เรื่องเด่น เรื่องเร้นลับที่เคยเจอกับตัวเองที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย faveur, 7 เมษายน 2013.

  1. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    ปกติก็อ่านแต่เรื่องที่ท่านอื่นเขียนมาเล่า ไม่เคยคิดว่าจะมาเขียนเรื่องเร้นลับที่ตัวเองเคยเจอเลย (เพราะเล่าไม่เก่ง)แต่วันนี้คิดว่า ลองเขียนดูหน่อยแล้วกัน อย่างน้อยก็จะได้บันทึกเป็นประสบการณ์ ไม่ให้สูญหายไปจากความทรงจำ (เพราะบางช่วงเวลาที่ผ่านมาก็มีค่ามาก) จริงๆแล้วก็มีหลายเรื่องมากค่ะ แต่ว่าจะลองเขียนเรื่องจากประสบการณ์ตรงขงองตัวเองลองดูก่อน ขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ

    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณสักสิบปีเห็นจะได้ ตอนนั้นผู้เขียนเองอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ได้รู้จักกับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง สมัยที่อยู่ฝรั่งเศส เพราะพี่คนนี้เป็นเพื่อนกับพี่สาวผู้เขียน ทั้งสองคนมีสามีเป็นชาวฝรั่งเศส แต่สามีของทั้งสองคนไม่เคยรู้จักกัน สมมุติให้เพื่อนพี่สาว (ผู้เป็นต้นเรื่อง) ชื่อพี่นก นะคะ พี่นก มีสามีเป็นวิศวกรไฟฟ้า มีฐานะดีคนหนึ่ง ประกอบกับพี่นกเป็นคนสวยและยังสาว จึงเป็นที่รักของสามีมาก อยากได้อะไรสามีจะรีบหามาให้ ส่วนสามีพี่สาวเป็นนักกฎหมาย เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และเป็นนักเขียนเกี่ยวกับกฎหมาย (ชำนาญกฎหมายครอบครัวเป็นพิเศษ) ตอนอยู่ที่โน่น ผู้เขียนมีโอกาสได้คลุกคลีกับครอบครัวพี่นกพอสมควร จนเรานับถือกันเป็นพี่น้อง และพี่เขามีลูก ชาย-หญิง สองคน เป็นครอบครัวที่น่ารักมากๆ ตอนที่อยู่ฝรั่งเศส ทุกอย่างก็ดีหมด ทุกคนมีความสุข แต่จะมีบ้างที่จะเหงาๆ เมื่อเหงามากๆเข้า พี่นกจึงชวนสามีชวนลูก กลับบ้านที่เมืองไทย ตัวผู้เขียนเองก็ได้มีโอกาสกลับมาพร้อมกับครอบครัวพี่นกตอนนี้ล่ะค่ะ ด้วยเหตุผลเดียวกับพี่นก (แอบหนีพี่สาวกลับมาโดยที่ไม่ได้บอก จนกระทั่งมาถึงเมืองไทยแล้วจึงได้บอกภายหลัง)

    เรื่องราวความลี้ลับที่เกิดขึ้นกับพี่นก และตัวผู้เขียน ก็เริ่มเมื่อตอนที่ย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทยนี้เอง
    เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย พี่นกก็ไปปลูกบ้านอยู่ในตัวเมือง จังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน ส่วนผู้เขียนเองก็ทำงานอยู่ที่กรุงเทพ เราขาดการติดต่อกันไปประมาณปีกว่าๆ ...และได้กลับมาติดต่อกันอีกครั้ง เมื่อพี่สาวขอให้ออกจากงานมาดูแลกิจการของพี่สาวแทน โดยพี่สาวผู้เขียนได้ซื้อบ้านให้หลังหนึ่ง จากคำแนะนำของพี่นก และอยู่ในจังหวัดเดียวกัน แต่ห่างกันประมาณ 15 กิโลเมตร บ้านที่พี่สาวซื้อให้นี้ ผู้เขียนอาศัยอยู่คนเดียว ส่วนครอบครัวผู้เขียนจะอาศัยอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง นานๆ จะมาเยี่ยมสักครั้ง

    ปกติพี่นกจะสนใจใฝ่ธรรมะมาตั้งแต่เด็กๆ และชอบปฏิบัติธรรม เวลาของพี่เค้ามีมากเพราะไม่ต้องรับผิดชอบงานนอกบ้าน เป็นแม่บ้านอย่างเดียวเมื่อส่งลูกไปโรงเรียนแล้ว พี่นกก็จะชวนทำบุญที่นั่น ที่นี่เสมอ เวลาเป็นปีๆ หลังจากทีผู้เขียนได้กลับมาเจอกับพีนกอีกครั้ง เราได้ร่วมเดินทางไปทำบุญ ทีนั่น ที่นี่ด้วยกันบ่อยมากๆ เรื่องราวต่างๆก็เริ่มเกิดขึ้นในระหว่างนี้ค่ะ

    และเนื่องจากพี่นอกใฝ่ทางธรรมะ เรื่องระหว่าง สามี-ภรรยา พี่นกจึงไม่ค่อยได้สนใจ(พี่นกเป็นคนบอกเอง) จึงเป็นสาเหตุให้สามีพี่นกไปมีภรรยาน้อย หลังจากที่กลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากที่จากเมื่อก่อน สามีเอาใจทุกอย่าง มาตอนนี้ กลายเป็นว่า ทุกอย่างถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน สามีซื้อบ้านให้ภรรยาน้อย และรับรู้กันเปิดเผยมากขึ้น แต่สามีพี่นกก็ยังรักพี่นกอยู่ ยังรับผิดชอบครอบครัวอยู่ แต่ก็ไม่เต็มร้อยเหมือนเมื่อก่อน

    ฝ่ายภรรยาน้อย ก็เริ่มอยากได้สมบัติของสามีพี่นกมากขึ้น เรียกว่าโลภก็ได้ โดยทำคุณไสยใส่พี่นก เพื่อหวังให้พี่นกตายจากไป หรือเสียสติ เพื่อที่จะได้ครอบครองสมบัติแต่เพียงผู้เดียว เป็นเวลาปีๆที่ผู้เขียนได้สัมผัส ที่ต่างก็ต่อสู้กันทางเวทมนต์คาถา (ไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนดี ขออนุญาตใช้คำนี้ละกันนะคะ ) จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของพี่นก

    พี่นกได้รู้จักกับพระอาจารย์รูปหนึ่ง ซึ่งก่อนมาบวชท่านเคยเป็นทหารมาก่อน และเป็นญาติห่างๆกัน บวชเป็นพระมีวิชาสายเขมร หลังๆผู้เขียนจึงได้รู้ว่าทำไมพี่นกจึงได้มีความผูกพัน หรือเกี่ยวพันกับพระรูปนี้ โดยบังเอิญ(จะนำมาเล่าตอนต่อไปค่ะ)

    เมื่อผู้เขียนมาอยู่บ้านที่พี่สาวซื้อให้แล้ว ผู้เขียนก็ได้ติดต่อกับพี่นกอยู่เรื่อยๆ มีอยู่วันหนึ่งพี่นกขอให้มานอนที่บ้านเป็นเพื่อน (ตรงกับวันพระ) เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งวันมีน้องสาวกับน้องเขยพี่นกมาเยี่ยม และเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น คือในห้องนอนของพี่นก มีเลือดสีแดงฉานเต็มไปหมดเหมือนใครเอามาเทไว้ ทุกคนในบ้านก็เห็นกันทุกคน แล้วก็พากันเอาน้ำมาล้างออก เล่าให้พระอาจารย์ฟัง ท่านบอกว่าเขามาลองของ มาเตือนล่วงหน้า แล้วท่านก็มาดูมาทำพิธีปัดรังควานให้ รายละเอียดอื่นๆจำไม่ค่อยได้แล้วเพราะตอนนี้ผู้เขียนก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ก็ฟังจากพี่เขามาอีกที

    ตอนนี้เป็นเหตุการณ์ตรงค่ะ เมื่อรับปากพี่นกแล้ว พอถึงตอนเย็นผู้เขียนก็เดินทางมาที่บ้านพี่นก เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนโดยที่ผู้เขียนขอไปนอนห้องเดียวกับลูกสาวพี่เขา ตอนนั้นน้องอายุสัก4-5ขวบ ซึ่งน้องคนนี้จะติดผู้เขียนมากๆ ส่วนลูกชายพี่นกก็นอนอยู่อีกห้องหนึ่ง ตกกลางคืน เวลาประมาณตีสอง พี่นกวิ่งกระหืดกระหอบมาเคาะประตูห้องที่ผู้เขียนนอนอยู่ และขอนอนห้องนี้ด้วย พอหายตกใจแล้วพี่นกก็เล่าให้ฟังว่า ขณะที่พี่นกกำลังเคลิ้มหลับ ก็ปรากฏว่ามีเงาดำๆใหญ่มากเดินเข้ามาหา เพื่อที่จะทำร้ายโดยบีบคอพี่แก น่ากลัวมาก พี่นกก็ต่อสู้ขัดขืนสุดแรงเกิดอยู่หลายนาทีกว่าจะหลุดออกมา เปิดประตูได้ ก็รีบวิ่งมาหาผู้เขียนที่ห้องอย่างรวดเร็ว...
    ลืมบอกไปว่า ผู้เขียนกับพี่นก เคยไปปฏิบัติธรรมร่วมกัน หลายครั้ง และนำมาปฏิบัติต่อที่บ้านแบบต่อเนื่อง จึงมีบางช่วงบางเวลาที่ผู้เขียนได้สัมผัสเรื่องราวลี้ลับ ที่ยากจะอธิบายได้ จนครอบครัวทางบ้านเห็นห่วงมาก บอกว่าให้เลิกติดต่อกับพี่นกเสีย เพราะพวกเขาเป็นห่วงกลัวจะเกิดอันตราย แต่ผู้เขียนเองก็ไม่ได้ปฏิบัติตาม เพราะคิดว่าอยากช่วยพี่เค้าด้วยน่ะค่ะ
    (หลวงพ่อองค์นี้ ท่านมีลูกศิษย์อยู่ทั่วประเทศ หากเอ่ยนามท่าน ทุกท่านก็คงรู้จักเป็นอย่างดี แม้ปัจจุบันหากจะมีเหตุการณ์อะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับผู้เขียน หลวงพ่อท่านจะมาเตือนในนิมิต ว่า ให้มีสติๆ อย่าขาดสติ ให้ตามดู ตามรู้สติ ปฏิบัติมาแล้วให้นำเอามาใช้ด้วย )

    ยังมีต่อนะคะ ยังไม่จบ มีต่อเนื่องไปจนกระทั่งวาระสุดท้ายของพี่เค้าเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้เขียนเอง เห็นบรรดาผีๆทั้งหลายในบ้านของพี่นก , โดนพระธุดงค์ลองคุณไสย อันนี้เจอกับตัว ที่บ้านพี่นกเหตุเกิดตอนกลางคืน , พี่นกนิมนต์พระมาปราบผี(คุณไสยที่อยู่ในตัวพี่นก) แล้วหลวงพ่อที่มาปราบ ปราบไม่ได้ สุดท้ายมรณภาพในอีกไม่กี่เดือนต่อมา , เรื่องที่ผู้เขียนได้รับรู้โดยบังเอิญ ระหว่างพระอาจารย์ ที่เป็นญาติห่างๆ กับพี่นกที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น หรือ เรื่องเหตุการณ์ที่ปรากฏทางสมาธิจิตในขณะที่ผู้เขียนปฏิบัติภาวนา ไว้โอกาสต่อไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2013
  2. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    กำลังสนุก.....
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ขอบคุณที่เล่าฟังครับ.เล่าได้น่าติดตามดีครับ...เท่าที่อ่านๆดู.คิดว่าน่าจะแตกประเด็นไปเล่าได้อีกหลายเรื่อง ส่วนบ้านที่เกิดเหตุอยู่แถวภาคอีสาณ
    แถบแนวเขตติดต่อกับชายแดนเขมรหรือเปล่าครับ.;)
    และถ้าจะเล่าตอนต่อไป..ก็ตั้งชื่อเรื่องให้ได้ก่อนครับเด่วเรื่องราวจะตามมา
    ได้เอง..และน่าจะได้อีกหลายตอนเลยครับ.
    :cool:
     
  4. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    รออ่านตอนต่อไปค่ะ...
     
  5. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    ยืนยันค่ะ ว่าทั้งหมดเป็นประสบการณ์จริง ประสบการณ์ตรง ของผู้เขียน ''faveur'' เอง และไม่ได้แต่งขึ้นมาแน่นอนค่ะ และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ตอนแรกไม่คิดว่าจะเขียนน่ะค่ะ แต่ว่าคิดอีกที เล่าๆสู่กันฟัง ก็ดีนะคะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ขอบคุณที่มารออ่านนะคะ ;k04
     
  6. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    บ้านที่เกิดเหตุ อยู่ในต้วเมือง จ.อุดรธานีค่ะ (ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะคะ^^'') สำหรับชื่อเรื่อง คิดได้เท่านี้ค่ะ รวมๆกันเป็นชื่อ เรื่องเร้นลับ หากท่านจะกรุณาช่วยตั้งชื่อให้ ก็ยินดีค่ะ หรือท่านอื่นที่บังเอิญเข้ามาอ่านจะร่วมด้วยช่วยกันตั้งให้ ก็ยินดีนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ;hi2
     
  7. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    เข้ามาเล่าต่อจากตอนที่ค้างไว้ค่ะ ( พอดีวันนี้ชิลล์ๆ ขอยืมศัพท์วัยรุ่นมาใช้สักวันนะคะ:d )
    ทุกวันอังคารพี่นก จะนำอาหารไปถวายเพลกับพระอาจารย์ (ที่เป็นญาติกัน) และหลายๆครั้งที่ผู้เขียนได้ติดตามไปด้วย เรียกได้ว่ามีความใกล้ชิดกับท่านด้วยอีกคนหนึ่ง เมื่อที่วัดมีงานบุญต่างๆ ก็จะร่วมด้วยช่วยกันเสมอค่ะ และพระอาจารย์ยังได้มอบเหล็กไหลให้กับพี่นกไว้เพื่อป้องกันตัวด้วย (ปกติท่านจะหวงเหล็กไหลของท่านมาก) เห็นว่าท่านมีอยู่2องค์ (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า ที่เรียกเหล็กไหลว่าเป็น องค์) องค์หนึ่งอยู่ที่พระอาจารย์ อีกองค์อยู่กับพี่นก โดยท่าน ท่านจะเอาขี้ผึ้งแท้ ห่อเหล็กไหลไว้ก่อนรอบหนึ่ง ก่อนใส่ผอบแล้วปิดทับด้วยผ้าขาว แล้วพันด้วยด้ายสายสิญจน์ ให้เป็นแบบสูงๆ และเลี้ยงด้วยน้ำผึ้งทุกวันพระ ค่ะ (สุดท้ายเหล็กไหลองค์นี้ได้นำไปฝากไว้ที่แม่น้ำโขง)

    จะว่าไปแล้วผู้เขียนเองก็ไม่ได้อยู่กับพี่นกทุกวัน เพราะก็ต้องมีงานรับผิดชอบด้วย แต่ก็เจอกันแทบทุกสัปดาห์
    พี่นกก็พยายามที่จะหาทางถอดถอนคุณไสยออกจากตัว โดยการเดินทางไปหาพระหลายที่มาก แต่ก็ไม่หายสักที มีก็แต่พอทุเลาอาการเท่านั้น ช่วงที่ปกติ พี่แกก็ใช้ชีวิตเหมือนคนอื่นทั่วๆไป ทำหน้าที่แม่ดูแลลูก ดูแลครอบครัว ทำบุญทำกุศลไปตามเรื่อง แต่ช่วงไหนที่พี่แกมีอาการ จะน่าสงสารมาก พี่เขาจะบอกว่า ปวดที่ท้องเหมือนโดนของแหลมคมทิ่มแทง แล้วก็จะปวดหัวมาก ทุรนทุราย เห็นแล้วก็น่าสงสารมาก แต่พอผ่านวันโกนวันพระไป พี่เขาก็จะกลับใช้ชีวิตปกติค่ะ

    ทุกครั้งที่พี่นกเดินทางไปหาอาจารย์ที่คนล่ำลือว่าเก่ง ถอนคุณไสยได้ พระอาจารย์ที่เป็นญาติพี่นกก็ไปด้วยแทบทุกครา บางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไม อาจารย์ที่พี่นกนับถือที่มอบเหล็กไหลให้พี่นก ที่เป็นญาติกัน จึงไม่สามารถช่วยพี่นกถอนคุณไสยออกจากตัวพี่นกได้ ลองติดตามดูค่ะ แล้วท่านจะเข้าใจว่าทำไม

    เหตุการณ์ประหลาดต่างๆ มักจะเกิดขึ้นระหว่างวันโกน กับวันพระ คราวนี้ ผู้เขียนได้มีโอกาสไปทำบุญกับพี่นกอีกครั้ง เราไปกันสองคน ก็ไปกันหลังจากที่พี่นกไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้ว จนถึงช่วงบ่ายๆ เราได้ไปเจอพระธุดงค์ รูปหนึ่งซึ่งพี่เขาเล่าให้ฟังว่า เคยเจอท่านมาก่อน และเคยได้ทำบุญกับท่านด้วย พระธุดงค์รูปนี้ อายุน่าจะประมาณ ห้าสิบปีเห็นจะได้ ท่านแวะมาและพัก ที่วัดศรีคุณเมือง ตอนนั้นด้วยจิตที่ศรัทธา เราจึงไปกราบและไปถวายปัจจัย และสิ่งของกับท่าน ท่านก็เมตตา ส่งผลไม้ให้พี่นก(วางให้) ในขณะที่พี่นกกำลังจะหยิบถุงผลไม้นั้น ปรากฏว่ามีแมวจากไหนไม่ทราบ วิ่งมาจะคาบเอาถุงผลไม้นั้น หลวงพ่อรีบร้องไล่แมวนั้นไปแบบเสียงดังมาก และท่านยังกำชับว่าพี่นกต้องทานนะ ผลไม้นี้ที่ท่านให้น่ะ เป็นของมงคล ท่านว่าอย่างนั้นนะคะ เราสองคนเลยมองหน้ากันแต่ไม่ได้กล่าวอะไร ก่อนจะลาท่านกลับ พระธุดงค์รูปนั้น ท่านก็ได้ให้สายสิญจน์ (ลักษณะเป็นเส้นแบบถักเส้นใหญ่ๆ คล้ายเลสข้อมือ) กับเราคนละเส้น ตอนแรกผู้เขียนเองก็คิดแต่ว่าเป็นของมงคลที่พระธุดงค์ท่านเมตตามอบให้ ยังดีใจอยู่เลย และได้สวมใส่ข้อมือนับแต่ตอนที่ได้รับเลยค่ะ แต่พี่นกไม่สวมและไม่ได้กินผลไม้ที่พระธุดงค์ยื่นให้

    ตกกลางคืน ได้เรื่อง!! เจอกับตัวเต็มๆ ...

    เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระ (วันเดียวกันกับที่เจอพระธุดงค์ค่ะ) ผู้เขียนจึงถูกขอให้มานอนค้างที่บ้านพี่นกอีก เหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา แต่คราวนี้ พิเศษกว่าทุกครั้ง ตรงที่พระอาจารย์(ญาติพี่นก) ได้มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็นอนในห้องกับลูกสาวพี่นกที่ชั้นสอง ส่วนตัวพี่นกไม่กล้านอนในห้องนอน ต้องลงมาปูที่นอนอยู่ที่ห้องโถงข้างล่าง พร้อมกับลูกชาย และพระอาจารย์ จะเฝ้าระวังอยู่อีกห้องหนึ่ง

    ตกดึกอีกแล้วครับพี่น้อง!!! แปลกแต่จริง ผีชอบมาตอนดึก แน่จริงก็น่าจะมาตอนกลางวันแสกๆ ให้เห็นจะๆ กันเลย เห็นด้วยไหมคะ ... เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเล่าต่อเลยนะคะ
    ขณะที่ผู้เขียนกำลังนอนหลับอยู่นั้น จำได้ว่านอนคว่ำหน้า แล้วเอามือทั้งสองวางไว้เหนือศีรษะ น้องตัวเล็กก็นอนอยู่ข้างๆ ในท่าคว่ำหน้าเหมือนกัน ขณะนั้นเองก็มีบางอย่างกำลังพยายามจะเข้ามาสิงตัวผู้เขียน โดยมันพยายามจะมุดเข้าทางนิ้วมือ ผู้เขียนกำลังเคลิ้มๆ รู้สึกได้ว่าเงาดำๆ ไม่เล็กไม่ใหญ่ กำลังพยายามอย่างมากที่จะเข้าให้ได้ แต่เงาดำๆนั้นมันต้องผิดหวังเพราะผู้เขียนรู้สึกตัว ต่อสู้ขัดขืน ชนิดตายกันไปข้างหนึ่ง มีตอนหนึ่งผู้เขียนบอกกับเจ้าเงาดำนั้นว่า “เอ็งไม่มีทางเข้ามาสิงชั้นได้หรอก เพราะชั้นไม่ยอม และไม่มีทางจะยอมด้วย” ว่าจบก็สวดมนต์ ขอพระพุทธคุณช่วยคุ้มครองและแผ่เมตตาให้วิญญาณนั้นไป และที่คอของผู้เขียนได้สวมสร้อยพระหลวงปู่ทวด กับหลวงปู่แช่ม อยู่ด้วย มันจึงเข้าไม่ได้ คิดว่าอย่างนั้นนะคะ สักพักเมื่อผู้เขียนหลุดออกมาได้ ก็รีบวิ่งลงบันไดมาสมทบกับพี่นก และพระอาจารย์ด้านล่าง เล่าให้พี่นกและพระอาจารย์ฟัง ท่านว่านั่นเป็นปอป เคยไปรับเอาอะไรจากใครที่ไหนมาหรือเปล่า ตอนแรกตอบท่านไปว่า เปล่าค่ะ แต่พอนึกได้อีกทีว่าเมื่อตอนกลางวัน ได้รับสายข้อมือมาคนละเส้นกับพี่นก บังเอิญว่าพี่เขาไม่ได้รัดสายข้อมือนั้นเหมือนผู้เขียน ผู้เขียนใส่คนเดียว เลยโดนเต็มๆ แล้วผู้เขียนก็นอนรวมกับพี่นกที่ข้างล่างจนถึงเข้า แปลกที่วันพระนี้ พี่นกไม่มีอาการ ปวดหัว ปวดท้อง เหมือนวันพระก่อนๆที่ผ่านมาเลย คงเป็นเพราะบารมีพระอาจารย์ก็ได้มั้งคะ จึงไม่เจอเหตุการณ์รุนแรงในวันนั้น แต่ผู้เขียนก็ยังแอบสงสัยอยู่ว่า วิญญาณเหล่านั้นเข้าบ้านพี่แกได้อย่างไร หรือมีสื่อนำ หรือ เพราะวิญญาณนั้นมีอยู่แล้วในตัวพี่แก อันนี้ผู้เขียนก็ยังไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

    ตอนต่อไปจะเป็นตอนที่พี่นกนิมนต์พระจากกาฬสินธุ์ มาถอนคุณไสย แต่ไม่สำเร็จ หลวงพ่อท่านบอกว่า ของเขาแรงมาก ท่านเห็นว่าที่บ้านพี่นกสัมภเวสีเยอะ ยืนเกาะเสารั้วเต็มพรืดไปหมด ยิ่งแผ่เมตตาให้พวกเขายิ่งมา ....บรื้ออออส์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤษภาคม 2013
  8. rukmac

    rukmac เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +377
    เรื่องราวน่ากลัวมากครับ หนักๆ ทั้งนั้น
     
  9. T.cha

    T.cha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2010
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +641
    น่าสนใจมากครับ บุ๊คมาร์ค ไว้รออ่านต่อ...
     
  10. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ตอนแรกผู้เขียนไม่อยากจะนำมาเขียน แต่ก็ไม่โกรธท่านหลอกนะคะ เพราะถือว่านี่เป็นบอร์ดสาธารณะ และผู้เขียนเองก็ไม่เคยบอกว่าผู้เขียนปฏิบัติจนถึงขั้นไหนๆได้อภิญญาอะไรไม่เคยพูด ที่บอกว่าวิ่งหนีผี มันก็เป็นธรรมดาของคนที่ยังธรรมดา ปฏิบัติธรรมไม่ถึงไหนอย่างดิฉันก็จะต้องมีกลัวบ้าง แต่คุณคงไม่ได้อ่านจบมั้งคะ ที่ดิฉันบอกว่าได้แผ่เมตตาให้เขาไป (ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด อันนี้ก็มีเยอะแยะ) ตอนหนึ่งที่ผู้เขียนเคยไปปฏิบัติธรรมบนป่าบนภู หลวงพ่อท่านก็เมตตาให้กำลังใจว่า ปฏิบัติเท่าช้างวีหู แค่งูแลบลิ้น แม้จะน้อยๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป หากไม่ละความพยายาม สักวันเราก็จะพบกับแสงสว่างทางธรรม และตัวผู้เขียนเองก็แค่พยายามสร้างความดี สร้างปัญญาให้กับตัวเอง ไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับผู้ใดผู้หนึ่ง เพราะไม่จำเป็น และที่เล่าก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน ท่านก็ไม่รู้จักดิฉัน ดิฉันก็ไม่ได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว การพูด วาจาที่ดูถูกคนอื่นเช่นนี้ คงไม่น่าใช่วาจาของ อารยะชนผู้เจริญ เป็นแน่..

    การมีสามีฝรั่ง มันแย่ขนาดนั้นเลยรึในสายตาของท่าน อันนี้ก็สุดแต่ท่านจะคิด เพราะผู้เขียนก็คงจะไปชี้นำความคิดใครไม่ได้

    ส่วนเรื่องของพี่นกนั้น เธอได้จากโลกนี้ไปเป็นเวลาร่วมสิบปีแล้วค่ะ ส่วนว่าเธอจะเคยสร้างกรรมดี กรรมชั่วอะไรไว้บ้าง ผู้เขียนขอไม่ออกความเห็น เพื่อเป็นการให้เกียรติเธอผู้จากไป แต่ตอนนั้นผู้เขียนก็บอกตรงๆว่า ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเดินเข้าสู่กระแสธรรมมีผิดบ้าง ถูกบ้าง แต่ไม่เคยบอกหรือคิดเอาเองว่าตัวเองเก่ง ปฏิบัติถึงขั้นหลุดพ้นอะไรประมาณนั้น เหมือนหลายคนจากเวปนี้

    ปัจจุบันพี่สาวกับพรรคพวกที่ต่างประเทศก็รวมตัวกัน ร่วมกันหาเงินสร้างวัด โดยการจัดทำผ้าป่าบ้าง กฐินบ้าง และไม่ใช่แค่ที่ฝรั่งเศส อันนี้จริงๆก็ไม่จำเป็นต้องเล่าก็ได้ แต่ในเมื่อผู้ที่ได้กล่าวพาดพึง ถึงเขาผู้สร้างบุญสร้างบารมี กรรมอันนั้นก็จะเป็นของเขาผู้นั้นเอง
    (กรรมของใครก็เป็นของคนนั้น อันนี้จำได้จากที่หลวงพ่อท่านมาเทศน์ให้ฟังในนิมิต และก็เป็นปัจจัตตังค่ะ )

    ** ก่อนที่พี่นกจะแต่งงานกับสามีฝรั่ง รู้มาว่าฐานะทางบ้านพี่นกก็ไม่ได้ยากจนค่นแค้นอะไร จัดว่ามีฐานะดีคนหนึ่งด้วยซ้ำ เป็นครอบครัวที่มีคนนับหน้าถือตาในหมู่บ้านนั้นด้วย ฯลฯ. **
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 เมษายน 2013
  11. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ และขอให้คุณพี่นกเธอไปสู่ภพภูมิที่ดี อย่าไปใส่ใจกับคำคนเลยค่ะ จริตของแต่ละคนมักจะไม่ตรงกันเสมอ ใครอยากตำหนิกรรมของใครจิตใจเขาก็ขุ่นมัวไปเอง ดังคำคติธรรมคำสอนของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่านสอนไว้ว่า การตำหนิติเตียนผู้อื่น ถึงเขาจะผิดจริงก็เป็นการก่อกวนจิตใจตนเองให้ขุ่นมัวไปด้วย
    ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรม ไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน
    การกล่าวโทษผู้อื่นโดยขาดการไตร่ตรอง เป็นการสั่งสมโทษและบาปใส่ตนให้ได้รับความทุกข์ จึงควรสลดสังเวชต่อความผิดของตน งดความเห็นที่เป็นบาปภัยแก่ตนเสีย ความทุกข์เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำไมพอใจสร้างขึ้นเอง
     
  12. siwatcha

    siwatcha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,242
    ไม่ทราบว่าพีสาวที่เสียชีวิตไปนะคะ (ขอโทษนะคะหากทำให้ไม่สบายใจไม่ตอบก็ไม่ว่ากัน)

    แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร จริง ๆ เรื่องของท่าน faveur น่าสนใจมากดิฉันอ่านติดตาม

    ตลอดอะ...คะ.และเรื่องก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจคนได้อย่างดีถึง เรื่องของพิษรักแรงริษยานี่

    ว่าจิตใจมนุษย์นี่ น่ากลัวซะยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะผู้ได้ชื่อว่าไม่มีศีล ไม่มีคุณธรรม

    ประจำใจ ไม่มีหิริ-โอตัปปะ ย่อมกล้าทำเรื่องชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่ากลัวจริง ๆ

    และทำให้พึงระมัดระวังตนให้ดี หากเราไม่รู้จักอะไรกันดี ยิ่งไปที่ ๆ ยังห่างไกลความ

    เจริญจะต้องสำรวม กาย วาจา ใจ ให้ดี ทางที่ดี อาราธนาพระเครื่อง ใส่คอไว้เป็นดี

    ที่สุด หากไม่รู้จัก หรือเป็นคนแปลกหน้า อย่าได้วางใจเที่ยวไปดื่ม หรือกิน อะไรที่เขา

    ให้เด็ดขาด ขอขอบคุณทีี่ท่าน faveur ได้นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังนะคะ

    เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในใจมาก ๆ คะ
     
  13. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    คิดอย่างนี้เหมือนกันค่ะ จึงไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเหล่านั้น และเป็นการทดสอบจิตของเราด้วยอีกประการหนึ่ง ขอบคุณที่นำธรรมะดีๆของหลวงปู่มาให้อ่าน ให้คิดพิจารณานะคะ :cool:
     
  14. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    ที่ท่านได้ถามมานั้น มีคำตอบอยู่ในเรื่องที่ ผู้เขียนกำลังจะเล่าต่อไปนี้ค่ะ เรื่องอาจจะยาวหน่อย(หากอยากรับฟังกันต่อก็จะมาเล่าต่อนะคะ) เพราะเป็นเหตุต่อเนื่องกันอยู่เป็นปีๆค่ะ เกริ่นสั้นๆนิดหนึ่งค่ะ คือพี่แกเสียชีวิตขณะสวดมนต์ไหว้พระ ในชุดขาว อาการช็อก ฉี่ราด(ขออภัยหากใช้คำไม่สุภาพนะคะ) แต่ผู้เขียนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พอพี่เค้าเสีย ก็มีโทศัพท์จากญาติเขามาบอก แล้วก็ที่เห็นตอนที่ไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ คือเล็บมือเป็นสีเขียวทั้งสิบนิ้ว ก่อนหน้าที่พี่เค้าจะเสียนั้นผู้เขียนก็ยุ่งๆ จึงไม่ค่อยได้แวะไปหาพี่เค้าเท่าไร
     
  15. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    เล่าต่อเถอะค่ะจะได้เป็นอุทาหรณ์
     
  16. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,057
    เรื่องที่คุณเล่ามาน่าสนใจดีค่ะ

    ทำให้รู้ว่าคณไสยยังมีอยุู่และน่ากลัวทีเดียว

    พี่นกเสียชีวิตแล้ว ขอให้พี่นกไปสู่สุขคตินะคะ

    เรื่องที่คุณfaveurนำมาเผยแพร่ ถือว่าเป็นวิทยาทานได้นะคะ

    คือจะได้ระมัดดระวังไว้บ้างไม่มากก็น้อย

    ขอรบกวนเล่าต่อ อีกนิดนึงนะคะ

    จะคอยติดตามอ่านค่ะ
     
  17. faveur

    faveur เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    316
    ค่าพลัง:
    +2,298
    เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะคะ ขอตัวไปทำธุระฝันดีทุกท่านค่ะsleeping_rb
     
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    หนทางสำหรับผู้ปฏิบัติ ถ้าเช่นนี้ ก็ไม่มีอะไรทำอะไรเราได้คะ คือ อย่า กลัวตาย คิดถึงเรื่อ งความตายเป็นอารมย์ คิดตามพระพุทธเจ้าว่า ถ้าเราตายจะมีความสุขกว่าอยู่เพราะ กายเนื้อนี้ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเลย ถ้าผีที่หมอคุณไสย์ส่งมาจะมาทำร้ายเรา ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าและบอกกับผีไปว่า อยากทำก็ทำ เราไม่กลัวการตาย เราอยากตาย ดีถ้าตายจะได้ไปนิพพานเร็วๆ ดูสิว่าผีมันจะยังทำอะไรคนที่ ตัดสังโยชน์ ได้ สาม ข้อ ขึ้นไปแล้วไหม

    ถ้าคนเราอยากตายมันก็จะได้อยู่คะ.... แต่ถ้าอยากอยู่มันก็จะตาย ถ้าจขค ได้เคยอ่านที่ ดิฉันเล่าเรื่องที่ดิฉันเคยไปเรียนอยู่ต่างประเทศ อยู่ในบ้านที่ มีคนตายอย่างลึกลับเพราะโดนลมเพลมพัดจาก คุณไสย์ของแขกขาว แต่ดิฉันเป็นคนเดียวในบ้านหลังนั้นที่ ไม่ตาย แม้จะเจออาการแปลกๆ ทางกายที่ มี ตะขาบ กับ หนอน ออก มาจาก เท้าที่บวม หลังจากที่แม่พระจากโบสถ์ คาธอลิก สาด เกลือศักดิ์สิทธิ์ ที่เอามาจากเยรูซาเล็มใส่ เท้าดิฉัน
    หลังจากนั้นดิฉันก็มาเร่ง ปฏิบัติ ธรรม ในที่นี้คือ กสิณ และ วิปัสสนา และฟังเทศน์ เพื่อ ขัดเกลาจิตใจเราให้อยู่สูงขึ้น และเอาความตาย กับนิพพาน เป็น อารมย์
     
  19. พุธทสิณ

    พุธทสิณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +404
    ท่านพูดก้อมีส่วนถูกบ้างแต่ก้อไม่รวมหมดทุกคนหรอก...และอย่าลืมว่ากําลังใจของแต่ละคนมันไม่เหมืิอนกัน...ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนกับตักนํ้าใส่โอ่งเก็บไว้ใครใีกําลังใจมากก้อตักได้เร็วและเต็มไวกว่า...
    อืมม..แล้วที่ว่าเอาผัวฝรั่งเพื่อหวังความสุขอย่างเดียวมันก้อพูดไม่ได้เต็มปากหรอกคนที่ดีๆที่รักกันจริงโดยไม่ได้หวังผลอะไรก้อมีนะ...คนจะดีมันอยู่ที่จิตใจของคนๆนั้นมากกว่า...ฝร่งเขาเคยทําอะไรไว้ช่างเขาเถิด,หันมาดูจิตดูใจดูกิเลสที่อยู่ในใจเรานี่แหระว่าไปโกรธเขาแต่เราเองกลับร้อนรนเดือดร้อน..ตอนนี้แหระจะตัดสินได้ว่าเราปฏิบัติได้ถืงไหนแล้ว..ถืงเราจะไปด่าไปว่าฝรั่งเขา1นาทีเราก้อโง่ไป1นาทีเพราะปล่อยให้กิเลสมันมายํ่ายีใจเราได้....และสุดท้ายเรื่องที่จขกทนํามาเล่าให้ฟังก่อสรุบได้ว่า กรรมต่อกันถืงทํากันได้... การให้อภัยอโหสิกรรมต่อกันนั้นเป็นทางเดียวที่จะส่งผลให้สองฝ่ายไม่ต้องสร้างกรรมต่อกันใหม่ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า....^^
     
  20. jets-one

    jets-one เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    460
    ค่าพลัง:
    +737
    อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นใดๆสิครับ จขกท. แค่เล่าเป็นวิทยาทาน สิ่งไหนจะเกิดกับใคร ก็เป็นเพียงกรรมเก่าของบุคคลนั้น เราทุกคนก็ล้วนมนุษย์ธรรมดา ถ้าของจริงนะนิ่งเป็นใบ้ทุกท่านก็รู้.....รอ จขกท. มาเล่าต่อครับ เล่าจบแล้ว จะวิเคราะวิจารย์เป็นวิทยาทานกันก็ไม่เสียหาย :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...