ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ข่าวสารจากราชอาณาจักรภูฐาน​

Dear All,

Following Thailand timezone, a total solar eclipse will occur on Wednesday early morning, Nov 14, 02:30 a.m. until 07:45 a.m. Another lunar eclipse will occur on Wednesday Nov 28, around 19:10 until 23:55.

Any deeds, good or bad, committed during an eclipse period will multiply up to seven billion times. Consequently, the effects of a single deed will also be magnified accordingly. Given the rarest opportunity for you to cultivate great virtues and to clear obstacles from previous innumerable lifetimes, consider chanting Buddha mantra/praying/prostration during the eclipses.

If possible, do make the effort to chant during the specific timing of eclipses--around 5 hours on both Nov 14 and 28 respectively. You can choose any Buddha or Bodhisattva of your preference. For convenience, consider chanting Guanyin mantra "Om Mani Padme Hum" for as many times as you can. After performing the chanting/praying/prostration, remember to dedicate your virtues to all sentient beings, which will further augment the total benefits received by all.

May you and sentient beings benefit from the immeasurable virtues.

Buddha bless us,
His Eminence Trizin

แปลข้อความ

ท่านทั้งหลาย

จะเกิดสุริยคราส ในช่วงเช้าวันพุธที่ 14 พฤศจิกายน คือเวลา 02:30 ถึง 07:45 (ตีสองครึ่ง ถึง เจ็ดโมงสี่สิบห้านาที)และจันทรคราส ในวันพุธที่ 28 พฤจิกายน เวลา 19:10 ถึง 23:55 (ทุ่มสิบนาที ถึง ห้าทุ่มห้าสิบห้านาที)
ทั้งหมดนี้ตามเวลาในประเทศไทย

การกระทำใดๆ ทั้งดีและไม่ดี ในช่วงเวลาที่เกิดคราสนั้นจะถูกคูณด้วย 7 พันล้านเท่า (seven billion times) ดังนั้นการกระทำใดๆก็จะขยายผลตามไปด้วย ให้ใช้โอกาสที่หาได้ยากนี้กระทำคุณงามความดี และล้างอุปสรรคขัดข้องอันไม่มีประมาณที่ได้เคยกระทำมาในชีวิต, ให้สวดพระพุทธมนต์,ภาวนา,กราบ (กระทำสิ่งดีๆ) ในช่วงเวลาที่เกิดคราส

ถ้าเป็นไปได้ ให้พยายามสวดมนต์ในช่วงระยะเวลาที่เกิดคราส ประมาณ 5 ชั่วโมง ทั้ง วันที่ 14 และ 28 พฤศจิกายน ตามลำดับ สามารถเลือกสวดมนต์พระพุทธ หรือพระโพธิสัตว์ ที่ชอบ ที่ถนัดได้ หรือถ้าสะดวกอาจจะเลือกสวดมนต์พระโพธิสัตว์กวนอิม “โอม มณี ปัท เม อุม” มากเท่าที่คุณจะทำได้

หลังจากการปฏิบัติ สวดมนต์ ภาวนา กราบ (ทำสิ่งดีๆ) แล้ว อย่าลืมอุทิศบุญกุศลให้แก่สรรพสัตว์ บุญกุศลจะสำเร็จแก่ทุกสรรพชีวิต หวังว่าท่านและสรรพชีวิตจะได้รับในกุศลอันมากมายสุดประมาณนี้

เหล่าพุทธะอำนวยพร

His Eminence Trizin
(รองสังฆราช ราชอาณาจักรภูฐาน)

ที่มา : : Navagaprom.Com : :

 

ระวังไว้ไอ้ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์จะกอดคอลงนรก สรุปมั่วๆนั่งเทียนเนี่ย ทุกวันนี้ศาสนาพุทธพุทธเสื่อมเขาจ้องจะกลืน จ้องจะเปลี่ยนศาสนาไอ้พวกไม้ปักเลนอย่างพวกคุณอยู่ ทุกศาสนาไม่ได้สอนให้คนเป็นคนดี พวกศาสนาเทวนิยมพวกนี้เน้นสอนให้คนเอาใจเลียพระเจ้าของเขาเพื่อไปสวรรค์ ศาสนาพุทธเนื้อหาต่างกันลิบลับเอาใจพุทธองค์ก็หลุดพ้นหรือไปสววรค์ไม่ได้หากไม่ทำตามหัวใจของศาสนา ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส ไม่จำเป็นต้องเชื่อพระองค์อย่างในพระไตรปิฏกนี่ก็ระบุตั้งหลายอย่างว่าหากเข้าข่ายนี่ต่อให้ไม่ต้องเอาใจพระพุทธองค์หรือเกิดในพุทธศาสนาก็ไปสวรรค์ได้อย่างพวกฤาษีหรือแม้แต่นิพพานอย่างพระปัจเจกก็ได้
หัวใจหลักของพุทธศาสนาคือการพัฒนาขัดเกลาจิตใจ ไม่ใช่การรับใช้หรือทำตามที่พระเจ้าสอนต่างจากพวกศาสนาอื่นที่เมินคุณค่าของมนุษย์ เอามนุษย์มาเป็นทาสมารทาสของศาสนาตามเดิมมิให้หลุดพ้น ขนาดฤาษีหลายตนยังหลุดพ้นมิได้ขนาดได้ฌาณจากการนั่งสมาธิก็เถอะ

เอานี่ไปไอ้พวกพุทธจอมปลอมทั้งหลายจงอ่านและกลับไปบอกอาจารย์เอ็งด้วยระวังไปนรกเอา เพราะขนาดพระอริยเจ้ารุ่นก่อนท่านก็ยังมิไหว้มิฟังเอาข้อมูลศาสนาอื่นมาผสมปนเปกันอย่างสมัยนี้ เอาพิฆเณศมาเสมอพระพุทธอย่างงี้ จะโดนกลืนแบบที่อินเดียเอาก็ครานี้ล่ะ

ศาสนาอื่นมีพระอริยบุคคลหรือไม่

ปัญหา พระอริยบุคคลที่ได้บรรลุมรรคผล เช่น พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ มีอยู่ในศาสนาอื่นหรือไม่ ? หรือว่ามีเฉพาะในพระพุทธศาสนา ?

พุทธดำรัสตอบ ว่า “....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะมีในธรรมวินัยนี้เท่านั้นสมณะที่ ๑.... สมณะที่ ๒.... สมณะที่ ๓.... สมณะที่ ๔.... มีในธรรมวินัยนี้ ลัทธิอื่นว่างจากสมณะทั้ง ๔ เธอทั้งหลายจงบันลือสีหนาท(ประกาศ) โดยชอบอย่างนี้เถิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะเป็นไฉน ?
“....ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ (สักกายทิฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส) เป็นพระโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยวจะตรัสรู้ในเบื้องหน้า นี้สมณะที่ ๑
“....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๒ เป็นไฉนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ และเพราะราคะ โทสะ โมหะ เบาบางลง เป็นพระสกทาคามีมาสู่โลกนี้คราวเดียวเท่านั้น แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ นี้สมณะที่ ๒
“....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๓ เป็นไฉนภิกษุในธรรมวินัยนี้
เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ สิ้นไป เป็นอุปปาติกะ (เป็นพระอนาคามี) จักปรินิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา นี้สมณะที่ ๓
“....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะที่ ๔ เป็นไฉนภิกษุในธรรมวินัยนี้ กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญหาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน... นี้สมณะที่ ๔
“....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะที่ ๑.... สมณะที่ ๒.... สมณะที่ ๓.... สมณะที่ ๔.... มีในธรรมวินัยนี้ ลัทธิอื่นว่างจากสมณะทั้ง ๔ เธอทั้งหลายจงบันลือสีหนาทโดยชอบอย่างนี้เถิด”

กรรมวรรค จ. อํ. (๒๔๑)
ตบ. ๒๑ : ๓๒๓-๓๒๔ ตท. ๒๑ : ๒๗๑-๒๗๒
ตอ. G.S. II : ๒๔๒-๒๔๓

 

เอาง่ายๆ นั่งคิดเล่น พระปัจเจกท่านมิสามารถประกาศศาสนาได้แต่ก็ยังมิสอนให้คนยึดติด แต่สอนให้คนทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส และจะไม่มาเบียดบังศาสนาของพระพุทธองค์อย่างงี้มีแต่จะลงมาเกิดเพื่อเสริมศาสนาของพระพุทธองค์อย่างพระอชิตะเถระ ไม่ต้องมีญาณหรืออะไรแค่ลองนั่งอ่านและตีเนื้อหาก็คงเข้าใจนะ ขนาดพระพุทธเจ้านั้นยังมีได้คงเดียวเพราะอะไรแค่เนี่ย

 

“อุปราคา” 4 ครั้งส่งผลสะเทือนดวงเมือง !!!​

โหรภิญโญ พงศ์เจริญ ให้จับตา “อุปราคา” 4 ครั้งส่งผลสะเทือนดวงเมือง ตั้งแต่ปลายธันวาคม 54 เกิดการสูญเสียคนสำคัญ ระวัง! ปัญหาดินถล่ม น้ำหลาก หนักสุดเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน 55 มีทั้งแผ่นดินไหว ดินถล่ม และไฟอันเกิดจากฝีมือมนุษย์ ปัญหาแย่งอาณาเขตอาจถึงขั้นสู้รบ วิกฤตเศรษฐกิจ โครงการลงทุนขนาดใหญ่รัฐบาลวุ่น ประชาชนเดือนร้อนไปทั่ว ทั้งปัญหาปากท้อง โรคระบาด ครอบครัวแตกแยก จะส่งผลยาวข้ามปี 56

เกิดอุปราคา 4 ครั้ง สะเทือนดวงเมือง

นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ทำนายดวงเมืองในปี 2555 สัมพันธ์กับปรากฏการณ์ “อุปราคา” ที่จะมีขึ้นถึง 4 ครั้ง และเคลื่อนย้ายของดวงดาวสำคัญที่มีผลต่อดวงเมืองไว้อย่างน่าสนใจ

21 พฤษภาคม 55 อุปราคาครั้งแรก

สำหรับการเกิดอุปราคาของปี 2555 จะเกิดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 21 พฤษภาคม 2555 เป็น “สุรุยุปราคาวงแหวน” เกิดในเวลา 6.48 น. อยู่ราศีธาตุดิน ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะมีเรื่องของอุบัติภัยที่เกิดจากแผ่นดิน จะเกิดแผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว จนส่งผลต่อตึกรามบ้านช่องพังทลาย โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนต้องระวังเป็นพิเศษ จะเกิดความรุนแรง และผลกระทบจะกินเวลานาน

ระวัง! วิกฤติหนัก แผ่นดินไหว เศรษฐกิจพัง

การเกิดของอุปราคาครั้งแรกนี้ยังเกิดในเรือนการเมืองของประเทศ ส่งผลกระทบต่อปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง การคลังของรัฐบาลจะเกิดปัญหา และปัญหาจะเรื้อรังกินเวลานาน ส่งกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน เกิดความยากลำบาก ยากแค้น เกิดปัญหาเกี่ยวกับคดีฉ้อโกง และยักยอกทรัพย์ขึ้นมากมาย ประชาชนจะมีความสุขน้อยลง เกิดปัญหาครอบครัว แนวโน้มปัญหาหย่าร้างสูงมาก

24 มิถุนายน อุปราคาครั้งที่ 2

อุปราคาครั้งที่ 2 ของปี 2555 เกิดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน เป็นจันทรุปราคา เกิดในราศีธาตุน้ำ จะเกิดผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องน้ำ อุบัติเหตุเกี่ยวกับเรื่องน้ำ ทรัพยากรน้ำมีปัญหามาก และเป็นเรื่องเกี่ยวกับคู่สัญญา อาจเกิดปัญหาถึงเรื่องความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ความขัดแย้งเกี่ยวกับน่านน้ำ การแบ่งอาณาเขต ทรัพยากรทางทะเล รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน ขณะเดียวกันส่งผลถึงเรืองจิตใจ อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนรู้ยังคงหดหู่เศร้าหมอง

อุบัติภัยรุนแรงตั้งแต่ กรกฎาคม

สำหรับปัญหาอุบัติภัยเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ในปี 2555 โดยจะเกิดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม ไปจนถึงพฤศจิกายน กินเวลายาวหลายเดือนมาก ขณะเดียวกัน จะเกิดปัญหาเรื่องการคมนาคม ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ เรื่องของการสาธารณสุข การป้องกันประเทศ

14 พฤศจิกายน อุปราคาครั้งที่ 3

การเกิดอุปราคาครั้งที่ 3 ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 55 ในเวลา 05.09 ผลกระทบกับอุปราคาจึงมีไม่มาก แต่ที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ คือ การเกิดอุปราคาใน “ราศีธาตุลม” และยังถูกเล็งด้วยดาวพระเกตุ ส่งผลให้เกิดเรื่องของวาตภัย เกี่ยวกับลม จะเกิดพายุลมแรงถี่มาก และการเกิดวาตภัยมักจะตามมาด้วยอุทกภัยเสมอ การเกิดส่งผลรุนแรงมาก จะเกิดความสูญเสียเกิดขึ้นจนส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ และการเมือง โดยช่วงเวลาที่ต้องระวัง ตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน

28 พฤศจิกายน อุปราคาครั้งที่ 4

เกิดขึ้นในวันลอยกระทง ของวันที่ 28 พฤศจิกายน เวลา 21.46 เป็นวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง ทำมุม 45 องศา จะเกิดเป็นเงามัว ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้คน ประชาชนจะมีความวิตกกังวล เกี่ยวกับความเป็นอยู่ เรื่องการเงินเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจ

สิ้นปี 55 ระวัง โครงการใหญ่ของรัฐ ก่อปัญหาหนัก

ช่วงเวลาที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เป็นช่วงสิ้นปี 2555 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2556 เนื่องจากดวงดาวที่ถูกกระทบมากคืออาทิตย์ ซึ่งเป็นดาวในดวงเมือง จะเกิดปัญหาจากดาวเสาร์และราหู ส่งผลให้เกิดปัญหาความยุ่งยาก จากโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลลงทุนไป ไม่ว่าจะเป็น โครงการสร้างเมืองใหม่ จะก่อให้เกิดปัญหา จากการลงทุนเกินตัว ก่อให้เกิดหนี้สิน นำมาซึ่งความทุกข์ยาก และปัญหาร้ายแรงที่จะตามมาในอนาคต และจะกินเวลานานนับปี ขณะเดียวกันสถาบันเบื้องสูงต่างๆ จะถูกบีบคั้น เป็นจุดอันตราย และอาจเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่

ปัญหาน้ำท่วมเริ่มตั้งแต่สิงหาคม รุนแรงกันยายน-พฤศจิกายน

ปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมในปีหน้า จะเริ่มขึ้นตั้งแต่สิงหาคม กันยายน พฤศจิกายน โดยจะรุนแรงมากระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน เนื่องจากดาวอังคารสวนกับราหูตรงธาตุน้ำ ดาวพฤหัสซึ่งคุ้มครองชะตาเมืองก็เดินถอยหลัง ทำให้ปัญหาอุทกภัยเกิดขึ้นรุนแรง รวมถึงปัญหาเรื่องไฟที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์มีโอกาสเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน แต่สำหรับเรื่อง “อุทกภัย” เนื่องจากดาวมฤตยูอยู่ในราศีธาตุน้ำกินเวลาถึง 7 ปีเต็ม ปัญหาอุทกภัยเกิดขึ้นมาแล้ว 3 ปี และยังคงในอนาคตอีก 4 ปี

ระวัง ขัดแย้งต่างประเทศรุนแรง ผลจากดาวอังคารโคจรผิดปกติ

สำหรับเหตุการณ์ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ การเดินทางของดาวอังคาร ซึ่งเป็นเรื่องของอุบัติภัย อุบัติเหตุ ความขัดแย้ง และหมายถึง ผู้มีอำนาจทั้งทางกฎหมายและนอกกฎหมาย เนื่องจากปี 54 ดาวอังคารโคจรวิปริตค่อนข้างมาก โดยจะอยู่ในราศีสิงห์ถึง 8 เดือน จากปกติจะอยู่แค่ 45 วัน จะส่งผลให้เกิด

1. ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศรุนแรง ถึงขั้นต้องเกิดการต่อสู้กันขึ้น
2. ปัญหาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ โรคระบาด ความรุนแรงเทียบได้กับการเกิดของไข้ทรพิษในอดีต
3. ปัญหาความแตกแยกในประเทศ ปัญหาการแบ่งแยกดินแดนจะมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้องระวังปัญหาชายแดนภาคใต้ ปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร แนวชายแดนอาณาเขต รวมถึงปัญหาน่านน้ำทางทะเล ขณะเดียวกันอาจเกิดปัญหาความแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มต่างๆ จนเกิดเป็นปัญหาการเมืองรุนแรง
4. เรื่องของไฟ ทั้งจากธรรมชาติ และเกิดจากฝีมือมนุษย์
5. จะปัญหาที่เกิดขึ้นจะส่งผลรุนแรงต่อเจ้าเรือน หรือผู้สืบสันติวงศ์
6. เยาวชนจะหันมาสนใจการเมืองมากขึ้น แต่ก็จะถูกปลุกระดมและชักจูงไปได้ง่าย

ืที่มา คำทำนายปี2555 จากโหรใหญ่ - Playpark Board บอร์ดของคอเกม พูดคุยกับทีมงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล ติดตาม พูดคุย ข่าวสารเกมออนไลน์ทั่วโลก

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้"
ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2555

เมื่อเวลา 0400 น. วันนี้(14 พ.ย.) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 500 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม หรือที่ ละติจูด 7.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 55 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ปลายแหลมญวนในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงวันที่ 15-17 พฤศจิกายน นี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า



ประกาศ ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 05.30 น.





(ลงชื่อ) สมชาย ใบม่วง

(นายสมชาย ใบม่วง)

รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา


มาสิ้นปีซ่ะด้วย

 

-------

ในฐานะวิศวกร ไม่เห็นด้วยอย่างแรงกับข้อความ และคิดว่าข้อความนี้อาจสร้างความเข้าใจผิด ให้ผู้คนหลงตายใจกับข้อความนี้

อยากให้ ผู้ให้ผู้ให้ข้อความนี้ ศึกษาให้มากกว่านี้ และช่วยมาแก้ไขข้อความด้วย เพื่อประโยชน์ต่อมวลชน

 

ยอด สมาชิก

ตามรอยพระราชนิพนธ์มหาชนก จากฝีพระหัตถ์ในหนังสือ ตามรอยพระมหาชนก ขององค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อ้างอิงหน้า 57 ภาพ Mani Mekhala 9 May วันนี้วันอุโบสถ ภาพจากจักรราศี จะตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม 2537 เป็นวันจันทร์แรม 14 ค่ำ เดือน 5 ปีจอ แรม 14 ค่ำ ซึ่งไม่ใช่วันอุโบสถ วันอุโบสถไม่ใช่วันที่ 9 พฤษภาคม 2537

วันอุโบสถที่ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม (9 May) จะตรงกับวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตรงกับจันทรคติวันพฤหัส แรม ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ปีมะเส็ง วันอุโบสถ หมายถึง วันประชุมของพุทธศาสนิกชนเพื่อปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา โดยมีเดือนละ 4 วัน ได้แก่ วันขึ้น 8,15 ค่ำ และวันแรม 8,15 ค่ำ

๙ พฤษภาคม ๒๕๓๗ ตรงกับจันทรคติวันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำเดือน ๕ ปีจอ
๙ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ตรงกับจันทรคติวันอังคาร ขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๖ ปีมะโรง
๙ พฤษภาคม ๒๕๔๔ ตรงกับจันทรคติวันพุธ แรม ๒ ค่ำเดือน ๖ ปีมะเส็ง
๙ พฤษภาคม ๒๕๔๕ ตรงกับจันทรคติวันพฤหัส แรม ๑๓ ค่ำเดือน ๖ ปีมะเมีย
๙ พฤษภาคม ๒๕๔๖ ตรงกับจันทรคติวันศุกร์ ขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๖ ปีมะแม
๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗ ตรงกับจันทรคติวันอาทิตย์ แรม ๖ ค่ำเดือน ๖ ปีวอก
๙ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ตรงกับจันทรคติวันจันทร์ ขึ้น ๒ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา
๙ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ตรงกับจันทรคติวันอังคาร ขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๖ ปีจอ
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๐ ตรงกับจันทรคติวันพุธ แรม ๘ ค่ำเดือน ๖ ปีกุน
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ตรงกับจันทรคติวันศุกร์ ขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๖ ปีชวด
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ ตรงกับจันทรคติวันเสาร์ แรม ๑ ค่ำเดือน ๖ ปีฉลู
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ตรงกับจันทรคติวันอาทิตย์ แรม ๑๑ ค่ำเดือน ๖ ปีขาล
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตรงกับจันทรคติวันจันทร์ ขึ้น ๗ ค่ำเดือน ๖ ปีเถาะ
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ตรงกับจันทรคติวันพุธ แรม ๔ ค่ำเดือน ๖ ปีมะโรง
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตรงกับจันทรคติวันพฤหัส แรม ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ปีมะเส็ง
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตรงกับจันทรคติวันศุกร์ ขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๖ ปีมะเมีย
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตรงกับจันทรคติวันเสาร์ แรม ๗ ค่ำเดือน ๖ ปีมะแม
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ตรงกับจันทรคติวันจันทร์ ขึ้น ๔ ค่ำเดือน ๖ ปีวอก
๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตรงกับจันทรคติวันอังคาร ขึ้น ๑๔ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา

ที่มา http://palungjit.org/threads/ตามรอย-พระมหาชนก.248273/page-64

 

"ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว"​

หรือว่าดวงประเทศไทย จะต้องตายแล้วเกิดใหม่อย่างที่ทำนายกันจริงๆ ?​

โหรโสรัจจะ ทำนายดวงเมืองปี 2555 อันตราย!!!

โหรโสรัจจะ ระบุว่า ดาวผู้นำประเทศในปี 2555 นั้นเป็นดวงแตก ผู้คนทั้งประเทศจะสิ้นศรัทธา ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้ามาทำหน้าที่ประสานต่อได้แล้ว ผู้นำที่เลวและไม่หวังดีต่อประเทศ คิดแต่ผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องจะมีอันเป็นไป ในส่วนของรัฐบาลนอกจากจะเป็นศัตรูกับพรรคฝ่ายค้านแล้ว ยังมีปัญหากับพรรคร่วม และไล่นักวิชาการ ที่ปรึกษา หรือผู้ร่วมสนับสนุน ให้ก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาลออกยกแผง ทำให้คนเหล่านั้นไม่พอใจตั้งตนเป็นศัตรูกับรัฐบาลอย่างเปิดเผย และทำให้เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้

ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะเกิดการจลาจล เพราะผู้คนออกมาชุมนุมปะทะกัน และผู้มีอำนาจไม่สามารถควบคุมได้ จะเกิดการเผาบ้านเผาเมืองอีกครั้งจนนองเลือด อาจต้องใช้กำลังทหารเข้ามาแก้ไข สาเหตุที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เพราะนักการเมืองร่วมกันโกงชาติบ้านเมือง โดยไม่แยแสประชาชน ทำให้คนไทยท้อใจกับระบบรัฐสภาเผด็จการ จึงเริ่มหันไปมองหาอำนาจนอกระบบเข้ามาแทนที่ ส่งผลให้เกิดความรุนแรงที่หนักที่สุดตั้งแต่เสียกรุงครั้งที่ 2 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ จะเกิดเหตุการณ์ที่มีบุคคลในเครื่องแบบใช้อำนาจไม่เป็นธรรมร่วมมือกับสมุนทำการย่ำยีประชาชนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ จนเกิดข้อครหาไปทั่วโลก และจะทำให้องค์กรของโลก เช่น สหประชาชาติ ส่งกำลังทหารเข้าไปมาปราบปราม กวาดล้าง เป็นเหตุให้ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก และบ้านเมืองพังพินาศ

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น โหรชื่อดัง ทำนายว่า ความขัดแย้งกับกัมพูชายังคงเกิดขึ้น และยิ่งรุนแรงมากขึ้น จนไทยต้องประกาศสงครามครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยกัมพูชาจะส่งทหารเข้าโจมตีทหารไทย ตั้งแต่แนวชายแดนเรื่อยลงมาถึงภาคกลาง แต่ในที่สุด ทหารไทยจะสามารถตีกลับและยึดแผ่นดินคืนมาได้ แม้จะมีผู้คนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ผู้นำเขมรและครอบครัวจะเสียชีวิตหมด และที่น่าเสียใจคือ จะมีคนไทยกลุ่มหนึ่งไปเข้าข้างกัมพูชา และช่วยกัมพูชาบูรณะประเทศ

ขณะที่ภาคใต้ ในปี พ.ศ.2555 จะมีการแบ่งแยกดินแดนออกไปหลายจังหวัด ปกครองตัวเองเป็นรัฐอิสระ เนื่องจากดาวเสาร์ และดาวอังคารเดินผิดปกติ ประกอบกับดวงผู้นำประเทศตกต่ำ คนไม่นับถือ ทำให้ผู้ก่อการร้ายทางภาคใต้ยิ่งเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม และใช้อาวุธร้ายแรงมากขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากภายนอกประเทศ

และนี่คือคำทำนายดวงเมือง ปี พ.ศ.2555 บางส่วนที่ "โสรัจจะ นวลอยู่" พยากรณ์ไว้ จะเชื่อหรือไม่อย่างไร โปรดใช้วิจารณญาณค่ะ

ที่มา ดูดวง ดวงเมือง 2555 โสรัจจะ นวลอยู่ ทำนาย ดวงเมือง อันตราย!!!

 

สัญญาณฟ้าเตือนภัย...กทม.เริ่มไม่ปลอดภัยแล้ว !!!​

เอกณัฏฐ์ สมาิชิก

ท้องฟ้าตอนเช้าวันศุกร์เวลาตี 5.58 นาทีครับ เส้นทาง ถ.ชัยพฤกษ์มุ่งหน้าสะพานพระราม 4 เห็นแปลกดีเลยเอามาโพสครับ

10-11-2012, 04:09 PM

ฮั้วโต๋ สมาชิก

...ขนลุกซู่ด้วยเป็นสัญญาณเตือนภัย.ภัยมาแล้ว.ความรุนแรงและอันตรายมีมากยิ่ง.แสงสีทองให้กำลังใจปกป้องคุ้มครอง แต่แสงสีแดงนั่นน่ะแสงทำลาย.มีอานุภาพสูงมาก. กทม.เริ่มไม่ปลอดภัยซะแล้ว....

....ขอบคุณท่านมากที่นำภาพมาแชร์ เพื่อประโยชน์มหาชน.เมื่อคืนก็เฝ้าสังเกตุท้องฟ้า ดวงดาว(มีสีแดงเข้ม)บรรยากาศอึมครึม.วังเวงพิกลอยู่.สาธุครับ...

เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ

11-11-2012, 03:51 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/สัญญาณฟ้าเตือนภัยพิบัติ.294356/page-434

Aunyasit สมาชิก

สถานการณ์ ตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. นี้ เป็นต้นไป ไม่น่าไว้วางใจนัก ให้ญาติธรรมวางแผนและเตรียมการเดินทางไว้ให้รอบคอบ ท่านที่จะเดินทางไปที่พุทธสถาน ก็ให้ทะยอยกันไป ตั้งแต่ 8-15 ธ.ค. ผมและคณะจะไปเตรียมการรองรับญาติธรรมที่จะเข้าไปอยู่ที่พุทธสถานในช่วงนั้นเช่นกัน

สำหรับหลายๆท่านที่ประสบปัญหาในการอพยพครอบครัวไป จนต้องรอให้เหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดก่อน ก็ให้เตรียมสิ่งของไว้ให้พร้อมหรืออาจจะนำสิ่งของจำเป็นมาเก็บไว้ก่อนก็ได้ เมื่อถึงเวลาอพยพจริงจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระ

เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมขับรถไปสำรวจเส้นทางปลอดภัยอีกเส้นนึงจาก กทม. - หนองคาย โดยจาก กทม. ขับไปตามถนนมิตรภาพ(หมายเลข 2) ผ่านสระบุรี แยกไปสาย 201 ทางไป อ.สีคิ้ว ผ่าน อ.ด่านขุนทด -> อ.จตุรัส -> จ. ชัยภูมิ -> อ. แก่งคร้อ -> อ.ภูเขียว -> อ.ชุมแพ(จ.ขอนแก่น) -> อ.สีชมพู -> อ.ศรีบุญเรือง(จ. หนองบัวลำพู) -> จ. หนองบัวลำภู -> จ.อุดรธานี -> จ. หนองคาย ใช้เวลาประมาณ 10 ชม.(ไม่รวมเวลาแวะพักตามปั๊มน้ำมัน)

สภาพถนนหลายช่วงเป็นถนน 2 เลน(รถสวน)สถาพถนนไม่ค่อยดี มีขรุขระหลายช่วง ถ้าหากเป็นรถ offroad หรือรถกระบะ ก็พอใช้ได้ แต่ไม่ค่อยเหมาะสำหรับรถเก๋ง(ช่วงล่างจะชำรุด) เส้นทางนี้จะมีรถบรรทุกค่อนข้างเยอะ หากขับใครขับถนนรถสวนไม่ชำนาญ ก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย นอกจากนั้นจากสภาพถนนแล้วจะทำความเร็วได้ยาก สามารถใช้ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 80-90 กม./ชม อย่างไรก็ตามในช่วงฉุกเฉิน การเดินทางตามเส้นทางนี้น่าจะไปได้เร็วกว่าเส้นทางสายหลักครับ

ส่วนอีกเส้นทางนึงที่ไปทางเส้นเพชรบูรณ์ แต่เส้นทางจะอ้อมมาก แม้สภาพถนนจะดีกว่าแต่ก็จะขับยากกว่าเพราะมีเนิน มีเขา มีเลี้ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ขับผ่านบ่อยๆ บางโค้งถนนไม่ได้ทำยกโค้ง หากเราไม่ชำนาญอาจจะขับหลุดโค้งได้ครับ

หากท่านใดที่วางแผนอพยพไปก่อนล่วงหน้า แนะนำให้ใช้เส้นทางปกติ(เส้นมิตรภาพ หมายเลข 2) หากเข้าภาวะวิกฤติแล้วก็ให้ใช้เส้นทางผ่าน จ.ชัยภูมิครับ

14-11-2012, 02:19 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/เรียนทุกท่านที่ครอบครองแก้วพระรัตนตรัย.343175/page-24

 

----



ระวังไว้ไอ้ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์จะกอดคอลงนรก สรุปมั่วๆนั่งเทียนเนี่ย ทุกวันนี้ศาสนาพุทธพุทธเสื่อมเขาจ้องจะกลืน

-
"ผมได้ตรวจกับอาจารย์ที่ผมเชื่อถือ ได้รับการยืนยันว่า
1. ใช่
Messiah นั้นก็คือ พระศรีอารย์นั่นเอง

และ
2. พระเยซูก็เป็นอวตารปางหนึ่งของพระศรีอารย์

------------"

ที่จริงแล้วอาจารย์ที่ผมอ้างถึงนี้ ผมเชื่อท่านว่ารู้จริง แต่ผมไม่ประสงค์ที่จะ
ต่อล้อต่อเถียงกับคุณ ไม่ประสงค์จะมีความขัดแย้งกับคุณ
ไม่ประสงค์ที่จะแข่งว่าอาจารย์ของคุณหรือของผมใครเก่งกว่าใคร
ความจริงผมอยากเชื่อว่า แต่ละท่านก็ลูกศิษย์พระพุทธเจ้าทั้งนั้น ท่านเป็นอาจารย์ของพวกเรา

ผมแค่ต้องการยืนยันความคิดอ่านของผู้ที่โพสท์ว่า
Messiah นั้นก็คือ พระศรีอารย์นั่นเอง ว่า ใช่แล้ว
และผมจึงเรียนต่อว่า ในข้อ 2
พระเยซูก็เป็นอวตารปางหนึ่งของพระศรีอารย์

ข้อความของผม เป็นเรื่องที่ไม่ได้ทราบกันแพร่หลายนัก เพราะ
เกี่ยวกับศาสนาอื่น และไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่ครูบาอาจารย์ในศาสนา
พุทธจะต้องกล่าวสอนถึง แต่ข้อความของผมนี้ ไม่น่าจะขัดแย้งกับ
การสอนของศาสนาพุทธแต่ประการใด
แต่โปรดสังเกตว่า ผมไม่ได้รับรองคำสอนในศาสนานั้นในปัจจุบัน ว่าถูกต้อง
หรืออ้างว่าตรงหรือเหมือนกับคำสอนในพระพุทธศาสนา

ในข้อความที่ท่านโพสท์มานั้น ผมไม่มีข้อขัดแย้งแต่ประการใด
เป็นข้อความของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ผมเคารพนับถือยิ่ง
และผมก็เคยรับทราบมานานแล้ว

หากคุณไม่เชื่อข้อความของผม ก็เป็นสิทธิของคุณ ผมไม่ก้าวก่ายคุณ ไม่ไปบังคับให้คุณเชื่อ
หากคุณโพสท์ตอบในกรณีนี้ ผมไม่คิดจะตอบโต้กับคุณ

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
------

 

เรื่องจะไปบอกว่าใครเขาจะตกนรก มันไม่มีใครเขาชอบดอก
ไม่ว่าคนเตือนจะหวังดีหรือไม่

เราก็ไม่อยากเตือนใครแล้ว

แต่หลายๆคนมักเอาความเชื่อผิด นอกศาสนามาโพส
แม้จะอ้างว่าฟังเขามาหรือก๊อปมา

แต่หากคนที่อ่านบางคนเกิดความเชื่อ
คนเอามาเผยแพร่ก็รับวิบากตามไปด้วย

ยกตัวอย่างบางความเห็น ในบางกระทู้ อ้างว่า

พระพุทธเจ้าอวตารมาเกิดบ้าง

พระอรหันต์อวตารมาเกิดบ้าง

และอีกหลายอย่าง ขี้เกียจจำ

ไอ้ความเชื่อแบบนี้มันมิจฉาทิษฐิ
เป็นความเชื่อที่ผิดหลักศาสนา
ก็ยังเอามาเผยแพร่ วิบากกรรมย่อมมี

ส่วนพระเยซู นั่นเป็นพระโพธิสัตว์ไหม ข้อนั้นไม่เถียง
แต่เป็นพระศรีอาริย์หรือไม่ ยังไม่ขอเชื่อ เพราะสายหลวงปู่ดู่เขาก็เชื่ออีกแบบหนึ่ง

แต่อยากให้ข้อคิด
โดยวิสัยของพระโพธิสัตว์ที่บารมีเต็ม ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่าพระศรีอริย์ท่านบารมีเต็มหรือไม่
ถ้าเขาจะลงมาเกิด ในศาสนาของพระพุทธเจ้าที่ประกาศศาสนาอยู่แล้ว
ก็เพื่อช่วยเหลือส่งเสริม ในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์นั้น ที่ประกาศศาสนาอยู่
ให้มั่นคงปึกแผ่น ยืนยาวตรงตามพุทธทำนาย

เขาจะมาเกิด เพื่อแบ่งแยก ความเชื่อ ความเลื่อมใส ศรัทธา
จากศาสนาของพระพุทธเจ้าที่ยังประกาศศาสนาอยู่แล้ว หาได้ไม่

 

งั้นก็ตามใจท่านเถอะ แต่แค่เตือนเพราะหวงศาสนาและตัวพวกท่าน แต่ขออย่าโยงนั่นโยงนี่แล้วโพสให้เกิดความสับสนหากสนิทแล้วท่านค่อยบอก จงบอกในสิ่งที่ควรบอก หากท่านไม่แน่ใจแล้วประกาศในสิ่งที่ผิดและทำให้คนลงผิดก็ บาป ท่านเลิกเพื่อท่านเองและเห็นแก่พุทธศาสนาหน่อย

และไอ้อาจารย์ผู้บอกน่ะเก่งกว่าท่านหลวงปู่โต หลวงปู่ทวดไหม ท่านทั้งสองก็มิเคยปรามาสในคำสอนที่ชำระกันมาทุกวันนี้หากไปเอาตามพระไตรปิฎกจริง ดูพระอริยะเจ้าที่ผ่านมาอย่างหลวงปู่แหวน หลวงตามหาบัว ก็ยังไม่เคยกล่าวอย่างงี้และสำเร็จอริยะจากการปฏิบัติศึกษาตามพระไตรปิฎกนี้ก่อนจะมาฝึกภาคปฏิบัติ และอาจารย์ท่านตรัสรู้เองหรือต้องเรียนจากพระไตรปิฎกก่อนตอนเขาบวชใหม่ไหมถามหน่อย หากเบ้าความรู้นี้ผิดจริงท่านก็จงบอกอาจารย์ไปตั้งลัทธิใหม่เลย ผมสอนแค่ก็ขอให้ท่านตาสว่างและจะหยุดกวนใจแล้ว

 

ขอแจ้งข้อมูลตรง จากพระอาจารย์รัตน์ !!!​

cherrytu555 สมาชิก

รายงานจาก KU Home
เนื่องจาก ช่วงนี้มีข้อมูล ที่แจ้งว่ามาจากพระอาจารย์ หลายแหล่ง ซึ่งบางครั้งไม่ตรงกัน จึงขออนุญาติพระอาจารย์ ถึงข้อมูลที่ให้ประกาศได้ ดังนี้

พระอาจารย์ให้ ควรเตรียมเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 17 ธ.ค 55- 14 ก.พ 56
อย่างไรก็ดี ยังเน้น 3 ช่วง คือ ถ้าดาวนิบิรุมา 21 ธ.ค ก็ต้องยังเฝ้าระวัง แต่แนวโน้มเบาบาง และ ช่วงปลายปี อาจทำให้มีภัยบพิบัติที่ต่างๆอยู่ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ท่านยังเน้น วันเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่คือ 14 ก.พ ทั้งนี้ใครอยากรู้พื้นที่ ไหนรอดไม่รอดให้นั่งดูเองตามวิธีของท่าน โดยใครสงสัยรบกวนฟังวิธีการอบรมจากท่านโดยตรง

จึงขอสรุปดังนี้ เหตุการณ์มีการการเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา และมีหลายสิ่งนอกเหนือการแจ้งเตือนจากท่าน จึงไม่ควรยึดถือข้อมูลเก่าในอดีตที่ท่านพูดอย่างเดียว และขอให้คอยติดตามข่าวสาร อย่างใกล้ชิด และเปลี่ยนแกนปิรามิค 6 เหลี่ยม ตามท่านแนะนำ ช่วงนี้สีเขียว ใส่ถึงวันที่ 24 พ.ย แล้วเปลี่ยนเป็น 7 เหลี่ยม และ 17 ธ.ค เปลี่ยนเป็น 8 เหลี่ยม รหัสสีแดง คือเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ช่วงเปลี่ยนแกน ใกล้ภัย แต่ละคนจะรู้ด้วยตัวเอง จากนี้ไปตั้งแต่ 17 ธ.ค จะเริ่มสังเกตุ ดาวเทียม มือถือ สัญญานจะติดๆขัดๆ เครื่องบินขัดข้อง มีภัยพิบัติ ทั่วโลก คิดว่าเมืองไทยยังไม่มีภัยใหญ่ในช่วงนี้

14-11-2012, 09:49 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/แจ้งเตือน-โดย-k-97-a.324655/page-87

 

ติดดี หลงดี ละได้ยากกว่าติดเลว

เอโก ธัมโม

ธรรมมีอันเดียว มีหนึ่งเดียว ไม่แบ่งแยก

พระพุทธองค์ไม่ทรงตำหนิศาสดาของศาสนาใดๆ

 

เคยอ่านว่าช่วงโลกปรับเปลี่ยน แหล่งพลังงานที่คนมีจะเกิดลุกไห้ม เมื่อเช้าดูข่าวช่อง 3 ไม่ก็ 7 (เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาน่ะ)ว่า เมื่อวานรถมอเตอร์ไซด์จอดอยู่เฉยๆอยู่ๆไฟก็ลุกไหม้ไม่ทราบสาเหตุ วันนี้รถกระบะจอดเฉยอยู่ๆไฟก็ลุกไหม้ไม่ทราบสาเหตุ ข่าวว่าเแปลกใจทำไม่จึงไฟลุกเองได้

 

ไม่ต้องแปลกใจครับ กระทู้นี้ กำลังลุกเป็นไฟเลยทีเดียว เย็นไว้โยม

 

ไม่หรอกผมไม่ได้โกรธและแค่อยากเตือนสติคนไม่อยากให้โยงนั่นโยงนี่เฉยๆ แค่นี้ศาสนาพุทธก็มีพุทธไม่กี่คนแล้ว และมันบาปแก่ผู้กล่าว อย่างกาลามสูตรว่า จงอย่าว่าตาม เพราะเห็นแก่เป็นอาจารย์ อย่าเชื่อเพียงเพราะเขาว่ากันมา ท่านไหนเอาข้อมูลภัยพิบัติของศาสนาอื่นมาลงน่ะผมน่ะสรรเสริญและขอบคุณมากให้คนเขาได้มองหลายแง่ได้ระวังภัยอย่างท่านเกษม แต่ลงข้อมูลศาสนาอื่นเฉยเพียวๆก็ไม่ควร แต่หากโยงหรือบิดเบือน ผมก็จะเตือนเพื่อฉุดเขาจากนรกและพยายามลดข้อมูลบิดเบือนที่แพร่ลง แม้จะหนึ่งคนก็ยังดี อย่างคุณเทวดาผมก็เตือนแล้ว ผมว่าคำว่าจบผมไม่เตือนก็จะไม่เตือนและหยุดจริงสำหรับท่านผู้นั้น แต่หากเผลอเตือนอีกแปลว่าผมน่ะลืมว่าได้เตือนท่านแล้ว
อยากให้หยุด ท่านจะเชื่ออาจารย์ก็เคารพสิทธิ์แต่ขออย่าโพสไอ้พวกอย่างงี้เพราะมันไม่ดีกับตัวท่าน บาป หากพวกคริสต์มาเห็นเขาจะมองไม่ดีด้วยหรืออาจจะเอาไปกลอุบายต่ออีกไปหลอกเข้ารีตต่อผมก็ไม่รู้

อีกอย่างผมมิได้วิเศษวิโสหรอก ผมมันก็มนุษย์เลวๆคนนึง ยังอยากทางเพศ ยังอยากทำร้ายผู้อื่นหากโกรธ หรือปากร้ายแต่พยายามเป็นคนดี และไม่อยากเห็นคนเดือดร้อน ลงนรก หรือศาสนาพุทธต้องเสื่อมดับสูญเร็ววัน หากมีโอกาสทำดีได้แม้ตักเตือนสำเร็จสักคนมันก็บุญและทำให้ผมดีใจแล้วล่ะ ผมสงสารพระพุทธศาสนาที่โดนรังแกเอามาตลอดด้วย อย่างที่มหาลัยนาลันทา นารีพิฆาตเพื่อทำลายพระแท้ บิดเบือนเพื่อเอาคนเข้ารีตได้ง่ายขึ้น เอาการศึกษาออกจากวัด ตั้งโรงเรียนคริสต์มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมให้เรียนภาษาอังกฤษฟรี ยิ่งตามทางเหนือเนี่ยคริสต์ล้วนแล้วครับ มัสยิดก็ผุดทั่วไทยหากใครมีปัญญาและเฉลียวจะสังเกตุได้ว่าจำนวนมัสยิดโตเร็วมากและมีป้ายถาวรด้วย บวกกับเขากระจายไปทั่วไทยไม่เหมือนสมัยก่อน ไทยจะถูกกลืนด้วยศาสนาอื่นหมดอยู่แล้ว ตอนนี้เกาหลีก็คริสต์ล้วนแล้ว ญี่ปุ่นไม่ไร้ศาสนาก็คริสต์เป็นส่วนใหญ่ ท่านลองเก็บไปคิดการบ้านและสังเกตุเอาเองดู เพราะผมไปเที่ยวหลายจังหวัดมากกว่าพวกท่านหลายคนในที่นี้เลยสังเกตุได้ชัดกว่าพวกท่านหลายคน มุสลิมน่ะส่งคนแทรกเข้ามาในกรมการศาสนาเพื่อหวังคุมศาสนาพุทธและดูดเงินแบบลับๆตามแผนยึดประเทศไทยอย่างที่หลุดมาบนเน็ต พวกท่านอย่ามาซ้ำทำลายบวรพระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ที่ผมเคารพขอร้อง

 

ไฟฟ้าลัดวงจร (Short circuit)

​

ผลกระทบทางสภาพอวกาศ
(Space Weather Effects)

ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการแผ่รังสีหรืออนุภาคพลังงานสูง ร่างกายมนุษย์อาจถูกเปลี่ยนแปลงได้ถึงระดับสารพันธุกรรม (DNA) อนุภาคพลังงานสูงอย่าง โปรตอน และนิวตรอน สามารถชนกับอะตอมที่ประกอบเป็นโมเลกุล DNA ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวต แล้วทำลายพันธะเคมี จนก่อให้ข้อมูลทางพันธุกรรมผิดเพี้ยนไป

คนที่อาศัยอยู่บนพื้นโลกย่อมถูกป้องกันจากรังสี หรืออนุภาคพลังงานสูงดังกล่าวโดยสนามแม่เหล็กโลก ทว่าสำหรับนักบินอวกาศที่ปฏิบัติงานอยู่ในอวกาศ ย่อมต้องรับความเสี่ยงนี้ อย่างเช่น นักบินอวกาศที่ประจำการบนสถานีอวกาศเมียร์ (Mir Space Station) ของรัสเซียได้รับปริมาณรังสีเท่ากับการถ่ายภาพทรวงอกด้วยรังสีเอกซ์ 8 ครั้งต่อวัน ภายในเวลาหนึ่งปี จากพายุสุริยะครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990)

โดยทั่วไปอัตรารังสีที่ควรได้รับคือไม่เกิน 400 rem การถ่ายภาพทรวงอกด้วยรังสีเอกซ์ครั้งหนึ่งๆ ร่างกายจะได้รับรังสี 0.06 rem ส่วนรังสีที่มนุษย์ได้รับจากสภาพแวดล้อมคือ 0.35 rem ต่อปี แต่สำหรับการลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ครั้งใหญ่หนึ่งครั้ง สามารถทำให้มนุษย์อวกาศได้รับรังสีสูงถึง 100 หรือหลายพัน rem ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน แม้จะสวมชุดอวกาศอยู่ก็ตาม และนี่ย่อมนำมาซึ่งการเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากรังสี อย่างเช่น โรคมะเร็ง และในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดคือเสียชีวิต

รังสีหรืออนุภาคอาจก่อความเสียหายให้ วงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในดาวเทียม อนุภาคอาจฝังเข้าไปภายในอิเล็กทรอนิกส์ รบกวนกระแสไฟฟ้า หรือ ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร (Short circuit) ระบบกำเนิดพลังงานของดาวเทียม ด้วยการทำลายแผงโซลาร์เซลล์หรือแบตเตอรี่ภายในดาวเทียม คอมพิวเตอร์และโปรแกรมที่ติดตั้งภายในดาวเทียม อนุภาคสามารถเปลี่ยนบิทข้อมูลในรูปเลขฐานสองจาก 0 เป็น 1 หรือกลับกัน ความผิดพลาดนี้เพียงพอจะทำให้คำสั่งภายในคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาด ดาวเทียมหลายดวงมีระบบควบคุมระดับความสูง ด้วยการตรวจวัดสนามแม่เหล็กโลกเพื่อตัดสินว่าจะให้ดาวเทียมสูงขึ้นหรือต่ำลง แต่หากเกิดพายุแม่เหล็กขึ้น สนามแม่เหล็กโลกจะถูกรบกวนและนำไปสู่ความผิดพลาดในการตัดสินใจของโปรแกรมควบคุมระดับความสูงภายในตัวมันเอง ผลร้ายแรงที่สุดคือดาวเทียมอาจหลุดจากวงโคจร หรือตกลงมาบนผิวโลกอย่างไม่อาจควบคุม

คัดลอกบางส่วนมาจาก
สภาพอวกาศ

 

*รู้ธรรม..รู้ทัน..ภัยธรรมชาติ*​

โดย หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ​

​

ยุคภัยธรรมชาติที่รุนแรง

โลกที่เราอยู่มีภัยนานาประการ อันเป็นผลกระทบต่อชีวิต ทำให้ได้รับความทุกข์จากภัยธรรมชาติเป็นอย่างมากทีเดียว หลายชาติในอดีตได้เจอกับภัยธรรมชาติมาแล้วเมื่อเกิดมาในชาตินี้ ขณะที่ภัยธรรมชาติยังไม่มาถึงตัวเราก็ไม่มีความรู้สึกเป็นทุกข์ แต่อีกไม่นานนัก เมื่อเราได้เกิดในโลกนี้อยู่บ่อยๆ ชีวิตก็จะต้องเจอกับภัยธรรมชาตินี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องภัยธรรมชาตินี้จะเกิดขึ้นในโลกมนุษย์มากขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นในยุคต่อไป จะมีความรุนแรงเป้นอย่างมาก จะไม่มีใครๆ ในโลกนี้เอาชนะภัยธรรมชาตินี้ได้แต่อย่างใด

ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นในตัวมันเอง เป็นภัยธรรมชาติที่มีอยู่ประจำโลกมาแต่กาลไหน ๆ เมื่อโลกนี้ได้เกิดขึ้นมานานหลายล้าน ๆ ปี ถึงกาลสมัยเปลือกโลกเสื่อมหมดคุณภาพลง เกิดขึ้นในสถานการที่ไม่มีมนุษย์อยู่อาศัย และเกิดขึ้นในสถานที่มีหมู่มนุษย์อยู่อาศัย จะเกิดขึ้นน้อยหรือเกิดขึ้นอย่างรุนแรงขึ้นอยู่ตามกฎเกณฑ์ของโลก

ภัยธรรมชาติที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่อายุขัยของมนุษย์ต่ำกว่า ๑๐๐ ปีเป็นต้นไปจะทำให้มนุษย์ทั้งหลายล้มตายไปเป็นจำนวนมาก หากมนุษย์มีอยู่ในโลกประมาณ ๒ หมื่นล้านคน จะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น มนุษย์จะล้มตายจากภัยธรรมชาตินี้ จะหาที่หลีกหนีไม่ได้ จะมีชีวิตอยู่รอดได้ประมาณ ๓๐ เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก แล้วเริ่มต้นใหม่โดยไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเหมือนยุคปัจจุบัน

ภัยธรรมชาตินี้จะเกิดต่อเนื่องกันยาวนาน จะหลบจากภัยธรรมชาติในจุดหนึ่งได้แล้ว ก็ไปเจอกับภัยธรรมชาติจุดอื่นอีก

ภัยธรรมชาตินี้มีอยู่เป็นจุดใหญ่ ๘ จุดด้วยกัน คือ
๑. วาตภัย จะเกิดลมพายุใหญ่ทั้งบนบกและในทะเล
๒. อุทกภัย จะเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง
๓. ธรณีภัย จะเกิดแผ่นดินถล่มและแผ่นดินไหว
๔. อัคคีภัย จะเกิดความแห้งแล้ง ไฟไหม้ป่า ส่วนภัยธรรมชาติอย่างอื่นก็จะเกิดตามมา เช่น
๕. มลพิษภัย จะเกิดมลภาวะที่ร้ายแรง มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์เป็นอย่างมาก
๖. โรคภัย จะเกิดโรคระบาดนานาชนิด
๗. ทุพภิกขภัย จะเกิดการอดอยากในอาหาร
๘. โจรภัย ภัยจากกลุ่มคนพาลปล้นจี้ลักขโมย

ภัยธรรมชาติทั้งหลายนี้ จะทำให้มนุษย์ในยุคนั้นอยู่กันด้วยความเดือดร้อนเป็นทุกข์อย่างมากทีเดียว ทั่วทุกมุมโลกจะมีภัยธรรมชาตินี้เกิดขึ้นเหมือนกัน ทุกประเทศเขตแดนจะไม่มีใครช่วยเหลือกันได้เลย ล้วนแล้วแต่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี้อย่างทั่วถึงกัน

ภัยธรรมชาตินี้ จะเกิดมีขึ้นทุกฤดูกาล ฤดูแล้ง ฤดูฝน ฤดูหนาว จะเกิดขึ้นต่อเนื่องกันเรื่อยๆ เกิดขึ้นในที่ไหนทำให้เกิดความเสียหายในที่นั้นเป็นอย่างมากทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาตภัย เป็นภัยที่มาอันดับหนึ่ง ถ้าไม่มีฝนตกลงมา ลมก็จะพัดพาเอาน้ำมหาสมุทรเป็นคลื่นขนาดใหญ่ ทำให้เรือนน้อยใหญ่ไม่สามารถจะวิ่งฝ่าคลื่นน้ำขนาดใหญ่ไปได้ เรือพวกพ่อค้าวาณิชที่เคยส่งน้ำมัน ส่งอาหารจากประเทศนั้นไปสู่ประเทศนี้ก็จะจอดนิ่งในทันที ถ้ามีบ้านเรือนที่ปลูกชิดกันกับชายฝั่งก็จะมีผลกระทบอย่างแน่นอน ประชาชนจะมีความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก..

นี่เป็นส่วนหนึ่งที่วาตภัยทำให้น้ำในทะเลเกิดความแปรปรวน จะเป็นอยู่อย่างนี้ติดต่อกันยาวนานต่อเนื่องกันทั้งกลางคืนและกลางวัน ลมที่อุ้มเอาน้ำทะเลให้เป็นคลื่นขนาดใหญ่พัดไปมา ประชาชนที่อยู่ใกล้ฝั่งทะเลจะมีความเดือดร้อน ซึ่งเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ประชาชนก็ได้รับผลกระทบจากลมที่พัดเอาน้ำทะเลให้เกิดความเสียหายมาแล้ว ในช่วงต่อไปไม่นานนัก มนุษย์ที่อยู่ริมฝั่งทะเลก็จะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จะทำให้ทรัพย์สินเสียหายและมนุษย์ล้มตายเป็นจำนวนมากทีเดียว นี่คือน้ำท่วมอันเนื่องมาจากลมเป็นต้นเหตุ

วาตภัยที่เกิดขึ้นในตัวมันเอง ไม่มีน้ำทะเลและไม่มีฝนตกลงมา ลมนี้จะพัดพาไปในทิศทางต่างๆ ของตัวลมเองไม่มีสิ่งใดๆ จะไปขัดขวางห้ามได้ ถ้าพัดเข้าไปในป่า จะทำให้ต้นไม้น้อยใหญ่หักโคน ทำลายทรัพยากรป่าไม้เป็นอย่างมากถ้าลมพัดเข้าที่ชุมชนอยู่อาศัย จะทำให้บ้านเรือนพังพินาศไปคนจะขาดที่อยู่อาศัยหรือล้มตายเพราะอาคารบ้านช่องพังทับถม

ลมที่ว่านี้จะมีชื่อตามที่มนุษย์ตั้งให้ ชื่ออะไรก็ไม่สำคัญข้อสำคัญคือความรุนแรงของลมแต่ละอย่างจะทำให้เกิดความเสียหายเหมือนกัน วาตภัยจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งทั่วทุกทนแห่งของมุมโลก มนุษย์จะมีความทุกข์เดือดร้อนเพราะลมไม่น้อย เงินของรัฐบาลจะสร้างบ้านที่พักอาศัยให้ทุกครอบครัวจึงทำได้ยาก เพราะบ้านได้พังเสียหายเนื่องจากลมที่มีความรุนแรง จึงยากที่จะได้รับความสงเคราะห์ให้ทั่วถึงได้ ในเหตุการณ์อย่างนี้จะมีผลกระทบจากลมอย่างรุนแรงในภายภาคหน้าโน้น

วาตภัยเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ถ้ามีฝนตกลงมาจะเป็นพลังบวกกับลมอย่างรุนแรง ถ้าฝนตกมาแรงและลมก็เกิดขึ้นอย่างรุนแรง จะทำให้เกิดน้ำท่วมในที่ต่างๆ อย่างกว้างขวางถ้าบ้านปลูกในที่ต่ำ น้ำก็จะท่วมอย่างหลีกหนีไม่ได้ ทั้งลมก็พัดทำให้บ้านเรือนเกิดความเสียหาย ทั้งน้ำก็ท่วมบ้านทรัพย์สินทั้งหลายเกิดความเสียหาย เรียกว่าสิ้นเนื้อประดาตัวไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ พอจะนำเอาติดตัวมาได้เลย คนก็จะล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงยากที่จะพึ่งใครๆ ได้ หน่วยราชการและหน่วยงานอื่นๆ ที่รับผิดชอบก็ถูกภัยธรรมชาตินี้ทำลายเช่นกัน ข้าวปลาอาหาร น้ำดื่ม เครื่องบริโภค เครื่องอุปโภค เสื้อผ้า ยารักษาโรค จะพากันอดอยากเป็นอย่างมากยากที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือได้

ความทุกข์เพราะสิ่งเหล่านี้ก็แสนสาหัสอยู่แล้ว หากคนในครอบครัวมีการพลัดพรากจากกัน หรือตายไปเพราะภัยพิบัตินี้อีก คนทั้งหลายก็จะเพิ่มทวีความทุกข์เดือดร้อนยิ่งขึ้น ในช่วงนั้น จะเรียกร้องให้ใครๆ มาช่วยเหลือเราจึงเป็นไปได้ยาก เพราะทุกคนก็ต้องเจอกับภัยธรรมชาตินี้เช่นกัน ในเหตุการณ์นี้นับแต่จะมีความรุนแรงมากขึ้นในประเทศไทยหรือต่างประเทศก็เริ่มเกิดภัยธรรมชาตินี้ให้เห็นกันอยู่แล้ว ซึ่งจะมีความรุนแรงมากขึ้น และเกิดขึ้นบ่อยครั้งดังที่เห็นกันอยู่ขณะนี้

ภัยธรรมชาตินี้จะเกิดมีความรุนแรงในภายภาคหน้า ในอดีตหลายล้านปีที่ผ่านมาก็ได้เกิดมีภัยธรรมชาตินี้มาแล้วหลายครั้ง จะเกิดขึ้นในช่วงมนุษย์มีอายุขัยขาลง มีอายุขัยต่ำกว่า ๑๐๐ ปี เป็นต้นไป ภัยธรรมชาติจะเริ่มก่อตัวเกิดขึ้นเรื่อยๆ เกิดขึ้นน้อยบ้างมากบ้าง และเกิดขึ้นอย่างรุนแรงบ้าง จะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ทั้งลมและฝนที่เกิดต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ทั้งอากาศก็แปรปรวนในที่ทั่วไปทำให้เกิดเป็นภัยธรราติเป็นวงกว้างทุกมุมโลกทั่วถึงกันทุกประเทศเขตแดน เครื่องบินที่เคยเหาะเหินเดินอากาศก็ไม่สามารถที่จะเดินทางไปไหนได้ เครื่องบินเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกของชีวิต ในการเดินทางไปต่างประเทศนั้นประเทศนี้ก็จะสิ้นสุดลงไปตามยุคสมัย รถเรือที่เคยให้ความสะดวกในการไปมาก็จะพากันเจออย่างสนิท จะวิ่งไปมาไม่ได้เลย มนุษย์อยู่เป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ ใครอยู่กันในที่ไหนก็อยู่กันไปในที่นั้น จะส่งข่าวสารติดต่อกันด้วยงวิธีใดก็จะติดต่อกันไม่ได้เลย..

 

วาตภัย อุทกภัย ธรณีภัย

วาตภัยจะทำให้เกิดลมขึ้น ๒ จุด ด้วยกัน คือ

๑. วาตภัยจะเกิดขึ้นจากความกดดันในชั้นบรรยากาศของโลกที่แปรปรวน ทำให้ลมเกาะกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่จะเกิดเป็นช่องว่างให้ลมเกิดการหมุนตัว หลายคนเคยนั่งเครื่องบินปะทะกับกลุ่มลมที่หมุนตัวอยู่ ทำให้เครื่องบินตกหลุมอากาศเหมือนเครื่องบินวูบตัว หรือทำให้เครื่องบินสั่นสะเทือนเพราะอากาศไม่ปกติ มีความแปรปรวน

ถ้าเครื่องบินเล็กเดินทางผ่านก็จะเกิดอันตราย บังคับไม่ได้ ทำให้เสียหลักในการทรงตัว แล้วหมุนไปตามกระแสลม หรือตกลงพื้นดิน ทำให้เสียชีวิตดังดูข่าวในปัจจุบัน

ถ้าเครื่องบินลำใหญ่ ลมกลุ่มเล็ก ก็พอจะบินผ่านไปได้ ถ้าลมกลุ่มใหญ่มีกระแสพัดอย่างรุนแรง ถึงเครื่องจะใหญ่ก็ไม่สามารถบินผ่านไปได้ เครื่องบินจะขึ้นจากสนามและลงสู่สนามก็เป็นอันตรายเช่นกัน ทุกสนามบินเมื่อมีลมเกิดขึ้นอย่างรุนแรง มีการห้ามเครื่องบินทุกชนิดขึ้นลงปล่อยให้เป็นไปตามกระแสจนกว่าจะหมดกำลังลง เมื่อลมกลุ่มนี้หมดไป ลมกลุ่มใหม่ก็เกิดขึ้นถึงกันในโลกนี้ ทุกสายการบินในโลกก็ต้องหยุดการเดินทาง ถ้าลมเกิดขึ้นต่อกันยาวนาน เครื่องบินก็จอดสนิทยาวเช่นกัน

ดาวเทียมเป็นสัญญาณสื่อที่สำคัญในยุคปัจจุบัน เครื่องคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และเครื่องรับสัญญาณจากดาวเทียมอื่นๆ เป็นจำนวนมากที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว เครื่องที่ใช้งานรับสัญญาณจากดาวเทียมเหล่านี้ ถ้าไม่มีสัญญาณของดาวเทียมในการสื่อสารจะทำงานไม่ได้

ให้ฝึกทำใจไว้เลยว่า อนาคตต่อไปภายภาคหน้าเมื่อดาวเทียมมีปัญหาขัดข้องไม่สามารถส่งสัญญาณได้ จะไม่มีใครขึ้นไปแก้ไขให้ทำงานเป็นปกติได้ เพราะวาตภัยในห้วงอากาศกำลังหมุนตัวอย่างรุนแรง ท้องฟ้ากำลังแปรปรวนอย่างหนัก เครื่องบินอากาศทุกชนิดไม่สามารถขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ ดาวเทียมก็จะมีปัญหาขัดข้อง ส่งสัญญาณข้อมูลอะไรไม่ได้ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องรับสัญญาณจากดาวเทียมอื่นๆ ก็ทำงานไม่ได้ เพราะสัญญาณของดาวเทียมเป็นต้นเหตุ ถึงมนุษย์จะมีความรู้ดี ได้สร้างดาวเทียม คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ตขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงาน ก็จะสิ้นสุดลงในยุคสมัยนี้ เป็นจุดจบของมนุษย์ที่จะต้องได้รับในยุคต่อไป

กรมอุตุนิยมวิทยาที่มีความชำนาญในการติดตั้งเครื่องเตือนภัยทั้งหลายเพื่อรับข่าวสารจากภัยธรรมชาติต่างๆ ก็จะหยุดตัวลง ทำงานไม่ได้ ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นในลักษณะใดก็ไม่สามารถรู้ได้ ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นอย่างไรไม่มีใครรู้ล่วงหน้า เมื่อภัยธรรมชาติเกิดขึ้นมนุษย์ก็จะได้รับผลกระทบในทันที ทั้งวาตภัย อุทกภัยที่ได้เกิดขึ้นอย่างรุนแรงติดต่อกันเป็นเวลานาน มนุษย์ทั้งหลายในโลกนี้จะอยู่กินหลับนอนกันไปด้วยความลำบาก

ในยุคต่อไป เปลือกโลกจะเลื่อมอย่างรุนแรง จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติขึ้นในตัวมันเอง เมื่อครบวงจรของเปลือกโลกเสื่อม ก็จะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น จะหาวิธีป้องกันหยุดภัยธรรมชาตินี้ไม่ได้ มนุษย์ที่เกิดมาอาศัยโลกอยู่เมื่อภัยธรรมชาติเกิดขึ้น ทุกคนต้องได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี้ ในขณะหลายพื้นที่หลายประเทศได้เห็นภัยธรรมชาตินี้อยู่แล้ว หลายประเทศได้รับผลกระทบ มีความทุกข์เดือดร้อนไปตามๆ กัน ฉะนั้น ทุกคนอย่าประมาทตั้งสติให้ดี ในโลกนี้อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เมื่อแก้ไขไม่ได้ก็ต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น

๒. วาตภัยในอีกจุดหนึ่งที่มนุษย์จะต้องได้รับ นั่นคือลมใต้พื้นพิภพ จะมีความกดดันอย่างรุนแรง เปลือกโลกจุดไหนที่เสื่อมคุณภาพก็จะเกิดความกดดัน แผ่นดินจะเกิดแตกแยกจากกัน เรียกว่า ลมปะทุ ให้หินในพื้นพิภพแตกและกระจายอย่างกว้างไกล ถ้าเกิดบนบกก็เรียกว่า แผ่นดินไหว จะไหวมากไหวน้อยขึ้นอยู่กับความกดดันของลมมนุษย์จึงคิดคำนวณความรุนแรงออกมาเป็นริกเตอร์เท่านั้นเท่านี้ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวในชุมชนอย่างรุนแรง จะทำให้บ้านอาคารเสียหายเป็นอย่างมาก อาคารต่างๆ ก็จะพังทับถม หมู่มนุษย์ล้มตายกันไป ไม่มีใครช่วยกันได้

การเกิดแผ่นดินไหวในลักษณะนี้ มีวาตภัยและธรณีภัยเกิดขึ้นพร้อมกัน และจะเกิดขึ้นบ่อยต่อเนื่องอย่างน้อย ๘ ริกเตอร์ขึ้นไป เหตุการณ์อย่างนี้หากเกิดขึ้น ๑๐ ริกเตอร์หรือ ๑๒ ริกเตอร์ขึ้นไปในภายภาคหน้า อาคารบ้านช่องจะพังทลาย มนุษย์จะล้มตายเป็นจำนวนมาก ยากที่จะแก้ไขป้องกันได้ ความเป็นไปในลักษณะนี้ก็เพราะโลกธาตุได้เกิดขึ้นมายาวนาน ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัยจัยในตัวเอง ธาตุเดิมคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุทั้งบนอากาศหรือพื้นพิภพต้องเป็นอย่างนี้

ภัยธรรมชาติอีกจุดหนึ่งที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับมีวาตภัย อุทกภัย ธรณีภัย ถ้าพื้นพิภพเสื่อมอยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร ลมก็จะเกิดความกดดันให้เปลือกโลกส่วนที่เสื่อมแยกออกจากกัน ที่เรียกว่าแผ่นดินไหวในมหาสมุทรอย่างรุนแรง เมื่อแรงกดดันของลมปะทะกับชั้นหินที่มีความแข็งก็จะเกิดระเบิดขึ้นอย่างกว้างขวาง หลายๆ ประเทศจะได้รับผลกระทบ ตายเป็นจำนวนมาก เมื่อชั้นหินได้แยกออกจากกันเป็นช่องใหญ่หลายจุดพร้อมกัน น้ำทะเลก็จะไหลลงสู่โพรงใต้พื้นพิภพเป็นจำนวนมาก น้ำในทะเลก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว เมื่อน้ำทะเลไหลลงสู่โพรงดินขนาดใหญ่เต็มแล้ว วาตภัยในพื้นพิภพก็จะกดดันน้ำทะเลส่วนนั้นกลับคืน น้ำทะเลก็จะถูกลมกดดันไหลขึ้นท่วมในสถานที่ต่างๆ อาคารบ้านช่องก็จะพังเสียหายเป็นจำนวนมากมนุษย์และสัตว์ก็จะล้มตายไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน ที่เรียกว่า สึนามินั่นเอง

ในลักษณะอย่างนี้ เป็นเพียงวาตภัย อุทกภัย ธรณีภัย ในพื้นพิภพเท่านั้น ถ้าหากเกิดวาตภัยขึ้นในช่องอากาศที่มนุษย์อาศัยอยู่ ความรุนแรงของภัยธรรมชาติก็จะเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว หรือหากมีอุทกภัยและฝนได้ตกกระหน่ำซ้ำเติมลงมาอีก ทั้งลมและฝนบนพื้นโลกบวกกับวาตภัยในพื้นพิภพ น้ำทะเลเดิมก็มีความปั่นป่วนอยู่แล้ว เมื่อลมและฝนซ้ำเข้ามาอีก มนุษย์จะอยู่กันอย่างไร เครื่องเตือนภัยสื่อสารกับสัญญาณดาวเทียมใช้ไม่ได้ ใครจะบอกว่าให้มนุษย์พากันไปหลบภัยในที่ไหน ในหมู่มนุษย์จะเกิดความกลัวตายต่อภัยธรรมชาติเป็นอย่างมาก และยังเห็นเพื่อนมนุษย์ตายให้เห็นต่อหน้าต่อตา จะเกิดความโกลาหลวุ่นวาย จะหลบตัวในที่ไหนก็ไม่มีความปลอดภัย และภัยต่างๆ ก็จะเกิดตามมาเช่นกัน โรคภัย มลพิษภัย ทุพภิกขภัย ความอดอยากหิวโหย ไม่มียาให้กิน เรียกว่าสิ้นเนื้อประดาตัว ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่ต้องประสบเหตุการณ์นี้ ลองคิดดูว่าเราจะเป็นอย่างไร