เสือสั่งฟ้า

ผมสงสัยว่า คาถา ที่ใช้ในหนังเรื่อง เสื้อสั่งฟ้า2 เป็นคาถาที่ใช้ได้จริงใช่ไหมครับ
หรือว่าแค่ make ขึ้นมาเพื่อความบรรเทิงเท่านั้น
เช่น
พยัคฆ์โขง พยัคฆา นะโมพุทธายะ อันน่าจะปลุกของที่อยู่ในตัว
มีอีกหลาย ๆ บท ที่ผมจำไม่ได้ อย่างเมื่อคืน 27/02/2555
คาถาปลดเชือกที่มัดไว้กลับตัว พระเอก(กล้า)

ปล.ไม่รู้ว่าจะไปตั้งกระทู้ห้องไหนเลยมาถามในห้องนี้ครับ

 

ถ้าเป็นคาถาจริงก็มีคนจำไปใช้ด้วยได้ใช่ไหมครับ
แต่จะใช้เป็นผลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับกำลังจิตด้วยถูกต้องไหมครับ

อาจเป็นแนวทางให้ มิชฉาชีพ นำไปใช้ อิอิ
อย่างตอนที่ กล้า สะเดาะ กุญแจห้องของ วดี เป็นต้นครับ

 

ทั้งหมดที่ท่องใน เรื่องนี้ก็ของจริงทั้งหมด งั้นพิธี พิธีอมฤต-เทวา ก็มีจริง

ปล.admin เห็นว่ากระทู้ควรอยู่ใน หมวดไหนก็ ย้ายได้เลยนะครับ

 

ไม่ทราบครับ ผมไม่ดูละคร ไม่ดูทีวี ดูแต่ใจตัวเอง อิๆ.

 

ผมว่าคุณอินกับมันมากไป ควรพักผ่อนบ้างนะครับ ขำๆ

 

ไม่ได้ดูครับแต่คงจะจริงบ้างไม่จริงบ้างปนกันไปทำให้ดูดีและสนุก เรื่องคาถาอาคมนี่ถึงเป็นของแท้ของจริงก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ผลกันหมดทุกคนนะครับ มันอยู่ที่บุญบารมีที่ทำด้วย ส่วนพวกเสือพวกจระเข้ที่ใช้ได้ผลคงมีบุญเก่าช่วยอยู่หมดบุญเก่าเมื่อไรก็รับกรรมไปครับ

 

เท่าที่ผมพอได้ทราบๆ และความคิดเห็นส่วนตัว ชื่อวิชา ชื่อคาถา ส่วนใหญ่มีจริง ส่วนใหญ่นะ ไม่ใช่ทั้งหมด

แต่การที่ในหนังท่องนั้น ท่องย่อๆ นะครับ หรือตัดแค่ส่วนหัว หรือบางบท ในคาถาเต็มมาท่อง เพราะถ้าท่องหมดตัวบทคาถา ทั้งตอนนั้นก็คงได้ฟังแต่ตัวละคร สวดคาถาละครับ

ส่วนท่านอยากรู้ไปทำไม ผมไม่รู้หรอก แต่หนังเรื่องนี้ ดูแล้วชวนฝันมากมายครับ ในความเป็นจริง ตามความคิดของผม วิชาอาคม ไม่ได้ทำอะไรได้มากขนาดนั้นครับ คนเรา มีบุญบารมีติดตัว มีเทวดา มีบรรพบุรุษ รักษา ไม่ใช่ใครนึกจะมา จังงัง เรา ก็ทำได้ดื้อๆ ผมว่ามันไม่ใช่นะครับ

ผมก็ดูบ้างนะครับ แต่ว่า ต้องแยกกันระหว่าง ละครกับความเป็นจริงครับ ในชีวิตจริงนั้น คาถาไม่ใช่ใครรู้คาถาแล้วจะเอาไปใช้ได้ มันมีปัจจัยหลายอย่างร่วมกันครับ


ส่วนวิชาที่ทำให้หนุ่มอีกครั้ง มันจะมีจริงหรือ ผมว่าไม่มีหรอกครับ มีแต่ยืดอายุออกไป ตามแต่บุญกรรม แต่แก่แล้ว ทำให้กลับมาหนุ่ม ผมว่า มันออกจะเกินจริงนะครับ เพราะถ้าใครรู้ว่าทำกรรมอะไร ถึงจะทำพิธีนี้ ได้ คงจะมีแต่คนกระทำกรรมนั้น ใครบ้างไม่อยากอายุยืน

 

อิอิมาแจกซักบท ท่องแล้ว ยิงไม่ออก ยิงไม่โดน (แต่อย่าไปลองนะ ออกแน่ๆ555)
นะปิด โมปัด นะอัด โมอุต อุตธัง อัตโธ โทอุต ธังอัด

 

เรื่องจริงทำได้ยิ่งกว่าในหนังอีกครับ ขึ้นอยู่กับกำลังฌานและความบริสุทธิ์ของจิตครับ

 

ผมขอสนับสนุนความคิดเห็นนี้ เรื่องจริงทำได้ยิ่งกว่าในหนัง แล้วแต่จิตจะคิดพิสดาร ผมคิดว่า ผู้มีฌาณสมาบัติระดับ ฌาณ 4 ถึง ฌาณ 8 สามารถนำทัพสู้กับกองทัพที่มีกองกำลังและยุทธภัณฑ์เหนือกว่าได้อย่างสบาย ๆ

 

ผมสงสัยนะครับ อย่าว่าอย่างงั่นอย่างงี้ ถ้าเรื่องพวกนี้มันมีจริง
ทำไม เขมร ไม่เป็นมหาอำนาจ ขอโทษทีอาจขักใจซักหน่อย
เข้าใจว่าเรื่องความเชื่อมันละเอียดอ่อน แต่เป็นสิ่งที่สงสัยจริงๆ
และไม่อยากให้ใครมารู้สึกแย่กับคำถามนี้

 

ก็คนที่ทำได้อย่างนั้น จะต้องมีอำนาจญาณฌาณสมาบัติ ไม่ใช่ว่าท่องคาถาเป็นอย่างเดียว คาถาเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น และคนแบบนี้ที่จะแสดงฤทธิ์ได้ คนไทยเรียกว่า คนธรรพ์ เป็นเทพในร่างของคน กึ่งคนกึ่งเทพ จะหาได้ไหม เป็นเรื่องที่ยาก

 

เหตุใดเขมรจึงไม่เป็นมหาอำนาจ ก็ขอตอบว่า การจะเข้าถึงพลังธรรมชาติอันยิ่งใหญ่นั้นไม่ใช่ง่ายๆเลย ถ้าให้คนที่ไม่เคยฝึกสมาธิเลยไม่ว่าชาตินี้หรือชาติที่แล้วมา คือให้เริ่มฝึกตั้งแต่ชาตินี้เป็นชาติแรก เขาคนนั้นกว่าจะเข้าถึงฌานสมาบัติได้ก็ต้องกินเวลาไปถึง 400,000 ชาติโดยประมาณเป็นอย่างน้อย จากนั้นก็ไปฝึกกสินและกรรมฐานอื่นๆอีกให้ได้ครบทั้ง 40 กอง และแม้ว่าจะทำได้แล้วถ้าจะให้มีพลังอำนาจและความชำนาญให้เป็นที่พอใจก็ต้องฝึกเพิ่มกันเข้าไปอีก รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1 อสงไขย (คนที่เคยฝึกมาแล้วนั้นดูไม่ยากเท่าไหร่ เพราะผู้ที่ชอบเข้าวัดฟังธรรมนั้นส่วนใหญ่ก็เคยฝึกมาแล้วทั้งนั้น โดยฝึกมาแล้วมากน้อยต่างกันไป ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าวัดเลยก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยฝึกมาก่อน ต้องให้ลองมานั่งสมาธิดูแล้วฝึกสัก 3 เดือนก็จะรู้เองว่าเคยฝึกมาหรือเปล่า)

ต่อมาเป็นเรื่องของเวทย์มนต์คาถาที่เราๆท่านๆได้รู้จักกันเป็นอย่างดีนั้น เป็นเพียงฤทธิ์ระดับโลกีย์ ซึ่งถ้าโดนความมืดเข้าครอบงำจิตใจเมื่อไหร่ฤทธิ์ก็จะเสื่อมทันที และยังขาดความชำนาญที่จะต้องได้รับการฝึกฝนอีกมากมายนัก เรียกว่ามีฤทธิ์ระดับที่พร้อมจะเสื่อมได้ทุกเมื่อ และถ้านำไปใช้ทำร้ายคนอื่นตนเองก็บาปมหันต์ หรือแม้ว่าจะชำนาญถึงขนาดทำร้ายคนแล้วแต่สามารถรวบรวมสมาธิให้เป็นฌานในระดับเดิมได้ หรือใช้ปกป้องคนอื่นก็ตาม หากเป็นการฝืนกฏแห่งกรรมก็จะไม่สามารถใช้พลังอำนาจได้อย่างเต็มที่

และส่วนท่านผู้ที่ได้ฌานสมาบัติและญาณอภิญญาในระดับที่สามารถเผาเมืองทั้งเมืองได้ในพริบตาแค่เสี้ยววินาที หรือปราบกองทัพหรือยุทโธปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลกได้ในเวลาอันรวดเร็วนั้น ซึ่งการใช้ฤทธิ์และอานุภาพของท่านนั้นเพียงแค่คิดก็เป็นอันใช้ได้แล้ว ท่านผู้ที่มีพลังอำนาจระดับนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ยอมรับกฏแห่งกรรมเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้อย่างเต็มที่ ถ้าไม่ก็ยังคงใช้ได้นิดๆหน่อย แต่นิดๆหน่อยๆนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆนะ แต่ส่วนใหญ่แล้วท่านที่ทำได้มักจะไม่ทำกันหรอกเพราะท่านมีเมตตาที่สูงมาก และจะใช้อำนาจฤทธิ์ก็ต่อเมื่อช่วยคนที่สมควรช่วยและไม่ฝืนกฏแห่งกรรมมากนัก หรือถ้าฝืนมากก็ต้องเป็นในกรณีพิเศษเป็นรายๆไป เช่น ช่วยพระโพธิสัตว์ให้ท่านสามารถสร้างบารมีต่อไปได้เพื่อจะได้ให้่ทานมาช่วยสัตว์โลกได้ทันกำหนดการในอนาคต เป็นต้น

ระดับของการทำได้นั้นขึ้นอยู่กับบุญบารมีของแต่ละท่านที่สร้างสมอมรมมา ถ้าสร้างบารมีมามากพอ เช่น พระโมคคัลลานะที่เคยปราบพญานาคราชที่ทรงฤทธิ์เดชมากยิ่งนักลงได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพญานาคตัวนี้ใช้ร่างกายของตนเองแผ่พังพานปิดบังทางเข้าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไม่ให้พระพุทธองค์และพระสาวกผ่าน พระโมคคัลลานะก็ได้เนรมิตตนเองให้เป็นพญานาคที่ใหญ่กว่าพญานาคตัวจริงนั้นถึง 2 เท่าและรัดพญานาคนั้นเข้ากับภูเขา และสุดท้ายท่านก็ได้ย่อองค์ท่านเข้าไปเดินจงกรมอยู่ในปากของพญานาคนั้น จนพญานาคราชนั้นได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก สุดท้ายก็ได้ยอมลดทิฐิมานะของตนเองในที่สุด

และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ครั้งหนึ่งท่านเคยทูล ขอพระพุทธเจ้าว่าท่านเองประสงค์ที่จะเนรมิตโลกจำลองขึ้นมาอีก 1 ใบ ซึ่งในโลกนั้นจะเต็มไปด้วยข้าวปลาธัญญาหารพร้อมเครื่องใช้เครื่องสอยต่างๆอยู่อย่างครบถ้วนตลอดทั้งปี ใครที่ได้อยู่ในโลกนี้จะมีความสุขกายสบายใจได้ตลอดชีวิต ซึ่งท่านได้ทูลขอพุทธานุญาตที่จะขนถ่ายสัตว์โลกทั้งหมดในโลกนี้ไปอยู่ในโลกจำลองที่ท่านจะสร้างขึ้นนี้แก่พระพุทธเจ้า ครั้งที่ 1 พระพุทธองค์ท่านไม่ทรงอนุญาต เวลาผ่านไปพระโมคคัลลานะก็มาทูลขออีกเป็นครั้งที่ 2 พระพุทธองค์ทรงห้ามแล้วทรงตรัสในทำนองที่ว่า "อย่าเลย เรากลัวสัตว์ทั้งหลายตกใจสะดุ้งกลัวในขณะที่เธอกำลังขนย้ายสัตว์เหล่านั้นไปอยู่ในโลกจำลองเนรมิต"

ซึ่งถ้าตอนนั้นพระพุทธองค์ทรงประทานพุทธานุญาติ พระโมคคัลลานะก็จะทรงกระทำการสร้างโลกจำลองและขนย้ายสัตว์ไปอยู่อีกโลกหนึ่งจริงๆอย่างแน่นอน ที่นำมาเล่าให้ได้อ่านกันนี้ก็เพราะอยากให้ได้มองเห็นภาพกันสักนิดก็ยังดีว่าอานุภาพของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ปล. ในเรื่องของการสร้างบารมีนี้มีเกร็ดความรู้เล็กน้อยมาให้อ่านกัน คือ สำหรับผู้ที่ปราถนาจะเป็นพระพุทธเจ้านั้นจะต้องสร้างบารมีญาณมาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 20 อสงโขย เพื่อที่จะให้ญาณนั้นได้แก่รอบในทุกด้าน สำหรับพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้พระองค์สร้างบารมีมาตามนี้ คือ คิดในใจว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า 9 อสงไขย / ลั่นวาจาออกมาว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า 7 อสงไขย / และหลังจากได้รับพุทธทำนายครั้งแรกแล้วก็สร้างบารมีมาอีก 4 อสงไขย กำไลอีกแสนกัป อันนี้ว่าด้วยเรื่องของการสร้างบารมีที่จะเห็นได้ว่าไม่ง่ายเลยที่จะทำได้แบบนั้น

 

คาถาในหนัง คนเขียนบทก็ย่อมต้องอ้างอิงกับของที่มีจริงอยู่แล้ว จะได้งมงาย เอ้ย ศรัทธากันเยอะๆ(คาถามีจริง แต่ใช้ได้จริงไหม ไม่รู้)

แต่ที่แน่ๆ คนในโลกเราคงติดพิษตะขาบไฟกันเยอะ ถอนพิษกันเรื่อย