ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

พระมหากษัตริย์ พระนเรศวร และในหลวง ในความรู้สึกของคนไทยใหญ่

<TABLE><TBODY><TR><TD>


พันเอกเจ้ายอดศึกกล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่า

"คนไทใหญ่ทั้งสมัยนี้ทั้งสมัยโบราณเชื่อถือพระนเรศวร คนยุคนี้เชื่อถือพระเจ้าอยู่หัว ทุกคนทุกบ้านมีรูปในหลวง-พระราชินี เพราะถ้าดูประวัติศาสตร์คนเชื้อชาติไท คนไทใหญ่ คนไทย คนลาว คนไทในเวียดนาม คนไทในจีนเป็นเชื้อสายเดียวกัน แล้วปัจจุบัน พระเจ้าอยู่หัวมีในประเทศไทยองค์เดียว ไทใหญ่จึงเคารพรักและเชื่อถือพระองค์มาก"



เดินอยู่ในบ้านคนไทใหญ่ แหงนมองผนังห้อง ใกล้หิ้งบูชาพระ จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่งที่จะได้พบรูปในหลวง-พระราชินี ประดับอยู่โดยถ้วนทั่ว ไม่ต่างอะไรจากบ้านคนไทย ส่วนความเชื่อในพระราชวงศ์นั้น คนไทใหญ่ยิ่ง "เหมือน" สุดๆ กับคนไทย ชนิดไม่มีผิดเพี้ยนเลยสักน้อย


ครูเคอแสน นักประวัติศาสตร์และเลขาธิการของสภากอบกู้รัฐฉานเล่าให้ฟังว่า เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน ครั้งที่สมเด็จพระเทพรัตนฯ เสด็จเยือนพม่า และเสด็จไปที่เมืองตองจี คนไทใหญ่ตื่นเต้นกันมาก รู้สึกเหมือนเจ้าฟ้าของตนกลับบ้าน ใครสามารถไปรับเสด็จได้ก็พากันออกไป ส่วนคนที่ไม่มีโอกาส ต่างก็จ้องตาเป๋งไปที่ทีวีพม่า คอยดูภาพถ่ายทอดการเสด็จเยือนพม่าครั้งนั้นของสมเด็จพระเทพรัตนฯ อย่างปลาบปลื้ม แต่ที่คนไทใหญ่ตั้งใจดูๆ จ้องๆ กันอย่างละเอียดก็คือ "หมายเลข" ของเครื่องบินพระที่นั่งนั่นแหละ ครูเคอแสนเล่าว่าปีนั้นคนตองจีแห่ซื้อเลขเด็ดและถูก "หวย" ตัวเลขเครื่องบินสมเด็จพระเทพรัตนฯ กันทั้งเมือง จนเจ้ามือหวยแทบจะล่มจมไปเลย ครูยังบอกอีกด้วยว่าที่จำได้แม่นเพราะเพื่อนของครูในมหาวิทยาลัยตองจีได้เงินจากหวยในคราวนั้นเป็นหมื่นจ๊าด!

(สงสัยให้ดูหนังสือ ไทยเที่ยวพม่าของพระเทพนานแล้ว)



</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

พระบารมีแห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชคุ้มเกล้าฯทหารไทยใหญ่

หน้านี้เป็นเรื่องของไทยใหญ่มากสักหน่อยนะคะ คงไม่ว่ากันเพราะสายเลือดไท สายใหญ่สายเดียวกันค่ะ

ปาฎิหาริย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชช่วยทหารไทยใหญ่ ฟังจากพี่ดอกไม้แล้วขนลุก มหัศจรรย์ยิ่ง พี่ดอกไม้ไปเชียงใหม่ ลำปาง อีกนานเลยกว่าจะกลับ อันนี้แล้วแต่พี่ดอกไม้จะเขียนเล่าให้อ่านกันหรือไม่นะคะแล้วแต่พี่เห็นสมควร

 

สมเด็จพระนเรศวรฯ กับชาวบ้านไทใหญ่

นอกจากความนับถือศรัทธาในอานุภาพบารมีของสมเด็จพระนเรศวรฯ ที่ยึดกุมจิตใจของทหารกู้ชาติไทใหญ่แล้ว เราไม่ค่อยได้รู้หรือมองเห็นความสัมพันธ์ของชาวบ้านไทใหญ่ที่มีกับสมเด็จพระนเรศวรฯ กันมากนัก

แต่เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา ทางกลุ่มผู้นำ SSA ส่งข่าวมาว่า ได้มีการพบพระบรมรูปหล่อสำริดของสมเด็จพระนเรศวรฯ ขนาดประมาณนิ้วหัวแม่โป้ง และคนพบพระบรมรูปหล่อนี้ได้ติดต่อมาที่ดอยไตแลง เพื่อนำมามอบให้กับพันเอกเจ้ายอดศึก

ชาวบ้านไทใหญ่คนนี้เล่าว่า เมื่อเดือนเมษายน หน้าแล้ง เขาออกจากบ้านไปเผาไร่ทางตะวันออกของฝั่งคง (ริมน้ำสาละวิน) เพื่อเตรียมผืนดินไว้ทำไร่ช่วงหน้าฝนที่จะมาถึง ในขณะเผาไร่มีกอหญ้ากอวัชพืชที่ไม่ยอมติดไฟอยู่กระจุกหนึ่ง จะเผากี่ครั้งไฟก็ลามไปไม่ถึง ด้วยความสงสัยเขาจึงไปถางกอวัชพืชนี้ออก และรื้อหมากหินในบริเวณนั้น เพียงขุดลงไปจอบแรก ก็พบพระบรมรูปหล่อสำริดของสมเด็จพระนเรศวรฯ จมดินอยู่

เขาเอาพระบรมรูปหล่อสำริดนี้กลับมาบ้าน ทดลองยิงด้วยปืนลูกซอง แต่ปืนกลับยิงไม่ออก

ยามค่ำคืน เขาหลับฝัน มีคนมาบอกให้เอาไปมอบให้เจ้ายอดศึกผู้นำของ SSA ที่ดอยไตแลง แต่ขณะนั้นเกิดสงครามระหว่างกองกำลังว้าแดงและไทใหญ่ รอบดอยไตแลงมีการสู้รบอย่างหนัก กว่าเขาจะไปถึงและมอบพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรฯ ให้เจ้ายอดศึกได้ดังตั้งใจ ก็ล่วงเข้าเดือนกรกฎาคมไปแล้ว

ภาพถ่ายที่ทาง SSA ส่งมาพร้อมรายละเอียดของรูป บอกให้รู้ว่า พระบรมรูปหล่อนี้มีขนาดสูงไม่เกิน ๓ นิ้วฟุต เป็นรูปสมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงยืนถือคนโทหยาดน้ำ และมีอักษรไทยปัจจุบันจารึกไว้ว่า พระนเรศวรมหาราช เชียงดาว

​

ซึ่งพอจะคาดประมาณได้ว่า อายุเก่าแก่ที่สุดของพระบรมรูปหล่อนี้ น่าจะอยู่ในสมัยซึ่งมีการสร้างเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรฯ ที่ตำบลเมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ ๓๖ ปีที่ผ่านมา

แม้จะไม่ใช่ของเก่าแก่อายุเป็นร้อยปี แต่ในความเชื่อถือศรัทธาของชาวบ้านไทใหญ่ ประกอบกับเรื่องเล่าของอานุภาพ ไฟไม่ไหม้-ปืนยิงไม่ออก ที่ผูกพันมากับพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรฯ ก็ทำให้ชาวบ้านไทใหญ่คนหนึ่งเดินทางเสี่ยงตายฝ่าสนามรบที่ยังเต็มไปด้วยการปะทะระหว่างกองกำลังว้าแดงและ SSA ดั้นด้นมาถึงดอยไตแลง เพื่อสนองตอบต่อเจตนารมณ์ของพระบรมรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรฯ ที่ตั้งใจจะมาอยู่ในความครอบครองของผู้นำของพวกเขา ดังความฝันที่ชี้นำให้เดินทางมาถึงกองบัญชาการใหญ่ของ SSA ได้อย่างปลอดภัย

เรื่องเล่านี้โจษขานอยู่ในหมู่ประชาชนและทหารไทใหญ่ และในสถานการณ์สู้รบอันหนักหน่วงระหว่างว้าแดงและไทใหญ่ในห้วงเวลาปัจจุบัน การปรากฏขึ้นของพระบรมรูปหล่อสำริดสมเด็จพระนเรศวรฯ ยิ่งช่วยตอกย้ำว่า สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงแผ่บารมีมาคุ้มครองทหารกู้ชาติไทใหญ่อย่างแน่แท้

ความเชื่อมั่นศรัทธาของคนไทใหญ่ที่มีต่อสมเด็จพระนเรศวรฯ นั้น มีรากฐานสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการปกครองระบอบ "เจ้าฟ้า" ของไทใหญ่ที่สืบทอดมาเป็นพันปี แต่เพิ่งถูกทำลายหมดสิ้นไปกับการยึดอำนาจในสหภาพพม่าของนายพลเนวินเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๕

แม้ปัจจุบันนี้ เจ้าฟ้าของไทใหญ่จะดับสูญ เชื้อสายเจ้าฟ้ากระจัดกระจายไปอยู่คนละทิศละทาง แต่ศรัทธาอันหยั่งรากลึกมาเป็นพันปีในจิตใจคนไทใหญ่ไม่เคยสูญหาย หลักฐานปรากฏชัดในทุกบ้านของทหาร SSA หรือกระทั่งบนเวทีงานฉลองปีใหม่ของไทใหญ่ สูงสุดแห่งการเคารพบูชานั้นคือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ตระหง่านสง่าอยู่กลางยอดดอยไตแลง

 

ตั้งใจ จะให้เพลงนี้เป็นเพลง ตอบเพลงจากยอดดอยค่ะ
แต่ไม่รู้จะตอบได้มากหรือน้อยเท่าไหนหนะค่ะ คุณเจ๊

 

อนุโมทนาสาธุ และสวัสดีปีใหม่ด้วยค่ะคุณพี่ ศรัทธา _พิสุทธ์
ไม่เจอกันนานเลยคุณพี่สบายดีหรือเปล่าคะ

อนุโมทนาสาธุ จ้าน้องฟอร์ท ไม่เจอกันนานเลย นะจ๊ะ น้องสบายดีหรือเปล่า

 

แด่ยอดรักนักรบไทย
กัญญนัทธ์ ศิริ
เนื้อร้อง /ทำนอง/ ขับร้อง

ไกลสุดขอบฟ้า ฝากศรัทธารัก...ถึงเธอ
จากภูผา โอบขอบฟ้า สู่ทะเล
ยอดรัก ฉันรอคอย ไม่หักเห
ไม่รวนเร รอเธอกลับ...นับวันคืน
(ก่อนจะนอน ฉันขอพร พระคุ้มครอง)

เธอ คือยอดดวงใจ ที่ห่วงใยฉันทุกนาที
ปกป้องผืนแผ่นดินนี้ ด้วยศักดิ์ศรี นักรบไทย

บัดนี้ เธอห่างหาย ชีพวางวาย...เพื่อชาติไทย
เพรียกหา..เธอออยู่แห่งไหน โถ ดวงใจ จะขาดรอน

*ขอเธอจงหลับไหล โอบกอดไพร ใต้เเสงจันทร์
คืนนี้ไม่ต้องฝัน อาบจันทร์ นิรันดร์ กาล
ยอดรัก ฉันจะกล่อมให้หลับไหล
หลับเถิด ใต้ธงไทย สดุดี

จะขอเฝ้าจดจำ จารึกไว้ สุดหัวใจ
โอ้ยอดนักรบไทย ที่ดวงใจฉันเทิดทูน

บทเพลงนี้ ขอมอบให้แก่ ทหารหาญนักรบ และผู้กล้า ทั้งในอดีต และปัจจุบันที่สละชีพเพื่อชาติ

กุศลทั้งหมดทั้งมวลนี้ ขอถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช<!-- google_ad_section_end -->

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->

 

สุดยอดเลยขอรับพี่โม แผ่นวางเมื่อไหร่ ฟอร์ทต้องขอจอง

"จะขอเฝ้าจดจำ จารึกไว้ สุดหัวใจ
โอ้ยอดนักรบไทย ที่ดวงใจฉันเทิดทูน"

ถึงท่อนนี้ คิดถึงพ่อและนักรบของชาติ นักรบไทยทุกๆท่าน ขอรับ

 

ขอขอบคุณ ทหารหาญ ตำรวจ ผู้กล้า นักรบ ทั้งอดีต และปัจุบัน
ที่ช่วยปกปักรักษาผืนแผ่นดินนี้ ขอร่วมสดุดี ในวีรกรรม

อนุโมทนา นะจ๊ะ น้องฟอร์ท

 

เธอ คือยอดดวงใจ ที่ห่วงใยฉันทุกนาที
ปกป้องผืนแผ่นดินนี้ ด้วยศักดิ์ศรี นักรบไทย

ขอขอบคุณ ทหารหาญ ตำรวจ ผู้กล้า นักรบ ทั้งอดีต และปัจจุบัน
ที่ช่วยปกปักรักษาผืนแผ่นดินนี้ ขอร่วมสดุดี ในวีรกรรม

ขอบคุนน้องโมเยที่ช่วยถ่ายทอดความรู้สึก ทุกตัวอักษรซึ้งมากค่ะ

 

-สวัสดี เจ้ า น้องโมเย ไม่ผิดหวังเลยยังรักษาความไพเราะไว้ได้ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม พี่ในฐานะที่เคยเป็นทหาร(หญิง) ขอขอบคุณแทนทหารและนักรบผู้กล้า ด้วยคนหนึ่ง
.....................................................................

-สุดยอดเลยขอรับพี่โม แผ่นวางเมื่อไหร่ ฟอร์ทต้องขอจอง

"จะขอเฝ้าจดจำ จารึกไว้ สุดหัวใจ
โอ้ยอดนักรบไทย ที่ดวงใจฉันเทิดทูน"

ถึงท่อนนี้ คิดถึงพ่อและนักรบของชาติ นักรบไทยทุกๆท่าน ขอรับ

ขออนุโมทนากับน้องฟอร์ท ค่ะ

..........................................................................

เธอ คือยอดดวงใจ ที่ห่วงใยฉันทุกนาที
ปกป้องผืนแผ่นดินนี้ ด้วยศักดิ์ศรี นักรบไทย

ขอขอบคุณ ทหารหาญ ตำรวจ ผู้กล้า นักรบ ทั้งอดีต และปัจจุบัน
ที่ช่วยปกปักรักษาผืนแผ่นดินนี้ ขอร่วมสดุดี ในวีรกรรม

ขอบคุนน้องโมเยที่ช่วยถ่ายทอดความรู้สึก ทุกตัวอักษรซึ้งมากค่ะ


ขออนุโมทนากับคุณภรภิตา ด้วยนะคะ

 

คุณ พี่ศรัทธา_พิสุทธ์ คะ อนุโมทนาค่ะ
โมเย ขอชื่นชม อดีตทหารหญิง ท่านนี้ด้วยนะคะ ^_ู^

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1320463/[/MUSIC]​

หายหน้าไปเพราะคอมฯเสียค่ะ ตอนนี้ใช้คอมฯอีกเครื่องที่บ้านคุณแม่เข้ามาทักทายค่ะ

สิ่งแรกที่ทำคือฟังเพลง โอ้ยอดรัก นักรบไทย เพราะว่าพี่จงรักภักดีกรุณาโทรมาบอกว่าโมเยได้นำเพลงนี้มาแสดงไว้ในกระทู้นี้แล้ว จึงเข้ามาฟังเป็นสิ่งแรก

และขอนำเสียงเพลงเสนอบนหน้าจอ ณ โอกาศนี้เลยค่ะ

 

ขออนุโมทนาในความกตัญญูของน้องฟอร์ทค่ะ และขอร่วมระลึกถึงนักรบไทยทุกท่านค่ะ

ขออนุโมทนากับกุศลจิตของน้องโมเยด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณภรภิตา คิดว่าคุณภรภิตาคงมีความทรงจำอันดีงามเกี่ยวกับนักรบไทยเช่นกันใช่ไหมคะ มาเล่าแบ่งปันกันฟังบ้างซิคะ

สวัสดีค่ะพี่ศรัทธาพิสุทธิ์ ขอสดุดีอดีตทหาร และนักรบ ทั้งชายและหญิง ด้วยคนค่ะพี่

เหม่อสุงข้า แปลว่าอะไรคะ (ในความคิดหนู เหม่อ อาการเหม่อลอย สุง มองไปสูงๆ รวมความแล้ว เหม่อลอยไปสูงๆ อิอิ)

อ้าว มิใช่เจ้ายอดศึกหรือค่ะ ไม่เป็นไร ปล่อยให้คุณลุงชาวไทยใหญ่คนนี้ดังสักหน่อยทิ้งรูปคุณลุงไว้เช่นนี้แลเนอะพี่เนอะ

 

ขอนอกเรื่องนิดเดียวค่ะ ชอบชื่อยาฟังแล้วเหมือนได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนไปในอดีต

เรื่องของเรื่องก็คือทางสายธาตุเป็นผื่นขึ้นที่ฝ่ามือ คันยิบๆพอเผลอๆก็ยุบ เจ๊รุ้งบอกโบราณเขาเรียกประดงเลือด ประดงลม

ที่นี้เจอในอินเตอร์เนตมียาสำหรับแก้อาการชนิดนี้ ชื่อยาประดงพระสังข์ทรงช้าง ฟังชื่อเก๊าเก่า แต่ของเก่าใครว่าไม่ดีจริงไหมคะ จะหามาลองรับประทาน ชื่อยาทำให้ทวนความจำวัยเด็กที่จำได้ชื่อยาจะบอกสรรพคุณเสร็จสรรพ ชื่อยาทำให้ระลึกความหลังครั้งยังเด็กค่ะ แต่ยาประดงนี้ยังไม่เคยกิน ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าจะไปหาซื้อได้ที่ไหน

ยาประดงพระสังข์ทรงช้าง




YA PRADONG PRASANG
สรรพคุณ
แก้โรคผิวหนังที่เป็นเม็ดผื่นคัน แก้น้ำเหลืองเสีย

ขนาดรับประทาน
ครั้งละ 2 แคปซูล หลังอาหารเช้าและเย็น
ข้อควรระวัง
สตรีมีครรภ์และสตรีที่ให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน
ผลข้างเคียง 

เมื่อรับประทานยานี้แล้ว ยาจะขับพิษที่สะสมอยู่ข้างในออกมาเป็นผื่นตามผิวหนัง ไม่ต้องตกใจ ให้รับประทานยานี้ต่อไปเพื่อกระทุ้งให้พิษออกมาอีก อาการจะค่อยๆดีขึ้นและหายไปเองในที่สุด บางท่านอาจมีการอ่อนเพลีย แนะนำให้ลดปริมาณลง อาจเหลือเพียง 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง หรือ 2 เม็ด 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน หรือ ให้หยุดชั่วคราวแล้วเริ่มทานใหม่
ส่วนประกอบสำคัญ
โกฐเชียง
หนอนตายอยาก
ผักชีล้อม
เม็ดกระเบา
การบูร
ระย่อม
พิษนาศน์
เจตพังคี
เปลือกโรกแดง
มี 3 บรรจุภัณฑ์ให้เลือก
- บรรจุขวดละ 60 แคปซูล ราคา 75 บาท
- บรรจุซองละ 10 แคปซูล ราคา 15 บาท
ยาประดงพระสังข์ทรงช้างชนิดแคปซูล ขึ้นทะเบียนยาเลขที่ G 208/42 (กระทรวงสาธารณะสุข)
- บรรจุกล่องละ 45 เม็ด (ไม่ใช่ยาลูกกลอน)
ยาประดงพระสังข์ทรงช้างชนิดเม็ด ขึ้นทะเบียนยาเลขที่ G224/42 (กระทรวงสาธารณะสุข)




ป.ล. เข้ามาเบรคอารมณ์เรื่องของดอยไตแลง และเบรคอารมณ์เศร้าจากบทเพลงของน้องโมเย เบรคหัวทิ่มหัวตำแล้วก็ชิ่งออกไปตามหายาประดงพระสังข์ทรงช้างแล้วนะคะ อิอิ

ถ้าไปได้ยาประดงตราหกเขย โรคผื่นแพ้จะตีกลับเห่อคันคะเยอไหมน้อ แอบสงสัย ^^

 

วันนี้ วันครูวันที่ ๑๖ มกราคม ขอกราบคารวะคุณครูทุกๆท่านด้วยความเคารพและสำนึกในพระคุณ ท่านเป็นที่สองรองจากพ่อและแม่ครับ
"ข้าขอประณตน้อมสักการ บุรพคณาจารย์"

วันอังคารที่ ๑๘ มกราคมวันกองทัพไทย ที่เลื่อนมาจากเดิมที่เคยถือเอาวันที่ ๒๕ มกราคม เป็นวันกองทัพไทย โดยทั้งสองวันนี้เชื่อว่าเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจของประชาชนชาวไทย กองทัพบกและกองทัพไทยก็ได้ยึดถือเอาวันนี้เป็นวันกองทัพบกและวันกองทัพไทย

คณะบุคคลผู้เทิดทูนและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ได้ร่วมกันจัดพิธีบวงสรวงและทอดผ้าป่าอุทิศบุญกุศลถวายแด่พระองค์ที่วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันแรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นวันทางจันทรคติ ที่ตรงกันกับ วันจันทร์ แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๑๓๕ ที่ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะพระมหาอุปราชา ตามกำหนดการดังนี้

๐๙.๐๐ น. เริ่มพิธีบวงสรวง

๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล

๑๓.๐๐ น. ทอดผ้าป่า

ขอขอบคุณ คุณโมเย เป็นอย่างสูงครับที่ได้กรุณานำเพลง "แด่ยอดรัก นักรบไทย" ที่เพิ่งจะแล้วเสร็จสดๆร้อนๆ มาโพสต์ในโอกาสวันสำคัญยิ่งอย่างนี้ ขอวิญญาณนักรบไทยทั้งหลาย หากท่านสามารถรับรู้ได้ ขอได้รับการกราบกรานด้วยความเคารพและระลึกถึงจากพวกเราทุกคน พวกเรายังคงจดจำและจารึกไว้สุดหัวใจถึงพวกท่าน ยอดนักรบไทย

 

พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดบ้านกลิ้ง อ.บางปะอิน

​

มูลเหตุและความเป็นมาของ "พระขุนแผนเคลือบ" กรุวัดใหญ่ชัยมงคล แตกกรุครั้งใหม่ที่วัดบ้านกลิ้ง หมู่ ๒ ต.บางประแดง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา


[FONT= ] มีหลักฐานจากโบราณสถานภายในวัด ระบุว่า วัดบ้านกลิ้ง สร้างในปี ๒๑๔๓ ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เดิมทีเป็นวัดที่มีสภาพกึ่งร้าง เนื่องจากมีประชากรในหมู่บ้านประมาณ ๑๐๐ คนเท่านั้น (ปี ๒๕๐๒)[/FONT]
[FONT= ][/FONT]

[FONT= ] แต่เดิมมี เรือนไม้โบราณ แห่งหนึ่ง ซึ่งเดิมอยู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานว่า เป็นตำหนักของเจ้านายท่านใดท่านหนึ่ง สร้างขึ้นในราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๒ (สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) [/FONT]
[FONT= ][/FONT]

[FONT= ] ต่อมา ได้มีการรื้อเรือนไม้หลังนี้ไปปลูกไว้ที่วัดบ้านกลิ้ง อยู่ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่าง จ.พระนครศรีอยุธยา อ.บางปะอิน เรือนไม้นี้มีอยู่ ๒ หลัง คือ หอไตร เป็นห้องมีระเบียงรอบ และหอเขียน เป็นศาลาไม้ มีฝา ๓ ด้าน ทุกฝามีภาพลายรดน้ำประกอบเต็มทุกฝา[/FONT]
[FONT= ][/FONT]

[FONT= ] หลายปีต่อมา อาคารทรุดโทรมลงมาก ชาวบ้านจึงได้รื้อ แล้วรวมเอาไม้ปลูกขึ้นใหม่ เป็นหลังเดียว แต่เนื่องจากภาพลายรดน้ำจางไปมากแล้ว การประกอบจึงไม่ได้เรียงตามลำดับเนื้อเรื่อง [/FONT]
[FONT= ][/FONT]

[FONT= ] เมื่อต้นปี ๒๕๐๒ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต (เสด็จในกรมฯ) ซึ่งเป็นพระนัดดา (หลาน) ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ และ สมเด็จพระนางเจ้าสุขมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ทรงทราบว่า[/FONT]
[FONT= ] [/FONT]

[FONT= ] ที่วัดเล็กๆ ซึ่งเกือบจะร้างอยู่แล้วแห่งนี้ มีเรือนโบราณเก่าแก่อยู่หลังหนึ่ง ที่ชำรุดทรุดโทรมมาก ไม่มีผู้ใดบูรณะรักษาเลย แต่มีสิ่งสวยงามมาก พระองค์จึงทรงทำผาติกรรม ไถ่ถอนย้ายมาไว้ที่ วังสวนผักกาด และทรงให้มีการบูรณะพระประธานที่วัด ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันว่า หลวงพ่อขาว ระบุปีไว้ที่ฐานขององค์หลวงพ่อขาวว่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๑๔๓ สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช[/FONT]
[FONT= ][/FONT]
[FONT= ]

​

[/FONT][FONT= ][/FONT]
[FONT= ][/FONT][FONT= ][/FONT]
[FONT= ] เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๐ มีการขุดพบ พระขุนแผนเคลือบ ได้ที่บริเวณฐานชุกชีของพระองค์เล็ก ที่เป็นองค์บริวารองค์หนึ่ง (จากรูปองค์ขวามือสุดของเรา) พร้อมกับ พระขุนไกร อีก ๒ องค์ [/FONT]
[FONT= ]

[FONT= ] เวลานั้นยังไม่มีใครรู้ว่า เป็นพระอะไร จึงมีการนำพระที่ขุดได้มาแจกจ่ายกันในหมู่พระสงฆ์ และกรรมการวัด [/FONT]
[FONT= ][/FONT]

[FONT= ] ต่อมา มีพระสงฆ์วัดโปรดสัตว์รูปหนึ่ง (อยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดบ้านกลิ้ง) ได้นำพระที่ขุดได้ไปให้เซียนพระพิจารณาดู โดยบอกว่าเป็นพระมรดกตกทอด มีอยู่ด้วยกันหลายองค์ แต่ยังไม่ได้แบ่งปันกันระหว่างพี่น้อง [/FONT]
[FONT= ][/FONT]

[FONT= ] เซียนพระบอกว่าเป็น พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล เช่าหากันแพงมาก เป็นเงินแสนเงินนล้านขึ้นไป [/FONT]
[FONT= ][/FONT]
[FONT= ]พระขุนแผนเคลือบ ที่ขุดพบในฐานชุกชีพระหลวงพ่อขาว เมื่อค้นคว้าโดยละเอียดแล้ว ปรากฏว่าได้มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระนัดดา (หลาน) ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช อีกทั้งเรือนไทย ที่มีความสวยงามติดอันดับต้นๆ ของโลก ก็ยังสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ มหาราช อีกด้วย[/FONT]
[FONT= ]

[FONT= ] การขุดพบ พระขุนแผนเคลือบ วัดใหญ่ชัยมงคล กรุใหม่จากวัดบ้านกลิ้ง ในครั้งนี้ ได้สร้างสีสัน ให้กับวงการพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง จนมีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง[/FONT]
[FONT= ][/FONT][FONT= ][/FONT]

[FONT= ] พระขุนแผนเคลือบ ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบของพระขุนแผนทั่วๆ ไป และมีเพียงแห่งเดียวที่ได้ใช้น้ำยาเคลือบเอาไว้ก่อนเผาไฟ เป็นพระเครื่องที่สร้างขึ้นโดย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากที่มีชัยชนะศึกยุทธหัตถี ที่ทรงกระทำกับ พระมหาอุปราชา แม่ทัพใหญ่ของพม่า จึงได้สร้างพระพิมพ์นี้ขึ้น เพื่อเป็นการฉลองชัย และเพื่อทรงอุทิศส่วนกุศลแก่ทหารหาญที่เสียชีวิตในสนามรบ โดยมี สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว พระอาจารย์ของพระองค์ เป็นประธานในพิธีสงฆ์ เสร็จแล้วได้บรรจุไว้ในกรุที่ วัดใหญ่ชัยมงคล เมืองกรุงเก่า อยุธยา[/FONT][FONT= ][/FONT]

[FONT= ] พระขุนแผนเคลือบ เช่าหากันองค์ละหลายแสนบาท จนถึง ๑ ล้านบาทขึ้นไปก็มี [/FONT]
[FONT= ][/FONT]
[FONT= ][/FONT]
[FONT= ][/FONT]
[FONT= ][/FONT]
[FONT= ]ป.ล. น่าสนใจนะคะ ถ้าวัดป่าแก้วคือวัดวรเชษฐ์ ทำไมพระขุนแผนเคลือบจึงไปอยู่ที่วัดใหญ่ชัยมงคล หรือว่าใต้ฐานวัดวรเชษฐ์จะมีร่องรอยบางอย่างที่จะบอกอะไรๆได้มากขึ้นนะคะ[/FONT]
[/FONT][/FONT]

 

วัดบ้านกลิ้ง ต.บางประแดง อ.บางปะอิน ใกล้ย่านบางขดาน ย่านศักดิ์สิทธิ์ ทำพิธีไล่น้ำ

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=1 bgColor=#000000><TBODY><TR><TD><TABLE class=alt1 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD align=middle>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

บางขดาน ย่านศักดิ์สิทธิ์ทำพิธีไล่น้ำ​

โคลงทวาทศมาส ระบุตำบลย่านที่ทำพิธีว่า ต้องทำที่บางขดาน มีเอกสารระบุว่าอยู่ใต้ขนอนหลวงวัดโปรดสัตว์ ซึ่งที่แห่งนี้เมื่อ พ.ศ. 2129 สมเด็จพระนเรศวรเคยยกทัพมาตั้งค่าย ในกำสรวลสมุทร เอกสารยุคต้นกรุงศรีอยุธยา เขียนว่า “จากมามาแกล่ใกล้ บางขดาน ขดานราบคือขดานดือ ดอกไม้” สุจิตต์ วงษ์เทศ อธิบายไว้ในหนังสือประเพณี 12 เดือน ว่าบริเวณนี้เป็น “ดินสะดือ” หมายถึงมีน้ำวนเป็นเกลียวลึกลงไป ถือเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำเป็นทางลงบาดาลของนาค คนยุคต้นกรุงศรีอยุธยา หรือยุคทวารวดีเชื่อว่ามีสะดือแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ตำบล “บางขดาน” ใต้ตัวเมืองอยุธยาลงไป มีพรรณนาอยู่ในโคลงทวาทศมาสว่า พระเจ้าแผ่นดินต้องเสด็จทางเรือนาค (อนันตนาคราช)ไปทำพระราชพิธีหรือพิธีกรรม “เห่เรือ” ขอขมาผีน้ำผีดินที่ตำบลนี้ ขอให้น้ำลดเร็วๆ ชาวนาจะได้เกี่ยวข้าว

 

[SIZE=-1] [SIZE=-1]

เรือนไทยภายในวังสวนผักกาด



อาคารเรือนไทยในวัง สวนผักกาด


เรือนไทยในวังสวนผักกาด ที่คาดว่านำไปจากวัดบ้านกลิ้ง อ.บางปะอิน
ก่อนหน้าที่จะไปอยู่วัดบ้านกลิ้งเรือนเหล่านี้ซึ่งคาดว่าเป็นตำหนักเจ้านาย ตั้ง
อยู่ที่ใดที่หนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาค่ะ




ที่สนใจวัดบ้านกลิ้ง เพราะว่ารูปพระเมรุในเรือนไทยเหล่านี้ ที่ปัจจุบันนี้เรือนไทยเหล่านี้อยู่ในวังสวนผักกาด อ่านจากหนังสือ อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ได้ความว่าภาพพระเมรุนี้ คล้ายกับซุ้มพระเมรุทิศของวัดไชยวัฒนารามค่ะ




ซุ้มเมรุทิศ วัดไชยวัฒนาราม

ป.ล. ว่าจะเลิกหาข้อมูล ไปๆมาๆก็วิ่งชนข้อมูลอีกจนได้ จุดประเด็นมาจากพระกรุที่ได้รับมาค่ะ ต่อไปต่อมา ได้ข้อมูลขึ้นมาอีกนิดหนึ่งค่ะ​

​

​

[/SIZE]

[SIZE=-1][/SIZE]​

[/SIZE]​

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เกือบทุกภาคของไทยอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>18 มกราคม 2554 05:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><IFRAME style="BORDER-BOTTOM: medium none; BORDER-LEFT: medium none; WIDTH: 450px; HEIGHT: 35px; OVERFLOW: hidden; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none" src="http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000006747&layout=standard&show_faces=false&width=450&action=like&colorscheme=light&height=35" frameBorder=0 allowTransparency scrolling=no></IFRAME></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันอังคารที่ 18 มกราคม 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงยังคงแผ่ลงมา ปกคลุมประเทศไทย ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังเคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิจะลดลง อีก 1-3 องศา

สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่าง และ ทะเลจีนใต้ยังมีกำลังแรง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนหนาแน่น ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทย มีกำลังแรง ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-6 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศา สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-7 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-13 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีกประมาณ 1 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-13 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดตรัง และสตูล ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลงอีกประมาณ 1 องศา อุณหภูมิต่ำสุด 18-19 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>