การเลื่อนระดับประเทศจากกสิกรรมขึ้นเป็นพาณิชยกรรม ด้วยพลังแห่งไกอา!

สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติ์ทุกท่าน ยังมีเรื่อง
ที่ท้าทายและน่าตื่นเต้นอีกมากสำหรับท่าน
ทั้งหลายในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะใน
เรื่องการเลื่อนระดับของโลก และภายใต้
ความรับผิดชอบของท่าน ก็คือ การเลื่อน
ระดับของประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน


พวกเรากำลังจับจ้องดูท่านทั้งหลายอยู่ด้วย
ความชื่นชมในทุกความพยายามทั้งหลาย
ในทุกภาคส่วน ที่พร้อมใจกันเดินก้าวไปข้าง
หน้าอย่างมีเป้าหมายที่ถูกต้องชัดเจน นั่นคือ
ความพยายามในการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหนึ่ง
เดียวกัน และท่านก็ได้เริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง
แล้วในระดับภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเราหวังว่ามัน
จะขยายผลความสำเร็จ จนกลายเป็น "ต้นแบบ"
ในกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลกต่อไปอีกด้วย


เอาละ สำหรับวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันที่ประเทศ
ของท่านก่อน เพื่อ "เป็นตัวอย่าง" ก็แล้วกัน
นั่นคือ การเลื่อนระดับประเทศของท่านให้ก้าว
หน้าไปในอนาคตที่สดใสและถูกต้องตรงทาง

 

ศูนย์กลางแห่ง C-commerce แห่งอาเซียน กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!


อย่างแรกที่ท่านต้องเข้าใจเป็นเบื้องต้นก่อนคือ ประเทศก็เหมือนคน มีการ
เติบโตและพัฒนาการอย่างเป็นขั้นตอนไป การเติบโตอย่างก้าวกระโดดใน
ประเทศหนึ่งประเทศใด อาจเกิดขึ้นได้ ภายใต้ "ปัญหา" ที่ตามมา คือ การ
เจริญขึ้นอย่างขาดสมดุลในทุกๆ มิติ ก็มี, การปรับตัวได้ของคนบางกลุ่ม
ในขณะที่คนบางกลุ่มปรับตัวตามไม่ทัน ก็มี, รวมทั้งการเจริญเติบโตอย่าง
ผิดทิศทาง ก็มี ฯลฯ ดังนั้น จึงเป็นความจำเป็นและท้าทายอย่างยิ่ง ที่ท่าน
จะต้องนำพาประเทศของท่านให้ "เจริญเติบโตไปข้างหน้า อย่างสมดุลใน
ทุกมิติและไปยังทิศทางที่ถูกต้อง" อีกด้วย ยกตัวอย่าง เช่น ประเทศของ
ท่านเคยเป็นประเทศกสิกรรมมาก่อน แต่ท่านก็ไม่จำเป็นต้องยึดมั่นจมปลัก
อยู่กับสิ่งนี้ตลอดไป เพราะประเทศต้องมีการเติบโต, ก้าวหน้า และเปลี่ยน
แปลง ไม่ต่างจากประเทศญี่ปุ่น ที่ก็เคยเป็นประเทศกสิกรรมมาก่อนเช่นกัน
ทว่า ปัจจุบันก็เปลี่ยนไปแล้ว นั่นแหละ คือ พัฒนาการของประเทศ ซึ่งมัน
ต้องมีและเกิดขึ้นในวันหนึ่งวันใด สำหรับประเทศของท่านเองก็เช่นกัน คือ
การก้าวข้ามขั้นไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม อาจไม่ใช่คำตอบที่ดี แต่การย่ำ
อยู่กับที่คือ เกษตรกรรม ก็จะทำให้ประเทศล้าหลัง ไม่ทันเพื่อนบ้านได้ ดัง
นั้น การมองเห็น "อนาคตของตนเอง" อย่างชัดเจนและถูกทิศทาง จึงจะ
ช่วยให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าได้อย่างถูกต้อง ซึ่งก็คือ การก้าวไปสู่การ
เป็นประเทศพาณิชยกรรม ซึ่ง มีหลายประเทศประสบความสำเร็จไปก่อน
แล้ว เช่น ประเทศฮ่องกง, สิงคโปร์ เป็นต้น สำหรับประเทศของท่าน เดิม
เคยเป็น "เบ้าหลอมทางวัฒนธรรมทุกสาย" ซึ่งท่านเปิดรับทั้งหมด ไม่มี
การปิดกั้นมาก่อน นั่นคือ "มรดกของท่าน" ที่ท่านไม่ควรละทิ้ง และควร
จะนำมาต่อยอดด้วย "การพาณิชยกรรม" ซึ่งคือ การพาณิชยกรรมเชิง
วัฒนธรรม (Culture commerce) นั่นเอง ซึ่งไม่ใช่การเอาวัฒนธรรม
ไปขายเพื่อการทำลายวัฒนธรรม แต่ต้องเป็นการพาณิชยกรรมที่ช่วยให้
เกิดการสร้างสรรค์วัฒนธรรมขึ้นด้วย เหมือนกับที่ "ประเทศเกาหลีใต้" ก็
ประสบความสำเร็จมาแล้ว จากการยอมให้เอาประวัติศาสตร์ของตนมาทำ
เป็นภาพยนต์ ก่อให้เกิดกระแส เกาหลีฟีเวอร์ และการเปิดรับสินค้าเกาหลี
ตามมาอีกด้วย นับว่าเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของเกาหลีใต้เลยทีเดียว

 

ข้อแตกต่างอันเป็น "จุดแข็งของประเทศ" ที่ต่างจากเกาหลี, ฮ่องกง ฯลฯ


ต่อไปคือ การมอง "จุดแข็ง" ของตนเองให้ออก แล้วเลือกที่จะ "เดินเกม"
บน "จุดแข็ง" ของตนเอง ก็จะได้เปรียบเชิงการแข่งขันอย่างสูง ซึ่งท่าน
จะต้องเข้าใจถึง "ความแตกต่าง" ของท่านกับประเทศพาณิชยกรรมอื่นๆ
ก่อน เช่น เกาหลี มีวัฒนธรรมเฉพาะของตนเอง และเปิดรับวัฒนธรรมจาก
ภายนอกไม่มากนัก พวกเขาเพิ่งเปิดรับวัฒนธรรมต่างชาติอย่างเสรีเมื่อไม่
นานมานัก ในขณะที่ประเทศของท่านมีนโยบายเปิดรับทางวัฒนธรรม ยาว
นานกว่ามาก เรียกว่าคือ "ประเทศเสรีในการเปิดรับ" อย่างแท้จริง แต่ภาย
หลังจึงได้พยายามสร้างอัตลักษณ์ของตนเองขึ้นมาใหม่ในสมัยรัตนโกสิน
ทั้งที่แต่เดิม "ท่านมีเชื้อสายของไกอา" และกำลังหลอมรวมวัฒนธรรมทุก
สายในโลก "ดีและถูกต้องอยู่แล้ว" เอาละ สรุป ท่านแตกต่างจาก เกาหลี
ตรงที่ "ท่านคือศูนย์รวมของวัฒนธรรมของโลก" ก็แล้วกัน นี่คือ กุญแจที่
ใช้ไขพลังงานของไกอาออกมาได้ นั่นมี "รากเหง้าที่ดี" คือ จากไกอาเป็น
พลังหนุนหลัง อย่าลืมละ เพราะนี่จะทำให้ท่านแตกต่างไปจากฮ่องกงและ
สิงคโปร์ด้วย ด้วยกลยุทธ์นี้ ท่านจะกลายเป็น "อเมริกาแห่งอาเซียน" เป็น
ที่ที่เปิดรับทุกอย่างจากทั่วโลกอย่างอิสระเสรี และมันจะกลายเป็น "มรดก
ทางวัฒนธรรม" ในการขับดันให้เกิด "การพาณิชยกรรมเชิงสร้างสรรค์"
ต่อไป เราหวังอย่างยิ่งว่าท่านจะไม่หลงใน "ชาตินิยม" มากเกินไป จนลืม
ไปว่าประวัติศาสตร์ของชาติท่าน ไม่ได้ยึดมั่นในสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกินไปนักแต่
"เปิดกว้างยอมรับและพร้อมเรียนรู้ทุกสิ่งจากทั่วโลก" มันเป็นเช่นนั้น นาน
มาแล้ว และก่อนประเทศอเมริกาจะเริ่มมีแนวคิดเปิดกว้างอย่างเสรีเสียอีก

 

เลิกทำตัวเป็น "วัวเชื่องที่อ่อนแอ" แล้วจงใส่เขี้ยวเล็บ-ติดปีก บินได้แล้ว


ต่อไปคือ การยกระดับ "ประชาชนทั้งประเทศ" จากเดิมที่ถูกสอนให้เป็น
"วัวเชื่องที่แสนอ่อนแอ" มาตลอด เพราะขาดเขี้ยวเล็บและเชื่องอย่างยิ่ง
จึงเป็นได้แค่วัว และเพราะอ่อนแอต้องอาศัย "เทพเจ้า" ตลอด จึงไม่อาจ
ยืนหยัดด้วยลำแข้งของตนเองได้ และไม่อาจขับเคลื่อนประชาธิปไตยได้
ด้วยประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชนไม่ยอมทำตัวเป็นประชาชนภายใต้
ระบอบประชาธิปไตย แต่นิยมเป็น "ข้า" ที่เกาะอาศัย "เจ้านายเหนือหัว"
เหมือน "ยุคล้าหลังในอดีตที่แสนนานมาแล้ว" บ้างก็ทำตัวเป็นมนุษย์ยุค
หิน บูชาผี, ตอไม้, จิ้งจก, ขี้แมว ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ล้วนแต่ทำให้ประเทศล้า
หลังและไม่พัฒนาขึ้นมาได้เลย ในยุคของพระพุทธเจ้ามาเกิดเมื่อสองพัน
หกร้อยกว่าปีที่แล้ว ประชาชนเลิกบูชา ผี, ขอนไม้, ก้อนหิน ฯลฯ ไปนาน
แล้ว พวกเขาเป็นพราหมณ์ที่มี "เทพเจ้าฮินดู" อยู่ นั่นยังทันสมัยกว่าเรา
ในปัจจุบันนี้มาก แต่เรากำลังล้าหลังถึงขั้นวิกฤติถึงที่สุดย้อนยุคไปถึงยุค
มนุษย์ถ้ำ มนุษย์ยุคหินกันเลยทีเดียว นี่คือ "พวกที่จะต้องสูญพันธุ์ไปด้วย
ความอ่อนแอและไร้การพัฒนการ" ในขณะที่ประเทศของท่านกลับมีเด็ก
ที่เกิดมาเพียง 3 ขวบก็ทำหน้าที่เป็นพระได้แล้ว, เป็นนักดนตรีได้แล้ว งง
ไหมละ? มันคืออะไร? ในขณะที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ล้าหลังเช่นมนุษย์ยุคฤษี
แต่รุ่นลูกหลาน กลับมีพัฒนาการที่ก้าวล้ำอย่างไม่น่าเชื่อ? นั่นแหละ ข้อ
แตกต่างนี้เอง มันจะนำไปสู่ "กรสูญพันธุ์ของมนุษ์ยุคหิน" เอาละ มันอาจ
จะกลายเป็นความจริงในอีกไม่นานนัก พร้มๆ กับ "การเลื่อนระดับของคน
ในประเทศ" ของท่านจำนวนมาก มันช่างสวนทางกันเสียจริงๆ ท่านว่ามั้ย
ดังนั้น ถ้าท่านไม่รีบยกระดับตัวเองเสียแต่ตอนนี้ ไม่ "ใส่เขี้ยวเล็บติดปีก"
ท่านก็จะสูญพันธุ์ ไม่รอด มนุษย์ที่เหมือนวัวเชื่องที่แสนอ่อนแอจะสูญพันธุ์
ไป ในขณะที่มนุษย์ที่เข้มแข็งและปรับตัวได้ ก็จะรอด นี่ก็คือ การคัดเลือก
ตามธรรมชาติ สัตว์ที่ปรับตัวได้ดีกว่าจะรอด, สัตว์ที่ปรับตัวไม่ได้จะสิ้นไป

 

การเปิดรับ "พลังแห่งไกอาและพระบิดาจักรวาล" เพื่อการเลื่อนระดับ


ต่อไปคือ "พลังที่ช่วยให้ท่านเลื่อนระดับ" ซึ่งมีสองส่วนสำคัญมากๆ คือ
พลังของไกอาที่อยู่ประจำดาวโลกดวงนี้ เป็นพลังงานที่เห็นโลกเป็นหนึ่ง
เดียวกันไม่แบ่งแยก เชื้อชาติ, ศาสนา หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น และพลังอีก
ส่วนคือ "พลังจากพระบิดาจักรวาล" อันเป็นพลังแห่งสากลจักรวาล ซึ่ง
ช่วยในการเลื่อนระดับของโลกไปสู่ระดับสากลจักรวาลอย่างแท้จริง เป็น
พลังที่ "หลุดโลกและเปิดกว้างอย่างยิ่ง" หมายความว่าท่านต้องหลุดพ้น
จากการหลงโลก, ยึดมั่นในโลกนี้ให้ได้ก่อน แล้วเปิดกว้างรับทุกอย่างได้
อย่างไม่จำกัด นั่นแหละ ท่านจึงจะเชื่อมต่อกับ พลังของพระบิดาจักรวาล
ได้ พลังสองอย่างนี้ จะช่วยให้ท่านเลื่อนระดับได้ดียิ่งขึ้นและจะทำให้เกิด
การเลื่อนระดับในวงกว้างต่อไป เช่น จากระดับประเทศไปสู่ระดับภูมิภาค
และระดับโลกในที่สุด ! อย่าให้ "พลังงานเก่า" ใดๆ มาขวางทางท่านไว้
เช่น พลังของแม่พระธรณีที่ยึดมั่นผืนแผ่นดิน แต่ละประเทศ แตกต่างกัน
ไป จนทำให้ท่านกลายเป็นพวก "ชาตินิยม" จนเกินไป พลังของพวกฤษี
ที่จะทำให้ท่านพอใจกับชีวิตสมถะแบบฤษี ขาดความกล้าหาญที่จะก้าว
ต่อไปในอนาคต นี่ไม่ใช่การสอนให้ท่านโลภ แต่ท่านต้อง "เข้าใจความ
เป็นไปของโลก" ด้วย ท่านกำลังอยู่ในเวทีการแข่งขัน ที่เชื่อมโยงไปใน
ระดับโลกแล้ว ท่านไม่อาจหนีการแข่งขันเหล่านี้ได้ และท่านจะต้อง "สู้
อย่างสมศักดิศรี" ไม่ใช่ "ยอมแพ้ แล้วเข้าถ้ำนั่งสมาธิ" กลายเป็นฤษีไป

 

การสร้างระบบพาณิชยกรรม เหมือนระบบนิเวศน์บ่อเลี้ยงปลาเชิงซ้อน ?


ต่อไปคือ วิธีการสร้าง "ระบบนิเวศน์ทางพาณิชยกรรม" ขึ้นมาเหมือนกับ
การทำบ่ออนุบาลเพาะเลี้ยงปลาที่เชื่อมโยงเข้ากับระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ขึ้น
เช่น สระ, หนอง, คลอง, บึง, ทะเลสาบ ฯลฯ สิ่งสำคัญคือ "ความหลาก
หลายของระบบนิเวศน์" และ "ความสมดุลของระบบนิเวศน์" นั้นๆ เช่น
การมี "ตลาด" หลากหลายระดับเช่น ตลาดค้าปลีก, ตลาดค้าส่ง, ตลาด
มือหนึ่ง, ตลาดมือสอง, ตลาดแบรนด์เนม, ตลาดท้องถิ่น, ตลาดประจำ,
ตลาดนัด, ตลาดมืด, ตลาดเทา, ตลาดเฉพาะกลุ่ม, ตลาดเปิดกว้าง ฯลฯ
เหล่านี้ ก็เหมือน "บ่อเพาะเลี้ยงปลา" ซึ่งจะมีสมดุลของระบบนิเวศน์ของ
มันเอง เช่น ดุลยภาพของตลาดแต่ละตลาด, กลไกลราคา ที่แตกต่างกัน
ในประเทศยูโร มีความหลากหลายของตลาดน้อย เช่น มีแต่ตลาดชั้นสูง,
สินค้าจากต่างประเทศที่เข้าไปขาย ถ้าต่ำกว่ามาตรฐานนั้นๆ จะขายไม่
ได้ มาตรฐานการคัดกรองสินค้าสูงมาก เมื่อเกิดวิกฤติหนี้ยูโร ประชาชน
ขาดกำลังซื้อ จะหาสินค้าคุณภาพรองลงไป แต่ราคาถูกเหมาะสมกับสิ่ง
ที่ตนเป็นอยู่ ก็ยากยิ่ง ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก เพราะความ
ตึงเคร่งขาดความยืดหยุ่นของระบบเศรษฐกิจ ในขณะที่บางประเทศ ยัง
มีทั้งตลาดมืดและตลาดเทา ซึ่งแอบขายของผิดกฏหมายได้ จึงเป็นทาง
ออกในยามอับจนของประชาชน (ไม่ใช่ สนับสนุนสินค้าผิดกฏหมาย นะ
ครับ แต่แสดงให้เห็น "ความหลากหลายและความยืดหยุ่นของระบบฯ")
เอาละ ท่านจำเป็นต้องมองเห็น "ระบบเชิงซ้อน" ที่มีความหลากหลายนี้
ให้ออก และดูแลทุกตลาดอย่างทั่วถึงและเหมาะสมด้วย เช่น ตลาดมืดก็
ควรตรวจเข้มมากขึ้น เมื่อเศรษฐกิจดี แต่ไม่ควรเข้มงวดมากเกินไป หาก
เศรษฐกิจตกต่ำ ท่านต้องเข้าใจ "ความเหมาะสมของ ความถูกต้องและ
ความจำเป็นของประชาชนในระดับต่างๆ ด้วย" เพราะประเทศไม่ได้มีแต่
ด้านกฏหมายหรือศีลธรรม แต่มีด้านอื่นๆ อีกหลายมิติมากมาย เพื่อจะให้
ตลาดแต่ละตลาดได้รับการดูแล อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ยังควรสนับสนุนให้
เกิด "ตลาดใหม่ๆ" ในแต่ละระดับด้วย เพื่อเพิ่มความหลากหลายและซับ
ซ้อนของระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจ ก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเข้มแข็งได้

 

จะว่าไป "การเมือง" นิก็น่าสนใจดีเหมือนกันอ่านะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!

 

การยอมรับใน "ความเป็นตัวเอง" บางประการ ช่วยให้ท่านรอดได้?


ต่อไปคือ การยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น บางอย่าง จะช่วยให้ท่านรอดได้
เช่น การที่มหาตมะ คานธีร์ ผู้ไปเรียนกฏหมายจากต่างประเทศพยายาม
ใช้วิธีแบบฝรั่งในการปลดแอกประเทศของตนนั้น เขาไม่เคยสำเร็จเลย?
แต่เมื่อเขาเปลี่ยนมาใช้วิธี "เป็นอย่างคนอินเดีย" ในที่สุด ฝรั่งที่ปรับตัว
เข้ากับคนอินเดียไม่ได้ ก็ต้องยอมถอยออกไป นั่นแหละ ท่านต้องเชื่อใจ
ใน "บางอย่างของประเทศ" ท่านบ้าง เพราะมันอาจเป็น "เสือร้ายที่คุ้ม
ครองประเทศของท่านอยู่" ก็ได้ ในสายตาของท่าน มันอาจเป็นเสือร้าย
แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันอาจเป็นสิ่งเดียวกันกับสิ่งที่มหาตมะ คานธีร์ ใช้เพื่อ
ต่อสู้กับชาวต่างชาติก็ได้ เอาละ นี่เป็นแค่ตัวอย่างนะ เดี๋ยวจะนำไปสู่การ
เป็น "ชาตินิยม" เกินไป คุณต้องเข้าใจถึง "ความพอดีของการเปิดและ
การปกป้องประเทศ" ด้วย ไม่ใช่เปิดประเทศอย่างไม่มีกลยุทธ์ หรือการ
ปิดประเทศไม่ยอมรับเพราะชาตินิยมเกินไป เอาละ ประเทศของคุณผ่าน
ด่านเรื่องเปิดประเทศมานานแล้ว สิ่งสำคัญต่อไป คือ ต้องไม่ลืมว่าบางสิ่ง
ที่อยู่ในประเทศของคุณ ที่คุณมองว่าเลวร้าย อาจจะเป็น "เสือร้ายที่คอย
คุ้มครองประเทศของคุณอยู่ก็ได้" ดังนั้น การทำพาณิชยกรรมบางอย่าง
คุณอาจจะต้อง "ยอมรับ" ในความร้ายกาจของนักธุรกิจในประเทศของ
คุณให้ได้ เพราะถ้าเขาไม่มีเขี้ยวเล็บ เขาเป็นวัวเชื่อง เขาจะต่อสู้กับผู้อื่น
ที่เข้ามาแข่งขันในประเทศของเขาได้อย่างไร? เอาละ อย่าลืม สมดุลละ
อย่าชาตินิยมเกินไป และอย่ามองข้ามความเป็นตัวของท่านเองไปด้วย

 

อืมมม เนาะะะ

ไม่เปิดมากซะจนเกินไป และไม่ปิดมากซะจนเกินไป ก็เหมือนเราคุมสมดุลย์ของอะไรบางอย่าง ที่มันต้องคาานกันไว้เท่าๆกัน

 

ผมคิดถึง นานจองมากเลยย ๆๆๆๆ จะมีละครเล่นอีกเปล่าครับ น้องนานจอง เข้ามาเห็นแล้วคิดถึงมาก

 

18 มิ.ย. 2555


"เสียงจากดาวพุธ"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

 

จุดธูปสิค่ะ เดี๋ยวจะไปช่วยเล่น

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=wkQn13AMxnQ]Sailor Mercury Transformations and Attacks - YouTube[/ame]

อ่ะ เซเลอร์เมอร์คิวรี่ อย่าพึ่งปายยยยยยยยยย

 

ผมชอบดูศึกชิงบัลลังก์จอมนางมาก ดูตั้งแต่ต้นจนจบเลย แสดงดีมากเลย อยากดูเรื่องใหม่ อยากให้มาฉายเมืองไทยอีก

 

หนอย บางคนทำเป็น

I am you. I'm in you. อย่ามา "ไซโค" Gu ซะให้ยากเลย ระวังของจะย้อนเข้าตัวล่ะ เตือนไว้ (อย่ามาโทษว่า อะไรๆก็ Gu หมด งี่เง่า)

 

ไปคุยกับผู้จัดผังรายการช่อง 3 ค่ะ ไปขอเค้านะคะ

ถ้าขอเค้าแล้วเค้าไม่ยอม ก็จุดธูปค่ะ

 

How to be SailorMercury..............

http://www.youtube.com/watch?NR=1&feature=fvwp&v=zfMeFUguc1w

To all of you guys...........

 

แถมยังไม่พอ เอารูปดิสนั่น นี่ นู่น มาทำเป็นข่มขวัญ หึ..หึ

 

ขอบคุณครับ ผมขอตัวไปจุดธูปก่อน ไปช่อง 3 ไม่ถูกอ่ะ

 

แกพูดไรกันว้ะนี่............