(มาใหม่หน้า4)วัตถุมงคลพ่อครูชำนาญ วงษ์ไทย ครูบาอาจารย์นอกดงรุ่น2

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Anupap9, 8 มกราคม 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    วิชาสายในดง บางคนสงสัยว่าในดงคืออะไร ผมได้สอบถามพ่อครู ได้รับคำตอบว่า คำว่าในดงหมายถึง มิติอีกมิติหนึ่ง

    วันนี้ผมไปสมัครเรียนวิชากับพ่อครูมา พ่อครูมีเมตตา ใจดีมาก ดูเหมือนท่านจะรู้วาระจิตเราอีกด้วย หรือเราคิดไปเองหนอ เนื่องจากตอนแรกผมตั้งใจจะไปสมัครเรียนวิชาและพูดคุยกับพ่อครู ไปถึงประมาณทุ่ม เกรงใจมากเพราะรถติดเลยมาช้า ผมเลยคิดจะดูดวงกับพ่อครูเพิ่มเติมเพราะลำพัง สมัครเรียนก็แค่โทรบอกแค่นั้นก็ได้แล้ว ผมเกรงใจท่าน

    พอมาถึง ก็พูดคุยกันพอสมควร พ่อครูเมตตามาก ถามมายังไงเสียเงินค่ารถตั้ง300 ..."ไม่ต้องดูหรอกดวงเปลืองเงิน" .... "จุดประสงค์มาเพื่ออะไร" ผมเลยตอบมา จริงๆจะมาแค่สมัคร

    ต่อมา พูดคุยเรื่องว่าจะเรียนเรื่องวิชาอะไรบ้าง พอว่าแล้ว มะๆ..ก็ลองกันเลย (ลองคงกระพัน) ...... แปลกมาก เพราะเหมือนพ่อครูจะรู้ใจอีกแล้ว เพราะใจผมก็คิดว่าอยากจะให้พ่อครูลองแทงดู เพื่อทดสอบกำลังใจก่อนวันเรีนจริง(เพราะวันเลียนก็จะมีการทดสอบด้วย)

    สรุปก็ได้ลองครับ นึกว่าจะทะลุแล้ว ...เป็นรอยนิดเดียว....พ่อครูบอกว่า นี่คงกระพัน ถ้าหากเป็นชาตรีจะไม่ช้ำไม่เจ็บ

    วันนี้ผมได้นำวัตถมงคล พ่อครูมานำเสน่ห์ครับ อย่างแรก เป็นเหรียญ ทวานาคิน รุ่นอธิฐานจิต ได้สร้างจากประสพการณ์ของพ่อชำนาญ เมื่อครั้งไปนั่งปฏิบัติสมาธิ ได้สัมผัสญาณท่านเทวานาคินส่วนหนึ่งมอบให้วัดพระอาจารย์เปลี่ยน ถ้าใครเคยไปที่บ้านท่านจะเห็นองค์ใหญ่อยู่ที่บ้านของท่าน พุทธคุณคงกระพัน เมตตาโชคลาภ ค้าขาย อธิฐาน ให้บูชา150บาทครับ (ราคาสำนักครับ) ค่าจัดส่ง ems 50 บาทครับ โทร 086 9100135
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2013
  2. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    พระผงอภิโชโตหลังอาจารย์ชมครูนอกดงรุ่น1

    มีอยู่2เนื้อครับ เน้นทางคุ้มครองคงกระพัน เมตตามหานิยม ครบคลุมครับ รุ่นนี้สร้างแจกงานศพอาจารย์ชมครับ ให้บูชาองค์ละ 150 บาท ราคาสำนัก ค่าจัดส่ง 50 บาท ems โทร 086 9100135

    ด้านหน้า พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโตอาจารย์ในดง นามสกุล ศิริสมบัติ เป็นบุตรของ พระยาศิริสมบัติ มหาเศรษฐีระดับพันล้าน สมัยก่อนสงครามโลก ซึ่งเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศไทยในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ท่านเรียนจบแพทย์ศิริราชรุ่นหลักสูตรเร่งรัด 2 ปี ในสมัยสงครามโลก

    เมื่อเรียนจบยังไม่ทันได้ทำงาน ท่านอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโตไปเที่ยวกับเพื่อนสนิท 2 ท่าน คือ หม่อมเจ้าไชยเดช พัฒนาเดช (เป็นหลานของวังหน้า นามสกุลอาจจำมาผิด) และอาจารย์เฉลียว เพื่อนร่วมรุ่นซึ่งสนิทกันมาก ต่างก็เป็นลูกคนดีมีตระกูลสูงเช่นกัน ท่านประสบอุบัติเหตุตกรถไฟหรือรถรางไม่แน่ใจ แข้งขาหัก เมื่อญาตินำเข้าโรงพยาบาลหมอจะผ่าตัด ญาติ ผู้ใหญ่ไม่ยินยอมจึงพาไปรักษากับ หลวงปู่พลอย วัดเงิน (วัดรัชดาธิษฐาน) ตลิ่งชัน เพราะท่านเก่งเรื่องหมอ โดยเฉพาะเรื่องกระดูกแล้วเชี่ยวชาญที่สุด หลวงปู่บอกว่าถ้ารักษาหายแล้วให้บวชเณร เจ้าตัวก็ยอมรับ หลวงปู่จึงรักษาให้ทางไสยศาสตร์ โดยให้พากลับบ้านได้ แล้วท่านก็นั่งปั้นหุ่นรักษาแข้งขาที่หักที่ร่างหุ่น ไม่กี่วันเจ้าของร่างทที่ป่วยก็หายเดินได้เป็นปกติ เมื่อหายแล้วจึงรัษาสัจจะกับหลวงปู่ ไปบรรพชาเป็นสามเณร อยู่กับท่าน ทั้งได้ชวนเพื่อนสนิทไปด้วย คือ หม่อมเจ้าไชยเดช และอาจารย์เฉลียวดังที่กล่าวมาแล้ว อยู่กับหลวงปู่ระยะหนึ่ง ท่านก็ส่งสามเณรทั้ง 3 ไปเรียนวิชากับ หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ จังหวัดนครปฐม ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากพระปฐมเจดีย์นัก

    สามเณรทั้ง 3 อายุ 18-19 ปี อยู่ในวัยกำลังซุกซน วันหนึ่งชวนกันไปเที่ยวขุดหัวมันในป่า อยู่ติดกับวัดนั่นเอง กำลังขุดกันเพลินก็มีเสียงทักขึ้นว่า
    “ เณร ทำอะไรกัน”
    สามเณรพากันเหลียวดูก็เห็นตาแก่ผิวดำ หัวโล้น นุ่งกางเกงขาก๊วย รูปร่างสูงใหญ่ ยืนยิ้มอยู่ จึงพากันตอบว่า
    “ ขุดหัวมันจะเอาไปต้มกิน”.
    ตาแก่บอกว่า
    “มันสุกอยู่ในดินแล้วขุดขึ้นมาก็กินได้ทันที ไม่ต้องเอาไปต้มหรอก”
    เมื่อสามเณรขุดขึ้นมาก็สุกจริงดุจที่ตาแก่บอก จึงมองหน้ากันด้วยความฉงน
    ตาแก่ถามว่า “พวกแกว่าฉันเก่งมั้ย อยากเป็นศิษย์ของฉันมั้ย”

    ทั้งสามมาจากตระกูลสูง เมื่อมีตาแก่บ้านนอกมาใช้วาจาไม่เป็นที่เคารพ ขึ้นฉัน ขึ้นแก แล้วยังมาอาสาเป็นอาจารย์อีก จึงแสดงความไม่พอใจ พูดสวนขึ้นว่า
    “ตาแก่ แกมีดีอะไรหนักหนาถึงบังอาจมาอาสาเป็นอาจารย์ของพวกข้า”

    ตาแก่ว่า “เอางี้มั้ยพนันกัน ฉันจะให้พวกแก 3 คนนี่ทำร้ายโดยวิธีไหนก็ได้ ถ้าฉันได้รับอันตรายใด ๆจะไม่ถือโทษ แต่ถ้าไม่เป็นอะไรแล้ว พวกแกต้องเป็นศิษย์ไปเรียนวิชากับฉัน

    ทั้ง สามท่านได้รับคำท้าดังนั้น จึงรีบลุกขึ้นพากันทำร้ายตาแก่คนนั้น บ้างเตะ บ้างต่อย บ้างเอาท่อนไม้ตี เอา ก้อนหินทุบขว้าง พยามลงมือกันเป็นเวลานานจนสิ้นเรี่ยวแรง ตาแก่ก็นั่งบนขอนไม้ให้ทำร้ายอย่างไม่สะทกสะท้าน และไม่แสดงกิริยาอาการเจ็บปวดแต่อย่างใดทั้งสิ้น จนทั้งสามท่านล้มนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน ตาแก่หัวเราะฮา ๆ พูดว่า
    “พวกแกแพ้ฉันแล้วต้องกราบรับฉันเป็นอาจารย์เดี๋ยวนี้” สิ้นคำท่านก็เอาแขนโอบร่างสามเณรทั้ ง๓ แล้วหายแวบจากที่นั่นไปโผล่ในดงลี้ลับแห่งหนึ่งในชั่วพริบตา

    พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ในดงนั้นมีพระและฆราวาสที่อยู่ฝึกวิชากับตาแก่ประมาณ 50 ท่าน มีฆราวาสมากกว่าพระ และทุกท่านเรียกตาแก่ว่า “หลวงตาดำ” พระอาจารย์ชาญณรงค์เคยถามชื่อของท่านว่าชื่ออะไรกันแน่ ท่านให้เรียกว่า “หลวงตาดำ” ก็ใช้ได้แล้ว ถามว่าเป็นคนหรือภูต ผี หรือเทวดา ท่านก็ให้จับดู ก็เห็นเป็นคนมีเลือดมีเนื้อเหมือนกัน เมื่อถามถึงอายุ ท่านบอกว่าไม่รู้กี่ปี ท่านทันร่วมงานพระศพของพระพุทธเจ้า ท่านเป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะ ได้รับมอบหมายให้บำเพ็ญอิทธิบาทธรรมมีชีวิตอยู่ยืนยาวเพื่อรักษาพระศาสนา คราใดที่พระศาสนาเริ่มเสื่อมเศร้าหมอง มีอลัชชีเช้ามาอาศัยในพระศาสนามาก คำสอนอันแท้จริงเริ่มเสื่อม ท่านต้องฝึกลูกศิษย์ขึ้นมาเพื่อช่วยกันสั่งสอนใหม่ ให้กลับคืนสู่เนื้อหาพุทธศาสนาอันจริงแท้

    พระ อาจารย์ในดง ลูกศิษย์ของหลวงตาดำนั้น พระอาจารย์ชาญณรงค์บอกว่า เท่า ๆ ที่เคยพบเห็นและเรียกกันในดง มีหลวงพ่อตีนโต เป็นพระที่มีรูปร่างสูงใหญ่ เท้าใหญ่ วัดจากล่างถึงหัวเข่าได้ 81 เซนติเมตร ท่านเปิดเผยตัวเองบ่อย เพราะชอบสอนคน จึงมีคนพบเห็นท่านเสมอ ที่มักเรียกขานกันว่า หลวงปู่เทพโลกอุดร ความจริงชื่อนี้ไม่มีใครเรียกหรือรู้จักกันในดง เห็นเรียกรูปพระที่ปรากฏในภาพถ่ายโบราณว่า พระครูเทพโลกอุดร ความจริงเป็นรูปของหลวงพ่อตีนโต ท่านเป็นพระกรรมฐานนิกายธรรมยุตเกิดในสมัยรัชกาลที่ 4-5 เข้า เป็นศิษย์ของหลวงตาดำรุ่นเดียวกับกรมพระราชวังบวรวิเศษไชยชาญหรือพระองค์ดำ เป็นคนร่วมสมัยกับหลวงปู่สุก วัดปากคลอง มะขามเฒ่า ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อโพรงโพธิ์ ผู้มักท่องเที่ยวอยู่ในป่าแถวจังหวัดกาญจนบุรี เหตุที่ชื่ออย่างนั้น เพราะท่านปลูกต้นโพธิ์เป็นวงกลม ปลูกติด ๆ กัน พอต้นโพธิ์โตขึ้นก็มีโพรงใหญ่อยู่ข้างใน ท่านก็ใช้เป็นที่อยู่ของท่าน

    พระในดงเขาไม่เรียกชื่อจริง ใครมีลักษณะแบบไหนก็เรียกไปตามนั้น ลืมชื่อสมมติในโลกให้หมด หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า ท่านมีลักษณะสกปรกมอมแมมด้วยฝุ่นขี้เถ้า เพราะท่านนิยมก่อไฟบูชาไฟ เพ่งกสิณไฟ และไม่เคยอาบน้ำ ศิษย์ ของท่านที่ผู้คนรู้จักดี คือ หลวงพ่อกบ วัดเขาสาลิกา และ หลวงพ่อโอภาสี หลวงพ่อเศียรบาตร มีชื่อตามลักษณะของท่านซึ่งมีศีรษะโตใหญ่

    ตามบันทึกของอาจารย์พันเอกชมบ่งว่า 12 ตุลาคม 2535 ไป เยี่ยมอาจารย์ชาญณรงค์ กับ พ.อ.ยนต์ ท่านเล่าว่า หลวงพ่อตีนโต หลวงปู่สุข (อาจารย์แจ้งฌานแห่งเขาใหญ่) หลวงตาแป้น และท่านเจ้า(เสด็จกรมวังหน้า ร.5) และหลวงพ่อโพรงโพธิ์ เรียนกับหลวงตาดำรุ่นเดียวกัน เป็นคนไทย 5 คน ที่เรียนจบแล้วเป็นครูฝึก รุ่นเดียวกับอาจารย์ชาญณรงค์มีอาจารย์ประทุม อาจารย์เฉลียว อีกคนตายชื่อ ศิริ

    หลวงปู่แป้น หลวงปู่พลอย เป็นศิษย์นอกดงของหลวงตาดำ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่ออี๋ สัตหีบ เป็นศิษย์นอกดง (ไม่บ่งว่าเป็นศิษย์ใคร) อาจารย์ฉลอง ผู้ทำยาทูลฉลอง อาจารย์พัว แก้วพลอย เป็นศิษย์นอกดง เรียนกับหลวงปู่สุข (แจ้งฌาน) ที่เขาใหญ่

    6 สิงหาคม 2535 อาจารย์ ชาญณรงค์เล่าว่า ลูกศิษย์นอกดงที่เก่งพิเศษยกตัวอย่าง หลวงตาพุก ตำรวจจะมาจับมาพบคุยว่าจะมาเยี่ยมหลวงตา หลวงตาทักว่า ปืนที่พกมาสวยขอได้ไหม ตำรวจก็มอบปืนให้ ตำรวจอีกคนเห็นพระของหลวงตาพุกเหมือนของตนก็อยากได้ของท่าน เอามาไว้คู่กัน หลวงตาให้เอาพระออกมาดู พอเอาให้ท่านดูกลับถวายท่านไปอีก หากหลวงตาพุกไปขออะไรกับใคร ถ้าไม่พบก็สั่งเขาไว้ เขาก็ต้องเอาของมาให้ตามที่ท่านขอ

    12 ตุลาคม อาจารย์ชาญณรงค์เล่าว่า หลวงตาพุก เป็นเจ้าอาวาสวัดเชิงเลน จากวัดเงินจะไปออกคลองบางกอกน้อยเป็นที่ตั้งของวัดเชิงเลน

    4 ตุลาคม 2529 ถาม อาจารย์ชาญณรงค์ว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นอาจารย์องค์ไหน ท่านตอบว่า คือหลวงพ่อตีนโต อยู่จังหวัดกาญจนบุรี เท้าและหูโตผิดปกติ ว่าเท้ายาวกว่า 1 ศอก ฝ่าเท้าถึงเข่ายาว 81 เซนติเมตร ขรัวขี้เถ้านั้นอยู่กาญจนบุรี ชอบสุมฟืนเป็นขี้เถ้า หลวงปู่โพรงโพธิ์ปลูกต้นโพธิ์เป็นวงหลายต้น สูงขึ้นก็รวบยอดมัดติดกัน พอต้นโตก็ติดกันกลายเป็นโพรงอยู่ข้างในต้นไม้นี้อยู่กาญจนบุรี ต่อมาเขาไปตัดทิ้งหมด ท่านจึงอยู่ไม่เป็นที่


    จาก คำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาทำให้ทราบว่า ศิษย์ในดงนั้นมีหลายชาติ หลายภาษา หลายทวีป เมื่อใครเข้าไปอยู่ในข่ายฌานของหลวงตาดำ ท่านก็จะไปทรมานแล้วรับมาเป็นศิษย์ฝึกวิชากับท่านในดงลี้ลับซึ่งดงนี้ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใดกันแน่ เพราะไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน เมื่อหลวงตาดำพาไป ก็ใช้เวลาพริบตาเท่ากัน คนอยู่ในประเทศไหนก็เลยคิดว่าดงนั้นอยู่ในประเทศของตน

    ในบันทึกของ พ.อ. ชม กล่าวว่า 4 ธันวาคม 2534 ไปเยี่ยมพระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโตท่านไปฝึกอยู่บนภูเขาหิมะ ซึ่งมีความสูงมากในอเมริกา หิมะตกแล้วรอให้จับแข็งเป็นน้ำแข็ง ไปเมื่อ 31 สิงหาคม 2534 อยู่บนเขาที่มีน้ำแข็ง 2 ลูกเป็นเวลา 20 วัน จ้างเฮลิคอปเตอร์ไปส่งและรับ เที่ยวละ 7-8 หมื่นบาท เอามาม่าและเตาแก๊สไปทำอาหารฉันเอง กางเต็นท์อยู่ ท่านเล่าว่า การเรียนขั้นสุดท้ายนี้ต้องรอให้พร้อมกันทั้ง 8 คน รวมกับคนที่จบแบบฝึกหัดไปก่อนแล้ว มีไทย 3 คน คือ อาจารย์เฉลียว อาจารย์ปทุม อาจารย์ชาญณรงค์ อเมริกา 2 คน เดนมาร์ก 1 คน สิกขิม 1 คน ทิเบต 1 คน (นายราเชน)
    ในบันทึกนี้ แสดงให้เห็นว่าศิษย์ของท่านแต่ละรุ่นนี้มีไม่มากและอยู่กันคนละประเทศเท่าที่มีบุญบารมีจะปฏิบัติธรรมได้


    ตอนที่ 2 การฝึกวิชากับหลวงตาดำในดงลี้ลับ
    สามสหายอยู่ฝึกวิชาฌาน 8 กับหลวงตาดำในดงลี้ลับเป็นเวลาเกือบ 4 ปี เมื่อสำเร็จฌาน 8 ท่าน ก็ส่งตัวออกมาสู่โลกภายนอกเพื่อมาฝึกวิชาภาคสนามต่อสู้กับกิเลส ตัณหา อันจะเป็นบรรทัดฐานให้ฝึกจิตขั้นสูงโลกุตรธรรมตราบจนถึงพระอรหันต์เป็นที่ สุด สหายอีก 2 ท่านสึกออกมาฝึกในเพศฆราวาส มีเพียงท่านอาจารย์ชาญณรงค์เท่านั้นที่ยังเป็นบรรพชิต

    เมื่อจบออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว หลักสูตรขั้นแรกคือต้องฝึกลูกศิษย์ให้ได้ 10 คน เป็นอย่างน้อย ตามหลักวิชาฤทธิ์อภิญญาที่เรียนมาจากในดง เพื่อสร้างคนมีคุณภาพไว้สืบพระศาสนา ศิษย์ที่ไปเรียนในดงลี้ลับเรียกว่า ศิษย์ในดง ศิษย์ที่เรียนต่อจากศิษย์ในดงเรียกว่า ศิษย์นอกดง ถึงแม้อยู่ในป่าเขาตลอดก็เรียกว่าศิษย์นอกดงอยู่นั่นเอง ศิษย์นอกดงรุ่นแรกของอาจารย์ชาญณรงค์เท่าที่ทราบมี หลวงพ่อคูณ ผู้โด่งดังในยุคปัจจุบัน เสือดำ ผู้ล่องหนหายตัว ซึ่งต่อมามีบารมีธรรมถึงขนาดหลวงตาดำมารับเข้าไปอยู่ในดงลี้ลับ อีกท่านมีนามว่าอาจารย์ละมูล ส่วนอาจารย์พันเอกชม เป็นศิษย์รุ่นหลัง ซึ่งมีอีกมากมายหลายสิบท่าน ล้านแต่เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงสังคม มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง

    เสือดำ ผู้มีความสามารถล่องหนหายตัวได้นี้ เพราะเรียนวิชาจากอาจารย์ชาญณรงค์ แต่เรียนหลังจากกลับใจเป็นคนดี ทางโลกไม่สามารถไถ่ถอนได้ง่าย ๆ ทางการจึงตามล่าพบเสือดำอยู่ในกระท่อมน้อยกลางป่าซึ่งเป็นที่ฝึกจิตของเขา ตำรวจจึงล้อมไว้ทุกด้านแล้วกราดปืนยิงจนกระท่อมพรุนไปทั้งหลัง ขณะนั้นเสือดำนั่งสมาธิอยู่ แมวที่เลี้ยงไว้ตกใจกระโดดขึ้นนอนบนตักเสือดำ ท่านจึงใช้วิธีกำบังแคล้วคลาดในบัดดล เมื่อตำรวจแน่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างแน่นอนแล้ว จึงพากันเข้าไปเคลียร์พื้นที่ พบแต่แมวนอนอยู่ตัวเดียว แต่หาได้รับบาดเจ็บไม่ส่วนร่างของเสือดำไม่ปรากฏ แต่เขาก็ปิดคดีว่าเสือดำสิ้นไปแล้ว และเสือดำก็ถูกหลวงตาดำรับเข้าไปอยู่ในดงลี้ลับตั้งแต่บัดนั้น

    การศึกษาในดงของอาจารย์ชาญณรงค์นั้นมีขั้นตอนต่าง ๆ ตามลำดับดังนี้
    1. เมื่อ เริ่มต้นไปฝึกสมาธิในดง ท่านสั่งให้นั่งสมาธิ รู้สึกนานเตรียมเลิกเอง หลวงตาดำ จะก้าวข้ามหัวไปเหยียบมือเอาไว้ พูดว่า “เอ้านั่งให้มันตายไป”
    2. สมาธิดีพอควรแล้วให้ไปนั่งสมาธิในทางเสือผ่าน และสั่งว่าถ้าไม่อยากตายให้นั่งสมาธิ
    3. กำหนดให้เดินธุดงค์คู่แล้วเดินเดี่ยวไปในป่าลึก ในป่าประเทศต่าง ๆ หลายแห่ง บางครั้งต้องอาหารหลายวัน
    4. สอนให้ใช้พลังจิตจากง่ายไปหายากตามลำดับขั้นของสมาธิ การทำใบไม้ให้เป็นสัตว์ เดินลอดภูเขา เป็นต้น
    5. นั่งเข้าฌานให้ได้ในสภาพอากาศต่าง ๆ กัน เช่น เข้าฌานในทะเลทรายที่ร้อนจัดตามที่ท่านกำหนดให้ ฝึกอยู่ในทะเล 20 วัน
    6. เดินในเมืองตามเส้นทางที่ท่านกำหนดให้ โดยไม่ให้พักเลย นอนได้วันละ 3 ชั่วโมงไม่ให้เข้าอยู่ใต้ชายคา
    7. ไม่ให้พูด 15 วัน และกำหนดเส้นทางให้เดิน
    8. ให้เป็นคนขอทานครบ 27 วัน ไม่ให้ใช้เงิน วันหนึ่งให้ขอ 2 คนขออาหารกิน 5 แห่งขอเงินจากคนหนึ่งเพียงบาทเดียว ต่อไปต้องหาใช้คืนเขา 2,500 บาท
    9. ช่วยแก้ทุกข์ของคนตามกำหนด เช่น ช่วยรักษาคนป่วยโรคมะเร็ง คนติดเฮโรอีน คนขอย้ายที่ทำงาน เป็นต้น
    10. เรียนจบปีที่ 6 แล้วให้โดยลงเหวลึกสลบไป 4 วัน ให้รู้เห็นว่ามีกายทิพย์ออกจากร่างไปเที่ยวไกล ๆเหมือนคนตายแล้วฟื้น หรือที่ตายจริง เป็นการเรียนรู้การตายว่าตายอย่างๆร
    11. นั่งบนน้ำแข็ง 20 วันที่เมืองซีแอตเติล ในอเมริกา
    12. ขั้นสุดท้ายฝึกล่องหนหายตัว ขั้นนี้รวมฝึกพร้อม ๆ กัน ทั้ง 8 ท่าน

    พระอาจารย์ชาญณรงค์เล่าว่า การฝีกที่โหดที่สุดคือการฝึกในดงคอนกรีต เพราะต้องต่อสู้กับกิเลส ต่อสู้กับคน สารพัดรูปแบบ เพราะคนนี้มีความสลับซับซ้อนกว่าพวกสัตว์ในป่า เขามาหาเราด้วยกลวิธีที่แตกต่างกันการอยู่ป่าถ้าเราเข้าใจชีวิตสัตว์ป่า เราก็อยู่ในป่าได้สบาย จะมีความปลอดภัยจากสัตว์ป่า แต่คนนี่ไม่ว่าเราจะเข้าใจเขาอย่างไรก็มีการเริ่มต้นใหม่ทุกที ยุทธวิธีหนึ่งก็ใช้ได้กับคน ๆ หนึ่งเท่านั้น การฝึกในป่าคอนกรีตจึงใช้เวลานานมาก ต้องสอบตกแล้วตกอีก

    ทั้งสามท่านเมื่ออกจากป่ามาใหม่ ๆ นั้นเที่ยวลองท้าวิชากับครูบาอาจารย์โด่งดังอยู่เสมอโดยเฉพาะวิชาที่ใช้ สมาธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งท่านเรียนจบมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการการเสกวัตถุให้เป็นสัตว์หรืออื่น ๆ ไป เสกก้างปลาทูให้เป็นปลาว่ายในน้ำให้หลวงปู่พลอยผู้เป็นอาจารย์ดู หลวงปู่บอกว่าพวกแกยังไม่เก่งหรอก ดูของฉันก็แล้วกัน ว่าแล้วหลวงปู่พลอยก็เสกก้างปลาทูให้แหวกว่ายอยู่ในน้ำให้ดู ท่านหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต จึงยกย่องหลวงปู่พลอยมากว่าเป็นพระที่มีความเก่งกล้าสามารถ มีพลังจิตสูงมาก

    พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโตฝึกฝนวิชามาถึงข้อ 8 ก็ มาเสียเวลาอยู่หลายปี เพราะมีข้อแม้ว่า ถ้าขออาหารเขากินแล้วต้องช่วยเหลือเขา เวลาเขามีทุกข์เดือดร้อน ถ้าแก้ปัญหาเขาไม่เสร็จก็ผ่านไม่ได้ ท่านไปติดเจ้าของโรงสี ซึ่งใช้เวลาหลายปีเขาจึงหมดปัญหา

    เมื่อถึงข้อ 10 ท่าน เดินธุดงค์ไปในป่าเขาใหญ่ กระโดดลงเหวลึก ณ สถาน ที่แห่งหนึ่งการกระโดดเหวนี้เพื่อทดสอบการเข้าฌานว่าเร็วขนาดไหนคนจะฝึก ขั้นนี้ต้องเข้าฌานให้เร็วเป็นวสี พอกระโดดลงไปสามารถเข้าฌานกลางอากาศทันที ร่างของท่านลอยละลิ่วลงกระทบก้อนหินข้างล่างจนสลบไป 4 วัน เมื่อร่างกระทบพื้นและสลบไปนั้นวิญญาณกออกจากร่าง เรียกว่ากายทิพย์ เมื่อคิดจะไปไหนก็ไปได้ทันที ไปปรากฏ ณ สถานที่แห่งนั้น ท่านก็ทดลองทัน โดยนึกไปสนามบิน ท่านไปซื้อตั๋วเครื่องบิน ก็ไม่มีใครเขาได้ยิน ไม่มีใครเขาขายให้ จึงเดินขึ้นเครื่องเอง มีที่นั่งว่างอยู่ที่หนึ่งท่านก็ไปนั่ง นั่งไปนั่งมาพอเครื่องขึ้น แอร์โฮสเตสก็มานั่งทับ ท่านก็รีบลุกขึ้นไปยืนอยู่อีกมุมหนึ่งซึ่งปลอดคน แล้วจดจำชื่อและรูปร่างหน้าตาของพนักงานไว้ และเที่ยวบินนั้นมีใครพอรู้จักบ้างก็ไปทักทายก็ไม่มีใครเห็นท่านสักคน ท่านก็จำลักษณะของเครื่องแต่งกายของเขาไว้ จนเข้ากรุงเทพฯ แล้วก็ไปเที่ยวหาใครต่อใครก็ไม่มีคนเห็นท่าน ถ้าพบพวกวิญญาณด้วยกันก็จะคุยกันได้ ท่านก็จดจำเหตุการณ์ต่าง ๆ ตอนนั้นไว้เพื่อนำมาสอบหลังจากฟื้น

    เมื่อครบ 4 วัน แล้วท่านก็ฟื้นขึ้นมา ร่างของท่านเพียงถลอกปอกเปิกนิดหน่อยเท่านั้น ออก จากดงแล้วท่านก็เข้ากรุงเทพฯ แล้วไปสอบถามคนที่ท่านหมายตาไว้ว่าใครบ้าง ไปถามเขาว่าวันนั้นนั่งเครื่องบินใส่เสื้อผ้าสีนั้นพูดคุยกันอย่างนั้นอย่าง นี้ กับคนนั้นคนนี้ใช่ไหม ก็ได้รับคำตอบตรงกับที่เห็นตอนวิญญานไปประสบมานั่นเอง
    คนที่ฝึกขั้นนี้ไม่ผ่านก็ต้องตายจริง ๆ นั่นหมายถึง เข้าฌานไม่ทัน ซึ่งต้องเสียชีวิตจริง ๆ แต่สามารถไปฝึกต่อในสัมปรายภพได้เพียงแต่จะเนิ่นช้ากว่ามนุษย์

    มีเพื่อนร่วมรุ่นของท่านชื่อศิริ ซึ่งต้องเสียชีวิตจริง ๆ แต่สามารถไปฝึกต่อในสัมปรายภพ ได้ เพียงแต่จะเนิ่นช้ากว่ามนุษย์

    เมื่อ ท่านอาจารย์ชาญณรงค์ จบหลักสูตรฝึกในดินแดนน้ำแข็งแล้ว ก็เหลือหลักสูตรสุดท้ายจากนั้นต้องไปฝึกในดงต่อ หลักสูตรการล่องหนหายตัวนี้มักมากับความตายเสมอ เมื่อถึงขั้นนี้หากเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคอะไรก็ดีท่านห้ามรักษาไม่ว่าจะด้วย ยาสมุนไพรหรือพลังจิต ให้เรียนรู้การเจ็บป่วย อาจารย์ชาญณรงค์ ท่านเป็นริดสีดวงทวาร ลูกศิษย์บางคนก็คะยั้นคะยอให้ท่านไปหาหมอ ท่านรบเร้าไม่ได้ก็ไป แต่บอกว่าตรวจเฉย ๆ ห้ามผ่า ห้ามตัดอะไรของท่าน แต่หมอไม่ฟังได้ตัดเอาชิ้นเนื้อที่งอกออกไปตรวจ ตั้งแต่นั้นแผลก็ลุกลามจนกลายเป็นมะเร็งเข้าไปถึงลำไส้ ท่านก็ปล่อยไว้อย่างนั้น ไม่ยอมรักษาจนอาการหนักเขานำท่านไปโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ก่อนจะสิ้นใจ ท่านสั่งโยมอุปัฎฐากไว้ว่า ให้จัดการศพอย่างไรห้ามหมอฉีดยากันเน่าเหม็น ให้คงธรรมชาติไว้ที่สุด เมื่อท่านสิ้นใจแล้วเขาก็แต่งร่างของท่านตามคำสั่ง แล้วนำร่างไปเก็บไว้ที่ศูนย์ฝึกวิชาของท่านแก่ศิษย์ แถววงแหวน พุทธมนฑล เมื่อครบ 7 วัน ก็ทำบุญให้ท่าน เขาเปิดศพดูก็เหมือนคนนอนหลับ ทั้งไม่มีกลิ่นเหม็นใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากกลิ่นอับเท่านั้น พอครบ 50 วัน ก็เปิดศพอีกทีหนึ่ง ปรากฏรูปหน้าไม่ใช่ท่านแล้ว อาจารย์พันเอกชมเอามือเข้าไปควานดูภายในก็มีแต่ความว่างเปล่า หามีร่างของท่าน คงเห็นแต่ภายนอกว่ามีศีรษะ เท้า 2 ข้าง และมือ 2 ข้าง ที่โผล่ออกมา จากผ้า จาก การพิจารณาเปรียบเทียบใบหน้าศพกับหน้าของท่านไม่มีร่องรอยสักนิด จึงสันนิษฐานว่าท่านใช้วิชาสับเปลี่ยนร่าง หรือเนรมิตร่างตายแทน แล้วล่องหนหายตัวไปในดงลี้ลับแล้ว


    พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต เกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2467 จากไป เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2536 เหล่า ศิษย์กำลังรอคอยวันกลับมาของท่านหลังจากเสร็จกิจพระศาสนา คือเป็นพระอรหันต์แล้ว เคยมีศิษย์ที่สามารถนั่งทางในมีตาทิพย์ ได้สำรวจดู พบว่า เมื่อทางโลกทำบุญ 50 วัน ทางดงลี้ลับก็ทำเช่นกัน โดยมีเจ้าของงานคือ พระ อาจารย์อภิชิโตคอยเดินไปมา จัดเครื่องพิธีกรรมต่าง ๆ อยู่และมีหลวงตาดำในชุดขาวคอยควบคุมดูแลและเป็นหัวหน้าพิธีกรรม จะจริงหรือเท็จพวกเราไม่มีสิทธิ์รู้

    ผู้ ที่ฝึกสำเร็จเมื่อไปอยู่ในดงลี้ลับแล้ว เมื่อจากไปมีอายุเท่าไรก็จะมีอายุเท่านั้น เป็นอมตะหรือยืนยาวถึงหมื่นปี เพราะโลกของชาวบังบดหรือเมืองลับแลคนที่ไปอยู่ที่นั่นจะต้องอายุยืนยาว พระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโตบอกว่า ท่านไม่แน่ใจว่าหลวงตาดำเป็นคนจริง ๆ หรือวิญญาณ เพราะจับดูท่านก็มีเลือดเนื้อเหมือนพวกเรา แต่มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่งที่ท่านเล่าให้ศิษย์ฟังว่า เมื่อเข้าไปอยู่ในดงใหม่ ๆ นั้น ท่านเห็นพระรูปหนึ่งแก่หง่อมมาก ตัวสั่นงกเงิ่น เดินหลังโกงเหมือนมีอายุมากที่สุดในดง เมื่อสอบถามดูปรากฏว่ามีอายุน้อยกว่ารูปอื่น ๆ ที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ราว 50-60 ปี ที่เป็นเช่นนี้เพราะฝึกตอนแก่ เมื่อสำเร็จแล้วเข้าไปอยู่ในดง ท่านก็จะปรากฏในวัยนั้นตลอดไป บางท่านเห็นหน้าในวัยกลางคน เมื่อถามอายุกลับประมาณไม่ได้ว่ากี่ร้อยปี

    การมีอายุยืนยาวของท่านเหล่านี้ จะ เป็นด้วยการบำเพ็ญอิทธิบาทธรรมตามหลักของพระพุทธเจ้าหรือไม่ หรือแม้พระพุทธเจ้าถ้าทรงบำเพ็ญอิทธิบาทธรรมก็ต้องอยู่ในอีกมิติหนึ่งเช่นท่านเหล่านี้จึงสามารถมีอายุได้เป็นกัปเป็นกัลป์ดุจพระไตรปิฎกกล่าวถึง หรือเพราะบรรดาท่านอยู่ในดงลี้ลับนี้ฉันยาอายุวัฒนะแล้วเข้าสมาบัติทุกเดือน จึงมีอายุยืนนานเป็นร้อยเป็นพันปี เพราะศิษย์ของพระอาจารย์ชาญณรงค์ อภิชิโต ทั้งหนุ่มสาวสองคนนั้นและท่านอาจารย์ชมเองก็บอกกล่าวว่า กวาวเครือเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่ศิษย์ทั้งในดงและนอกดงต้องรับประทาน โดยสับเปลี่ยนกับยาอีก 2 ขนาน เวียนกันไปมา โดยเฉพาะช่วงที่เริ่มฝึกฝนนั้นพระอาจารย์จะให้กินยา 3 ขนาน

    ถ้าพิจารณาดูตามคุณภาพของกวาวเครือแล้วก็มีว่า ยา ตัวนี้ทำให้นั่งทน ยืนนาน เดินทน เส้นสายประสาทต่าง ๆ ทำงานได้ดี จิตใจแจ่มใส สติปัญญาหลักแหลมคม ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บรบกวน คุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักฝึกจิตต้องมีกันทุกคน ท่านจึงให้กินกวาวเครือเป็นยาสำคัญหนึ่งในสามของยาเหล่านั้น และยาตัวนี้ตามตำรายาโบราณ ซึ่งได้มาจากศิษย์ของอาจารย์ชม และเป็นข้อเขียนคัดลอกของอาจารย์ชมมาจากตำราโบราณ เป็นตำราที่แสวงหามานาน เพิ่งมาได้จากบุคคลเหล่านี้ พร้อมกับประวัติพระอาจารย์ใหญ่ในดงมาผสมอีกทีหนึ่ง

    พระในดงทุกรูปล้วนเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเป็นเลิศ ความรู้เหล่านี้ท่านให้ศึกษาไว้ช่วยเหลือคนป่วยเป็นการโปรดสัตว์ผู้ตกทุกข์ ได้ยาก จะสังเกตเห็นว่ามีในหลัก สูตรการฝึกด้วยว่าต้องรักษาคนป่วยให้หายขาดในตำราบันทึกของอาจารย์ชมนั้นนอก จากมีเคล็ดการฝึกวิชาต่าง ๆ แล้วยังมีตำรายาสมุนไพรหลากชนิดจากอาจารย์ต่าง ๆ รวมของพระอาจารย์อภิชิโตด้วย โดยเฉพาะกวาวเครือเป็นตำราที่ยาวกว่าเพื่อนที่ท่านบันทึกไว้ ทั้งท่านก็ยืนยันถึงความวิเศษกับของยาขนานนี้ ถึงกับเขียนไว้ในหนังสือที่ท่านแต่งเผยแพร่ อันว่าด้วยตำรายาวิเศษทีเด็ดของไทย มีทั้งกวาวเครือ เสลดพังพอน มะเกลือ เป็นต้น ผู้เขียนจึงขอนำตำรากวาวเครือลงมาแทรกไว้ในที่นี้เพื่อเป็นวิทยาทาน

    ผู้เขียน(สันยาสี)ได้ทราบเรื่องราวกวาวเครือจากหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2513-2516 ซึ่งลงข่าวคุณปู่จังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน อายุได้ 139 ปี สามารถผ่าฟืน หาบน้ำ และทำงานหนักอื่น ๆ ได้เช่นคนหนุ่ม มีหน้าอกเหมือนหญิงสาว ผมยังดำ ฟันยังมีครบทุกซี่ ซึ่งเป็นเรื่องอัศจรรย์เมื่อนักข่าวสอบถาม จึงบอกว่ากินยากวาวเครือน้ำผึ้งมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม จึงมีอายุยืนและแข็งแรงอย่างนี้
    พอมาปี 2516 ก็ มีข่าวอีกว่าเมียเช่าจีไอกินกวาวเครือเพื่อเสริมทรวงอกทั้งมีรูปลงให้ดูด้วย เขาบอกว่ามีตำราที่พระพิมพ์แจก ซึ่งผมก็แสวงหา ตำรานั้นคือฉบับนี้แหละ
    ตำรายาหัวกวาวเครือของหลงงอนุสารสุนทร พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2474
    นายเปลี่ยน กิติศรีผู้แปลเรียบเรียง จากตำราพม่า ได้จากพระมหาเจดีย์ในเมืองพุกาม ราชธานีเก่าของพม่า พม่าเรียกตำรานี้ว่า “เปาก์เซ” คนอ่อนเพลียไม่มีแรง ผอมแห้ง นอนไม่หลับ กินไม่ได้ กินยา 20-30 วัน โรคอ่อนเพลียก็หายเดินไปมาได้ นอนหลับดี หัวกวาวเครืออย่างขาวนั้น กินเท่าเม็ดพริกไทยวันละ 1 เม็ด ก่อนเข้านอน อย่างดำนั้นกินเท่าเม็ดพริกไทยผ่าสามเอาหนึ่งส่วน อย่างแดงเท่าเม็ดพริกไทยผ่าสามกินสองส่วน วันละหนึ่งครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด
    กวาวบำรุงโลหิต บำรุงสมอง กำลัง หญิงอายุ 70-80 ปี กินแล้วอ้วนท้วนกลับมีระดูอย่างสาว หญิงกินแล้วนมมีไตแข็งขึ้น ชายกินแล้วพานจะขึ้นนมจะแข็ง เหมือน เด็กหนุ่มได้ มีกล้ามเนื้อออกมา เนื้อหนังเต่งตึง ห้ามคนหนุ่มสาวและเด็กไม่ให้กิน กินยานี้มีของต้องห้ามคือ ของดองเปรี้ยวดองเค็ม และกินยานี้ให้หมั่นอาบน้ำวันละสามหนและถือศีลห้าให้มั่นคง ที่มา https://www.facebook.com/chamnanwongthai

    ด้านหลังอาจารย์ชมครับ ครูสายนอกดงรุ่น1
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2013
  3. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    หนุมาน รุ่นนี้พ่อครูชำนาญหวงมาก หนุมาน รุ่นนี้สร้างมาประมาณ20ปีได้ พ่อครูชำนาญสร้างและปลุกเสก ออกวัดหนองกระโดน นครสวรรค์ คาถาบูชา อะระหัง บูชา 200 บาทครับ ราคาสำนักค่าจัดส่ง ems 50 บาทครับ โทร 086 9100135

    รุ่นนี้พ่อครูไม่ค่อยเอาออกมา พอดีไปลองของคุยกันหลายเรื่อง พ่อครูอยู่ๆก็หยิมมา แล้วก็มาปลุกหนุมานให้ดู หนุมานดิ้นได้ด้วย องค์นี้สูง1นิ้ว น่าเก็บมากครับ

    มีของอยู่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กุมภาพันธ์ 2013
  4. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    ตะลึง..!!! วิชา “คาดปูน” ฝึกจิต อะเมซิ่ง...หนึ่งเดียวบนแผ่นดินไทย เนื้อแกรง ดั่งเหล็ก ไม่สะท้านคม...มีด...!!! ลูบโซ่...เผาไฟ มือจุ่ม น้ำมันเดือด ไม่ระคายผิว


    เดินหน้าเจาะลึกเรื่องราว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตำนานความเชื่อ กับ นิตยสารเซียน ทุกวันที่ 5 และ 20 ของทุกเดือน สำหรับ ครั้งนี้ที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้ยังคงอัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยสาระ ที่ขุดคุ้ยเรื่องราวของเรื่องความเชื่อ...!!!ที่อยู่ในมุมหนึ่งของโลกยุค โลกาภิวัตน์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เองก็หาบทสรุปไม่ได้ อย่างเมื่อเร็วนี้ ทาง”ทีมงานนิตยสารเซียน”ได้รับการติดต่อจาก “ท่านอาจารย์ชำนาญ วงษ์ไทย”อดีตข้าราชการระดับสูง ในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ว่าจะได้มีการอมรมและถ่ายทอด วิชาพลังจิตระดับสูง ให้กับ ลูกศิษย์ ซึ่งจากคำบอกเล่าของ “ท่านอาจารย์ชำนาญ วงษ์ไทย” บอกกับ”นิตยสารเซียน” ว่า ผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ จะมีความสามารถพิเศษ คือร่างกายอยู่ยงคงกระพัน ร่างกายและผิวหนัง สามารถคงทนต่อศาสตรวุธ ต่างๆได้ และยังสามารดับพิษจากความร้อนได้ ซึ่ง “ท่านอาจารย์ชำนาญ”ท่านยังบอกต่อว่าจะมีการให้ลูกศิษย์ ที่ได้รับการถ่ายทอดใช้มือเปล่า ลูบโช่ที่ได้เผาไฟจนแดง และใช้มือจุ่มลงไปในกระทะน้ำมันที่ตั้งไฟจนเดือด



    ทันทีที่จบคำพูดของ “ท่านอาจารย์ชำนาญ”ลงทีมงานก็เริ่มซักถามว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านท่านอาจารย์ได้ให้ความกรุณาบอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง...!!!



    หาก “ทีมงานนิตยสารเซียน “ และรายการเปิดตำนานความเชื่อ” ต้องการที่จะเข้าบันทึกภาพและข้อมูลมีข้อแม้ว่า จะต้องส่งทีมงาน เข้าอมรมและถ่ายทอดวิชานี้ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกครหาว่า เป็นการจัดฉาก เพื่อการแสดง ผู้เขียนไม่รีรอรีบตบปากรับคำทันที เพราะรู้ดีว่า เรื่องที่เราจะไปทำในครั้งนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา ซึ่งหากพลาดงานนี้ก็คงจะต้องเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย



    จนถึงวันที่ได้มีการนักหมาย พวกเรา 5 ชีวิตได้เดินทางไปยัง บ้านพักของอาจารย์ชำนาญ วงษ์ไทย ซึ่งเป็นบ้านพักสองชั้น ปลูกบนพื้นที่ประมาณ 60 ตารางวา ที่ตั้งอยู่ ในหมู่บ้านนักกีฬาแหลมทอง ซอย 34 แขวงและเขตสะพานสูง กทม. ทันที่ก้าวแรกที่เราได้เปิดประตูรั้วเข้าไปจมูกของเราก็ได้สัมผัสกลิ่นของควันธูป ทันที เมื่อเดินเข้าไปด้านในห้องที่จัดให้มีการเปิดอมรมและถ่ายทอดวิชา เราก็พบกับ “ท่านอาจารย์ชำนาญ”ที่อยู่ในชุดแบบสบายๆนั่งอยู่ด้านหลังมีโต๊ะหมู่บูชาขนาดใหญ่ ด้านหน้าโต๊ะหมู่บูชา ถูกประดับประดา ด้วยเครื่องบายศรีบูชาครู พร้อมเครื่องเซ่นไหว้นานาชนิด



    ถัดมาด้านหน้าของอาจารย์ก็เป็นผู้ที่เข้ารับการอมรมและจะเข้าฝากตัวร่ำเรียนวิชานี้ ซึ่งมีตั้งแต่ที่อายุเพียงไม่กี่ขวบ ทราบว่าผู้ที่เข้ารับการถ่ายทอดวิชามีมาจากหลายสาขาอาชีพชีพ ทั้งที่ต้องการรับการถ่ายทอดวิชานี้อย่างจริงจัง กับผู้ที่เข้ามาสังเกตการณ์ ก่อนทีมงานจะส่งทีมงานเข้าร่วมรับการถ่ายทอดในครั้งนี้ด้วย



    ซึ่ง “ท่านอาจาย์ชำนาญ”ได้กล่าวบทสวดชุมนุมเทวดา เพื่อเป็นการเชื้อเทวดา ลงมาเป็นสักขีพยานและรับถึงพิธีกรรมในครั้งนี้ ก็จะตามด้วยบทสวดอาราธนาคุณพระปริต ที่ประกอบไปด้วยการบูชาบุญของพระพุทธเจ้า คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ ก่อนที่จะจบลงด้วยการกล่าวอาราธนาบูชา คุณของพ่อ แม่ คุณของครูบาอาจารย์และสิ่งศักดิ์ ที่จะเชิญลงมาเพื่อประสาทวิชา ให้กับผู้เข้าร่วมพิธีกรรมในครั้งนี้ หลังจากที่ได้จบพิธีกรรมในการสวดพระคาถาต่างๆในการบูชา ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดพิธีกรรมในขั้นต้น



    อาจารย์ชำนาญ ได้กล่าวกับลูกศิษย์ว่า วิชาที่จะถ่ายทอดให้ประกอบไปด้วย 2 วิชาหลัก 4 วิชาย่อย ประกอบ วิชาอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งจะจำแนกออกเป็น 2 วิชา ที่ประกอบไปด้วยวิชาคาดปูน และวิชาเสกใบไม้



    วิชาหลักอีกวิชาหนึ่งคือวิชาดับพิษ ความร้อน ซึ่งจะแยกออกเป็น 2 รายวิชาย่อย คือวิชา น้ำมันเดือด และวิชาลูบโช่เผาไฟ



    เมื่อหลังจากที่ได้มีการทำความเข้าใจ ในเรื่องของวิชาที่จะถ่ายทอดให้กับผู้ที่จะมาเป็นศิษย์แล้ว ท่านอาจารย์ชำนาญได้ ให้ลูกศิษย์ทำสมาธิ ก่อนที่เริ่มการถ่ายทอดวิชาคาดปูน ซึ่งเป็นวิชาในด้านการอยู่ยงคงกระพัน



    “อุนุยัง อุนุยัง อุนุยัง อุนุยัง"



    เสียงภาวนาคาถาที อ.ชำนาญ ให้ลูกศิษย์ ภาวนา ดังออกมากึกก้อง



    ทำให้ทีมงานเซียน ต้องขนลุกชัน กันไปตามๆกัน ก่อนที่ท่านอาจารย์ชำนาญ จะทำพิธีการ “เสกปูน”ที่อยู่ในขันใบเล็กและส่งให้กับลูกศิษย์เพื่อส่งต่อ ก่อนที่จะให้นำปูนแดงที่ใช้การกินกับหมาก มาป้ายที่บริเวณลำคอ ซึ่งท่าน “อาจารย์ชำนาญ”บอกว่าเป็นการคาดปูน ผู้ที่คาดปูนนี้ จะอยู่ยงคงกระพัน หนังเหนียวทนต่อ “คมหอกคมดาบ” และยังสามารถนำไปถ่ายทอดต่อได้อีก 7 คน ซึ่งจะทำให้มีความอยู่ยงคงกระพันแฉกเช่นเดียวกัน



    ซึ่งในระหว่างที่อาจารย์กำลังทำพิธี ก็ได้ให้ผู้เข้ารับการอมรมทำสมาธิ และภาวนา คาถา คำว่า “อุนุยัง”ไปเรื่อยๆจนถึงเข้าใน ขั้นตอนการทดสอบ ในเรื่องอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งทางทีมงานได้ส่ง “อำนาจ บังคะดารา” เป็น



    “โปรดิวเซอร์”ของรายการเปิดตำนานความเชื่อ ทาง smmtv ได้เป็นผู้เข้ารับการทดสอบของการอยู่ยงคงกระพัน “หนังเหนียวในครั้งนี้



    ขณะที่ “อำนาจ”หรือที่ทีมงานเรียกกันว่า “อ๊อฟ”มีสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เม็ดเหงื่อดันพลั่งพรูออกมาตามไรผม หน้าซีดขาวจนเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะอาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องรับบทเป็น “หนูทดลองยา”เป็นครั้งแรกประกอบกับ ความเชื่อมั่นในพุทธคุณและความศรัทธาที่มีอยู่ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเห็นคมของมีดที่ “ท่านอาจารย์ชำนาญ” วางอยู่ในเบื้องหน้า



    “เข้ามาใกล้หน่อยสิ” เสียงอาจารย์ชำนาญ พูดเสียงแข็งกับทีมงานเรา ทีกำลังพะวงอยู่



    “เอาวางมือลง”



    “ภาวนาเข้าออกว่า อุนุยัง ไปเรื่อยๆนะ” เสียง อาจารย์ชำนาญบอก



    ก่อนที่เราเราจะสังเกตเห็นว่า ท่านอาจารย์ได้หยิบแอลกอฮอล์มา ทาบริเวณที่ใต้ท้องแขนเหมือน จะชำระความสะอาด ก่อนที่ “ท่านอาจารย์ชำนาญ”จะหยิบมีมีมีลักษณะปลายแหลม สังเกตได้ว่ามีความคมอยู่มาก ยกขึ้นบริกรรมคาถา



    ขณะที่ “อำนาจ” โปรดิวเซอร์ รายการการเปิดตำนานความเชื่อง smmtv กับเงยหน้าขึ้นมามองหน้าหน้าพรรคพวก เม็ดเหงื่อที่เขาบอกว่าใหญ่กว่าถั่วเขียว ไหลพลั่งพรูออกมาเต็มใบหน้า



    “ทำสมาธิและภาวนา อุนุยัง เอาไว้นะ “ อาจารย์ชำนาญกล่าว



    ก่อนที่ที่จะใช้มีดปลายแหลม กดลงไปยังบริเวณท้องแขน อย่างแรง ด้วยความแหลมคมของมีดและ



    น้ำหนักของแรงกด เราเชื่อว่า “หากไม่มีสมาธิ และคาถาอาคม”ที่อาจารย์ได้ให้ภาวนาอย่างต่อเนื่อง รับรองได้ว่า ท้องแขนที่เป็นผิวหนังที่อ่อน จะไม่สามารถทนต่อ ความแหลมคมของคมมีด ไปได้อย่างเด็ดขาด



    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้า พวกเรานั้นเป็นการยืนยันว่า เรื่องของพลังจิต สมาธิ และคาถาอาคมนั้น เป็นเรื่องที่ ทำให้คนเราสามารถอยู่ยงคงกระพันได้ จริง ซึ่งเราอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มาจากการบอกต่อ ถึงเรื่อง”หนังเหนียว” แต่นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา “ทีมงานนิตยสารเซียน”และผู้ที่เข้ารับการอมรม และผู้ที่มาสังเกตการณ์ทุกคน



    หลังจากที่ได้มี การถ่ายทอดและได้ทำการทดสอบ “วิชาคาดปูน” ที่มีคุณสมบัติทางด้านอยู่ยงคงกระพันแล้ว



    ถึงคราวนี้ก็ถึงขั้นตอนของการถ่ายทอด วิชาเสกใบไม้ ซึ่งจะมีคุณสมบัติไม่ค่อยจะแตกต่างไปจากวิชาตาดปูน จะมีจุดเด่นคือสามารถจะทำให้เนื้อตัวของผู้เสกใบไม้มีกลิ่นเดียวกับใบไม้ที่ใช้ในการเสก อย่างอัศจรรย์ ซึ่งขนาดที่ทำการ”เสกใบไม้” ต้องภาวนาคำว่า “เธาะฬ่อ”



    ไปด้วย ก่อนที่จะเคี้ยวใบไม้แล้วกลืนลงไปในท้อง ก่อนที่สิ่งอัศจรรย์ จะเกิดขึ้นปรากฏว่า กลิ่นตัวของบรรดาลูกศิษย์กลับมีกลิ่นหอมขึ้นมาอย่างอัศจรรย์


    หลังจากจบวิชา “เสกใบไม้”แล้ว ในขั้นตอนต่อไปจะเป็น “วิชาดับพิษน้ำมันเดือด” ซึ่งผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชานี้ ผิวหนังจะสามารถทน ต่อความร้อนของน้ำมันเดือดได้ ซึ่งเป็นเรื่องอยากที่ร่าง กายหรือผิวหนัง ของคนทั่วไปจะสามารถทนทานต่อน้ำมัน ที่มีอุณภูมิเกินกว่า 100 องศา อย่างแน่นอน การทดสอบในครั้งนี้หากมีการผิดพลาดขึ้นก็หมายความว่า จะต้องมี ผู้ได้รับบาดเจ็บถึงสาหัสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


    แต่ท่าน “อาจารย์ชำนาญ” ได้กล่าวกับลูกศิษย์ด้วยความมั่นใช่ว่า “ความร้อนของน้ำมันเดือด” จะไม่สามารถทำลายผิวหนังของลูกศิษย์ได้ โดย “ชำนาญ” ได้กล่าวย้ำว่า ทุกคนต้องทำสมาธิภาวนา คาถาว่า


    “ม ะอะ อุ นะ มะ พะ ทะ สะ กะ ภะ จะ"


    “อำนาจ”ซึ่งเป็นทีมงานรายการเปิดตำนานความเชื่อ ซศึ่งเป็นผู้ทดสอบ ได้ทำสมาธิท่องคาถา อยู่หลายนาทีเพื่อสร้างความมั่นใช้ อยู่จนแล้วจนรอด จนอาจารย์ท่านต้องมาบอกว่าไม่ต้องกลัว เพราะน้ำมันไม่ร้อนอย่างที่คิด ต้องมีสมาธิในแน่วแน่

    “อำนาจ”จึ้งค่อยใช้นิ้วชี้ลองจุ่มลงไปในกระทะน้ำมันเดือด อย่างกล้าๆกลัว แต่ก็บอกว่าไม่ร้อนอย่างที่เราคิด เพียง “อุ่น”เพียงเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นเรื่องแปลกครับ


    และเมื่อได้สัมภาษณ์กับบรรดาลูกศิษย์ที่มีทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ต่างให้ความคิดเห็นว่า “น้ำมันที่เดือด” นั้นมื้อเอามือจุ่มลงจะไม่ร้อนอย่างที่คิดเลย ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกมาก

    ทั้งจากที่ลูกศิษย์ได้ทำการรับการถ่ายทอดวิชาดับพิษน้ำมันเดือดและได้ทำการทดสอบว่าได้ผลจริง ซึ่งในวิชาต่อไปจะเป็น “วิชาดับพิษไฟจากโซ่เผาไฟ” ซึ่งวิชานี้จะได้มีการนำโซ่เหล็กนำไปเผาในเตาถ่าน จนโซ่ที่นำมาเผา สุกจนออกสีแดงแล้วนำมาแขวน จากนั้นถึงขั้นตอน การเรียนดับพิษความร้อน ท่านอาจารย์ชำนาญได้ให้ลูกศิษย์และ “คุณอำนาจ” ซึ่งเป็นทีมงานของเราได้ตั้งจิตทำสมาธิ ก่อนจะภาวนาคาถา “มะอะอุ นะมะพะทะ สะกะพะจะ”

    กว่า 3 นาทีที่ทุกคนที่เข้าเรียนตั้งจิตภาวนาสมาธิ อาจารย์ชำนาญ ผู้ถ่ายทอดวิชาก็ได้ เรียกให้ “อำนาจหรืออ๊อฟ”ทีมงานของเราที่ส่งตัวเข้าไปทำการทดสอบ มาทำการลูบโซ่ที่เผาจนร้อนแดง แต่ปรากฏว่า “อ๊อฟ” ยืนลังเลอยู่นาน อาจารย์ชำนาญ จึงต้องให้ถอนตัวออกไป เพราะว่าจิตไม่มีสมาธิเพราะหากขืนให้ทำการทดลอง เกรงว่าอาจจะเกิด อันตรายได้


    ทั้งนี้ลูกศิษย์ที่ผ่านการอมรม และทดสอบได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “โซ่ที่เผาไฟ”ไม่ร้อนอย่างที่คิด หลายคนบอกว่าไม่เคยเชื่อในเรื่องราวแบบนี้มาก่อนเลย แต่เมื่อมาสัมผัสจะเกิดความเชื่อในเรื่องของพลังจิตสมาธิ และคาถาอาคม ที่มีพลานุภาพ ที่สามารถจับต้องและฝึกฝนได้


    อาจาร์ชำนาญ ได้กล่าวว่าการสอนวิชาครั้งนี้ เป็นการถ่ายทอดวิชาให้แก่ลูกศิษย์ เป็นครั้งที่ 8 วิชาทั้งหมดเป็นพื้นฐานของการฝึกสมาธิขั้นต้น ซึ่งได้รับการถ่ายทอดจาก “พ.อ.ชม สุคันธรัตน์” ซึ่งอาจารย์ชม เองก็ได้รับการถ่ายทอดมาจาก “อาจารย์ชาญณรงค์” ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงตาดำ (พระอาจารย์ในดง) ซึ่งอาจารย์ชาญณรงค์ เป็นศิษย์ผู้น้อยของพระครูโลกอุดร อาจารย์ชาญณรงค์ เป็นศิษย์ในดงรุ่นสุดท้าย ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายได้มรณภาพไปแล้ว ซึ่งถือว่า พ.อ ชมเป็นลูกศิษย์นอกดงรุ่น 1 และอาจารย์ชำนาญผู้สอนเป็น อันดับ 2 โดยมีรหัส 1133 ประจำตัว



    ทั้งนี้เรื่องราวของของการ “เหนียว หรืออยู่ยงคงกระพัน”นั้นทุกคนสามารถฝึกฝนกันได้ ทุกคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมายมาก เพียงแต่คุณนั้น จะต้องมีสติและความศรัทธา ที่จะต้องการเรียนรู้เท่านั้นเอง ดั่งเราจะเห็นว่าในเวลาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน คนเราสามารถทำอะไรพิเศษ ออกมาได้ นี่แหละคือ “พลังจิต”ที่ถูกซ่อนอยู่ในร่างของเรานั่นเอง


    สำหรับท่านที่กำลังประสบปัญหาชีวิต หาทางออกไม่ได้ หรือต้องการไปศึกษาด้านพลังจิต เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆท่านสามารถติดต่อสอบถามที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-6116734 ในวันและเวลาราชการ ซึ่ง “อาจารย์ชำนาญ”ท่าจะให้คำตอบได้ดี

    ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากนิตยสารเซียน
    และ ตะลึง..!!! วิชา “คาดปูน” ฝึกจิต ...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    ขออนุญาตคุณ unjung ขอนำลิงค์มาแปะหน่อยนะครับ รูปที่แทงแขนผมก็ไปแทงมาแต่ไม่ได้ถ่าย พ่อครูชำนาญท่าน กดแรงประมาณว่าตอกหนังเข็มขัด แต่ไม่ทะลุ

    ที่ไปลอง หาใช่ว่าจะเป็นการโอ้อวดหรืออะไรประการใด หากเป็นเพราะเราต้องการเรียนวิชา หากไม่ลอง ก็ไม่สำเร็จครับ

    http://palungjit.org/threads/อ-ชำนาญ-วงศ์ไทย-วิทยาศาสตร์ทางใจ.323413/
     
  6. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,320
    ค่าพลัง:
    +13,241
    จองครับ โอนแล้วแจ้งครับ
     
  7. gungwan

    gungwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,188
    จอง1องค์ครับ โอนแล้วจะแจ้งอีกครั้ง
     
  8. sun2555

    sun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +6,619
    ขอจอง
    1.เหรียญ ทวานาคิน รุ่นอธิฐานจิต จำนวน 2 เหรียญ
    2.พระผงอภิโชโตหลังอาจารย์ชมครูนอกดงรุ่น1 เนื้อละ 1 องค์ รวมเป็น 2 องค์
    3.หนุมาน 2 องค์
    ถ้าจะไปเรียนวิชากับพ่อครูชำนาญ ขอทราบที่อยู่ท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มกราคม 2013
  9. kiati_sak

    kiati_sak เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    7,320
    ค่าพลัง:
    +13,241
    ผมโอนเงินให้แล้วนะครับ 250 บาท วันนี้ เวลา 09.02 น. ที่อยู่ทาง pm ครับ
     
  10. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    ขอขอบคุณทุกท่านมากครับที่ให้ความสนใจ

    คุณkiati_sak จองหนุมาน 200 ค่าจัดส่ง 50 เป็น 250 บาทครับ โอนแล้ว จัดส่งให้วันที่8 นี้ครับ
    คุณgungwan จองหนุมาน 200 ค่าจัดส่ง 50 เป็น 250 บาทครับ
    คุณsun2555 จอง เหรียญ เทวานาคิน2เหรียญ/พระผงอภิโชโตหลังอาจารย์ชมเนื้อละ 1 องค์ รวมเป็น 2 องค์/หนุมาน 2 องค์ รวมค่าจัดส่ง 50 เป็น1050 บาทครับ
    คุณวิชังชา จองเหรียญเทวานาคิน 1 หนุมาน1 ค่าส่ง 50 เป็น 400 บาทครับ
    sayank จองเหรียญเทวานาคิน 1 หนุมาน1 ค่าส่ง 50 เป็น 400 บาทครับ
    คุณจิตตานุปัสสนา จองหนุมาน 200 ค่าจัดส่ง 50 เป็น 250 บาทครับ
    คุณpasit_ok จองหนุมาน เหรียญเทวานาคิน พระผงอภิโชโตหลังอาจารย์ชม รวมค่าจัดส่ง เป็น 550 บาทครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 มกราคม 2013
  11. AYIRIS

    AYIRIS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    641
    ค่าพลัง:
    +541
    เหรียญ ทวานาคิน รุ่นอธิฐานจิต
    หนุมาน รุ่นนี้พ่อครูชำนาญหวงมาก
    ขอจองรายการละ 1 ครับ
     
  12. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    เพิ่มเติมหน่อยครับ หนุมานรุ่นนี้เป็นทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ พุทธคุณเย็นมาก หากสัมผัสได้เหมือนได้สัมผัสน้ำเย็น เป็นเมตตามหาเสน่ห์สูง ใจอกใจอ่อนออ่อนใจ เข้าหาเจ้านายผู้คนทั้งหลายรักใคร่ด้วยคุณแห่งเมตตามหานิยม

    คุ้มครองแคล้วคลาดปลอดภัยคงกระพันก็เป็นเลิศครับ

    หนุมานรุ่นนี้ มีเหลือหลักร้อยครับ หมดแล้วก็หมดเลย
     
  13. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    รับทราบครับ
     
  14. sayank

    sayank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +2,368
    ขอจอง
    1.เหรียญ ทวานาคิน รุ่นอธิฐานจิต จำนวน 1 เหรียญ
    2.หนุมาน 1 องค์
     
  15. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    มีหนุมาน ขอจองอีก 1 นะครับ..
    ชอบๆๆๆ
     
  16. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  17. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    อ. ชม ท่านเก่งมาก เสียดายท่านเสียไปแล้ว...
     
  18. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ ครับ เสียดายผมไม่ทันอาจารย์ชม แต่ยังดีที่ทันพ่อครูชำนาญ^^
     
  19. จิตตานุปัสสนา

    จิตตานุปัสสนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,840
    ค่าพลัง:
    +16,082
    ถ้ามีพระที่ทำจากปรอท ขอชมด้วยนะครับ
    อ. ชม ท่านเก่งมากเรื่องนี้ สงสัยว่า อ.ชำนาญ ท่านก็ต้องได้สืบทอดมาด้วยแน่ๆ ครับ
    กราบๆๆๆ

    ถ้ามีและไม่เกิน 500 ผมขอจองก่อนเลย 1 องค์ อิอิ..
     
  20. Anupap9

    Anupap9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    566
    ค่าพลัง:
    +503
    รับทราบครับผม แต่ผมได้มาแค่3 อย่างนี้เองครับ^^ ไปเมื่อวาน ไม่นึกไม่ฝันว่าพ่อครูจะให้ผมรับหน้าที่นำวัตถุมงคลมานำเสนอ หากมีโอกาส จะหานำมาให้ชมนะครับพี่ท่าน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...