จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

อนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๑๐๗ และครูพี่เพ็ญด้วยครับ..

 

_/\_ สาธุ
ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๑๐๘ และคุณครูจิตบุญทุกท่านด้วยครับ

 

ขออนุโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๑๐๘ และครูจิตบุญ ด้วยครับ..

 

(เสื้อสีแดง คือ คุณลูกพลัง)
(เสื้อชมพู1 คือ คุณวิทย์)
(เสื้อสีชมพู2 คือ พี่ภู)


3 เกลอ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ฮาก้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

อีก 2 เกลอ จะรู้เรื่องกะเขาไหมอ่ะ???

ลูกเอ๋ย! อย่าไปเครียดอะไรมันมากนักเลยนะะะ เพราะเราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีไหม? จะหายใจอยู่ไหม๊?
วันนี้ขอให้พวกเรารักกันมากๆ เมตตากันมากๆ และช่วยสงเคราะห์จิตกันมากๆ

แง๊ๆๆ ครูดัช พี่เพ็ญโดนอีกแล้ว ฮึๆ ท่านพ่อขาเขาปลอดภัยแล้ว ไม่ติดแล้วเจ้าค่ะ แต่ถ้าเขาจิตตกอีกเมื่อไรท่านพ่อค่อยส่งพี่ภูกับครูดัชค่อยมากระทุ้งหนูใหม่นะคะ หนูขอถวายความดีทั้งหมดแด่ท่านพ่อเจ้าค่ะ หนูยกความดีทุกอย่างให้ท่านพ่อหมดเลยเจ้าค่ะ ขอให้ท่านพ่อสดใสๆ สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขอมาฮาด้วยคน ก๊าก.... (เบาๆ เพราะเพิ่งเริ่มหัดค่ะ ไม่ดังเขย่าพสุธา ดั่งก๊ากกก ของครูเพ็ญนะคะ พอครูเพ็ญมาก๊ากก
ทีไร เราก็ก๊าก ในใจด้วย แบบก๊าก ในความก๊ากกกก วันนี้ขอออกนอกหน้านิสสนึง )

 

ขออนุโมทนาบุญ กับคุณ คุณ happyจิตบุญดวงที่ ๑๐๘ ครูผู้สอนและครูจิตบุญทุกท่านค่ะ สาธุ

 

รายละเอียดการเริ่มปฎิบัติต้องให้พี่วิทย์มาเล่า หนูมาเสริมทัพกลางทางค่ะ
คุณน้องมาอบรมที่บ้าน 2 ครั้งค่ะ
ครั้งที่ 2 นั่งใกล้ครูหนูก็เลยกระซิบถามเรื่องการนั่งสมาธิ คือนั่งแล้วหลับ
ช่วงนั้นครูหนูก็เข้านิโรธ คุณน้องถามปั๊บ ครูหนูลืมปุ๊บ สัญญามันดับ ตอบอะไรไปบ้างก็จำไม่ได้ เลยส่งเมล์ไปถามคุณน้องอีกทีว่าเมื่อกลางวันถามอะไรบ้าง
พอตอบเมล์ไป คุณน้องเกิดติดใจ 555555 ขอส่งสำเนาการบ้านหาครูหนูด้วย

คุณน้องมีความตั้งใจในการปฎิบัติ เกาะพระตลอด แต่ติดสงสัยบ้าง เมื่อแจ้งแล้วก็คลายทีละเปาะๆ ทำสติได้ดีขึ้นเป็นลำดับ จิตละเอียดขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นความอยากในความอยาก มองเห็นกิเลสตัวละเอียด เมื่อวางความอยากได้ ก็ทำสำเร็จได้ในที่สุด

โมทนาสาธุกับคุณน้องและครูวิทย์ด้วยค่ะ เรือลำนี้จะไม่จม 5555

 

ขอโมทนากับจิตบุญดวงที่ ๑๐๘ คุณน้อง happy ศิษย์ครูน้องหนูและครูวิทย์ด้วยค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

"..เรียกตัวเองว่ากรรมฐาน แต่ไม่ทำ ก็กรรมฐานเมา
ไม่ฝึกจิตฝึกใจ ก็นำกันไป พากันไปนรก
ธรรมะฟังไปก็เท่านั้น ฟังแล้วไม่ทำ ว่าไปก็เหนื่อยเปล่า.."

หลวงปู่อว้าน เขมโก
วัดป่านาคนิมิตต์ สกลนคร

 

อยากไปนิพพานในชาตินี้
ผู้ที่มากราบนมัสการหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญหลายๆคน มาถึงก็แจ้งความประสงค์กับหลวงพ่อ ปรารถนาไม่เกิด อยากไปนิพพานในชาตินี้ จะได้พ้นทุกข์ บางคนก็ตั้งเจตนาจริง บางคนก็พูดไปอย่างนั้น หลวงพ่อเคยให้ข้อคิดสำหรับคนที่ไม่ตั้งใจจริงเหมือนคำพูดที่ปรารถนาว่า

“อยากไปนิพพาน แต่ศีล ๕ ยังรักษาไม่ได้ จะไปได้อย่างไร”


“วันนี้มีผู้หญิงอยู่คนมากราบข้า บอกว่าจะไปนิพพาน ข้าไม่พูดแต่มองดู ปากยังทาแดงแจ๋ เล็บตีนเล็บมือยังแดงแจ๋ หัวตะพานจะไปถึงหรือเปล่า”

ดังนั้นหลวงพ่อจึงสอนพวกเราทั้งหลาย เมื่อตั้งใจสิ่งใดแล้ว ต้องทำหรือปฏิบัติจึงจะสมปรารถนา ดังที่หลวงปู่ทวดกล่าวว่า “การปฏิบัติจะตัดภพชาติให้สั้นลงทีละครึ่ง เช่น ถ้าเราจะเกิดอีก ๑๐๐ ชาติ ก็เหลือ ๕๐ ถ้าจะเกิด ๒๐ ชาติ ก็เหลือ ๑๐”

หลวงปู่ดู พรหมปัญโญ...วัดสะแก...

 

กายของคนเรามีกายซ้อนกันอยู่ถึง๔กาย

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธะสะ ฯ จะกล่าวถึงกายของคนเรา ทุกๆท่าน ในกายของเรานี้ มีกายซ้อนกันอยู่ถึง๔กาย กายของคนเรานี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือว่าเป็นชาย ก็มีกายทั้ง๔ซ้อนกันอยู่ทั้งนั้น กายแรกคือสะรีระกาย หรือกายเนื้อเรียกว่าสะรีระกาย แล้วก็กายที่๒คือเทพกายหรือกายเทวดา กายที่๓คือพรหมกาย หรือกายพรหม กายที่๔คืออรหันตกาย หรือกายอรหันต์ ในกายของเราท่านทั้งหลายนี้ มีกายซ้อนกันอยู่ แต่โดยมากแล้ว คนเรามักจะไม่รู้ว่ากายของตัวนั้นมีอยู่๔กาย กายเนื้อเป็นกายที่ แก่ เจ็บ ตาย

เป็นกายเน่า กายเปื่อย กายผุพัง กายเน่าเหม็น กายอันประกอบไปด้วย กองกระดูก คือปฎิสนธิในครรณ์ คลอดออกมาจากครรณ์ของมารดา แล้วเจริญขึ้นด้วยนม ข้าวสุกขนมสด เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงเรื่อยมา อันนี้เป็นกายเนื้อ กายเนื้อนี้เป็นกายหยาบ จึงว่าเป็นสะรีระกาย กายอันนี้ต้องเน่าเปื่อย เสื่อมสลายอยู่ในโลกนี้ กายที่๒เป็นกายทิพย์ หรือกายเทวดา หรือกายทิพย์อันนี้เป็นกายที่ไม่ตาย กายที่ไม่ตายอันนี้ก็ออกจากร่าง คือทิ้งร่างไปเมื่ิอกายตัวนอกมันหมดอายุ สิ้นอายุ หมดลมหายใจ กายตัวในอันเป็นกายทิพย์ก็ต้องละทิ้งร่างไป กายทิพย์ก็ไปปฎิสนธิใหม่ หรือไปถือเอาภพเอาชาติใหม่ ถ้าทำดีก็ไปถือเอาภพเอาชาติที่ดี มีความสุข ถ้าทำกรรมไว้ไม่ดีหรือมีจิตใจเศร้าหมอง ก็จะไปถือเอาภพเอาชาติที่พบกับทุกขเวทนามาก แม้จะเป็นกายทิพย์หรือกายเทวดา แต่ด้วยอำนาจจิตที่มืดดำ หรือด้วยอำนาจกรรมที่ทำไว้ ก็ไปถือเอาภพเอาชาติที่เลว หรืออบายภูมิ ส่วนกายที่๓คือกายพรหม กายพรหมนั้นก็คล้ายๆกับกายเทวดาเหมือนกัน กายอรหันต์หรือกายพระอริยะบุคล ก็อยู่รวมกันในกายทิพย์นั่นเอง ก็เพราะฉะนั้นในที่นี้พอจะย่อกายเข้ามาได้เป็น๓กาย ย่อลงมาเหลือเป็น๓กาย คือกายเนื้อ กายทิพย์ และกายพระอรหันต์หรือธรรมกาย ท่านผู้ฟังทั้งหลาย นี่ก็คือกายอันมีอยู่ในตัวคนเรานี้ซ้อนกันอยู่ แต่มนุษย์เราก็ใช้แต่ร่างกายที่เป็นมนุษย์ กายที่เป็นเทวดาก็เอามาใช้น้อย กายที่เป็นพรหมก็เอามาใช้น้อย กายที่เป็นพระอรหันต์ก็ไม่ได้เอามาใช้เสียเลย แต่ถ้าเราเอากายเทวดามาใช้ เอากายพรหมมาใช้ก็จะปรากฎ เป็นกายเทวดา เป็นกายพรหม เป็นกายพระอรหันต์ กายดีซึ่งไม่ปรากฎก็เพราะว่า คนเรามัวเมาอยู่ด้วยความโลภ ด้วยความโกรธ ด้วยความหลง กายที่เป็นกายเทวดาก็ไม่ปรากฎ เหมือนกับไม่มี ก็เพราะที่ว่าในกายของคนเรานี้ มีกายเทวดา มีกายพรหม มีกายพระอรหันต์ เกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับขั้นของการปฎิบัติ เช่นกายเทวดาก็จะปรากฎเมื่อ คนเรามีหิริโอตัปปะ รู้จักละเว้นบาป รู้จักการทำบุญ รู้จักการไม่ประกอบกรรมอกุศล กายเทวดาก็จะปรากฎ ถ้าเจริญเมตตา ภาวนา มีเมตตา กรุณาต่อคนต่อสัตว์ทั้งหลาย กายพรหมก็จะปรากฎ ถ้าเป็นผู้ที่ปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ กายพระอรหันต์ก็จะปรากฎ กายอันมี๓กายซ้อนกันอยู่ ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับต้นไม้ ชั้นนอกเป็นเปลือกไม้ ชั้นกลางเป็นกระพี้หรือเนื้อไม้ ชั้นในเป็นแก่นไม้ ต้นไม้มีแก่นอยู่ข้างใน มีกระพี้หุ้มห่อแก่นอยู่ แล้วก็มีเปลือกหุ้มห่อกระพี้อยู่อีกชั้นหนึ่ง แก่นนั้นแข็งที่สุดคือเป็นแก่นใน ท่านผู้ฟังทั้งหลายคนเราก็อย่างเดียวกันเหมือนกัน ถ้าจะเปรียบอีกอย่างหนึ่ง คนเรานี้เหมือนมีน้ำมันหรือเปรียบเหมือนมะพร้าว มะพร้าวนี้มีน้ำมันอยู่ในเนื้อมะพร้าวหรือในกาบในเปลือกมะพร้าว ที่เป็นมะพร้าวแก่ถ้าเราเอามาผ่าออกไป ก็จะเห็นเนื้อมะพร้าว แต่เนื้อมะพร้าวนั้นยังไม่ใช่น้ำมันมะพร้าว เนื้อมะพร้าวนั้นต้องเอาไปขูด เมื่อขูดแล้วก็เอาไปคั่นจึงจะได้กระทิ ส่วนเปลือกเมื่อทิ้งเสีย มันก็เปรียบเหมือนกายมนุษย์นั่นแหละ ส่วนกระทิก็เปรียบเหมือนกับกายทิพย์ แต่กายทิพย์นั้นก็มี กายธรรมหรืออรหันตกายซ้อนกันอยู่ มีลักษณะใสบริสุทธิ์ เป็นน้ำมันใสสะอาด เราต้องเอาไปเคี่ยวอีกทีหนึ่ง ! จึงจะออกมาเป็นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันสุดท้ายนั่นแหละ หลังจากที่เราเอากระทิไปเคี่ยว มันก็จะปรากฎมาเป็นน้ำมันมะพร้าว ในขั้นสุดท้าย ฉันใดก็ดีกายในขั้นสุดท้ายก็จะปรากฎมาเป็นธรรมกาย หรือกายพระอรหันต์ คือกายที่สาม ก็สรุปได้ว่าการปฎิบัติธรรม เราจะถึงความเป็นเทวดา ถึงความเป็นพรหม ถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ด้วยการปฎิบัติ เจาะลึกเข้าไปด้วยการปฎิบัติของเรานี้แหละ หรือว่าคั่นเข้าไป เคี่ยวด้วยสติปัญญา พยายามปลดเปลื้อง จากตัญหาอุปาทาน ความยึดมั่นในสะรีระร่างกายเรานี้ออกไป กายทิพย์ก็จะปรากฎ แต่ถ้าหมดกิเลส กายพระอรหันต์ก็จะปรากฎ เพราะฉนั้นท่านผู้รู้จึงกล่าวว่า ถ้าอยากเป็นพรหมก็ปฏิบัติเอา อยากเป็นเทวดาก็ปฏิบัติเอา อยากเป็นมนุษย์ก็ปฏิบัติเอา ถ้าไม่ปฏิบัติมันก็จะไม่ได้ ถ้าปล่อยไปตามอำนาจ ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันก็จะไปสู่อบาย แต่เมื่อปฏิบัติละส่วนหยาบ หรือกิเลสทั้งหลาย ดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะถึงกายละเอียดเป็นชั้นเป็นชั้นไปจนถึงกายอรหันต์ หรือธรรมกาย ความจริง มันก็อยู่ไม่ไกล เราท่านทั้งหลาย ถ้าเราปฏิบัติกันจริงๆจังๆ มันก็จะถึงได้ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติกันจริงๆจังๆ มันก็จะไม่ถึงกายอันเป็นกายทิพย์มีอยู่ ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่เรา กายพรหมมีอยู่เราไม่ปฏิบัติมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่เรา ธรรมกายหรือกายพระอรหันต์มีอยู่ในคนเรา ถ้าเราไม่ปฏิบัติให้หมดกิเลส มันก็ไม่ก่อประโยชน์อะไรแก่เรา ก็เพียงสักแต่ว่ากายเท่านั้นเอง ในที่นี้ท่านพระคุณเจ้าได้กล่าวถึงกาย อันมี สามกายโดยย่อๆก็ขอยุติลงเพียงเท่านี้ ท่านพระคุณเจ้าดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต ถวายเป็นธรรมทาน ให้กับจิตบุญทุกท่าน สะอาด วันติยา จิตบุญดวงที่ ๑๐๗ อนุโมทนากับจิตบุญทุกท่านด้วยนะค่ะ

 

เอาเพลงในyoutubeลงกระทู้ทำยังไงอ่ะครับ ทำบ่อเป็นซะงั้นเรา:'(

 

ก็อบปี้ url ของเพลงนั้นมาวางลงในกล่องข้อความ แล้วส่งขึ้นธรรมด๊า ๆ มันจะเด้งเป็นจอให้เอง

คืนนี้ดอกบัวกำลังจะบาน ขอมอบเพลงนี้แด่เธอ...
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=cb1cyzXLbsU]ดอกไม้จะบาน(นันทิดาและจุฬาฯคอรัส).wmv - YouTube[/ame]​

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=CMJVWiRC-_M]หลงกล - หิน เหล็ก ไฟ - YouTube[/ame]


ใครยังคบกิเลสแล้วยังสลัดไม่หลุดซะที ทั้งๆที่รู้ว่าต้องตกสู่อบายภูมิ แต่ก็ยังเดินเข้าไปหา ก็ขอเชิญท่านต่อไปนะครับ

 

สวัสดีค่ะครูเพ็ญ พอตอบครูวัฒเสร็จเลื่อนมาเจอข้อความของครูเพ็ญคราวนี้ชาวาบเป็น 2 เท่าตั้งแต่หน้าลงมาถึงตัวเลยค่ะ แต่พอดีต้องรีบไปรับลูกสาวน่ะค่ะเลยยังไม่ได้ตอบ ขับรถไปนึกถึงครูเพ็ญก็รู้สึกชาขึ้นมาอีก คิดสงสัยว่าครูรู้ได้ไงเนี่ย มันโดนทุกข้อเลยค่ะ ตอนนี้ฟังcdหลวงพ่อปราโมทย์ทุกวันเช้าเย็น ก็เลยอยากฝึกดูจิตไปด้วย เมื่อก่อนจะใช้วิธีกายเคลื่อนไหว==>มีสติรู้ตัว==>นึกถึงพระ ก็ทำได้ดีระดับหนึ่ง ก็เลยอยากดูจิตด้วยเผื่อว่าจะไปได้เร็วขึ้น จะใช้วิธีอะไรมากระทบอารมณ์ จิตรู้ทัน นึกถึงพระ...ก่อนนอนก็จะบริกรรมสลับกับการนึกถึงพระไปจนหลับ กลางคืนก็จะตื่นหลายครั้ง รู้ตัวตื่นก็นึกถึงพระ...วันหยุดก็อยากนั่งสมาธิเพื่อให้จิตมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น ที่ทำมาทั้งหมดก็เพราะอยากเห็นภาพพระได้นาน ๆ แต่พอมาอ่านที่ครูเพ็ญเขียนแล้ว พึ่งรู้ว่าที่เราอยากนั้นมันทำไม่ได้ จริง ๆ ครูก็บอกแล้วว่าให้นึกถี่ ๆ ๆ ๆ แต่ทำไมเราอยากนึกนาน ๆ ก็ไม่รู้ค่ะ

 

สวัสดีครับ นี่แหละผลของการไม่ส่งการบ้านแล้วก็ทำเอง นึกไปเองว่าแบบนั้นแบบนี้ถูก ผลก็คือวนกลับมาอยู่ตอนแรก เผลอๆไหลลงคลองไปซะงั้น
หลักของจิตเกาะพระคือเน้นถี่ ไม่เน้นนาน แหม เอาตามอย่างที่ผมฝึกเจงๆพี่กุ้งนี่ ไม่เป็นไรนะครับ เริ่มใหม่ได้ ขอให้ส่งเพิ่มเติมเรื่องของภาพพระและอารมณ์ระหว่างวันมาด้วยนะครับ

 

ส่งการบ้านค่ะ วันนี้ทำงานบ้านอย่างมีสติทุกการเคลื่อนไหว รู้ว่าถ้ามีสติบ่อย ก็นึกถึงพระได้บ่อย ทำงานได้หลายอย่างแต่จิตมีความสุข รู้สึกจิตตื่นตัว เหมือนกายกับใจอยู่คนละส่วน เห็นกายมันทำงานหลายอย่าง แต่จิตเป็นคนดูอยู่เฉย ๆ ตรงนี้อธิบายไม่ค่อยถูกค่ะ บางครั้งก็จะรู้สึกชาเบา ๆ ที่หน้า เริ่มคิดถึงพ่อแม่พี่น้อง อยากให้เป็นแบบเราตอนนี้ เริ่มเป็นห่วงพวกเค้า แต่ตอนที่นั่งพิมพ์นี้เริ่มรู้สึกหนัก ๆ ที่หัวแล้วค่ะ จิตยังตื่นอยู่แต่หัวเริ่มหนัก ขอเขียนต่อพรุ่งนี้นะคะ

 

ตอนนี้เอาจิตตัวเองให้รอดก่อน แล้วค่อยจะไปนึกช่วยคนอื่นนะครับ หากตัวเองยังไม่รอด แล้วจะไปช่วยคนอื่น รังแต่จะพาตัวเองลงเหวไปด้วย พี่ภูและพี่เพ็ญพูดบ่อยๆว่า เวลาตายเราก็ตายคนเดียว ไม่มีใครตายไปกับเรา ตายแล้วก็แยกย้ายกันไปตามกรรมที่ได้ทำมา ตอนนี้ขอให้ทรงอารมณ์ไว้ที่ตรงนี้ก่อนนะครับ

 

5555 สถาณการณพอๆกันครับ

เราต้องแผ่อย่างเดียวเลยครับ เดี๋ยวอ่อนเอง อิอิ

กลับภูเก็ตก้อลองเอาแผ่นวีดีโออบรมให้ดูสิครับ เผื่อจะดีขึ้น 5555


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม

 

อยู่แบบเมตตานำนะลูกหลาน
อยู่กับทุกข์แบบไม่ทุกข์
อยู่กับสุขแบบไม่สุข
สติและฌาณอย่าให้ห่าง


จบ.๑๑ เรือลำนี้จะไม่จม