คาถาเพื่อการยกระดับทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณ

อาจารย์กรกล่าวถึงหลักปฏิบัติ(อาจารย์ท่านจิตอิสสระ อ่านไว้เป็นความรู้อย่างหนึ่ง)

สรุปใจความว่า : ให้วางความรู้ทั้งหลายที่ได้จากตำรา หรือได้ฟัง ได้รู้ ลงไว้ก่อน แล้วปฎิบัติจริงๆ รู้เห็นอารมรณ์ของตนจริงๆ และที่สำคัญหาคนที่รู้จริง ที่ชี้แนะได้จริง จะได้ไม่ไปหลงทาง ( คุรุคนไหนที่สอนให้ปล่อยวาง ให้ละ ให้คลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน และสอนทางให้รู้เท่าทันอารมรณ์ของตนเอง )

".... ให้พากันปฏิบัติ ดังเฉกเช่นในสมัยพุทธกาล เหมือนตอนที่พระสมณโคดมท่านประกาศธรรมใหม่ ทำจิต ทำใจ ทำสมอง ให้ว่างจากคำสอนของพระพุทธเจ้า เหมือนกับว่าไม่เคยได้ยิน ได้ฟังที่ไหนมาเลย เพียงแค่ได้ยินว่าเจ้าชายสิทธัตถะ แห่งศากยวงศ์ออกบวช แล้วสำเร็จธรรมเป็นพุทโธ

ทำใจ ทำสมองให้ได้อย่างนั้น ว่างจากคำสอนที่เคยอ่าน ได้ยิน ได้ฟัง ได้ปฏิบัติมา ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ซักอย่างเกี่ยวกับพุทธธรรม ทำได้มั้ยละ ถ้าทำได้ จึงจะเห้นธรรมที่ท่านสอนจริง

ทุกวันนี้ มีแต่แบกตำรา แบกไตรปิฏกเข้าถกเถียงกัน ว่าคนนี้สอนถูกทาง คนนี้สอนผิดทาง นอกรีต คนที่มันพูด มันยังไม่รู้จัก ภาวะอารมณ์แห่ง ปิติ สุข เอกัคคตาจิต หรืออุเบกขาจิตจริงๆเลย มันเอาอะไรมาตัดสินว่า คนนั้น สำนักนี้สอนผิดทาง เจ้าตัวมันยังเอาตนเองไม่รอด

อย่าทำนิสัยเป็นคนแบกตำรา กำสัญญาไว้ในสมอง อันมีแต่ของรุงรัง ใช้การไม่ได้ พวกคุณพากันอ่านกันฟังธรรมะมามาก แต่ก็เอาประโยชน์จากคำสอนไม่ได้เลย แม้แต่อย่างเดียว

โกรธ โมโห นิทา ดีมั้ย ไม่ดี ทุกคคนรู้จักกันดี แต่ยังมีอารมณ์เหล่านี้ครองใจตลอดเวลา ยังมีมานะทิฏฐิ ถือเขา ถือเรา แบ่งพรรคแบ่งพวก นั่นศิษย์ศรีอาริย์ นี่ศิษยืสายหลวงปู่มั่น นั่นสายหลวงตา นั่นสายดูจิต นี่สายเจริญสติ นี่หรือคนปฏิบัติธรรม

คนปฏิบัติธรรม ปฏิบัติไประยะหนึ่ง จะทำตัวเป้นตำรวจจับผู้ร้าย เป้นคนดีของสังคมขึ้นมาทันที คอยจ้องจับผิดผู้คนรอบข้าง รู้หนึ่ง ทำตัว เป้นรู้ทั้งหมด ทำเป็นรู้วาระกรรม รู้วาระจิต รู้อย่างนั้น อย่างนี้

เอาละ หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดคือ เริ่มจากศูนย์เลย ในพุทธศาสนานี้ อย่าเพิ่งไปศรัทธาพระสมณโคดม ฟังไว้ก่อน อ่านไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปตัดสินว่าคำสอนท่านถูกทาง ทำจิตใจให้เหมือนปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 นั่นอย่างนั้น จึงจะเรียกว่า ผุ้มีปัญญาเป้นของๆตน

สมัยนี้อะไร ครูอาจารย์พุดอะไรออกไป รู้หมด รู้ดีกว่า อีกนะ ไม่รู้ แต่ กูรู้ ใช่ คุณรู้ แต่จิตเป็นทาสความโกรธตลอดเวลา ยึดมั่นอยู่ หลงอดีตอนาคตอยู่ หลงเทวดาพรหม ยิ่งสัตว์เลื้อยคลานอย่างพวกนาคนาคา หลงเข้าไปอีก ไปบูชามันยังกะพุทธองค์ ยักษ์อย่างนี้ หลงเข้าไป ครุฑพวกสัตว์ครึ่งๆ หาอะไรไม้ได้ซักอย่างเป้นของตนเอง พอตายไป จะเป้นนกก็ไม่ใช่ จะเป็นเทวดาก็ไม่ใช่ จะเป็นมนุษย์ก็มีส่วน นะ ตัวอะไรก็ไม่รู้ แต่นับถือ บูชามันพอๆกับพุทธองค์

เลวร้ายที่สุดคือ บุชา ราหู นั่น คือ ความงมงายของมนุษย์อย่างแท้จริง

ทำใจ ทำสมองให้กลวง แล้วพิสูจน์คำสอนท่าน สมัยพุทธกาลไม่มีใครได้ยินคำสอนท่านแล้วจะศรัทธาทันที ต้องปฏิบัติก่อน

เห็นผลจึงศรัทธา ศรัทธาในพระพุทธศาสนา คือ ศรัทธาจากการปฏิบัติ ทุกวันนี้ศรัทธา เพราะอะไร เพราะกลัวตกนรก นั่นคือความงมงาย กราบไหว้เพราะความงมงาย


ที่ไหนมีอรหันต์ขวนขวายกันไปทำบุญ ขวนขวายกันหาเงิน หาผ้าป่ากฐิน อดหลับอดนอน ดั้นด้นกันไป สร้างวัดโบสถ์วิหาร ถวายรถยนต์ เป็นหนี้เป็นสิน เดือดร้อนแทนกัน ใครก็ไม่รู้ เพียงแต่มีคนบอกว่า พระรูปนี้อรหันต์นะ หลวงปู่นั้นรับรอง ดร. นี้เคารพ นายกฯนั่นเป้นลูกศิษย์ แห่แหนกันไป

อรหันต์ที่บ้าน พ่อแม่ตนเอง ด่าเช่าด่าเย็น หงุดหงิดรำคาญ อดอยาก จะไปไหนมาไหนลำบากกาย ให้เงินพอประทังชีวิตไปวันๆ ไม่ขวนขวายสร้างบ้านให้อยู่อย่างสบาย อาหารข้างทางใส่ถุงทานได้แน่ เพราะอะไร บุญมันน้อย ไปทำกับ อรหันต์ในป่าดีกว่า อาหารหรูๆ เลิศๆ พ่อแม่ทานอะไร อาหารใส่ถุง ขนมอร่อยๆเหรอ ไม่มีทางได้สัมผัสลิ้น จริงมั้ย

บุญแลอานิสงส์ไม่มีทางได้กัน ถ้าอรหันต์ที่บ้านไม่ดูแลอย่างดี

เรานะ พ่อแม่เราเคารพยิ่งกว่าพุทธองค์ ท่านวิเศษสุด พรใดๆไม่เท่าพรของพ่อแม่เรา

พ่อแม่เราเลิศที่สุด ประเสริฐที่สุด คำพูดท่านทั้งสอง เป็นหนึ่งเสมอ เรากราบไหว้พ่อแม่เรา เท่ากับเราบูชาพระพุทธเจ้าทั้งปวงทันที เราทำบุญกับพ่อแม่เท่ากับเราได้ถวายสังฆทานมีพระพุทธเจ้าทั้งปวงเพิ่งตรัสรู้ใหม่ อานิสงส์มากมายนะ ไม่มีประมาณ

อย่าประมาทคุณของพ่อแม่นะ ผู้ใฝ่ธรรม ให้ระวังเรื่องนี้ให้มากๆ พิจารณาให้มาก อย่ากลัวศีล หรืออบายภูมิเลย กลัวกรรมที่ปฏิบัติต่อพ่อแม่ตนเองให้มากๆ อันนี้ส่งผลทันที ทุกอย่างนะ มรรคผลนิพพานไม่ต้องไปพูดถึง ห่างไกลมาก

หลักปฏิบัตินะ ...ทำสมองให้ว่าง ไม่รู้อะไรเลยในพุทธธรรม พิสูจน์ตามคำสอนท่านสมณโคดม เห้นผลจริงตามท่านว่า ค่อยศรัทธา แล บูชาเทิดทูนท่าน

อย่าลืม...พ่อแม่ตนเอง... อย่าแห่แหนตามกระแสอรหันต์ อริยะ พิสูจนืด้วยจิตตนเองแล้วค่อยนับถือศรัทธา บูชาเทิดทูน

อย่างมงาย อย่าเชื่อ เขาเล่ามา ข้าอ่านมา พระพุทธเจ้าพูดไว้ พูดไว้จริงหรือ หรือว่านิยายปรัมปรา เสริมเติมแต่งกันเอง หลวงปู่นี้รับรอง ว่าจริง ใช่ จริงของท่าน แต่มันจริง โดยเราพิสูจน์เองจริงมั้ย อย่าขี้เกียจในการพิสูจน์คำสอนโดยไม่ปฏิบัติตามจริงๆ อย่าพิสูจน์โดยการคิดนึกคาดคะเน โดยเหตุแลผล หรือการอนุมาน เดาเอา อย่าพูสจน์โดยการบอกว่า คนนี้บอกแล้วอยู่ในฐานะที่ควรเชื่อได้ เพราะเป้นกษัตริย์ ด๊อกเตอร์ ร่ำรวย คนนับถือมาก

ให้นำไปปฏิบัติแลพิจารณาด้วยตนเอง จึงค่อยศรัทธาหรือเทิดทูน ไม่ต้องกลัวตกนรก เพราะมันตกกันทุกวันอยู่แล้ว เช้ายันเย็น ยันหลับ ..."<!-- google_ad_section_end -->

 

เพราะอะไรก็ไม่ทราบนะครับที่ทำให้ผมต้องแวะมาบอร์ดนี้บ่อยๆ พยายามฝึกทุกวันครับ มีสติแตกบ้าง หลงไปบ้าง มีมานะบ้าง จนวันนี้ผมเริ่มสังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงของจิต ที่ไม่มีความยินดียินร้าย (ถ้ามีก็จะนึกออกว่าจิตกำลังเอนเอียง) อย่างเมื่อก่อนถ้าเจอข่าวไทยรบพม่า ผมจะเดือดดานเลือดพล่านแทบจะไปรบเอง(สงสัยคงเป็นทหารเก่า) แต่วันนี้อ่านดูก็รู้สึกเฉยๆ ไม่ยินดีหรือยินร้ายกับทั้งไทยและพม่า และก็ภวนาขอให้ปรองดองกันไวๆ

คนปฏิบัติธรรม ปฏิบัติไประยะหนึ่ง จะทำตัวเป้นตำรวจจับผู้ร้าย เป้นคนดีของสังคมขึ้นมาทันที คอยจ้องจับผิดผู้คนรอบข้าง รู้หนึ่ง ทำตัว เป้นรู้ทั้งหมด ทำเป็นรู้วาระกรรม รู้วาระจิต รู้อย่างนั้น อย่างนี้

ท่านพี่ครับ วันนี้ผมเห็นเพื่อนคนทุกข์ เศร้า ผมก็เลยให้คำแนะนำไปเท่าที่ผมรู้ เป็นคำแนะนำที่ยกระดับทางจิต ไม่เกี่ยวกับอภิญญาปฏิหารย์ใดๆเลย แต่เหมือนเขาผู้นั้นยังปิดกั้นอยู่ ผมก็เลยปล่อยเขาไป ถามว่าการกระทำของผมมันอวดรู้เกินไปไหมครับ เพราะผมมีเจตนาต้องการให้เขาปล่อยวางจริงๆครับ มีบางทีที่จิตมันก็ยั้งคิดได้นะครับว่าถ้าพูดแบบนี้ ทำแบบนี้ แล้วคนๆนั้นเขาไม่ชอบนะ

ถ้าเทียบเมื่อก่อนการกระทำของผมมักจะเป็นไปในทางอวดอ้างอภิญญา ทั้งๆที่ความรู้แค่หางอึ่ง แล้วหางอึ่งนั้นมันถูกหรือผิดก็ไม่รู้ จนกระทั่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เหมือนรู้สึกว่าท่านพี่ตั้งใจจะทำโทษ โดยการ ภวนา อัฐ ฐิ กัง ไปอีก 7 วัน เพราะไปหลงยึดติดกับอะไรบางอย่าง ทำให้เกิดมานะ และอื่นๆ จะให้ผมภวนา 7 วันผมทำไม่ได้แน่ ผมจึงหาทางเรียนรู้ด้วยตัวเองเพิ่มเติม และมีหนังสือเล่มหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มปรับความคิด 2-3วันถัดมาผมมาเม้นข้อความ ท่านพี่ก็ให้ คำภวนามาใหม่เลย ตอนนั้นดีใจจริงๆครับ หากไร้ซึ่งคำแนะนำจากท่านพี่ ป่านนี้กระผมก็คงพายเรืออยู่แต่ในอ่าง และคิดว่าตนเองลอยเรืออยู่ในมหาสมุทรซะเต็มประดา วันนี้จิตผมนิ่งมากครับ มีเขวเป็นบางช่วง หลังจากนี้จะพยายามทำให้มันดีขึ้นกว่านี้ "ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นธรรม" และผมจะขัดเกลา"สติ"ด้วย"ปัญญา" พร้อมกับ"คำแนะนำของท่านพี่ครับ" อนุโมทนาครับท่านพี่

 

อนุโมทนาครับ คุณน้อง
ที่ให้ไปภาวนา 7 วันนะ เป็นอุบายให้ไปไตร่ตรอง เพราะน้องชอบคิดโน่น คิดนี่ไว้ล่วงหน้า เพราะให้ไป 7 วัน ทำไปซัก 3 วัน เห็นความคิดน้อยลงนะ เลยให้ตัวใหม่ไป

 

ให้รู้สีกสบาย ยิ้มน้อยๆที่กลางหน้าอก แล้วภวนา ว่า อะ เว ปะ มา อุ
ในระหว่าง ภวนาให้รู้สึกว่าเสียงที่ภวนาในใจ ดังก้องไปทั่วทุกทิศทุกทาง​

 

วันนี้มา Update Aura หรือพลังแสงแห่งชีวิต
แสงแต่ละสี หมายถึงคุณลักษณะอารมณ์คนละแบบ

 

ท่านพี่ไปถ่ายรูปออร่าที่ไหนครับ กระผมอยากไปถ่ายบ้าง

 

แอบทำตามมามาพักนึงทำมั่งไม่ทำมั่ง ขอถามนิดนึงครับคำภาวนาเราเปลี่ยนได้เรื่อยๆรึเปล่าครับ หรือยึดเอาอันเดียวเป็นหลักเลย

 

เปลี่ยนได้เรื่อยๆ ตามหน้าแรก ให้สังเกตุจิตตัวเองแล้วเลือกคำบริกรรมที่เหมาะสม

 

ไปถ่ายที่ศูนพลัฒนาพลังชีวิตของอาจารย์สถิตธรรม ประดิพัทซอย 10 เข้าไปประมาณ 100 เมต อยู่ทางขวามือครับ และ บอกเขาว่าถ่ายแบบ Porarode ค่าถ่าย 800 บาทต่อครั้งครับ
(ที่โน้นมี 2 แบบ แบบใช้มือสัมผัส และ แบบใช้ Porarode . จากที่ได้ทดลองมา Porarode จะดีกว่ามากครับ )
ถ้าไปถ่ายแล้วอย่าลืมเอามาให้ชมนะครับ สงสัย อ่อร่าคงจะสวยน่าดู

 

ขอคำภาวนาด้วยน่ะครับ ^^

 

ส่งอารมณ์การภาวนา อะ เว ปะ มา อุ ครับ
ก่อนภาวนา รู้สึกมีอารมณ์หงุดหงิดง่ายมากและมีเรื่องให้คิดไม่สบายใจตลอด
หลังภาวนา รู้สึกว่าอารมณ์ต่างๆที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้จะเบาบางลงมากเลยครับ
บางทีก็เหมือนว่ามันจะหายไปหมดแล้วแต่ก็ไม่ใช่ผมพยายามสังเกตุดูอารมณ์ตัวเอง
ก็เห็นว่ามันยังคงมีอยู่แต่น้อยมากครับ

 

ขอบคุณครับ จะปฎิบัติตามครับ ท่านจิตอิสสระ

 

พี่เพิ่งจะได้เข้ามาในกระทู้นี้ น่าสนใจมากๆและชอบในคำแนะนำ ขอรบกวนน้องช่วยดูจิตให้พี่ด้วย และช่วยแนะนำคำภาวนาและการปฏิบัติด้วยค่ะ พื้นฐานออร่าของพี่เป็นสีม่วงเข้มค่ะเริ่มจะมีสีขาวเหนือศรีษะค่ะ

 

ตั้งจิตหรือความรู้สึกไว้ที่กลางหน้าอก และว ภาวนา ปะ ริ สุท ธิง 2 วัน
ตั้งจิตหรือความรู้สึกไว้ที่กลางหน้าอกแล้ว แล้วภาวนา อะ เว รา 3 วัน
ครบ 5 วันแล้วมาส่งการปฎิบัตินะครับ

 

แล้วความสุขใจ เป็นอย่างไรครับ ?
ขอแสดงความยินดีครับ ผ่านกรรมฐาน ชั้นแรกไปแล้ว ต่อไปจะขึ้นชั้นกลาง

ต่อไปให้ ภาวนา กรรมฐานใหญ่ เป็นคาถาปรับธาตุ
นำจิต หรือ สติ ไปจับที่ความรู้สีกของกระดูกสันหลัง แล้ว ภาวนา อัฐ ฐิ กัง ทำให้ดี ทำด้วยใจโล่ง เบา สบาย ทำ 7 วันแล้วมาส่งอารมรณฺ นะครับ
หมายเหตุ เวลานึกถึงกระดูก ห้ามนิมิตรูปกระดูกขึ้นมาดูนะครับ ให้ระลึกถึงกระดูก ได้แค่ไหน เอาแค่ไหน ไม่เน้นชัด

 

พี่มีสมาธิดีนะครับ แต่ทำอะไรด้วยความตั้งใจมากไปนิดนะครับ
ภาวนา อะ เว รา 3 วัน นะครับ
ตั้งจิตไว้ที่กลางหน้าอก แล้วออกเสียงในใจว่า อะ เว รา ให้มีความรู้สึกว่า เสียงที่เราภวนาดังก้องออกมาจากตัวเรา
ครบ 3 วันแล้วมาเล่าอารมรณ์นะครับ

 

ต่อไป น้องมาส่งอารมร์กับพี่ทางโทรศัพนะครับ 082-1433013 เพราะสภาวะธรรมเริ่มละเอียดขึ้น ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โทรมาได้ประมาณ 18:00-22:00 ทุกวันนะครับ
พี่จะสอนวิชาเชื่อมจิตให้ และสัมผัสจิตให้
ส่วนใน บอร์ดแล้วแต่จะนำมาเขียน

 

คุณจิตอิสสระคะ จอยตามมาจากกระทู้ ข้อความจากต่างมิติ.....ไปสู่มิติที่ 5 จอยชอบคำสอนและคำแนะนำของคุณจิตอิสสระมากเลยค่ะ ถึงกับเซฟเก็บไว้อ่าน จอยรบกวนช่วยแนะนำจอยด้วยค่ะ

 

อนุโมทนา ..
ขอบคุณ อาจารย์ JIT_ISSARA ที่ช่วยชี้แสงสว่างให้ดวงจิต

 

คุณจอยจิตดีมากครับ สีชมพุแวปเข้ามา เป็นคนที่สุข สดชื่น เบิกบานครับ
ขอให้คุณ จอยตั้งความรู้สีกไว้ทีกลางหน้าอก รู้สึกเบาๆ สบาย แล้วภาวนาในใจว่า อะ เว ปะ มา อุ ให้รู้สึกว่าเสียงดัง กังวาลก้องออกมา ทำได้ตลอดเวลานะครับ แล้ว 3 วันค่อยมาส่งการบ้านนะว่าก่อนและหลังรู้สีกเปลี่ยนแปลงอย่างไร