เรื่องนี้น่าเชื่อแค่ไหน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หลบภัย, 11 มีนาคม 2012.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <CENTER>พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
    พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)</CENTER>[81] สุจริต 3 (ความประพฤติดี, ประพฤติชอบ — good conduct)
    1. กายสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยกาย — good conduct in act) มี 3 คือ งดเว้นและประพฤติตรงข้ามกับ ปาณาติบาต อทินนาทาน และกาเมสุมิจฉาจาร
    2. วจีสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยวาจา — good conduct in word) มี 4 คือ งดเว้นและประพฤติตรงข้ามกับ มุสาวาท ปิสุณวาจา ผรุสวาจา และ สัมผัปปลาปะ
    3. มโนสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยใจ — good conduct in thought) มี 3 คือ อนภิชฌา อพยาบาท และ สัมมาทิฏฐิ.

    ดู รายละเอียดที่
    [320] กุศลกรรมบถ 10.

    http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=81
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    แล้ว อิฉันจะไปทางไหน ทางนี้มันมีทางเดียว

    อีฉันจะไปทางเตียนหรือ กั๊กๆๆ
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    วจีสุจริต คือ วจีที่ตรง ออกจากใจ จากสิ่งที่เห็น

    คำหยาบที่เป็นอกุศล คือ คำที่มีเจตนาไม่ดี หมายให้คนอื่นเขา เสียหาย

    คำหวานหู ป้อยอ คือ คำที่มีเจตนาให้คนอื่นเขาเคลิบเคลิ้มหลงไหล

    อย่าไปเอากงจักร มาเป็นดอกบัว เอาดอกบัวไปเป็นกงจักร
     
  4. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ไม่อยากให้เค รีบร้อน
    ไม่ว่าอารมณ์ใดจะกระทบ ให้รู้อยู่ (ก็ยังไม่ใช่พระอรหันต์นี่นา)
    แต่ขณะเวลาจะเอ่ยธรรม ขอให้เราเฟ้นธรรมนั่นด้วย
    โดยจะหาความจริงจากธรรมนั้นด้วย
    มันจะกลายเป็นช่วงเวลา ที่จิตใจเราสงบลงและเกิดปิติอยู่กับธรรมนั้น

    อารมณ์ที่ถูกกระทบมีแน่นอน แต่เฝ้าดูมันเฉยๆ
    ส่วนการจะตอบธรรมด้วยตัวเรา หรือยกมาก็ดี
    จะเป็นช่วงเวลาที่(การศึกษา)ธรรมนั่นเอง .. ทำให้เราเกิดจิตตะวิเวก
    หากไม่ได้สมาธิมาก แต่ก็ไม่น้อย สำหรับสติ
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทางสติปัฏฐาน4 ที่พระพุทธเจ้า ท่านสอน และเท่าที่อิฉัน จะเข้าใจได้ อะจะ

    อาจจะไม่ได้เข้าใจอย่างที่ลุงขันธ์ เข้าใจ ก็ทางใครทางมัน อะค่ะ

    จะพูดเอง ก็กระดากปาก เพราะปัญญาญาณยังไม่เกิด ก็ฟังของสมเด็จฯท่านไปก่อนละกัน
    จะได้เป็นบุญหู เกิดเป็นกุศลจิตมั่ง

    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    ทางอันเอก
    ฉะนั้น ธรรมะทั้งสิ้นที่พระพุทธเจ้าตรัสสั่งสอน จึงเนื่องเป็นอันเดียวกัน และดำเนินไปในทางเดียวกันทั้งหมด ดังที่ตรัสไว้ในเบื้องต้นของมหาสติปัฏฐานว่า
    เอกายโน มคฺโค มรรคคือทางปฏิบัติที่เป็นทางไปอันเดียว
    สตฺตานํ วิสุทฺธิยา เพื่อความบริสุทธ์ของสัตว์ทั้งหลาย
    โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย เพื่อก้าวล่วงความทุกข์ และความโทมนัส โสกะเพื่อก้าวล่วงความโศก และความปริเทวะ คือความคร่ำครวญรำพัน
    ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย เพื่อดับทุกข์โทมนัส
    ญายสฺส อธิคมาย เพื่อบรรลุญายะธรรม คือธรรมะที่พึงบรรลุ ธรรมะที่พึงรู้ ธรรมะที่ถูกชอบ
    นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
    หัวข้อที่ตรัสไว้ดั่งนี้ ย่อมเป็นไปในธรรมะทั้งหมดที่ตรัสแสดงสั่งสอน คือเข้าทางเดียวกันทั้งหมด ไม่แตกแยกทางออกไปเป็นทางอื่น มุ่งสู่ความบริสุทธิ์ ความก้าวล่วง โสกะปริเทวะ ความดับทุกข์โทมนัส ความบรรลุญายะธรรม ธรรมที่ถูกชอบดังกล่าว เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานเป็นจุดมุ่งหมายด้วยกันทั้งหมด

    http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/somdej/sd-209.htm
     
  6. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    อนุโมทนาค่ะพี่ การที่หนูถาม หนูแอบตอบเองไว้แล้ว
    แต่การที่เราตอบเราเอง เออเนอะ เรารู้ของเราเองนี่นา
    เพราะตอนที่เราตอบ เราอ่านเราไปพร้อมกัน
    หนูถามตัวเองแบบนี้ประจำค่ะ ถามว่า เราต้องมีปัญญาในการตอบไหม
    หนุบอกว่า เราไม่ต้องมีปัญญาตอบ แค่เรารู้ตัวเอง ก็พอ
     
  7. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็รู้แล้ว ว่าสติปัฎฐาน แต่เราจะรู้กุศลจิตตัวสมาธิได้อย่างไร ถ้าไม่ทำสมาธิ
    จะรู้อกุศลจิต ตัวนิวรณ์ได้อย่างไร หากไม่ทำสมาธิ

    มันเป็นของสองสิ่งที่ อยู่ปนๆกัน จะต้องทำอย่างไร จึงจะแยกออก ไหนลองตอบซิ นักเรียน ประถม 1กั๊กๆๆ
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่มีอะไร หรอก เจ้ หยอกกันเล่นเฉยๆ
    แต่บางโพสท์ ก็ไม่ได้อ่านหรอก กลัวติดนิสัย อันนี้พูดจริงไม่ได้โม้
    ที่ออกความเห็นไปหลายโพสท์นั้น ก็รู้ว่าไม่ได้ถูกต้อง มันเป็นแค่ทัศนะ เท่านั้น
    ส่วนธรรมมะ ก็เลือกเท่าที่ปัญญามี ไม่ได้สวยหรูถูกต้องตรงสถานะการณ์ทั้งหมด
    เพียงแต่ไปอ่านแล้วเห็นว่าดี ก็เอามาแปะ
    ไม่ได้ตั้งใจจะให้ยกเป็นข้อถกเถียงหรือการข่มธรรมกัน
    เพียงแต่ไปเจอผู้รู้ท่านว่างี้ ก็เอามาลง เป็นข้อมูล 2 ด้าน
    ดีกว่าฟังความข้างเดียว
     
  9. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    อย่าปล่อยแต่ให้เขาถาม
    เพราะเราตอบแล้ว เขาก็อาจแตกเรื่องออกไปอีก
    เราควรถามเขาด้วย
    และทำให้ประเด็นนั้นชัด และจบลงไป..

    อาจจูนเจตนากันไม่ติดตอนนี้นะ แต่ต่างคนต่างว่าไปก่อน
    เราไม่ต้องการคำตอบ.. แค่เอาใจช่วย
     
  10. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    ก็เอาตัวปัญญาเข้าไปรู้ซี้ โง่ไปได้ สมาธิไม่ใช่ตัวรู้อ่ะจริงป่าว
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อันดับแรกเลย จะต้องลองคุมจิตให้มีความสืบเนื่องในการตามรู้ เช่นตามรู้อะไร ให้จ่อ แนบไปได้
    เราก็ทดลองสิ เช่น หยิบคำบริกรรม พุทโธมา แล้วลองจ่อโฟกัสไปว่า พุท โธ ๆๆๆๆไปเรื่อยๆ ว่าต่อเนื่องได้ยาวนานเพียงใด เอาแบบไม่แวบ ไม่เผลอ นี่เรียกว่า วิตก วิจารณ์
    สงบได้แล้ว เราก็รู้ว่า นี่คือ อารมณ์ กุศล นี่ระลึกได้แล้ว เป็นปัจจัตตัง ตัวพื้นฐาน

    พอจิตเริ่มไม่สงบ เริ่มฟุ้ง ก็ระลึกได้อีก เพราะมันเคยมีมาตรฐานความสงบอยู่ ให้เราเทียบ

    นี่เราก็ฝึกไปเรื่อย เป็นคู่เทียบกัน เพื่อให้เกิดปัจจัตตังที่ประณีตขึ้นไปสิ

    เราจะเห็น กิเลสต่างๆ ร้อยแปด เพราะเราสงบ เราขัดเกลา

    นี่จำเอาไว้ นี่จึงว่า ปัญญาที่ได้จากสมาธิมี ผลมหาศาล นี่จำเอาไว้
     
  12. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    รู้แต่ว่า คำสรรเสริญ กับ คำนินทา มันมีค่าเท่ากัน
    เมื่อเรารู้แบบนี้แล้ว คำพูดของเรา จะไม่มีอามิส
    กุศล กับ อกุศล เรารู้ได้ด้วยตัวเอง หากเราตั้งมั้นอยู่ในศีล
    จะหลงไปก็ยังมีศีล เพราะเราเป็นอิสระ ไม่ผูกมัด กับสิ่งใด
    แต่ไม่นอกกรอบของศีล นั้น
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    โถ ไอ้แปะ ปัญญาด้นเดานะสิ
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จิตมันทำสมาธิเองอยู่ตลอดเวลา สำหรับคนที่มีปัญญาทำเองนะ
    ถ้าจิตไม่มีปัญญาทำสมาธิ มันก็เกิดอีลุ่ยฉุยแฉกไปตามสิ่งที่มากระทบ
    มีทั้ง นิวรณ์ กิเลสโลภ โกรธ หลง ตัณหา ชอบใจ ไม่ชอบใจ ถ้าจิตมีสมาธิจริง
    มันเห็นสิ่งที่มากระทบแล้วเห็นการเกิดเป็นภพเป็นอารมณ์ เป็นนิวรณ์
    เป็นอะไรต่อมิอะไรเอง เราไม่ต้องไปเจ้ากี้เจ้าการอยากไปเห็นไปรู้
    หรือไม่อยากไปเห็นไปรู้หรอก มันก็เห็นของมันเอง เราแค่มีสติรู้สึกตัวไว้
    เราไม่หลง เราไม่ขาดสติ ก็เห็นสิ่งต่างๆมันแยกๆอยู่ของมันเอง

    ถ้าเราหลงขาดสติ ก็เสพอารมณ์อร่อยลืมโลกไปกลายเป็นสังขยา
    ถูกยำจนเละถึงค่อยมารู้ตัวตอนเละๆ แล้วก็มาปล่อยวางตอนเละๆ
     
  15. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    โถๆๆๆ แสบแก้วหูว่ะ.....เมื่อกี้ยังสอนเขาดีๆอยู่เลยเปลี่ยนอารมณืซะแหร่ะ......กิเลส ๑๐๘ เป็นไง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2012
  16. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ก็เจริญสติปัฏฐานนั้นแล ทำให้เกิดสมาธิ เป็นสัมมาสมาธิ ที่มีปัญญา (สัมมาทิฏฐิ) เป็นประธาน
    เป็นการเจริญอริยมรรคองค์แปด หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา ทันที
     
  17. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จิตมันทำสมาธิเองอยู่ตลอดเวลา โอย ถ้ามันทำเองตลอดเวลาอย่างเดียวป่านนี้มันทะลุไปถึงนิพพานแล้ว
    อย่าลืมสิ ว่า กิเลาก็ทำงานเองอยู่ตลอดเวลา ถามว่าจะมีสติรู้จักมันไหม ทั้งคู่ว่าแต่ละอย่างประณีตแตกต่างกันอย่างไรในใจตน
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โอย เจ้ปุณฑ์ เค ไม่ได้เป็นคนขยัน ขนาดนั้น
    ถ้าปล่อยได้ก็ปล่อยไป ไม่ค่อยจะสนใจใคร ง่ะ
    นิสัยเสียเป็นอย่างยิ่ง คุยกับใครแล้วไม่เก็ท ก็เลิกคุยแล้ว
    ยิ่งคุยยิ่งแตกประเด็น ก็ปล่อยเขาไปเหอะ
    ถึงเวลาเขาจะรู้ เขาก็รู้ได้เอง
    ไม่เคยคิดจะจูนเจตนากับคนอื่นเลย ง่ะ

    จริงๆ ไม่เคยอดทนกับใครเลย นะเนี่ย นิสัย เค แย่มากๆ อะ :'(

    อยากบอกให้ เจ้ปุณฑ์ รู้เฉยๆ ง่ะ ว่านิสัย เค จริงๆแล้ว มัน... แหะ แหะ
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เจริญสติ จะต้องฝึกทำสมาธิไปด้วย เพราะตามธรรมดา การเจริญสติ มีกำลังจิตไม่นิ่งพอที่จะทำให้เกิดพละได้

    พระศาสดาจึงกล่าวว่า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา นี่ต้องเจริญ ไม่ใช่เจริญแต่สติ ไม่เจริญสมาธิ มันไปไม่ได้
     
  20. นาอินจัง

    นาอินจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2009
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +36
    สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา
    สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสฺมา สีลัง วิโสธะเย

    ไม่มีอะไรมาก ทำตรงนี้ให้ได้ตลอด
     

แชร์หน้านี้

Loading...