เราทั้งหลายล้วนมีกรรมตกเป็นทาสของโลก เมื่อได้รับการไถ่แล้ว จึงมีอิสรภาพ

ในคริสตรศาสนา มีคำว่า "การไถ่"
การไถ่ตัว ก็คือ การเอาตัวคนออก
มาจากพันธนาการแห่งการเป็นทาส
ของโลก ของสิ่งที่ครอบงำซึ่งอยู่บน
โลก เช่น ต้องทำงานทั้งวัน พอวัน
อาทิตย์หยุดวันเดียว หมดแรง ต้อง
พักอยู่กับบ้าน สรุป ทั้งชีวิตหมดไป
กับการงาน ไม่มีเวลาไปรับธรรมจาก
ศาสนาใดๆ เลย ห่างเหินจากสิ่งศักดิสิทธิ์
อันนี้ คือ "ธรรมดาของคน" ที่จะตกกรรม
เป็นทาสของโลกก่อนได้รับการไถ่ให้เป็น
อิสระ เมื่ออิสระแล้ว อาจได้รับ "กิจ" มา
จากเบื้องบนต่อไป

 

ก่อนจะรับกิจได้นั้น จะต้องผ่านการฝึกฝนและทดสอบก่อน


ช่วงเวลานี้ จะเริ่มมีความสามารถพิเศษบางอย่าง บางคนเรียกว่า
"พันธกร" ซึ่งอุปมาเหมือนมือของเรา เป็นมือที่พิเศษใช้ทำกิจที่
ได้รับจากเบื้องบนนั่นเอง เลยใช้คำว่า "พันธกร" ซึ่งจะมาพร้อม
ภาระกิจ (กิจอันเป็นภาระ) จึงเรียกว่า "พันธะ" ซึ่งมาจากสัญญา
ด้วยเช่นกัน คือ พันธสัญญา ที่เราได้ทำไว้ แต่เมื่อครั้งไหนก็ตาม
เช่น ในอดีตชาติ นาย ก. รบกู้ชาติแล้วสาปแช่งเอาไว้ให้ล่มจมก็
จะกลายเป็น "พันธสัญญา" ของ นาย ก. เอง ที่ต้องมากระทำให้
จบกิจที่ตนได้ทำกรรมไว้ คำว่า "พันธสัญญา" เป็นคำกว้าง อาจ
จะสัญญากับตนเองหรือใคร หรือกับพระเจ้าก็ได้ หรือเพียงแค่พูด
ป่าวประกาศด้วยจิตแรงกล้า (จิตที่แรงกล้าจนถึงระดับอธิษฐาน)
ก็จะกลายเป็น "พันธสัญญา" ไป สุดท้าย ก็ต้องมารับกิจตามที่ได้
กระทำพันธสัญญาเอาไว้นั้น ซึ่งแต่ละคนจะมีบทบาทแตกต่างกันไป

 

กรรม ไถ่ไม่ได้ครับ ไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม กรรมคือสิ่งที่เกิดตามความเป็นจริง ต่อให้พระเจ้าไหนก็ไถ่ไม่ได้ ตัวพระเจ้าก็ก็มีกรรม ทำการช่วยอะไรใครไม่ได้หรอกครับ จำไว้....

 

อีกอย่าง กรรม คือ คำสอนในพระพุทธศาสนา อย่ามามั่วเอาไปปนและใช้กับศาสนางมงายแบบคริสต์ครับ ขออภัยที่ใช้คำรุนแรงไปบ้าง แต่เป็นความจริง พระพุทธศาสนามาก่อนตั้ง 543 ปี แถมผู้ที่บรรลุแล้วในพระพุทธศาสนาก็คือ ผู้ไม่มีบาปไม่มีกรรม เป็นอิสระที่แท้จริงมากกว่าของคริสต์อีก จำไว้

 

ไม่จำเป็นต้องจำหรอก


...

 

ธรรมชาติของจิตที่จะมาเกิดในช่วงพระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์อยู่
นั้น "ชำระกรรมมามากพอแล้ว" ช่วงนั้น พุทธบริษัทสี่ของท่าน จึงไม่
มีกรรม ที่จะ "ถูกพันธนาการด้วยการงาน" อย่างเราทุกวันนี้ แต่อย่าได้
ยึดเอา "วิบากกรรมในยุคนั้นว่าต้องเหมือนยุคนี้"


คนยุคนี้มีกรรมมาก หลังกึ่งกลางพุทธกาลแล้ว โปรดไม่ง่าย ใช่ว่าจะมี
คนปฏิบัติธรรมรอรับธรรมอยู่ แล้วพระพุทธเจ้าจะไปโปรดได้ สัตว์มีกรรม
มาก ดังนั้น พระโพธิสัตว์ จึงลงมาช่วยแก้ไขและ "ปูพื้นความพร้อม" ก่อน
ที่ปวงสัตว์จะพร้อมรับธรรมจากพระพุทธเจ้า


ดังนั้น การไถ่ จึงต้องมี เพื่อเตรียมความพร้อมนั้นให้แก่ปวงสัตว์

 

งั้นก็เชิญงมงายไปคนเดียว

 

ถูกของคุณหนึ่งจิตครับ กรรม เป็นสากล แต่ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้ผิด ๆ แบบไม่ถูกต้อง

 

คนสมัยพระพุทธเจ้า บางคนไม่ได้ทำงานอะไร
ปฏิบัติธรรม รอพระพุทธเจ้า ได้เลย ไม่มีปัญหา


ดูทุกวันนี้สิ เหมือนกันหรือ? เราเดินไปบอกบุญ
ดูสิ บางคนยังส่ายหัว บอก "ไม่ว่างๆ" บ้างไม่
พูดตอบสักคำยังมี


กรรมของสัตว์ยุคนี้มีมาก พระโพธิสัตว์ต้องช่วย
ปรับพื้นฐานก่อน เตรียมความพร้อมก่อน จึงจะ
พร้อมรับธรรมได้ ถ้าไม่มีกระบวนการนี้ เขาก็ไม่
อาจมารับธรรมได้ จะพูดแต่ "ไม่ว่างๆ" เท่านั้น

 

ศาสนาทุกศาสนา แท้แล้วเอื้อกันทั้งสิ้น
เพียงแต่คนที่ยึดศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
ย่อมไม่เห็น "ภาพรวม ภาพกว้าง" ตรงนี้
ก็จะพากันยึด "ตัวกู-ของกู" ศาสนากูตีกะ
ศาสนามึง ด้วย "อัตตา" นั้น ไม่จบสิ้นเท่านั้น

 

มันเป็นธรรมดาของคนที่มีจิตที่มีธรรมต่างกันไป การเข้าใจธรรมของคนไม่เท่ากัน เนื่องจากการสะสมมาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ในโลกปัจจุบันมีแต่สิ่งยั่วยุ ทั้งการแข่งขันที่ถูกคนบางพวกบอกว่าดี...จะดีจริงรึ...ดังนั้นสมควรที่จะมาสนทนาธรรมที่ถูกต้องแก่กันและกัน อย่าไปในทางที่ผิด...

 

จะกล่าวว่าของ "กู" ดีว่ะ แล้วผิดนะ มันไม่ถูกสักทีเดียว บางครั้ง การยึดติดก็ไม่ช่วยอะไร การไม่ยึดอะไรเลยก็ไม่ดีสักทีเดียว ผมว่านายนะมาสนทนาธรรมกับผมและคุณหนึ่งจิตจะดีกว่า มาในหนทางที่ถูกที่ควร

 

อะไรถูก-ผิด เรารู้แน่จริงแล้วหรือ?
ยังไม่ต้องถึงขั้นไม่ยึดรู้หรอก
เอาแค่พื้นฐานนี้ก่อน

 

พื้นฐานก็ต้องรู้ในทางที่ถูกที่ควร และในทางที่เอื้อแก่การพัฒนาขึ้นไปในทางที่ถูกที่ควรด้วย

 

ตกเป็นทาสความติงต๊องซะมากกว่า
เลยต้องมาลำบากลำบนดิ้นรนไม่จบสิ้นแบบนี้

5555555555

ฮิ๊วววว

(||)(||)(||)(||)(||)

 

เกรงว่าจะยังไม่รู้จริงน่ะสิ

 

คนเราไม่จำเป็นต้องรู้หมด รู้แจ้งไปหมดก็ได้
เรารู้นิดหน่อย รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ตักเตือนกันก็ได้
แต่ "คนตักเตือน" ก็ต้อง "ใจกว้าง" เรียนรู้กัน
ไปพร้อมกันด้วย เพราะเป็นการตักเตือนทั้งที่ยัง
ไม่ได้ตรัสรู้นะสิ

 

ก็เพราะความติงต๊อง ไม่เต็มบาท บวกกับจิตใจชั่วๆ จ้องแต่จะลามปามศาสนาอื่น
ตีความไปไว้ใต้ตีนศาสนามัน กับพระเจ้าของมันอย่างเดียว
สะเออะทำเป็นรอบรู้มาสอนชาวบ้าน
ทั้งๆที่มีแต่ข้อมูลมั่วนิ่ม เลอะเทอะ เพ้อเจ้อ นั่งนึกเดาเอาเองแบบนี้สิ

มันถึงต้องรับกรรม กับความบ้าตัวเองไม่ได้หยุดหย่อน

อยากจะเผยแพร่ศาสนา ก็เอาลิงค์ศาสนามันที่มีอยู่เยอะแยะ คำสอนมีเป็นกระบุง
ให้คนเข้าไปศึกษาเองก็จบ

ของมันดีจริง คนจะเข้าไปหาเอง ไม่ต้องมาอาศัยเว็บศาสนาอื่นมาทำเนียนแอบอ้างแบบนี้

กาก จริงๆ

555555

(||)(||)(||)(||)

 

การที่คนๆ หนึ่งไปอ่านอะไรมา
แล้วเขาเข้าใจของเขาเองอย่างนี้ๆ
จึงเอามาโพสในความเข้าใจของเขา


เป็นการ "แอบอ้างศาสนา" ไหม?


กับอีกคนหนึ่ง เวลาจะพูดอะไร ก็อ้างว่ามาจากศาสนา
นี้ เราเป็นชาวคริสตร์นะ ฉันเป็นคริสเตียนนะ ธรรมะของฉัน
คนอื่นห้ามเอาไปนะ อย่างไหนที่เรียกว่าแอบอ้าง


ในเมื่อพระเจ้าโปรดทุกคนเท่ากัน มีหรือพระเจ้าลำเอียง
โปรดแต่คนที่ชื่อว่าชาวคริสตร์?

 

สิ่งที่เขียนคือ "ความเข้าใจของผมเอง" เกิดจากไปอ่านในเว็บมา
ถ้าคุณคิดว่าเป็นการแอบอ้าง ขโมยธรรมะของคุณไป


ผมเอาไปทำอะไร? เอาไปตั้งศาสนาใหม่หรือ? เอาไปบอกว่านี่ของฉันหรือ?