ไม่รู้ความหมาย เกิด-ดับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somchai_eee, 24 มิถุนายน 2012.

  1. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    อ้างอิง:ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อุรุเวลา
    จิต มโน วิญญาณ ไปนิพพานไม่ได้ครับ

    หากยังคิด ว่ามี/เป็น อะไรก็ตาม เมื่อนั้น นิพพาน ก็ไม่เจอ

    จิตหลุดพ้น มันพ้นจาก ขันธ์5 มั้ย มันพ้นจากกฏไตรลักษณ์ มั้ยละครับ

    ท่านบอกให้ดับขันธ์ 5 มั้ย แต่ที่เจอมาคือ
    ดูกรภิกษุทั้งหลายอริยสาวกผู้สดับแล้วเห็นอยู่อย่างนี้
    ย่อมเบื่อหน่าย แม้ในรูป แม้ในเวทนา แม้ในสัญญา แม้ในสังขาร แม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย
    ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณรู้ว่า
    หลุดพ้นแล้วรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น
    เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ฯ


    ว่ามาต่อได้ครับ ไม่เป็นไร ตามความเห็นตน ไม่ผิดถูก แต่ขอ วจีสุจริต นะครับ



     
  2. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    หน้าที่ ก็คือ หน้าที่ ยังไม่ได้แบ่ง ดี ชั่ว หากไม่รู้จัก ดี ชั่ว

    ใช่ครับ ก็จิตยังโง่

    จิตเกิด คือ จิตทำหน้าที่ นึกคิด จิตดับ คือ จิตหยุดนึกคิด จิตเกิด-ดับ คือ จิต นึกเรื่องนี้ (เกิด) แล้วก็นึกเรื่องนู้ (เกิด) ก่อน ที่จะเปลี่ยนเรื่อง มันหยุดก่อน(ดับ) ครับ
    เกิดดับ ตาม วิญญาณต่างๆ ตามผัสสะ นั้น รวมทั้ง มโนวิญญาณ ด้วย

    จิตดับอวิชชา ตัณหา อุปทาน นั้นมันไม่ใช่หมายถึง อวิชชา ตัณหา อุปทาน ดับไปจากจิต หรือท่าน นั้นมันหมายถึง อวิชชา ตัณหา อุปทาน หยุดทำหน้าที มากกว่า จิตหยุดหน้าทีนะ จิตก็ยังทำและหยุดทำหน้าที่(เกิด-ดับ) แต่ไม่มีอวิชชา ตัณหา อุปทาน มาทำหน้าที่ในจิตแล้ว

    แล้วแบบนี้มันเป็นไปได้มั้ยครับ ผม งง กับการอ่านตีความของท่าน นะเนี่ย



    จะบอกว่า การสร้าง สติ สมาธิ ปัญญา เกิดจากจิตก็ไม่ได้ ไม่เกิดจากจิตก็ไม่ได้
    แล้วท่านจะเข้าใจ ในธรรมนี้

    อสังขตธาตุ เป็นไฉน

    ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อสังขตธาตุ

    สภาวธรรมนี้เรียกว่า ธรรมธาตุ


    หรือเรียกว่า นิพพาน หรือนิพพานธาตุ นั้นเอง


    ธรรมไม่เจือกับจิต เป็นไฉน?
    รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เจือกับจิต.
    จิต จะกล่าวว่าเจือกับจิตก็ไม่ได้ ว่าไม่เจือกับจิตก็ไม่ได้.

    เห็นมั้ยว่า อสังขตธาตุไม่เจือกับจิต


    ขอให้ เห็น อนัตตา กันทุกท่านเถิด


    ว่ามาต่อได้ครับ
    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  3. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    ผมว่ามันรวมลงที่ การรู้แจ้งใน อริยสัจจ์4 ครับ ไม่ใช่หยุด
     
  4. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    งง :'(

    พระสารีบุตรได้กล่าวแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
    :-

    “​
    ก็แล คำ นี้ เป็นคำ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้แล้วอย่างนี้ว่า
    ผู้ใด
    เห็นปฏิจจสมุปบาท
    , ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม; ผู้ใดเห็นธรรม, ผู้นั้นชื่อว่าเห็น

    ป ฏิจ จ ส มุป บ า ท

    อย่าเลย วักกลิ! ประโยชน์อะไร ด้วยการเห็นกายเน่านี้. ดูก่อนวักกลิ!

    ผู้ใดเห็นธรรม​
    , ผู้นั้นเห็นเรา; ผู้ใดเห็นเรา, ผู้นั้นเห็นธรรม. ดูก่อนวักกลิ! เพราะ

    ว่า เมื่อเห็นธรรมอยู่ ก็คือเห็นเรา
    ; เมื่อเห็นเราอยู่ ก็คือเห็นธรรม...

    ดูก่อนอานนท์
    ! เพราะไม่รู้ เพราะไม่รู้ตามลำดับ เพราะไม่แทงตลอด
    ซึ่งธรรมคือ ปฏิจจสมุปบาท นี้
    , (จิตของ) หมู่สัตว์นี้ จึงเป็นเหมือนกลุ่มด้ายยุ่ง ยุ่งเหยิงเหมือนความยุ่งของกลุ่มด้ายที่หนาแน่นไปด้วยปม พันกันยุ่งเหมือนเชิงหญ้ามุญชะ และหญ้าปัพพชะ อย่างนี้; ย่อมไม่ล่วงพันซึ่งสังสาระ ที่เป็นอบาย ทุคติ วินิบาต ไปได้.
    "
    ดูก่อนภิกษุ! เธอได้ยินธรรมปริยายนี้แล้ว มิใช่หรือ?"(ปฏิจจสมุปบาท)

    "
    ได้ยินแล้ว พระเจ้าข้า!"

    "
    ดูก่อนภิกษุ! เธอจงรับเอาธรรมปริยายนี้ไป. ดูก่อนภิกษุ! เธอจง
    เล่าเรียนธรรมปริยายนี้
    .
    ดูก่อนภิกษุ! เธอจง ทรงไว้ซึ่งธรรมปริยายนี้. ดูก่อนภิกษ! ธรรมปริยายนี้ ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์",ดังนี้ แล.

     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    อริยะสัจจ์ 4 จะรู้แจ้งได้ก็ด้วยการหยุดครับ ผมขอถามคุณตามตรงครับ

    คุณเคยเห็นกระแสแห่งกาลเวลาไหมครับ ที่เป็นสถานที่กักขังมนุษย์ให้วนเวียน

    สาธุครับ
     
  6. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    ผมเห็นแต่กระแส ปฏิจจสมุปบาท
    ส่วนกระแสแห่งการเป็นอมตะ เคยลองไปมาแล้ว แบบมีอัตตา นั้นนะ เวลามันไม่มี
    ส่วนกระแสแห่งการเวลาใน โลกนี้ จะมีเมื่อ เห็นมัน แต่จะละมันได้ ก็เมื่อ เห็นมันด้วยเช่นกัน

    ไม่ต้องหยุด ก็วิปัสสนาได้ หรือจะเอาสมาธินำ ตามการปฏิบัติในรูปแบบก้ได้ แต่ผมปฏิบัติ ได้ตลอดเท่าที่ สติ(ตื่น) จะมี

    ส่วนท่านจะเอาสมาธิ นำ ก็ไม่ว่ากัน

    สภาวะก่อเกิดกิเลส ท่านว่ามันมีกี่ระดับ ครับ ท่านเห็นอะไร ใน การหยุด ของท่าน ครับ
     
  7. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    การหยุดการปรุงแต่งของท่านนั้น ผมว่ามันมีอยู่ 1 ใน 3 ใน คือ
    1.การหลีกหนี เจตนาผัสสะ
    2.การ เดินสมาธิ แล้วดูลงวิปัสสนา ลงไตรลักษณ์ ใช้กับการปฏิบัติในรูปแบบ
    3. การเจริญสติ มีสมาธิระดับนึง แล้ววิปัสสนา ลงไตรลักษณ์

    แล้วความหมายท่าน มีใน ตามนี้อะป่าวละครับ

    ส่วนที่ใช้คำว่าหยุดปรุงแต่งนั้น แบบถาวรนั้น คือการดับ อวิชชา ได้แล้ว ครับ

    แต่จะอยากรู้ อวิชชา ไปทำไม ตามที่ท่านเคยกล่าว อิอิ
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สรุปว่าคุณไม่เคยเห็น เพราะกระแสแห่งกาลเวลาไม่ได้มีไว้ละครับ

    แต่มีอยู่เช่นนั้นอยู่แล้ว ผู้ที่ปฎิบัติธรรมจะทวนกระแสแห่งกาลเวลา

    ไม่ไหลไปตามกระแสแห่งกาลเวลา จึงจะก้าวข้ามได้ครับ

    สาธุครับ
     
  9. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คุณไม่เคยหยุด คุณย่อมไม่เข้าใจ ผมได้บอกกล่าวไปแล้วว่าการหยุดนั้น

    จะก่อให้เกิดการเห็นที่มีแต่ความเป็นจริงโดยไม่ปรุงแต่งเพิ่ม หรือ ปรุงแต่งตาม

    คำถามที่ผมถามคุณมีความหมายครับ ไม่ใช่ว่าผมอยากรู้ แล้วคุณจะเข้าใจเมื่อได้พบเห็นเองครับ

    สาธุครับ
     
  10. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ประเภท มันเป็น ปัจจัตตัง นะ แล้วจะมาพูดทำไมละนี้ แล้วอะไรๆก็บอกว่า มันเป็นปัจจัตตังไปเสียแล้ว 5555555555555555

    คำถามที่ผมถามท่านไม่เคยตอบ แล้ว บอก มันเป็น ปัจจัตตัง

    ท่านลองย้อนอ่านดูคำตอบของท่านเองนะครับ

    ผมก็พูดได้ ว่าท่านเอง ยังเข้าไม้ถึง อนัตตา เลย อย่าว่าเข้าถึงเลย เข้าใจยังไม่เลยครับ ไม่มีกุญแจ อนัตตา แล้วจะข้าม สมมติโลก มันไม่ได้ครับ

    ส่วนกระแสกาลเวลา อดีต อนาคต และปัจจุบันนั้น สุดท้ายก็ลงที่ปัจจุบันขณะนั้นและ เพราะปัจจุบันนั้นเป็นผลของอดีต เป็นเหตุของอนาคต แล้วมาหยุดสงบ ดูภายในนั้น เขามีสอนกันอยู่ แล้ว ในรูปแบบการเจริญสติ ไม่ต้องมาสร้างตำราเองเพื่อให้คนอื่น นับถือ หรอกครับ

    หรือ สมาธินำปัญญา หรือปัญญานำสมาธิ พระอริยสงฆ์ก็สอนกันอยู่

    ท่านเคยลองเข้าสู่ กระแส อมตะหรือป่าวครับ ยังไม่รู้จักเลยใช่มั้ย
    แล้วอย่าบอกนะว่า ผมหยุดการอยากรู้แล้ว 555

    สร้างตำราเอง พยายามเป็นเจ้าสำนักในนี้มันมีเยอะ อ่านคำสอนพระอริยสงฆ์
    และพระพุทธเจ้า แล้วปรุงแต่งว่า เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ช่างเขาเถอะ ผมขอเอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นำทางดีกว่า
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๖
    ๘. เจตนาสูตรที่ ๑
    [๑๔๕] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี
    เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมจงใจ ย่อมดำริ และครุ่นคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นอารัมณปัจจัย
    เพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่งวิญญาณจึงมี
    เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ความบังเกิด คือภพใหม่ต่อไปจึงมี
    เมื่อมีความบังเกิด คือภพใหม่ต่อไป ชาติ ชราและมรณะ โสกปริเทว
    ทุกขโทมนัสและอุปายาส จึงมีต่อไป ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้
    ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ แต่ยังครุ่นคิดถึงสิ่งใด
    สิ่งนั้นเป็นอารัมณปัจจัยเพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อมีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่นแห่ง
    วิญญาณจึงมี เมื่อวิญญาณนั้นตั้งมั่นแล้ว เจริญขึ้นแล้ว ความบังเกิดคือภพใหม่ต่อไปจึงมี
    เมื่อมีความบังเกิด คือภพใหม่ต่อไป ชาติชราและมรณะ โสกปริเทว ทุกขโทมนัส
    และอุปายาสจึงมีต่อไป ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ
    [๑๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุไม่จงใจ ไม่ดำริ และไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด
    สิ่งนั้นย่อมไม่เป็นอารัมณปัจจัย เพื่อความตั้งอยู่แห่งวิญญาณ เมื่อไม่มีอารัมณปัจจัย ความตั้งมั่น
    แห่งวิญญาณจึงไม่มี เมื่อวิญญาณนั้นไม่ตั้งมั่นแล้ว ไม่เจริญขึ้นแล้ว ความบังเกิดคือ
    ภพใหม่ต่อไปจึงไม่มี เมื่อความบังเกิดคือภพใหม่ต่อไปไม่มี ชาติชราและมรณะ โสกปริเทว
    ทุกข โทมนัสและอุปายาสต่อไปจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ ฯ
    จบ สูตรที่ ๘
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๗
    ๘. อภินันทนสูตร
    ว่าด้วยผลแห่งความเพลิดเพลินและไม่เพลิดเพลิน ในขันธ์ ๕
    [๖๔] พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเพลิดเพลินรูป ผู้นั้น
    ชื่อว่าเพลิดเพลินทุกข์ ผู้ใดเพลิดเพลินทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นไม่พ้นไปจากทุกข์. ผู้ใดเพลิด
    เพลินเวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ วิญญาณ ผู้นั้นชื่อว่าเพลิดเพลินทุกข์ ผู้ใดเพลิด
    เพลินทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นไม่พ้นไปจากทุกข์.
    [๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดแล ไม่เพลิดเพลินรูป ผู้นั้นชื่อว่าไม่เพลิดเพลินทุกข์
    ผู้ใดไม่เพลิดเพลินทุกข์ เรากล่าวว่า ผู้นั้นพ้นไปจากทุกข์. ผู้ใดไม่เพลิดเพลินเวทนา ฯลฯ
    สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ วิญญาณ ผู้นั้นชื่อว่าไม่เพลิดเพลินทุกข์ ผู้ใดไม่เพลิดเพลินทุกข์ เรา
    กล่าวว่า ผู้นั้นพ้นไปจากทุกข์ได้.
    จบ สูตรที่ ๘.
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    อ้าวว่าเข้าไปนั่น

    หากคิดว่ามี ก็หาไม่เจอ

    ภาษาชาวบ้านเรียกว่าหาไม่เป็นนะจ๊ะ

    ถ้าพระนิพพานไม่มีอยู่จริง จะเสียเวลาไปหาของมี่ไม่มีทำไม?

    การเข้าถึงพระนิพพานได้นั้น ไม่ใช่คิดว่ามีหรือไม่มี?

    อยู่ที่ยึดหรือไม่ยึด ใช่หรือไม่?

    เมื่อหน่ายคลายละ ก็หมดความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์๕

    การที่ต้องอาศัยขันธ์๕หรือยังไม่หมดอายุขัยที่จะละขันธ์๕

    เมื่อจิตหลุดพ้น กิเลส กรรม วิบากไม่สามารถครอบงำอีกแล้ว

    ยังจะให้ตกอยู่ในอำนาจของไตรลักษณ์อีกหรือ?

    ไม่แปลกใจเลยทำไมจึงยังดันเพื่อเอาชนะ

    แค่หลักเหตุผลง่ายๆที่ตริตรองตามได้ ยังเข้าใจไม่ได้

    แล้วพระนิพพานจะหาเจอหรือ?

    เดี๋ยวจะค่อยๆทะยอยตอบ

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  14. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ท่านตีความไม่แตกเลย นิ ผมหมายถึง มีอัตตา หรือว่าตัวตนเป็นจิต เป็นอรหันต์ นะคราบ

    ผมเอาพระธรรมมา คุยกัน ไม่ได้เอาอัตตา หา ลูกศิษลูกหา แล้วผมต้องชนะเพื่ออะไร
    ก็พยายามเอาอัตตา ก็เลยไม่รู้จัก อนัตตา เอาอภิธรรม มา ประกอบบ้าง จะได้มีประโยชนื เล่น เอาาความเห็น ของ อัตตา มาคุยยังไงก็ไม่ลงกันหรอกครับ

    ช่างมันเถิด
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ไม่แปลกใจเลยจริงๆ ที่เมืองไทยทำไมถึงไม่เจริญแบบอารยประเทศอื่นเค้า
    เพราะมีคนไทยอย่าง...ที่คิดว่า การทำความชั่วทุกรูปแบบนั้นคือหน้าที่

    ส่วนการรู้จักหรือไม่รู้จัก ดีชั่วนั้น เป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน
    ที่จะมีหรือไม่มีนั้น อยู่ที่ที่พื้นฐานจิตใจของบุคคลนั้นใช่หรือไม่?
    ไม่รู้สึกอายบ้างหรือ? รู้สึกอายแทนจริงๆ ที่ต้องเปลี่ยนเพลงวันเด็กเสียใหม่
    เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่ดี-ชั่ว ๑๐อย่างด้วยกัน

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ^
    ^
    เมื่อจิตยังโง่

    อบรมฝึกฝนให้มีปัญญาฉลาดเฉลี่ยวได้มั้ย?

    เจริญในธรรมทุกท่าน
     
  17. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ถามตรงๆเถอะ ไม่รู้สึกว่าอธิบายขัดแย้งกันเองหรือ?

    พูดเองชัดๆที่ระบายสีไว้ว่า จิตไปนึกเรื่องนี้ ใช่เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จิตใช่หรือไม่?

    ส่วนการรู้ จำ นึกคิดนั้น เป็นธรรมชาติของจิตที่เป็นอย่านั้น ใช่หรือไม่?

    เมื่อนึกเรื่องนี้จนพอใจ เรื่องนี้ดับ ไปนึกเรื่องนู้นต่อ เรื่องนู้นเกิดขึ้นแทนที่ ใช่หรือไม่?

    คุณพูดเองชัดๆนะว่า"ก่อน ที่จะเปลี่ยนเรื่อง"

    อะไรที่เปลี่ยนเรื่อง? จิตใช่หรือไม่?

    อะไรที่เกิดแล้วดับไป? เรื่องนี้เรื่องนู้นใช่หรือไม่?

    อย่ามั่วสิ ขาดเหตุผลแบบนี้ ก็ได้สงสารอนาคตเยาวชนของชาติ

    ที่จะต้องเป็นคนขาดเหตุผลด้วยเพราะเชื่อตามๆกันมาแค่นั้นอะ เฮ้อ!!!

    ส่วนเรื่องอวิชชา ตัณหา อุปาทานนั้น

    มาว่ากันในคราวต่อๆไปแบบละเอียดดีกว่า

    ตอนนี้เอาแค่ความเข้าใจเรื่องจิตและภาษาสมมุติให้ถูกต้องก็พอ

    สนทนาธรรมสมควรแก่ธรรมทุกท่าน
     
  18. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    จิตคิดนึก-จิตเกิด จิตหยุดคิดนึก-จิตดับ แล้วจิตมันหายไปมั้ย 55555

    พระพุทธองค์ก็บอกแล้ว วานร โหนเถาวัล จับ-ปล่อย จับ-ปล่อย เหมือนจิต เกิด-ดับ เกิด-ดับ

    ก็ไม่เข้าใจ จิต กับ เจตสิก นะซินี้

    ท่านคงจบจากต่างประเทศมาแน่ ผมว่า อิอิ
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    การอ่านตำราโดยไม่นำพา
    ไปสอบสวน เทียบเคียง กับพระสูตรและพระวินัย
    จึงทำให้พระพุทธวจนะเสียหายหมด

    การพูดแบบนั้น เหมือนคนพูดที่พูดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
    จะว่ามาจากทางใต้ก็ไม่ได้ จะว่าไม่มาจากทางใต้ก็ไม่ได้
    ไอ้พูดแบบนี้ แล้วใครมันจะเชื่อเข้าไปได้
    แบบนี้ชาวบ้านเรียกว่าพูดแบบ....

    วันหลังจะลงอะไรหัดสอบสวนเทียบเคียงก่อนนะ
    พูดมาได้ยังไง อสังขตธาตุคือพระนิพพาน
    แบบนี้ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลมฯลฯ ก็เป็นพระนิพพานกับเค้าด้วยสิ
    ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่า อสังขตธาตุ

    พระพุทธพจน์ในปสาทธสูตรชัดเจนว่า
    สังขตธรรมก็ดี อสังขตธรรมก็ดี มีปรัมาณเท่าใด
    เรา(พระพุทธเจ้า)กล่าวว่าวิราคะธรรมเลิศกว่าธรรมทั้งสอง

    แล้วที่บอกว่าความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ หนะ
    อะไรล่ะที่ถึงความสิ้นไปแห่งราคะ โทสะ โมหะ?
    อย่าบอกนะว่ามีแต่ความสิ้นไปเท่านั้น? แต่ผู้สิ้นสิ้นไปไม่มีอยู่จริง?
    ไอ้ธรรมะแบบนี้โกหกหลอกลวงกันชัดๆ

    เจริญในธรร
    มทุกท่าน
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ูู^
    ^
    เฮ้อ!!!555+
    คนอะไร ยังจะดันไปจนได้
    ชัดเจนอยู่แล้วว่า วานรเปลี่ยนที่จับกิ่งไม้ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
    ส่วนที่เกิดดับไป ก็ไอ้กิ่งไม้ที่ถูกวานรเปลี่ยนไปใช่หรือไม่?

    ถ้ารู้ดี ก็บอกมาสิว่า ไอ้เจตสิกธรรมนะมาไหนจาก?
    เกิดขึ้นมาได้เพราะอะไร? ทำไมต้องมีเจตสิกธรรม?
    เอาชัยๆนะ

    เฮ้อ!!! เจริญในธรรมก็เจริญเถอะ แต่อย่าดันทุรังเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...