เพี้ยนจัด! “ธรรมชโย”อ้างเห็น“สตีฟ จ็อบส์”หลังตายเกิดเป็นเทพกึ่งยักษ์

สติมาปัญญาเกิด

สติเตลิืด

ปัญญาหนีหาย

ทุกคน ทุกท่าน

 

อันนี้หนะคุณเข้าใจว่ามันเป็นอะไรครับ

 

ไปกันใหญ่แล้ว สำนักนี้...พอน้ำลด ตอก็ผุด...เรี่ยรายเงินมาได้เยอะไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรดี..ขยายอนาจักร เปลี่ยนที่หาเงินใหม่...ซะง้าน จานบินมุ่งสู่ปรโลก

 

วัดนี้ เค้าสอนกันให้โกหกด้วยนะ

แค่ศีล5 ยังมะได้เลย ลัทธิเดียวในโลกมั๊ง
บอกให้สาวกโกหก แบบด้านๆ

 

เจอกับชาวสกลนคร งานนี้อาจจะเพี้ยนไม่ออก:boo:

 

บ๊ะ เด็กๆๆทั้งหลายลุงรู้ว่าพวกเอ็งมีเจตนาดี ในการอยากจะอธิบายความจริง แต่ถ้าเขาไม่ฟังยังไงเขาก็ไม่ฟังดอก คนรุ่นลุงเขาว่า แล้วแต่บุญแล้วแต่กรรมนั้นแล พ่อมหาจำเริญ เออ นี่แหละเขาเรียกว่า ท้าวแห่งจิตใจ ในภาษาธิเบตนั้นแหละ อันเปรียบเหมือนคนที่พยายามจะธำรงหนทางของตนไว้ เขายึดติดในการกระทำของเขานั้นแล คล้ายๆๆกลับว่าถ้าเขายอมรับแล้วและก็ เขาก็จักกลายเป็นว่าที่ผ่านมาเขาหลงมาตลอดนั้นแหละ ก็สมมุติว่าเอ็งลงทุนไปมากมายทีเดียวแหละ จนเอ็งคิดว่าขนาดนี้แล้วไม่ได้ผลตอบแทนที่คาดหวังไว้จะเป็นไปได้ไง อยู่ๆๆ มีคนมาบอกว่านายกำลังขาดทุน หู้นที่นายเก็งกำไรกำลังตก เอ็งจะช็อคไหม? นั้นแลแบบเดียวกัน กรณีนี้มันให้ไปทั้งใจเลยล่ะ ยิ่งกว่าวัตถุเยอะ
ทุกวันนี้ ศาสนามันถุกทำให้เป็นองค์กร ซึ่งมันก็มีทั้งคุณ แลทั้งโทษนั้นแหละ เรื่องคุณขอไม่พูดถึงมันเยอะมาก เรื่องโทษมันก็เยอะ แต่ดูอยู่ที่การมอมเมานั้นแหละ ลองคิดดูเมื่อมีองค์กรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีเจตนาดีแค่ไหน? มันก็จะมีคนพวกหนึ่งเข้ามาหาประโยชน์ บิดเบือนคำสอนเสมอๆๆนั้นแหละ อย่างศาสนาถ้าผู้นำองค์กร หรือ สำนักเกิดโลภะ โมหะ โทสะเข้าครอบงำมันก็จะมาแสวงหาประโยชน์จากสมาชิก อาศัยความรักความเคารพ ความเชื่อใจนั้นแหละในการหลอกลวงกัน น่าสงสารคนเหล่านี้นะ ทั้งที่ถูกหลอกแลหลอกเขานั้นแหละ มันต่างก็มืดบอดด้วยกันทั้งคู่ ศาสนาที่แท้จริงนะ คือองค์กรของกัลยาณมิตร ที่มาร่วมกันช่วยเหลือเกื้อกูลให้สมาชิกทุกคนได้พ้นทุกข์ ได้ตื่นรู้ ได้เห็นคุณความดีในตน หากเป็นอย่างอื่นแล้วไซร้นั้นแล ไม่ใช่ศาสนาดอกนะ

 

ก็ถ้าเทียบตาม "ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น" มันก็เข้าเค้าอยู่ไม่ใช่เหรอครับ

อย่าลืมนะครับว่า สวรรค์ก็ชั้นนึงที่เค้าเอาบุญเรามาผลาญเล่น ยังเป็นชั้นที่ยังอยู่ในกาม ของแต่ล่ะอย่างสวยงามวิจิตร เป็นของทิพย์ พูดไปเรื่อยแหละผมอะ

 

ถ้าผมได้ทราบว่าบุคคลอันเป็นที่รักเมื่อตายแล้วได้ไปอยู่ในที่ไม่ดีหรือลงล่าง ผมจะรีบทำบุญอุทิศส่วนกุศลอย่างสุดฤทธิ์ หรือถ้าเป็นพ่อแม่ผมเอง ผมบวชเลยครับ (สาธุ )

ถ้าหลวงพ่อไม่ใช่ของจริง สำคัญไหมนา อืมมมม... ที่พึ่งอันสูงสุดของผมก็ยังคงเป็นพระรัตนตรัยเหมือนเดิมอยู่ดี
ถ้าหลวงพ่อไม่ใช่ของจริง หลวงพ่อก็ต้องได้รับผลกรรมที่หลวงพ่อได้กระทำไว้ ซึ่งถ้าเป็นจริงอย่างที่คุณๆ ว่ามา หลวงพ่อท่าจะลำบากไปอีกนานแสนๆๆๆๆๆๆๆๆ นานเลยนะครับเนี่ย

...แล้วถ้าหลวงพ่อเป็นของจริงล่ะครับ?

ผมเองเคยไปบ้านอกพุทธศาสนาอยู่ช่วงใหญ่ๆ เลยนะครับเป็นปีนะครับ บ้าอย่างจริงจังด้วยนะครับทำกิจกรรมของเขาทุกคืน อารมณ์ทำมาธิเลยหล่ะครับ สุดท้ายพอมาเจอวัด ดีใจมากๆ อะครับ ไม่ได้อายหรือเสียดายอะไรเลยที่ออกจากนอกพุทธมาเข้าพุทธ

(kiss)

 

จานบินบินไกลนะเนี่ย

 

เบียดเบียนที่ชาวบ้านมาสร้างสำนัก ขับไล่ชาวบ้านเพื่อตั้งสำนัก หลอกเงินชาวบ้านขยายสำนัก
ผิดตั้งแต่เริ่ม...ไม่เหลือความเป็นพระตั้งแต่เริ่ม...เฮ้อ...

 

วิชาธรรมกายมีจริงตามที่หลวงพ่อสดท่านสอน
แต่ไม่ได้มีต้นกำเนิดที่วัดพระธรรมกายนี้
อื่นๆไม่ออกความเห็นละกัน..จ้า<!-- google_ad_section_end -->

--ตามนี้ครับ

 

ไอ้เรื่องวิชาธรรมกายนี้นั้น มันไม่มีมาแต่ครั้งพุทธกาลดอกเด็กๆๆ คำนี้ เขาใช้ในความหมายว่า เป็นการเห็นธรรมแจ้งตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ นี้แลเรียกว่าเห็นธรรมกายของพระพุทธองค์และตรงตามความหมายในพระไตรปิฏก หรือ พูดให้ถูกก็คือเห็นสัจจะตามที่พระพุทธองค์พยายามจะชี้ให้เห็นนั้นแหละ นี่เรียกว่าเห็นธรรมกาย หรือกายธรรมของพระองค์และสิ่งนี้แหละที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นกระแสธารแห่งธรรม เป็นลมหายใจของพระพุทธองค์ จนทุกวันนี้ไปไกลจนตะวันตกแล้ว
ซึ่งเป็นคนล่ะความหมายกับแบบธรรมกายสอน หรือ หลวงพ่อสดสอนนั้นแลถ้าจะพูดว่าเขาสอนไม่เหมือนกันนะ
ไอ้ธรรมกายแบบที่สอนแบบที่บรรยายนั้นมันเป็นระบบที่เขาพบ เขาคิดขึ้นมาเอง สอนในความหมายของเขา ไม่ใช่ของที่มีมาแต่เดิมแม้เขาจะพยายามบอกว่ามันมีมาแต่เดิมพึ่งมาพบใหม่ก็ตามที

ใช้ได้ใช้ไม่ได้ก็ต้องลองไปฝึกฝนดูเอาเอง ยึดหลักการไม่เชื่อตามง่ายๆๆจนกว่าเราจะเห็นตามนั้นแล

อย่างไรก็ตามวัดนี้ พยายามที่จะบิดเบือนมาหลายครั้งแล้วเขียนหนังสือเล่มขนาดใหญ่อ้างคัมภีร์ แต่ตัดมาแบบบางส่วนบ้าง บิดเบือนของเดิมเติมข้อความเองบ้าง เป็นความพยายามที่จะพูดว่าคุณเห็นไหม? วิชาธรรมกายแบบของเรานะมันมีซึ่งเป็นเรื่องเลวร้ายมาก แถมยังบริจาคไปตามห้องสมุดโรงเรียนต่างๆๆ เพื่อจุดประสงค์บางอย่างคือให้คนที่ไม่รู้หลง โดยเฉพาะเยาว์ชน
นักเรียน นักศึกษา
ทุกวันนี้ สถาบันสงฆ์ หรือ สำนักงานพระพุทธศาสนาก็ถูกธรรมกายเข้าไปคุมค่อนข้างเยอะ นี่เห็นบอกจะทำให้พระพุทธศาสนาเป็นสินค้าเขาพูดเองเลย เพื่อส่งออกไปทั่วโลก เอาเข้าสิ เห็นพระธรรมเป็นสินค้าไปแล้ววัดนี้ นี้แลวัตถุนิยมทางศาสนาล่ะ

พูดไปลุงก็รู้สึก เสียใจทุกครั้งนะที่พระพุทธศาสนาในบ้านเรามันตกต่ำลงไปเรื่อยๆๆ แต่ต่างประเทศอย่างเมืองฝรั่งทั้งๆๆที่พระพุทธศาสนาเข้าไปไม่กี่ปี ยังไม่ถึงเจ็ดแปดสิบปีเลย แต่เขาพัฒนาความเข้าใจไปไกลกว่าเราเยอะมาก

 

เมื่อเราได้ฟัง ได้เห็น ได้สัมผัสสิ่งใดก็ตาม

เราควรใช้ "สติ" ในการเชื่อในสิ่งนั้น

 

เพี้ยนหนัก ตั้งแต่มีจานบินในวัดแล้วครับ
ทำบุญเยอะๆนะ จะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงๆ
ยิ่งเยอะยิ่งดี
น้อยๆคงไปไม่ถึงสวรรค์

เหอะๆ

 

"อารมณ์ดีทำให้จิตแจ่มใส เบิกบานแช่มชื่น อารมณ์สบายทำให้ใจหยุดนิ่งได้ง่าย อารมณ์เยือกเย็นใครเห็นก็อยากเข้าใกล้ กระแสแห่งความบริสุทธิ์ในตัวเรา จะแผ่ขยายออกไปสู่ใจของทุกๆ คนที่ได้สนทนาปราศรัยหรือได้พบปะเจอะเจอ การมีอารมณ์ดี อารมณ์สบาย อารมณ์เยือกเย็น มีผลดีทั้งต่อตัวเราและคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นฝึกให้เป็นผู้ที่มีอารมณ์ดี อารมณ์สบายด้วยการทำสมาธิภาวนาเป็นประจำสม่ำเสมอ ไม่ควรมองข้ามสิ่งเหล่านี้ เพราะอารมณ์สบายเป็นพื้นฐานของชีวิตที่มีความสุข ที่จะทำให้เราสามารถดำเนินจิตเข้าไปสู่ทางสายกลางภายในได้อย่างรวดเร็ว ให้ได้พบกับผู้รู้ผู้บริสุทธิ์ที่มีอารมณ์เดียวสมบูรณ์แบบที่สุดคือพระ ธรรมกายนั่นเอง"

โอวาทหลวงพ่อคร้าบบบ (แบบเบาๆ)
อ้างอิง

คือผมเองอยากทุกคนได้ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ

 

คงหวังยาก ว่า... สาวกทั้งหลาย จะตื่นตัวขึ้นมาได้
แล้วแต่บุญกรรมของเค้าหละ ใครหลุดออกมา
ก้ ขออนุโมทนาด้วย

แต่ช่วยๆกันมาบอก มาแฉ
เพราะ..หวังว่า คนใหม่ อย่าหลงเข้าไปละกัน มันถอนยากนะ

 

ทุกวันนี้ื เมื่อผู้คนจำนวนมากเริ่มมองเห็นถึงระบบขายตรงที่อยู่เบื้องหลังการคงอยู่ของวัดพระธรรมกาย พูดง่ายๆๆก็คนเขาฉลาดขึ้นนั้นแหละ เทคโนโลยีมันดี ใครทำอะไรเอามาลงเฟสบุ๊คมันก็รู้กันทั้งโลก อีกทั้งปัญญาชนในสังคมไทยได้วิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่วัดพระธรรมกายทำว่าเป็นการ "ขายบุญ" เป็น "พุทธพาณิชย์"

ดังนั้น วัดพระธรรมกายจึ่งได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบเพื่อความอยู่รอด นั้นแหละ นี่ธรรมดามากธุรกิจจะอยู่รอดมันก็ต้องปรับตัวให้เข้าได้กับพลังกดดันจากภายนอก มันเป็นหลักพื้นฐานการบริหารจัดการ แบบฝรั่ง ซึ่งมีทุนนิยม บริโภคนิยมเป็นปรัชญาอยู่เบื้องหลังจากการขายบุญอย่างโจ่งแจ้งในอดีต ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นการตลาดแบบสร้างภาพ คล้ายๆๆธุรกิจสีเขียว การทำ CSR แบบสร้างภาพของบริษัทใหญ่ๆๆในบ้านเรา แบบเราทำกิจกรรมเพื่อสังคมทุกอย่าง แต่เบื้องหลังเรารุกที่อุทยานแห่งชาติ10000ไร่ เราติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนธรรมกายก็จะเป็นการ "ฟื้นฟูศีลธรรมโลก" ผ่านโครงการให้เปล่า(แต่หวังผลที่ความศรัทธา หวังผลที่การประชาสัมพันธ์ ที่เชื่อเสียง ที่การเสพติดสินค้าระยะยาว) หลากหลายรูปแบบ เช่น โครงการบวชต่างๆ หลากหลายโครงการ ทั้งสำหรับชายและหญิง ที่ทางวัดเน้นในเชิงปริมาณมาำกเป็นพิเศษ โดยผู้บวชไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่การบวชแบบนี้มันสืบอายุจริงหรือ? ความเป็นพุทธเราเน้นที่ปริมาณหรือคุณภาพล่ะ เอ็งต้องรู้จักคืดเอ็งมีส้ม1000ลูก แต่เน่น999ลูก ดีลูกเดียวกับข้ามีร้อยลูกเน่า 20 เอ็งจะเอาอันไหนล่ะ หรือเอาโล้นห่มเหลือมมาหลายพันรูปมาเดินทั่วกรุง แบบปราศจากเหนือหาสาระนอกจากการโอ้อวดบารมี การระดมผลประโยชน์เงินอัดฉีดของสาธุศิษย์ ของนายทุน

ที่เอ็งเห็นวัดดูดี เงินก็ขอตามความสมัครใจ บรรดาสานุศิษย์ของวัดพระธรรมกายทั้งหลายก็ดูเหมือนพุทธศาสนิกชนทั่วๆ ไป ที่ใส่ชุดขาวเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความสามัคคีพร้อมเพรียงกันเป็นอันมาก เป็นที่น่าอนุโมทนา เอ็งเห็นตรงนี้ใช่ไหมเมื่อเข้าไป ข้าก็เห็นตรงนี้ แต่เอ็งเห็นเบื้องหลังเขาไหม?ล่ะ เอ็งเห็นนักการเมืองไหม? เขาดูดีดูมีคุณธรรมดูอบอุ่นใช่ไหม? แต่พอเอาเข้าจริงมันก็โกงกินกันทุกคนมากน้อยแค่ไหน? ถ้าไม่ได้เป็นร่วมขบวณการเราไม่รู้ แต่เขาไม่โง่ทำให้เรารู้ดอก เพราะเราคงจะไม่เลือกเขาเขาจึ่งต้องเป็นนักบุญในคราบซาตาน นั้นแหละ


อย่าได้มองสิ่งต่างๆๆอย่างฉาบฉวย ข้าจะยกตัวอย่างคำพูดของเขามาให้ดูนี่เขาว่างี้

-"ทำอย่างไรจะส่งออกศาสนาพุทธเป็นสินค้าได้?ถ้าส่งออกแล้วต้องสามารถดึงคนศาสนาอื่นมาเป็นพุทธได้มากๆ เพื่อที่ว่าเราจะได้ค้าขายกับต่างประเทศในนามของไทยอย่างไม่มีปัญหา รวมถึงการดึงดูดเงินลงทุนเข้ามา(เพราะคนศาสนาเดียวกันมันคุยกันง่าย)"
เราไม่ถือเรื่องวิธีการว่านี้จะแตกต่างกันอย่างไร กับวิธีทั่วๆๆไป เพราะไม่ว่าวิธีไหนก็ล้วนมีจุดประสงค์เพื่ดึงคนเข้ามาในพระพุทธศาสนาทั้งนั้น จะฃสายพุทธโธ สายยุบหนอ สายสัมมาอะระหังก็จุดมุ่งหมายเดียวกันกับเรา เราจะทำธรรมกายให้เหมือนเมกกะเป็นลานศักดิ์สิทธิ์เหมือนเมกกะ ที่ถึงเทศกาลที พี่น้องชาวมุสลิมจากทั่วโลกก็ไปแสวงบุญกัน อันนำมาซึ่งรายได้เป็นกอปรเป็นกรรม"

ความเป็นศาสนาก็อยู่ตรงที่กลุ่มคนๆๆมาร่วมกันเกื้อกูลกันให้ปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธองค์ จนกระทั้งทุกๆๆคนสามารถสัมผัสคุณความดีภายในตน กลายมาเป็นมนุษย์ผู้มีจิตใจ สะอาด-สว่าง-สงบ ฝึกได้ มีวุฒิภาวะ มิใช่หรือ แต่การที่จะมาเปลี่ยนพระพุทธศาสนาอันเน้นด้านจิตใจ เน้นด้านการลดความโลภ ทอนความอยาก ให้เป็นเศรษฐกิจที่เน้นกระตุ้นความอยาก การเสพวัตถุ กิน-โกง-กาม-เกียรติ ยึดถือเงินและความร่ำรวยเป็นจุดบรรลุ
แบบนี้ จะเรัียกว่า "พุทธ" ได้หรือ นี้เป็นเพียงเปลือกหุ้มผ่านตัววัด เป็นพุทธพาณิชย์ที่ ตัวคนหัวโล้นห่มถูกแปลงเป็น "สินค้าตัวใหม่" พวกหัวโล้นห่มเหลือง เหมือนพนักงานขายสินค้า เป็น พรีเซนเตอร์ เป็นพริตตี้ ส่วนวัดวา ก็เป็นเพียงห้างสรรพสินค้าที่มีสวรรค์ชั้นต่างๆๆให้เลือกซื้อตามกำลังเงินมิใช่หรือ? ก็ เหมือนร้านค้า เหมือนโชว์รูมที่ขายรถ ขายของใช้ ของกิน เป็นศูนย์การค้าภายใต้แบรนด์ "พุทธะ" มีพระพุทธเจ้าเป็นโลโก้ มีนิพพานเป็นสินค้าเกรดเอ ภพสวรรค์เป็นเกรดบีเกรดซี มิใช่หรือ?

 

..........ตามทันมั้ยจ๊ะ?