สึกพระเกษมและคลิป

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย 2499, 5 ตุลาคม 2011.

  1. Reynolds

    Reynolds เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +1,501
    อนุโมทนาครับ สาธุ นี่แหละครับชาวพุทธแท้<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    แล้วชาวพุทธแท้ ต้อง ให้ทาน" รักษาศีล แล้ว เจริญภาวนา"
    ให้กาย'วาจา' ใจ' สงบ' เป็น พื้นฐาน ของการ พัฒนา จิตด้วย
    ใช่หรือ ปล่าว ครับ ปู่ ครับ. ( ปู่ใน รูปนี้ ดูท่าน ยืน ได้ งาม จริงหนอ )

    ช่วงนี้ หลาย ๆ วัด มีงานบุญ กฐินครับ...!
    ขอเชิญ ชาวพุทธ แท้ สั่งสม ทานบารมีกันนะ ครับ.
     
  3. yummysushi

    yummysushi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +6

    เห็นที งานนี้ พระคุณเจ้าคงจะเข้าใจอะไรผิดไปเสียละกระมังเจ้าคะ จงอย่าได้ปรามาสผู้ปฏิบัติธรรมท่านใดเลยเจ้าค่ะ พระพุทธองค์ ทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้ให้แก่พุทธบริษัททั้งสี่ ช่วยกันจรรโลงและสืบทอดพระศาสนา ด้วยการปฏิบัติบูชา แม้อามิสบูชา หรือการกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป จะไม่ใช่ "แก่นแท้" แต่ก็เปรียบเสมือนการเตรียมสภาพจิตใจให้เข้มแข็ง โดยมีที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจคือ พระรัตนตรัยเป็นสรณะ การกราบพระพุทธรูปอย่างมีสติ ทำให้มีกำลังใจมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นเสบียง สำหรับการเดินทางในสังสารวัฐอันยาวไกล ไม่มีต้นมีปลายนี้

    มีฆราวาสไม่น้อย ไม่ว่าในเว็บนี้ หรือที่ไม่ได้ใช้สื่ออินเตอร์เน็ต ที่ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เช่นกัน ไม่เฉพาะการอ่านพระไตรปิฎก ตำราวิสุทธิมรรค และข้อธรรมอื่นๆ ทั้งอรรถกถา ธรรมบทต่างๆ นอกจากการรู้อรรถ รู้ธรรมตามตำราแล้ว ยังได้นำไป "ปฏิบัติ" ให้ "ตระหนักรู้" ด้วยตนเองด้วย เพราะธรรมะที่แท้ของพระพุทธองค์ เป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง โดยเฉพาะสภาวธรรมต่างๆ จะเข้าถึงได้ ก็ต่อเมื่อ "ลงมือปฏิบัติ" กรรมฐาน หรือสติปัฎฐานสี่นั่นเอง

    จะแตกต่างกันก็ตรงที่กัลยาณธรรมเหล่านั้น หาได้เที่ยวแจ้งแก่ชาวโลกถึงสภาวธรรมและความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของตนเองไม่ เพราะสิ่งนี้ไซร้ เป็น "ปัจจัตตัง" รู้ได้เฉพาะตนผู้ปฏิบัติเท่านั้น อีกทั้ง ไม่เห็นประโยชน์อันใดในการกระทำเช่นนั้น

    หากพระคุณเจ้าจะสรุปเหมาเอาว่า สิ่งที่ดิฉันกล่าวมานั้น หยิบยืมของผู้อื่นมาทั้งสิ้น เช่นนี้ มิสมควรและไม่ถูกต้อง เพราะผู้ปฎิบัติธรรม ย่อม "ตระหนัก" ในผลการปฏิบัติของตนเอง ไม่จำเป็นต้องหยิบยืมใครมา เพราะผลการปฏิบัติของแต่ละท่านย่อมแตกต่างกันไปตามอัตภาพ และจริตของแต่ละคน
    ดิฉันได้มีโอกาสเห็นสภาวะพระไตรลักษณ์ เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของโทสะจริตของตัวเอง ในเสี้ยววินาที ในวันหนึ่ง โดยไม่ได้ตั้งใจ ในขณะจิตที่รวมลงเป็นสัมมาสมาธิ สัมมาสติที่เกิดขึ้น ทำให้โทสะจริตนั้น มันดับลงไปให้เห็นต่อหน้าต่อตา และเห็น "ความเมตตา" ต่อคู่กรณีผุดขึ้นมาแทน เป็นเช่นนี้เองที่ท่านว่า เมื่อมีเหตุปัจจัย ก็เกิด หมดเหตุมันก็ดับ เพราะเรามิได้ยึดถือเอาไว้ที่ใจ หากแต่เป็นผู้พิจารณาสภาวธรรมที่เกิดขึ้นแทนต่างหาก

    ดิฉันและเพื่อนๆกัลยาณมิตรผู้ปฏิบัติ ต่างปรารถนาทางพระนิพพานด้วยกันทุกคน เราได้เห็นพระธรรมของพระพุทธองค์แล้วว่า เป็นสัจจะเสมอ ไม่เห็นทุกข์ ไม่ถึงธรรม และแน่นอนที่สุด การปฏิบัติบูชาเท่านั้นที่จะทำให้เราๆท่านๆทุกคน ขัดเกลากิเลสในใจให้เบาบางลง และก้าวข้ามฝั่งโอฆะสงสารนี้ไปได้ในที่สุด หาใช่ข้ออรรถ ข้อธรรมตามตำราแต่เพียงประการเดียวไม่

    มิทราบว่า พระคุณเจ้า ได้ปฏิบัติกรรมฐานจน "ตระหนักรู้" ถึงโทสะจริตที่เกิดขึ้นบ่อยๆบ้างหรือไม่ประการใดเจ้าคะ คงมีคนอีกไม่น้อยที่กำลังตามหาหนวดเต่าอย่างที่พระคุณเจ้าว่า ช่างน่าเวทนาจริงๆเจ้าค่ะ ท่านคงได้แต่วางอุเบกขา ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม
     
  4. มหิธา

    มหิธา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +66
    เฮ้อ...อ่านแล้วเหนื่อยใจ ขิงก็ราข่าก็แรง... เจ้าคณะท่านก็เรียกมาตักเตือน มาตัดสินด้วยตัวเอง พระเกษมถ้ากล้าจริง ไม่หดหัวอยู่แต่ในยูทูบ ก็ออกมารับคำไต่สวนตัดสินซะ ไม่ต้องกลัวถึงขนาดยกเอาลูกศิษย์มาเป็นขโยงหรอก ให้กระจ่างเป็นที่ยอมรับกันทุกฝ่าย...

    อย่าลืมนะสิ่งที่ท่านเกษมทำไว้น่ะ หากแค่แอบแสดงกันในวัด ชาวโลกไม่รู้ไม่เห็น ก็ไม่เกิดโทษ แต่ท่านเอาออกสื่อออนไลน์ เรื่องนี้จะประนามท่านอย่างต่ำ30ปี หรือตลอดชีวิต รู้ไว้ซะ...
    ท่านไม่ให้เกียรติพระสงฆ์ด้วยกัน ไม่ให้เกียรติญาติโยมผู้อุปฐากใส่บาตรเลี้ยงชีวิต ท่านไม่มีเมตตาหลงตัวลืมตนเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแห่งความถูกต้องทั้งมวล ท่านไม่เคารพรูปแทนตัวพระพุทธเจ้าอันเป็นรูปลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ ไหนอวดตัวว่ามีตาทิพย์มองเห็นโลกทิพย์ ทำไมมองไม่เห็นเหล่าเทวดาที่รักษาองค์พระบ้าง... กรรมตามสนองท่านแล้วล่ะที่จะไม่มีใครเคารพให้เกียรติท่าน... หรือเพียงแค่จะยอมให้ท่านห่มผ้าเหลืองต่อไป
     
  5. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สวัสดี พระเกษม อยากให้พระเกษมเลิกไปสนใจว่า พระองค์ไหนจะรับเงินหรือไม่อย่างไร ให้แสวงหาจิตสำนึกของตัวหลวงพี่เอง จะมีประโยชน์กว่าเยอะ

    สำรวจย้อนกลับไป ดูการกระทำของตนเอง ตั้งแต่อดีตมาว่า ตนเองบวชอุทิศพระศาสดาแต่ไปสนใจเรื่องของคนอื่น แทนที่จะดับกิเลสตน
    ไม่สนใจละ กิเลสตน แต่ไปวุ่นวายกับ พระพุทธรูป
    ไม่สนใจละกิเลสตน แต่ไปวุ่นวายกับ พระรับเงิน



    ท่านมีความแค้นในใจกับ พระป่า ที่ไม่รับท่านเป็นศิษย์ นั่นแหละปมในใจท่าน มองเห็นไหม
    ท่าน ถูกมาร อวิชชา ผลักดันออกมา ว่าจะเอาดี เอาเด่น ให้ได้ เพราะโทสะ ที่พระป่าท่านไม่รับเป็นศิษย์
    ท่านก็ออกมา สร้างปมเด่นให้ตัวเอง ด้วยอุตริ สอนคำสอนแปลกๆ ตีรวนต่างๆนาๆ อวิชชาผลักดันทั้งสิ้น
     
  6. ทีปาสโย

    ทีปาสโย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +3
    พระแม้ศีลบางข้อจะบกพร่อง แต่หากว่าท่านเหล่านั้นก็ยังมีศีลที่มากกว่าเราทั้งสิ้น การปรามาสซึ่งผู้มีศีลเยอะกว่า ย่มไม่ดีกับตัวเราแน่แท้ เราลองพิจารรณาตัวเราเองเสียก่อนเถิดว่าเรามีศีลเสมอเหมือนท่านหรือป่าว ที่เราจะไปตำหนิท่าน เรื่องอย่างนี้พูดยากครับ ผมว่าเราควรสนใจดูแลตัวเราให้อยู่ในศีลและธรรม ก็พอ ที่สำคัญคือเราไม่รู้ ตื้นลึกหนาบางอย่างแท้จริง การที่เรากระทำลงไปอาจส่งผลเสียต่อเรามากกว่าดีนะครับ

    กัมมัสโกมหิ กัมมะทายาโท กัมมะโยนิ กัมมะพันธู กัมมะปฏิสรโณ ครับ
     
  7. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    คงจะจึ้ใจดำ เกษมสามแยกอย่างลึก กิเลสในตนยังดับไม่ได้แล้วจะมีหน้ามาอวดอ้างสารพัด ช่างน่าสมเพศ ทางโลกเรียกว่าพวกมีปัญหาทางจิต สร้างปมเด่นเพื่อจะลดปมด้อยในตัวเองแต่เป็นการสร้างปมเด่นที่ผิดวิธี เกษมที่วัดก็มีอินเตอน์เน็ตคงเข้าไปดูคนที่เขาแสดงความคิดเห็นจากเวปต่างๆ คงรู้ตัวนะ ผู้มีภูมิธรรมที่แท้จริงเขาอ่านอยู่ดูอยู่เขาก็คงสมเพสในการกระทำที่กระทำ แบบสุนัขจนตรอก เรียกว่าแพ้ภัยตัวเอง หรือแพ้อำนาจแห่งกรรม กรรมก็หมายถึงผลของการกระทำ อธิบายยาวหน่อยเพราะบางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำอยู่พยามยามยกกรรมขึ้นมาอ้างจนลืมดูตัวเองไป
     
  8. Freedom Soul

    Freedom Soul สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +1
    คงเป็นเคราะกรรมของผู้วางเฉยไม่ได้ กรรมมันบีบให้ต้องเพิ่มกรรมแก่ตัวเองทั้งนั้น พระสงฆ์ท่านจะมีกิริยาเช่นใดหากเรายังศึกษาไม่ถ่องแท้ ก็อย่าไปปรามาสท่านเลย อ่านธรรมวินัยดูให้มากและพิจารณาให้เป็นกลาง ก็จะเห็นความจริงที่ท่านพยามเปิดเผย แต่การทำผิดที่ฝังลึกมาหลายภพชาติ มันก็ยากที่จะยอมรับได้ว่าสิ่งนั้นผิด แทนที่จะพิจารณาประกอบหลักฐานที่พุทธองค์ทรงประทานไว้ให้กลับ มัวแต่ตำหนิเพราะไม่ได้ดังใจตน.... หากผูศึกษามามากก็น่าจะคิดได้ว่าหากท่านบรรลุธรรมจริง ที่ีท่านประกาศอยู่บ่อยครั้ง ก็ไม่น่าสังสัยเลยที่ท่านจะห้าวหาญเช่นนั้น อาบัติเล็กน้อยที่โลกติเตียนนั้นอาจเป็นวาสนาเดิมที่ท่านมี และหากท่านพ้นแล้วจริงจะมีอาบัติใดมีโทษแก่ท่านได้ ในพุทธกาลก็มีตัวอย่าง น่าจะคิดกันก่อนไปปรามาส เพราะถ้าพลาดบาปกรรมมันเกินประมาณ คิดให้มากๆ วางเฉยได้เป็นดีครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 ตุลาคม 2011
  9. goldtop

    goldtop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2011
    โพสต์:
    701
    ค่าพลัง:
    +113
    พระบางรูปเราก็ต้องยอมรับความจริงว่าศีลอาจจะน้อยกว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำ แต่ที่เห็นมันก็คือการแสดง เพื่อหลอกผู้อื่น ต่อหน้าคนอื่นทำเหมือนบริสุทธิ์ แต่ลับหลังทั้งการกระทำและจิตใจอาจมี โมหะจริต ทิฐิ ความคิดชั่ว มากกว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำ
     
  10. oamiamgod

    oamiamgod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +3,223
    หลวงพ่อเคยบอกว่า

    คนทุกคนไม่มีดีมีชั่วหรอก ที่เป็นอยู่แค่กำลังเป็นไปตามกรรม ท้ายที่สุดแล้วก็เข้านิพพานทุกคน
     
  11. wainkam

    wainkam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    757
    ค่าพลัง:
    +881
    อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา,
    พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
    พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ. (กราบ)
    ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว ธัมมัง นะนัสสามิ. (กราบ)
    ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม.

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ,
    พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว สังฆัง นะมามิ. (กราบ)
    ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์.


    สาธุ คุณ Natthakorn ที่ให้ความกระจ่าง
     
  12. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ศรัทธา ควรประกอบด้วย สติ ปัญญา
    ให้พิจารณาดูก่อนว่า พระอรหันต์จะต้องเป็นผู้มี สติ มีปัญญา
    จะไตร่ตรองไม่ได้เลยหรือว่า การยกเท้าขึ้นมา การทำลายพระพุทธรูป การโพสวิดีโอดังกล่าว ออกสู่สาธารณชน โดยไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบว่า การกระทำเช่นนี้มีผลในแง่ใด

    การอ้างว่า เป็นวาสนาของพระอรหันต์ จึงเป็นการทึกทักไปเอง

    คำว่า วาสนาของพระอรหันต์ที่ท่านไม่ละ นั้นจะไม่ไปกระทบผู้ใด เช่น พระสารีบุตรกระโดด หรือ หลวงปู่เจี๊ยะพูดจาเสียงดัง

    ไม่ใช่ว่า ก่อเวร ก่อภัย แล้วไปทึกทักเอาว่า เป็นวาสนาของพระอรหันต์

    พระอรหันต์ จบกิจแล้ว ศีล สมาธิ ปัญญา ท่านเลิศกว่าใครทั้งสิ้น การกระทำของท่านทุกท่วงท่า ทุกวาจา ไม่มีโทษใดๆเลย เพราะเป็นธรรมออกจากใจ
    คนพุทธ ควรศึกษา พิจารณา ตั้งสติ ให้ดีก่อนเชื่ออะไร ดีกว่า เชื่อคนผิด
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คนพุทธบางคน ที่บอกว่า อุเบกขาบ้าง หรือ ศีลฆราวาส ไม่เสมอพระบ้าง
    หรือ ไม่มีใครถูกใครผิด จะทำให้เราไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ว่า อะไรดี อะไรไม่ดี

    การปฏิบัติธรรม ต้องแยกให้ออกว่า อะไรควร อะไรไม่ควร แล้วตัดสิ่งที่ไม่ใช่ทางไป
    ควรอุเบกขา ในเวลาที่ควรอุเบกขา เช่น เวลาใครเขาทำให้เราไม่พอใจ แบบนั้นควรอุเบกขา
    แต่เวลานี้ เป็นเวลาที่ต้องถกให้กระจ่าง ไม่ใช่เวลาอุเบกขา เป็นการศึกษา

    ช่วงเวลาของการศึกษา เป็นปัญญา ไม่ควรวางอุเบกขา

    ควรวางอุเบกขา ในช่วงเวลาที่เกิด อารมณ์ และ ความฟุ้งซ่าน
     
  14. Freedom Soul

    Freedom Soul สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมาก เพียงแต่ไม่ประมาทไว้ก่อนดีไหม เพราะที่ท่านเตือนมา ก็ใช่ว่าไม่มีหลักฐาน ผมเองก็เห็นมานานแล้ว แต่ก็ทำตามๆกันมา เพราะหากพิจารณาท่านทุกคำสอนที่ท่านสอนก็ประกอบด้วยปัญญาและมีเหตุมีผลทั้งนั้น ก็น่าจะพิจารณาให้มาก เรื่องที่ท่านเน้นย้ำ เช่นการรับเงินรับทองนั้น มันมีผลมากมายมหาศาลนัก กับการบุญการบาปในระดับประเทศ ซึ่งแน่นอนทุกคนก็เห็นอยู่ และชัดเจนในพระไตรปิฏก หากท่านไม่รู้จริง มีหรือ จะต้องมาต่อสู้กับคนนับล้านเพราะคับแค้นใจในพ่อแม่ครูบาอาจารย์ และกลุ่มพระกรรมฐาน แรงจูงใจดูจะน้อยไปไม๊ครับ เพราะการนี้ใหญ่หลวงมากกับการประทะความเชื่ออันฝังลึกมาช้านานร้อยนับพันปี (รวมเรื่องพระพุทธรูป) ของคนหลายล้านคน
     
  15. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่า อุเบกขา เป็นอุเบกควายไป

    แม้จะผิด จะไม่ถูก ยังบอกว่าอุเบกขาได้ แบบนั้นเขาเรียก เฉยโง่

    อุเบกขาจริง ๆ คือ ไม่เอนเอียงเข้าข้างรัก-ชัง ไม่มีอคติ ๔ อันจะก่อโทษ

    ไม่ใช่ว่า เนี่ย ๆ ผิดเต็ม ๆ แต่ปล่อยมันผิดไปเถอะ

    ไม่มาแก้ให้ถูก ไม่มาบอกว่าไอ้ที่ถูกมันเป็นอย่างไร

    นั่นเรียกว่า อุเบกควาย แล้วครับ วางเฉยโง่ ไม่ใช่วางเฉยแบบฉลาด

    หรือจะชอบยกคำคมว่าเขาจะเลวแค่ไหนก็ช่างเขา

    อันนั้นไม่ได้ครับ ถ้าเขาเลวแล้วทำผลเสียต่อส่วนรวมก็ต้องจัดการครับ

    ไม่ใช่ว่ามันเลวทำเสื่อม แล้วยังมาบอกว่า ช่างเขา.....

    "ไม่ใช่แล้ว"

    ไม่ใช่กรณีนายเกษมเท่านั้น ในกรณีอื่น ๆ ก็ควรศึกษาและจัดการทั้งหมด

    ชาวพุทธควรจะตื่นตัวก่อนศาสนาจะเสื่อมไปมากกว่านี้ได้แล้ว

    "อย่าวางอุเบกควาย จงใช้อุเบกขาให้ถูกต้องตามที่มีความหมายจริง ๆ"
     
  16. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ไปสนใจ เรื่อง รับเงินรับทองทำไม ดูเรื่องกิเลสของตนก่อน
    การที่พระองค์ไหนจะรับหรือไม่รับเงิน เราไปรู้เจตนาของแต่ละท่านได้หรือ
    แล้วไปทึกทักเอา ด้วยการไปเพ่งโทษ ควรกลับมาสำรวจใจตนว่า เรานี้มันเป็นอย่างไรไปวุ่นวายเรื่องของคนอื่น

    สำหรับเรื่องความคับแค้นใจ นั้นมันมีอำนาจมากกว่าที่คุณคิด ไม่เช่นนั้น พระเทวทัต จะตามจองล้างจองผลาญพระศาสดาได้หรือ

    จำเอาไว้ว่า พระอริยะจะสอนคน ให้เข้าสู่ อริยมรรค ทั้งสิ้น
    เช่น สัมมาทิฎฐิปัญญาความคิด กรรมหรือการกระทำในชีวิต การมีสติ ความเพียร และ สมาธิ ที่จะนำเข้าสู่ทางแห่งการ ดับทุกข์

    ไม่ใช่กระโดดไปเรื่อง เอาเงินให้พระบ้าง ห้ามสวดมนต์บ้าง หรือการเผาพระพุทธรูปบ้าง

    ให้ตั้งสติพิจารณาซิว่า มันพาเข้าสู่ ความประเสริฐ ใดบ้าง

    นี่แหละเรียกว่า สีลพรตรปรามาส คือ ให้คนไปถือข้อวัตรผิดๆ ว่า จะต้องทำแบบนั้นทำแบบนี้

    แต่ ข้อวัตรเหล่านั้นมันสุดโต่ง ไม่ได้นำไปสู่ทางแห่ง สัมมา
     
  17. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    ก็ต้องย้อนถามไปทางนายเกษมว่า
    ไอ้ที่ใช้สอยอยู่ทุกวันมันไม่ได้มาจากเงินหรือ?
    เน้นย้ำแต่เรื่องนี้จริง ๆ แต่ตัวเองก็ขว้างงูไม่พ้นคอ
    เวลาถามเรื่องทำนองนี้ เช่น แล้วค่าใช้จ่ายในสำนักสงฆ์
    ข้าวของ เครื่องใช้ ต่างก็มาจากเงินทั้งสิ้น
    แล้วจะต่างอะไรกับคำที่ว่า....
    "ว่าแต่เขา อีเหนาเป็นเอง" ล่ะ?

    อีกอย่าง การบุกรุกพื้นที่ป่าโดยไม่ถูกต้องตามกฏหมาย
    ลองเอาสิกขาบท ปาราขิก ในข้อ อทินนาทาน
    ที่พระเจ้าพิมพิสาร กับภิกษุผู้เอาไม้ไปสร้างกุฏิเทียบเคียงดู
    อยู่ประเทศไทย กฏหมายไทย ไม่เคารพ? นี่ก็ผิดกฏหมาย
    เข้าข่ายอทินนาทาน ใช้สอยโดยผิดกฏหมาย

    แล้วเรื่องที่นายเกษมประกาศเอง
    มันเข้าข่ายอนันตริยกรรมอีก (สังฆเภท)
    ภิกษุที่ไปด้วยมีถึง ๔ รูป (สงฆ์) มั้ย? ถ้ามีถึง ก็สังฆเภทแล้วแหล่ะครับ

    ไหนจะเรื่องกล่าวอวดอุตริอีก
    นี่ก็ปาราชิกชัด ๆ กี่ข้อแล้วล่ะนั่นน่ะ?

    ไหนจะคำสอน สอนตามพระไตรปิฏกส่วนหนึ่ง มั่วมาเองส่วนหนึ่ง
    มั่ว ๆ ซั่ว ๆ ปน ๆ กัน
    การยกตำรามาเพื่อเข้าข้าง อ้างให้ตัวเองดูดี
    ใคร ๆ มันก็ทำได้ครับ ให้ผมเข้าไปบวชแล้วทำบ้างผมก็ทำได้
    ไม่เห็นจะยาก
    แต่การเข้าถึงแก่นธรรมที่แท้จริง ตำราเป็นแค่เข็มทิศนำทางเท่านั้น
    ไม่ใช่เอามาโจมตีผู้อื่นแบบนี้

    ผมก็เห็นแล้วว่าตาลยอดด้วน ซึ่งเจริญงอกงามอีกไม่ได้คนนี้
    มีแต่การ "รอวันพังทลาย" ตามยถากรรมที่ทำไว้นั่นแหล่ะ

    แต่เราแค่มาบอกว่าอะไรมันถูก อะไรมันผิด
    ก็ว่ากันไปตามนั้น ไม่ได้รังเกียจเดียจฉัน หรืออาฆาตใคร ๆ
    "ว่ากันไปตามเนื้อภาพ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2011
  18. CHOTIYA

    CHOTIYA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +359
    ท่านออกมาว่าหลวงตาทำไม่ถูกผิดพระวินัย ก็ที่ท่านคุยว่าไม่มีอะไรสงสัยในตัวเองเลย แล้วทำไมต้องเปิดกระดาษออกมาอ้างเป็นฉากๆ ผมมองว่าหลวงตาท่านพ้นสมมุติแล้ว ที่ท่านทำผ้าป่าช่วยชาติ ก็เป็นอุบายในการดึงคนให้มาสร้างบุญกุศลกับท่าน เงินเข้ามาท่านก็สละออกไป แล้วทีท่านเทศล่ะ ว่าใครเอาเงินมาให้ท่านก็จะรับ รับแล้วก็จะสละออกให้เป็นของสงฆ์ ผมว่าการแสดงอาการ การใช้คำพูด มันขาด อินทรียสังวร หลายอยา่งผมเห็นด้วยกับท่าน เช่นการไม่ยึดติดสมมุติ แต่การแสดงออกมันไม่เหมาะกับสมณสารูป อีกอย่างผมว่าท่านโดน วิปัสนูปกิเลส ตะปบเข้าแล้ว คนอื่นผิดหมดข้าถูกคนเดียว เสียดาย เวลาที่ท่านเคร่งครัดปฏิบัติมา สงสารที่ท่านโดนสังคมลงฑัณท์ ท่านขาดธรรมวิจัย ว่าธรรมระดับใหนควรสอนกับคนหมู่ใด สอนอย่างไร สอนเมื่อใด ผมว่าถึงขึ้นศาลท่านก็โดนสึกอยู่ดี บอกตรงเสียใจ เสียดาย สงสาร
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สมัย พุทธกาล
    เทวทัต ไปทูลขอ พระศาสดา ให้ภิกษุ ถือวัตร บ้าๆบอๆ เช่น ให้อยู่ป่าตลอดชีวิตบ้าง

    ให้ถือผ้าบังสุกุลตลอดชีวิตบ้าง ห้ามฉันเนื้อตลอดชีวิตบ้าง

    ข้อพวกนี้ เป็นความอุตริ พระศาสดาทรงสัพพัญญูญาณ ทราบว่า ข้อวัตรเหล่านั้น ไม่ใช่ ทางประเสริฐ

    ทางประเสริฐ ควรลงไปที่ ศีล สมาธิ ปัญญา ว่า ทำอย่างไรจึงจะเจริญ สามองค์ นั้นได้

    ทรงตรัสสอน ใน มหาสติปัฎฐานสี่ ก็เพื่อจะได้รู้ มองเห็น อาการของตนว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ของตน ละเอียดมากน้อยเพียงใด

    นี่ ให้หมั่น เจริญ มหาสติปัฎฐานให้เป็น และ สมาธิเบื้องต้นให้เป็น ศีล 5 ให้เป็นปกติ

    เมื่อจิตเป็นปกติสุข แล้ว ไม่ต้องถือศีล เพราะใจไม่วิ่งไปทางผิดศีล จึงเรียกว่า ศีลบริบูรณ์ ในวิถีของพระอริยะเจ้า ตามลำดับ
     
  20. roentgen

    roentgen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +67
    ก็ใช่ว่าคืนสิกขาบท สึกออกไปแล้วจะปฏิบัติธรรมต่อไม่ได้ซะหน่อย
    เว้นเสียแต่ว่า
    อนันตริยกรรม - ปาราชิก
    ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพานไปแล้ว....
    อันนั้นมันน่าเสียดายเสียยิ่งกว่าอีก
    เพราะ "ไม่รู้" นี่แหล่ะ "จึงหลงผิด" ไปกันใหญ่
     

แชร์หน้านี้

Loading...