เตรียมพร้อม สำหรับการอพยพครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 136,000 ปี

อย่างฮารูฮินี่ เจ๊แกเป็นพวกเอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางโลกไม่ค่อยจะสนความรู้สึกคนอื่นเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนใจดีและรักเพื่อนเหมือนกัน

ดันกลายเป็นกระทู้การ์ตูนไปซะแล้ว...

 

ใครก้อได้ช่วยบอกเราที
นี่คือเรื่องจริง หรือ เปนนิยายที่แต่งขึ้น
เรางงมากกกกกกก

 

การช่วยเหลือทางกายภาพดูจะแปลกๆ ไปนิดในความรู้สึกผมนะ เพราะช่วยไปก็ไม่จบสิ้น ตายเกิด เกิดตายอยู่นั่น รอดดาวนี้ไปตายดาวโน้น แต่ถ้าช่วยเหลือด้วยการพัฒนาทางจิต ดูจะเป็นไปได้ดีมากกว่า และมีประโยชน์มากกว่า ประมาณว่า ยังไงก็ได้ที่ทำให้สัตว์โลกลดความป่าเถื่อน ทำความดีมีสติ สมาธิ เห็นธรรมชาติกันถ้วนหน้า

 

เรื่องจริง อิงนิยายคับ ใครเคยฟังบทสัมภาษณ์ ดร.เทพนม บ้างคับ ช่วงที่ท่านกลับมาจากเมืองนอกและจะเริ่มค้นคว้าเรื่องมนุษย์ต่างดาวแบบจริงจัง
ท่านไปหาซื้อหนังสือจู่ๆก็มีผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เข้ามาหาท่านแล้วบอกให้ท่านตามมาเดี๋ยวพาไปหาหนังสือที่ท่านอยากได้ ท่านก็ตามไปทั้งงงๆว่ารู้ได้ไงว่าท่านหาหนังสืออะไร ระหว่างทางที่ท่านเดินตามหญิงคนนั้นไป หญิงคนนั้นก็หันมาบอกท่านว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว แล้วยังบอกอีกว่ามีมนุษย์ต่างดาวอีกเยอะที่เหมือนตนกระจัดกระจายอยู่ทั่วๆๆไป สุดท้ายหญิงคนนั้นก็พาท่านไปเอาหนังสือจนได้ อยากรู้ต่อก็หาอ่านบทสัมภาษณ์ของ ดร.เทพนม เองนะครับ
ดร.เทพนมนี่ อาจารย์สอนที่ฮาวอร์ด เลยนะคับ คงไม่เอาชื่อเสียงมาเสี่ยงกับคำโกหกหรอกนะครับผมว่า ก็จะรอดูกันต่อไปว่าท่านJume up ของจริงหรือของปลอม อิอิ ไม่ได้หลบหลู่นะคับของอย่างนี้ท่าน Jume up คงจะเข้าใจผม

 

ของอย่างนี้ไม่เห็นกับตาก็คงไม่เชื่อกัน ส่วนตัวเห็นufoสองครั้ง แต่ยังไม่เคยเจอ มนตด การที่ได้เห็นเลยทำให้เวลาได้อ่านกระทู้แบบนี้ จึงเกิดแนวโน้มความเป็นไปได้ และมันอาจไม่ไร้สาระแบบที่บางท่านคิด ก็อย่างที่บอกนะคับถ้าไม่เห็นกับตาพวกที่ชอบหาว่าคนอื่นบ้า ก็ยังอยู่ในกะลาตามเดิม

 

ถูกแล้วหล่ะที่คุณสงสัยว่าทำไมผมถึงต้องสงสัย
อะไรให้มันเยอะขนาดนั้น ทุกอย่างถูกกำหนดไว้
นั่นคือเรื่องแน่นอน แต่เหตุผลที่ต้องออกมาสงสัย
คุณคงไม่เข้าใจ แม้แต่ครูยังถามครูด้วยกันแล้ว
ทำไมผมจะถามไม่ได้ ผมมันแค่ตัวประกอบเท่านั้น
เข้าใจครับอะไรที่มากไปดูน่ารำคาญ แต่ดูต่อไป
ได้ไหมล่ะครับ

 

ยอมรับในสิ่งที่กำลังจะเกิดไม่ว่าจะเป็นจริงในเรื่องนี้ น้อยกว่านี้ หรือเกินไปกว่านี้ ชะตากรรมได้ถูกกำหนดแล้ว ว่าใครจะพบกับสิ่งไหนบ้าง สำหรับคนที่กลัวก็อย่าดีดดิ้นอะไรให้มากนะครับ พวกที่ไม่กลัวหรือมีนิดนึงก็เตรียมตัวเตรียมจิตเตรียมความพร้อมต่างๆถ้าหากเหตุและผลในข่าวต่างๆนั้นเกิดเป็นจริงขึ้นมาได้ หมั่นทำบุญกุศล ลดความเห็นแก่ตัวลงเห็นหัวอกคนอื่นเหมือนหัวอกเราไปด่าเขาคิดว่าด่าตัวเองด้วย และสำคัญสำหรับพวกกลัวนิดนึงถึงไม่กลัวเลย เตรียมเพื่อพวกกลัวให้เขาด้วยเพราะไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นบ้างจริงไม่จริงไม่รู้เตรียมเพื่อไว้ก่อนทำงานของเราไปหมั่งสังเกตุกระตือรือร้น สมองจะไม่ตาย และอย่าลืมชะตากรรมนะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวท่านเอง

 

บทความในส่วนของผม เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น โดยจินตนาการที่รวบรวมข้อมูลพื้นฐานจากแหล่งต่างๆ
จริงน้อยเท็จมาก โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

แต่ถ้าหากท่านจริงจังกะมัน ท่านก็จะเป็นทุกข์

 

ก็เชื่อเรื่องที่คุณ Jump up พูดมานะคะ
แต่ส่วนตัวด้วยวัยปูนนี้แล้ว
เต็มใจตายอยู่บนโลกนี้ไปพร้อมกับคนที่เรารักนี่แหละค่ะ


คนที่จะได้ไปต่อ... น่าจะเป็นเด็กๆอนุชนคนรุ่นหลัง
เขาจะได้มีโอกาสรอดและเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในภายภาคหน้า
และมีเรื่องมาเล่าสู่รุ่นลูกรุ่นหลานกันต่อไป

 

การช่วยเหลือ ต้องทำควบคู่กันไปทั้งทางกายภาพและทางจิตวิญญาณครับ
จิตวิญญาณต้องมีการพัฒนาในร่างกายภาพ วนเวียนไปเรื่อยๆ จนถึงจุดๆหนึ่ง เมื่อจิตวิญญาณบริสุทธิ์เพียงพอแล้ว จึงจะมีพัฒนาการต่อไปในรูปแบบของพลังงาน และจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆจนถึงจุดที่เป็นนิรันดร์ครับ

ที่ผมออกมาเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไปในเรื่องการขนย้ายมวลกายนั้น เพราะต้องการหยุดยั้งการฉวยโอกาส ในการนำร่างไปใช้งานในด้านอื่นๆหน่ะครับ กลุ่มที่โชคดีหน่อย ก็จะไปรอดชีวิต แต่จะถูกกักขังในโลกจำลอง ที่คอยเฝ้าดูและถูกทดลองไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว พวกที่ทโชคร้ายหน่อย ก็จะถูกนำไปแยกชิ้นส่วน บางกลุ่มไม่มีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาอีกเลย ได้เพียงแต่ฝัน ถูกกักขังอยู่ในฝันออกมาไม่ได้ ตื่นไม่ได้ ทรมานมากๆเลยครับ

ดังนั้น การขนย้าย โดยแยกจิตไป และนำไปติดตั้งใหม่ ในร่างเดิมที่สร้างขึ้นใหม่ ที่ปลายทางใหม่ จึงเป็นแผนที่ดีที่สุด ที่จะปกป้องรักษา มนุษยชาติไว้ได้ โดยมิได้หยุดการพัฒนาทางจิตหน่ะครับ (สรุปคือ ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ทางด้านจิตวิญญาณ)

 

แนะนำอีกนิดในมุมมองของผมที่พอจะสนใจและศึกษาอ่านมาพอเข้าใจในส่วนของผมเองนะครับว่า อย่าพยายามตั้งหรือวางแผนต่อต้านอะไรหากเกิดขึ้น ไม่ต้องหาทางป้องกันคนทั้งโลกหรือหมู่มาก เพียงท่านเริ่มหาทางปกป้องตนเองและครอบครัวคนใกล้ชิดคนที่ท่านรักสัตว์เลี้ยง หรือแม้กระทั้งคนที่อยู่ใกล้ตัวไว้ก็เพียงพอแล้วครับ แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไรมันจะชี้ทางให้คุณไปทางนั้นเองต้องใจเย็นและห้ามทำอะไรเกินตัวนอกจากการเสียสละตัวเองแม้แต่จิตวิญญาณเพื่อผู้อื่นเพียงพอแล้วเท่านี้ก็เพียงพอแล้วแล้วพระหรือเทพหรือสิ่งที่คุณนับถือสูงสุดจะปกป้องจิตวิญญาณของคุณเองไม่ให้หลงทางเลย ผมเชื่อเช่นนี้มาตลอดหลายปี (การเสียสละ) เพราะมันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะพอทำได้เท่านั้นในยุคที่กำลังจะถึงนี้

 

พูดได้ถูกต้องแล้วครับ ในยุคที่จะมาถึงเราทำได้เท่านั้นจริงๆ

 

รอเจ้าของกระทู้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการอพยพอยู่ครับ อยากรู้ว่า ดาวเวก้มีแผนทำอะไร