ความจริงของสิ่งมีชีวิตที่เรียกกันว่า มนุษย์ ต่างดาว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รักคนอ่าน, 14 เมษายน 2012.

  1. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    เห็นห้องนี้พูดกันเรื่องมนุษย์ต่างดาวกันเยอะ บางคนก็แลตื่นกลัวข่าวมนุษย์ต่างดาวที่ชั่วร้าย เลยอยากเสนอความจริงที่ไม่ใช่เพ้อผันให้คิดกันบ้างสักนิด เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่จะมาเยือนโลกได้...

    มนุษย์ต่างดาวที่จะเดินทางมาเยือนโลกได้นั้น ต้องเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีจิตดีเท่่านั้น และเพราะ2สาเหตุ

    1.ธรรมชาติิได้จัดสรรป้องกันการรุกรานกันเอาไว้แล้วในระดับหนึ่ง ด้วยข้อจำกัดทางกายภาพของสัตว์ต่างๆ เช่น เรื่องของถิ่นที่อยู่ที่เหมาะกับสัตว์แต่ละประเภท ดูได้จากสัตว์ในโลกของเราเป็นตัวอย่าง ปลาในมหาสมุทร ที่ถูกแบ่งแยกกันด้วยระดับความลึก อุณหภูมิ หรือถูกแบ่งโดยลักษณะของน้ำจืด เค็ม

    2.ข้อนี้สำคัญมนุษย์-ต่างดาว-สิ่งมีชีวิต ที่มีจิตชั่วร้าย ไม่มีทางที่จะเจริญจนมีวิทยาการและเทคโนโลยีชั้นสูงที่ทำให้เดินทางไปถึงโลกอื่นที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้

    เพราะสิ่งมีชีวิตที่มีจิตชั่วร้ายย่อม ล้างผลาญทรัพยากรธรรมชาติในถิ่นที่อยู่ของ ตน เพื่อนำมาสร้างสิ่งที่เรียกว่า ความเจริญทางวัตถุจนทรัพยากรธรรมชาติต่างๆหมดและจะเกิดการฆ่าฟัน ต่อสู้แย่งชิงกันเองจ้นล้มตายเกือบหมด ด้วยอาวุธที่ร้ายแรงที่สุด ตามแต่ความเจริญทางวัตถุจะทำขึ้นมาได้

    จนสุดท้ายสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายนั้นก็จะทำลายทั้งเผ่าพันเดียวกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรและผลจากการต่อสู้กันนั้นก็จะทำลายต่างเผ่าพันอื่นๆในโลกนั้น และทำลายทั้งโลกที่อยู่อาศัยจนยากที่จะฟื้นฟูได้ ลองคิดดูว่าถ้าโลกนี้ถล่มกันด้วยระเบิดนิวเครียร์ หรืออะไรที่อาจจะมีร้ายแรงกว่านั้น จะเป็นยังไง

    ก็เรียกว่า ทำลายกันเองกันไม่มีเวลาไปรุกรานโลกอื่นเลยแหละ
    กว่าจะสำนึกกันได้ก็เมื่อเจ็ดวันสุดท้ายแห่งทำลายล้างผ่านพ้นไป แล้วเหลือผู้รอดตายอยู่เพียงเล็กน้อย และผู้รอดตายทั้งหมดนั้น ก็จะได้สำนึก และคิดแก้ไขสิ่งต่างๆ เพราะจิตใจของพวกเขาได้ถูกแก้ไขแล้ว ด้วยผลของมหาสงครามทำลายล้างนั้น

    แล้วต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนละ กว่าเขาจะเจริญจนสามารถไปรุกรานโลกอื่นได้ หรือเมื่อถึงวันที่เขาเจริญขึ้นมาอีกครั้งจนสามารถไปโลกอื่นได้ คุณคิดหรือครับว่าพวกเขาจะไปเพื่อรุกราน ทำสงคราม เขายังจะคิดรุกรานใครๆอีกหรือ
     
  2. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    เอ้าๆ ต่อสิ กำลังมันส์
     
  3. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    อืมเรื่องจริงที่รอการพิสูจน์
     
  4. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    มีตัวอย่างของมนุษย์ต่างดาว ที่ยึดครองโลกอื่นได้จริง เรียกว่ายึดไ้ปทั้ง4กาแลคซี่
    และไม่ได้ยึดครองด้วยการ รุกราน รบ ทำลายล้าง
     
  5. อู่หยาจื่อ

    อู่หยาจื่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    4,333
    ค่าพลัง:
    +3,829
    แล้วยึดครองไปเพื่ออะไรหรือ?
    แบกไว้ก็หนักเปล่าๆ ใส่กระเป๋าก็ไม่ได้
     
  6. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    มนุษย์ต่างดาวก็เกิดมาจาก GOD อีกแหละ ไปเป่าลมหายใจที่ไหนอีกละเนี่ย
     
  7. phirayut

    phirayut Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    198
    ค่าพลัง:
    +92
    มนุษย์ต่างดาวก็เหมือนเรียกว่าคนต่างด่าวนี้แหละ
     
  8. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    ........(>_/\_<)........
     
  9. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    นี่ไง ตำนานแอตแลนติสกับเผ่าพันธุ์ต่างดาว

    http://palungjit.org/threads/@-เมก้าสึนามิ-and-ปริศนาแอตแลนติสล่ม-@.334973/

    อาจจะมีพวกเราหลายคนที่ยังไม่ทราบว่า โลกเรานี้เคยมีอารยธรรมที่รุ่งเรืองยิ่งใหญ่ดำรงอยู่ เมื่อหลายหมื่นปีก่อนและเป็นอารยธรรมแรกสุดของมุนษย์ ทีเป็นบ่อเกิดของอารยธรรมรุ่นหลังๆ ที่พวกเรารู้จักกันดี

    แต่อารยธรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งแรกของโลกใบนี้หรือ ดินแอนแอตแลนติส แห่งนี้กลับต้องล่มสลายจมหายไปใต้ มหาสมุทรภายในวันเดียวคืนเดียวเท่านั้น อันเกิดจากภัยธรรมชาติที่มาจากแผ่นดินไหว ภูเขาไประเบิด และลมพายุไต้ฝุ่น (น้ำท่วม) ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน


    เรื่องราวของแอตแลนติส ได้ถูกทำให้แพร่หลายสู่วงกว้าง ตั้งแต่เมื่อสองพันกว่าปีก่อนก็เพราะพลาโตนักปราชญ์ ชาวกรีกได้บันทึกเอาไว้ โดยพลาโตได้ทราบเรื่องราวของ แอตแลนติสมาจากครีเทอัส ผู้เป็นลุงของพลาโต อีกทีหนึ่ง

    ครีเอทัส ได้เล่าเรื่องราวอันแปลกแต่จริงให้พลาโตฟัง เกี่ยวกับการเกินทางของโซลอน นักปราชญ์และพ่อค้านักผจญภัย ชาวเอเธนส์ ซึ่งได้เคยเดินทางไปอียิปต์มาแล้ว เมื่อปี 571 ก่อนคริสต์กาล

    และที่อียิปต์นี้เอง ที่โซลอนได้รับรู้ เรื่องราวอันแสนประหลาดจากนักบวชแห่งเมืองซาอิส แถบบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์อีกทีว่า เมื่อประมาณ 2-3 หมื่นปีมาแล้วมีเกาะถวีปแห่งหนึ่ง ถัดจาก เสาค้ำฟ้าของเฮอร์คิวลิส (ชื่อของช่องแคบยิบรอลต้าในปัจจุบัน)

    เกาะแห่งนี้มีชื่อว่าแอตแลนติส เป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักร อันยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองซึ่งเต็มไปด้วยประชาชน ผู้มั่งคั่งและมีอารยธรรมอันสูงส่ง ทั้งเมืองเต็มไปด้วย ทองคำเหลืองอร่าม เกาะแอตแลนติสสามารถติดต่อ กับแผ่นดินอื่นๆได้ทางเรือ

    ด้วยอานุภาพของกองทัพเรือ อันยิ่งใหญ่ ทำให้อาณาจักรนี้สามารถขยายอำนาจ และอิทธิพลแผ่ขยายไปจนถึงลิเบีย อาณาเขตตอนเหนือ ของอียิปต์และไกลออกไปถึงยุโรปจรดกับกับ ดินแดนเทอรีเนีย (ตอนเหนือของอิตาลี่ในปัจจุบัน)

    แต่แล้วจู่ๆ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่นี้ก็กลับจมหายไปใต้ พื้นทะเลลึกเพียงชั่ววันและคืนเดียวเท่านั้น โดยมีสาเหตุ มาจากการเกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิดและอุทกภัย ครั้งใหญ่ที่สุดในโลกทำให้กลุ่มชนชาติแอตแลนติส ถูกกลืนชีวิตไปจนเกือบหมดสิ้น กล่าวกันว่าชาวแอตแลนติสจำนวนน้อยที่สามารถ รอดชีวิตจากภัยพิบัติไปได้อย่างหวุดหวิด

    และได้อพยบ ไปอยู่ที่อื่นส่วนที่มุ่งสู่ ดินแดนตะวันตก กลายมาเป็น บรรพบุรุษของพวกอินเดียน ชาวอินคา และชาวมายา เป็นต้น ส่วนที่มุ่งสู่ดินแดนทิศตะวันออกก็กลายมา เป็นบรรพบุรุษของมนุษย์เผ่าโครมันยองซึ่งมีร่างกาย สูงใหญ่ บึกบึน กระดูกข้อมือข้อเท้าใหญ่ มีกล้ามเนื้อ แข็งแรงทุกประการ

    มิหนำซ้ำ คนเหล่านี้ที่ต่างเคยอาศัย อยู่คนละฟากฟ้า แต่ต่างก็มีตำนานเล่าสืบต่อกันมา เหมือนๆกันว่าเคยมีดินแดนแห่งหนึ่ง ทีเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาเกิดภัยธรรมชาติทำลายจนย่อยยับ

    นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าชนชาติต่างๆ มักมีตำนานเกี่ยวกับน้ำท่วม เหมือนๆกัน และส่วนใหญ่ มักจะเล่าคล้ายๆกันว่ามีผู้รอดชีวิตเป็นผู้เริ่มต้นออกไป แยกย้ายสร้างอาณาจักรใหม่แทนเดิมที่ถูกทำลายไป ชาวแอตแลนติสเดี๋ยวนี้ก็มาเกิดกันเป็นพวก นักวิทยาศาสตร์ที่วิวัฒาการสมัยใหม่ ที่เขาเกิดขึ้นใหม่นี้เขาก็ยังมี ความทรงจำในอดีตอันไกลโพ้นอยู่ ..ในแอตแลนติสสมัยนั้นมี ความเจริญรุ่งเรืองไม่แพ้กับสมัยปัจจุบันนี้

    แต่ว่าวิวัฒนาการ ของมนุษย์นี่เมื่อมาถึงจุดสุดยอดก็เอาวิวัฒนาการมาทำลายกัน เมื่อวิวัฒนาการถูกทำลาย ความสูงของมนุษย์ก็ดับลงไป วิวัฒนาการสูงสุดของมนุษย์คือการได้ค้นพบเรื่องแสง เมื่อค้นพบก็นำมาทำลายกัน แสงนี้เป็นต้นกำเนิดของวัตถุ ร่างกายเราก็ดีหรือวัตถุในโบก มันกำเนิดมาจากแส้งทั้งสิ้น

    ถ้าเมื่อใดมนุษย์นี้สามารถไปรู้ความจริงขอนี้ในเรื่องแสง ก็จะนำมาทำลาย มนุษย์มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็เลยเอาตัวโทสะมาทำลายกัน เมื่อทำลายแล้ว ความเสื่อม ก็จะเกิดขึ้น

    อย่างที่เกิดขึ้นในสมัยแอตแลนติสนั้น ตอนนั้นมนุษย์ก็มีความก้าวหน้า ทางวิวัฒนาการมากจนสามารถคิดค้นเรื่องแสงได้แล้ว ทีนี้ตอนแรกก็ใช้แสงให้เกิดประโยชน์ แต่พอนานๆเข้า ก็มี ชาวแอตแลนติสบางกลุ่มนำมาใช้เป็นอาวุธ ในขณะเดียวกัน ก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ศึกษาเรื่องจิตวิญญาณจนรู้เรื่องอนาคตที่จะเกิด

    พอถึงเวลาพลบค่ำ หายนะของเกาะแอตแลนติสก็เกิดขึ้น พวกเขาเอาแสงไปทำลายกันเอง เสร็จแล้วก็เกิดแผ่นดินไหวแยก แล้วภูเขาไฟก็ระเบิด อะไรต่างๆก็จมน้ำไป

    พวกแอตแลนติสส่วนใหญ่ เสียชีวิตหมดตอนที่เกาะจมน้ำ และวิวัฒนาการต่างๆก็พลอยล่มสลายไปด้วย พวกที่รอดออกไป ส่วนมากก็ไม่ได้เอาอะไรออกมา แต่ความรู้พวกเขามีก็เอามาสร้าง พีระมิดบ้าง สฟิงค์บ้าง แต่ชาวแอตแลนติสที่ออกมาส่วนใหญ่ จะศึกษาเรื่องจิต เมื่อเขาออกมาลูกหลานพวกเขาไปแต่งงาน กับคนพื้นเมือง ความรู้ศาสตร์เกี่ยวกับทางจิตวิญญาณของพวกเขา นี่ก็ลดต่ำจนกลายเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดา แต่ยังมีเหลือนิดๆหน่อยๆ

    ประเด็นที่เกี่ยวกับสาเหตุและสภาพการณ์ในขณะที่เกาะ แอตแลนติสล่มสลายนั้น ได้พบคำอธิบาย 2 อย่างด้วยกัน อย่างแรก เป็นคำอธิบายของมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อ เซ็มยาเซ ซึ่งได้ถ่ายทอดเรื่องนี้ให้แก่ผู้ติดต่อชาวโลกที่ชื่อ ไมเยอร์ อย่างที่สองเป็นคำอธิบายของ แฟรงค์ อัลเปอร์ ผู้รักษาโรค ด้วยพลังจิตและเป็น คนทรงเจ้า

    ผู้อ่านอย่าเพิ่งปฏิเสธว่า เป็นเรื่องเหลวไหล ที่ต้องพึ่งแหล่งข้อมูล จากมนุษย์ต่างดาวกับคนทรงเจ้า เพราะเรากำลังพูดถึงเรื่องราว ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายหมื่นปีก่อน โดยไม่มีหลักฐานทีเป็นเอกสารใดๆ หลงเหลือจะเริ่มจากคำอธิบายของมนุษย์ต่างดาวที่ชื่อว่า

    เซ็มยาเซ มาจากกลุ่มดาวเพลอาเดียสและเป็นสตรีเพศ เธอมาเยือน ไมเยอร์ ครั้งแรกในวันที่ 28 มกราคม 1975 นับเป็นมนุษย์ต่างดาว คนที่ 3 ที่มาติดต่อกับไมเยอร์ คนแรกชื่อ สุฟาตะ แอสเกต และ เซ็มยาเซ ไมเยอร์ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้นี้ราวๆ 200 ครั้ง มีถึง 115 ครั้ง ที่มีการบันทึกสนทนาไว้ เซ็มยาเซได้เล่าเรื่องของแอตแลนติสให้ไมเยอร์ฟังว่า

    เมื่อสี่หมื่นปีที่แล้ว พวกลูกหลานของมนุษย์ต่างดาว (แต่คนโบราณเข้าใจผิดไปเรียกว่า เทพเจ้า) ได้กลับมาเยือน โลกและปกครองโลกในนาม เทพเจ้า อีกครั้ง นามของผู้ปรกครองคือ แอตแลนโตภรรยาของผู้ปกครองคือ คาเรียทีด

    บิดาของนางชื่อ มูราส แอตแลนโตได้สร้างเมืองแอตแลนติสขึ้นที่เกาะแอตแลนติส ใหญ่ขณะที่มูราสได้สร้างเมืองมูขึ้นมาที่แอตแลนติสเล็ก เมืองแอตแลนติสเล็ก และมู เป็นมหานครที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด จนกระทั่งมีนักวิทยาศาสตร์ 2-3 คน ที่จะตกเป็นทาส ของกิเลสบ้าอำนาจจึงคิดการใหญ่

    แต่ชาวเมืองทั้งสองนคร ไม่ยอม ลุกขึ้นต่อต้านนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นให้จำต้องลี้ภัยไป อยู่นอกสุริยะพวกนักวิทยาศาสตร์หลบไปอยู่ที่นอกระบบสุริยะ จักรวาลประมาณ สองพันปี ได้พัฒนาเทคโนโลยีล้ำยุค

    จนมีความมั่นใจว่าจะมาบุกโลกแก้แค้นได้สำเร็จ แล้วก็ได้สงพวกตนภายในการนำของ เอาลาส จำนวนสองร้อยคนนั่งยานอวกาศ มายึดครองพื้นที่แถบฟลอริดา เอาลาส ผู้นี้แหละ ทีเป็นผู้ยุแหย่ให้ชาวเมืองแอตแลนติสกับชาวเมืองมู บาดหมางกัน จนกระทั่งเกิดเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่สุด

    ที่ตั้งของนครมู อยู่ตรงมะเลทรายโกบี ที่ตั้งของแอคแลนติสเป็น เกาะใหญ่อยู่ระหว่างทวีปอเมริกา กับ แอฟริกา กำลังรบของทั้งสอง ฝ่ายก็ยิ่งใหญ่พอๆกัน และก็มีเทคโนโลยีขั้นสุดยอมเหมือนกัน กองทัพแอตแลนติสมีกำลังทหารสี่ล้านแปดแสนคน มียานอาวุธ ติดอาวุธ มีเรือรบประจัญบาน หนึ่งแสนสองหมื่นสามพันลำกับเรือเร็วติดอาวุธแสงอีก

    ดังนั้นพวกนักวิทยาศาสตร์ของฝ่ายมู จึงคิดค้นเทคโนโลยิ ที่จะนำเอาดาวพระเคราะห์ดวงเล็กๆ มาทำให้เป็นเหมือนกระสุน โดยพวกเขาได้นั่งยานอวกาศออกไปจนเลยวงโคจรของดาวอังคาร เพื่อเสาะแสวงหาดาวพระเคราะห์ดวงเล็กๆ ที่เหมาะสม

    ในที่สุด พวกเขาก็พบดาวเล็กๆ ดวงหนึ่งซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง หลายกิโลเมตรพวกเขาได้ใช้พลังงานจากอะตอมและอิเล็กทรอนิกส์ ผลักดันให้ดาวเล็กๆดวงนั้น หลุดจากโคจรเดิม และเคลื่อนย้าย เข้ามาสู่วงโคจรของโลก การหมุนรอบตัวเองของดาวดวงนี้ ถูกทำให้หยุดชะงัก และพวกมูได้นำเอาเครื่องมือขนาดยักษ์เข้าไปติด

    ทำให้ดาวดวงนี้กลายเป็นกระสุนปืนใหญ่จักรวาลที่สามารถบังคับ ให้ขับเคลื่อนได้โดยคลื่นซูเปอร์โซนิค พวกมูสร้างอาวุธนี้ ช้าไปก่อนหน้านั้น กองทัพแอตแลนติสได้ยกพลเข้ามาถล่มนครมู จนพินาศย่อยยับ แต่ตอนนั้นเครื่องยนต์กระสุนปืนใหญ่ได้งานแล้ว ชาวแอตแลนติสนึกว่าชนะสงคราม ก็หลงระเริงอยู่ในชัยชนะของตน กระสุนปืนใหญ่ก็ระเบิดกลางเวหา ในตำแหน่งสูง 172 KM จากดิน

    ส่วนหนึ่งกลายเป็นลูกอุกกาบาต ตกลงมาถล่มแอตแลนติสจนย่อยยับ ส่วนดาวเล้กๆที่เหลืออีกสองในสามตกลงบนทะเลทะลุพื้นโลก ทำให้เกิดความร้อนใต้พื้นโลกที่เป็นแมกมาพุ่งทะลักออกมา ขณะเดียวกันก็เกิดเป็นคลื่นทะเลยักษ์สูงถึงสองพันสามร้อยเมตร และกลืนนครแอตแลนติสจมลงใต้ทะเลในที่สุด

    คำอธิบายของบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่าง แฟรงค์ อัลเปอร์นั้น ไม่ค่อยเน้นเรื่องสาเหตุและ สภาพการณ์ในขณะล่มสลายของเมืองแอตแลนติสเท่าไรนัก

    คำบอกเล่าจากชาวแอตแลนติสที่ชื่อ สโตเลนส์ที่มาเข้าทรง เราจะเริ่มจากเรื่องราวของทวีปเรมูเลียหรือ ทวีปมู อารยธรรมของทวีปมูนี้ดำรงยาวนานกว่าหนึ่งแสนปี ชาวมูแบ่งออกได้เป็นสองพวก พวกหนึ่งรักสันติอีก พวกหนึ่งชอบทำสงคราม ทั้งสองพวกนี้ต่างมีวิทยาการที่ ก้าวหน้าในระดับที่สูงมาก พวกที่รักสันติมักให้ความสนใจ กับเรื่องความรู้ความเจริญและพระเจ้า

    แต่พวกที่กระหาย สงครามมักให้ความสนใจในเรื่องพลัง และทำลาย แอตแลนติสเกิดหลังทวีปมูราวๆ 20,000 ปี คือ เมื่อแปดหมื่นเก้าพันปีก่อนคริสตกาล ในหมู่แอตแลนติส ไม่มีพวกกระหายสงครามอยู่เลย เมื่ออารยธรรมแอตแลนติส เจริญรุ่งเรืองพวกกระหายสงครามของฝ่ายมูได้ตัดสินใจ ขยายอิทธิพลมาถึงแอตแลนติส พวกมูได้เเอบขุดอุโมงค์ ใต้ดินที่เชื่อมทั้งสองแห่งไว้ด้วยกัน

    เพราะความพยายาม ที่จะยึดครองแอตแลนติสของพวกมูได้นำไปสู่ภาวะ สงครามระหว่างเมืองสองเมืองนี้ และดำรงความขัดแย้ง มานานถึงห้าหมื่นปี ในตอนแรกเป็นการปะทะสู้รบกัน ในระดับเล็กย่อย แต่ครั้นเวลาผ่านไปความรุนแรงในการ สู้รบของทั้งสองฝ่ายหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

    จนในที่สุด ก็นำมาซึ่งการล่มสลายของทั้งสองฝ่ายและทวีปมูและ แอตแลนติสต่างจมลงสู่ก้นทะเลคราวที่เกิดการขยับตัว ของเปลือกโลกครุ้งใหญ่ เมื่อ แปดหมื่นห้าพันปี

    คำบอกเล่าของชาวแอตแลนติสชื่อ อะดามิส แอตแลนติสถูกสร้างขึ้นบนโลกโดยมนุษย์ต่างดาว ในฐานะที่เป็นอารยธรรมทดลอง โดยมีเป้าหมายเพื่อ ถ่ายทอดวิทยาการที่ล้ำยุคให้แก่ชาวโลกในอนาคต ได้ใช้ประโยชน์โดยเฉพาะต่อวิวัฒนาการของมนุษย์

    สาเหตุหลักที่ทำให้แอตแลนติสล่มสลายนั้นมาจาก การเปลี่ยนแปลงแห่งคลื่นของโลกใบนี้ การล่มสลายของแอตแลนติสเกิดจากหลายสาเหตุ ด้วยกันสาเหตุอันหนึ่งก็คือชาวแอตแลนติสจำนวนมาก ที่มุ่งขยายความเป็นอัตตาของตัวเองมากไปจนถึงขีด จำกัดในการเจริญเติบโตของมัน

    ถ้าพวกเขาพอใจที่ จะหยุดอยู่แค่ระดับการเจริญเติบโตและพลังที่ควบคุม ได้ที่ตนเองไปถึง การล่มสลายก็คงไม่เกิดขึ้น แต่มนุษย์เป็นสัตว์ที่อยู่นิ่งไม่ได้ กฎของจักรวาลได้ บังคับให้มนุษย์ต้องเคลื่อนไหวไปไม่ทิศทางใดก็ ทิศทางหนึ่ง และทิศทางที่ชาวแอตแลนติสเลือกเดิน ต่อไปอีกนั้นเป็นทิศทางทีเป็นลบ ระแวงสงสัย อัตตา แรงกล้าและหลงตัวเองจึงนำไปสู่ จุดจบ

    ถ้าจะสรุป จุดร่วม ในคำอธิบายเกี่ยวกับแอตแลนติส ของ เซ็มยาเซ และ แฟรงค์ อัลเปอร์ ก็คงจะได้แก่ ความขัดแย้งจนถึงขั้นทำสงครามกันด้วยอาวุธมหาประลัย

    อย่างอาวุธแสง พลาโตได้เขียนไว้ว่า การล่มสลายของ แอตแลนติสเกิดจาก ภัยธรรมชาติ แต่ถ้าฟังจาก 2 ท่านนี้ เราจะได้ข้อสรุปว่า ภัยสงครามล้างโลก

    www.mythland.org/v3/thread-95.1/page-1]แอตแลนติสดินแดนพิศวง
     
  10. รักคนอ่าน

    รักคนอ่าน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +94
    มนุษย์ต่างดาวที่ยึดครองไป4กาแลคซี่ ชาวพุทธรู้จักในนาม
    พระเจ้าจักรพรรดิ

    เป็นความจริงที่ว่า ยุคนี้ไม่มีพระเจ้าจักรพรรดิ

    โปรดอย่าโย่งเข้าเรื่องการเมือง
     
  11. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    พอจะมีเหตุที่ทำให้คิดได้เหมือนกันว่า มนุษย์ต่างดาวที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิเคยมาเยือนโลกในอดีต
    ดูได้จาก มหาปรินิพพานสูตร ที่พระอานนท์ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า เมื่อพระพุืทธเจ้าปรินิพพานแล้วจะให้ทำอย่างไรกับพระสรีระของพระพุทธเจ้า
     
  12. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    พระพุทธเจ้าตรัสตอบพระอานนท์ว่า
    วิธีปฏิบัติต่อพระพุทธสรีระให้ทำเช่นเดียวกับพระสรีระของพระเจ้าจักรพรรดิ์ ในเมื่อพระอานนท์กราบทูลถาม โดยทรงแสดงว่า ให้ห่อด้วยผ้าใหม่ แล้วห่อด้วยสำลี แล้วห่อด้วยผ้าใหม่ แล้วห่อด้วยสำลี รวม ๕๐๐ ชั้น แล้วใส่ในรางเหล็กเต็มด้วยน้ำมัน ปิดด้วยรางเหล็ก ทำจิตกาธานด้วยของหอมแล้ว ทำการเผา สร้างสตูปไส้ในทางสี่แพร่ง.

    ตรงห่อจนครบ500ชั้นนี้แหละดูคล้ายกับห่อมัมมี่ ใในรางเหล็กก็คล้ายและ สถูปก็ดูเหมือนปิระมิด
    ต่างกันแค่ตรงพระเจ้าจักรพรรดินั้นให้เผาก่อน แล้วจึงสร้างสถูปใส่อัตถิธาติไว้ในทางสี่แพร่ง
     
  13. Thongkerd

    Thongkerd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +152
    Wow.............................
     
  14. pczophie

    pczophie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +61
    กลัวลืม.. (เกือบลืม)

    ขอ mark ไว้ก่อน

    แทนที่เราจะเดินทางไปกาแล็กซี่แอนโดรมีด้า ทำไมเราไม่ยก แอนโดรมาด้ามาไว้รอบๆตัวเราแทน ^_^

    มนุษย์เราเห็นแสงได้ 7 สี แต่หมากับแมวมันมองเห็นแค่ ขาวกับดำ

    แล้วทำไม วิญญาณที่ออกจากร่างมนุษย์ไปแล้ว แต่ยังมองเห็นเหมือนมนุษย์ ได้ยินเสียงความถี่เดียวกับมนุษย์

    ขอพื้นที่กระทู้ mark ไว้ก่อน พอดีคิดได้เมื่อคืนแต่ง่วงมาก!! ตื่นมาลืมไปแล้ว ตะกี๊มองๆดูท้องฟ้าก็เลยนึกออก
     
  15. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ผมว่าชาวโลกเรารีบๆทำ Warp gate กันเถอะจะได้ไปพิสูจน์ให้รู้แล้วรู้รอดไป
    จำเป็นต้อง Upgrade DNA ก่อนสินะจึงจะทำแบบนั้นได้
     
  16. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    รู้ไหมครับ? ทำไมมนตด. จึงมาด้อมๆมองๆที่ดาวเคราะห์โลก..หุหุหุ..
     
  17. illanzer

    illanzer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +840
    ไม่รู้ครับ อยากรู้ด้วย ฮรี่ๆ
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ไม่รู้เหรอ? เอะ..ทำไมไม่รู้? 555+..(ผมขออุบไว้ก่อน รอเปิดเผยในอนาคตกาลนี้แล)
     
  19. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    นี่ไง..ผู้รู้จริง..โมทนาครับ
     
  20. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    คำตอบของคุณ pczophie ก็คือ ขันธ์ 5 ครับ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ โดยมี สัญญา เป็นตัวสำคัญ สัญญา คืิอ ความทรงจำหมายรู้ เช่น อย่างนี้เรียก เก้าอี้ อย่างนี้ เรียก หู เป็นต้น มีคำอธิบายง่าย ๆ ในเรื่องนี้ มีนักวิทยาศาสตร์นำในไม้มาถ่ายรูปเต็มไบ ต่อมา ก็ฉีกใบไม้ให้เหลือครึ่งใบ แล้วถ่ายใหม่ด้วยกล้องชนิดพิเศษ ปรากฏว่าในภาพจะเห็นใบไม้เต็มใบ ใบไม้ที่เต็มใบในส่วนที่ขาดไปก็คือ สัญญา นั่นเอง ครับ ด้วยเหตุนี้ การที่เราเห็นหรือสัมผัสได้ว่ามีลักษณะเหมือนคน เพราะสัญญาเก่า และมีเวทนา (ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ เป็นต้น ซึ่งมีทั้งทุกข์ สุข และไม่ทุกข์ไม่สุข) ประสบการณ์ตรงเรื่องนี้ผมก็มีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...