มาดูสมเด็จกัน

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย wasabi san, 25 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Kawinpun

    Kawinpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,154
    ค่าพลัง:
    +991
    ได้รับคำตอบจากพี่วาซาบิ คงสบายใจมากขึ้นนะครับ สรุปว่าเป็นพิมพ์ที่ไม่ใช่นิยม แต่มวลสารครบ ถ้าอยากมั่นใจกว่านี้ลองส่งเซอร์หรือประกวดดูเลยครับ

    องค์นี้ส่วนตัวแล้วผมก็ยังมีอะไรติดใจอยู่ดี ... ยังไงก็แล้วแต่จะเซฟภาพไว้ศึกษาต่อไป :) ถ้าถามเหตุผลในส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นการยุบตัวของมวลสารบางอย่าง และไม่พบมวลสารบางอย่าง ในองค์นี้ ประกอบกับรอยตะไบที่ฝนทั้ง 4 ขอบ รอยตะไบนี้ถ้าเพื่อการเข้ากรอบพระ น่าจะเกิดหลังจากล้างรักออกแล้วพื่อเข้ากรอบห้อยบูชา แต่ผิวพระที่เห็นนี้ ไม่น่าใช่
     
  2. พระธนนท์ ธฺมมสาโร

    พระธนนท์ ธฺมมสาโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    2,277
    ค่าพลัง:
    +16,167
    รบกวนพี่่ๆๆ ดูองค์นี้ให้หน่อยนะครับ ชำรุดนะครับ หักครับ มีเนื้อในมาให้ดูด้วยครับ แท้หรือเปล่า

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_8521.JPG
      SAM_8521.JPG
      ขนาดไฟล์:
      175.2 KB
      เปิดดู:
      4,434
    • SAM_8525.JPG
      SAM_8525.JPG
      ขนาดไฟล์:
      173.1 KB
      เปิดดู:
      3,737
    • SAM_8524.JPG
      SAM_8524.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.4 KB
      เปิดดู:
      3,490
    • SAM_8523.JPG
      SAM_8523.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.3 KB
      เปิดดู:
      3,483
    • SAM_8531.JPG
      SAM_8531.JPG
      ขนาดไฟล์:
      94.3 KB
      เปิดดู:
      3,441
    • SAM_8535.JPG
      SAM_8535.JPG
      ขนาดไฟล์:
      107.5 KB
      เปิดดู:
      3,717
    • SAM_8539.JPG
      SAM_8539.JPG
      ขนาดไฟล์:
      134.4 KB
      เปิดดู:
      3,738
  3. nmonthon

    nmonthon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +45
    จากที่ช่วงนี้ผมได้ศึกษามาเยอะ ผ่านตาหลายองค์ ผมมองว่าองค์นี้ดีครับ.. ส่วนพิมพ์ไม่แม่นครับ

    ปล..ความคิดเห็นส่วนตัวครับ ต้องลองฟังพี่ๆ ท่านอื่นครับ
     
  4. nmonthon

    nmonthon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +45
    ณ เวลา ตี 01.19 น. ผมลองเอาสมเด็จองค์ของผมมาลองส่องดู เพื่อจะหาเม็ดทรายทอง ทรายเงิน พบจริงๆ ด้วยครับ ด้านหน้าที่ออกสีทองระยิบระยับผมเห็น 2 เม็ดบริเวณเส้นซุ้มด้านบน 1 ที่ และตรงรอยปริฐานชั้นบนสุดอีก 1 ที่ แล้วมีออกสีเงิน 2-3 เม็ด แต่ที่น่าตกใจคือผมพบเม็ดที่ออกเป็นสีเขียว เขียวแบบมรกต สะท้อนแสงเห็นชัดเจนมาก บริเวณหัวไหล่ขวาพระ ไม่แน่ใจว่าคืออะไร

    แต่ที่น่าตกใจกว่าพอส่องด้านหลัง บริเวณเกือบจะกลางๆ ผมเห็นแสงระยิบระยับทั้งสีทอง สีเงิน สีเขียว สีออกแดงๆชมพู อยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ประมาณเกือบ 10 เม็ดอยู่ใกล้กัน สวยงามมาก อยากถ่ายรูปให้ได้ชมมากครับ แต่แปลกเวลาที่ถ่ายรูปออกมาไม่เห็น

    ไม่แน่ใจว่าที่ผมเจอจะใช่ทรายเงิน ทรายทอง และเป็นหยกอะไรสักอย่างมั้ยครับ ถ้าส่องเจอลักษณะนี้<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. ทรงกลด999

    ทรงกลด999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,284
    ค่าพลัง:
    +1,510
    ดีใจมากที่ท่าน Wasabi กลับมาครับ
     
  6. ทรงกลด999

    ทรงกลด999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,284
    ค่าพลัง:
    +1,510
    ขอขอบพระคุณข้อมูล
    จากหนังสือ ตำรับพรหมรังสี โดยกรมท่า สำนักงานนิตยาสารอุณมิลิต

    การพิจารณา(พระสมเด็จ)ทางพิมพ์
    พิมพ์พระนั้นถือเป็นข้อยุติค่อนข้างลำบาก ทั้งนี้เพราะพิมพ์ต้นแบบที่เป็นไม้มะเกลือหรือหินก็ตามทีเมื่อกาลเวลาผ่านมาร้อยปีแล้วนั้น ย่อมชำรุดเสียหายไปสิ้นไม่อาจหามาสร้างได้อีก การปลอมพระจึงเริ่มขึ้นด้วยกรรมวิธีหลักสามอย่างด้วยกันคือ
    ๑.กดด้วยพิมพ์องค์พระแท้ๆที่ลึกๆแล้วถอดพิมพ์ออกมา
    ๒.แกะแม่พิมพ์ใหม่เลียนแบบของเดิม
    ๓.เอาเนื้อพระตระกูลสมเด็จที่จัดๆเช่นของหลวงปู่ปั้นพิมพ์ทรงกรวย พระสมเด็จ พระสมเด็จวัดสุทัศน์พิมพ์เจดีย์องค์หนาๆหรือแม้แต่หลวงปู่อ้น หรือพระหลวงปู่ภูมาแกะเป็นพระสมเด็จ
    การถอดพิมพ์ มีข้อเสียก็คือพิมพ์ที่ได้ออกมาจะมีความตื้นกว่าพิมพ์จริงและมีความหดเล็กน้อย
    เมื่อนำมาถอดออกมาเป็นแม่พิมพ์แล้วกดแม่พิมพ์ใหม่พิมพ์จะตื้นและหดฝ่อลงไป กรรมวิธีนี้เป็นกรรมวิธีการปลอมพระรุ่นครูปู่ ซึ่งพระสมเด็จปลอมยุคนั้นจะหดฝ่อและเล็กแม้แต่ของลุงจำรัส(ถึงแก่กรรมไปแล้ว)ที่ว่าถอดพิมพ์แน่ๆก็ยังหด แต่พูดถึงเนื้อแล้วมีความแห้งอยู่มากเพราะการปลอมมีนับถึงปัจจุบันได้๕๐กว่าปีแล้ว
    นักปลอมพระรุ่นต่อมาได้พัฒนาใช้พาราฟินในการถอดพิมพ์ไขพาราฟินนี้ เมื่อถูกความร้อนจะอ่อนนุ่ม แล้วเอาพระจริงๆกดลงไปพิมพ์จะพอดีกับองค์พระก็เกิดปัญหาอีก เพราะถ้าเอาไปพิมพ์ออกมาเป็นองค์พระ พระที่ได้ออกมาก็จะหดและเล็กไปอีก จึงนำไปผ่านกระบวนการทางเคมีให้พิมพ์ที่ได้บวมและขยายออกใหญ่กว่าของจริงเล็กน้อย ในปัจจุบันได้มียางถอดพิมพ์ที่มีคุณภาพดี สามารถถอดพิมพ์ได้เกือบมากกว่า๙๐เปอร์เซ็นต์ หากผู้ถอดมีฝีมือและผสมยางถอดพิมพ์ได้สัดส่วนเมื่อพิมพ์ได้แล้วปัญหาพิจารณาที่แท้จริงจึงเป็นเนื้อหาของพระนั่นเอง
    การพิจารณาบางประการในพระสมเด็จสำหรับผู้สนใจ(เบื้องต้น) พระพิมพ์ใช่ เนื้อใช่ อายุใช่ แต่ไม่ใช่ อาจพบในการวิเคราะห์ทางจิต
    หากจะสร้างพระพิมพ์สมเด็จขึ้นมาให้ถูกต้องทั้งทรงพิมพ์นิยม มวลสารเนื้ออายุของพระพิมพ์ที่นักเขียนบางท่านกล่าวว่าของจริงกับของปลอมจะไม่เหมือนกันมันก็พิจารณาง่ายมากๆ สำหรับฝีมือระดับอนุบาลแหละครับ พอมาถึงฝีมือระดับพระกาฬดูชักจะซึมๆกันไปเพพาระโดนแล้วร้องไม่ออก เป็นทำนอง๕๐-๕๐และมีการพลาดพลั้งอยู่ ส่วนหนึ่งเพราะตนเองไม่มีคุณสมบัติในการตรวจสอบทางปรจิตเป็นเครื่องประกอบพิจารณาการตัดสินชี้ขาดลงไป พอมาถึงระดับเหนือโลกีย์คือ เหมือนแท้ทั้งพิมพ์ทั้งเนื้อจะดูไม่ออกเด็ดขาด เจอมามากพอสมควรที่ว่าเนื้อใช่ทรงพิมพ์ใช่ แต่ไม่ได้บวชครับ(หมายความว่าอธิฐานจิต) พระใหม่ๆที่ออกขายตามศูนย์ที่มีดาษดื่นมีพิธีดีอย่างงั้นยังงี้ แต่ขายไม่หมดซักทีก็เข้าข่ายอาจเป็นไปได้ที่พระเข้าพิธีขายหมดหรือยังทำไม่ครบจำนวนแต่นำบางส่วนเข้าพิธีก่อนพอของเดินก็เสริมจากโรงงานเดิม ซึ่งยังสดอยู่รายการนี้ดูยังไงก็แท้ เรื่องพระสมเด็จก็เช่นกันแม้พระเข้าพิธีจะมีมาก แต่ของที่ไม่เข้าพิธีก็มี การตรวจสอบก็ทำได้ยากเพราะต้องหาผู้ที่เชื่อถือได้จริงๆ พระบางองค์ไม่มีอิทธิคุณเลยก็หลงใช้กันอยู่ และส่วนของจริง ถูกปฎิเสธผลักทิ้งไปก็มากทั้งนี้เนื่องจากของแท้บางประการมีอยู่มากขายไม่ได้ราคานั่นเอง การพิจารณาพระสมเด็จนอกเหนือจากที่วงการนิยมควรพิจารณาไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องเล่นดนตรีตามโน้ตคือเล่นตามแบบที่ท่องจำว่าผิดจากนี้ไม่ใช่พระเนื้อผงอะไรจะปรากฏร่องรอยได้มากขนาดนั้น ขนาดเหรียญจากโรงงานกษาปณ์เองก็เหอะยังมีบางจุดที่ผิดกันบ้างเลย การดูพระให้เป็นคือต้องรู้ธรรมชาติที่แท้จริง แบบแผนมีพอยึดแต่ไม่ถึงตายตัว เอาความจริงเข้าว่าดีกว่า แบบนักดนตรีไทยก็สามารถเล่นเป็นเพลงได้ แบบเพลงไทยเดิมในสมัยโบราณ แบบต่อเพลงไม่มีโน้ต หากคิดจะดูพระสมเด็จเป็นดีที่สุดคือ ดูให้ครบถ้วนทุกคุณลักษณะ คือเนื้อหา พิมพ์ทรง(ดูว่าเป็นพิมพ์ที่แกะจากในยุคนั้นหรือพลังด้วยจะดีมากซึ่งไม่ใช่จะให้ไปนั่งเพ้อแบบสร้างวิมานขายฝันนะ ในปัจจุบันนี้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกตำหนิว่าเพ้อฝันแต่ประการใดเพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นคว้าเรื่องพลังงานทางจิตก้าวหน้าไปมาก จนสามารถทำเครื่องมือตรวจวัดได้ถึงขั้นถ่ายภาพออกมาให้เห็นได้ที่เรียกว่าภาพเกอร์เลี่ยน พลังงานที่ห่อหุ้มองค์พระนี้เรียกว่าAura ซึ่งจะขยายความในบทความท้ายหนังสือฉบับนี้ถือว่าประกอบความรู้เพิ่มเติม
    เรื่องการพิจารณาทางจิตนี้ โบราณก็เคยได้ยินว่าอย่างท่าน พระอาจารย์ขวัญ(วิสิฎโฐ) วัดระฆังโฆสิตารามผู้เป็นศิษย์ของเจ้าคุณธรรมถาวรศิษย์ใกล้ชิดเจ้าประคุณสมเด็จ ได้กล่าวถึงเรื่องการพิจารณาพระสมเด็จตอนหนึ่งว่า เมื่อหยิบพระมาพินิจด้วยอาการสำรวมจิตจะเกิดญาณหยั่งรู้ว่าเป็นพระสมเด็จแท้ และท่านพระครูธรรมราช ฐานานุกรมในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร ณ.อยุธยา) เป็นนักสะสมพระเครื่องรางของขลังชนิดต่างๆผู้หนึ่ง โดยเฉพาะมีความชำนาญในการดูพระสมเด็จว่ากันว่า ไม่ต้องหยิบพระมาพิจารณา เพียงมองดูห่างๆก็สามารถบอกได้ถูกต้องว่าเป็นพระสมเด็จแท้หรือมิใช่เรื่องเช่นนี้เป็นไปได้๒นัยคือ
    *ญาณวิเศษ
    *การรู้ตามธรรมชาติ เห็นสิ่งนั้นที่เจนตาเรียกว่าชำนาญในการพิจารณา
    มีการวิเคราะห์ไปตามความเห็นของคนส่วนมากที่ยึดถือผู้นำในวงการพระเครื่องท่านใดท่านหนึ่งเป็นมาตรฐาน โดยที่ท่านผู้นั้นมักจะเป็นนักเขียนที่มีสำนวนน่าฟังให้เหตุผลโดยที่ในชีวิตไม่เคยคลุกคลีกับการใช้ยางรัก ไม่เคยสร้างพระ ไม่เคยลบผงวิเศษ ไม่เคยเป็นพิธีกรในการพุทธาภิเษกพระ และอะไรที่เกี่ยวกับการสร้างพระก็มักใช้ความคิดของตนเองเป็นเครื่องตัดสิน(เพราะไม่เคยไปลองทำดู)แต่มีภาษีกว่าชนชาวพระเครื่องอื่นๆอยู่บ้างเพราะอยู่ในสื่อมวลชนจึงเกิดการคล้อยตามโดยไม่หันมาพิจารณาในคัมภีร์กาลามสูตรข้อหนึ่ง ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้แน่ชัดว่า
    “อย่าเชื่อโดยการบอกเล่า อย่าเชื่อว่ามีอยู่ในตำราอาจมีการผิดพลาดได้”
    ซึ่งว่าเขาเหล่านั้นมีเพียงสัญญาเท่านั้น (สัญญาในที่นี้เป็นศัพท์ทางธัมมะหมายถึงการหมายรู้ ดูจำมิใช่ข้อตกลงตามภาษากฎหมาย) พบบทความเรื่องพระสมเด็จในนิตยาสารเล่มหนึ่งนานมาแล้วผู้เขียนคงเป็นมือเก่ากำหนดระดับชั้นของเซียนพระ เล่าว่ามีพระสมเด็จองค์หนึ่งใครๆดูก็ว่าเป็นของแท้นำไปพิจารณาทางนามหรือทางใน๑๐อาจารย์ก็ว่าแท้แต่พอวันดีคืนดีพระว่าแท้ ตกหักจึงทราบว่าเป็นของเก๊ แล้วก็ไม่ได้เขียนวิเคราะห์ต่อไปว่าอะไรเป็นอะไรเป็นอะไร คนอ่านก็งงไม่ทราบจะยึดหลักอะไรตกลงอาศัยแว่นขยายเป็นปัจจัยพิจารณาความศักดิ์สิทธิ์ของพระกระมัง บางรายสงสัยว่าการพิจารณาทางนาม(พลังจิต)อาจเป็นสิ่งเหลวไหล ไม่ทราบว่าจะเขียนไปทำไมเพราะถ้าไม่เชื่อแล้วจะหาพระเครื่องมาห้อยคอทำพระแสงด้ามอะไร?
    ข้อพิจารณาตัดขอบพระสมเด็จ
    การตัดกรอบหรือขอบพระสมเด็จกล่าวกันมาว่า มักใช้ตัดด้วยไม้ไผ่ที่เหลาคมแทนมีดคล้ายจะเป็นเคล็ดเกี่ยวกับอาถรรพณ์เวทย์และกล่าวว่ารอยที่ถูกตัดนั้นมักจะมีวัสดุสีดำแกมเทาฝังอยู่อันเกิดจากไคลเสาตลุงช้างเผือกหรือไคลประตูวัง ซึ่งมวลสารเหล่านี้หากคุลีการเข้ากับเนื้อพระแล้วจะไม่ปรากฏในส่วนของขอบข้างจะต้องปรากฏอยู่ทั่ว ที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นการทาด้วยขี้ผึ้งดำและทิ้งไว้นานปีจนจับเนื้อพระและแห้งตัวประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งคนสมัยก่อนชอบนำพระมาลูบตามใบหน้าเพื่อจะเกิดความมันแลดูสวย ได้เคยพบใช้ขี้ผึ้งดำทาพระสมเด็จเก็บไว้นานปีต้องนำมาล้างแทบแย่ก็เคยมีให้พบเห็น แต่เมื่อมาพบพระสมเด็จที่ไม่ผ่านการใช้คราบดำตามขอบจะไม่เกิดขึ้นเมื่อไปตั้งทฤษฎีเลื่อนลอยเข้าเช่นนี้ความสงสัยในการพิจารณาพระสมเด็จจะเกิดประสบความยุ่งยากขึ้นด้วย ไปยึดติดความรู้ความรู้ที่ไม่มีพื้นฐานข้อเท็จจริงรองรับและพระสมเด็จที่ถูกฝนขอบเพื่อสะดวกในการเข้าตลับของบุคคลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เคยพบ แต่เมื่อใช้แว่นขยายส่องูจะปรากฏเห็นมวลสารได้ชัดเจนในบางพิมพ์ สำหรับท่านผู้อ่านซึ่งไม่เคยสร้างพระพิมพ์อาจมองไม่เห็นภาพพจน์ที่ชัดแจ้งก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไร และก็ไม่เป็นการตายตัวที่ว่าพระพิมพ์สมเด็จที่มีการตัดขอบก็มีอยู่ให้พิจารณาเอกลักษณ์อื่นเป็นส่วนประกอบอย่าไปคิดว่าหากพระสมเด็จองค์ใดไม่มีการตัดขอบข้างและไม่มีวัสดุดำแกมเทาปรากฏด้านข้างจะเก๊ไปหมด แยกวัดแยกสกุลออกให้หมดซึ่งอาจต้องใช้ความชำนาญและเห็นมามากหนังสือฉบับนี้ไม่ได้สอนให้ดูพระแต่เสนอแง่คิดที่อาจสวนกระแสความเชื่อที่มีอยู่ โดยให้หันมาดูข้อเท็จจริงกันบ้างเท่านั้น เพื่อมิให้ด่วนปฏิเสธมรดกที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จได้สร้างไว้ให้อนุชนรุ่นหลัง
    ไม่นานมานี้เกิดมีผู้ไม่เคยสร้างพระพิมพ์ตั้งทฤษฎีขึ้นว่าพระพิมพ์สมเด็จมีการตัดขอบจากด้านหลังขึ้นสู่ด้านบน(หน้า)เช่นนี้ก็มีคนเชื่อและยกย่องให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงกล่าวคือมวลสารของพระสมเด็จเมื่อโขลกจนได้ที่เป็นชั่วโมง จะจับตัวเป็นมาตรฐานลำบากถ้าเกิดความเปียกสูงเนื้อพระจะมีการหดตัวเมื่อถูกตากแห้งแล้ว ถ้ามวลสารนั้นได้สัดส่วนไม่เปียกและแห้งเกินไปเนื้อพระจะตึง หากนำมวลสารที่ผสมบดแล้วออกจากครกมีจำนวนมากเกินไป ก็จะโดนลมและเริ่มแข็งตัวซึ่ง ขืนชักช้าจะพิมพ์ไม่ทันเนื้อผงมวลสารประกอบด้วยผงปูนเป็นตัวเชื่อมหลักจะแห้งแล้วจะเกิดการแยกตัวแต่ไม่ใช่การแตกลายงาตามธรรมชาติ ดังจะเห็นจากพระชนิดอื่นซึ่งใช้กรรมวิธีแบบโบราณก็มีลักษณะเช่นกัน ทีนี้พระสมเด็จที่จะเกิดขอบนูนขึ้นมาน่าจะเป็นเทคนิคของผู้ตัดพิมพ์ท่านใดท่านหนึ่งไม่ใช่ฝีมือเจ้าประคุณสมเด็จแน่ เพราะท่านไม่ได้สร้างพระเพียงองค์เดียว มีผู้ร่วมสร้างไม่น้อยกว่า๑๔คณะตามที่กล่าวมานั้นในการตัดพิมพ์เป็นแน่นอนที่สุด คือต้องมีการผสมค่อนข้างเปียก เมื่อนำออกจากพิมพ์แล้วต้องรอไว้ชั่วระยะหนึ่ง ขืนรีบตัดพิมพ์พระที่เนื้อเปียกนั้นเป็นต้องเละแน่ อันนี้เป็นเทคนิคส่วนหนึ่งที่จะแนะนำเนื่องจากคนวิเคราะห์ตรงนี้ได้ต้องเป็นพระที่ไม่ใช่การซื้อขาย แต่หมายถึงต้องลองทำตามดูว่าที่เขาว่ากันนั้น มันจริงหรือไม่? ไม่ใช่นั่งเขียนตามๆกันไปซึ่งก็มีไม่มากที่พบว่าที่เขียนนั้นมันขัดกับหลักข้อเท็จจริงคือ การตัดปาดเฉียงลงประมาณ๑๕-๒๐ องศา แล้วปาดขึ้นแต่งเป็นขอบนูนเหนือกรอบกระจกตามเส้นกำหนดขอบในพิมพ์พระ จะแลดูคล้ายการตัดจากส่วนล่างขึ้นสู่ส่วนบน ตามธรรมดาพระพิมพ์ต้องวางลงบนพื้นราบหากหยิบขึ้นตัดขอบพระจะหักทุกองค์(เนื้อยังเปียกอยู่) ครั้นไม่หยิบยกขึ้นตัดขอบก็ต้องแทงทะลุพื้นกระดานที่หนาหรือพื้นกระจกขึ้นมาจะไม่เกินไปหรือ? และถ้าพบพระสมเด็จองค์ใดไม่มีลักษณะเช่นที่ว่าจะตีความอย่างไร? อันนี้ย่อมเป็นส่วนเฉพาะของคนตัดพิมพ์คนใดคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าความนึกคิดเพี้ยนกันออกไปอีก การพิจารณาพระสมเด็จแทนที่จะรวบรัดดูกลับเกิดปัญหาไม่รู้จบสิ้นอย่างแน่นอน เพราะไม่มองข้อเท็จจริงว่าทำได้หรือไม่ไม่ได้
    การตัดขอบพระสมเด็จโดยการคว่ำหน้าพระนั้นใครจะเชื่อต่อไปก็ไม่ขัดใจแต่โดยธรรมชาติ การตัดต้องใช้แรงกดเอาคว่ำหน้าลงเนื้อพระยังเปียกก็เละตุ้มเปะเท่านั้นเอง ในการพิจารณาพระสมเด็จนั้น ยังมีเทคนิคเรื่องการตัดขอบและพิจารณาขอบอีกมากอย่างดูการยุบตัวที่ขอบว่าพระมีอายุหรือไม่ ที่นำมาประกอบในหนังสือเล่มนี้ก็พอเป็นกระสายเท่านั้น อย่างการพิจารณาการตัดขอบถ้ารู้ลึกก็สามารถพิจารณาได้ด้วยว่าพระสมเด็จองค์นั้นเจ้าประคุณสมเด็จ(โต)ได้ตัดขอบเองหรือไม่? อันนี้เป็นลักษณะเฉพาะที่น้ำหนักมือของใครของมันครับที่จะทิ้งร่องรอยให้ได้ศึกษาพิจารณา ในระดับอนุบาลก็ดูรอยปาดก่อนว่า เป็นรอยตัดภายนอกพิมพ์มิใช่การตัดแบบในพิมพ์เช่นการทำพระเครื่องปัจจุบัน
    *การตัดขอบเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอีกประการหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นตัดจากหลังพระไปหน้าพระ หรือหน้าพระไปหลังพระ ด้านแรกที่มีดตัดหรือตอกกดลงจะเรียบเป็นเส้นแนวชัดเจนเพราะคมมีดหรือตอก จากนั้นระยะหนึ่งจึงจะเกิดรอยครูดที่อาจเห็นเป็นแนว รอยตัดข้างนี้ใช้พิจารณาได้ทั้งกรรมวิธีทำพระพิมพ์องค์นั้นรวมถึง ความเก่าที่รอยดังกล่าวไม่มีความคม และพิจารณาและพิจารณาการยุบตัวของพระบางส่วนได้จากรอยตัดนี้รวมถึงพิจารณามวลสารที่ปรากฏในองค์พระอื่นๆ
    ขอพิจารณาแป้งโรยพิมพ์
    เป็นที่ชื่นชมนักหนาของนักนิยมสมเด็จที่จะคุยฟุ้งน้ำลายแตกกระจายว่า พระสมเด็จองค์นั้นองค์นี้ยังปรากฏคราบแป้งโรยพิมพ์อยู่เลยวิเศษแท้ เป็นพระสภาพเดิมไม่ได้ใช้ สมบูรณ์อย่างนั้นอย่างนี้ อย่าว่าแต่แป้งโรยพิมพ์เลยครับ คนกดพิมพ์พระบางคนไปใช้น้ำมันตั้งอิ๊วทาแม่แบบแทนน้ำมันใส(แก้ว) ทีนี้แหละล้างเท่าไหร่ก็ไม่ออกแทบเสียพระไปเลย*ความจริงทางปฏิบัติโดยทั่วไปเขาใช้น้ำมันงาเสก(บางทีใช้น้ำมันแก้ว)ทาแม่พิมพ์ซึ่งเป็นน้ำมันชนิดใสเพื่อความหล่อลื่นและคล่องตัวในการถอดพระออกจากพิมพ์ แป้ง โรยพิมพ์นั้นบังคับใช้อย่างเดียวคือการปั้นขนม แม่แบบจะเป็นไม้แกะร่องตามความยาวของแม่แบบ แล้วใช้พิจารณาการกดพิมพ์พระมันก็ไม่ถูกเรื่อง ความลื่นจะกลายเป็นความหนืดความเหนอะ องค์พระจะไม่คมชัดเพราะแป้งยัดตามซอกและส่วนละเอียดของแม่แบบ และเมื่อแป้งโรยพิมพ์เกิดการเปียกขั้นจะติดองค์พระขึ้นมา เมื่อกดพระไม่ถึงส่วนสุดของแม่แบบ และคราบแป้งกั้นอยู่ เมื่อนำพระมาล้างจะเกิดรอยขรุขระ เว้าแหว่งแลไม่งามตาในด้านสุนทรียภาพเคยพบพระพิมพ์ หลวงปู่ภู วัดอิทรวิหารชนิดที่ใช้แป้งแทนน้ำมัน นานปีเข้าแป้งจะจับตัวแข็งและล้างออกอยาก เมื่อล้างออกจะปรากฏรอยขรุขระคล้ายแมลงแทะเล็ม และก็พบในพระสมเด็จวัดระฆังบางรุ่นเนกัน แป้งเกาะกันเป็นแผ่นเลยทีเดียว*ส่วนคราบแป้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินับเป็นปฏิกิริยาทางเคมี จะปรากฏในพระพิมพ์สมเด็จที่แก่ปูนที่เนื้อหนึกแกร่งเนื้อหนึกนุ่มไม่ค่อยพบเป็นปฏิกิริยาระหว่างปูนกับน้ำมัน และการเก็บพระสมเด็จแบบคนรู้นก่อนๆเรื่องของคราบแป้งก็คิดทำคราบขึ้นโดยใช้แป้งโรยตัวเด็กโรยลงที่องค์พระ โดยทำให้องค์พระมีความเปียกชื้นก่อนเพื่อให้แป้งจับตัวและหากใช้ผ้าสักหลาดอ่อนๆเช็ดเบาๆจะเกิดเงาสว่างทำให้พระแลสวยเช่นนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย นับเป็นคราบเทียม โปรดอย่าหลงใหลในเรื่องของคราบแป้งกันอีกเลย......
    ข้อพิจารณาน้ำหนักพระสมเด็จ
    เป็นที่เชื่อกันว่าพระพิมพ์ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ จะต้องมีน้ำหนักพระ ต้องตึงมือ บางคนบอกเล่าต่อกันมาเท่านั้นเพราะต้องคำนึงความจริงประการหนึ่งว่าพระพิมพ์สมเด็จเป็นเนื้อผสมแต่ละครกแต่ละกลุ่มก็แตกต่างกันข้อพิจารณาตรงนี้คงใช้จำกัดได้ในส่วนพระวัดระฆังและวัดบางขุนพรหมตามที่วงการนักนิยมพระเครื่องเช่าหาด้วยราคาแพงเท่านั้น น้ำหนักพระสมเด็จนี้ไม่มีเหตุผลรับรองที่แท้จริงมีนักพระเครื่องพยายามหาเหตุผลเมื่อค้นหารเหตุผลไม่ได้ อ.ตรียัมปวายฯท่านจึงตั้งข้อสังเกตขึ้นว่า น่าจะเป็นเพราะพลังกฤตยาคมที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จท่านเสกไว้จนทำให้พระพิมพ์เกิดมีน้ำหนัก ความจริงพลังจิตเป็นนามไม่น่าจะเกิดน้ำหนักได้ ซึ่งค้านกับบันทึกของท่านอาจารย์ขวัญ วิสฎโฐ แห่งสำนักวัดระฆังฯ กล่าวตรงกันข้ามว่าพระสมเด็จมีน้ำหนักจะต้องเบาและเหตุที่พระสมเด็จเกิดมีน้

    ำหนักเป็นเหตุปัจจัยอื่นแอบแฝงอยู่ ลองคิดดูว่าการใช้พระสมเด็จในสมัยโบราณไม่มีการบรรจุตลับหรือปิดกั้นด้วยแผ่นพลาสติก พระสมเด็จสมเด็จเป็นพระดูด วับเหงื่อได้มากจึงทำให้เกิดน้ำหนักและ ลองนำพระสมเด็จที่ไม่ผ่านการใช้แช่ลงในน้ำจันทน์ จนอิ่มตัวแล้วนำมาชั่งน้ำหนักของพระจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวและพระสมเด็จที่มีการเสริมสวยผ่านการแช่น้ำมันหอมก็มีอยู่มาก นี่คือน้ำหนักอันแท้จริงของพระสมเด็จจะว่าหนักก็ได้ จะว่าเบาก็ได้ อย่าไปตั้งทฤษฎีเข้าโดยไม่ยอมทดลองเลยครับ
    หากไม่เล่นตามกรอบของวงการ เนื้อพระก็มีหลายสูตร ก็ไม่จำเป็นเสมอไปเรื่องน้ำหนัก ที่เขาใช้นั้น ก็เป็นการวัดมาตรฐานสากลตามที่วงการเขาเล่นซื้อขายกันที่จำกัดแบบเพียงไม่กี่พิมพ์เท่านั้น

    จาก rakung.com
     
  7. ทรงกลด999

    ทรงกลด999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,284
    ค่าพลัง:
    +1,510
  8. ทรงกลด999

    ทรงกลด999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,284
    ค่าพลัง:
    +1,510
    เป็นอีกแนวทางในการพิจารณาครับ
     
  9. nmonthon

    nmonthon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +45
    นำ หินพระธาตุ หรือ เม็ดแร่หิน เพิ่มจากองค์ที่แท้มาให้ชมเพื่อเปรียบเทียบกับองค์ของผมครับ

    [​IMG]

    และจุดที่ผมเข้าใจว่าสำคัญและเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ผมค้นหาคำตอบจนกระทั่งตอนนี้ คือจุดที่เรียกว่า "เนื้องอก" (ซึ่งเข้าใจว่ามีในองค์ของผม)

    คำว่า “เนื้องอก” ในพระสมเด็จวัดระฆัง ท่านผู้หนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ได้ความรู้มาจากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งทำงานเป็นนักข่าว เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2534 ได้บอกว่า ให้สังเกตพระสมเด็จวัดระฆังองค์นี้ให้ดี จะมีเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนเนื้อพระ ซึ่งบอกว่าพระสมเด็จวัดระฆังแท้จะมีให้เห็นทุกองค์ ขณะนั้นเรียกว่า “เนื้อผุด”

    ประกอบกับที่ได้อ่านข้อเขียนของคุณ เสฏฐ์ เสกสรรค์ ในหนังสือ “สมเด็จพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี ของดีที่คนมองข้าม” จึงขออนุญาต อ้างอิงข้อเขียนบางตอนเกี่ยวกับ “การงอก” ของพระสมเด็จวัดระฆัง ว่า “เกิดการงอก เช่นเดียวกับพระวัดพลับ ที่สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) พระอาจารย์ของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ได้สร้างขึ้น สาเหตุที่เกิด “การงอก” ในพระวัดพลับและพระสมเด็จวัดระฆัง เกิดจากการผสมผงธาตุสิวลี เข้าไปด้วย และผงธาตุสิวลีจะทำให้เกิดการขยายตัวหรืองอกได้ แต่เป็นไปอย่างช้าๆ ประกอบกับพระสมเด็จวัดระฆัง มีอายุการสร้างร้อยกว่าปี การงอกจึงปรากฎขึ้น “

    [​IMG]

    และอีกข้อหนึ่ง การดูวิทยาศาสตร์มวลสาร ที่สำคัญข้อหนึ่ง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานเช่นกันจึงจะปรากฎ

    พระสมเด็จที่ได้อายุ จะมีการ “ตกผลึก” ของเนื้อปูนเปลือกหอยเป็นเนื้อหินอ่อน ที่มองแล้วใสปนขุ่นแบบเนื้อหินอ่อน เป็นเกล็ดๆ อยู่ในเนื้อ

    ดังนั้นจึงควรดูจากความแกร่งของเนื้อ ที่พิจารณาได้จากผิวบางจุดที่เปิดของพระว่า "มีผลึกในเนื้อแบบ หินอ่อน หรือไม่"
    เท่าที่ทราบ พระโรงงานส่วนใหญ่เนื้อจะด้านๆ แบบ “เนื้อไม่ได้อายุ” จากผงปูนอัดหรือไม่ก็อาจจะใช้สารสังเคราะห์จำพวกเรซิน ที่มักจะมีสีขาวด้านๆ ไม่มีเกล็ดข้างใน หรือแม้จะมีเกล็ดก็จะทำผิวยุ่ย ผิวฉ่ำ ผิวแบบเนื้องอก รอยแยกแบบริ้วเล็กๆ บ่อน้ำตา หรือรอยปูไต่ได้ไม่เนียน

    [​IMG]
     
  10. ห้องมืด

    ห้องมืด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +2
    พระสมเด็จคุณห้องมืด ผม ว่ายังไม่ใช่พระสมเด็จวัดระฆังและบางขุนพรหมครับ
    กรณีที่เป็นวัดระฆังนิยมหรือไม่นิยมก็ตาม การแตกลานในพระสมเด็จ หากลงรักแล้วล้างรักในทันที ก็ แตกไปอีกอย่างหนึ่งไม่ใช่อย่างนี้ หากล้างรักเอง(เราล้างเอง) ก็ไปอีกอย่างหนึ่ง เพราะฉนั้นไม่ใช่วัดระฆัง แล้วกรณีไม่ใช่รัก คุณห้องมืดว่าคราบอะไรครับ เพราะถ้าเป็นปิดทองล่องชาด เวลาเก่าๆไปก็เป็นอีกแบบไม่ใช่อย่างนี้ ยิ่งถ้าฝากกรุ ยิ่งดุง่าย
    กรณีจะมองเป็นสมเด็จบางขุนพรหม ก็ผิดอีก คราบกรุแบบที่วงการเขายอมรับไม่มี หรือบอกว่าคราบกรุน้อยๆก็ยังไม่ใช่แบบนี้ หากจะบอกเป็นบางขุนพรหมไม่บรรจุกรุก็ไม่ใช่ บางขุนพรหมไม่ฝากกรุ เนื้อสวยสวยกว่านี้

    กรณีจะมองเป็นสมเด็จกรุเจดีย์เล็ก ผมว่าก็ไม่ใช่คราบแบบนี้ไม่มี
    ฉนั้นเมื่อมองรวมๆแค่นี้ เรื่องตำหนิพิมพ์ (กรณีเราไม่มีข้อมูลเรื่องพิมพ์มากนัก ก็ไม่ต้องนั่งนึกอีกแล้ว) พูดตรงๆอย่างนี้ คุณห้องมืด คงไม่เคืองผมนะครับ

    ขอบคุณมากครับกับมุมมอง ที่เสนอความเห้นให้ได้ความรู้ และความคิดใหม่ๆ
    ผมจะตอบทีละข้อตามความเข้าใจส่วนตัวนะครับ
    1.ผมไม่ยัดวัดนะครับ เลยไม่ทราบ แต่เท่าที่เห็นมาคือ พิมพ์ใหญ่บางขุนพรหม
    เนื้อเดียวกับองค์นี้
    พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม พิมพ์ประธาน #1
    ผมไม่ได้โฆษณาพระเขานะครับ และก็ไม่รู้ด้วยว่าพระเขาแท้ไหม แต่สิ่งที่ผมรู้คือ"ความแตกต่าง" เพราะผมมี 2 องค์ ในบรรดา2พันกว่าองค์ จึงรู้ว่าเป็นเนื้อเดียวกัน เนื้อแก่ผ
    แท้ไหม...ผมไม่รู้นะครับ แต่ที่แน่ๆ เอาไปร้านไหนก็มีแต่คนขอเช่าละกันครับ

    2. องค์นี้ลงรักเก่าครับ เป็นพระแงะ ยุคหลัง เนื่องด้วยผม "ล้างหนักมาก" ผิวเสีย หลังล้างผมยังดูเป็นพระสนามเลยครับ เพราะผิวพระไปเลย แต่ยังคงสภาพด้านหลังไว้เท่านั้นเอง

    3. พระจำเป็นต้องมีครากรุไหม...............ตอบง่าย..........พระดังๆที่เห็น มีคราบกรุทุกองค์ไหม...ป่าวเลย ขึ้นอยู่กับที่มา และการเก็บรักษาครับ อย่ายึดติด

    4. กรุไหน..........................งะ ผมไม่รู้ ไม่ใช่คนขุด 5555

    ขอบคุณ คุณพ่อเลี้ยงมากครับ แลกเปลี่ยน คห.ได้ครับผมไม่ซีเรียสนะ แค่ผลัดกันแสดง คห.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2012
  11. ห้องมืด

    ห้องมืด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +2
    ไม่น่าเชื่อว่า
    คนที่มีธุรกิจของตัวเอง รายได้เดือนละ 3 ล้าน มีบ้าน มีรถโก้ (เท่าที่คุณเล่ามานะ)
    ชอบ "ฟรี" เนอะ.........................
     
  12. ห้องมืด

    ห้องมืด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +2
    อันนี้ผมแถมให้นะ สำหรับคุณ nmonthon
    เห็นมีความพยายามสูงดี จึงเอามาให้เปรียบเทียบ

    "ใช้วิจารณญาณเองนะครับ ผมจะพยายามไม่ออก คห.ที่ซ้ำๆ หรือไม่ดีไปครับ"
    "เอาไว้ใช้แลกเปลี่ยนความรู้่กันนะครับ ไม่ได้ฟาดฟัน บิดเบือน ตำหนิ ขัดแย้ง โกรธเคืองใดๆ"

    [​IMG]


    พระองค์นี้ แก่ปูน มีรูพรุนปลายเข็มทั่วองค์ รอยยุบยับทั่ว
    มวลสารเต็ม จะเม็ดขาวใส ขาวขุ่น ดำรี ดำกลม เทา ผงดำ อิฐแดง....ก้อนอื่นๆๆ
    หรือแม้แต่ ที่เขาเรียกว่า "พระทาด"(ขออภัยเนื่องจากพิสูจน์ความจริงไม่ได้ ผมจึงใช้คำนี้)
    จะเห็นว่ามีทั้งพระทาดขาวขุ่น และแดงใสเหมือนพลอย รวมถึงแดงเข้มแบบเลือด ด้านล่าง

    สำหรับผมแล้ว หาเช่าได้ทั่วไป เพราะผมผ่านมือกว่า 10 องค์แล้ว มีที่พอเห็นอยู่ในกล่อง 3-4 องค์มั๊งในรูปละครับ (ใครอยากรู้แหล่ง PM มาละกัน)
     
  13. nmonthon

    nmonthon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +45
    ขอบคุณมากครับพี่ ห้องมืด ว่าแต่องค์ที่นำมาให้ชมองค์นี้ดีหรือไม่ดีอย่างไรครับ ความหมายของพี่ห้องมืดประมาณว่าพระสมเด็จที่มีมวลสารครบ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นพระแท้เสมอไป ลักษณะนี้มั้ยครับ..
     
  14. ห้องมืด

    ห้องมืด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +2

    คนที่เช่าพระบ่อยๆ จะรู้เองว่า พระปลอมหรือแท้มีเนื้อหาอย่างไร เพราะเจ็บมาเยอะ
    คนที่เดินตลาดพระบ่อยๆ จะรู้เองว่า เนื้อหาพระ(จะปลอมหรือแท้) มีอัพเดท อย่างไร
    -ใครบอกท่านว่า "รู้หมด" ผมบอกง่ายๆ "ราคาคุย" ตัวผมเองเดินเล่นๆ เรื่อยๆ ยังไม่รู้หมดเลย

    คนที่มีพระเยอะทั้งแท้และปลอม เขาไม่โม้ ไม่บอกคุณหรอกครับว่า "เนื้อพระแท้" เป็นอย่างไร
    -เพราะเขาจะเก็บไว้เอง(ผม)

    คนที่เช่าพระที่โม้ว่าตัวเองเช่าเยอะ ลองไปถามสิแน่จริง "จำเนื้อพระปลอมได้ไหม แล้วต่างกับพระแท้อย่างไร"

    คนที่เช่าพระเยอะ เขาส่องป๊าดเดียวก็รู้แล้วว่า เนื้อแบบนี้เป็นพระอะไร(ปลอม หรือแท้)
    - เพราะเขาส่องของปลอมมาเยอะ บ่อยๆ(ของผม)

    คนที่รู้ววิธีการทำพระ เขาจะรู้ว่า พระนั้นเกิดจากอะไร
    - เช่นพระตะไบก็คือ การเอาตะไบเล็บมาตะไบขอบ พระอัด พระบด...พระนีเวีย พระสารพัด....คืออะไร
    หล่านี้เกิดจาก "การทดลอง ทำจริง ทั้งนั้น" ถ้าคุณถามเขาแล้วเขาไม่รู้ ไม่ต้องไปถามเขาหรอกครับ เพราะ "นั่นมันราคาคุย" หรือตอบง่าย เพราะ "ไปฟังคนอื่นพูดมา"

    สุดท้ายแล้ว แล้วแต่เราจะเลือกชอบ เลือกเก็บพระ
    ผมไม่ชอบชี้นำใคร เพราะ
    "ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ของคนไม่เท่ากัน"
    "คนเราอ่านหนังสือไม่ตรงกัน ทุกเล่มไป"

    อย่าหาว่าผม "แรง" ผมพูดตรงเท่านั้นเองครับ
    ขอบคุณคุณ nmonthon ครับ จริงๆ ผมขี้เกียจโพส เท่านั้น เลยตอบแบบจบไปตั้งแต่ตรั้งแรก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2012
  15. nmonthon

    nmonthon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +45
    แหะๆๆ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ พี่ห้องมืดช่วยอธิบายแบบชัดๆ ในพระองค์ของผม เอาแบบเรื่องพระองค์นี้อย่างเดียว ใจจริงผมก็สองจิตสองใจอยู่ ความหมายของพี่น่าจะหมายถึงพระตะไบ องค์ของผมจะมีรอยตะไบเยอะ พี่ช่วยอธิบายว่าพระตะไบ คืออะไร แล้วเค้าตะไบเพื่ออะไร แล้วการตะไบจะนำไปสู่การไม่แท้ได้อย่างไรครับ ช่วยฟันธงชัดๆเลยครับ ผมชอบตรงๆ จะได้เข้าใจได้ถูกต้องครับ..

    ไม่รู้จะรบกวนพี่มากไปมั้ย แต่ช่วยหน่อยจะขอบคุณมากเลยครับพี่..
     
  16. nmonthon

    nmonthon Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    500
    ค่าพลัง:
    +45
    องค์นี้อาจมีอะไรพลิกก็ได้ครับ วันนี้ดีพรุ่งนี้อาจไม่ดีก็ได้ ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะวันนี้ไปเจออีกองค์นึง ลักษณะเหมือนกับองค์นี้เลย ทั้งด้านหน้า และด้านหลังก็แตกลักษณะเดียวกัน เป็นพระที่ผ่านการล้างมา แต่เป็นสมเด็จพิมพ์ใหญ่ เกศทะลุซุ้ม ผมเอามาดมกลิ่นก็คล้ายๆ กัน


    พอเห็นเข้าใจที่กำลังดีก็กลับฝ่อลงมาเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะมีลักษณะเดียวกัน ซึ่งข้อมูลตรงนี้อาจนำไปสู่ความไม่แท้ได้ เดี๋ยวจะถ่ายรูปเอามาให้ทุกท่านชมดูครับ ว่าเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร


    ค้นหาคำตอบกันต่อไป...ทุกความเชื่อที่ผมเชื่อล้วนมาจากเหตุผลประกอบ แหะๆๆ
     
  17. kaewcpu

    kaewcpu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +18
    พระรอดเนื้อผงสมเด็จ

    ขอรบกวนพระรอดองค์นี้หน่อยครับ เนื้อผงสมเด็จช่วยชี้แนะด้วยนะครับ
    ขอบคุณล่วงหน้าครับ
    แก้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. ห้องมืด

    ห้องมืด สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +2

    ขอเป็น คห.สุดท้ายที่จะแสดงต่อองค์ของคุณ nmonthon นะครับ สำหรับผม

    พระคุณเป็นพระใหม่ เนื้อสด ตะไบขอบ
    - เพราะเอาไว้หลอกตา คนเช่า เพราะ มักมีคำพูดของคนเล่นพระ สมเด็จว่า "ขอบพระต้องกลมมน" เพราะเกิดจากการ ใช้่(ขัดถู) มิใช่ ใช้ตะไบ

    ตะไบเพื่อเข้ากรอบหรือ......."ตื่นซะ.....เพราะไม่มีรอยครามกรอบพระสักนิด"

    พระตะไบใหม่ กับตะไบเก่าต่างกัน
    - พระตะไบเก่า คุณคิดว่าเป็นรอยชัดขนาดนี้หรือ(อันนี้ต้องถามตัวเองนะครับ) ตะไบมากว่าร้อยปี แต่รอยตะไบ คมชัดเปรี๊ยะ...ลองคิดดูสิ..........................

    องค์นี้พระปั๊ม ไม่ใช่พระเก่าธรรมชาติ
    - ต้องสังเกตุไม่งั้น ไม่รู้หรอกครับ

    หลังพระที่เรียกว่า "รอยหนอนด้น" ถ้าเรายังไม่รู้ที่มา การเกิดขึ้น ก็จะไม่ทราบหรอกว่า รอยนั้นเกิดขึ้นแท้ หรือปลอม
    - หลังองค์นี้ "สลบสนิท" ไม่ตอ้งถามนะ ผมไม่ตอบ

    รอยตัด
    - ก็สลบสนิท รอยตัดจะเป็นตัวบอกเองว่า พระนั้นเป็นพระปั๊มหรือพระกด หรือพระอะไร อื่นๆ

    พิมพ์พระ
    - องค์นี้ อดีตพิมพ์ใหญ่B ของคุณรังสรรค์ ปัจจุบันโอนถ่ายไปท่านอื่นแล้ว
    ผิดพิมพ์ตาเปล่า

    เนื้อพระ
    - องค์ของคุณรังสรรค์ เนื้อแก่ผงนิยม ...ของเราละ เนื้ออะไร จะเป็นเนื้ออื่นได้ไหม.........ผมไม่รู้นะครับ
    แต่สำหรับผมแล้ว "การดูพระ ดูที่เนื้อพระ มิใช่ดูที่มวสารหรือพิมพ์ทรง จำไว้" องค์นี้เนื้อพระผมไม่โดน

    มิติพระ
    - ไม่มีมี มิติ .........

    ขอกราบกรุณา "อย่าเชื่อ อย่าเห็นชอบ คห. ของผม"
    ผมแค่แสดงความเห็นเท่านั้น อย่าโกรธผมนะครับ เอาไว้รับฟังพิจารณา แก่ตนเอง ถือเป็นความรู้ทั่วไป
     
  19. Kawinpun

    Kawinpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,154
    ค่าพลัง:
    +991
    [​IMG]

    องค์นี้สวยจังครับ :)
     
  20. kaewcpu

    kaewcpu สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +18
    พระรอดเนื้อผงสมเด็จ ขอรบกวนด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...