คาถาเพื่อการยกระดับทางด้านจิตใจและจิตวิญญาณ_2

ทำใจเบาๆ สบาย แล้วภวนา อะหัง สุขิโต โหมิ ประมาณ 3 วันที่กลึ่งกลางหน้าอก โดยไม่ต้องว่าจะได้อะไรจาการภวนา ครบ 3 วันแล้วสังเกตุ เรียนรู้อารมตัวเอง ถ้าอยากไปต่อ เขียนมาเล่าว่าเห็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงระหว่าง ก่อนและหลังครับ

 

ท่านพี่ครับ

เมื่อคืนรู้สึกว่าจะได้ไปเที่ยวไกลๆ เจออะไรแปลกๆ อิอิ

ตรวจสภาพจิตผมหน่อยครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ

 

สวัสดีครับ
คุยกับอาจารย์จิต เรื่อง คำภวนา
ที่เราภวนาแล้ว คำภวนา หาย จำไม่ได้ ซึ่งปกติ ที่ผ่านมา คำอื่นๆ จำได้แม่น
ได้ข้อแนะนำมาว่า คำภวนา ต้องออกเสียง อักขระ ให้ถูกต้อง
ถึงจะได้ผล
ขอบคุณครับ
จากนั้นก็คุยกับอาจารย์ใหญ่ ต่อ
วันนี้ มีข้อ ธรรม 2 เรื่องใหญ่ๆ
1. เรื่องเวลา ของจิต ปัจจุบัน ขณะ คืออะไร
2. เรื่องของ ขันธ์ 5 กับ จิต ว่ามนุษย์ สัตว์ เทวดา พรหม อรูปพรหม อสูรกาย
เกิดขึ้นได้อย่างไร แตกต่างกันอย่างไร
ให้พิจารณา แบบ ตรงไปตรงมา
กับเรื่องวิธีการคิด
อันนี้อาจารย์ใหญ่ ยกตัวอย่างว่า
จิต เป็นเหมือน ทีวี ที่จะแสดงภาพออกมาแบบตรงไปตรงมา
เปิด ละคร ก็เป็นละคร
เปิดสาระคดี ก็เป็นสาระคดี
ไม่มีสัญญาณก็จอมืด
ทีวี ยังคงเป็นทีวี
ก็เหมือนจิตของเรา ที่แสดงความคิดออกมา แบบตรงไปตรงมา
เราคิดถึงความร่ำรวย ก็ได้ความร่ำรวย
คิดถึงเรื่องใดก็ได้เรื่องนั้น
ขึ้นอยู่กับความตั้งมั่นของจิต
เรื่องวิธีฝึกการคิดดีนี้ นำมาใช้ในชีวิต ประจำวันได้
คิดดี คิดสรา้งสรรค์ คิดยังไง ได้อย่างนั้น
ส่วนได้ตอนไหน ยังไง ขึ้นอยู่กับ ความตั้งมั่นของจิต
....
วันนี้คุยกับอาจารย์ใหญ่ แล้วแปลกใจ
เพราะเรื่องที่อาจารย์ใหญ่สอน
จะเป็นเรื่องที่เรา สงสัย และเป็นเรื่องที่กำลังนึกถึงอยู่ก่อนที่จะคุย แทบทุกเรื่อง
อันนี้แปลก แต่จริงครับ
พอท่านอาจารย์ใหญ่ พูดจบ
ก็จะมีคำว่า อ้อ....อ้อ..เป็นแบบนี้เอง
หมด สงสัย คำว่า สงสัย หาย
จะสงสัย ก็ ไม่สงสัย
ขอบคุณในความเมตตา ของอาจารย์จิต และอาจารย์ใหญ่กร ครับ
อนุโมทนา
สาธุ สาธุ
ปล. ธรรมดาของโลก หรือ ธรรมดาของจิต จะเอาเรื่อง ขันธ์์ 5 ให้จบมั้ง ดันเข้าไปอ่านเรื่องเล่าของหลวงพ่อฤษีลิงดำที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาให้เห็น และ เทศน์ให้ดับ เรื่อง ขันธ์ 5
ขออนุญาติ ยกข้อความ
หลวงพ่อเล่าให้ฟัง เล่ม ๒
โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
พิมพ์ สุวิภา กลิ่นสุวรรณ์

พุทธโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...
“ พวกคุณนี่ตั้งใจดีแล้ว แต่การตั้งใจของพวกคุณ ถ้าไม่ตัดขันธ์ ๕ ได้เพียงใด
การตั้งใจของคุณก็ไม่สัมฤทธิ์ผล ฉะนั้นขอทุกคนนะ พยายามอย่าสนใจขันธ์ ๕ ของเรา
อย่าสนใจขันธ์ ๕ ของคนอื่น อย่าสนใจวัตถุธาตุทั้งหมดเท่านี้พอ ”
ท่านบอกเท่านี้พอ...ก็เลยกราบเรียนถามว่า
“ แล้วพวกเกล้ากระผมจะสามารถตัดได้ไหม ?”
ท่านบอก “ มันไม่ยากหรอก..เรื่องเล็ก ๆ กำลังใจก็เข้มอยู่แล้ว แต่วันเวลาเท่านั้นนะ
นี่มันจะเร่งรัดเกินไปไม่ได้ ถ้าวันเวลายังไม่ถึง ก็ทำไปเพื่อถึงเวลานั้น
ถ้าวันเวลาถึงเมื่อไรก็สิ้นสุดกันวันนั้นแหละ

...
กราบอนุโมทนา
สาธุ สาธุ สาธุ

 

ไม่ตรวจครับ จงพิจารณาอารมของตัวเอง มองให้เห็นความอยาก ความสงสัยและดับมันที่ตรงนั้น

 

สบายใจจังเลย
มอบหน้าที่ให้อาจารย์ใหญ่ แล้วเราก้อเป็นอรหันจี้กง พัดไป พัดมา
ปกติ เมื่อก่อน เมื่อหนึ่งปีแล้วผมก็ถามอาจารย์กร วันละ 6 ชั่วโมงในเรื่องราวต่างๆจากสมองที่เราคิดนึกและได้ฟังมา พอนานเข้า เหลือหนึ่งชั่วโมง จนท้ายสุด ไม่โทรไปถามแล้ว ท่านเป็นห่วง ก้อโทรมาถามเรื่อยๆ (มากกว่าคุณจิตนนทเยอะมาก, ขอขอบคุณท่านอาจายกรที่ตอนนั้นฟังผมถามและสอนธรรมชาติของผลให้ ท่านต้องอดทนมาก 555) เลยเข้าใจคุณจิตนนท์
และรู้ด้วยว่าจะต้องถามเลยรีบส่งอาจารยใหญ่ ให้ท่านจัดการ เพราะเป็นหน้าที่ท่านโดยตรง อาจารยจิตก้อสบายเลย
ตอนนี้ใครมาถามอาจารยจิต หรือ หมอจิต ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไร เป็นความรู้อย่างหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและปัจจัยของมัน รู้ตรงที่ผลลัพและดับที่ผลลัพ สิ่งไหนที่อยู่นอกตัว นอกจิต คิดปรุงแต่ง รับรู้เฉย หันมา นิ่งๆ และเขาจะรู้ เห็นแล้วคลายด้วยตัวของเอง ธรรมเกิดจากไหนก้อดับตรงที่ตรงนั้น
ลองไปนิ่งแล้วพิจารณาว่า ธรรมหรือ ธรรมชาติเกิดจากไหน?
สำหรับคนที่ส่งให้อาจารยใหญ่แล้ว อาจารยจิตจะไม่ตรวจการบ้านให้นะ ติดขัดตรงไหนก้อ เขียนไว้ ถ้าเห็นว่าต้องปรับ ต้องแก้ ก้อจะเสริมให้ ถ้าเห็นว่าไม่เข้าใจ ถ้าอาจารยจิตรู้ก้อจะตอบให้
ตอนนี้รู้สึกว่าจิตของท่านจิตอิสสะระ ยกไปอีกชั้นหนึ่งแล้ว นิ่งมากขึ้น สงบมากขึ้น เยือกเย็นมากขึ้น ปล่อยวางมากขึ้น เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งมากขึ้นกว่าเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน
คาถา ทำมาค้าข้าย แก้ว แหวนเงินทอง อ กร มอบให้ : จิต ติ วิ จิต ตะ รัง

อนุโมทนา จิตพัฒนาดีเช้า ดีเย็น ไม่ตกเลยครับ เริ่มเข้าใจสภาวะที่ มันไม่มีอะไร เป็นเช่นนั้นเองมากขึ้น

 

กราบอนุโมทนาครับ

ท่องผิดท่องถูก อยู่ วันกว่าๆ
พอท่อง ถูก จิตไม่สงสัย

ลูกค้าเต็มร้านเลย

อิอิ

สุดยอดดดดดดดด

สาธุ......................... ดังๆ

 

ศรัทธาต้องใช้ปัญญาพิจารณาประกอบ
สิ่งใดให้คุณอนันต์ฉันใด ก็ให้โทษมหันต์ฉันนั้นเช่นกัน

 

อนุโมทนา ในความปรารถนาดีครับ
สาธุ
ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ในทุกขณะจิต

คุณโทษอยู่ที่ตัวสร้าง เมื่อไม่มีตัวให้สร้าง คุณโทษก็หามีไม่

เจริญในธรรมครับ

.....................................
อิิิอิ
ภาวะ ของ จิต น่าจะสอบผ่าน 555
แต่ภาวะใจ ยังต้อง เรียนรู้อีกโขเลยครับ อาจารย์
ไฟนอกมาเผา ดันไปติดไฟในอีก เอาไฟใน ดับไฟนอก เลยยิ่งไหม้ไปใหญ่
555
ดีนะ ที่นั่งเขียนบนกองไฟ ได้
พอ ออกจากไฟได้ ดับไฟได้
อู้...ตัวตน ยังมีอยู่มาก ของเรา ของเรา อาจารย์ของเรา คำสอนของอาจารย์
ความเชื่อของเรา ความเชื่อของอาจารย์
พิจารณา ตัวแล้ว
สอบตก ขอรับ
เพราะมันแห้งแล้ว ยังถากถาง เกาะไปด้วยของตัว
เหมือนอาจารย์ใหญ่เตือน
ให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท

อนุโมทนา สาธุ กับท่านที่ช่วยมาสะกิด ให้ได้เจริญในธรรม ยั่งลึกลงในจิตตนได้ละเอียดขึ้น
สาธุ สาธุ

 

สาธุ สาธุ สาธุ
ตอบได้กินใจมาก
ตอบได้ตรงสภาวะธรรมมาก
เมื่อไม่มีผู้บรรลุ วางอัตตาตัวตนได้ ไม่มีผู้สร้าง ผู้รับผลของการสร้าง ,สิ่งที่ถูกสร้าง , กริยาการสร้างและรับ เพราะไม่ยึด คุณ โทษ ย่อมหามิไม่ เพราะไม่มีที่ตั้งอยู่และดับไป
สาธุ สาธุ สาธุ สำหรับสภาวะธรรมที่เข้าถึงวันนี้นะครับ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ jittinon
อนุโมทนาครับ
อิอิ
ว่าแต่ว่า
อาจารย์ใหญ่กระซิบมาว่า
เป็นลูกศิษย์ ของอาจารย์ใหญ่แล้วไม่จน
ให้ถามอาจารย์พี่จิตดูได้
จริง ไม่จริงครับ
อิอิอิ


</TD></TR></TBODY></TABLE>

ศรัทธาต้องมาจากการปฎิบัติ จิตรู้ จิตเห็น จิตพิสูจ แล้วจึงเกิดปัญญา คือรู้แจ้งในจิตตัวเองเพราะเห็นด้วยจิตรู้
ปัญญาที่เกิดจากการได้ยิน ได้ฟังการมา จากการที่ครูอาจารยสอนกันมา หรือจากความจำ ที่ผ่านสมองพิจารณา ใคร่ครวณ ยังไม่บริสุทเพราะยังมีการคิดนึกปรุงแต่ง และความสงสัยเข้าไปอยู่
คุณและโทษไม่มีอยู่จริง จะมีอยู่เฉพาะคนที่ยึดมั่นถือมั่นและชอบตัดสินใจว่า ถูก ผิด ใช่หรือไม่ใช่ บุญ หรือ บาป โดยเอามาตรวัดต่างๆมาวัดกัน เช่น พ่อ แม่สอน ครูอาจารย์ที่ตัวเองเคารพสอน ได้ยินได้ฟังมาว่าเป็นอย่างนั้น และเอาพระไตรปิฎกมาเป็นตัวตัดสิน ชี้ถูกหรือผิด หารู้ไม่ว่าพระพุทะองค์ทรงไม่เคยไม่บอกให้เชื่อพระไตรปิฎก หรือเชื่อพระองค์ซึงเป็นบรมครู แต่ทรงสอนว่าจงปฎบัติตามคำสอนเรา จงพิสูจด้วยตัวเอง แล้วเธอจะเห็นผลเอง ว่า ปฎบัติแล้วเจริญขึ้น หรือ เสื่อมลง ให้จิตรู้เขาลงภาคสนาม ทำจริง รู้จริง เห็นจริง แล้วจึงค่อยเชื่อพระองค์ ดังนั้น ศรัทธาคือไม่เชื่อแล้วลองทำ เมื่อทำแล้วเห็นผลเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง จึงเกิดปัญญา และถ้าตรงกับที่ครูอาจารย์สอนหรือกล่าวไว้ ว่าทำอย่างนี้แล้วเจริญ และผลลัพคือเจริญจริง ทำอย่างนี้แล้วเสื่อม ถ้าลองทำแล้วเสื่อมจริง ปัญญาจะเกิดขึ้นจากการทดลองจริง
ท้ายสุด ปัญญาที่แท้จริง ที่ทุกคนต้องไป คือปัญญาในการรู้แจ้งจิต ดับกาย ดับจิต ดับผู้รู้โดยการไม่ยึดผู้รู้ด้วยตนเองนั้นแล ประเสริฐนัก
อ่านตำรามาร้อยปี ได้ยินได้ฟังมา 100 ปี ไม่สู้ปฎิบัติแล้วเห็นแจ้งด้วยจิต(รู้กาย ใจ)ตนเอง 1 วัน

สรุป คือ : จงอย่าปักใจเชื่อสิ่งต่างๆ จงรับฟัง และเชื่อ 50 :50 และจงพิสูจน์ ได้ผลลัพธ์คือตัวปัญญา เมื่อปัญญาเกิด จะมีศรัทธาตามมา ทดลอง สังเกตุรู้ เห็น ถ้าเห็นเจริญขึ้น ศรัทธาก้อมีมากขึ้นตาม เป็นศรัทธาที่มีปัญญาสนับสนุนด้วยจิตรู้ของตนเอง
ศรัทธา ในวิถีทาง --> ทำ สมาธิ --->ผลลัพธ์ --->ปัญญา(นิ่ง สังเกตุรู้ เห็น) -->เจริญขึ้น-->ศรัทธามากขึ้น-->...

 

==a แย่ละ เริ่มไม่รู้เรื่องละ เขาคุยอะไรกัน

ฮ่าๆๆ

 

สภาวะธรรมน้อง คือ วิ่งไล่จับผีเสื้อแสนสวยอยู่นะครับ รู้สึกว่าจะมีหลายตัวด้วยนะครับ
1 ต้องเลิกจับผีเสื้อ ตอนนี้รู้ว่าไม่มีสาระ แต่กำลังจะเลิกอยู่ แต่ว่างเมื่อไหร่ก้อจับทันที
2 หยุดจับ และปล่อยผีเสื้อที่จับได้แล้วนะครับ ปล่อยให้เขาเป็นอิสสระ เขาก้อมีวิธีทางแห่งเข้า
3 นั่งลง สงบ นิ่ง รู้ รับรู้ถึงการมีอยู่ของผืนดิน ผืนน้ำ ต้นไม้ ผีเสื่อ และอื่นๆ โดยอารมเบิกบาน โดยไม่อยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเขาเหล่านั้น
ตอนนี้ก้อดีกว่าเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ทำต่อไปนะครับ

 

สวัสดีครับ
555
เมื่อมีการกระทำ ก็เกิดผล
เมื่อเห็นผล ก็จะทราบถึงเหตุแห่งผลนั้น
เมื่อเรามองได้ตลอดถ้วนทั่ว ในต้นสายของเหตุ และปลายแห่งผล
จึงจะทราบด้วย ผลและเหตุว่า
มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นเช่นนั้นเอง
.............................................
ในที่สุดเราก็รู้ว่าท่านมาจากที่ใด
อิอิ
ปฎิบัติ ตอนนี้ ขณะนี้ ชั่วขณะนี้ จึงจะได้ชื่อว่าทำ...ธรรม

เจริญในธรรมครับ

ปล. ช่วงนี้ข้อความเยอะหน่อย อิิอิ

อุปมาอุปมัย เหมือน เหมือนดั่งมีดดาบ เราต้องมั่น ลับ หมั่นเช็ดถูทำความสะอาด
ยิ่งลับ ยิ่งขัดก็ยิ่งคม ในช่วงแรก
ยิ่งลับ ยิ่งขัดก็ยิ่งเล็กลง แคบลง ในช่วงกลาง ก็ยังคงรักษาความคมไว้ได้
ยิ่งลับ ยิ่งขัดก็เหลือแค่ปลายเข็ม จิ้ม จ่อ เสียบแทง ได้ตรงจุด ในช่วงปลาย
ยิ่งลับ ยิ่งขัด
ไม่มี ไม่เหลือ ทั้งตัวขัด ตัวมีดดาบ ตัวคม
ก็จะเข้าถึง สภาวะ ไม่มีตัว ไม่มีตน
เป็น เช่นนั้นเอง
สาธุ

 

อนุโมทนา สาะ สาธุ สาธุ ล้านครั้งครับ

 

สวัสดีค่ะ
และแล้วคืนนี้ ๒๖ มีนา ก็โทรฯหา อ.กร สําเ็้ร็จ รู้สึกแถวบ้านอาจารย์อากาศจะสดชื่น(รู้สึกเย็นๆน่ะ) มีเสียงไก่ขันเพิ่ม สร้างบรรยากาศ สดชื่น ยามเช้าอีกต่างหาก
อ.กร ก็ถามว่า ชื่ออะไร มีครอบครัวหรือยัง หลังจากเราแจ้งไปว่า เรียนฝึกภาวนากับ อ.จิต อิสสระ และ อ.จิต ส่งมาขอรับกรรมฐานเพื่ม อ่ิ. กร ก็ถามว่า รักตัวเองเพิ่มขึ้นมั้ย ก้ตอบว่าไม่ แต่ว่าจะนึกถึงคนอื่นมากขึ้น )ประมาณค่ะ
อ.ว่า เราต้องรักตัวเองให้มากๆก่อน จึงจะเผื่อแผ่ไปให้ผู้อื่นได้ อ.สอนว่า ต้องมีทัศติที่ดี เราแสดงออกมาอย่างไรก็ฌเป็ฯการแสดงทัศนะคติของเราต่อสิ่งต่างๆเช่นนั้น ให้แสดงความเมตตาต่อตนเองและผู้อย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่เลือกปฎิบัติ คนเราชอบคาดหวัง เช่น ถ้าเขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มีนั่นนี่จะมีความสุขขึ้น ฯ ประาณ๕๋ธค่ะ
อ.กรให้ภาวนา สุขี โหตุ ต่อค่ะ เพื่อให้ตนเองมีความสุขมากๆ ก่อนจะเผื่อแผ่ไปให้ผู้อื่น ต้องให้นํ้าในตุ่มเต็มล้นเสียก่อน จิตเปรียบหมือตุ่ม ความรักเปรียบได้กับนํ้า ให้ตั้งจิตกลางอก เคล้ด คือถ้านึกไม่ออกให้เอามือแตะ
คุยๆไปสักสิบหรือสิบห้านาที สัญญาณเริ่มตะกุกตะกัก แล้วสายตัดไปค่ะ พยายามโทรฯก็ติดอีกสามสี่ครั้งแต่ไม่ไดยินเสียงกันและสายตัด พยยายามโทรอีก แต่ตอนนี้สายมีปัญหา โทรฯไม่ได้
สรุปว่ายังไม่ทราบว่า อ.กร ให้ส่งการบ้านภายในกี่วัน

 

ขอบพระคุณครับท่านพี่ พยายามเสนอหน้ามาให้ท่านพี่ตรวจจับคลื่นอารมณ์ แม้ก่อนหน้านี้ท่านพี่บอกว่า ไม่รับตรวจ ขอบพระคุณจริงๆครับ ตอนนี้ผมก็เข้าใจแล้วครับ ที่เหลือจากนี้ก็คือ ผมต้องปฏิบัติเอง

chearr;ปรบมือ;aa24

 

สวัสดีครับ
มารายงานตัวครับ
ตอนนี้ สภาพโดยรวม สงบ นิ่งมากขึ้น จิตตั้งอยู่กลางอก สม่ำเสมอ แต่ยังไม่คงที่นัก
ระยะห่างระหว่างอารมณ์ไกลมากขึ้น
พอเริ่มจะเข้าใจภาวะธรรมชาติของจิต และการเกิดดับของขันธ์ 5
กำลังเรียนรู้อยู่ครับ
ตอนนี้ รู้เลยครับว่า เราหยาบมาก สุดๆไปเลย
555
สภาวะธรรมที่ได้ ก็เป็นของจิตเดิมที่เค้าได้มาแล้ว เป็นส่วนมาก
ส่วนตอนนี้ ก็พิจารณา สิ่งที่มากระทบ สม่ำเสมอ
แม้ใจจะลำพอง คิดว่าตัวเองเริ่มเก่ง เริ่มดี ครับ 555 อวิชชาครอบงำ
เห็น ความจริง ที่ไม่จริง ขึ้นเยอะเลย
แบบว่า ตอนนี้ กำลังกวนตะกอน ให้มันขึ้นมา ให้เห็นชัดขึ้น
บางที ที่เราเห็นใสๆ ข้างล่าง ตะกอนทั้งนั้น
ทำ ทุกวัน ได้ทุกวัน ไม่มีเสีย
เจริญ ในธรรมครับ
สาธุ สาธุ

 

ไม่มีข้อสงสัยกับข้อความคุณนนท์นะครับ

แต่ผมมีของฝากมาให้คุณนนท์ครับ

เป็นห่วงว่าตะกอนมันจะไม่ลง



ก้อนใหญ่กว่าควอสใสของคุณนนท์อีกครับ


ฮ่าๆๆ

อย่าเผาผมนะครับ แซวเล่นนะ อิอิ

 

สวัสดีครับ ท่านจิตอิสสระ สงสัยตกสำรวจครับ 555

เลยนำมาโพสต์ใหม่ครับ

 

ธรรมชาติของ "ผู้ชาย"

027: ชายผู้งามตามธรรมชาติ | P.Ach's scrap blog