เมื่อพระอภิญญาท่านว่า...

อ่านแล้วนึกถึงตอนที่หลวงปู่กาหลงสิ้นน่ะครับ

ร่างของหลวงปู่กาหลง ท่านก็เน่าเหม็น น้ำเหลืองไหลย้อย (เห็นภาพที่เขาถ่ายมา ลงในเวป)

แต่ของที่หลวงปู่ท่านเสก (เศียรพ่อแก่) พระอาจารย์ของผมบอกว่าไม่เสื่อม

 

เดี๋ยวจะลองนั่งมาธิใช้หมองดูซักหน่อย หลวงปู่จะสื่ออะไรน้อ

 

โอ้ น่าคิดจริงๆท่าน ปราสาทแห่งนี้ ยังคงความลึกลับไว้มากมาย รอการตีแผ่ลักษณะการออกแบบปราสาท ยิ่งน่าคิด ไม่ว่าจะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์ลอดผ่านหน้าต่างได้ทุกช่อง พลังงานแปลกๆ สูงๆ ที่เกี่ยวพันกับปราสาท เห็นว่าช่วงที่มีการทุบทำลาย ทวารบาล มีการแอบยัดบริวารใหม่ๆ ของตัวเองเข้าปราสาทซะด้วย คนทำนี่ท่าจะเก่งแฮะ



ใครตาในดีช่วยเช็กให้หน่อยจ้า เขาว่ามางั้น
เออ ถ้าใครมีเวลาลองไปยืนจ้องไอ้ห้องมืดๆ ระหว่างปราสาทดูสิ เขาว่าภาพมันเรืองแสงเป็นฟอสฟอรัสเลยนะ เคลื่อนไหวได้ด้วย เป็นเรื่องเป็นราว อย่ารีบเชื่อนะ ต้องไปลองดู ว่าพลังงานยังมีอยู่จริงมั้ย อิอิ

**อาจารย์ของท่าน toplu99 นี่ แน่นอนจริงๆ
ลูกศิษย์ ชะลอย ฝีมือคงไม่ธรรมดาแน่ ^_^**



ใครจะไปทุบซ้ำ อย่าเน้อ กล้องวงจรปิดเพียบ และไอ้ที่เอามาวางก็ของปลอม ทำไปก็เท่านั้น (เดิมทีก็ปลอมอยู่แล้ว) ดอกไม้ตอนนี้เขาก็ไม่ให้วาง ห้ามจุดธูป กำยาน อย่าคิดไปทำพิธีใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเจตนาดีหรือไม่ดีเตือนกันไว้ก่อน เดี๋ยวถือไปเสียเวลาเปล่า จ้า




นี่ก็กว่าจะได้คืน เลยได้เพลงฮิตมาเพลง "เอาไมเคิล แจ็กสัน คืนไป เอาพระนารายณ์คืนมา"

ขอเชิญแวะเวียนมาเยี่ยมคารวะพลังงาน นะท่าน ทั้งหลาย

 

คนสมัยก่อนเค้ามีความเจริญก้าวหน้าทางจิตมากกว่าสมัยนี้จริงๆ รู้ว่าตำแหน่งไหนมีพลังงานสูงก็ไปสร้างถาวรวัตถุตรงนั้นเลย

 

ถ้าเรื่องทำนองนี้ คนเหนือโบราณ พูดไว้ว่า "น้ำปิง จะกลายเป็นสันดอย"

คาดว่า หมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพครั้งใหญ่ ใน จ. เชียงใหม่ (จะเมื่อไหร่ ไม่รู้)

สาเหตุอาจจะเกิดขึ้นจาก มีแผ่นดินไหวรุนแรง คล้ายๆ ตอนที่ทำให้เมืองโยนก (อยู่ในเชียงราย ปัจจุบัน) พังทลายกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ (เวียงหนองล่ม)

ซึ่งพอความรู้สมัยใหม่เจริญ ทางธรณีวิทยา ก็เจอจริงๆ ว่า ทางเหนือของไทย ไล่มาตั้งแต่แม่ฮ่องสอน ยันอุตรดิตถ์ มีรอยเลื่อนแผ่นดินไหว ที่ยังขยับขับเคลื่อนอยู่ และมีมากกว่าภาคอื่นจริง


หลายจังหวัด ที่อยู่ในเขตรอยเลื่อนพวกนี้ มีบ่อน้ำร้อนใต้ดิน รึไม่ก็มีน้ำพุร้อน แสดงถึงพลังงานความร้อนใต้พิภพ ที่ยังทำงานอยู่

รอยพวกนี้ มันมาจากจีน แผ่มาที่พม่า แล้วลามมาถึงไทย





13 รอยเลื่อนในประเทศไทย ประกอบด้วย

<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O></O>
1. "รอยเลื่อนแม่จันและแม่อิง" ครอบคลุม พื้นที่ จ.เชียงรายและเชียงใหม่
<O></O>
2. "รอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน" ครอบคลุม จ.แม่ฮ่องสอน และตาก
<O></O>
3. "รอยเลื่อนเมย" ครอบคลุม จ.ตาก และกำแพงเพชร
<O></O>
4. "รอยเลื่อนแม่ทา" ครอบคลุมจ.เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย

5. "รอยเลื่อนเถิน"ครอบคลุม จ.ลำปาง และแพร่
<O></O>
6. "รอยเลื่อนพะเยา" ครอบคลุม จ. ลำปาง เชียงราย และพะเยา
<O></O>
7. "รอยเลื่อนปัว" ครอบคลุม จ.น่าน
<O></O>
8. "รอยเลื่อนอุตรดิตถ์" ครอบคลุม จ.อุตรดิตถ์
<O></O>
9. "รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และราชบุรี
<O></O>
10. "รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์" ครอบคลุม จ.กาญจนบุรี และอุทัยธานี
<O></O>
11. "รอยเลื่อนท่าแขก"ครอบคลุม จ.หนองคาย และนครพนม
<O></O>
12. "รอยเลื่อนระนอง" ครอบคลุม จ.ประจวบคีรีขันธ์ชุมพร ระนอง และพังงา

13. "รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย" ครอบคลุม จ.สุราษฎร์ธานีกระบี่ และพังงา

www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=32

 

ถ้าใช้คำว่า ถูกกระทำบางอย่าง ที่ทำให้ใช้พลังไม่ถนัดละครับ......

เพราะหากถูกจองจำจริง ก็คงมาหาพระท่านที่สำนักปฏิบัติธรรมไม่ได้หรอกครับ......

 

ท่านท้าวเวสสุวัณ 1 ใน จตุโลกบาล ไม่น่าใช่ท่าน

เป็นอสูรอย่างอื่นเเสียมากกว่า

 

อันเหตุผลและแนวทางวิธีคิด..จากท่านผู้ทั้งหลายนี่

ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องถือว่า..ให้อิสระในความคิดของทุกท่านครับ..

ไม่ขอคัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น

เพราะมันก็เกินปัญญา เกินกำลังสำหรับผู้เล่าจริงๆ...

เพียงได้รับรู้ด้วยเรื่องแบบนี้..ลักษณะนี้ จากประสบการณ์เคยที่เกิดขึ้นเท่านั้น

เท็จจริงประการใด..โปรดใช้วิจารณาณญาณ

 

ไปหาหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ หรือป่าวครับท่าน ^_^ ท่านอยู่ไม่ไกลจากเขาพนมรุ้งเท่าใดนัก ท่านอื่นๆใครอยากไปรับวิชาจากท่านไปได้เลยนะครับ ท่านรออยู่ บุคคลผู้ถูกเลือก โพธิสัต แน่นอน

 

เพิ่งเดินทางกลับจากป่าวัดถ้ำที่ สระบุรี ครับ... พลาดการเดินทางไปร่วมงานไปกับพระอาจารย์
เพื่อไปร่วมงานบรรจุโลงแก้วหลวงปู่ละมัย จ.เพชรบูรณ์

เพราะผู้เขียนต้องมีภารกิจต้องกลับมาทำงานในวันจันทน์ ที่ตัวเมืองโคราช...น่าเสียดายมากๆ
....แต่ก็ยังดีที่มีโอกาสได้รับรู้เหตุการณ์บางอย่างที่สนใจ..มาเล่าสู่ให้อ่านเหมือนกัน...เดี๋ยวค่อยว่ากัน

โดยก่อนหน้านี้ในการเดินทางไปร่วมงานในครั้งแรกที่ผู้เขียนได้ร่วมเดินทางไปกับพระอาจารย์
ทางลูกสาวบุญธรรมของหลวงปู่ละมัยท่าน ได้กราบนิมนต์เชิงข้อร้อง ขอให้ท่านมาร่วมงาน บรรจุโลงแก้วในครั้งนี้ให้ได้ ในครั้งนั้นท่านเองยังไม่ได้รับปากเนื่องจากค้างกิจนิมนต์ที่อื่นอยู่
<O
</O
โดยที่ครั้งแรกที่เธอพบเจอ ท่านที่ศาลาพักสังขาร หลวงปู่ เธอก็ไม่รู้ว่าพระภิกษุ จากป่า นุ่งห่มจีวรสีกลักท่านนี้เป็นใคร? สำคัญอย่างไร? ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ ใส่ต้อนรับแต่ประการใด<O</O
แต่จาการที่มีพระภิกษุท่านหนึ่ง ที่อยู่ที่ศาลาขายยาสมุนไพร และวัตถุมงคล บริเวณปากเข้าทางสวนสมุนไพรของหลวงปู่สามารถจดจำพระอาจารย์ได้
จึงได้เข้ามากราบแนะนำตัวทักทายท่าน และแนะนำท่านให้กับญาติๆเธอได้รู้จัก

ว่าท่านเป็นสหธรรมิกที่สำคัญกับปู่ฤาษีเกศแก้ว และคุ้นเคยกับหลวงปู่ละมัยเป็นอย่างดี
จากนั้นจึงเป็นลักษณะที่เรียกว่า เกมส์พลิกผันทันที ทุกคนในศาลายา ก็ออกมาให้การต้อนรับแบบตื่นเต้นระคนดีใจอย่างมาก และคำถามที่คาใจมากมายของหลายคน ก็ไหลออกมาราวกับน้ำ ล้นทำนบ..ทีเดียว????
<O</O
และการสนทนาถึงข้อสงสัยที่เกิดจาการทิ้งปริศนา และแนะนำแนวทางการจัดงานพิธีในการจัดเก็บสังขารท่าน ให้เข้าใจและให้วางจิต วางใจอย่างไร ควรเดินปฏิบัติอย่างไรหลังที่ท่านหลวงปู่ไม่อยู่ในสังขารแล้ว

ซึ่งก็สร้างความประทับใจและ สบายในหลายสิ่งที่ลูกสาวบุญธรรมหลวงปู่ที่เกิดจากคำสั่งของหลวงปู่ก่อนลาสังขาร ที่เธอสับสนมาเนินนานได้เข้าใจ ..และกระจ่างขึ้นมาอย่างมาก

เนื่องจากท่านสามารถบอกได้ถูกต้องในหลายสิ่งๆ ตรงตามที่หลวงปู่ละมัยท่านสั่งไว้จริง ด้วยสาเหตุคือก่อนที่จะมาสถานที่ ที่เป็นเหมือนบ้านพักสมุนไพรแห่งนี้ ท่านได้ติดต่อสอบถามสนทนาจากการสื่อสารทางจิตกับหลวงปู่ละมัยมาก่อนแล้วจากที่ศาลาพักสังขารท่าน ที่ห่างออกไปประมาณ 2 กม. ก่อนเดินทางกลับ พระอาจารย์ท่านได้มอบเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้กับลูกสาวบุญธรรมท่านเพื่อใช้ในการจัดงานดังกล่าว


....เดิมทีท่านเองก็มีกิจนิมนต์รับงานที่อื่นไว้ ภายหลังจึงจำยกเลิกงานนั้น และเดินทางไปร่วมงานหลวงปู่ละมัยแทน เพราะท่านเองก็นับถือหลวงปู่ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่สำคัญอีกรูปหนึ่งของท่านเช่นกัน
<O</O
จากการที่ท่านได้มีโอกาสเจอกันในงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลร่มกันหลายครั้ง ด้วยจริตที่คล้ายกันและมีสายญาณ ครูบาอาจารย์ใหญ่ร่วมกัน จึงทำเกิดความเคารพนับถือและสร้างคุ้นเคยกันได้ไม่ยาก...ในระดับพระสายอภิญญา
</O
ลูกศิษย์หลายท่านบอกว่าหลวงปู่ละมัยอายุ 152ปี แต่พระอาจารย์ท่านบอกผู้เขียนภายหลัง
ว่าจริงๆแล้วอายุท่านคงไม่ถึงขนาดนั้นเพราะเมื่อไม่นานเท่าไรมานี้ ท่านเคยกราบเรียนถามหลวงปู่ด้วยตัวเอง ท่านบอกว่า ท่านอายุ 114 ปี
ไม่รู้เล่าสืบต่อกันมายังไง.....ถึงได้ผิดเพี้ยนอายุออกไปได้หลายปีขนาดนั้น
<O
</O
ไว้มีความคืบหน้าเพิ่มเติมประการใด Toplus99 จะทำหน้าที่เป็นสายรายงาน ให้ผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ละมัยท่านได้รับทราบ
นะครับ...
<O></O>
จากคนค้นข่าว นาม Toplus99

 

ใครที่ไม่สนใจ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไรครับ เพราะมีคนที่สนใจและอยากฟังอยู่อีกเยอะ

ขอส่งเสียงให้กำลังใจ ซัก หน่อย ...หลังจากแอบอ่านเงียบๆ มานานแล้ว..

 

ครับ สิ่งที่รู้ก็รู้ได้เฉพาะ ไม่ได้มีแค่ท่านสองท่านที่อ่านแล้วไปถามครูบาอาจารย์ครับ เพียงแต่คำตอบที่ได้รับ จะกระจ่างแจ้งในใจผู้รับหรือไม่
-------------------------------
จะอย่างไรก็จงเขียนต่อไป เรามันพวกเอาเปรียบขออ่านอย่างเดียว นานๆก็โผล่มาสักครั้ง ถือว่าให้ทานผมละกันครับ

 

มาให้กำลังใจคนที่รออ่านอีกเพรียบบบบบบบค่ะ

 

เล่าเรื่องต่อไปเถอะครับ นั่งอ่านแล้วสนุกดี
ทราบว่า ปราสาทขอมเก่าๆมักมี ทวารบาล น้อย-ใหญ่ คอยคุ้มครองมาชั่วนาตาปี
แม้แต่สัญลักษณ์ รูปสลัก แต่ละรูปนั้น นอกจากความงามทางศิลปะ ยังแฝงด้วยความเชื่อความศรัทธาในมิติของไสยศาสตร์ไว้ด้วย

 

ใจเย็นครับผม ^_^ ประพฤติธรรมเช่นกัน ละวางกันนะครับ

 

มีคุณทอแสงนี่..ชีวิตผมมีสีสันขึ้นเยอะ...

ในสิ่งที่ "คุณบอกไม่เชื่อ".......ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร และใครก็มีสิทธิ์..ทั้งนั้น

ผมเองก็มีสิทธิ์คิดสงสัยได้เหมือนคุณ


เพราะผมก็ไม่เข้าใจในข้อเท็จจริงในเรื่องจิตวิญญาณอย่างแท้จริง...เช่นกัน

และคุณเองก็ดูแล้ว น่าเหมือนจะเป็นคนมีปัญญาพอประมาณ...ก็คงคิดได้บ้าง

เพียงแต่คำพูดนั้นเป็นคำที่ พระอาจารย์ที่ผมให้ความเคารพนับถือท่านได้บอกกับผม มาชัดเจนเช่นนี้ และเล่าถ่ายทอดพอเป็นวิทยาทานบ้าง คิดซะว่ามันเป็นนิทานบ้าๆ แปลกๆไปแค่นั้น..
ไม่เชื่อก็ช่าง....ๆ

ส่วนในรายเอียด ที่ว่ามันมีเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติมทางจิตวิญญาณอีกหรือไม่
ก็คงเกินปัญญาที่ผมจะเข้าใจหรืออธิบายลึกซึ้งได้

เหมือนคนโง่ๆ ทีชอบมาเถียงกันเรื่องนิพพาน ว่าเป็นอัตตาหรืออนัตตานั่นแหละ..

คนมีปัญญาแท้จริง..เขาไม่มานั่งเถียงกัน ให้เสียเวลา.หรอก


เพียงแต่ผม ก็พอมีวุฒิภาวะ..และมีมารยาทพอ ที่จะรักษาการเขียนที่ ส่อถึงมารยาท ที่ดี และให้เกียรติ ในการแสดงความคิดเห็นในการอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างถ้อยที ถ้อยอาศัย แม้ไม่เห็นด้วยก็ตาม....

คนที่ตั้งใจทำงานเขียนเพื่อการจรรโลงศาสนา..ถึงไม่ได้เงิน ทองหรือชื่อเสียงอะไร และไม่เคยแสดงตัวตนอวดอ้างหวังผลประโยชน์ทางการเงินใดๆ

แต่อย่างน้อยการแสดงมารยาท ในการเขียนแสดงความคิดเห็น ที่แม้จะเห็นแย้งกันไม่เห็นด้วย ก็ช่วยรักษามารยาทที่ดี ต่อกัน ซะหน่อย มันก็น่าจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี มิใช่หรือ?

คนตั้งใจดีๆนี่ม้นท้อเหมือนกันนะครับท่าน...

หรือคุณชอบการแสดงความเห็นที่รุนแรง.....ในเวปที่เกี่ยวข้องกับศาสนา

(โดยส่วนตัวก็ยอมรับว่า แท้จริงก็ไม่ใช่คนที่มีนิสัย ดิบดี คุณธรรมสูงมาจากไหนหรอกนะครับ

..และมีความอดทนต่ำ มาแต่ไหน แต่ไร..ซะด้วยซิ..)

 

ดูหนังกำลังสนุกแต่ไฟดันมาดับ

 

วันจันทน์ ที่19 ธ.ค. 54

วันนี้นับเป็นวันที่น่าเศร้าใจ และให้ความหดหู่ ในความรู้สึกของผู้เขียนอย่างมากๆ ครั้งหนึ่งในชีวิต

โดยเหตุการณ์นับแต่เริ่มต้นทำงาน 8โมงเช้า

ได้รับข่าวว่า จากน้องผู้หญิงในที่ทำงาน สนิทกันพอสมควร เนื่องจากน้องคนนี้อัธยาศัยดี น่ารัก ช่างพูด อายุเพิ่งเริ่ม 26 ปีเท่านั้น
เธอประสบกับทุกข์หนัก จากสามีเธอ ที่ได้ประสบอุบัติเหตุ ถูกรถไฟเฉี่ยวชน เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ในขณะขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านพร้อมเพื่อนอีกคน โดยที่เพื่อนคนซ้อนท้าย แค่ถลอกนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนแฟนน้องผู้หญิงได้รับการกระแทกที่สมองอย่างรุนแรง ต้องผ่าตัดเปิดสมองครั้งใหญ่<O</O

เธอเอง ก็อ้อนวอนบานบานสิ่งศักดิ์สิทธิแทบทุกที รวมถึงการ ถือบวชพราห์ม ถึง 7 วัน อาการของสามีก็ยังไม่ดีขึ้น
จนเช้าวันนี้ เพิ่งได้รับข่าว
ว่าสามีเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว ในวันเสาร์ที่ผ่านมา และจะทำการฌาปนกิจ วันนี้ ในช่วงบ่าย 4 เย็น ซึ่งหลายคนในที่ทำงานรวมทั้งผู้เขียนเองไม่สามารถไปร่วมงานได้ เพราะที่ทำงานทำการปรับเปลี่ยนการผังที่ทำงานใหม่ทั้งหมด ต้องเร่งทำให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ให้ได้ด้วย...
นี่ภาระเลี้ยงดู ลูกชายวัย 3 ขวบ ดัวยวัยที่ต้องมาเป็นม่าย ตั้งแต่วัย 26 ปีนี่ จะดำเนินต่อไปเช่นไรหนอ?

============================
ช่วงบ่ายโมง
รับข่าวจากเพื่อนในที่ทำงานอีกว่า ให้รีบไปเยี่ยมเพื่อนสนิทมากคนหนึ่งที่โรงพยาบาลมหาราช เพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต คนนี้เป็นเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ จากที่ทำงานเดิมและมาเจอกันในที่ทำงานใหม่อีก ก็สนิทสนมกันมานานเกือบ 20 ปี

เพื่อนคนนี้เป็นคนอารมณ์ดี ตลก สนุกสนาน ชอบการสังสรรค์ เพื่อนฝูงและลูกน้อง เจ้านายในที่ทำงาน รักใคร่กันทุกคน หน้าที่การงานกำลังรุ่งเรือง แต่ต้องมาประสบภัยโรคร้าย คือมะเร็งในลำไส้ ตอนมารู้ตัวว่าป่วยมากหน่อยหมอเลยนัดตรวจ อุลต้าซาวด์ รู้ตัวอีกที

มะเร็ง ก็เข้าระยะที่สอง ต้องตัดลำไส้ออกทิ้ง ทนทรมานมานาน เกือบ 2 เดือน
จากนั้นหมอนัดผ่าอีกครั้ง หมอตรวจสุขภาพละเอียด ขอยกเลิกการผ่าตัด โดยมีเหตุผลว่าเกินการรักษาแล้ว บอกผู้ป่วยและญาติเตรียมใจซะ เวลานับถอยหลังแล้ว...

ภาระที่เกิดกับภรรยาแม่บ้าน ที่ต้องกลายเป็นแม่ม่ายที่ต้องเลี้ยงดูลูก 2 คน วัย ,6-8 ขวบ เงินค่าผ่อนบ้านหรู ค่าผ่อนรถราคาแพง ที่ผ่านมายังได้ไม่ถึงครึ่งทาง กับภาระค่าใช้จ่ายของเด็กวัยกำลังกิน กำลังเรียนที่จ่อรอ เบื้องหน้า...และแม่วัยชราที่ต้องเลี้ยงดู ด้วยเงินเดือนที่ไม่มากมาย...
<O</O
จากนี้คงต้องยอมรับ นับว่า เหนื่อยหนาสาหัส..กันต่อไป

" โลงศพ...มิได้มีไว้ใส่เฉพาะ..คนแก่ตายเท่านั้น ...จริงๆ
<O</O

<O</O
โอ้... นี้หรือคือชีวิต...

ไม่ต้องตายด้วยอุบัติเหตุปกติทั่วไป ก็อุบัติภัยธรรมชาติ หรือไม่ก็ด้วยเหตุโรคภัย...ที่รายล้อมทุกขณะจิต<O</O
<O</O

..... ครั้งยังมีชีวิตอยู่ มีกี่คนหนอ?

ที่ตาย หรือละจากโลกนี้ ด้วยวัยที่สมควรตามอายุขัยสังขารอย่างคนที่พร้อมจะตายอย่างองอาจ ...เตรียมความพร้อมก่อนตายอย่างมั่นใจ

ตายอย่างผู้ละวางจากความห่วงหาในบุตรลูกหลาน คนรัก สมบัติทรัพย์สิน ให้เป็นผู้มีสติอิ่มเอิบในการเตรียมกุศลผลุบุญหรือประเสริฐกว่านั้น ได้ยกจิต ฝึกจิตที่เบื่อหน่าย ในภัยวัฏฏะสงสาร การเวียนว่าย ตาย เกิด

<O</O
เห็นหลายคนยังคงประมาทในชีวิต ยังคงสนุกสนาน หลงหาเงินเก็บทอง จนโลภ คดโกงได้ทุกรูปแบบที่ได้มา จนลืมคุณค่าความดีของมนุษย์ ลืมช่วยเหลือผู้อื่นที่ตกทุกข์แม้กระทั่งญาติพี่น้องตนเอง ถึงตนจะร่ำรวยสบายแล้ว ทอดทิ้งพ่อแม่ ลืมคุณครูบาอาจารย์

<O</O
.......ตั้งแต่ยังเพิ่งเกิด ตนเองก็มีเสมียนราชการช่วยกรอกการนับถือศาสนาลงในใบทะเบียนบ้านให้แล้ว
ตนเองหรือก็แทบไม่เคยสร้างบุญ ทานรักษา ศีล บำเพ็ญจิต เป็นชาวพุทธ บางคนไม่เคยแม้แต่ใส่บาตรพระสงฆ์
เพื่อจรรโลงศาสนาเลยตลอดทั้งชีวิต

<O</O
...เห็นซองบุญผ้าป่า กฐินเหมือนเห็นยาพิษ ยาเบื่อ หลบลี้หนีแกล้งลืมใส่พอผ่านไป

...ทำบุญใครไม่เห็น ไม่ได้หน้า ... ข้าก็ไม่ทำ

...บทสวดมนต์ สรรเสริญ ให้รำลึกคุณความความดีของพระศาสดาเจ้า ไม่เคยหยิบมาอ่าน มาท่องกล่าวศึกษา<O</O
แม้บทสวด นะโม สั้นๆ ยังท่องผิดๆ

<O</O
...เห็นคนถือศีล บำเพ็ญจิต เป็นเรื่องของคนแก่ วัยชรา ที่ทำแค่แก้เหงา มองเห็นเป็นเรื่อง ขบขัน ล้อเลียน สนุกสนาน ในวงสนทนา วงเหล้า

...ใครพูดถึงเรื่องความตาย ถูกด่าว่า ปากเสียไม่เป็นมงคล..ทั้งทีความตาย มีรอคอยอยู่ทุกหายใจเข้าออก มันสนิท สนมกับมนุษย์ทุกคน

<O</O
..เห็นพระสงฆ์มีข่าว...ไม่ดี ไม่ต้องหาเหตุผลวิเคราะห์...บอกว่า ..”นี่แหละคือเหตุผลที่กู ถึงไม่อยากทำบุญกับพระกับเจ้า”

...เกิดไม่เคยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาจิตวิญญาณ นอกจากดูหนังผี วิญญาณๆให้ตื่นเต้นเล่นเท่านั้น หรือเกิดมาทำตน เหมือนคนในยุคมืดบอดแห่งศาสนา

.....ที่สุดก็ไม่เชื่อ แม้กฎแห่งกรรม ว่าตนกระทำดี กระทำชั่ว ว่าย่อมให้ผลข้ามภพชาติ....ศาสนามีไว้เพียงเพื่อหลอกให้คนในสังคมมนุษย์อยู่กันอย่างสงบเท่านั้น.

....สุดท้าย เชื่อเพียงว่า ถ้ากฎหมายบ้านเมือง เอาผิดลงโทษไม่ได้ นั้นแหละที่เรียกกันว่า คนดี...คนเก่ง

หลายคนทำตนเป็นคนไม่มีศาสนาซะด้วยซ้ำ


<O</O
.....เมื่อละสังขาร ก็ร้องไห้คร่ำ ครวญว่าฉันจะอยู่อย่างไร? ....ฉันจะอยู่กับใคร?.... ทำไมมาทิ้งฉันไป?

<O</O
....วงจรชีวิตเช่นนี้นับว่า น่าสงสารนัก...เมื่อไรหนอ จึงจะสิ้นสุดเสียที...?
.....มีใครที่เคยคิดแบบนี้บ้างมั๊ย?
....ลองยกมือตอบคำถามนี้ ให้กับตัวเองหน่อยเถอะ!!

 

เอาเถอะคุณ ทอแสง ! ผมเองก็ขี้เกียจ ไม่อยากจะมาเสียอารมณ์ เสียความรู้สึกกับคุณ อะไรมากมายนักหรอกนะ...

ผมเบื่อหวะ...อยากจะโชว์ลีลาทักษะอะไร ก็ตามใจเถอะ!

ยังไงๆซะ ก็ขอขอบใจแล้วกัน..ที่ยังสนใจติดตามงานเล่าเรื่องราวของผม..