เหตุที่ผมออกจากวัดพระธรรมกาย เพราะ...

ผมว่าตุณน่าจะให้ความหมายใหม่ที่ละเอียดกว่านี้ไม่ดีหน่อยหรือครับ ความหมายมันแข็งๆยังไงไม่รู้

 

ตัณหา คือความอยากได้ อยากเอา ด้วยความเห็นแก่ตัว เป็นความอยากในหมวดของอกุศลาธรรมมา อยากแล้วเบียดเบียน อยากแล้วตกต่ำในธรรม อกุศลเจริญ

ฉันทะ คือความอยากทำ อยากให้ ด้วยความไม่เห็นแก่ตัว เป็นความอยากในหมวดของกุศลาธรรมมา อยากแล้วไม่เบียดเบียน อยากแล้วเจริญในธรรม กุศลเจริญ

 

แล้วก็ยังอยากอยู่ใช่ไหมครับ

 

เพราะโจมตีกันไปโจมตี กัน ศาสนาพุทธ ล่มพอดี

ปัจจุบัน ศาสนาพุทธ ก็ ออนแอ พออยู่ ยังมาโพส โจมตีกันอยู่ได้

พวกคุณ พวกท่านเอาอาไร มาชี้วัด และคุณวงบุญพิเศษ นั่ง เห็นพระ หรือยังละ เห็น แล้วค่อยพูด ดีกว่านะครับ เตือนด้วยความหวัง
เห็นโจมตี กัน ศาสนา จะแย้นะครับ พวกเอาแต่จับผิด และพวกคุณ เข้าถึงกันรึยังละครับ ศาสนาพุทธ เหมือน กัน ก็จริงอย่าง เขาว่า ศาสนาพุทธ จะล่มก็ ฝีมือ คนพุทธด้วยกันนี่แหละ สงสัยจะจริง

 

ผมมาโพสกระทู้นี้เวบนี้นะครับ บอกตรงๆเลยผมไม่ได้สนใจคุณ วงบุญเลย อ่านแล้วขำด้วยซ้ำ ตัวเองปฏิบัติได้ไม่เท่าไหร่ เหมือนจะตั้งตนเป็นเจ้าสำนักซะละ แถมยังบอก หลวงพ่อเจ้าอาวาสไม่รู้อีกต่างหาก รู้ไม่รู้คนปฏิบัติได้ เห็นผลเยอะแยะครับ แต่ผมก็ต้องปล่อยไปตามสิ่งที่เขาได้เลือกที่จะทำ อย่างผมนี่ครับ ไม่ค่อยที่จะสนใจมาโพสข้อความเท่าไหร่ละครับ ว่างก็มาเอาเวลาไปปฏิบัติ หรือคิดเรื่องทำมาหากินดีกว่า
อย่างวัดพระธรรมกาย หรือไม่ก็พระสายธรรมยุติส่วนตัวผมไปทุกวัดนะครับ แต่อย่างวัดพระธรรมกาย เค้าจะเอาไปเที่ยวหลอกคนอย่างที่ใครเขามากล่าวหา ฟังเขามาแล้วเชื่อ ทั้งๆที่ไม่เคยไป ก็เสียโอกาศแล้วครับ ที่วัดเขาเจริญได้ถึงทุกวันนี้เพราะมีคนปฏิบัติได้จริงเห็นจริง ต่างหาก ไม่ใช่มาแบบเจ้าของกระทู้ อย่างหลวงพ่อสด เห็นไหมครับ ท่านปฏิบัติครั้งแรกที่ท่านเห็นดวงปฐมมรรค ประวัติท่านบอกว่ายังไง ท่านไม่ได้เห็นองค์พระก่อนนะครับ แต่ท่านเห็นดวงแก้วสว่างดวงเท่าไข่ไก่สุก เห็นไหมครับผลของการปฏิบัติที่ได้ต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายเดียวกันคือพระธรรมกาย บางคนจากที่ได้ฟังมา บางคนก็เห็นดวงแก้วซ้อนกันมาเป็นสายๆ บางคนก็เห็นองค์พระเป็นสายๆ บางคนก็รู้สึกตัวขยายใหญ่มากๆ แล้วแต่ผลการปฏิบัติของแต่ละคน แต่เจ้าของกระทู้ออกทะเลเลย เห็นอย่างนั้นเห็นอย่างนี้ แล้วคิดว่าคนอื่นต้องเห็นเหมือนตน แล้วก็มาตั้งกระทู้นี้

 

รู้จัก ธรรมยุต ด้วยรึ...
ธรรมยุต น่ะ เขาไม่สอนให้ยึด นิมิตนะครับ...
หลวงพ่อ สด สอนให้ยึด นิมิต ยึดลูกแก้ว...
แถมยังมีการสอนว่า จะไปนิพพานต้องไป ที่ เหนือสะดือ 2 นิ้ว..
สอน กัน เฝือๆ มานาน..พระไตรปิฏก ไม่มีสอน ครับ เรื่องลูกแก้ว และ สะดือ 2นิ้ว..

งมงายกันไม่เข้าท่า เรียนอะไรเกินตำรา พระไตรปิฏก
สาย ธรรมยุต เขาสอน อริยสัจ 4 ตรงๆ..
ไล่มา แต่ หลวงปู่มั่น และ สายศิษย์ ของท่านทุกองค์
ทุกๆกรรมฐานเริ่มที่ กาย หากว่ากันตามสาย ธรรมยุต
และให้ มาลง ที่ จิตในภายหลัง สิ่งที่สอนเป็นแก่นแท้ๆ
คือ การ นำ จิตที่เป็น สมาธิ จากสมถะ กรรมฐาน มาดู
จิต ที่ วิ่งไปมาจับกิเลส อันเกิดๆดับๆในกายและใจ...
เป็นการ จามดู ตามรู้ ที่เขาเรียกว่า เจริญสติ..ตรงตาม
คำสอน แบบสติปัฎฐาน 4 ทุกอย่าง...การ ภาวนา แบบนั่งสมาธิ ทุกแบบ คำ บริกรรม ไม่ว่าพุทโธ หรือ สัมมาอรหัง มีรากเหง้ามาจาก อาปาณบรรพพะ
ใน กายานุปัสสนากรรมฐาน บรรพะ ที่ 1...คือการ เพ่ง อารมร์ โดยมี คำบริกรรมเป็น นิมิต...หาก แต่ว่า ตามตำรานั้น พระพุทธองค์ ท่านให้ ตามดู และตามรู้ ลม หายใจว่าเข้าออก สั้น หรือ ยาว และ ให้ตามรู้ต่อไป อีกว่า ลมไหน สบาย ลมไหน ไม่สบาย หากใจที่ดูลม เกิดไป คิด เรื่องราวอื่นๆ ก้ ให้ตามรู้ไปอีกว่า ใจวิ่งแส่ส่ายไป จาก กรรมฐานแล้ว..

นี้ คือ อาณษปาณสติ แบบ 16 ขั้นตอน ((ผมยังกล่าวไม่หมด แต่ มีตำรายืนยัน แน่นอน))..หลวงพ่อ สด เป็นใคร..บอกว่าท ค้นเจอ วิชา ดู ลุกแก้ว..
แถมบอกว่าไปนิพพาน ต้องออก ที่เหนือ สะดือ 2 นิ้ว..หุหุ

อริยสัจ4 ไม่เรียนไม่สอน แต่ดันไปสอน วิชาฤาษี..มันมีมานานแล้ว..
กรรมฐาน แบบ ตั้งนิมิตให้จิต จับไว้..จนแน่นนิ่ง สุดท้าย มัน ผิดทาง หลงทาง
พวก รุ่นหลังก็ ไม่รู้เรื่อง ไม่ถึงแก่น คำสอน แต่ ดัน มาอิงคำสอนพระพุทธเจ้า
น่า ละอายนัก แน่จริงไปเปิด ศาสนาใหม่เลย..อย่ามา อิงศาสนาพุทธ เลย...

พุทธธ สอนให้ ละ อัตตา แม้ในที่สุด การปฎิบัติธรรม แบบพุทธ..ที่สุดแล้ว..จิต ที่ว่าเป็น ของตน ยังต้องละไปให้ได้ จึงจะถึง ความบริสุทธิ อย่างแท้จรนิง
แต่ หลวงพ่อ สด สอนว่า ให้ ยึดลูกแก้ว...

คนรุ่นหลัง ไม่รู้เรื่อง เรียนแบบ ไม่ ใฝ่หา ก็ จะหลงๆไป ตามที่เขาสอน เพราะ การ ทำสมาธิ แบบ มีนิมิต มันง่าย และ สามารถ เคลิบเคลิ้ม ถุกใจ มันสบาย
เลยเข้าใจกันว่า หลวงพ่อ สด สอนของจริง หูหู ยังผืด ครับ...

 

จำได้แต่ก่อนเราเถียงกันไปเถียงกันมาหัวข้อวัดธรรมกายเวลาผ่านไปคงทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้นซินะ

 

ดับได้แล้ว ก็ไม่เหลือตัณหา

ถ้าเข้าใจความหมายผิด เหมือนหลายๆคนกล่าวว่า อยากหลุดพ้นเป็นกิเลสความอยาก เลยอยู่เฉยๆซะ มันก็เสียเวลามาเกิดเป็นคนทั้งทีเอาดีไม่ได้ อยากทำดีก็เป็นกิเลสไปซะอีก

 

มีคนเก่งมาอีกแล้ว

มายกเรื่องแนวทางการปฏิบัติไปโน่น

ฟังมาจากใหนก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่อสดสอนให้ยึดติดในนิมิต เอาที่ใหนมาพูดน้อ น้ำท่วมทุ่งแท้ๆ

 

นี่แหละทางของผู้ใคร่ศึกษาของแท้ ต้องแบบนี้สิ
ขออนุโมทนาสาธุครับ
ชอบคำตอบตรงนี้แหละโดน ผมขอเสริมนิดนึง และแก้ใขตัวหนังสือให้ครับ

สิ่งที่สอนเป็นแก่นแท้ๆ
คือ การ นำ จิตที่เป็น สมาธิ จากสมถะ กรรมฐาน มาดู
จิต ที่ วิ่งไปมาจับกิเลส อันเกิดๆดับๆในกายและใจ...
เป็นการ ตามดู ตามรู้แล้วปล่อยวาง ที่เขาเรียกว่า เจริญสติ..ตรงตาม
คำสอน แบบสติปัฎฐาน 4 ทุกอย่าง...การ ภาวนา แบบนั่งสมาธิ ทุกแบบ คำ บริกรรม ไม่ว่าพุทโธ หรือ สัมมาอรหัง มีรากเหง้ามาจาก อาปาณบรรพพะ
ใน กายานุปัสสนากรรมฐาน บรรพะ ที่ 1...คือการ เพ่ง อารมร์ โดยมี คำบริกรรมเป็น นิมิต...หาก แต่ว่า ตามตำรานั้น พระพุทธองค์ ท่านให้ ตามดู และตามรู้ ลม หายใจว่าเข้าออก สั้น หรือ ยาว และ ให้ตามรู้ต่อไป อีกว่า ลมไหน สบาย ลมไหน ไม่สบาย หากใจที่ดูลม เกิดไป คิด เรื่องราวอื่นๆ ก้ ให้ตามรู้ไปอีกว่า ใจวิ่งแส่ส่ายไป จาก กรรมฐานแล้ว..

 

อ่านแล้วขำ ก็เพราะเป็นกันแบบนีหละนะมีแต่คนเก่งๆ
วลีเด็ดหลวงพ่อสดคือ
หยุดคือตัวสำเร็จ

ไม่ต้องมาแบ่งธรรมยุทธกับมหานิกายหรอกครับ
เล่าแล้วเดี๊ยวยาว
มีกันแต่เจ้าสำนัก

 

ตลกสุดๆ 555+++ ไหนว่าไม่สนใจเจ้าของกระทู้ ...เห็นรู้มากจังเลย ว่า จขกท เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อ้าว...เห็นบอกว่าตัวเองไม่ว่างมาโพส ไม่สนใจจะมาโพส เห็นเข้ามาเห่าแทบทุกวันเลย..น่าขำ ไอ้พวก พูดอย่าง ทำอีกอย่าง 5555+++ ทางโน้น เขาสอนมาแบบนี้เหรอ มิน่าถึงเจริญกันนัก 555+++
ที่ว่าทุกวันนี้มีคนปฎิบัติได้จริงเห็นจริง เห็นอ่ะรัยล่ะ...จานบินเหรอ ฝันรอวันเขาพาขึ้นสวรรค์เหรอ ระวังจานบินพาตกนรกเด้อ... น่าสงสารจริงๆเล๊ย..ขนาดสาวก เข้ามาโพส ยังมั่วตลอด...5555+++

 

ผมว่าสิ่งที่ผมโพสคงเป็นประโยชน์แก่คนอื่นไม่มากก็น้อย
แต่สำหรับคนนี้
"บัวในตม"

 

แล้วคำถามเดิมของผมที่ถามว่า "ยังอยากอยู่ใช่ใหม" อันนี้ขอคำตอบแบบตรงๆชัดๆครับ

ส่วนตรงนี้เป็นคำถามใหม่จากคำตอบที่ผมอ้างมาใหม่นี้นะครับ
- ก็แล้วมันดับหรือยังล่ะครับ

 

พวกลูกศิษย์ หลววงพ่อ สด ก็ยึดแต่คำว่า....หยุดคือ ตัวสำเร็จ .....
เมื่อก่อน ผม อ่านคำนี้แล้ว ผมก็ ทึ่ง ดูเหมือน เท่ห์จัง หยุดคือตัวสำเร็จ
การ หยุด...เนี่ยมันยังมี 2 แบบเลย....คุณ หยุดแบบไหนล่ะ หาก หหยุด แบบ
หลวงพ่อ สด เนี่ย...เขาหยุดด้วยการ เหบียบเบรค....

ส่วน วิปัสสนาเนี่ย ..การหยุด เกิดจาก จิตมันหยุดเองครับ....

อีกอย่างนะ ผมว่า เรื่องขันธ์ 5 อย่างเนี่ย สาย หลวงพ่อ สด ยังแยก ออกรึเปล่า
ผม ยังไม่แน่ใจ ดีไม่ดี จะแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่า ขันธ์ 5 อย่างที่ท่องๆได้น่ะ อาจ
มองไม่ออกด้วยซ้ำว่า ในร่างกายมนุษย์ มี ขันธ์ 5 อย่าง อยู่ตรงไหน และ เกิดเป็น อย่างไร ในกายและใจมนุษย์.... สายธรรมกาย หาจิตเจอมั้ยว่าอยู่ที่ไหน การจะหาจิต ให้เจอนั้น เขาหากันอย่างไร...ขันธ์ 5 มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ...
คุณ ว่า ใน ขันะ 5 นี้ มีจิตมั้ย....แค่นี้ก็ เสร็จแล้ว...จิต อยู่ที่ไหน หน้าตา จิตเป็นอย่างไร รู้จักมั้ย.....

ธรรมมะ ในพระพุทธศาสนา หาก จะเรียนจริงๆ แก่นแท้ๆ มีไม่กี่อย่างครับ...
แต่ประเภท พาไปดูสวรรค์ พาขึ้นสวรรค์ ด้วยการ บริจาค เยอะๆ แล้วอยากไป
สวรรค์ เนี่ย คงไป แบบ เป็น เปรตก่อนครับ..เพราะ เจตนา เกิดความโลภไปแล้ว

มีสิ่งสังเกตุ อยู่อย่างนึง...คุณ POWERLIFE กับ คุณ UPANYA

ผมว่าเป็นคนเดียวกันแน่ๆ

 

เรื่องการหยุด ที่เป็นตัวสำเร็จ ...

การหยุดนั้น หาก บังคับกดข่มเอา..จิตจะหยุดนิ่งได้เหมือนกัน..ด้วยการบังคับ..ดูอารมณ์กรรมฐานแบบสมถะโดยเอา นิมิตลูก แก้วเป็นนิมิตกรรมฐาน..การหยุดแบบนี้ เป็นการกดข่มจิต..ให้ นิ่ง และหยุด ด้วยการสั่งเอา

แต่การหยุด ของจริง มันหยุด เพราะ ว่าจิตเห็นไตรลักษณ์ ครับ...จิตเมื่อเห็นการเกิดดับบ่อยๆ ตัวจิตมันจะรุ้ว่าเรื่องในโลกนี้ มันไม่มีอยู่จริง มันเป็นอนัตตา สุดท้ายมันจะปล่อยตัวมันเอง ไม่ยึดติดใดๆในโลก การหยุด นิ่ง เพราะ จิตมันละ อุปาทานได้ มันไม่จับ กิเลส ไม่ยึดติดใดๆในโลก..ตัวมันเองเลิกแส่ส่าย การหยุดแบบนี้ มันเกิดเองด้วยตัวจิตเอง....อันเกิดจาก การ เห็น ไตรลักษณ์ หยุดแบบนี้ ถาวร พระนิพพานเกิด ตรงนี้

ไม่ใช่การออก จาก เหนือสะดือ 2นิ้ว..แบบที่หลวงพ่อสด สอน มันเหมือน หนังผีเกินไป
ที่มี ช่อง เข้าออก แบบ ปาฎิหาริย์...มีทางเข้าออก แบบ ผี..เข้าร่างออกจาก ร่าง

อย่างว่าครับ..สอนแบบหลวงพ่อ สด มันน่าตื่นเต้น และคิดตามได้ แบบ ภาพยนตร์
หาก สอน แบบ พระสัทธรรมแท้ๆ คนโง่ๆ ไม่เข้าใจแน่ๆ มันยากจะเข้าใจครับ
เพราะเป้นนามธรรม แค่ถามว่า จิตอยู่ตรงไหน ก้ ไม่รู้แล้ว....มันจับต้องไม่ได้

 

ขำเหมือนท่านเลย ขอบใจที่ประเมิณว่าเก่ง และขอบคุณที่ยกให้เป็นถึงเจ้าสำนักแต่ไม่ขอรับนะครับ

 

ง่ายๆครับ
แล้วคุณคิดว่า เส้นทางที่จะไปพุทธมณฑลมีกี่ทางละครับ ถ้าให้พุทธมณฑลคือพระนิพพาน

 

จากที่ติดตามมา ผมเห็นแต่ตัวหนังสือที่ชวนเพื่อนๆไปในทางเกิดโทสะทั้งนั้นเลย

ถ้าคุณกล้าว่าคนอื่นว่าบัวในตม ผมคิดว่าคุณคือ ตม

 

แล้วมันถึงที่สุดแล้วหรือยังหละครับ

ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา มันต้องเดินไปตามลำดับ

ถึงที่สุดแล้วคืออรหัตผล ความอยาก(ตัณหา)มันก็ดับ

แต่ถ้ายังไม่สามารถทำให้ถึงที่สุดได้ ความอยากก็ยังไม่หมด แต่มันก็จะเบาบางไปเรื่อยๆ