก

    อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา
    สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร



    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
    บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
    อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 31 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร



    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดตรัง และสตูล
    อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 31 องศา
    ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
    ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร


    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
    อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า
    อุณหภูมิต่ำสุด ประมาณ 23 องศา
    ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>'พัทลุง'จม ทะเลหนุน ดินยุบตัว หนีตายวุ่น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>พายุฝนยังถล่มพัทลุง น้ำท่วมขังริมทะเลสาบสงขลา น้ำทะเลหนุนซ้ำสูงถึง 1.30 เมตร ใน 5 อำเภอ ชาวบ้าน 15 ครอบครัวต้องย้ายไปนอนศูนย์ศิลปาชีพฯ หวั่นไม่ปลอดภัย

    ขณะที่สวนผลไม้ชาวบ้าน อ.ศรีนครินทร์ ดินยุบตัวลึก 4 เมตร กว้างถึง 6 เมตร นายอำเภอสั่งล้อมพื้นที่หวั่นอันตราย เร่งประสานทรัพยากรธรณีเข้าสำรวจสาเหตุ พร้อมแจ้งเตือนทุกพื้นที่ระวังเหตุน้ำท่วม พายุ แผ่นดินทรุด ด้านนครศรีฯ ฝนยังตกไม่หยุด อ.เมือง ร่อนพิบูลย์ พระพรหม น้ำท่วมสูง 50 ซ.ม. แต่น้ำในคลองไม่เพิ่ม หากฝนหยุดคาดลดระดับลง

    เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถาน การณ์น้ำท่วมจาก จ.พัทลุง ว่า ขณะนี้น้ำยังคงท่วมขังในบริเวณที่ราบลุ่มและริมทะเลสาบสงขลาพื้นที่ อ.เขาชัยสน บางแก้ว ควนขนุน ปากพะยูน และ อ.เมือง จ.พัทลุง เนื่องจากมีน้ำทะเลหนุน ทำให้ระดับน้ำท่วมสูงถึง 1.30 เมตร และมีกระแสลมพัดแรง ชาวบ้านหัวป่าเขียว หมู่ 7 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน กว่า 30 คน ต้องย้ายมานอนที่อาคารศูนย์ศิลปาชีพเป็นครั้งที่สอง หลังจากเพิ่งย้ายกลับบ้านเมื่อน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมาไม่นาน

    นายเพียร มาลีทอง อายุ 63 ปี ชาวบ้านหัวป่าเขียว กล่าวว่า ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมามีคลื่นลมแรงและมีฝนตกลงมาอีก

    ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมขังอยู่แล้วเพิ่มระดับสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 1.30 เมตร ด้วยสภาพบ้านเรือนของชาวบ้านหมู่ 7 ติดกับริมทะเลสาบ ประกอบกับน้ำทะเลหนุน จึงไม่สามารถนอนที่บ้านได้เกรงว่าจะไม่ปลอด ภัย จึงต้องย้ายสมาชิกในครอบครัวมาอาศัยนอนที่อาคารศิลปาชีพบ้านหัวป่าเขียว ร่วมกับเพื่อนบ้านอีก 15 ครัวเรือน

    ด้านนายสถาพร ประทุมทอง นายอำเภอศรีนครินทร์ จ.พัทลุง กล่าวว่า ที่สวนผลไม้ของชาวบ้าน หมู่ 2 ต.ลำสินธุ์ เกิดดินทรุดตัวเป็นวงกว้าง 6 เมตร ลึก 4 เมตร เบื้องต้นได้สั่งให้นำเชือกไปกั้นรอบบริเวณดินทรุดตัวแล้ว พร้อมสั่ง ไม่ให้ชาวบ้านเข้าใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อรอให้นักธรณีวิทยาลงสำรวจสภาพพื้นที่ เพราะบริเวณ ที่เกิดเหตุอยู่ใกล้แหล่งชุมชนบ้านเรือนชาวบ้านเกรง จะได้รับอันตรายหากดินเกิดการทรุดตัวซ้ำอีก

    นายพิสิษฐ บุญช่วง ผวจ.พัทลุง กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ที่ดินทรุดอยู่ห่างจากบริเวณลำคลองประมาณ 30 เมตร

    แต่ยังไม่ทราบสาเหตุการทรุดของดิน ทางจังหวัดได้ประสานไปยังกรมทรัพยากรธรณี เพื่อให้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้เชือกกั้นและประกาศห้ามไม่ให้เข้าใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ และที่ผ่านมาทางจังหวัดได้ประกาศเตือนชาวบ้านอยู่ทุกระยะ หากยังมีฝนตกอยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง โดยเฉพาะแถบเทือกเขาบรรทัด ขอให้ประชาชนระมัดระวังเกี่ยวกับดินโคลนถล่ม อย่างไรก็ตามในการป้องกันนั้นทางจังหวัดได้ติดตั้งสัญญาณและมีอาสาสมัครหรือมิสเตอร์เตือนภัย คอยเตือนภัยพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากเกิดเหตุร้ายแรงสัญญาณก็จะดังขึ้นและพี่น้องประชาชนก็จะทราบล่วงหน้า เพื่อสามารถอพยพเคลื่อนย้ายประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยที่จัดเตรียมไว้

    ส่วนที่ จ.นครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนหยุดตกในช่วงเช้า แต่ท้องฟ้ายังมืดครึ้ม

    ซึ่งพื้นที่น้ำท่วมมากที่สุดในบางตำบลของ 3 อำเภอ คือ อ.ร่อนพิบูลย์, เมือง และพระพรหม โดยเฉพาะที่หมู่ 6 ต.ช้างซ้าย มีน้ำท่วมสูงประมาณ 30-50 ซ.ม. พื้นที่ทางการเกษตรจมอยู่ใต้น้ำเป็นบริเวณกว้าง ส่วนระดับน้ำตามลำคลองก็ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งหากฝนหยุดตกน้ำที่เอ่อล้นเต็มตลิ่งก็จะลดระดับลง

    นายธนวัฒน์ เรืองเดช นักวิเคราะห์นโยบายและแผน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า 3 อำเภอที่มีน้ำท่วมนั้น และเริ่มลดระดับแล้ว บางหมู่บ้านมีน้ำท่วมขังเล็กน้อย ชาวบ้านถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในช่วงหน้าฝน แต่ขณะที่น้ำลดลงก็จะไปเพิ่มระดับในพื้นที่รับน้ำ 3 อำเภอ คือ อ.ปาก พนัง, เชียรใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ก่อนจะไหลออกสู่ทะเลต่อไป

    สำหรับเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช มีน้ำเข้าท่วมขังเล็กน้อยตามแนวริมคลอง มีบางส่วนที่ได้รับผลกระทบต้องเตรียมพร้อม บางหลังขนย้ายข้าวของหนีน้ำบ้างแล้ว อย่างไรก็ ตามเพื่อความไม่ประมาท ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือน้ำท่วมในครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 เพราะสภาพอากาศยังไม่น่าไว้ใจ นอกจากนั้นจะสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งส่วนใหญ่ทราบว่าเป็นพื้นที่ทางการเกษตรเท่านั้น

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ยุโรปหนาวกระหน่ำ-น้ำท่วมหนัก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>หิมะตกหนักกระทบคมนาคม สังเวยภัยหนาว 60 ศพ คาบสมุทรบอลข่านท่วมใหญ่รอบ 100 ปี มอนเตฯ จมบาดาล

    วันนี้ (4 ธ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อากาศหนาวเย็นแผ่ปกคลุมทั่วยุโรป ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 60 รายแล้ว หิมะตกหนักส่งผลกระทบต่อการสัญจร ทั้งทางบก ทางน้ำและอากาศ ในหลายประเทศทางตอนเหนือของทวีป รายงานผู้เสียชีวิตจากความหนาว ในภาคกลางของยุโรป เพิ่มขึ้นอีก 17 รายเมื่อวานนี้ ทำให้ตัวเลขตลอดสัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็น 45 ราย โดย 30 รายในจำนวนนี้อยู่ในโปแลนด์ ส่วนใหญ่เป็นคนจรจัดไร้ที่อยู่อาศัย ส่วนที่รัสเซียเสียชีวิต 11 ราย ฝรั่งเศส 3 ราย และเยอรมนีอีก 1 ราย

    ขณะเดียวกัน พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป แถบคาบสมุทรบอลข่าน กำลังเผชิญกับภัยน้ำท่วมครั้งเลวร้ายสุดในรอบศตวรรษ โดยเฉพาะที่มอนเตเนโกร ซึ่งหลายเมืองแถบชนบทถูกน้ำท่วมจนจมมิด.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ทหารสเปนเข้าควบคุมหอบังคับการบิน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายกฯสั่งทหารคุมหอบังคับการบินทั่วปท. หลังพนง.นัดหยุดประท้วงเงียบ ผู้โดยสารตกค้างเพียบ จ่อประกาศภาวะฉุกเฉิน

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีโฮเซ่ หลุยส์ โรดริเกซ ซาปาเตโร่ ของสเปน สั่งกองทัพส่งทหารเข้าควบคุม หอบังคับการบินทั่วประเทศในวันนี้ (4 ธ.ค.) หลังจากพนักงานพลเรือน พร้อมใจกันลาหยุดงาน จนทำให้น่านฟ้าปิด และผู้โดยสารเครื่องบินหลายแสนคน ตกค้างตามท่าอากาศยานต่างๆ ทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน รัฐบาลสเปนเตรียมเรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นการเร่งด่วนเช้าวันนี้ เพื่อประกาศภาวะฉุกเฉิน

    ซึ่งจะนำไปสู่การดำเนินคดีอาญา กับพนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศ ที่นัดหยุดงานแบบประท้วงเงียบครั้งใหญ่ หากไม่กลับเข้าทำงานภายในวันนี้.


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...